'คุณพ่อพฤษภ์'
คุณโชคขับรถมาส่งน้องเขยกับหลานชายตัวจ้อยถึงบ้าน กว่าจะไปกว่าจะมา พอดีร้านเปิดช่วงเย็น เขาเลยออกปากให้พฤษภ์ลางานอยู่กับลูก
“จะดีเหรอพี่โชค คนมาเยอะด้วย” พฤษภาประคองหัวเล็กที่สัปหงกโงกเงกจนเกือบชนกระจก
“ไม่เป็นไร ยิ่งมีเรื่องแบบนี้ พี่ว่าพฤษภ์น่าจะอยู่คุยกับเมษมากกว่า” เขายิ้ม ลูบหัวอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู
ชายหนุ่มยิ้มรับ พี่โชคเป็นคนดี เพราะผู้ชายคนนี้นั่นล่ะ ทำให้เขาได้รู้จักกับอดีตภรรยา
จริงๆแล้วหลังจากหย่ากัน ความสัมพันธ์กับคนต่างครอบครัวควรจะจบลง แต่เพราะพี่โชคเป็นคนอบอุ่นแล้วก็อ่อนโยนแบบนี้ เขาถึงไปไหนไม่ได้เสียที จะคิดแยกตัวไปทำร้านอาหารของตัวเองตามฝันก็ยังก้ำกึ่ง ได้แต่ผลัดไว้ว่ารอไปเรียนเพิ่มก่อน เอาเข้าจริงอาจจะไม่กล้าทิ้งพี่โชคไปเลยก็ได้
“แจ้บ..” เด็กชายงัวเงีย ยกมือกลมๆขยี้ตา แก้มใสเป็นสีมะเขือเทศสุกเพราะสตูว์พ่อจ๋า
“ไงคนเก่ง” โชคจับแก้มนุ่มนิ่มของน้องเมษ
“เบอร์เกอร์ฮะ” ตื่นปุ๊บ เด็กชายเมษาหาของกินปั๊บ สมแล้วที่มีเลือดพ่อ
พฤษภาหัวเราะ พี่โชคเอื้อมหยิบกระเป๋าเป้สีส้มลายนินจาเต่าที่วางทิ้งไว้ด้านหลังให้ จังหวะหนึ่งปลายจมูกโด่งเฉียดโดนแก้มของคุณพ่อตัวเล็ก คนเป็นพี่เมียเลยชะงักไป
..วันนี้ทำอะไรนะ แกงส้มปลาช่อนทอดงั้นเหรอ..
..อยากกินแกงส้มจังเลย..
“อะไรเหรอครับ” กุ๊กพฤษภ์ประคองตัวลูกชายให้นั่งบนตักดีๆ เห็นพี่โชคนิ่งไปครู่
“เปล่า..ไม่มีอะไร” เขายิ้ม นึกโล่งอกที่พ่อครัวของตัวเองมีกลิ่นเครื่องเทศ
..ถ้าร้านอาหารของเขากลายเป็นร้านขายเค้ก ขนมหวาน ครีมสด..
..คนข้างๆอาจจะมีกลิ่นหอมของวานิลาแล้วหวานไอศกรีมก็ได้..
“หนูอยากกินเบอร์เกอร์” น้องเมษหาววอด เห็นฟันน้ำนมขาวจั๊วะเรียงเป็นระเบียบ
“ก็ได้ ก็ได้” พฤษภายิ้ม หอมแก้มลูกชายฟอดใหญ่
..ชื่นใจจริงๆ ลูกใครไม่รู้ น่าร๊ากก..
“งั้นวันนี้ผมขอลางานแล้วกันนะพี่” เขาหันมาบอก อวดลักยิ้มแก้มบุ๋ม
“อืม..ไม่เป็นไรครับ” โชคยื่นเป้นินจาเต่าให้หลาน น้องเมษรับมาถือแล้วกระพุ่มมือไหว้ตามที่พ่อจ๋าสอน “เป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซน แล้วพรุ่งนี้วันเสาร์ ไปหาลุงที่ร้านนะ”
“มีไอติมกะทิด้วย” น้องเมษความจำดีอยู่อย่างเดียวเท่านั้น
“จ้า ไอติมกะทิอร่อยสุดในสามโลก” คุณลุงใจดีหยิกแก้มนิ่มเบาๆ
พฤษภาอุ้มลูกลงจากรถ ยืนโบกมือบ๊ายบายพี่โชคจนลับสายตาถึงได้ไขกุญแจเข้าบ้าน
บ้านที่พวกเขาอยู่สร้างขึ้นจากน้ำพักน้ำแรง ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก เป็นแค่บ้านเดี่ยวสองชั้น มีสวนเล็กๆพอให้ปลูกต้นไม้แล้วก็พืชผักสวนครัวได้บ้าง รั้วสีฟ้าด้านหน้ากับประตูบ้านวาดลายนินจาเต่าเป็นฝีมือของเขากับน้องเมษเอง
“เรากลับมาแล้วล่ะสหาย” น้องเมษวางกระเป๋าแล้วถลาไปกอดตุ๊กตาเต่าสี่ตัว
พฤษภาอมยิ้ม “มาถอดถุงเท้าก่อนครับ” เขาตบเบาะแปะๆ
เมษาอุ้มเต่าลีโอคาดตาสีฟ้าไว้ข้างหนึ่ง กอดราฟาเอลคาดตาแดงไว้อีกข้าง
“แล้วไมกี้กับดอนล่ะ” ชายหนุ่มพยักพเยิด
เด็กชายเบิกตากว้าง เปลี่ยนมากอดตุ๊กตาทั้งสี่มือแล้วเดินไปหาพ่อ “เดี๋ยวไมกี้น้อยใจ ดอนบอกว่าหนูไม่ค่อยอุ้มด้วย”
“เหรอ..พ่อได้ยินลีโอบอกว่า น้องเมษเล่นชิงช้าวันนี้ยังไม่ได้ล้างมือใช่มั้ย” พฤษภาหลอกล่อ
น้องเมษแก้มแดงแปร๊ด ยื่นลุงเต่าทั้งสี่ให้พ่ออุ้มแล้ววิ่งปร๋อไปห้องน้ำ ได้ยินเสียงลากเก้าอี้ครืดคราดพร้อมกับเสียงเปิดน้ำดังซู่
“บ้วนปากด้วยนะลูก” เขาวางตุ๊กตาลง ตบหัวมันไปคนละที แอบน้อยใจเหมือนกันนะ บางครั้งน้องเมษเชื่อฟังลุงนินจาเต่ามากกว่าพ่อเสียอีก
“เบอร์เกอร์ เบอร์เกอร์” เมษาร้องเป็นเพลง “ถึงเวลาเบอร์เกอร์แล้วสิ ถึงเวลาเบอร์เกอร์แล้วสิ”
“เพลงอะไรน่ะ” พฤษภาหัวเราะ เปิดพัดลมในห้อง
“หนูอยากดูการ์ตูน” น้องเมษชูมือหรา
“วันนี้มีการบ้านมั้ยครับ ทำการบ้านเสร็จแล้วพ่อจะเปิดให้” เขาจะให้อะไรลูกต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอ
เมษาเบะปาก พยักหน้าอย่างจนใจ
“เด็กดีต้องทำการบ้านนะ ไหน เอามาให้พ่อจ๋าดูซิ” กุ๊กพฤษภ์เปิดกระเป๋าลูกชาย
“ครูแหม่มให้คัดกอ ไก่ถึงฮอ นกฮูก”
“เตรียมดินสอรึยัง เอายางลบออกมาด้วยเลยครับ จะทำอะไรต้องเตรียมพร้อม รู้มั้ย เหมือนเวลาพ่อทำกับข้าวไง จะมีเด็กๆเอาของมาวางเต็มครัวเลย” พฤษภายกตัวอย่าง เขาทำท่าผัด ทำเสียงซู่ๆประกอบ “แล้วงานของเราก็จะออกมาดี เสร็จเร็วด้วย”
“พ่อจ๋าทำข้าวอร่อย!” สอนไปตั้งเยอะแต่น้องเมษจำไว้แค่นั้นเอง “เบอร์เกอร์!”
พฤษภาหัวเราะแหะ เลือดนักชิมเข้าเส้นทั้งพ่อทั้งลูก “พ่อจะไปทำเบอร์เกอร์ให้ แต่หนูต้องตั้งใจทำการบ้าน โอเคมั้ย?”
“โอเคฮะ” เด็กชายพยักหน้าก่อนจะทำคิ้วผูกโบว์ “โอเคคืออะไรอ่ะ”
“โอเคแปลว่า ตกลง”
น้องเมษดึงลุงเต่ามาวางข้างตัว ลีโออยู่ซ้าย ราฟาเอลอยู่ขวา ไมกี้กับดอนนั่งบนตักจะได้ไม่น้อยใจ “ตกลงฮะ ตกลงเนอะเต่าไมกี้ ตกลงเนอะเต่าดอน” ยิ้มอวดเขี้ยวกระจุ๋มกระจิ๋ม “ตกลงนะหนูตะเภาเมย์”
พฤษภาสะดุ้งเฮือก ชะงักขาที่กำลังจะก้าวออกไปนอกห้องรับแขก
..หนูตะเภาเมย์!..
“น้องเมษพูดอะไรน่ะ”
“หนูคุยกับลีโอ” ไอ้ตัวเล็กชูเต่าคาดตาสีน้ำเงินขึ้นมาอวด “ลีโอขอกินเบอร์เกอร์ด้วยได้มั้ยฮะ”
กุ๊กพฤษภ์ยิ้มเฝื่อน
..สงสัยหูฝาด..
“น้องเมษจะกินสองชิ้นใช่มั้ย กินไหวเหรอเจ้าอ้วน”
“หนูเปล่ากินสองชิ้น หนูกินชิ้นเดียว อีกชิ้นให้ลีโอ เฟรนช์ฟรายจานหย่ายให้ราฟ วานิลาซันเดย์ให้ดอนกับไมกี้”
“เหรออ” พฤษภาลากเสียงยาว “ตามใจๆ ทำมาแล้วกินไม่หมดล่ะก็..” เขากางอุ้งมือ “จะจับฟัดพุงให้เข็ด!”
ร่างเล็กร้องวี้ด กลิ้งบนโซฟาเพราะพ่อจ๋าก้มลงเป่าท้องดังปู๊ด ยังมีกลิ่นมหาหิงค์อยู่ที่สะดือจุ่นๆอยู่เลย เมื่อคืนสงสัยกินไอศกรีมฟรุ๊ตสลัดเยอะไปหน่อยเลยปวดท้อง ตดดังปู้ดตลอดยันเช้า
พฤษภาฟัดพุงลูกจนเหนื่อย สรุปว่าการบ้านยังไม่ได้ทำ เบอร์เกอร์ก็ยังไม่ได้ทอด “พอแล้ว พอก่อน..เดี๋ยวพ่อหัวใจวาย” เขาหัวเราะ หอบแฮ่ก ไม่ได้ออกกำลังมานานตั้งแต่มีลูก ดีที่ไม่เห็นแก่กิน แค่หลงทำของกินเท่านั้นเอง
“คืนนี้เล่นมวยปล้ำกันนะ นะ น้าา”
“เหอะๆ” เขาส่ายหัว น้องเมษแรงดีไม่มีตกจริงๆ
น้องเมษกลับไปทำการบ้านต่อ ส่วนเขาผละเข้าครัว มีเนื้อหมูอยู่ในฟรีซ เอาออกมาละลายแล้วสับเป็นชิ้น ปรุงเครื่องลงไปใหม่ แอบบดแครอทกับผักสีเขียวใส่แล้วค่อยปั้นเป็นก้อน ทอดอีกครั้งให้ขึ้นรูปกลม คราวนี้เด็กๆที่ไม่ยอมกินผักก็จะเผลอกินผักเข้าไปอย่างอร่อยเหาะ
พฤษภายืนปิ้งขนมปัง ในตู้เย็นมีนมสดอยู่สองแกลลอน เขาให้น้องเมษกินทุกวัน เผื่อจะได้ตัวสูงกว่าพ่อซะบ้าง
“ลูกตัวเล็กเหมือนพ่อเลย”ใบหน้าพลันร้อนวาบขึ้นมาเมื่อนึกถึงคำพูดสบประมาท
“ไอ้ควายเผือก!” กุ๊กพฤษภ์เคี้ยวฟันดังกรอดๆ
..ใครจะไปสูงเท่ามัน ไอ้ผีเปรต..ลองมีเชื้อฝรั่งมันก็ยักษ์ทั้งนั้นล่ะว้า..
..เกลียดของนอกจริงๆพับผ่าสิ..
“ไมกี้ ไมกี้ วันนี้นะ เราถูกหาว่าตัวเตี้ย” เสียงเล็กๆดังลอดออกมาถึงในครัว
พฤษภาวางตะหลิวแล้วแอบมองลูกชาย น้องเมษวางดินสอไม้แล้วหันไปคุยกับเพื่อนในจินตนาการแล้ว
“ใช่มั้ยล่ะดอน เราไม่เตี้ยซะหน่อย เราแค่ตัวนิด” เด็กชายชูนิ้วก้อยอวดลุงเต่า “อีกหน่อยเราก็จะสูงลิ่วเหมือนต้นสน”
เขาอมยิ้ม ว่าจะทำกับข้าวต่อแต่ประโยคถัดมาทำเอาเป็นกังวล
“นี่ราฟ วันนี้เราเอามือจิ้มหน้าเพื่อนด้วย เจ็บนิ้วเลยล่ะ” เมษาทำปากพะงาบ “จอชร้องไห้ด้วย เราตกใจหมดเลย นี่แน่ะ ลองจับหัวใจเรา” มือเล็กดึงตุ๊กตามาแนบอก “เราโกรธจอชอ่ะ จอชปากไม่ดี หาว่าเราเตี้ย แต่เราไม่อยากให้จอชร้องไห้”
ร่างเล็กเอียงหน้าแนบเต่าลีโอ “เราขอโทษจอชแล้ว ถ้าเราไม่ขอโทษ พ่อจ๋าจะถูกคนตัวใหญ่นั่นดุ เรารักพ่อจ๋า”
พฤษภาน้ำตาคลอ
เมษาเข้าเรียนอนุบาลหนึ่งได้เป็นอาทิตย์แล้ว เท่าที่เห็นก็ไม่มีปัญหาอะไรกับเพื่อน แค่ช่วงวันแรกๆไปส่งลูกแล้วมีงอแงอยากกลับบ้านจนปีนหน้าต่างห้องบ้างแต่ก็เป็นอยู่ไม่กี่วันเท่านั้น
..จนวันนี้นั่นล่ะ เรื่องใหญ่สุด..
“แต่ว่าลีโอ อย่าบอกพ่อจ๋านะ” เด็กชายทำเสียงจิ๊จ๊ะแบบจิ้งจก “พ่อของจอชเท่มากเลย ตัวย้ายหย่าย ทำไมพ่อเราไม่สูงแบบนั้นบ้าง ถ้าพ่อจ๋าสูงๆ เราจะให้ใส่กางเกงในสีแดงไว้ข้างนอก เป็นซุปเปอร์แมนเลย!”
คนแอบฟังสำลักน้ำลายตัวเองดังแค่ก เด็กชายเมษาหันควับ วิ่งตุบๆเข้ามาหาจนเขารีบกลับไปหน้าเตาแทบไม่ทัน
“มีอะไรลูก”
“เบอร์เกอร์ของหนู” ร่างเล็กส่งสายตาวิบวับ เกาะขอบประตูห้องครัวท่าทางไร้เดียงสา
..เพิ่งนินทาพ่อตัวเองมาชัดๆ!..
พฤษภายิ้มรับ “เสร็จแล้วครับผม น้องเมษเอาจานมิกกี้ออกมาให้พ่อหน่อยเร็ว”
เมษาพยักหน้าหงึก พอก้มลงเปิดตู้น้ำลายก็หยดแหมะจนต้องซู้ดปาก กลิ่นหอมของเบอร์เกอร์หมูกับขนมปังปิ้งก้อนกลมทำเอาท้องร้องจ้อก “นี่ฮะ” เด็กชายส่งจานหลุมพลาสติกลายมิกกี้เมาส์กับสหายให้พ่อ
“หนูอยากกินมะเขือเทศสดมั้ย” เขาถาม ไม่ได้บังคับ แต่ก็อยากให้ตอบว่าจะกินอยู่ดี
“ก็ได้ฮับ” สงสัยเด็กชายเมษาแก้มแดงไม่พอ พ่อจ๋าเลยอยากให้แดงเท่าตูดลิงแสมเวลาถูกถ่านนาบ คือแดงดับเบิ้ล
..พ่อจ๋าคงชอบอะไรที่มันดับเบิ้ลๆ คูณสองตามสไตล์ เล็กๆไม่ ‘ใหญ่ๆ’ เอา..
พฤษภาหั่นมะเขือเทศสดเป็นวงสอดเข้าไปในเบอร์เกอร์แล้วราดซอสมะเขือเทศจนท่วม น้องเมษเป็นตัวกินซอส ถ้าจะให้กินมะเขือเทศสดก็ต้องกินคู่กับซอสมะเขือเทศถึงจะยอม กระทั่งเฟรนช์ฟรายอันเดียวยังต้องจุ่มซอสเสียชุ่มโชกและแดงฉาน
“เบอร์เกอร์พ่อจ๋าอร่อยที่ซู้ดด” น้องเมษร้องทั้งที่ปากยังเปื้อน
เขานั่งอยู่ข้างๆ คอยตรวจการบ้านว่ามีตัวไหนขี้เกียจคัดหรือแอบนั่งหลับจนเขียนออกนอกจุดไข่ปลา น้องเมษทำได้ดีไม่มีที่ติ ถ้าบทจะตั้งใจแล้ว อะไรก็ผ่านฉลุย
“อร่อยก็กินเยอะๆเนาะจะได้โตเร็วๆ” กุ๊กพฤษภ์ยิ้ม ลูบหัวลูกชายด้วยความรักใคร่
“หนูไม่แบ่งลีโอแล้วนะ จะกินเอง”
พฤษภาหยิบทิชชู่มาเช็ดปากเลอะรอยซอสให้ลูก น้องเมษดูดนิ้วดังจ๊วบ ตอนนี้อายุสามขวบแล้ว ยังเตี้ยม่อต้ออยู่ ดีแต่มีเนื้อมีหนังขึ้นมาบ้าง แก้มกลมอวบ แขนก็มีเนื้อหยุ่นๆ นึกตอนอยู่ในตู้อบไม่ออก ผอมแห้งแรงน้อยแถมยังตัวเล็กลีบเสียเขาเห็นแล้วใจแป้ว
“กินมั้ยฮะ” เมษาแบ่งมะเขือเทศให้พ่อ ตัวเองกินเนื้อหมู
“ไหงเอาของไม่ชอบให้ล่ะนั่น” เขาหัวเราะ “น้องเมษรีบกินนะครับ วันนี้อาบน้ำกับพ่อดีกว่า ไหน..มีขี้ไคลรึยังเอ่ย”
เด็กชายหัวเราะคิกคักเพราะพ่อเล่นปูไต่
“หนูอิ่มแล้ว” หันมาบอกคนที่อ่านสารานุกรมว่าด้วยอาหารนานาชาติ
พฤษภาชื่นใจจนอกพอง ลูกจ๋ากินเบอร์เกอร์เสียเกลี้ยง มีการเลียซอสจนจานขาววับอีกต่างหาก
..เป็นกุ๊กนี่อะไรก็ไม่ดีใจเท่าทำอาหารให้ลูกกิน..
“งั้นไปอาบน้ำกันเนาะ สระผมด้วย วันนี้น้องเมษเล่นมาเหงื่อซ่กเชียว หัวล้านเหม็นเขียว” เขาหอมหน้าผากลูก
เด็กชายตัวจ้อยสลัดผ้าแป๊บเดียวก็เหลือแต่พุงยื่น พฤษภาอุ้มลูกชายเข้าห้องน้ำ จับตัวหย่อนลงในอ่างที่ผสมน้ำทิ้งไว้แล้วหันไปถอดเสื้อตัวเอง
เมษาจ้องเป๋งไปที่ส่วนกลางของพ่อ ตัวป้อมสั้นลุกขึ้นยืนแล้วย่อลง ถ่างขาออกพร้อมกับก้มหัวดูช้างน้อย
“หุๆ หนอนแมลงวัน” พฤษภาแซวเด็ก
“ทำไมไม่เหมือนกัน”
“ก็ของพ่อมันหนอนชาเขียวนี่” เขายืดอกอย่างภูมิใจ ก้าวลงอ่างไปอีกคน
“เมื่อไหร่หนูจะมีหนอนชาเขียวแปะที่ขาบ้าง” น้องเมษตีปีกพั่บๆ แต่ก่อนก็อาบน้ำกับพ่อจ๋า แต่วันนี้เด็กชายเพิ่งสังเกต“อยากได้อ่ะ อยากได้ พ่อจ๋ายกให้ไม่ได้เหรอ”
“ยกให้น้องเมษแล้วพ่อจะใช้อะไรล่ะครับ” เขาขำก๊าก รดน้ำลงหัวลูก สั่งให้หลับตาแล้วเทแชมพูจอห์นสันสีเหลืองอ๋อยลงมือ นวดให้เบาๆจนน้องเมษแทบจะกรน
“อยากได้อ่ะ” ยังไม่วาย
“ต้องรอโตก่อน พอหนูโตแล้ว หนอนมันก็ใหญ่เองล่ะ”
“แบบนี้หนอนพ่อของจอชก็ย้ายหย่ายสินะฮะ”
พฤษภาตีหน้าปุเลี่ยน
..หนอนเผือก..โอ้ก!..
..ขยะแขยง..เกลียดหนอนต่างชาติ!..
..ไม่ใช่ไอ้หนอนต่างชาติเหรอที่ทำเอาเขากลายเป็นซิงเกิ้ลแด๊ดอยู่อย่างนี้น่ะ..
“หมายความว่ายังไง” เขารับโทรศัพท์จากเธอ พอเปิดปากได้ทางนั้นก็ชิงบอกทันทีว่าจะไม่กลับมาอีกแล้ว
น้องเมษเกาะแข้งเกาะขา เขาเพิ่งจะให้ลูกชายลองเสื้อนักเรียนชุดใหม่เอี่ยมหลังจากพาไปสมัครเข้าเรียนเรียบร้อย แล้วจู่ๆไอ้โทรทางไกลกับปัญหาครอบครัวนี่มันมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ เหมือนลมบ้าหมูพุ่งวาบเล่นเอาจะล้มทั้งยืน
‘ไม่ยังไงหรอกค่ะ แต่เวลาของเราคงเดินไม่ตรงกันซะแล้ว’
เขาเคาะตะหลิวกับกระทะเสียงดังเคร้ง เบอร์เกอร์หมูของน้องเมษกระเด็นกระดอนลงพื้น
..ก็หล่อนเอาตัวไปอยู่ซานฟราน มันคงจะตรงกับเวลาเมืองไทยตอนนี้หรอก!..
“พูดมาชัดๆเลย” คนอย่างพฤษภากล้าชนอยู่แล้ว
‘ฉัน..ตกหลุมรักครั้งใหม่กับหนุ่มที่นี่ แล้ว..คุณ..คุณก็ดีเกินไป’
..ขอเถอะเจ๊!..ลืมน้ำพริกตาแดงแมงดาถ้วยเก่าแล้วอย่ามายัดเยียดความดีให้..
..ดีนักแล้วทำไมไม่เอาล่ะเว้ย แบบนี้มันได้กันแล้วไม่รับผิดชอบนี่หว่า!..
“น้องเมษล่ะ” เขาถามได้แค่นั้น
‘ฉันจะโทรมาหาบ่อยๆนะคะ’
“ไม่จำเป็น” เขาเหลือบมองลูกที่กำลังนั่งไถรถแทร็กเตอร์พลาสติกอยู่ “ผมจะเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ให้น้องเมษเอง”..เหอะ..
พฤษภาเบ้หน้า น้องเมษไม่ติดใจสงสัยเรื่องหนอนๆแล้ว “ขึ้นเถอะครับ เดี๋ยวตัวเปื่อย”
“เอาเป็ดไปด้วย” เด็กชายคว้ามือไปทางตุ๊กตุ่นยางสีเหลืองอ๋อย
เขาดึงผ้าเช็ดตัวมาพันท่อนล่างไว้แล้วเอาผ้าห่มตัวล่อนจ้อนของลูกชาย อุ้มเข้าห้องนอนแล้วทาแป้งเด็กเสียหอมฉุย
“นี่ไง กุ้งชุบแป้งทอด”
“น่ากินมั้ย” เด็กชายเมษานั่งตัวกลมอยู่บนเตียง ยกแขนขึ้นเหนือหัวอย่างที่พ่อจ๋าสั่ง วันนี้ชุดนอนเป็นลายโดราเอมอนด้วย กางเกงสลับเป็นอุลตร้าแมนบ้าง ฟ้าแดงตัดกันได้น่าดูชม
“นิทานฮะ”
“โอเค..เอาเรื่องอะไร” พฤษภาใส่ชุดแล้วสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม น้องเมษขยับเข้ามาซุกในอ้อมกอด
“เรื่องบ้านขนมปังแล้วก็เรื่องตุ๊กตาขนมปังขิง” ขนาดนิทานยังมีแต่ของกินเลย
เขาหัวเราะ โยกหัวไอ้ตัวเล็กด้วยความรัก “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว..”
พฤษภาเริ่มเรื่องได้ไม่นาน เสียงเป่าลมดังปื้ดก็ดังมาจากด้านข้าง น้องเมษหลับปุ๋ย เขาประคองให้ลูกนอนกับหมอน เดินไปปิดไฟแล้วกลับมาล้มตัวข้างๆกัน แขนปุ้มปุ้ยวางหมับมาที่เอว
“พ่อจ๋า..เงียมๆ”
รอยยิ้มอ่อนโยนผุดขึ้นเพียงลำพัง หอมแก้มนุ่มไปฟอดอย่างชื่นใจ
“ฝันดีนะตัวแสบ พ่อจ๋ารักน้องเมษนะ”
......
ภาพเด็กๆจาก Mi9 นะคร้าบ
(เพิ่งรู้ว่าเด็กมันน่ารัก กร๊ากก)