อัพสั้นๆตอนเที่ยงวัน เติมเกรียนให้ชีวิตซะหน่อย
Chapter 15 : Who are really you..?
ผมจ้องดวงตาสีน้ำตาลใสอย่างพยายามค้นหา
Who are really you..
ผมเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่า คนตรงหน้าแม่งไม่ได้เกรียนอย่างเดียว มันปัญญาอ่อนด้วย ขี้งอนด้วย..
ผมอุตส่าห์ไม่ถามตัวเองแล้ว ว่าวันนี้ฝ่าด่านป้ายามประจำหอมาหามันทำไมทั้งที่อาจารย์จะต้องโขกสับถ้าไปประชุมเลท
ทั้งที่ผมยังไม่ลืมนึกถึงเรื่องพี่กรีนอะไรนั่น ไม่ลืมภาพเมาเหมือนหมาของมัน
นี่มันเสือกมางอนอีก ทำให้ผมต้องคิดหนักจนได้..
หรือผมอาจจะแคร์มันไปแล้ว..?
แต่แค่ อาจ-จะ เท่านั้นนะ !
“กูต้องรีบไปประชุม เข้าใจมั๊ย..”
ผมอธิบายทำไมวะเนี่ย งงเว้ยเฮ้ย
ดีนะ ที่ไอ้เกรียนมัวแต่ทำท่าอึกอักเหมือนกำลังคิดหาวิธีแก้ตัวกับอาการของตัวมันเองมากกว่าจะมาค้นหาว่าผมรู้สึกยังไง
ไอ้เกรย์นั่งทำหน้าไม่ถูกอย่างกับมันเขิน
..ไอ้ผมก็เหมือนกัน
อึดใจนึงเต็มๆที่เราได้แต่มองกันอยู่อย่างนั้น จนหวังให้ตึกถล่มหรืออะไรก็ได้ จะได้พ้นๆสถานการณ์นี้กันไป
เสียงเปิดประตูดังขึ้น
แล้วผมก็ต้องสวดสรรเสริญใครก็ตามที่เข้ามาช่วยให้เราออกจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัด
“อ้าว เอ่อ พี่”
มันคือ นน คนที่เรียบร้อยๆ เมทอีกคนของไอ้แอร์นั่นเองครับ
นนเหล่มองผมที่นั่งอยู่บนเตียงสลับกับเมทของมันเองที่ถอยไปชิดผนัง แล้วถามขึ้นตะกุกตะกัก
“ผม ผมเข้ามาขัดจังหวะอะไรรึเปล่าครับ”
“เปล่า”
“เปล่า!”
สองเสียงตอบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายทันที
“พี่จะกลับพอดี ไว้เจอกันก็แล้วกัน”
ผมบอกกับนน ที่ก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกันเลย จนเด็กนั่นงงๆ
ก็เคยเจอกันครั้งเดียวที่ร้านเหล้านั่นแหละครับ ที่ผมมาหาไอ้เกรย์เมื่อเช้า นนคนนี้ก็ออกไปอาบน้ำ ไม่ได้เจอกันด้วยซ้ำ
ผมไม่ตำหนิเด็กเนิร์ดนั่นหรอกที่เอ๋อแดก
“ผมจะขึ้นมาถามเกรย์ว่า จะกินอะไรดีครับ ผมจะออกไปหลังมอ เดี๋ยวจะซื้อข้าวมาให้แอร์ด้วย”
ผมได้ยินนนพูดกับไอ้เกรียนระหว่างที่ผมจะเปิดประตู
“กูเอาไก่ทอด แป๊ปซี่ใส่น้ำแข็งแก้วใหญ่ๆ แล้วซื้ออมยิ้มมาด้วยซักสามอัน”
-*-
“มึงป่วยอยู่ไม่ใช่รึไง แดกอะไรที่มันมีประโยชน์หน่อยสิวะ”
ผมหันไปว๊ากมัน
ก็มันอดไม่ได้นี่ครับ ==’
“เอาที่กูว่านั่นแหละไอ้นน ใจมาก”
นั่น มันพูดเหมือนไม่ได้ยินผม ไอ้นี่นอกจากเกรียนแล้วยังดื้อ
“ไม่ต้องซื้ออะไรมาให้มันเลยนน”
ผมสั่ง
สงสาร ก็สงสารน้องแว่นนนครับ เพราะมันมองหวาดๆมาทางผมที ทางไอ้เกรย์ที
“เอาที่กูบอก-”
“ไม่ต้อง”
ผมยื่นคำขาดกลบเสียงเกรียนๆ
นนหันมามองผม “เอ่อ แล้วจะให้เกรย์กินอะไรอะครับพี่ เออ พี่ทศ”
อย่ามาสับสนชื่อกูไอ่แว่น
“ทัศน์”
ไม่ใช่ผมครับ แต่เป็นมัน
ยังมีกะใจแก้ชื่อผมให้ถูก แต่แล้วก็กลับไปเม้มปากเหมือนว่าไม่น่าแก้เลย
“เดี๋ยวจัดการเอง”
ผมบอกนนสั้นๆ
แหม่ รู้สึกว่ากับไอ้เกรย์นี่ผม “เดี๋ยวจัดการเอง” บ่อยจังเฮ้ย
นนหันไปมองเมทมันเป็นเชิงขอโทษ เพราะความกลัวผมจะกระทืบมัน คงมากกว่าความภักดีต่อไอ้เกรียน ฮ่ะๆ
เสียงประตูปิด แต่คนออกไม่ใช่ผมเหมือนทีแรกที่คิดไว้ เป็นนนแทน และทิ้งผมกับร่างบนเตียงไว้ลำพังตามเดิม
“มึงมายุ่งอะไร เรื่องของแดกกูเนี่ย”
มันพ่นทันที
อาการเขินเมื่อกี้หายไปไหนแล้วมึง -*-
“มึงก็แดกอะไรให้มันมีประโยชน์มั่งสิ”
กูไม่ได้กำลังสอนลูกอยู่ใช่มั๊ย
“ป่วยอยู่ แดก’ไรที่กลืนง่ายๆนู่น แม่งจะแดกไก่ทอด”
มันเม้มปาก ไม่เถียงอะไร ผมเลยใส่ต่อ
“เจ็บคอเสือกจะแดกน้ำแข็งกับอมยิ้ม มันทำให้คอแห้งมึงรู้มั๊ย”
ก๊าก ก๊าก
ผมรู้แล้วละ ว่าตอนไอ้เกรียนไปเจอผมป่วยในห้องนี่ มันรู้สึก-กูเหนือ-แค่ไหน
ผมมองหน้าซีดๆนั่นเม้มปากอย่างเถียงไม่ออกแล้วสบายใจแท้ เลวว่ะกู
“มึงน่ะนะ- โอ๊ย!”
ผมกำลังจะใส่ต่อ แต่โดนหมอนปลิวหวือมาอัดหน้าซะก่อน
“ถ้ามึงเทศน์กูอีกแม้แต่กัณฑ์เดียวละก็นะ มันจะไม่ใช่แค่หมอน”
มือมันถือหนังสือปรัชญาเล่มเล็กๆ ขนาดตกใส่แล้วหัวแตกเอาไว้
เล่นแรงจริงไอ้เวรนี่ !
แล้วมันก็ลุกจากเตียง มาหยิบโฟมล้างหน้ากับยาสีฟันเดินตึงๆออกไปจากห้อง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไปด้วย
สะใจครับ ผมสะใจที่ทำมันโมโห ฮ่าๆ
ผมมองไปรอบห้องจะหาที่หย่อนก้น จึงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงไอ้เกรียน
รกครับ.. รกมาก รกจนผมสงสัยว่า เกรย์มันหาอะไรเจอได้ยังไงโดยไม่ใช้คาถาเรียกของ
หนังสือหลายต่อหลายเล่มวางเกะกะบนโต๊ะ เปลือกขนม แม้แต่กางเกงสแลคมันก็อยู่บนนี้ด้วย
ผมนึกถึงว่าถ้าเกิดท่านแม่ผมเดินเข้ามาในห้องนี้ แล้วจะพูดว่าอะไรบ้างก็อดฮาไม่ได้เลย
“ใครนะทัศน์ คนอะไรหยาบคายไร้มารยาท!”
นี่ ผมยังจำคำที่คุณแม่ที่รักบ่นไอ้เกรียนใส่โทรศัพท์เมื่อครั้งแรกที่มันมาอยู่ห้องผมได้อยู่เลย
นอกจากนี้ กระดาษที่เขียนด้วยลายมือหลายต่อหลายแผ่นวางอยู่ทั้งบนโต๊ะและบนเตียง บ้างก็หล่นอยู่บนพื้น
กล่องเหล็กบู้บี้อีกใบวางฝุ่นเขลอะอยู่ หน้าตาเหมือนเพิ่งออกมาจากซอกไหนซักซอก และที่ประจำของมันไม่ใช่บนโต๊ะ
ไอ้เกรียน มึงไม่คิดจะจัดอะไรเลยใช่มั๊ย!? ผมส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
บนฝาผนังมีแผนที่ และรูปสถานที่แปลกๆที่ผมไม่รู้จักแปะเต็มไปหมด ส่วนมากเป็นรูปป่า..
ผมสังเกตเห็น รูปเด็กผู้ชายสามคนแปะแอบๆไว้มุมของหัวเตียงรูปหนึ่งด้วย
ผมโน้มตัวไปดู หนึ่งในนั้นมีดวงตาสีน้ำตาลใสแจ๋วเหมือนไอ้เกรียนเลยนี่หว่า..
ทำไมปล่อยให้รูปฝุ่นจับขนาดนี้วะ
ผมยักไหล่ โน้มตัวกลับและมือก็ปัดโดนบางอย่างร่วงลงพื้น
เคร้ง !
เวร ไม่ใช่ความผิดผมเลยนะ ไอ้นั่นเก็บของเป็นที่ซะที่ไหนวะ
กล่องเหล็กใบเมื่อกี้ร่วงลงพื้น ฝุ่นฟุ้งขึ้นมาทันที
ของข้างในกระจัดกระจายออกมา ผมตกใจ รีบลงมาเก็บ
รูปเด็กสามคนอีกรูปเตะตาผม และอีกรูป อีกรูป ก็มีแต่เด็กสามคนนั้น อยู่บนบกบ้าง ในน้ำบ้าง บนต้นไม้ก็ยังมี จนผมนึกว่าเป็นลิงสามตัว ท่าทางสามเกลอในรูปคงซนน่าดู บางรูปก็มีผู้ชายกับผู้หญิงคู่หนึ่งโผล่มาด้วย
ผมอมยิ้ม.. รูปเก่าๆพวกนี้น่ารักจริงๆ
แล้วก็ให้สงสัยเหลือเกิน ว่าทำไมมันมาอยู่ในกล่องบู้บี้ใบนี้ แทนที่จะใส่กรอบวางไว้ให้ดี
เสียงประตูห้องเปิดออก ไอ้เกรียนเดินกลับเข้ามาในห้อง
เมื่อมันเห็นผมถือรูปนั่นอยู่ก็โกรธขึ้นมาทันที
“ทำเหี้ยไรวะ!”
มันแย่งรูปจากมือผมไป และก้มลงเก็บของอื่นๆที่กระจัดกระจายอยู่
“กูชนมันหล่อนจากบนโต๊ะ กู เออ แค่กำลังเก็บ”
ผมเกาหัว ทำไมต้องโมโหขนาดนี้ด้วยวะ
มันเม้มปาก
แล้วผมก็งงอีกรอบ มันปล่อยของไว้ในกล่องเก่าๆ แต่เก็บทุกอย่างเบามือ ทะนุถนอมเหมือนเป็นของล้ำค่า
ยิ่งรูปพวกนั้น มันเช็คอย่างดีว่าโดนน้ำหรือเลอะอะไรบ้างรึเปล่า
แต่เมื่อปิดกล่อง มันก็ยัดไปไว้ใต้เตียง
“อ้าว แล้วทำไมไม่เอาออกมาจัด หรือใส่กรอบรูปไว้วะ”
ผมถาม แล้วมันก็ยักไหล่ไม่ใส่ใจ
“แค่ขยะ ใส่ทำไม”
แค่ขยะ..
มึงเห็นกูกินหญ้าเป็นอาหารเหรอวะ เมื่อกี้กูชนขยะมึงหล่น ไหงโกรธกูจังล่ะ
มันเช็ดหน้าเช็ดตา คว้าเสื้อลายสก๊อตตัวเบ้อเริ่มมาสวม แล้วเดินออกไปจากห้อง
“อ้าว ไปไหนมึง”
“หา’ไรแดกดิ กูหิวจนกระเพาะลำไส้จะพร้อมใจออกมาเต้นบัลเล่ต์แล้ว โจ๊กถ้วยเดียวกะให้กูอยู่ทั้งวันเลยรึไง”
มันพ่นยาวเฟื้อย ผมจึงลุกขึ้นเดินตามมันไป
“กูจะแดกไก่ทอดด้วย”
มันบ่นพึมพำ
ผมไม่พูดอะไร ในใจเพียงคิดว่าถ้ามันได้แดกไก่ทอดคืนนี้ อย่ามาเรียกผมว่าทัศน์เลย
ต่อ #520