ตอนที่ 73 พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก....
“พี่คะ... มิงค์เนี่ย? ใครเหรอคะ?”
“แฟนเก่าพี่เองค่ะ” นั่นคือคำถามและคำตอบที่ได้เมื่อนานมาแล้ว
ตอนแรกที่รู้ว่าพี่โต้งยังติดต่อกับเธออยู่ หนูร้องไห้บีบน้ำตางอแงอยู่พักใหญ่ จนพี่โต้งให้สัญญาว่าจะไม่ติดต่อกับเค้าอีก พร้อมทั้งใช้ตับเข้าล่อ หนูถึงใจอ่อน ยอมเลิกราไม่ติดใจเอาความอีก ยอมคืนโทรศัพท์ที่ตอนแรกเราแลกกันใช้กลับไปโดยดี
หนูเชื่อใจพี่โต้งมาก ถึงได้ไม่เคยมาตามจับผิดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ชื่อของมิงค์หายไปจากสารบบนานซะจนหนูลืมไปแล้วด้วยซ้ำ แต่นี่อะไร
แทนที่จะลบเบอร์ออกไป พี่โต้งกลับจงใจเปลี่ยนชื่อเพื่อตบตาหนู สัญญาที่เคยให้ไว้ก็เป็นแค่เพียงลมปาก
มันเจ็บ เสียใจจนน้ำตารื้น....
หนูนั่งร้องไห้เงียบๆ คนเดียวหลังจากกดวางสายมิงค์ไปโดยไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น และเธอก็ไม่ได้โทรกลับมาอีก คงเพราะเข้าใจว่าหนูเพียงแค่โทรผิด
“น้องฐา” หนูเงยหน้าที่เปียกปอนไปด้วยหยาดน้ำขึ้นมองคนรัก สูดน้ำมูกฟืดๆ อย่างสะกดกลั้นด้วยสายตาตัดพ้อ
“เป็นอะไร ร้องไห้ทำไมคะ” พี่โต้งปรี่เข้ามาหาด้วยอาการตกใจและเป็นห่วง
คนหลอกลวง พี่ทำแบบนี้กับหนูได้ยังไงกัน คนใจร้าย
ถ้อยคำหมื่นล้านไหลล้นออกมากองกันอยู่ริมฝีปาก มันอัดแน่นแย่งกันตะเบ็งออกมาแต่เอาเข้าจริงมีเพียงเสียงสะอื้นฮัก และกิริยาอาการสะดีดสะดิ้งเบี่ยงตัวออกไม่ยอมให้อีกฝ่ายแตะ
พี่โต้งชะงักมือที่ยื่นค้างมาแตะไหล่แล้วมองหนูด้วยแววตาค้นคว้า
“เรากลับมา...แลกเบอร์กันใช้อีกดีไหมคะ?” หนูเริ่มต้นหาข้อยุติ แทนที่จะตอบคำถาม
“ฮะ? อยู่ดีๆ ทำไมถึงได้อยากจจะแลกเบอร์ล่ะ”
“ก็จะได้ไม่มีใครโทรมาตามกวนใจพี่อีกไง”
“น้องฐาหมายถึงใครกันล่ะ?”
“พี่ก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ ยังจะต้องให้หนูพูดอีกเหรอ ก็แฟนเก่าอกอึ๋มของพี่ไง ได้ข่าวว่ายังหน้าด้านโทรมาขอเงินแฟนชาวบ้านไม่เลิกไม่ใช่เหรอ?”
“น้องฐา เอาอะไรมาพูด...” พี่โต้งยังมีหน้าเฉไฉ ไม่ยอมรับผิดอีก
“ถึงขนาดนี้แล้วยังมาทำไม่รู้ไม่ชี้.... ใจคอพี่จะตบตาหนูไปถึงเมื่อไรล่ะ ใช่สิ พี่เห็นหนูมันโง่มากใช่ไหม ถึงจะทำอะไรลงไป ก็ไม่มีทางรู้ ฮึก...ฮึก.. ถึงกับต้องเปลี่ยนชื่อในโทรศัพท์ไม่ให้หนูรู้ ความจริงพอพี่สัญญาแล้วว่าจะไม่ติดต่อกันอีก หนูก็เชื่อ หนูไม่เคยเข้ามาเชคโทรศัพท์ดูด้วยซ้ำ ถ้าหนูไม่บังเอิญได้ยินพี่โทรคุยกันก็คงไม่รู้ไปอีกนาน พี่ทำอย่างนี้...กับ...หนู..... ได้ยังไง?” หนูปล่อยโฮอีกอย่างสุดกลั้น จนพี่โต้งทำอะไรไม่ถูก พยายามหาทางปลอบ
“ใจเย็นๆ ก่อนนะน้องฐา พี่แค่ไม่อยากให้ไม่สบายใจ ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรสักหน่อย อีกอย่าง พี่เคยบอกไปแล้วว่ามิงค์กับพี่....” หนูรู้ดีว่าพี่เขาจะพูดอะไรมีแค่คำเดิมๆ ซ้ำๆ ทั้งนั้นเลยขัดขึ้นเสียก่อน
“จบกันไปแล้ว ต่อหน้าหนูพี่ก็พูดได้สิ พี่อยู่ที่นี่พี่เป็นตัวของตัวเอง พี่มีหนูรักหนู แล้วพอกลับไปบ้าน พี่มีใคร? ไปหาใครทำอะไรกับใครหนูไม่มีทางรู้ได้เลย ถ้ามันไม่มีอะไรจริงๆ ทำไมพี่ยังต้องให้เงินเธอใช้อยู่อีก ทั้งตอนต้นเทอมที่หนูเห็นทั้งตอนนี้ด้วย แล้วก็ตอนที่หนูไม่รู้อีกกี่ครั้งกี่หน”
“พี่มีเหตุผลนะ ถึงต้องให้”
“เหตุผลนั้นมันคืออะไร ถ้าไม่ใช่พี่ยังรัก ยังห่วงเค้าอยู่”
“ไม่...พี่ไม่ได้รักมิงค์แล้วจริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า เป็นเพื่อน และคนรักเก่า..เท่านั้นจริงๆ”
“ถ้างั้นทำไม... แค่หนูขอแลกเบอร์แค่เนี้ยพี่ต้องลำบากใจด้วยล่ะ? หรือพี่ต้องให้หนูโทรไปบอกเค้าเดี๋ยวนี้ว่าห้ามมายุ่งกับคนของหนูอีก” หนูบอกพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นแต่พี่โต้งจับมือหนูไว้ส่งสายตาวอนขอ
“น้องฐา ไม่เอาน่า....”
“ถ้าอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง หนูจะแน่ใจได้ยังไงว่ามันจะจบจริง ในเมื่อพี่ก็เคยสัญญาแล้วว่าจบพี่ก็ผิดสัญญาแบบนี้”
“น้องฐา...” พี่โต้งเรียกชื่อหนูเสียงอ่อย แล้วก็นิ่งไปอีก ดูลำบากใจที่จะพูด
“พอเถอะค่ะ ถ้าพี่ไม่มีคำอธิบายอะไรมากกว่านี้ หนูรู้ดี แค่เงินพันสองพันคงไม่สะเทือนขนหน้าแข้งพี่หรอก หนูแค่เสียความรู้สึก ถ้าหากพี่คิดจะเป็นป๋ากระเป๋าหนักแจกเงินใครๆ ไปทั่ว เพื่อนเก่าแฟนเก่าแบบนี้ หนูก็จะถือว่าของที่พี่ให้หนูมันเป็นแค่เศษเงินของพี่เท่านั้นเอง ไม่ได้มีค่าอะไรทั้งนั้น”
หนูลุกขึ้นเดินไปหยิบโน้ตบุกที่วางไว้ในห้องนอนรวมทั้งโทรศัพท์มือถือที่พี่โต้งซื้อให้มาวางที่โต๊ะกลางห้อง
“หนูไม่อยากได้เศษเสี้ยวความใจดี ที่สักแต่ว่าเอาเงินซื้อฟาดหัวให้ หนูคืนให้แล้วกัน....”
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
“โธ่อีฐา.... กูรู้ว่าตอนสอบน่ะมันอึดอัด ที่เค้าบังคับให้ต้องใส่ชุดนิสิตชาย แต่มึงก็ใส่เสื้อคลุมมาจนคนเค้าก็ไม่รู้ซะหน่อยว่ามึงแต่งตัวยังไง สอบแค่ไม่กี่วันเองไม่น่าจะเก็บกดถึงขนาดว่าพอได้กลับมาแต่งหญิงแล้วต้องเล่นซะเป๊ะขนาดนี้ซะหน่อยนะ” เสียงอีหมอกแพล่มยาวนานเมื่อเห็นหนูนั่งลงข้างๆ ในคาบเรียน ด้วยชุดนิสิตฟิตเปรี๊ยะ กับกระโปรงสั้นแค่คืบ ใบหน้าที่แต่งแต้มโฉบเฉี่ยวกว่าทุกๆวัน
“ช่วยไม่ได้ ก็กูไม่ได้ทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้มาตั้งนานแล้วนี่” หนูตอบกลับเรียบๆ
“ก็ไหนแกบอกว่าพี่เค้าไม่ชอบเห็นแกแต่งตัวแบบนี้ไง แล้วนี่ผ่านกบว. มาได้ไงเนี่ย”
“พี่เค้ายังไม่ตื่น ก็เลยขับรถมาเอง”
“อ้าว แล้วไม่กลัวโดนชำระคดีเอาทีหลังเหรอ?”
หนูนิ่ง ไม่ได้ตอบ หนูโมโหมากเกินกว่าจะคิดเรื่องนั้น ตราบใดที่พี่โต้งยังไม่เลิกยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น หนูก็จะไม่ยอมทำตัวเป็นสาวน้อยไร้เดียงสา ว่านอนสอนง่ายบอกอะไรก็ฟังอีกแล้ว....
นี่ก็ทุ่มกว่าแล้ว ความที่โมโหพี่โต้งเลยยังไม่ยอมกลับกะว่าจะให้อีกฝ่ายเป็นเดือดเป็นร้อนเป็นห่วงซะให้เข็ด ที่ไหนได้ พอคิดจะกลับขึ้นมาจริงๆ รถน้องฐาก็ดันมายางรั่วอยู่ข้างทางซะได้
งานงอก!! พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก นี่มันอะไรกันคะ?
เลยปีใหม่มาแล้วแท้ๆ ทำไมน้องฐายังดวงตกอยู่อีกไม่เข้าใจเลย
ทำไงได้ ชีวิตมีแต่กระเป๋าเงิน โทรศัพท์ก็วางทิ้งไว้ที่ห้องด้วยความทิฐิ ติดต่อใครก็ไม่ได้เลย ซวยได้อีก และแล้วน้องฐาคนงาม ทั้งๆ ที่แต่งตัวเช้งวับเลยต้องมาเดินเข็นเวฟของตัวเองเข้าไปยังซอยข้างมอ.... ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีร้านปะยางอยู่ตรงไหน ฮือ...
ระหว่างที่กำลังเข้าตาจนนั้น ก็ มีมอ’ไซค์คันหนึ่งเลี้ยวมาจอดช้างหน้า หนูหยุดเข็นรถแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา
“อ้าว...นึกว่าสาวน้อยที่ไหน ฐาเองเหรอ” พอหนูเห็นเขาเท่านั้นมันก็ดีใจจนน้ำตาจะร่วง
“เดย์......”
เดชะบุญที่ได้เจอกัน โชคดีปนโชคร้ายที่เขาหายเคืองหนูแล้วถึงได้ช่วยเหลือสุดความสามารถ หลังจากเข็นรถมาตั้งไกลก็พบว่าเข็นมาผิดทาง ร้านปะยางอยู่อีกทางหนึ่ง เดย์ก็ช่วยโทรหาเพื่อนที่มีรถกระบะมาช่วยขนรถไปที่ร้านให้ ปะยางก็คงใช้เวลาสักระยะ แต่หนูเองไม่อยากรอเพราะมันเหนื่อยแทบขาดใจ เลยตกลงทิ้งรถไว้ที่ร้านแล้วค่อยมาเอาวันหลัง
“โอเค งั้นเดี๋ยวเราไปส่งฐาที่คอนโดนะ” เดย์หันมาบอกเมื่อหนูตกลงใจไม่รอให้เขาประยางจนเสร็จ
“จ้ะ ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไร แล้วนี่กินข้าวมายัง”
“ยังเลยอ่ะ ทั้งเหนื่อยทั้งหิว”
“เหรอ? ไปกินข้าวกันก่อนไหม หรือว่าจะต้องกลับไปกินกับพี่เค้า” เดย์ถามมิวายหยั่งเชิงด้วยใบหน้าที่เศร้าลง
พูดถึงพี่เค้า... หนูยกข้อมือขึ้นดูเวลา นี่ก็ปาเข้าไปสามทุ่มกว่าแล้ว ป่านนี้โมโหจนเลือดขึ้นหน้าแล้วมั้งเนี่ย...
แต่ช่างเถอะ สมน้ำหน้า... โมโหให้ตายไปข้างนึงเลย....
“ไม่ล่ะ พี่เค้าคงกินแล้ว ไปกินข้าวด้วยกันก่อนก็ดี เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง....”
.
.
.
.
.
“ขอบคุณมากนะเดย์ สำหรับวันนี้” หนูบอกเดย์เมื่อเขาขับรถมาส่งที่หน้าคอนโด ตอนราวๆ สี่ทุ่มกว่าแล้ว...
“อือ สำหรับฐา เดย์ยินดีเสมอ” เขาบอกแล้วยิ้มกว้าง เอ่ยปากบอกลา... “งั้นเดย์กลับเลยนะ”
“จ้ะ ขับรถดี ๆ นะ” หนูยกมือขึ้นโบกเบาๆ พร้อมยิ้มหวาน เมื่ออีกฝ่ายขับรถออกไปแล้ว หนูถึงหมุนตัวกลับเดินเข้าไปในคอนโดพบว่าพี่โต้งยืนทำหน้าถมึงทึงรออยู่แล้ว หนูไม่ได้พูดอะไร พี่เค้าก็ไม่ได้ถามอะไร พวกเราต่างขึ้นลิฟท์ไปที่ห้องอย่างเงียบๆ
แต่พอถึงห้องเท่านั้นแหละ ความเงียบมันก็หายไปทันที...
“เจริญล่ะ.... ไอ้เรารึ ก็เป็นห่วงไปสิ ไปไหน ทำอะไร จะเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมถึงยังไม่กลับ โทรศัพท์ก็ไม่เอาไป ติดต่อไม่ได้ วนกระวายใจจนแทบเป็นบ้า แต่ที่ไหนได้ น้องฐากลับไประริกระรี้ อยู่กับไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่น ไม่รู้ร้อนรู้หนาว แล้วดูแต่งตัวเข้าสิ ไม่มีความอายเลยใช่ไหม? หรือคิดว่าไม่ทำแบบนี้แล้วมันไม่ยั่วยวนมากพอล่ะ?” คิดอยู่แล้วเชียวว่าต้องโมโห แต่ไม่คิดว่า ระเบิดจะลงติดต่อกันกระหน่ำหลายลูกขนาดนี้ ...
“พี่อย่ามาหาเรื่องหนูดีกว่า วันนี้หนูเหนื่อยแล้วก็เพลียมากด้วย ไม่อยากทะเลาะด้วยหรอกนะ” หนูตัดบทด้วยการเดินหนีจะเข้าไปหาเสื้อผ้าเตรียมตัวอาบน้ำนอนเพราะความอ่อนล้า....
“เหนื่อย เพลีย? ไปทำอะไรมาล่ะถึงได้กลับมาดึกดื่นป่านนี้” แต่อีกฝ่ายยังไม่เลิกราเดินตามมาจับแขนหนูไว้ด้วยอารมณ์โกรธกรุ่น พร้อมคำถามที่ต้องการคำตอบ
“ทำอะไร? พี่คิดว่าจะหนูจะทำอะไรล่ะ? หรือพี่คิดว่าหนูจะแอบนอกใจพี่เหมือนอย่างที่พี่นอกใจหนูอย่างงั้นเหรอ? งั้นก็แล้วแต่จะคิดเถอะค่ะ” หนูตอบ อย่างไม่ใส่ใจจะแก้ต่างให้ตัวเอง ใบหน้างอง้ำมองเมินไปทางอื่น
“น้องฐา! ทำไมถึงพูดแบบนี้” พี่โต้งตวาดออกมาเสียงดังด้วยความโกรธจัด อุ้งมือที่ยึดแขนหนูไว้บีบแน่นจนเจ็บ
“ไม่ต้องมาเรียก พี่ไม่มีสิทธิ์จะมาว่าว่าอะไรหนูทั้งนั้น ในเมื่อตัวพี่เองยังเคลียร์ตัวเองไม่ได้ ทำตามที่หนูขอร้องไม่ได้ หนูก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังพี่อีกต่อไป”
“แล้วน้องฐาก็เลยคิดจะประชดพี่ด้วยวิธีการแบบนี้งั้นเหรอ คิดจะไปนอนกับมันเพื่อทำให้พี่โมโหงั้นเหรอ? งั้นก็รู้ไว้เลยนะว่าพี่โมโหมากด้วย” พี่โต้งบอกด้วยเสียงกร้าว เขย่าแขนหนูอย่างแรง จนหัวสั่นหัวคลอน
“อย่า...มา...ดูถูกหนูอย่างนั้น เพราะหนูไม่ทำอะไรสิ้นคิดอย่างนั้นหรอก หนูไม่เถียงว่าหนูอาจจะเคยเคลิ้มบ้างเผลอไผลไปบ้างเพราะตอนนั้นหนูยังเด็ก แต่ท้ายที่สุดแล้วหนูก็ไม่เคยมีอะไรกับคนไม่ได้ใช่แฟนนะ”
“อ๋อ...เหรอคะ? แล้วคนที่น้องฐานับว่าเป็นแฟนน่ะ มันมีกี่คนล่ะ เป็นสิบ หรือเป็นร้อย พี่จะได้ทำใจถูก”
เพี้ยะ!!
น้ำตาหนูหยดเผาะดวงตาพร่ามัวขณะมองคนที่ตัวเองรักหน้าหันไปตามแรงตบ
หนูผิดเอง... ผิดที่พยายามสร้างภาพว่าตัวเองเข้มแข็ง เจนโลก ช่ำชองเรื่องอย่างว่า ที่จริงสมัยนี้เค้าไม่ได้ถือกันแล้วแหละ เพราะเรื่องเซ็กมันกลายเป็นเรื่องธรรมดา แม้แต่เด็กม.ต้นสมัยนี้ยังไม่ซิงกันแล้ว ใครจะว่ายังไงก็ช่างหนูไม่แคร์ แต่เวลาถ้อยคำหยามหยัน ดูแคลนเหล่านั้นมันออกมาจากปากคนที่ตัวเองรัก
ทำไม มันถึงได้เจ็บ แสบ คับแค้นใจได้ถึงขนาดนี้
พี่โต้งนิ่งค้างผ่อนลมหายใจช้าๆ แล้วหันมอง รอยยิ้มที่เคลือบอยู่อย่างเสแสร้งทำเอาหัวใจแกว่งไหว
“โกรธเหรอคะ? พูดเรื่องจริงแค่นี้ทำมาเป็นโกรธ หรือแค่แกล้งตบเพราะอยากสร้างบรรยากาศ ตามแบบพวกหนังตบจูบ...หือ?”
พี่โต้งกัดฟันถามด้วยถ้อยคำหวานแหววแต่ฟังดูแปลกแปร่งและน่ากลัว อ้อมแขนที่โอบรัดร่างของหนูมันแนบแน่นกว่าปกติ ทั้งร้อนและอึดอัด
ริมฝีปากที่ฉกวูบลงมาหารุนแรงและจาบจ้วง หนูพยายามขืนตัวออกต่ก็ไม่เป็นผล
“อื้อ..อื้อ...” หนูส่งเสียงครางในลำคอได้แค่นั้น ไม่มีสิทธิ์เอ่ยปากประท้วงหรือห้ามปรามใดๆ ได้อีกเลย....
นารินตัวน้อยๆ เท่านี้หรือจะมีแรงต้านทานคาวีได้
และเราก็มีเซ็กกันทั้งๆ อย่างนั้น หากแต่มันไม่เหมือนทุกๆ ครั้งที่เรื่องอย่างว่ามักจะช่วยประสานรอยร้าว และปรับความเข้าใจ หากแต่มันกลับทำให้เรื่องราวเลวร้ายลงไปอีก ด้วยซ้ำ.....
รสจูบกลับร้อนแรงจนแทบคลั่ง มันกลับไม่ได้หอมหวานอย่างเคย แต่ทำไมมันทำให้ปวดแปลบที่หัวใจอย่างนี้
จูบ อย่าคิดว่าไม่สำคัญ
จูบเบาเบาเท่านั้นยังทำฉันสั่นดังฟ้าสะเทือน
คุณเป็นคนจูบ อย่าลืม อย่า เลือน
รักไม่จริงก็อย่ามาเฉือน หัวใจฉันด้วยจูบเลยTBC:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
เอ๊ะยังไง...... ดราม่ามาเต็มตอน