31 ก.ค. ตื่นมารอโทรศัพท์กายตั้งแต่ตอน 10.30 น. รอจนถึง 11.20 ก็ไม่มีวี่แวว เลยลองโทรไปเอง ได้ความมาว่า
"กายเพิ่งตื่น ขอเวลาอาบน้ำ ทานข้าวก่อนแล้วจะโทรหาอีกที" แล้วไม่นานหลังจากที่น้อบอกให้คอย กายก็โทรมาให้มารับที่บ้านครับ วันนี้กายแต่งตัวน่ารักดีครับ เสื้อคอปกแขนสั้นสีดำมีลายคาดแดงเล็กน้อยที่แขนเสื้อยี่ห้อ Adidas กางเกงขาสั้นสีดำลายรับกัน น่าจะเป็นชุดที่เค้าขายเป็นชุด ( ทั้งเสื้อ และ กางเกง ) ส่วนรองเท้ากายใส่เป็นรองเท้าผ้าใบสีดำคาดแดงเช่นกัน
พอกายขึ้นรถกายก็บอกว่า
"วันนี้พลอยมาด้วย พลอยบอกให้รอหน้า KFC" แล้วผมก็คุยกับกายแบบเรื่อยเปื่อยไปจนถึง KFC พอถึงผมกับกายก็ไปยืนรอพลอยใน KFC ก่อนที่ผมจะถามกายว่า
"หิวอะไรอีกไหม?"กายหันมามองผมยิ้มๆแล้วพูดว่า
"ผมทานข้าวผัดมาแล้ว""อืมมม ข้าวผัดอะไรเหรอ"
"ข้าวผัดไข่ครับพี่"
"บำรุงดีจริง"
"ทานอีกก็ได้ พี่ทานด้วยกันนะ" กายพูดพลางยิ้มๆ
"อื่อ ก็ได้" แล้วผมกับกายก็เดินไปสั่งที่เค้าเตอร์ ผมเอาข้าวเขียวหวานไก่ ส่วนกายเอาข้าวยำไก่แซบ พอสั่งเสร็จถึงตอนจ่ายเงิน....กายควักใบพันออกมายื่นให้พี่พนักงานอย่างรวดเร็วแล้วบอกว่า
"คิดรวมครับ"
"คิดแยกครับพี่" ผมรีบบอกพี่พนักงานทันที
"ไม่ต้องครับ คิดรวมเลยพี่"
"ไม่ๆ แยกบิลครับ" ระหว่างที่ผมกับกายเกี่ยงกันนั้นพี่พนักงานคงอยากเอาเครื่องคิดเงินฟาดหัวพวกผมอยู่แน่ๆ ทว่ากายก็จบการเกี่ยงกันไปมาครั้งนี้ด้วยคำพูดที่ว่า
"พี่เอ...มื้อนี้มห้ผมเลี้ยงพี่เถอะ ถ้าพี่ไม่ยอมผมน้อยใจนะ" กายหันมาพูดด้วยสีหน้าแอบเครียดนิ๊ดหนึ่ง
"เอ่อ...จะว่าอะไรไหมถ้าพี่จะบอกพวกเราว่า จ่ายรวมแล้วไปจ่ายให้กันทีหลังก็ได้" พี่พนักงานสาวสวยพูดขึ้น ผมกับกายหันไปยิ้มให้พี่เค้าแบบประมาณว่าวางตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
หลังจากได้ข้าวแล้วผมกับกายก็เดินไปหาโต๊ะนั่งทาน แต่ยังไม่ทันจะได้ทานคำแรกพลอยก็มาแล้วผมกายพลอยก็นั่งคุยกันอย่างสนุกสนานถึงเรื่องทั่วๆไป ระหว่างที่คุยพลอยก็บอกว่ามีเวลาถึงแค่บ่ายโมงเพราะต้องไปเรียนพิเศษต่อ ส่วนกายก็มีเวลาถึงบ่ายสองก่อนจะไปเรียนพิเศษต่อเหมือนกัน หลังจากทานข้าวเสร็จ กาย เลยรีบเดินนำไปที่ห้องคาราโอเกะอย่างไว ก่อนจะเริ่มเลือกเพลงร้องกันอย่างสนุกสนาน อ่อ...ค่าห้องนี้ผมออกกับกายคนละครึ่งครับ ระหว่างเลือกเพลงกายก็หันมาถามผมตลอดว่า
"เพลงนี้พี่ร้องได้ไหม" เพลงส่วนใหญ่ที่กายเลือกกายจะให้ผมร้องด้วย ส่วนพลอย ส่วนมากจะร้องคนเดียว มีบางเพลงที่กายแจมบ้าง
แล้วช่วงเวลาแห่งความสุกก็จบลงอย่างรวดเร็ว แต่ถึงจะเร็วยังไงก็ทำให้พลอยไปเรียนพิเศษช้าไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ระหว่างทางที่เดินลงมาทางลานจอดรถ กายก็ถามขึ้นว่า
"พลอยเคยบอกว่าพี่เอเจ็บเข่าเหมือนว่านเหรอครับ"
"อื่อ ใช่ แต่ว่านเข่าเสียเร็วกว่าพี่อีก อายุ 14 เอง เจ็บขนาดนั่งคุกเข่ายังปวกเข่าเนี่ยะหนัก" ผมหันไปตอบกาย
"แล้วพี่เอดูแลตัวเองยังไงเหรอครับ" กายหันมาถามต่อ
"ก็ไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองเท่าไหร่อะครับ ฮ่ะๆๆ"
"ใช่ซิ ไม่ค่อยได้ดูแลตัวเอง เพราะมัวแต่ดูแลใครก็ไม่รู้ อิอิอิ" พลอยพูดขึ้นพลางหัวเราะ
"ดูแลใครเหรอพี่" กายถามด้วยน้ำเสียงสนใจไม่น้อย
"ไม่มีอะไรหรอก พลอยเค้าแซวเล่นหน่ะ"
"เหรออออ อิอิอิ" พลอยพูดพลางหัวเราะชอบใจ
หลังจากส่งพลอยเสร็จผมก็ไปส่งกายต่อ....วันนี้รวมๆสนุกดีครับ กายดูร่าเริงดี ค่อนข้างจะร่าเริงตลอดเวลาด้วย แถมพออยู่ด้วยจริงๆกายค่อนข้างจะดูแลแล้วก็ใส่ใจทุกคนมากๆ ถ้าเราไม่ให้เค้าใส่ใจจะมีแอบบ่นน้อยใจด้วย อ่อ กายมี PSP สีขาว เหมือนผม แถมเน้นใช้ฟังเพลงเหมือนกันอีก อิอิอิ แล้วก็...จะว่าไป...บี...ว่าน....กาย....หน้าตาคล้ายๆกันแฮะ หรือว่าเด็กไทยเชื้อสายจีนจะหน้าตาโทนเดียวกันหมดอยู่แล้ว
1 ส.ค.01.43 น. จู่ๆสาวที่กายชอบก็ทัก FaceBook ผมมา....ตอนนี้ก็ยังนั่งคุยกับผมอยู่........
02.53 น.คุยเสร็จแล้วครับ แอบไปนอนก่อน ง่วงมากมาย...
เมื่อวานได้คุยกับสาวที่กายชอบ คุยนานอยู่ครับ เท่าที่รู้คือสาวที่กายชอบนั้นเค้าก็บ่นๆว่าเค้าเองก็สงสารกายเพราะเค้าไม่มีเวลาให้กายเลย ไม่มีเวลาดูแลกายเลย แต่กายก็ยังตามดูแลใส่ใจเค้าอยู่เรื่อยๆ แถมน้องสาวคนนี้ยังมีท่าทีเป็นห่วงกายมากๆตอนที่ผมบอกว่ากายไม่สบาย แถมยังบ่นๆด้วยว่ากายไม่เห็นบอกเค้าเลย พอผมบอกว่ากายอาจไม่อยากให้เค้าเป็นห่วง เค้าก็บ่นไปว่า
"ยิ่งไม่บอก ยิ่งเป็นห่วง" แล้วน้องเค้าก็บ่นๆเรื่องที่ว่ากายเองสุขภาพไม่สู้ดีเท่าไหร่ ป่วยบ่อยๆ อืมมม ดูว่าน้องเค้าเองก็ใส่ใจกายมาก ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าที่กายใส่ใจเค้าเลยน่าอิจฉานะครับ ฮ่ะๆๆ
วันนี้ตอน 10.46 น. กายส่ง SMS มาบอกผมว่า
"พี่เอครับ ผมผ่านสังคมอะ" อืมมมม กับกาย....เป็นน้องชายก็ดีอยู่แล้วมั้งครับ...
แล้วก็....อีก 7 วัน ก็ถึงวันคล้ายวันเกิดว่านแล้ว....
2 ส.ค.ช่วงค่ำๆของวันที่ 1 ส.ค.
กาย :
สวัสดีครับกาย :
สวัสดีครับเอ :
อ่าว มาตั้งแต่เมื่อไหร่กาย :
สักพักแล้วครับเอ :
เหรอ ทานข้าวยังกาย :
กำลังจะทานครับเอ :
อื่อ ทานเสร็จค่อยคุยต่อก็ได้กาย :
ครับ10 นาทีผ่านไป
กาย :
พี่เอกาย :
พี่เอกาย :
พี่เอเอ :
ครับกาย :
เสร็จแล้วพี่เอ :
เหรอ ทานอะไรวันนี้กาย :
ผัดไทยครับเอ :
ทานเยอะไหมวันนี้กาย :
ไม่พี่เอ :
ทำไมล่ะกาย :
มันรู้สึกอิ่มๆ จุกๆเอ :
เพราะมีเรื่องดีใจ หรือ เศร้าล่ะกาย :
เศร้ามากกว่าพี่ แล้วก็เป็นอีกวันที่กายพูดถึงเรื่องสาวที่เค้าชอบ...หัวข้อเดิมคือเค้าไม่มีเวลาให้ แล้วก็เป็นอีกวันที่ผมนั่งพิมพ์ปลอบกายบน FaceBook จากที่ฟังดูเหมือนว่ากายกับผู้หญิงคนนี้น่าจะมีปัญหาอะไรที่กายไม่ได้บอกผมอยู่ เพราะดูว่าผู้หญิงคนนี้ถึงจะดูเป็นห่วงกายมากๆ แต่กับกายเค้ากลับปฏิเสธที่จะไปไหนมาไหนกับกายตลอด ไม่ว่าจะเป็น ดูหนัง ทานข้าว หรือ แม้แต่ไปเดินเล่น ทั้งๆที่ถ้าเป็นคนอื่นชวนเค้าจะมีเวลาว่างให้ตลอด เว้นแค่กายเท่านั้นที่เค้าไม่เคยว่างให้เลย
อืมม...วิธีเดียวที่กายจะเล่าให้ผมฟังในส่วนที่ขาดหายไป...คือผมต้องเล่าเรื่องของผมก่อนเพราะกายรู้ว่าผมยังตัดใจจากคนๆหนึ่งไม่ได้ แต่กายไม่ไม่รู้ว่าใครแค่นั้นเอง ผมเริ่มเล่าเรื่องว่านให้กายฟังแบบอ้อมๆ ไม่พูดชื่อ หรืออะไรที่เป็นตัวบ่งว่าคนที่ผมพูดถึงคือว่าน ผมบอกกายแค่ว่าผมทำอะไรให้เค้าบ้าง และ ผมรักเค้ามากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ต้องจากกันไปแบบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องจากกันเพราะเรื่องอะไร หลังจากที่ผมเล่าให้กายฟังจบ กายก็พิมพ์บอกผมว่า
"พี่...ผมขอโทรหาพี่นะ" ไม่นานหลังจากพิมพ์กายก็โทรมา แล้วสุดท้ายกายก็ยอมเล่าในส่วนที่กายไม่เคยพูดถึงออกมาเอง
"จริงๆผมเคยคบกับเค้าทีหนึ่งแล้ว ตอนนั้นผมอยู่ ป.6 ปลายๆ คบเค้าจนถึง ม.1 เทอมแรก แต่พอดีว่าผมคบควบสองคน ผมผิดเองแหละที่ทำแบบนั้น พี่....บางทีคนเราจะรู้ว่าอะไรมีค่ามากที่สุดสำหรับเรา บางครั้งก็ต้องเสียมันไปก่อน จริงไหมครับ" กายเล่าด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
"อื่อ...พี่ว่าแล้วเชียวว่าต้องมีอะไรที่กายยังไม่บอกพี่แน่ๆ เค้าคงยังโกรธอยู่มั้ง แล้วทำไมถึงได้คบกันอีกล่ะ" ผมถามกายต่อ
"ก็...ผมเจอเค้าบ่อยๆ....ก็นะพี่ผมเองก็ยังคิดถึงเค้าอยู่ ผมเลยมาขอคบเค้าใหม่ แต่เค้ายังไม่ตอบรับอะไรกลับมา แถมชวนไปไหนก็ปฏิเสธตลอดอีก""เค้าอาจยังโกรธอยู่ก็ได้มั้ง ผู้หญิงโกรธทีโกรธนานหน่ะ เคยได้ยินป่ะ ผู้หญิงลืมยาก" ผมพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงออกไป
แล้วกายก็บ่นน้อยใจต่อไป...ตอนหลังๆผมเลยลากกายไปคุยเรื่องอื่นแทน คุยไปคุยมากายร้องเพลงให้ฟังด้วย แต่คงจะร้องดังไปจนคุณพ่อน้องกาย รู้ว่าน้องกายยังไม่นอน เลยเปิดประตูมาว๊ากให้น้องกายไปนอน 1 ยก แต่กระนั้นน้องกายก็ยังไม่นอน ยังกลิ้งไปกลิ้งมาคุยกับผมบนที่นอนต่อ....ที่รู้ว่ากลิ้งเพราะมีกลิ้งทับ small talk ด้วย จากนั้นประมาณ 10 กว่านทีได้ คุณพ่อน้องกายก็เข้ามาว๊ากให้น้องกายนอนอีกรอบ แต่คราวนี้เหมือนว่าคุณพ่อน้องกายจะรู้ว่าน้องกายโทรศัพท์ แต่น้องกายก็ปฏิเสธไปว่าไม่ได้คุย แต่ฟังเพลงอยู่ เพราะดีเลยร้องตาม จากนั้นกายก็คุยกับผมต่อ ผมเห็นว่ามันดึกแล้ว...ผมเลยตัดบทไปว่า
"เดี๋ยวพรุ่งนี้คุยกันต่อเน๊าะ มีเรื่องอะไรจะคุยจดหัวข้อไว้เลยแล้วกัน เน๊าะๆ" กายตอบมาว่า
"ก็ได้ครับพี่ คืนนี้พี่ก็ฝันดีนะครับ""อื่อ กายด้วยนะ ฝันหวานๆ""ฝันหวานมากเดี๋ยวมดขึ้นทำไงพี่""งั้นก็ฝันต่อว่าไปซื้อซันเจี่ยมาแล้วกัน มดจะได้ไม่มายุ่ง"
"อิอิอิอิ" กายหัวเราะชอบใจ
วันนี้ผมกับพี่ป้อมไปขนอุปกรณ์ที่มหาวิทยาลัยมาไว้ที่ยิมครับ หลังจากหนังสือที่ผมส่งไปได้รับการตอบรับเรียบร้อย แล้วผมก็พาพี่ป้อมไปแนะนำตัวกับอาจารย์ที่ดูแลกิจกรรมสายพละด้วยโดยก่อนพาไปแนะนำผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงกำชับกับพี่ป้อมว่า
"อย่าพูดว่าเราเกี่ยวข้องกับโค้ชคนเก่านะครับ ถ้าบอกว่าไม่รู้จักได้จะดีมากเลย" ตอนแรกที่ผมบอกแบบนั้นพี่ป้อมก็ทำหน้า งงๆ ส่วนอุปกรณ์ที่ยืมมาก็มีพื้นยางสำหรับฝึกซ้อมกีฬา (พื้นจิ๊กซอว์) จำนวน 194 แผ่น รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆอีกมากมาย ระหว่างที่ขนของพอพี่ต้อมรู้ว่าพี่ป้อมกับโค้ชคนเก่าไม่เกี่ยวกัน พี่ต้อมก็เล่าประวัติของโค้ชให้พี่ป้อมฟังอย่างถึงพริกถึงขิงเลยทีเดียว ตั้งแต่เอาของไปไม่คืน กระทั้งที่แอบไปสั่งของเกินงบแล้วไม่รับผิดชอบ หรือ แม้แต่เรื่องที่ไม่เข้าประชุม จนพี่ป้อมถึงบางอ้อทันทีว่าทำไมคนที่มหาวิทยาลัยถึงไม่ชอบเค้า เพราะที่พี่ป้อมฟังจากโค้ชมันเหมือนหนังคนละม้วนเลยทีเดียว หลังจากที่ช่วยพี่ป้อมขนของกลับยิมเสร็จ ผมก็ไปเรียนต่อ ก่อนจะกลับมาช่วยพี่ป้อมกับน้องๆจัดยิมอีกทีช่วงค่ำๆ พอมาถึงผมก็จัดแจงถูพื้นทันที ก่อนที่พี่ป้อมจะมาถูด้วยแล้วก็คุยกับผมไปด้วยว่า......
"เมื่อกี้ทีเค้าโทรมานะ" ( จากนี้ขอเรียก
"โค้ช" ว่า
"ที" แทนนะครับ เพราะเค้าไม่ได้เป็นโค้ชแล้ว )
"ครับ เค้าว่าไงบ้างครับ" "เค้าก็ถามว่าเป็นไงบ้าง พี่เลยบอกว่าพี่เพิ่งไปเบิกอุปกรณ์กับทางมหาวิทยาลัย เบาะที่ปูที่ยิมตอนนี้ เป็นเบาะของทางมหาวิทยาลัยหมดเลย ส่วนของทีเอาไปเก็บไว้ในห้องเก็บของให้แล้ว""ครับ""ทีเค้าก็ถามพี่นะว่า ทำไมทีพี่ถึงได้เบาะมา แต่ตอนเค้าทำทำไมถึงไมได้ ตอนแรกพี่เกือบจะสวนกลับไปแล้วว่า แล้วแกทำอะไรบ้าง" พี่ป้อมพูดพลางยิ้มๆ
"ฮ่ะๆ นั่นซิครับ พี่เค้าไม่ทำอะไรเลย แล้วรอให้แต่คนอื่นประเคนมาให้ตลอด""แล้วพี่ก็บอกว่า ตอนนี้อาจารย์อิฐมาเป็นที่ปรึกษาชมรมแล้วก็ผู้จัดการทีมเรานะ พอพี่พูดจบ ทีพูดว่า อ้อ รู้แล้วทำไมเค้าถึงถูกให้ออกจากตำแหน่งโค้ช" พี่ป้อมพูดจบถึงกับหัวเราะออกมาทันที ก่อนจะพูดต่อว่า
"พี่หน่ะ อยากจะบอกเค้าจริงๆ ว่าเค้าไม่คิดว่าบ้างเหรอว่าเค้ามีความผิดอื่นๆด้วย เล่นโทษคนอื่นตลอดเลย จะว่าไปที่เอบอกไว้ก่อนก็ดีเหมือนกัน""บอก ?...เรื่องอะไรเหรอครับ" ผมถามพี่ป้อมแบบ งงๆ
"ก็เรื่องที่ไม่ต้องพูดว่าเราเกี่ยวข้องกับทีไง ไม่งั้นถ้าเค้ารู้ว่าเป็นทีมเดียวกันเค้าคงไม่กล้าให้ยืม ฮ่ะๆๆ" พีป้อมหัวเราะชอบใจ
ดูเหมือนพี่ป้อมจะขยับจากตรงกลางมาใกล้ข้างผมเข้าไปทุกที...ทุกที...ที่สำคัญพี่ป้อมยังพูดในทำนองที่ว่า
"พี่ไม่เชื่อหรอกว่ายิมที่ทีทำจะไปรอด ความรับผิดชอบแค่นี้ จะไปดูแลอะไรได้ ยิมนี้ถ้าไม่ได้พี่กับเอช่วยก็ล้มไปตั้งนานแล้ว พอพี่ท้วงเค้า เค้าก็จะบอกว่าตัวเองรับผิดชอบได้ ก็ดีนะไปเปิดเอง จะได้รู้ว่าความรับผิดชอบมันคืออะไร" แหม๋เสียดายไม่มีที่ให้กด Like
หลังจากช่วยกันจัดยิมเสร็จกว่าจะถึงบ้านก็ปาไปเกือบๆสองทุ่มครึ่งแล้วครับ มาถึงก็จัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำก่อนจะมานั่งเล่นอยู่หน้าคอมแล้วก็คุยกับกายไปเรื่อยๆ ก็เหมือนๆทุกวันกายบ่นๆถึงสาวที่เค้าชอบแบบน้อยเนื้อต่ำใจ อ้อ วันนี้กายทานลูกชิ้นทอดด้วย ส่วนชุดนอนก็ใส่ชุดสีขาวตัดสีฟ้าอ่อนๆลายทางแบบชุดนักโทษ ( กายว่างั้น ) จากนั้นผมเลยแอบถามกายเรื่องว่าน...มีประเด็นหนึ่งที่จับมาคือ
"พี่ๆวานก่อนฝนตกใช่ม๊ะพี่"
"อื่อ ทำไมเหรอ"
"พอดีผมไปเล่นที่บ้านปั่นไง"
"แล้ว"
"ตอนพวกผมกำลังนั่งคุยกันอยู่ จู่ๆพี่สาวปั่นบอกว่า อยากเล่นกีต้าร์โปร่งของว่าน เท่านั้นแหละพี่รู้เปล่า ว่านรีบกลับไปเอากีต้าร์โปร่งจากที่บ้านมาให้พี่สาวว่านแทบจะทันทีเลยอะ" กายเล่าด้วยเสียงระทึก
"หืมมม บ้านว่านกับปั่นใกลกันนี่นา แล้วว่านเค้าบอกว่าที่ไปบ้านปั่นเพราะไปรอแม่มารับไม่ใช่เหรอ แล้วไหงไปกลับได้ล่ะ""นั่นล่ะพี่ประเด็น ถ้าไปกลับได้ทำไมต้องมารอแม่ที่บ้านปั่นล่ะ แบบนี้จงใจมาเจอพี่สาวปั่นชัดๆ ที่สำคัญวันนั้นฝนตกด้วย มันยังสู้ไปกลับ พี่คิดดู""แล้วกายคิดว่าไง""ผมเหรอ คิดว่าชอบกันหน่ะซิ ผมเคยถามอยู่ เมื่อวานที่ว่านเอากีต้าร์โปร่งมาผมก็แซว แต่มันก็บอกว่าไม่ได้ชอบ ไม่ได้จีบ" อืมม....จะชอบไม่ชอบ....หรือว่านทำแบบนี้เพราะเหตุผลอะไรผมก็ไม่รู้....แต่ที่รู้ๆคือวันนี้....ผมรู้สึกว่าผมคิดถึงว่านน้อยลง...ไม่ใช่ไม่คิดถึงนะครับ....แต่คิดถึงแล้วมันไม่รู้สึกเจ็บมากมายเหมือนช่วงแรกๆ ส่วนกายเหรอ...ผมเหมือนเป็นที่ระบายของเค้ามากกว่า หลังจากที่คุยกันไปพักหนึ่งก็ได้ยินเสียงคุณพ่อน้องกายมาว๊ากอีกแล้ว
"ดึกแล้ว ทำไมยังไม่นอน" เสียงคุณพ่อน้องกายดังลอดเข้ามา
"โหยยย ป๊า ก็เมื่อกี้กำลังเคลิ้มเลยจะหลับแล้ว อีกนิ๊ดเดียวเอง ป๊ามาทักหมดอารมณ์นอนเลย" กายตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแบบติดตลก
"นอนอะไรเมื่อกี้ได้ยินเสียงเหมือนคุยโทรศัพท์"
"ไม่ได้คุยป๊า ร้องเพลงกล่อมตัวเองอยู่"
"เออๆ รีบๆนอนเลยดึกแล้ว"
"โอเคพี่ ป๊าไปแล้ว คุยต่อๆ อิอิ" เหมือนบีเลยแฮะ....ฮ่ะๆๆ....ผมคุยกับกายต่อไปอีกพักหนึ่งก่อนจะวางสาย ก่อนวางกายถามผมว่า
"พี่พรุ่งนี้บ่ายๆพี่ว่างไหมครับ"
"ก็ อาจว่างมั้งมีอะไรเหรอ"
"คือผมอยากให้พี่มารับที่โรงเรียน"
"อื่อ ได้ซิ กี่โมง"
"ผมไม่แน่ใจพี่"
"ก็โทรมาแล้วกัน ถ้าว่างพี่จะออกมารับ"
"อืมมม เกรงใจพี่จัง"
"ไม่เป็นไร"
"งั้นเดี๋ยวผมถามเพื่อนก่อนแล้วกันเผื่อติดรถเพื่อนไป คือ...ผมเกรงใจพี่ยังไงก็ไม่รู้"
"อื่อ ถ้าไม่มีรถก็โทรบอกพี่แล้วกัน"
"ok ครับ" แล้วกายก็วางสายไป....แต่ไม่ถึง 10 นาทีกายก็โทรกลับมาใหม่
"ครับ ยังไม่นอนเหรอ" ผมถามกาย
"นอนแล้วพี่ แต่นึกได้ว่าเมื่อกี้ลืมบอกพี่ว่าฝันดี"
"ฮ่ะๆๆ อื่อ กายก็ด้วยนะ ฝันดีๆ"
"ครับพี่"