มีคนมารอแล้ว รีบหน่อยล่ะ
ความรักคืออะไร ความรักเป็นอย่างไร ความรักเกิดขึ้นได้อย่างไร
บางคนบอกว่าความรักคือการให้......
บางคนบอกความรักคือการเสียสละ......
บางคนบอกความรักคือสิ่งสวยงาม......
บางคนบอกความรักคือสิ่งที่คอยเติมเต็มความรู้สึก.......
จริง ๆ แล้ว ความรักคืออะไรกันแน่......
ผมผู้ไม่เคยได้รู้จักความรัก ทั้งความรักของผู้ให้กำเนิด ความรักของเพื่อนพ้อง ความรักของ.....แฟน....สินะ
ผมเป็นเด็กกำพร้า ตั้งแต่จำความได้ก็ต้องมาเป็นคนใช้ของพวกคุณหนูคุณชาย เป็นที่รองมือรองเท้าของพวกคุณหนูคุณชายทั้งหลาย ผมไม่รู้จักพ่อและแม่ ผมไม่มีเพื่อน มีแต่คนที่คอยให้ข้าว ให้น้ำ ให้ที่อยู่อาศัย.....เท่านั้น
กิจวัตรประจำวันของผม คือต้องคอยดูแลคุณชายคนโตของตระกูลสุวิทณชัย ตระกูลซึ่งให้ข้าวปลาอาหาร ที่อยู่ ให้ผมได้อยู่รอดมาจนถึงปัจจุบันนี้ คุณชายคนโต เป็นที่โปรดปรานของบรรดาสาวเล็กและสาวใหญ่ ด้วยรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นเป็นสง่า มีสติปัญญาที่ดีเลิศ ตอนนี้คุณชายคนโตของตระกูลกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง
“คุณ มานี่ซิ ฉันมีอะไรจะให้ทำ”ผมมีชื่อว่าบุญคุณ ผู้เป็นนายของผมตั้งชื่อนี้ให้กับผม เพราะจะได้ไม่ลืมบุญคุณที่พวกเขาชุบเลี้ยงผมมา ส่วนคุณชายคนนี้มีชื่อว่าภูผา
“ครับ”
พอไปถึงผมก็โดนคุณภูผายกอ่างที่มีน้ำล้างเท้ามาเทราดตัวผม
“หึหึ คืนนี้มาด้วยล่ะ”ผมโดนแบบนี้เสมอ ผมชินกับเรื่องแบบนี้ไปเสียแล้ว คืนนี้ผมก็ต้องไปปรนนิบัติรับใช้คุณภูผา เป็นเช่นนี้ตลอด เป็นแบบนี้มา 3 ปีแล้ว....
ผมทำงานรับใช้ตระกูลนี้มาตั้งแต่ผมจำความได้ ผมไม่รู้ว่าตัวเองมาจากไหน จำไม่ได้แม้กระทั่งวันเกิดของตัวเอง ผมไม่เคยได้ฉลองวันเกิดดั่งเช่นคนอื่น ๆ ทำ ผมรู้แต่ว่าผมอายุ 16 ปี เพราะคุณน้อย คนใช้อาวุโสบอกผมมาแบบนั้น ผมก็เลยต้องอายุ 16 ปี ตามที่เขาบอก
ผมทำความสะอาดห้องของคุณภูผา ทั้งห้องนอน ห้องน้ำ ต้องทำให้สะอาดหมดจด คุณภูผาแพ้ฝุ่น ฉะนั้นถ้าคุณน้อยมาเห็นฝุ่นในห้องของคุณภูผา ผมต้องโดนเฆี่ยน เมื่อผมทำความสะอาดเสร็จแล้ว ผมจึงไปกินอาหารเช้าได้ เวลาคือ 10.00 น. ตรง ถ้าช้าไปแม้แต่นาทีเดียวคืออด กฎกติกาของคนใช้ในบ้านคือ ต้องตรงต่อเวลา ทำคามสะอาดให้ดี ทำตามคำสั่งผู้เป็นนาย ห้ามขัดขืนใด ๆ ทั้งสิ้น คำของนายเป็นประกาศิต ทุกคนต้องเชื่อฟัง ผมจำกฎจนขึ้นใจ
เวลากินอาหารต้องห้ามพูดคุยกัน ห้ามมีเสียง มีอาหารให้คนละ 1 จาน ต้องกินให้หมด ห้ามขอเพิ่ม หลังจากกินอาหารเช้า ผมก็ต้องไปทำความสะอาดส่วนต่าง ๆ ของบ้าน ทุกที่ทุกมุมห้ามมีฝุ่นแม้แต่น้อย
ผมเห็นคุณน้อยดูโทรทัศน์ที่กำลังฉายละครเรื่องหนึ่ง กำลังพูดถึง....ความรัก
บนโลกนี้มีความรักจริง ๆ หรือ ถ้ามีแล้วทำไมผมถึงต้องมาอยู่ในที่แบบนี้ ต้องมารับใช้คนที่ผมไม่รู้จัก ความรัก......มันไม่มีจริงหรอก
ผมเดินออกมานั่งเล่นที่สวนของบ้าน นั่งคิดว่าวันนี้จะต้องทำอะไร คืนนี้จะต้องทำอะไร คืนนี้จะโดนคุณภูผาทำร้ายมั้ย ผมนั่งคิดทุกวัน นั่งไปเรื่อย ๆ เวลาก็ล่วงเลยไปเรื่อย ๆ จนถึงเวลาที่คุณภูผากลับมา
“คุณ มานิ่”เข้าไปผมก็โดนตบกลับมา ผมสงสัยว่าทำไมถึงต้องตบผม ผมอะไรให้ไม่พอใจอย่างนั้นหรือ
“มองหน้าเหรอ เดี๋ยวนี้มองหน้าฉันใช่มั้ย”นี่คงเป็นกรรมสินะ ผมต้องก้มหน้ารับกรรมนี้ไปสินะ....
ผมพาร่างกายที่บอบช้ำจากการโดนทำร้ายมาอาบน้ำ ต้องอาบให้สะอาด เพราะคืนนี้คุณภูผาจะทำแบบนั้นกับผม วันนี้คุณภูผาอารมณ์ไม่ดี ผมจึงต้องทำให้เขาพอใจให้มากที่สุด คุณภูผาบอกว่าผมสกปรก ต้องอาบน้ำหลาย ๆ รอบ ผมอาบน้ำเสร็จ ก็ตรงไปหาคุณภูผาทันที เพราะเกรงว่าเขาจะทำร้ายผมอีกถ้าผมไปช้า
“หึหึ มาแล้วเหรอ มานี่คุณ”ผมตรงไปหาคุณภูผา ผมไม่เงยหน้ามอง ผมไม่กล้าสบตา เพราะเดี๋ยวผมจะโดนตบอีก
“ถอดสิ”คุณภูผาให้ผมถอดเสื้อผ้าให้เขา ผมถอดไปก็กังวลไป กลัวไปต่าง ๆ นานา
เมื่อถอดเสร็จคุณภูผาก็จับผมเหวี่ยงไปที่เตียงพร้อมกับ.....ทำแบบนั้น....
“อ่ะ....อือ....อ่ะ ๆ...”คุณภูผามักจะทำรุนแรงกับผมเสมอ
“หึ สกปรกชะมัดเลย ชอบสินะ แกไปแกว่งตูดหาใครบ้างหรือเปล่า ชอบสินะแบบนี้ ชอบใช่มั้ย”คุณภูผาตะโกนถามผม ผมไม่เคยทำแบบนี้กับคนอื่น ผมไม่เคย....
“ไม่.....อึ๊ก...”
“เถียงเหรอ ฉันไม่เชื่อแกหรอก”คุณภูผา...ผมไม่เคยจริง ๆ
*************************
ตอนนี้คุณภูผาหลับไปแล้ว ผมต้องกลับไปที่ห้องของผม ผมเดินช้า ๆ เพราะตอนนี้ผมเจ็บสะโพกมาก วันนี้คุณภูผาอารมณ์ไม่ดี ก็เลยทำรุนแรงกับผม ถ้าวันไหนอารมณ์ดี ก็จะทำนุ่มนวล ผมใจเต้นแรงทุกครั้งเวลาที่คุณภูผาสัมผัส ผมไม่ชอบเลยเวลาที่คุณภูผาว่าผมว่าผมทำแบบนี้กับคนอื่น ผมยอมแค่คุณภูผาคนเดียว.....ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันนะ
เช้านี้ผมก็ต้องทำเหมือนเช่นเคย คุณภูผายังไม่ตื่นงั้นหรือ?
“คุณภูผาครับ คุณภูผา”ผมพยายามเรียกคุณภูผม แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลย
“เอ่อ....คุณภูผาครับ”ผมเรียกอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าไม่เป็นผล ผมจึงคิดว่าไม่ควรจะกวนเขา บางทีคุณภูผาอาจจะเหนื่อยหรือเพลียก็ได้
พอผมหันหลัง อยู่ ๆ ก็มีแขนมารวบตัวของผมไปที่เตียง
“ง่วง ทำให้หายง่วงทีสิ”เอ๊ะ! ทำให้หายง่วง แต่แล้วก็รู้ว่าความหายมันคืออะไร
ผมนั่งลงที่หว่างขาของคุณภูผา ดึงกางเกงลงมาเล็กน้อย จับแก่นกายของคุณภูผามารูดขึ้น-ลง จากนั้นก็ค่อย ๆ ใช้ลิ้นเลียไปที่ส่วนหัว ค่อย ๆ ไล่ไปที่ลำและพวงไข่ทั้งสอง แล้วจึงใช้ปากครอบแก่นกายของคุณภูผาที่ชูชันอยู่ คุณภูผากดหน้าของผมลง แล้วกระเด้าใส่ปากของผม มันลึกจนเกือบจะถึงคอหอย ไม่นานนักคุณภูผาก็ได้ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นเข้าไปในปากของผม
“กลืนมันสิคุณ”ผมกลืนน้ำลงไป มันคาวมาก ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยกลืน แต่ผมไม่พิสมัยมันเท่านั้นเอง
เมื่อทำให้คุณภูผาหายง่วงแล้ว ผมก็เดินไปจัดของให้คุณภูผา ทำนู่นทำนี่ไปเรื่อย
“คุณ นายคิดว่าฉันจะซื้อของอะไรให้คนรักของฉันดี”คนรัก....งั้นหรือ....
“ผม...เอ่อ...ผมคิดว่าสิ่งไหนที่คุณภูผาคิดว่าดี คนรักของคุณภูผาก็น่าจะชอบนะครับ”
“นั่นสินะ ทำตัวฉลาดเป็นกับเขาด้วยเหรอ”มันคืออะไรกันนะ อาการแบบนี้ ทำไมมันเจ็บอย่างนี้.....
ตอนนี้คุณภูผาออกไปแล้ว ผมจึงหลบไปร้องไห้ที่ห้องของผม ผมเป็นอะไรไปนะ นี่คือความรักที่คนอื่นพูดถึงกันหรือเปล่า ถ้าใช่ ทำไมมันถึง....เจ็บขนาดนี้....
ผมทำความสะอาดที่ห้องของคุณภูผาตามปกติ วันนี้เป็นวันที่ผมรู้สึก....อยากตาย....
ผมเข้าไปที่ห้องครัว ซึ่งขณะนี้ทุกคนกินอาหารกันหมดแล้ว เหลือเพียงแม่ครัวที่กำลังทำความสะอาดอยู่ ผมตรงเข้าไปหยิบมีดอันที่ใหญ่ที่สุด และเดินตรงไปที่ประตูรั้วหน้าบ้าน
“ผมเจ็บเหลือเกิน....”ยามเห็นผมจึงเข้ามา ผมรีบซ่อนมีดเล่มใหญ่ไว้ภายในเสื้อ
“จะไปไหน”
“ผมจะไปซื้อของที่คุณภูผาฝากซื้อน่ะครับ มันคือความลับ ผมบอกไม่ได้จริง ๆ”เนื่องจากผมซึ่งไม่เคยได้พูดคุยกับยามมาก่อน ถึงแม้จะมานั่งเล่นแถวสวนอยู่บ่อยครั้ง
“อืม รีบไปรีบมาล่ะ”ผมคง....ไม่กลับมาแล้วล่ะครับ...
ผมเดินไปอย่างไร้จุดมุ่งหมาย ผมหยุดลงที่แม่น้ำแห่งหนึ่ง จ้องมองตัวเองบนผืนน้ำ ผมนี่....น่าจะตาย ๆ ได้แล้วนะ ผมหยิบมีดออกมาจากเสื้อของผม จะทำอะไรดีล่ะ.....ดันหยิบมีดมาแบบนี้แม่ครัวได้ว่าผมตายแน่ แต่.....ผมคงจะไม่อยู่ให้ว่าหรอก ผมหันหลายมีดเข้าหาตัวเอง หลับตาลงช้า ๆ สูดลมหายใจเข้าเป็นครั้งสุดท้าย ค่อย ๆ ยกมือไปที่คอ แล้ว.......กรีด....
มีของเหลวไหลจากที่คอของผม ไหลไปตามแรงโน้มถ่วง อีกนิดเดียว.....อีกนิดเดียวผมจะมีความสุขแล้ว น้ำตาของผมไหลออกมา ผมตั้งใจจะเพิ่มแรงกดให้มากขึ้น แต่.....
“เฮ้ย! เอ็งทำอะไรวะนั่น”มีคน ๆ หนึ่งเข้ามาฉุดมือของผมไว้
ผมลืมตาขึ้นมองไปยังคนที่ฉุดมือของผม เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาไม่จัดว่าดี ดูแล้วน่าจะเป็นแรงงาน
“ผม....ไม่อยากอยู่....แล้ว”ผมพูดเสียงเบา เรี่ยวแรงทั้งหมดค่อย ๆ หายไป
“ทำไมล่ะ เอ็งมีเรื่องทุกข์ใจขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ผม....ไม่รู้.....”ชายคนนั้นอุ้มผมขึ้นและวิ่งไปที่ ๆ หนึ่ง ผมไม่รู้ว่าที่ไหน เสียงหอบดังมาเรื่อย ๆ
เขาพาผมมาที่บ้านหลังหนึ่ง บ้านหลังเล็ก ๆ ข้าวของเครื่องใช้ไม่ค่อยมี เขาวางผมลงบนพื้น คาดว่าเขาน่าจะนอนตรงนี้ เพราะมีหมอนวางอยู่ด้วย
“เดี๋ยวข้าจะทำแผลให้”ระหว่างที่ทำแผล เขาก็คอยมองผมเป็นระยะ ๆ
“ทำไมเอ็งถึงทำแบบนั้น ไม่คิดถึงคนที่เขารักเอ็งบ้างหรือไง”รัก....ผมไม่เคยรู้จักมันด้วยซ้ำ
“ไม่มีใครรักผม”น้ำตาผมไหลออกมา ผมไม่เคยมีใครรักเลยใช่มั้ย
“ก็ใช่น่ะสิ”ขนาดคนที่เพิ่งรู้จักยังบอกกับผมแบบนี้เลย
“เพราะแบบนี้ไงถึงได้ไม่มีใครรัก เอ็งเคยรักตัวเองหรือยังล่ะ ทำไมไม่รักตัวเองก่อน ถ้าไม่รักตัวเองแล้วคนอื่นเขาจะรักเอ็งได้ยังไง”รักตัวเอง.....งั้นเหรอ...
“รักตัวเอง...ทำยังไง”
“ก็อย่าทำร้ายตัวเอง ดูแลตัวเองดี ๆ อย่าประเมินค่าของตัวเองว่าต่ำ”ถ้าผมรักตัวเองแล้ว....จะมีคนรักผมใช่มั้ย.....คุณภูผาจะรักผมด้วยหรือเปล่านะ
“จำไว้นะ เอ็งต้องรักตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเริ่มจากตัวเองก่อน แล้วค่อยไปหวังจากคนอื่น”ประโยคนี้ยังคงดังก้องอยู่ในหูของผมเสมอ คอยระลึกเสมอเวลาท้อแท้
จนถึงตอนนี้เวลาก็ได้ผ่านมา 10 ปีแล้ว ผมไม่ใช่เด็กรับใช้ของตระกูลสุวิทณชัยแล้ว ตั้งแต่วันที่ผมได้เจอชายคนนั้น ผมก็คิดได้ ผมกลับไปที่บ้านของตระกูลสุวิทณชัย กลับไปทำหน้าที่เดิม เพียงแต่...ผมไม่เหมือนเดิมแล้ว
ยามถามผมว่าไหนล่ะของ ผมก็บอกว่าผมได้มาแล้ว แต่ไม่ใช่ของคุณภูผา แต่เป็นของผมเอง......
ผมทำงานทุกอย่างให้ดี คุณภูผาก็ทำกับผมเหมือนเดิม คนรักของคุณภูผาไม่รู้ว่าผมกับคุณภูผาทำอะไรกัน แต่เหมือนเวรกรรมมีจริง คนรักของคุณภูผาก็ทำเหมือนที่คุณภูผาทำกับผม คือไปสมสู่กับคนอื่น ผมได้ขอร้องคุณนายใหญ่ให้ท่านปล่อยผมไป ให้ผมไปหางานทำ ให้ผมมีอิสรภาพ ตอนแรกคุณนายใหญ่ก็ด่าว่าผม แต่ตอนนั้นผมยอมทุกอย่าง เพื่อให้ได้อิสรภาพ จนในที่สุด คุณนายใหญ่ก็ปล่อยผมไป
ผมเริ่มออกหางานทั้ง ๆ ที่ผมจบแค่ชั้นประถม ประสบการณ์จะช่วยสอนผมแทนบทเรียน ทำงานมันลำบาก แต่ประสบการณ์ที่ได้ทำมันก็มีค่า จนตอนนี้ผมสามารถเรียนได้ถึงปริญญาตรี ถึงจะช้ากว่าคนอื่นเยอะ แต่ผมก็ทำได้ด้วยตัวเอง
ความรักของผมคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้คนเป็นคน ไม่ว่าจะรักตัวเอง รักทรัพย์สมบัติ รักครอบครัว รักเพื่อน รักสังคม รักประเทศ
ถ้าผมมีโอกาสได้บอกใครสักคนที่กำลังคิดว่าตัวเองไม่มีคนรัก ผมอยากถามว่า....คุณได้เริ่มรักตัวเองแล้วหรือยัง
จบ....