Chapter 24
“ ดูซิ มืดค่ำป่านนี้แล้วพ่อก็ยังไม่กลับ สงสัยพ่อจะลืมเราแล้วล่ะอัลเบิร์ต พ่อมีคนอื่น ”
เสียงบ่นพึมพำของบันดังขึ้นพร้อมกับเสียงฟืดฟาดของอัลเบิร์ต หมาสี่ขาตัวใหญ่เหมือนจะรู้ว่าบันรู้สึกเหงา ตั้งแต่ช่วงเย็นมานี้ มันเฝ้าคลอ
เคลียไม่ห่าง เหมือนเป็นพี่เลี้ยงให้บันคลายความเหงาลง
“ หมาหัวเน่าของจริงเลยทีนี้ ”
บันถอนหายใจสองครั้งใหญ่ ๆ ก่อนจะพาอัลเบิร์ตเข้าไปในบ้าน
“ หมอหลินบอกว่า ถ้าแกหายใจฟืดฟาดอีก ก็ให้พามากินน้ำ กินซะสิ ตอนนี้เราสองคนเป็นหมาหัวเน่าแล้วนะ เจ็บป่วยต้องดูแลตัวเอง
ห้ามตายในบ้าน ไม่งั้นจะไม่มีคนมาเก็บศพ เข้าใจไหมอัลเบิร์ต ”
อัลเบิร์ตเลียน้ำในชามนั้นสองสามทีก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองบัน
“ อืม ว่าไง ? ”
แม้จะยังไม่ถึงหนึ่งทุ่ม แต่บรรยากาศรอบตัวก็มืดสนิทเหมือนมีคนเอาผ้าสีดำมาคลุมท้องฟ้าเอาไว้ บันติดสายจูงเข้ากับคออัลเบิร์ต
แล้วพาเดินออกมาจากบ้าน ในกระเป๋ากางเกงขาสั้น มีธนบัตรอยู่สองสามใบ เผื่อเอาไว้ซื้อขนมกับของกินเล่นให้ตัวเองกับอัลเบิร์ต บันจำได้
ว่าในตลาดเก่า มีร้านขายขนมถั่วแดงเจ้าอร่อย ใกล้กันก็มีร้านขนมปัง แต่สองร้านนี้ก็อยู่ไกลเกินกว่าที่จะเดินไปถึง
รูปปั้นคิวปิดที่เป็นรูปเด็กฝรั่งมีปีกยืนเปลือยล่อนจ้อน ส่งยิ้มมาจากหัวเสาไฟสีเหลืองดวงโต คิวปิดมีคันธนูกับลูกดอกเล็ก ๆ น่ารักในกระบอกกลมด้านหลัง กามเทพ
น้อย คงยืนเฝ้าเสาไฟนี้มานานมากแล้ว เพราะมีสีน้ำตาลมอซอจับเกรอะกรังอยู่บนตัวทั่วไปหมด
“ คิวปิดจะเบื่อบ้างไหมนะอัลเบิร์ต ยืนยิ้มอยู่บนนี้นานจนสนิมเกาะหมดแล้ว ”
บันกับอัลเบิร์ตพากันเดินเถลไถลมาไกลจนถึงย่านช็อปปิ้งเล็ก ๆ ริมสองฝั่งถนน บันหันขวับกลับไปด้านหลังแล้วหันมามองนาฬิกาตรงข้อมือ
นี่ผ่านมาเกือบชั่วโมงแล้ว จากที่ตั้งใจเดินเล่นใกล้ ๆ บ้านเพื่อให้อัลเบิร์ตย่อยอาหารกับลดน้ำหนักลง แต่ก็ดันเผลอคิดนู้นคิดนี่มาตลอดทาง
ผ่านมาเกือบชั่วโมงแล้ว เพิ่งรู้สึกตัว
“ แล้วจะกลับกันยังไงละเนี่ย กว่าจะเดินไปถึงบ้านก็อีกชั่วโมง ขาหลุดกันพอดีนะอัลเบิร์ต ”
อากาศรอบตัวดูจะอบอ้าวขึ้นเล็กน้อย หรือไม่ก็เพราะเดินกันมาไกลจนเหนื่อย บันแวะซื้อน้ำขวดเล็ก ๆ แล้วพาอัลเบิร์ตมานั่งพักริมทาง
ที่มีม้านั่งแถวยาวสีเข้มตั้งอยู่ อัลเบิร์ตเลียอุ้งมือที่บันเทน้ำใส่เอาไว้จนหมด ก่อนจะแลบลิ้นออกมาระบายความร้อน
“ อัลเบิร์ต เราไปหาหมอหลินกันดีกว่า จะได้ติดรถกลับบ้าน ไปกันเถอะ ! ”
บันพาอัลเบิร์ตลัดเลาะมาตามถนนหลักเส้นใหญ่ เด็กจูงหมากับหมาลากคน ถามทางไปเรื่อย ไม่นานก็เข้ามาถึงย่านใจกลางเมืองที่เป็นตลาดเก่าแก่
เมื่อข้ามทางม้าลายที่สี่แยก ก็เดินอ้อมวงเวียนเข้ามาถึงถนนที่เปิดขายของ คลินิกสัตวแพทย์ หลิน เจีย เว่ยนั้น เป็นที่รู้จักของคนแถบนี้เป็นอย่างดี
บันขอบคุณอาแปะร้านเก๋าลัดซ้ำ ๆ กันหลายครั้ง เพราะแปะไม่คุ้นกับสำเนียงกวางตุ้งกุ๊กกู่ของบัน ร้านเค้กที่เดินผ่านตบแต่งด้วยไฟหลากสี
มันเด่นสะดุดตาจนบันต้องเดินย้อนกลับมาและจ้องมองดูเค้กสีต่าง ๆ ที่วางเอาไว้บนชั้นวางให้ลูกค้าเลือก ผู้ชายเสื้อขาวที่กำลังยืนคุยกับผู้หญิงชุดดำนั้น
ดูคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างประหลาด ผู้หญิงชุดดำพูดอะไรซักอย่างที่ทำให้ผู้ชายอีกคนยิ้มออกมา เขาใช้มือวางบนไหล่ของผู้หญิงแล้วหันมาทางบันพอดี
“ เจ้านาย ! ”
บันหลบวูบเข้ากับถังขยะหน้าร้าน อัลเบิร์ตที่ดูสงบเรียบร้อยมาตลอดทาง ตอนนี้กลับทรยศ มันส่งเสียงเห่าและดึงบันเข้าไปหาเคลวินที่อยู่ในร้าน
เคลวินพูดอะไรบางอย่างกับผู้หญิงชุดดำสองสามคำ ก่อนจะหันตัวเดินออกมาจากด้านใน
“ หนีเร็ว พ่อรู้ตัวแล้ว ! ”
บันเอามือซ้ายปิดหัวเอาไว้ มือขวากระตุกสายจูงอัลเบิร์ต วิ่งแนบไปตามถนนใหญ่ที่มีผู้คนคับคั่ง แต่มาได้ไม่ไกลก็สะดุดกับตะแกรงระบายน้ำ
ที่หนีบเอารองท้องแตะไว้ เสียงงี๊ดง๊าดของอัลเบิร์ตเตือนให้รู้ว่าเคลวินกำลังวิ่งตามมาเช่นกัน บันตัดสินใจสละรองเท้าข้างนั้นทิ้งไป แล้ว
พาอัลเบิร์ตวิ่งหลบเข้าไปในซอยเล็ก ๆ เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาสองทีก็เจอเข้ากับประตูหลังร้านที่แง้มเอาไว้ บันตัดสินใจเปิดประตูบานนั้นเข้าไป
แล้วปิดล็อคทันที
“ รอดแล้ว ”
บันไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมต้องวิ่งหนีมาแบบนี้ กลัวเคลวินจับได้ว่าแอบพาอัลเบิร์ตออกมาก็ไม่ใช่ หรือกลัวเคลวินพาไปรู้จักกับผู้หญิงคนนั้น
คนที่จะเข้ามาเป็นเจ้าสาว เป็นเจ้านายคนใหม่ของบ้านและของอัลเบิร์ต
“ ฉันไม่ยอม แกต้องเป็นของฉันกับของพ่อแค่สองคน ห้ามมีเจ้านายคนอื่น เข้าใจไหมอัลเบิร์ต ! ”
“ 这是谁的孩子 ? ”
“ บัน ! ”
“ 这是谁的孩子 ? ”
“ เขาพูดกวางตุ้งไม่ได้ม่า ต้องพูดแมนดารินกับเขา ”
“ รุ่นน้องที่โรงเรียนเรอะ ? ”
“ ไม่ใช่ครับ เรารู้จักกันที่มหาวิทยาลัย ”
“ หวัดดีบัน จำผมได้หรือเปล่า ? ”
เด็กหนุ่มที่เคยเข้ามาทักบันตรงป้ายหน้ามหาวิทยาลัย พูดทักทายบันในร้านขายของชำขนาดใหญ่ ข้าง ๆ ตัวเขามีลังไม้ที่เต็มไปด้วยหัวมันฝรั่ง
ขนาดย่อม ๆ เมื่อมองออกไปหน้าร้าน บันเห็นผู้หญิงสองคนกำลังขายของช่วยกันอยู่
“ หวัดดี จำชื่อผมได้ด้วยเหรอ ? ”
บันโบกมือทักทายแล้วส่งยิ้มเหมือนกับว่าตัวเองไม่ได้ผิดปกติ ที่วิ่งเข้ามาในบ้านคนอื่น
“ ไต้หวันเรอะ ? ”
อาม่าพูดจีนกลางสำเนียงแปร่งหู
“ ไท่กั๋วครับม่า เขามาจากเมืองไทย ”
“ เพื่อนอาเหลียนที่โรงเรียนเรอะ ? ”
“ ครับม่า ”
บันรู้สึกขัดเขินเมื่ออยู่ในวงล้อมของบ้านเหลียน เท้าข้างขวาที่เปล่าเปลือยถูไปมาบนเท้าซ้าย อัลเบิร์ตที่ยืนสงบนิ่งอยู่ข้าง ๆ ก็คงสงสัยอยู่ไม่
น้อยเช่นกัน มันเริ่มทำจมูกฟุดฟิดกับกระสอบใส่ข้าวที่ตั้งเรียงรายอยู่ข้าง ๆ
“ ทำไมถึง ……………… เข้ามาทางนั้นได้ล่ะ ? ”
คนถามก็คงนึกสงสัยมากเช่นกัน สงสัยจนตั้งคำถามไม่ถูก ว่าบันเข้ามาได้ยังไง
“ คือ ………….. เอ่อ คือว่าหลงทางมาน่ะ แล้วนึกว่าประตูนี้เป็นทางออกไปถนนใหญ่ ”
“ คนบ้าเรอะ ? ”
อาม่าโพล่งขึ้นมาเฉย ๆ
“ ไม่ใช่ครับม่า เขาเป็นเพื่อนผมที่มหาวิทยาลัย ”
“ นั่งก่อนสิบัน แล้วรองเท้าหายไปไหนล่ะ ? ”
เหลียนเห็นบันยืนขาเดียว เนื่องจากมีรองเท้าไม่ครบคู่
“ มันตกหายไปแล้ว เมื่อกี้นี่เอง ”
บันได้รองเท้าคู่ใหม่จากร้านของเหลียน เป็นรองเท้าแตะธรรมดาสีแดง มีลายการ์ตูนเล็ก ๆ ติดอยู่ด้านในของรองเท้า อาม่าหยิบเอา
รองเท้าข้างเดียวของบันใส่มาในถุงแล้วบอกให้เก็บกลับบ้านไปด้วย เผื่อเจอคู่ของมันอีกข้าง
“ มันหลุดหายไปแล้ว ไม่ได้คืนแล้วล่ะม่า ”
“ ของมันคู่กัน ยังไงก็ต้องกลับมาเจอกัน ”
เหลียนพาบันเดินตัดถนนใหญ่แล้ววกกลับไปยังถนนที่ติดกับร้านเค้ก คลินิกรักษาสัตว์ของหมอหลินเปิดไฟสว่างไว้ด้านหน้า ป้ายชื่อภาษาจีนของคุณหมอ
สว่างโร่ด้วยแสงไฟสีเหลืองอ่อนนวลตา
“ จริง ๆ ให้ผมไปส่งก็ได้นะ ขับรถไปไม่นานก็ถึง ”
บันโบกมือที่ถือถุงรองเท้าแตะข้างเดียวไปมา พร้อมกับยืนยันว่าจะกลับพร้อมกับคุณหมอข้างใน
“ นี่เป็นหมายเลขโทรศัพท์ของผม เผื่อมีเรื่องเดือดร้อนหรือว่าหลงทางอีก ”
“ ขอบคุณนะอาเหลียน ”
คลินิกรักษาสัตว์ของหมอหลิน ไม่ใช่คลินิกเล็ก ๆ ที่เป็นห้องเช่าเหมือนที่บันคิด แต่มันเป็นคลินิกที่ใหญ่โตคล้ายกับสถานความงามของคน
พนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์ถามบันว่ามีหมอประจำหรือไม่ บันส่ายหัวไปมาแล้วบอกว่าต้องการพบคุณหมอหลิน ที่เป็นเจ้าของคลินิก เธอเดินนำ
บันมายังห้องตรวจที่สาม และส่งสมุดทำบัตรให้กับบัน
“ ไม่ต้องหรอก เขาไม่ได้พามาตรวจ ”
หมอหลินกำลังนั่งคุยอยู่กับชายวัยกลางคนที่มีงูเหลือมสีทองพันอยู่รอบ ๆ คอ มันหันมามองบันกับอัลเบิร์ตแล้วแลบลิ้นสองแฉกออกมาทักทาย
คุณหมอเจ้าของคลินิกโบกมือทักทายบันแล้วเขียนใบสั่งยาลงในกระดาษสีขาวแผ่นเล็ก ให้เจ้าของงูไปรับยาที่เคาน์เตอร์
“ บันนี่ มาถึงนี่ได้ไง ”
“ เดินมาครับ เดินเล่นมาเรื่อย ๆ แล้วก็กลับบ้านไม่ถูก เลยจะมาขอติดรถไปด้วย ”
“ แล้วมาที่นี่ถูกได้ไงล่ะ ? ”
“ ถามอาแปะขายเก๋าลัดมาครับ ”
หมอหลินถอดถุงมือยางออกแล้วเหลือบมองนาฬิกาแขวนข้างผนัง
“ รออีกครึ่งชั่วโมงนะ ”
“ รับทราบครับ ”
บันตะเบ๊ะเลียนแบบท่าทหาร ช่วงว่างที่ไม่มีสัตว์มานั้น บันปล่อยให้หมอหลินตรวจดูฟันของอัลเบิร์ต ส่วนตัวเองก็เดินสำรวจดูรอบ ๆ คลินิก ตรง
เคาน์เตอร์จ่ายยา มีพยาบาลสาวใส่แว่นร่างท้วมยืนยิ้มแป้น เธอนำถาดขนมเล็ก ๆ กับน้ำอัดลมมาส่งให้กับบัน
“ ขอบคุณครับ ”
บันยกมือไหว้ขอบคุณด้วยความเคยชิน
พื้นที่ทางด้านหลังของที่นี่ มีป้ายติดเอาไว้ว่าเป็นที่พักของสัตว์ บันเห็นผู้ป่วยมากมายที่มารับการรักษา ไม่ว่าจะเป็นเต่าตัวใหญ่ที่นอนอยู่
ในตู้กระจกชื้น ๆ มีทรายหยาบกองอยู่เป็นหย่อม ๆ ปลาเทวดาที่มีเครื่องปั๊มออกซิเจนสามหัวคอยเป่าฟองอากาศอยู่ตลอดเวลา ด้านขวามีลูกแมว
เปอร์เซียตัวเล็ก ๆ นอนหลับตาพริ้มอยู่บนผ้า
เมื่อเดินออกมาอีกฝั่ง บันพบห้องตรวจที่สี่ถึงหก ในนั้นมีคุณหมออีกหนึ่งคน คุณหมอกำลังตรวจอาการของจิ้งจอกทะเลทรายหูใหญ่ มันทำท่าสั่นระริกเล็กน้อย ตอนที่เจ้าของส่งมันไปให้กับคุณหมอ
“ กลับกันเถอะบันนี่ ”
เสียงหมอหลินดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง คุณหมอจูงอัลเบิร์ตที่เดินกวัดแกว่งหางโอ้อวดเจ้าสุนัขพันธุ์โกลเดนรีทรีฟเวอร์ในกรง สุนัขตัวนั้นเห่า
ทักทายเสียงอ่อย เหมือนมันยังไม่ค่อยแข็งแรงนัก
“ เป็นโรคซึมเศร้าน่ะ เจ้าของไปต่างประเทศ ”
บันมองเจ้าสุนัขในกรงด้วยความสงสาร ขนาดสัตว์ที่เจ้านายทิ้งมันไปยังเป็นโรคซึมเศร้าได้ ประสาอะไรกับคนที่เจ้านายกำลังจะทิ้งไปหาเจ้าสาว
คนที่มีความรู้สึกนึกคิด ละเอียดอ่อนกว่าสุนัข คิดแล้วก็อดน้อยใจไม่ได้
“ เอ้า น้ำตาร่วงซะแล้ว อย่าห่วงเลยนะ พรุ่งนี้เจ้าของมันก็กลับมารับแล้ว เขาไปทำธุรกิจทุกอาทิตย์ วันที่ไม่อยู่บ้าน เขาก็เอาเจ้านี่มาฝากทุก
ครั้งนั่นแหละ ”
หมอหลินเข้ามาลูบหัวบันปลอบใจ โดยที่ไม่รู้ว่า ที่จริงแล้ว บันร้องไห้เพราะคิดว่าตัวเองเป็นหมาที่เจ้านายกำลังจะทิ้งต่างหาก
“ อัลเบิร์ตยังหายใจฟืดฟาดหรือเปล่า แล้วกินอาหารได้เยอะไหมบันนี่ ? ”
บันสะอึกอยู่สามครั้งก่อนจะกลั้นใจตอบหมอหลิน
“ ยัง ฮึก ฟืดฟาด ฮึก อยู่ กินข้าวเยอะเหมือนเดิม ฮึก ”
“ ไปดื่มน้ำซักแก้วดีกว่า จะได้หายสะอึก ”
ระหว่างทางกลับบ้าน หมอหลินดูเหมือนจะจงใจเล่าแต่เรื่องตลกให้บันฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนกที่ไม่มีเจ้าของ แต่บินมารักษา
ตัวเองที่คลินิก เรื่องต่างหูเพชรราคาหลายล้านในท้องหมา บันพยักหน้าเออออไปด้วยพร้อมกับปั้นหน้ามีความสุขเต็มที่
“ โลกของเราก็มีอยู่สองด้าน ทั้งด้านมืดและด้านสว่าง บางอย่างเราก็ไม่เห็นด้วยตา ไม่ได้สัมผัสด้วยใจ อย่าเพิ่งตัดสินจากการที่เราคิดเอาเองคนเดียว ”
หมอหลินพูดทิ้งท้าย ก่อนที่จะขับรถออกไป
“ ไม่เห็นจะเข้าใจเลยซักนิด ”
บันเลื่อนประตูเล็กออกแล้วจูงอัลเบิร์ตเข้าไป โชคดีที่ตอนนี้เคลวินยังไม่กลับ บ้านยังเงียบและมืดเหมือนกับตอนที่ออกไป
บันเดินตุปัดตุเป๋ขึ้นบันได ไขกุญแจบ้าน ก่อนที่จะหันกลับมาหยิบเอารองเท้าสีแดงคู่ใหม่ขึ้นมาแอบไว้ในห้องนอน เมื่อปลดสายจูงอัลเบิร์ตออก
แล้วปล่อยให้มันไปนอนแล้ว ก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเข้านอนทันที โดยลืมไปว่ายังไม่ได้ทานข้าวเย็น
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าชายนำรองเท้าแก้วออกตามหาซินเดอเรลล่า เจ้าชายยื่นรองเท้านั้นมาให้กับซินเดอเรลล่าที่ทำ
หน้าที่เป็นเหมือนสาวใช้ในบ้าน เจ้าชายสวมรองเท้าแก้วเข้ากับเท้าและพบว่า เจ้าของที่แท้จริงนั้น ที่แท้ก็คือสาวใช้ในบ้านของแม่เลี้ยงแสนโหดร้ายนี่เอง
“ รองเท้าแตะของนายจริง ๆ สินะ ”
เจ้าชายพูดขึ้นมาเบา ๆ
“ ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่รองเท้าของผม ”
“ แต่มันพอดีกับเท้าเลยนะ ”
“ ก็บอกว่าไม่ใช่ ”
“ ยังมีหน้ามาเถียงอีก ลุกขึ้นมาได้แล้วเจ้าเด็กหนีเที่ยว ”
“ อื้อ ”
เช้าแล้ว บันตื่นขึ้นมาเพราะฝันถึงรองเท้าแตะคู่นั้น รองเท้าแก้วกลายเป็นรองเท้าแตะ เจ้าชายกลายเป็นเจ้านาย บันขนลุกและถลาเข้าหา
เจ้าหลันชิงที่อยู่ข้าง ๆ เตียง ตุ๊กตาตัวใหญ่สีชมพูเหมือนจะตกใจเล็กน้อย มันกำลังบิดตัวหนี แต่ก็ช้ากว่าบัน
“ หลันชิงมานี่ จุ๊บบบบบบ ”
หลันชิงเซถลาลงไปนอนกับพื้น บันอ้าปากค้างขณะประกบปากกับหลันชิง หลันชิงเป็นผู้ชายไหล่กว้าง ๆ หลันชิงมีอกอุ่น ๆ และหลันชิงมีปากที่ร้อน
และมีกลิ่นชาจีนติดอยู่กับริมฝีปาก
วันนี้หลันชิงไม่ใช่กระต่ายชมพู !
“ หลันชิง ! ”
“ เจ้านาย ! ”
“ อื้อ ! ”
บันลุกขึ้นจากท่าคล่อมตัวทับเคลวิน ปากของบันที่เพิ่งถอนออกมา ทำให้เจ้านายตาค้างและเงียบสนิท บันหันขวับไปบนเตียงนอน เจอเจ้าหลันชิงตัวจริง
นอนยิ้มแป้นอยู่
“ เรื่องอะไรถึงต้องมาใส่เสื้อชมพูเหมือนหลันชิงด้วยเล่า ! ”
บันทำหน้าเหยเก มือขวาถูปากไปมาจนร้อน
“ ความผิดใครกันแน่ล่ะ ? ”
“ ก็เจ้านายเข้ามาทำอะไรในห้องผมล่ะ แอบเข้ามามีจุดประสงค์อะไร ”
“ ฉันมาจับคนโกหก ”
“ โกหกอะไร ”
บันใจหายลงไปอยู่ตาตุ่มเมื่อเคลวินยื่นรองเท้าแตะข้างที่ตัวเองทำหล่นไว้เมื่อคืนออกมา
“ เมื่อคืนไปทำอะไรที่ร้านเค้ก ? ”
“ เปล่านะ ”
“ หลักฐานขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมรับอีก หรือจะให้ตามพยาน ”
เคลวินขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วจ้องบันที่กำลังซุกตัวอยู่ในผืนผ้าห่ม
“ เฮอะ ใครจะมาเป็นพยานให้กันเล่า ”
“ ก็คนที่มาส่งเมื่อคืนนี้ไง ลืมนัดแนะกันหรือไง ว่าไม่ให้บอกฉัน ”
อย่างที่เคลวินบอกจริง ๆ บันลืมบอกหมอหลินให้เก็บเรื่องเมื่อคืนเป็นความลับ
“ ก็แล้วทำไมล่ะ รองเท้าผมแล้วทำไม ผมไปที่ร้านเค้กแล้วทำไม ผมจะไปไหนก็ได้ทั้งนั้น เจ้านายจะมาดุผมเรื่องอะไร ? ”
“ ฉันแค่ถามว่าใช่รองเท้านายหรือเปล่า เท่านั้นเอง มีแต่นายที่ตีโพยตีพาย ”
“ ผมไปเดินเล่นแล้วเจอเจ้านายกับ กับ ผู้หญิงคนนั้น พอรู้ตัวก็เห็นเจ้านาย เลยตกใจ ก็เลยพาอัลเบิร์ตวิ่ง ”
“ มีอะไรจะถามฉันหรือเปล่า ? ”
เคลวินจ้องหน้าบันแล้วมองเหมือนรู้ว่าบันกำลังสงสัย
‘ ถ้าสงสัยก็หมายความว่าเราหวงน่ะสิ ’
เสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นมาในใจ
“ ว่าไง บางอย่างเก็บเอาไว้ในใจคนเดียวมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก ”
“ ไม่สงสัยอะไรทั้งนั้น อ้อ สงสัยว่าทำไมเจ้านายถึงต้องใส่เสื้อชมพูด้วย ”
บันเฉไฉออกไปเรื่องอื่น ไม่ให้เคลวินจับพิรุธได้
“ ที่บริษัทคุณย่ามีงาน แค่นี้ใช่ไหม ที่จะถาม ? ”
“ แค่ นี้ ”
บันถอนหายใจ ไม่กล้าถามเจ้านายเรื่องเจ้าสาว
“ ช่วงนี้ฉันต้องไปบ้านคุณย่าบ่อย ๆ ฝากดูแลอัลเบิร์ตด้วยนะ ”
เคลวินจ้องบันเหมือนจะบอกอะไรบางอย่างแต่ก็หันหลังกลับ
“ เจ้านายจะแต่งงานจริง ๆ น่ะเหรอ ! ”
บันถามเคลวินที่กำลังผลักประตูออกไป
“ รู้เรื่องนี้ได้ไง ? ”
“ ดาเนียลบอก ”
“ ดาเนียลบอกว่าไงล่ะ ? ”
“ บอกว่าเจ้านายไปดูตัวเจ้าสาวที่บ้านคุณย่า ! ”
“ ก็จริงตามนั้น ”
“ ทำไมต้องให้คุณย่าหาคู่ให้ด้วยล่ะ ทำไมเป็นแบบนี้ ! ”
“ แล้วมันผิดตรงไหนล่ะ ในเมื่อฉันก็ยังไม่มีใคร ? ”
เคลวินกอดอกแล้วพิงหลังเข้ากับบานประตู ดวงตาคมกริบจ้องมาที่บันเหมือนกำลังรอฟังคำตอบ
“ ใครว่าเจ้านายไม่มีใครกันล่ะ เจ้านายมีผมกับอัลเบิร์ตที่ต้องดูแล ใครกันที่บอกว่าต้องดูผมทุกฝีก้าว นี่อะไร แค่คืนเดียวก็หลอกกันแล้ว ”
“ บางอย่างฉันก็คิดว่านายคงไม่เข้าใจ ถึงจะเล่าให้ฟังตอนนี้ ก็มัวแต่จะหาข้ออ้างมาเถียงเหมือนเด็ก ”
“ เรื่องที่บอกว่าผมเป็นเด็ก ก็เป็นข้ออ้างของเจ้านายเหมือนกันนั่นแหละ ! ”
“ คุณย่าอยากให้ฉันแต่งงานเดือนหน้ากับคนที่ท่านเลือกให้ คนที่นายเห็นเมื่อคืนในร้านเค้กนั่นแหละ ”
จบตอนที่ 24 พบกันใหม่ตอนหน้าครับ