ไม่จบ! ไม่จบ! ใครคิดว่าไอ้คุณชายภพจะหยุดอยู่ที่แค่คำสารภาพรักที่หน้าบ้านผมแล้วมันจะลุกขึ้นเดินหนีไปด้วยความอายล่ะก็ ลืมได้เลยครับ เพราะไอ้หมอนี่มันเอื้อมมือมาดึงมือผมไปจับเอาไว้ แล้วพูดต่อ
“เลิกเสียใจเถอะนะ กูไม่อยากให้มึงเสียใจ…ไม่ว่าไอ้แมค ไอ้ตุล หรือใครจะว่ายังไง รู้เอาไว้ว่ากูชอบมึงจริงๆ…”
….อย่ากุมมือกูนานนนนนนน…กูยังไม่ได้ล้างมือเลย…เพื่อนพ้องผู้อ่านทั้งหลายอย่างคิดว่าผมเป็นชายสะดิ้งรักสะอาด แต่เพราะเมื่อกี้ผมเพิ่งกินข้าวเหนียวหมูปิ้งมาหมาดๆ…แล้วการกินข้าวเหนียวตามสไตล์บ้านผมที่ต้องการสชาติอันกลมกล่อม เราเลยกินด้วยมือ…จริงๆแล้วมันยังมีคราบเหนียวติดมืออยู่นิดหน่อย แต่พอแห้งผมก็ถูๆจนหลุด ซึ่ง…ผมคิดว่ามันก็สะอาดในระดับหนึ่ง แต่ระดับหนึ่งระดับนั้นไม่ได้หมายความว่ามือผมจะถูกคนอื่นมาจับนี่หว่า!!!…
“มึง…เอ่อ…พูด…พูดอย่างเดียวก็ได้ ไม่ต้องจับมือกูหรอก…” คราวหน้านะคราวหน้า กูจะนวดตัวนวดมือมาให้พร้อมสำหรับมึงแตะต้องทีเดียวเชียว!
ผมค่อยๆดึงมือตัวเองออกมาจากมือมัน แลดูเป็นกุลบุรุษไทยที่แสนหวงเนื้อหวงตัว แต่มันหารู้ไม่…ว่าตั้งแต่กินข้าวเสร็จ ยังไม่ได้ล้างมือเลยอ่ะ…
ไอ้ภพดูเหมือนจะเก้อๆไปเหมือนกัน ที่ผมดึงมืออกจากมือมัน มันลุกขึ้นยืน แล้วเสยผมอย่างงุ่นง่านเล็กน้อย
“…เอ่อ…ถ้ายังไงกูกลับก่อนดีกว่า…มึงจะได้มีเวลาคิด…”
“เวลาคิด?” ผมทวนถามมัน
“ก็คิดว่ามึงจะตอบกูว่ายังไงเรื่องที่กูบอกว่าชอบมึงน่ะสิ…หรือมึงไม่ต้องคิด ตอบได้เลย?”
“อุ้ย! ต้องคิดๆ…ขอกูคิดสักวันสองวันนะ” …ความจริงคำตอบในใจก็มีหรอกครับ ผมไม่ใช่พวกไม่รู้ใจตัวเองนี่นา ไอ้ภพพูดตรงๆขนาดนั้น แต่ผมกลับไม่รู้สึกรังเกียจเลย แถมยังดีใจด้วยซ้ำ คนประเภทไหนที่ดีใจเวลาถูกบอกรักบอกชอบเล่า? ถ้าไม่ใช่ว่ารู้สึกแบบเดียวกันน่ะ…
…แต่…ที่ต้องทำเป็นขอเวลานอกเพราะว่า…ผมยังไม่ได้เตรียมตัวน่ะครับ มันบอกชอบผมแล้ว แล้วถ้าผมบอกชอบมันตอบ เกิดมันขอจูบผมขึ้นมา…อ๊ะฮือ! กินข้าวเสร็จยังไม่ได้แปรงฟันเลยอ่ะ แถมข้าวเหนียวหมูปิ้งอีกต่างหาก (มนุษย์ปุถุชนทั้งหลายมันแปรงฟันกันอย่างมาก 2 ครั้งต่อวันทั้งนั้นแหละครับ ไม่มีใครเขาแปรงกันทุกมื้อหลังอาหารตามที่หมอฟันบอกหรอก แม้แต่หมอฟันเองก็เหอะ)…ดูเหมือนว่าทีหน้าทีหลัง ผมควรจะแปรงฟันเพื่อแสตนด์บายปากหอมน่าจูบซะแล้วล่ะ!...
“อือ งั้นกูกลับก่อนแล้วกัน ขนมจีบ…” หมาแสนรู้วิ่งเข้ามาทันทีที่ชื่อมันถูกเรียก ผมมองไอ้ภพที่กำลังลูบหัวลูบหางหมาของมันแล้วได้แต่ยิ้มกับตัวเอง…มันดูเป็นคนอ่อนโยนมากครับ เวลามันเล่นกับสัตว์แบบนี้ สำเนียงเวลามันเรียกชื่อหมามันก็แสนจะไพเราะและเต็มไปด้วยความรักความเอ็นดูมากมาย…
“ขนมจีบลาพี่ติ่มซำซะสิ วันนี้ต้องกลับแล้ว แล้วพรุ่งนี้พี่ติ่มซำถึงจะไปบ้านเรา…”
…ไปบ้านมัน?...ไป…เพื่อเป็น ‘เลขาฯ’ ให้หมาไอ้ภพ…นั่นสิ!! ผมลืมเรื่องหนี้ดอกเบี้ยบานนั่นอีกแล้ว!!
“เฮ้ย! ภพ…”
“…คือ…แล้วเรื่อง…หนี้ของกูอ่ะ” ประโยคด้านหลังเบาจนแทบกระซิบ เพราะกลัวว่าใครจะได้ยินเข้า
“หนี้?...อ้อ…สองแสนน่ะเหรอ”
“แสนเก้ากว่าๆ สองแสนที่ไหนล่ะ…” ไอ้ภพยิ้มมุมปาก แลดูเจ้าเล่ห์ร้ายมากกว่าจะยิ้มให้ผมด้วยความรักและเอ็นดู
“เอาเป็นว่ากูจะทบทวนอีกทีตอนที่ได้คำตอบจากปากมึงวันพรุ่งนี้…เพราะงั้น…เรื่องหนี้ขึ้นอยู่กับมึงแล้วล่ะติ่มซำ…”
แหม…พูดกันแบบนี้ก็คงจะมีคำตอบเดียวในใจกูเท่านั้นล่ะ!!! พ่อคุณชาย!!!
“อ้อ…กูว่ามึงไปคุยกับไอ้แมคให้จบเรื่องดีกว่านะ…ไม่สงสารที่มันมานั่งร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรกับกู ก็สงสารตัวมึงเองเถอะ…มึงรักเพื่อนแค่ไหน กูดูออก แล้วเพื่อนอย่างไอ้แมค มึงก็ตัดมันไม่ขาดหรอก ถ้ามึงปล่อยเรื่องเอาไว้แบบนี้ ก็จะเป็นตัวเองทั้งนั้นที่ไม่มีความสุข”
ไอ้ภพหันมาพูด ผมได้แต่ยิ้มบางให้กับมัน เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยากจะทำอะไรดี…ถ้าไปพบไอ้แมคแล้วจะพูดกับมันว่ายังไง…ถ้าไปพบไอ้แมคแล้วจะบอกมันยังไง…จะรับฟังคำขอโทษจากปากมันได้โดยสงบมั้ย จะเอ่ยปากให้อภัยมันหรือจะตัดเพื่อนกับมัน…
…ตัดเพื่อน…สำหรับความผิดเรื่องปากพล่อยและพูดจาคะนองปากอย่างนั้นหรือ?...ทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่…ทำเรื่องไร้สาระให้กลายเป็นเรื่องที่ต้องเสียเพื่อนไปหนึ่งคน…ชีวิตคนเราจะมีเพื่อนสนิทสักคนมันง่ายเท่ากับการตัดเพื่อนออกไปจากชีวิตสักคนมั้ยนะ…
“ไปมั้ย? ไปวันนี้…เดี๋ยวกูขับรถไปส่งบ้านมัน…”
“รถมึง?” ผมย้อนถามไอ้ภพ มันยิ้ม
“รถกู กูขับ และใบขับขี่กู…” …ไอ้ใบขับขี่มึงนี่แหละไม่น่าเชื่อถือที่สุด…
“ไปเถอะ เดี๋ยวกูไปนั่งเป็นเพื่อนด้วย…” ผมมองหน้าไอ้ภพ มันยังยิ้มให้ผม ถ้าจะบอกว่านี่เป็นรอยยิ้มของมันที่ผมเห็นแล้วรู้สึกดีที่สุดก็คงจะใช่ ผมยิ้มตอบ แล้วก้าวขาไปหามัน
“ไปก็ได้”
...ไปคุยกับไอ้แมคให้จบเรื่อง…ไปเพื่อตัวผมเอง เพื่อไอ้แมค และเพื่อมิตรภาพของผมกับไอ้แมค…ส่วนไอ้ภพ…ปากมันว่าจะไปนั่งเป็นเพื่อน แต่ด้วยจินตนาการอันล้ำเลิศของผม…ผมว่ามันจะไปประกาศตัวว่าเป็นแฟนผมต่อหน้าเพื่อนผมมากกว่า…แหม แหม แหม…กูรู้…
……………….
ไอ้แมคร้องไห้สะอึกสะอื้น ทิชชู่หมดไปหลายม้วนนับตั้งแต่ผมไปปรากฏตัวที่หน้าบ้านมัน ผมสาบานว่าตั้งแต่คบหากับมันมา ไม่เคยเห็นมันร้องไห้มาก่อน จนกระทั่งวันนี้
…มันคงเข็ดไปอีกนาน…
“กูขอโทษ ติ๋ม…กูขอโทษ…กูขอโทษ…” มันย้ำคำเดิมซ้ำๆ พูดไปคอตกไป น้ำตาไหลไป ผมที่ยืนมองมันเป็นฝ่ายทนไม่ไหวต้องเดินเข้าไปกอดไหล่มันเสียเอง
“กูรู้แล้วว่ามึงขอโทษกู…กูเข้าใจแล้ว…” ผมพูดแล้วไอ้แมคก็ร้องไห้น้ำตาออกมาอีกถังใหญ่ๆ จนในที่สุด มันคงไม่มีน้ำตาเหลืออีกแล้ว มันถึงหยุดร้องแต่ก็ยังสะอื้นฮักเป็นเด็กๆ
“มึงโกรธกูเถอะนะติ๋ม…โกรธกูเถอะ…” ไอ้แมคนี่ท่าจะบ้าจริงๆ มาขอกันแบบนี้ เดี๋ยวกูก็โกรธจริงๆหรอก…
“กูไม่รู้ว่าตอนนี้กูรู้สึกยังไงนะแมค มันเจ็บๆแบบมดกัด แล้วมันก็ชาๆ หน่วงๆ แต่ถ้าถามว่ากูโกรธมึงมั้ย กูบอกได้คำเดียวว่ากูไม่โกรธมึง…เพราะว่ามึงเป็นเพื่อนกู…” ไอ้แมคแบะปากจะร้องไห้อีก มันซุกหน้าลงกับไหล่ผม
“มึงก็เป็นเพื่อนกู แต่กูทำกับมึงแบบนี้…ติ๋ม…กูขอโทษ…กูขอโทษ…”
“มึงแค่หลอกกูว่าไอ้ภพชอบกูเฉยๆ ไม่ได้หลอกเงิน หลอกกูไปขาย หลอกให้กูลำบากอะไรนี่หว่า…แม่กูบอกว่าถ้าถูกเพื่อนหลอกตังค์ไปสิ ค่อยน่าเลิกคบ ไอ้เรื่องหลอกบ้องตื้นของมึงแค่นี้ ถือซะว่าเอนเตอร์เทนเพื่อนฝูง…”
“แม่มึงพูดอย่างนั้นจริงๆเหรอวะ…” ไอ้แมคถามผมทั้งน้ำตา ผมก็ยิ้ม
“อือ…เพราะงั้นก็เลิกขอโทษได้แล้ว มึงขอโทษกูเยอะขนาดนี้ กูจะแบกคำขอโทษมึงกลับบ้านหมดมั้ยเนี่ย…”
“ให้มันขอโทษเถอะติ๋ม…มันได้สำนึก” ไอ้ตุลพูด ผมเลยเหล่ไปมองมัน
“แล้วมึงล่ะ…มีส่วนรู้เห็นเรื่องนี้ด้วยรึเปล่า”
“เฮ้ย! เปล่านะเว้ย! กูก็ถูกไอ้แมคหลอกเหมือนกัน!!”
“แล้วมึงโกรธมันมั้ย” ผมถามอีก ตายังจ้องไอ้ตุล
“ตอนที่มันสารภาพกับมึง กูก็โกรธล่ะ แต่พอมึงกลับบ้านไปแล้ว มันก็นั่งร้องไห้อย่างเดียว กูก็เลย…ถือซะว่ากูฝากมันซื้อลูกชิ้นปิ้ง แล้วก็ถูกมันหลอกว่าลูกชิ้นหมด แต่จริงๆแล้วมันกินเข้าไปเอง แล้วสุดท้ายก็ติดคอตัวเอง…แบบนั้นน่ะ…” …เอ่อ…เพื่อนตุล กูเหมือนจะเข้าใจอยู่นะ นี่มึงเปรียบเปรยอยู่ใช่มั้ย…ทำนองว่ากรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมสนองรึเปล่า…
“ไอ้ตุลแม่งพูดจาเข้าใจยาก…” แมคบ่นแล้วสูดน้ำมูกเป็นระยะ ผมยิ้มให้มัน แล้วเอื้อมแขนอีกข้างไปกอดคอไอ้ตุลเอาไว้
…คนเราจะมีเพื่อนสนิทสักกี่คนในชีวิตกัน แล้วพอมีเพื่อนสนิทสักคน มีคนที่รู้จักเราดี มีคนที่เราอยู่ด้วยแล้วมีความสุข…เราก็ควรจะรักษาเขาเอาไว้ให้นานที่สุดไม่ใช่หรือครับ อะไรที่ผ่อนได้ก็ผ่อน อภัยได้ก็อภัย…วันนี้ผมยังไม่สนิทใจกับไอ้แมคก็จริง…แต่ผมเชื่อในตัวเอง เชื่อในตัวมัน และเชื่อในมิตรภาพของเรา…วันนึงข้างหน้า…เราจะเป็นเหมือนเดิม…
“มึงก็พูดปากไม่มีหูรูดแหละว้า” ผมบ่นใส่ ไอ้แมคหน้าสลดไปนิดนึง แล้วอ้อมแอ้ม
“กูขอโทษ”
“ขอโทษกูแล้วต้องไปขอบคุณไอ้ภพด้วยนะ มันบอกให้กูมาหามึงที่นี่…” พวกผมสามคนหันไปมองไอ้ภพที่ยืนเป็นสักขีพยานในมิตรภาพระหว่างผองเพื่อนมานาน
“ขอบใจว่ะภพ…”
“ไม่เป็นไร…กูก็ต้องขอบใจมึงเหมือนกัน…” …ฮั่นแน่…จะขอบใจที่ไอ้แมคทำให้มึงกะกูมาพบรักกันใช่มั้ยล่ะ…
“…ถ้ามึงไม่ช่วยกูโกง ส่งซิกบอกไพ่ในมือติ่มซำให้กูรู้ กูคงไม่ชนะมันทุกตาหรอก แล้วกูก็คงไม่ได้เป็นเจ้าหนี้มันตั้งสองแสน…”
…อะไรนะ?...ส่งซิกบอกไพ่ในมือ…ใครส่งซิกให้ใคร?!...
ผมหันขวับไปมองไอ้แมค ที่ตอนนี้ไม่มีน้ำตาไหลสักเม็ด มีแต่เหงื่อผุดเต็มหน้าเลยนะเพื่อนร้ากกกกกก!!!...
“นี่มึง…ที่กูแพ้พนันไอ้ภพตอนนั้นทุกตาเป็นเพราะมึงงั้นเหรอ?!!!”
“ก…กูแค่…กูแค่ทำตามที่ไอ้ตุลเสนอ!! มันบอกว่ามึงชนะทุกทีเวลาเล่นไพ่ น่าจะมีใครสักคนชนะมึงบ้าง…กูก็เลย…เอ่อ…กูก็เลย…จัดให้…” มิน่า!! ขาไพ่ขั้นเทพแบบติ่มซำคนนี้ถึงแพ้ไอ้ภพรวดในสงครามดอกจิกคราวนั้น!! แล้วที่ไพ่ในมือกูขึ้นแต่ดอกจิกก็เป็นเพราะมึงด้วยใช่มั้ย?!!!!
“คราวนี้กูไม่ได้โกหกมึงนะติ๋ม กูแค่แกล้งมึงเฉยๆ…แม่มึงบอกเองนี่หว่า ว่าถูกเพื่อนหลอก ถูกเพื่อนแกล้งแค่นี้ให้ถือว่าเป็นการเอนเตอร์เทนเพื่อนฝูง…” ไอ้แมคพูดเสียงรัวเร็ว แต่ผมไม่สนใจอะไรอีกแล้ว…หลอกกูยังพอว่า แต่ทำให้ขาไพ่ขั้นเทพอย่างกูตกจากสวรรค์เพราะแพ้ไพ่ไอ้ภพทุกตาแบบนั้นมันสุดแสนจะน่าเจ็บใจ…ฮึ๋ย!!! มึงงงงงงงง ไอ้แมค!!!!!
“มึงงงงงงง!!!...หึ!!!!” ผมสะบัดหน้าหนีมันคอแทบหัก อารมณ์งอนพุ่งทะลุปรอทในเสี้ยววินาที
“ต…ติ๋ม…มึงงอนกูเหรอ”
“งอนโว้ย!!! หนี้สองแสนที่กูติดไอ้ภพ มึงกับไอ้ตุลต้องหาเงินมาใช้มันแทน!! ส่วนมึง! ไอ้ภพ!!!...” ผมชี้หน้าเพื่อนสองตัวก่อนจะตวัดสายตามาจิกไอ้ภพที่เผยความลับในโลกใบนี้ให้ผมรับรู้
“…มึงกับกูมาเล่นไพ่กันอีกตา กูจะไม่ยอมเป็นแฟนกับมึง จนกว่ากูจะได้รู้ว่าระหว่างกูกับมึง ใครกันแน่ที่เป็นขาไพ่ขั้นเทพ!!!!! โว้ยยยยยยยยย!!!” เสียงตะโกนของผมดังลั่นบ้านอย่างหงุดหงิดเป็นที่สุด!!! เดี๋ยวผมคงต้องขอตัวจากท่านผู้อ่านทั้งหลายไปทดสอบความเป็นขาไพ่ขั้นเทพของผมกับไอ้ภพก่อนล่ะครับ! ถ้าไม่ได้รู้ความจริงวันนี้ ผมไม่ยอม!!!
…ส่วนไอ้เพื่อนเวรสองตัวนั่น! มิตรภาพหอยหลอดอะไรผมไม่สนอีกแล้ว!!! ไปหาเงินมาใช้หนี้ไอ้ภพแทนกูเดี๋ยวนี้เลย!!!!!! อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!...
……………….
หนี้จบลงไปแล้วอย่างสวยงาม ด้วยการถ่ายโอนจากผมไปยังมือไอ้เพื่อนเวรๆอย่างไอ้แมคและไอ้ตุล ผมไม่รู้ว่าพวกมันไปส่งซิกส่งแซกอะไรขอลดหย่อนหนี้กับไอ้ภพมั้ย เพราะผมไม่สนใจ ตอนนี้ก็ยังงอนมันอยู่นิดหน่อย แต่มันสองตัวก็ขยันเอาน้ำเอาขนม(ฟรีๆ) มาล่อผมเรื่อย ผมก็เลยหายงอนมันเร็ว…แหะๆ
ส่วนผมกับไอ้ภพ…เอ่อ…ตอนนี้ผมกลายเป็นแขกประจำบ้านไอ้ภพไปแล้วนะครับ ไม่ใช่เป็นเลขาฯให้ไอ้ขนมจีบหรอก แต่เป็น ‘ขาไพ่’ ให้ไอ้ภพต่างหาก
“ที่กูแพ้ เพราะว่ากูอยากให้มึงรู้สึกว่ามึงเหนือกว่ากูบ้าง…” ไอ้ภพบอกผมตอนที่มันแพ้ผมเป็นตาที่ 41 ติดต่อกัน…ไม่ต้องบอกก็คงจะรู้แล้วมั้ง ว่าใครได้ตำแหน่งขาไพ่ขั้นเทพ หึๆ
“มึงเล่นไม่เก่งเองมากกว่า เรื่องไพ่เนี่ยมันต้องทั้งฝีมือ ทั้งดวงด้วยเว้ย” ผมโอ่เล็กน้อย ทำเอาไอ้ภพยิ้ม
“งั้นแสดงว่ามึงทั้งเก่ง ทั้งดวงดีงั้นสิ?” มันย้อนถามผม ผมก็เลยยืดอกขึ้นมาอีกคราวนี้จากรอยยิ้มของไอ้ภพกลายเป็นเสียงหัวเราะ
“หัวเราะอะไรวะ?”
“ก็หัวเราะเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะได้แฟนที่ทั้งเก่งทั้งดวงดีน่ะสิ…” อุ๊ย! มาชมอะไรกันต่อหน้าแบบนี้ล่ะ…แหม…ไอ้ภพอ่ะ!!...
จากที่เรานั่งกันอยู่คนละมุมเพื่อเล่นไพ่กัน ตอนนี้กลายเป็นไอ้ภพขยับเข้ามานั่งข้างๆผมแล้ว แอบอายนิดหน่อยเพราะผมเพิ่งจะมาสำนึกได้ตอนนี้ว่าเราอยู่กันสองคนในที่รโหฐาน…โชคดีนะเนี่ยที่เมื่อวานทั้งบำรุงเส้นผมจากโคนจรดปลาย ทั้งทาครีมบำรุงผิว แล้วตอนก่อนจะมานี่ก็แปรงฟันมาแล้วเรียบร้อย…เพราะฉะนั้น…แฮ่ม…’เอาเลย’…
ไอ้ภพก้มหน้ามันลงมาใกล้ผมมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้แหละครับที่หัวใจเต้นไม่ส่ำเขาเป็นกันยังไง ผมก็ได้เรียนรู้ มือผมที่วางแหมะอยู่ข้างลำตัวเริ่มกำเข้าหากันอย่างตื่นเต้น…จูบแรกเชียวนะเฟ้ย! จูบแรก…
ปึ้ก!!!...
“โอ๊ย!! ทำอะไรของมึงวะ!!” อารมณ์โรแมนติกล่มกะทันหันเพราะไอ้ภพทำอะไรสักอย่างกับหน้าผากผมจนเจ็บจี๊ด!!
“หน้ามึงนี่มันน่าแกล้งจริงๆ ติ่มซำ…นอกจากกูจะมีแฟนทั้งเก่งทั้งดวงดีแล้ว กูยังมีแฟนน่าแกล้งด้วยนะเนี่ย” แล้วไอ้ภพก็หัวเราะเสียงดังลั่น ก่อนจะลุกขึ้นเดินหัวเราะเข้าห้องน้ำไปแบบที่ทำเอาผมอ้าปากค้างมองตามด้วยความเจ็บใจ
…ไอ้!!! หน้าอย่างกูไม่ได้ยอมให้ใครใกล้ชิดง่ายๆนะโว้ย!! กูอุตส่าห์บำรุงทุกอย่างมาอย่างดี มึงทำแค่ดีดหน้าผากกูเนี่ยนะ!!!!!...
“ติ่มซำ มึงเก็บไพ่เข้ากล่องด้วย เดี๋ยวไปกินบะหมี่กัน” ไอ้ภพตะโกนออกมานอกห้องน้ำ ทำเอาผมชักเดือดตุบๆ รวบไพ่เข้ามาเป็นสำรับอย่างอัดอั้น
“คอยดูนะมึง กูจะสั่งให้บะหมี่ให้มึงหมดตัวไปเลย!!!! แฟนบ้าแฟนบออะไรวะ!! พากินแต่บะหมี่!! ด๋อย!! กูรู้นะว่าเพราะแถวนั้นมันจอดรถง่าย! มึงเลยพากูไปบ่อย กูไม่น่าหลงมาเป็นแฟนมึงเลยจริงๆ เซ็งโว้ย!!”
…แต่โวยไปก็เท่านั้น สุดท้ายก็ได้ไอ้คุณชายณภพมาเป็นแฟนเคียงคู่ชู้ชื้นกินแต่บะหมี่ข้างถนนไปแล้วเรียบร้อยโรงเรียนดอกจิก…ผมรู้แหละว่าเรื่องคราวนี้ใครผิด... ไม่ใช่ผม(ที่โง่เชื่อคำพูดไอ้แมค) ไม่ใช่ไอ้ตุล(ที่เป็นต้นคิดเรื่องอยากให้ผมแพ้พนัน) ไม่ใช่ไอ้แมค(ที่ทำความเลวเอาไว้ทุกอย่าง) และไม่ใช่ไอ้ภพ(คนที่ทำเนียนกับเรื่องที่เกิดขึ้น)
…แต่เป็น…
…นังดอกจิก!!! ไพ่สัญลักษณ์อุจาดตาที่สุดนับตั้งแต่ขาไพ่ขั้นเทพอย่างผมอุแว้ออกมาลืมตาดูโลก!!!ฮึ้ย!!!...
FIN
แหะๆ จบแหละ จบแล้วววววววว ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนอ่าน คนเม้นท์ กำลังใจ และทุกการติดตามมากๆนะคะ
เรื่องสั้นเรื่องต่อไป ถ้าไม่มีอะไรพลาด จะมาลงหลังจากนี้อีก 2 สัปดาห์ ในกระทู้เดิมน้า อิอิ
ซึ่ง...ตอนนี้ยังไม่ได้พิมพ์สักตัวเลยอ่ะ ฮ่าฮ่า (ขยันมากมายยยยยย)
แล้วเจอกันน้าาาาาา เรื่องสั้นเรื่องต่อไป ==> "ยังไม่ได้คิดชื่ออ่ะ กรี๊ดดดดดดดด"