“ผมไม่เคยคิดนะว่าจะกลับไปปางจันทร์อีกรอบ” สุริยาบอกความจริง
“ผมคิดว่าผมน่าจะได้กลับไปอีกรอบ ตั้งแต่วันที่ผมนั่งรถออกมาจากปางจันทร์กับคุณ แถมก่อนที่รถออกจากปางจันทร์ยังมีเด็กผู้หญิงตัวน้อย ๆ ยืนทำตาละห้อยโบกมืออำลา..” รุ่งโรจน์ล้อคนที่อยู่ด้านหลัง
แสงทองไม่ต่อปากต่อคำ
“แต่กลับมาคราวนี้ไม่เหมือนเมื่อครั้งที่แล้ว เพราะสาวเจ้าของเรา กำลังจะไปเป็นเจ้าสาว..”
“ไม่..” แสงทองเน้นถ้อยเน้นคำมั่นใจ
“อธิษฐานว่าไง ไปมาหลายวัด คงอธิษฐานว่าขอให้ได้แต่งงานกับ..เอ่อ.”
“ไม่มีหรอก เรื่องนั้น” เสียงแสงทองเริ่มดังขึ้น
“คุณก็หยุดล้อสักทีเถอะ” สุริยาปราม แต่รุ่งโรจน์ไม่หยุดแถมยังร้องเพลงพรหมลิขิตล้อเสียอีก
“พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด ก่อนนี้อยู่กันแสนไกล พรหมลิขิตดลจิตใจ ฉันจึงได้มาใกล้กับเธอ เออชะรอยจะเป็นเนื้อคู่ ควรอุ้มชูเลี้ยงดูบำเรอ แปลกครั้งแรกเมื่อพบเธอ ใจนึกเชื่อเมื่อแรกเจอ ฉันและเธอคือคู่สร้างมา....เนื้อคู่ถึงอยู่แสนไกล ก็ไม่คลาดคลา มุ่งหวัง สมดั่งอุราไม่ว่าใคร ๆ ...หากไม่ใช่คู่ครองแท้จริง..จะแอบอิงรักยิ่งปานใด ยากนักที่จะสมใจ คงต้องเกิดอาเพศภัย รักกันไปทำให้คลาดคลา”
และแสงทองก็แก้เขินด้วยการหยิกเบา ๆ ที่ต้นแขนด้านซ้ายคนขับ จนกระทั่งรุ่งโรจน์ร้องเอ้ย..เอ้ย..ห้าม..พลางประคองพวงมาลัยแน่นเพราะรถเสียหลัก..
แสงทองหน้าเสียทันทีเมื่อคนขับชลอรถที่ส่ายไปมา แล้วหยุดที่ตรงข้างทาง..
“เป็นอะไร หนูขอโทษ” คนผิดรีบยกมือไหว้ปะหลก ๆ
“อะไร ขอโทษอะไร..” รุ่งโรจน์ยังอำก่อนจะหัวเราะก๊าก ๆ ..กับสีหน้าสำนึกผิดของคนสวยประจำรถ
“หนูไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นอย่างนั้น..แค่ ก็พี่ล้อหนูทำไมเล่า..”
“ไม่นึกชอบเขาบ้างแล้วจะหยิกพี่ทำไม..ตกลงเราเชื่อเรื่องพรหมลิขิตหรือเปล่า” รุ่งโรจน์ยังมีอารมณ์หันมาถาม..
“เชื่อซิ ..เชื่อ..ไปเถอะ..เดี๋ยวพระอาทิตย์ตกดิน จะขับลำบากขึ้น..”
รุ่งโรจน์เปิดประตูรถลงจากรถไป สุริยาคิดว่าเขาคงพักเหนื่อยหรือไม่ก็ไปยิงกระต่าย..
“ลงไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินที่ปางจันทร์สักหน่อยก็ดีนะ..ประกอบคำบรรยายเพลงพรหมลิขิต” พอเปิดประตูรถลงไปพบว่ารุ่งโรจน์ใช้เท้าแตะไปที่ล้อหน้าด้านคนขับ..
“ยางรั่ว” รุ่งโรจน์ร้องบอก พอสุริยาได้ยินรีบลงจากรถไปยืนดูบ้าง..
“โชคดีนะ ที่อยู่ในช่วงไม่ลาดชันมาก ไม่งั้นมีหวังพุ่งลงเหว..”
“บุญรักษาปะ” แสงทองถาม..
“ไม่รุ..แต่ตอนนี้เราต้องเปลี่ยนยางล้อรถกันแล้ว...ใครทำเป็นบ้าง..” รุ่งโรจน์ถามคล้ายกับว่าตนเองทำไม่เป็น แสงทองรีบส่ายหน้า สำหรับสุริยา..
“ไม่เป็น มันก็ต้องลองดู..ต้องมีแม่แรงซิ รถคุณมีหรือเปล่า”
“เอาลงไปแล้ว...ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นอย่างนี้ ดีนะที่เอายางอะไหล่ติดมาด้วย..โทรศัพท์ก็ใช้ไม่ได้ด้วยซิ..แย่แล้วแสงทองกินข้าวลิงเสียละมั้ง..”
“กล้วยก็ไม่ได้ซื้อมาจะมีอาถรรพ์ได้อย่างไร”
“กล้วยเกี่ยวอะไรด้วย” รุ่งโรจน์ยังหันรีหันขวาง มองดูทางไปและทางมา เงียบเชียบทีเดียว..
“เดี๋ยวก็มีรถผ่าน รออีกนิด” แสงทองว่าพลางกดชัดเตอร์กล้องดิจิตอลไปด้วย..ถ่ายรูปพระอาทิตย์กำลังจะลับเหลี่ยมเขา ถ่ายรูปรถยางแบน และก็รูปสองหนุ่มพิงรถทำตาขวาง ๆ ให้ตน..
“ทุกข์ไปใย อาหารบนรถก็มี..ถ้าคืนนี้ไม่มีรถใครผ่านมา พรุ่งนี้ก็ต้องมี ปลอดภัยกว่าตอน
อยู่บนยอดปางจันทร์เสียอีก..”
“มาถึงถิ่นแล้วลายออกเชียว มันน่าให้กลับมาอยู่ถิ่นเดิมนัก”
“กลับมาก็เป็นคุณนายย่ะ..” แสงทองต่อคำ แบบนึกขำ ๆ และแล้ว..
“เย้..เห็นแล้ว มาแล้วหนึ่งคัน..เอ๊ะ..เอ๊ะ..ใครหว่า..” ว่าพลางก็กดชัดเตอร์ไปด้วย ..แล้วรถคันนั้นที่หมายว่าต้องช่วยได้ก็เข้ามาจอดตรงด้านหน้า
สีหน้าแสงทองเผือดลงทันที ด้วยเป็นรถตำรวจ..
“มีอะไรให้ผมรับใช้ไหมครับ..”
“คือรถเรายางรั่ว ไม่มีแม่แรงครับ..”
“นี่พวกคุณกำลังจะไปไหนกัน..” หนึ่งในสองนายถามด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม..คนที่รู้ว่าคู่หมายของตนเป็นตำรวจใน สภอ.ปางจันทร์ ค่อย ๆ เดินเตร่ไปอีกฝั่งของรถ..สุริยาค่อย ๆ เลาะไปหาแล้วกระซิบถามว่า
“ไม่รู้จักรึ อยู่สถานีเดียวกับคุณลุงหรือเปล่า..”
“คุณลุงย้ายไปนานแล้ว ไม่ค่อยมีตำรวจมาที่บ้านนานแล้ว”
“ก็อ้างไปซิว่ามาหาคุณป้าเธอ”
“ไม่หรอก..เกลียดตำรวจไม่อยากคุยด้วย”

ตอนที่ 25.

“พ้มร้อยตำรวจตรี..รุ่งโรจน์ ศิริรัตนวงศ์..ครับ”
“พ้มร้อยตำรวจโท..สุริยา ณ กำแพงเพชร..ครับ” สุริยาทำตลกไปด้วย
“พ้มร้อยตำรวจเอก..ว่าที่สามีคุณแสงทองครับ..”
“อ๊าย..ไม่จริง ไม่ใช่..”
“หน้าตาดีนะคุณยะ..พวกเราเทียบไม่ติดเลย..สงสัยจะใช่แน่ ๆ เลย ถอดล้อแบบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผมเห็นนะเขาพยายามเงยหน้าไปมองแสงทอง แต่รถมันบังไว้..แสงทองก็ใจร้าย ทีนี้เขามองอะไรรู้ไหม..เขามองขาคนสวยของเรา ซึ่งยืนให้ยุงกัดอยู่ได้”
“พี่รุ่งอ่ะ ไม่นะ”
“แล้วเธอรู้ได้อย่างไรว่า เป็นตำรวจคนที่หมายเธออยู่..” รู้ว่าแสงทองอายแต่รุ่งโรจน์ไม่ยอมเลิก
“ไม่รู้อะไรหรอก แค่ไม่อยากโผล่หน้าออกมาดูก็เท่านั้น”
“เซ้นส์มันบอกใช่ไหม ว่าต้องใช่..คุณว่าใช่ไหมคุณยะ..”
“ดูอายุแล้วน่าจะใช่นะ..” พอได้ยินว่าสุริยาช่วยเสริม สีหน้าแสงทองสลดวูบทันที
“พนันกันไหมแสงทอง ว่าใช่คนที่คุณป้าบอกหรือไม่..”
“ไม่..” แสงทองตอบทันควัน แถมดูพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด
“แสงทองเอ๊ย ชีวิตคนเรามันเอาแน่ไม่ได้ร้อก..ผมน่ะ มองแว้บเดียวผมก็รู้แล้วว่าเป็นเขานะ ผมถึงไม่ช่วยเขาเปลี่ยนล้อไง จริง ๆ ผมก็ทำไม่ได้หรอก ไม่เคย..และถ้าเขาไม่หมายตาคุณไว้ เขาเคยเห็นหน้าคุณนี่เขาถึงยอมช่วยเรา ทั้งที่จริง ๆ เขาไม่จำเป็นต้องช่วยก็ได้ ..อยากโชว์ออฟให้สาวเห็น ผมก็เลยสนอง..อยากให้ได้คะแนนไปสักนิด..เผื่อสาวเจ้าจะเปลี่ยนใจรับรักโดยเร็วพลัน..”
“พี่รุ่ง ถ้าพี่ยังไม่เลิกพูดนะ เจอดีแน่ ๆ เดี๋ยวหาว่าหนูไม่เตือน”..แสงทองเม้มริมฝีแน่น..หน้าตาบ่งบอกว่ากำลังน้อยใจ
“เจอดีอย่างไง..”
“เหอะ เลิกพูดเถอะ หนูยิ่งกลุ้ม ๆ อยู่ด้วย..จะดี จะร้าย จะหล่ออย่างไรก็ยังไม่อยากแต่งหรอก ยังใช้ชีวิตไม่คุ้มเลย..”
“ไม่อยากแต่งก็คุยกับเขาดี ๆ บอกว่าขอดูใจไปสักพัก..ทีนี้คบกันแล้ว ค่อยมาพิจารณาอีกที หนทางไกลมันพิสูจน์คนได้นะ..ถ้าเขารักเธอ มั่นคงกับเธอ เขาก็รอเธอได้ แต่ถ้าเขาไม่รักเธอจริง หรือว่าเห็นคนอื่นดีกว่า เหมาะสมกว่า..เธอก็เป็นอิสระ”
“อย่างนั้นรึ แล้วเรื่องโมเมให้ใครสักคนหนึ่งในสองเป็นแฟนหนูนี่ไม่ต้องรึ” แสงทองปรายตาไปทางสุริยา หวังว่าคงจะเห็นอะไรในนั้นบ้าง แต่เปล่าเลย..สุริยาทำเหมือนไม่รับรู้ความรู้สึกของหญิงสาวเลยสักนิด รุ่งโรจน์ก็พูดทำนองเชียร์ให้เห็นดีเห็นงาม..
“อย่าเลยแสงทอง..สงสาร คนมีความรักเสียแล้ว ไม่อยากมีเวรกรรม ถึงคราวที่เราไปรักใครเขาบ้างจะได้ไม่ถูกขัดขวาง..ใช่ไหมคุณยะ..”
คนถูกถามหันมาแยกเขี้ยวเข้าใส่ บอกให้รู้ว่าไม่เกี่ยวนะโว้ย คุยกันเองเถอะ..
เมื่อรถเข้าสู่เขตเมืองปางจันทร์ แสงทองก็ทำท่าประหนึ่งสะบัดร้อนสะบัดหนาวขึ้นมาทันที..
“กลัวอ่ะ”
“กลัวอะไร เมื่อกี้ เขาเข้าเมืองไปแล้ว...กว่าจะกลับมา ก็พรุ่งนี้...คืนนี้ทั้งคืน เธอก็ใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ไปแล้วกัน”
รถซีอาร์วีจอดที่ใต้ต้นมะขามใหญ่ ต่อท้ายกับรถคันโก้อีกสามคัน หนึ่งในนั้นเป็นรถของคุณป้าที่สุริยาพอจำได้ แต่อีกสองนั้นอาจจะเป็นของแขกที่มาพักหรือไม่ก็ ‘ว่าที่ลูกเขย’ ของป้าแสงทอง..พอลงจากรถ ผู้เป็นป้าและคนงานก็กรูออกมาต้อนรับคล้ายจะขับไล่คนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่วงศาคณาญาติให้ออกไปด้วย..
แสงทองแนะนำสองหนุ่มให้ยกมือไหว้คุณป้าและคุณลุง..พร้อมกับชะแง้เข้าไปในตัวบ้าน..คนเป็นป้ามีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก..แล้วหันไปร้องบอกคนงานให้พาสองหนุ่มไปที่ห้องพักหมายเลขสี่..แล้วก็ดึงตัวแสงทองเข้าบ้านไป..
“ไหนว่าจะแต่งลูกสาว ดูท่าแล้วไม่น่าจะใช่นะ ไม่เห็นมีอะไรเลย ทำสีหน้าไม่ค่อยดีด้วยเมื่อเห็นเรา” รุ่งโรจน์ตั้งประเด็นเมื่อเดินเข้ามาในห้องที่เคยพักด้วยกันในเดือนกุมภาพันธ์..
สุริยานั่งลงบนเตียงที่รุ่งโรจน์เคยนอนแล้ว ดึงโทรศัพท์มือถือมาดูเวลา..
“สามทุ่มครึ่งแล้ว”
“สงสัยแสงทองไม่มาวุ่นวายกับเราแล้ว..ออกไปหาอะไรกินกันเถอะ” รุ่งโรจน์ส่งมือให้สุริยาดึงตัวเองขึ้นมาจากเตียง..
“เป็นไง..ห้องเก่าของเราสองคน” รุ่งโรจน์ทำท่าจะรวบกอด แต่สุริยาเบี่ยงตัวหลบ พร้อมกับเปิดประตูห้อง..ทำเป็นไม่สนใจ..
“ไปเถอะ หิวแล้ว..”
รุ่งโรจน์เดินตามออกมาอย่างว่าง่าย
“จะเดินไปหรือว่าเอารถไป..” รุ่งโรจน์ถาม..
“ตลาดแค่นี้เองเดินไปก็ได้..” รุ่งโรจน์เดินนำหน้าออกประตูรั้ว สุริยาขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ..ยืนรอสักพัก..หันกลับมาพบว่ารุ่งโรจน์กำลังยืนสนทนาอยู่กับใครบางคน ใบหน้ายิ้มแย้ม อย่างกับได้เจอะคนคุ้นเคย..สุริยาหันกลับเดินเข้าไปในตลาดโดยไม่สนใจว่า รุ่งโรจน์จะเดินตามมาด้วยหรือไม่.. สุริยาเดินไปถึงหน้าโรงพยาบาล เจอร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าที่แสงทองพามาในครั้งนั้น ออกปากสั่งต้มยำเส้นใหญ่ด้วยความรู้สึก แปลก ๆ ..รู้ใจตัวเองว่าหึงหวง..แต่ก็พยายามระงับดับมันให้ได้..เมื่อก๋วยเตี๋ยวตามที่สั่งมาวาง..เจ้าของร้านก็ถามว่า..
“คนที่เคยมากับแสงทองใช่ไหม..นานแล้วซิหลายเดือนแล้ว”
“ครับ” สุริยาตอบสั้น ๆ ต้องการตัดปัญหา ไม่มีอารมณ์จะสนทนา
“นี่กลับมางานแต่งหนูทิพย์อาภาหรือ..”
“ครับ” ตอบรับไปอย่างนั้น
“ได้ข่าวว่าท้องก่อนแต่งนะ นี่ก็แต่งเงียบ ๆ คงมีญาติเจ้าบ่าวมาไม่กี่คน ทางนี้ก็ไม่มีญาติอยู่ที่นี่นอกจากคนงาน กับพวกข้าราชการ อีกอย่างทางผู้ชายเขาก็ยังไม่พร้อมจะมีครอบครัวด้วย แต่ดันมาท้องซะก่อน แล้วแสงทองเป็นอย่างไรบ้างล่ะ ท้องหรือยัง”
สุริยาแทบสำลักก๋วยเตี๋ยว
“ยัง...”
คนถามตาโต...
“คือยังไม่มี ไม่ได้เป็นอะไรกันครับ เราเป็นแค่เพื่อนกัน ” สุริยาช่วยแสงทองแก้ตัว และก็รู้ว่าแสงทองเริ่มไม่พอใจที่เห็นตนพยายามช่วยรุ่งโรจน์ผลักใสให้ไปเสียอีกทาง ยังไม่ทันก๋วยเตี๋ยวจะหมดชาม รุ่งโรจน์ก็เดินจ้ำพรวด ๆ ตามมาด้วยสีหน้าตึง ๆ พอหย่อนก้นลงตรงเก้าอี้ตัวตรงข้าม ก็ถามว่า..
“ทำไมไม่ยืนรอผมก่อน รีบออกมาทำไม ผมเดินหาซะทั่วเลย”
“คือ..ผมคิดว่าคุณคงอยากคุยกันตามลำพังกับคนรู้จัก ก็เลย” สุริยาหยุดพูดไปเสียดื้อ ๆ
“หึงซิ” รุ่งโรจน์ดักคอ สุริยาวางช้อนและตะเกียบยกน้ำขึ้นดื่มทำเป็นไม่ได้ยินประโยคนั้น
“กินอะไรสั่งเลย” สุริยารีบเปลี่ยนเรื่องคุย รุ่งโรจน์หันไปสั่งเส้นเล็กหมูสองชาม ..แล้วก็หันมาจ้องหน้าสุริยา..ถอนหายใจออกมา..ไม่เปิดปากเล่าเรื่องอะไร จนกระทั่งแม่ค้าปากดี เอาก๋วยเตี๋ยวมาวางแล้วก็เมาท์เรื่องนั้นเรื่องนี้ เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง จนรุ่งโรจน์ต้องหาข่าว
“ป้า บน สภอ. มีผู้หมวดเป็นโสดกี่คน”
คนตอบไม่ต้องคิดเลย
“มีคนเดียว ..หมวดก้อง หมวดเกียรติก้อง..โสดอยู่คนเดียวนอกนั้นก็จ่าแก่ ๆ กับจ่าหนุ่ม ๆ ..มีอะไรรึ” ดูจะมีเชื้อพวกปาปารัชซี่เหมือนกัน
“เปล่า ..แล้วหน้าตาเป็นอย่างไรป้า..”
“อู๊ย..หล่อ..หล่อที่สุด..สาว ๆ ในปางจันทร์กรี๊ดสล๊บ เพิ้นหล่อมาก หุ่นก็สม๊าท” ท้ายประโยคเป็นสำเนียงเหนือ
“โสดเฉพาะที่ปางจันทร์หรือเปล่า มีเมียอยู่ที่อื่นรึเปล่าป้า ส่วนใหญ่พวกตำรวจเวลามาอยู่ไกลบ้านไกลช่อง มักจะอ้างว่าตัวยังโสด เอาไว้หลอกสาว ๆ พอเสียตัวให้ ปรากฏว่าเมียหลวงตามมาด่าก็เยอะแยะ”
“ไม่หรอก เพิ้นไม่สนใจสาวคนใด๋หรอก สาว ๆ ที่นี่อกหักกันระนาว..”
สุริยาถอนหายใจออกมา ส่วนรุ่งโรจน์ทำหน้ายิ้ม ๆ กินก๋วยเตี๋ยวเสร็จ สุริยาจ่ายเงิน แล้วก็ลุกขึ้นเดินนำกลับไปที่เกสเฮ้าส์ คืนนั้นพระจันทร์มีเพียงครึ่งดวง ท้องฟ้าไร้เมฆ จึงกระจ่างด้วยหมู่ดาว กับลมเย็นรำเพยพัดจนต้องเดินกอดอก รุ่งโรจน์เดินมาทันแล้วก็เกาะบ่าเดินไปเคียงกัน
“เป็นอะไร”
“ง่วงนอน” สุริยาตอบไม่ตรงกับความเป็นจริง
รุ่งโรจน์ปล่อยมือ หยุดยืนอยู่กับที่ ปล่อยให้สุริยาเดินกลับบ้านไปเพียงลำพัง พอถึงที่พักสุริยาก็เปลี่ยนเสื้อผ้า ออกจากห้องมาเข้าห้องน้ำด้านนอก อาบน้ำเสร็จกลับออกมาพบว่ารุ่งโรจน์กำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่กับผู้ชายคนที่คุยกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มยิ่งกว่าตอนสามทุ่มครึ่ง สุริยาไม่สนใจจะเข้าไปร่วมวง พอถึงห้องสวมเสื้อผ้า กินยาแก้แพ้อากาศ นั่งคุกเข่าสวดมนต์ดับอารมณ์พลุ่งพล่านก่อนจะล้มตัวดึงผ้าห่มคลุมกาย