อยากให้พระอาิทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง ((มีหนังสือพร้อมส่ง)))//ข่าวภาคสอง พระอาทิตย์หลังฝน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: อยากให้พระอาิทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง ((มีหนังสือพร้อมส่ง)))//ข่าวภาคสอง พระอาทิตย์หลังฝน  (อ่าน 132707 ครั้ง)

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
18.

   
   และวันที่ทั้งสามคนกังวลเป็นอย่างมากก็มาถึง รถที่ตั้งใจจะใช้แค่สอง ก็ต้องเพิ่มเป็นสามคัน..ร้านอาหารที่จองไว้ก็รีบโทรเพิ่มจำนวนโต๊ะ แถมต้องไปขอร้องให้แก้วและพรรคพวกขึ้นมาช่วยเป็นสต๊าฟในครั้งนี้ด้วย
   เมื่อบรรดาสาว ๆ ได้รู้ ตื่นเต้นยกใหญ่

   เมื่อสมาชิกพลพรรคคุณนายเพื่อน ๆ คุณแม่มาถึง ต่างคุยกันเพลิดเพลินเรื่องเพชรพลอยและเสื้อผ้าทรงผม ให้กล้องที่ตามจับภาพถ่ายจนหนำใจพอได้เวลาก็กรูกันขึ้นรถส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวอย่างกับคนที่ไม่ได้เจอกันมาสักสิบปี

   สุริยารู้สึกลำบากใจเป็นอย่างยิ่งที่ขณะยืนอธิบายแล้วหาได้มีคนสนใจฟัง จนกระทั่งถึงคิวที่ต้องทำวัตรสวดมนต์ตอนเช้า เสียงเจื้อยแจ้วเจรจาระหว่างคนรู้จักกันก็ยังไม่จบสิ้น จนกระทั่งเขาเอง รู้สึกถึงความขุ่นแห่งใจ แต่พอเห็นหน้าคุณแม่ที่ยิ้มแย้มผิดวันวาน และกล้องที่ถ่ายทำอยู่ตลอดเวลา เขาก็ปั้นหน้ายิ้ม ตั้งสติอธิบายสถานที่จะไปในวันนี้ พร้อมกับให้สต๊าฟ ช่วยกันแจกจ่ายน้ำชากาแฟ ขนมปังและน้ำดื่มและน้ำผลไม้รองท้องก่อนที่จะแวะทานอาหารเช้าแบบตัวใครตัวท่านในปั๊มใหญ่ริมทางหลวง

   วัดพระนอนจักรสีห์ เป็นวัดแรกที่คณะทัวร์ไปถึง พอไปถึงเป็นคิวของแสงทองที่จะทำหน้าที่ถือโทรโข่งบอกลูกทัวร์ให้เดินไปในทิศทางที่ต้องการ นั่นก็คือภายในวิหารที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระนอนแล้วก็บอกเล่า ความเป็นมาเป็นไปขององค์พระ หลังจากนั้น พระภิกษุที่สุริยาไปนิมนต์ไว้ให้มานำกล่าวสวดมนต์ฉบับย่อก็มาถึง ต่อจากนั้นก็ส่งไมค์ให้ท่านทำหน้าที่ให้ธรรมะเล็ก ๆ น้อย ๆ เสร็จตรงนั้นแสงทอง ก็แนะนำมุมถ่ายภาพที่จะทำให้หลวงพ่อพระนอนดูสวยชวนมอง นั่นก็คือให้คนถูกถ่ายยืนอยู่ระหว่างหน้าอกและให้ตากล้องไปยืนเฉียงเหนือขึ้นไปทางพระเศียร...

   เมื่อแนะนำไปแล้วคนที่บ้าเห่อถ่ายรูปก็กรูแย่งกัน..ประหนึ่งว่าภาพของตนจะได้ตีพิมพ์ในนิตยสาร เมื่อปล่อยให้เป็นอิสระสักพัก คนนำทัวร์ก็ประกาศเรียกให้ขึ้นรถแล้วพาไปวัดโพธิ์ ๙ ต้น กับค่ายบางระจัน ในที่ตรงนี้เป็นทีของรายการโทรทัศน์ที่จะตามเก็บภาพรุ่งโรจน์กับครอบครัวในทุกช็อตที่เดินเที่ยวชม..ออกจากวัดพิกุลทองก็ได้เวลาเที่ยงจึงต้องย้อนรถกลับไปที่ร้านอาหารในเมืองสิงห์บุรี อิ่มท้องแล้วก็ไปวัดเกษไชยโยวรวิหารสักการะหลวงพ่อโตในวิหารริมแม่น้ำ และปล่อยหอย ปู ปลาลงแม่เจ้าพระยา..

ถึงวัดขุนอินทประมูล ก็เป็นเวลาบ่าย ถ่ายรูปกับพระนอนองค์สีขาวเป็นที่ระลึก แล้วก็ไปสักการะเจดีย์สมัยรัตนโกสินทร์ วัดท่าอิฐ จนตะวันคล้อยก็ไปดูนรกสวรรค์ปูนปั้นจำลอง กำแพงแก้วรูปกลีบบัววัดม่วง วิเศษไชยชาญ แล้วย้อนกลับเข้ามาในเมืองไปวัดต้นสน สักการะพระพุทธชินราชจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลก และวัดสุดท้ายก็คือวัดจันทรังสี กับรูปหล่อหลวงพ่อสดหน้าตักขนาดเก้าเมตรในมหาวิหารขนาดใหญ่..

   จนกระทั่งถึงเวลาพระอาทิตย์ใกล้จะลาลับฟ้า รถบัสทั้งสามคันก็แล่นกลับมาจอดที่จุดนัดหมาย..พร้อมกับเรี่ยวแรงลูกทัวร์ที่เริ่มโรยรา..

   “คุ้มเงิน แต่เหนื่อยมาก ไม่เคยไหว้พระทำบุญแล้วเหนื่อยอย่างนี้มาก่อนเลย ดีนะคะที่มีลูกมาด้วยไม่งั้นอิฉัน..แย่ค่ะ โมทนาบุญร่วมกันคะ” เป็นบทสัมภาษณ์หนึ่งจากลูกทัวร์ซึ่งมีลูกสาวตัวเล็ก ๆ มาด้วย

   ส่วนลูกสาวก็บอกว่า..

   “ขอบคุณคุณแม่ค่ะที่พามาไหว้พระทำบุญกับแม่ในวันแม่ แถมมีโอกาสขอขมาแม่ก่อนมอบดอกมะลิให้ด้วย..”..
   อีกคนก็ว่า

   “อยากเป็นลูกคุณแม่ทุกชาติ ๆ ครับ คุณแม่ใจดี คุณแม่รักผม”
   


   เมื่อส่งคุณแม่และครอบครัวพี่ ๆ ของรุ่งโรจน์ขึ้นรถไปแล้ว.. ทั้งสามคนก็เดินเข้าออฟฟิศ โดยที่แสงทองรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปโก่งคออาเจียนด้วยบอกว่ารู้สึกพะอืดพะอม ส่วนสุริยานั่งที่โซฟาอย่างหมดเรี่ยวแรง และรุ่งโรจน์ที่ปรี่เข้ามานอนหนุนตักสุริยาอย่างไม่อายสายตาใคร ๆ ..
   “เหนื่อยอ่ะ..เหนื่อยที่สุดตั้งแต่จัดทัวร์มาเลย คราวหลังไม่เอานะ สามคันสี่คัน..สองคันก็พอแล้ว..”

   “งานนี้คุณแม่ หมดไปเยอะนะคะ ตั้งเกือบยี่สิบโต๊ะ สองหมื่นกว่าบาทกับส่วนต่างอีกคันละหกพันบาท”

   “แค่นั้นเล็กน้อย แต่ส่วนที่ให้รายการนี่ซิ..เหยียบแสน แต่คงจะคุ้ม คุณแม่ผมเป็นนักธุรกิจท่านดีดออกมาแล้ว เผื่อวันหนึ่งข้างหน้า มีใครสักคนจ้างคุณแม่ไปโฆษณาเป็นพรีเซ็นเตอร์ประมาณคุณแม่ยังสาวยังลุยไหวหรือไม่ก็พวกเคล็ดขัดยอกเวลาก้มกราบพระ คุณแม่ก็ได้คืนกลับมาหลายร้อยเท่า..”

   สุริยานั่งทำตาปริบ ๆ เงินได้มาง่าย ๆ ก็ใช้ไปง่าย ๆ ..เงินมี ‘สิริ’ นอนเนื่องอยู่กับคนมีบุญ..เงินเป็นของร้อนทำให้สุขและทุกข์ได้ในคราวเดียวกัน..และกว่าจะได้เงินในวันนี้เขารู้สึกเหนื่อยจนหมดกำลัง..

   “กลับบ้านเถอะผมง่วง”

   “พี่รุ่งอย่าลืมให้พี่ยาทานยาพาราสักสองเม็ดนะคะ ป้องกันไว้ก่อน”

   หลังจากที่ช่วยแสงทองปิดออฟฟิศเรียบร้อย รุ่งโรจน์ก็พาสุริยามาที่คอนโดด้วยอาการตัวร้อน       รุม ๆ

   “คุณไม่สบายแน่เลยคุณยะ แดดมันร้อนด้วย ทำท่าเหมือนฝนจะตกแต่ก็ไม่ตก..”

   พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงฟ้าก็ครืน ๆ มาแต่ไกล แล้วคืนนั้น ฝนก็ตกกระหน่ำซ้ำซัด ..คนที่นอนอยู่บนที่นอนด้วยกันเพียงแต่ห่มผ้าให้แล้วก็ใช้หลังมือแตะหน้าผาก ก่อนที่จะโอบกอดไปรอบ ๆ อกเหมือนทุกคืนก่อนจะหลับตานอน

   สุริยาลืมตาในความมืด ค่อย ๆ ลอบถอนหายใจออกมา...รู้ว่าคนที่นอนเคียงกันเร็วต่อความรู้สึกคนรอบ ๆ ข้าง..รู้ว่าเขาใส่ใจห่วงใย รักใคร่ ทะนุถนอม..รู้ว่านี่คือวิถีแห่งความสุขของคนคู่ ..ทำไมหนอ..

   สุขแต่ก็กลุ้ม เขาจะบ้าหรือเปล่าหนา..อยู่ ๆ ไม่นึกอยากจะมีจะเป็น ‘สุข’ ในอย่างทุกวันที่ดำเนินไป..

   ..อยู่ตรงไหน จุดจบของชีวิตอยู่ตรงไหน?..

   แล้วในคืนนั้นเขาก็ฝันว่า ตนเป็นพระออกบิณฑบาต โปรดสัตว์ผู้ยากไปในถิ่นที่ทุรกันดาน แม้จะลำบาก ใบหน้านั้นชุ่มด้วยความเปรมปรีดิ์ ...มีความสุข มันสุขคนละแบบกับการมีชีวิตที่สมหวังแบบนี้..

   มาสะดุ้งตื่นอีกที พบว่า..ตัวเองยังเป็นเพียงปุถุชนคนมีกิเลส..ก็รู้สึกสับสน..นึกถึงคำของพระอาจารย์...

   ‘คนจะบวชไม่สึกได้มันต้องเห็นทุกข์ พวกเธอ พวกท่านอยากสึกก็สึกไปเถอะ ไปให้รู้ ให้เห็นเข้าใจการมีชีวิตอยู่บนโลก พบทุกข์หรือว่าเบื่อสุขจอมปลอมเหล่านั้น แล้วค่อยกลับมา..แต่อย่ากลับมาอย่างผู้อาศัยศาสนานะ มาให้ศาสนาได้อาศัย..พระอาจารย์จะคอย..’

   ในเวลาเช้าตรู่สุริยายังอยู่ในอ้อมกอดของรุ่งโรจน์..พอเขาลืมตาขยับตัว..รุ่งโรจน์ก็ถามว่า

   “เมื่อคืนนอนไม่หลับ เป็นอะไรรึเปล่า..ตัวก็ไม่ร้อนแล้วนี่”

   “ฝันว่ากำลังเป็นพระ...มันรู้สึกแปลก ๆ นึกถึงตอนอยู่วัดก็เลย..นอนไม่หลับ… คุณรุ่ง… ถ้ารุ่งแสงสุริยาทัวร์ไม่มีผม คุณสองคนจะดูแลกิจการได้ไหม..”

   รุ่งโรจน์ลุกนั่ง พลางฉุดมือสุริยาให้ลุกตามมานั่งเคียงกัน..

   “วันนี้คุณเป็นอะไรอีก..ผมจะไม่ให้คุณไปไหนทั้งนั้น เราจะอยู่ด้วยกัน จะทำงาน จะช่วยเหลือคนให้มีความสุขในทางอ้อมด้วยกัน..เข้ากล้องนิดเดียวสติไม่อยู่กับตัวเสียแล้ว..ลุก ๆ ไปล้างหน้า ตอนเที่ยงวันนี้จะได้เตรียมตัวขึ้นเหนือกันสักสิบวัน”...

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าเป็นเมื่อก่อนสุริยาคงจะดีใจเหมือนไก่จะบิน แต่ในครั้งนี้ ..กลับนึกถึงคำอธิษฐานจิตเมื่อครั้งที่ไปไหว้พระธาตุพนมกับหลวงพี่ที่วัด..

   ‘ด้วยเดชแห่งบุญญาปรารถนาเพียงให้ได้มีโอกาสไปสักการะพระธาตุเจดีย์ทั่วพื้นพิภพนี้โดยง่ายโดยพร้อม สะดวกปลอดภัย’
   คงจะถึงเวลาที่บุญจะส่งผลดั่งผังที่ได้ตั้งไว้เสียกระมัง ..เดินทางได้โดยง่าย โดยสะดวกปลอดภัย ชีวิตเหมือนฝัน..ที่พอลงจากห้องพักมา รุ่งโรจน์ก็ปรี่ไปที่รถฮอนด้าซีอาร์วีคันใหญ่..

   “ผมให้คนขับรถที่บ้านขับมาให้น่ะ..ขึ้นเขาลงห้วยมันต้องคันนี้ มา เอาสมบัติขึ้นรถ ป่านนี้แสงทองรอนานแล้ว” ปากก็ออกคำสั่งมือก็รีบมาช่วยหยิบจับถุงเต็นท์ถุงนอนและก็กระเป๋าข้าวของใส่ท้ายรถ ก่อนจะกลับไปที่รถคันเดิมหยิบแผ่นเอ็มพี 3 เพลงโปรดออกมาด้วย..

   “เดี๋ยวแสงทองมันก็บ่นอีกหรอกว่ามีชุดเดียวหรือไง”

   รุ่งโรจน์ไม่ต่อความ เพียงยิ้มนิด ๆ ..แล้วก็จ้องหน้าอีกคน โดยพยายามใช้ภาษาใจคุยกัน..สุริยารู้ว่าเขาคิดอะไร..แต่ก็รู้ว่าตัวคิดอะไร..

   “ทำไมไม่ชวนน้องดาราวดีไปด้วย..ดูเธอสนใจวัดวานะ เมื่อวานถามผมยกใหญ่ว่าพระนอนเรียกว่าปางอะไร พระองค์นี้มีประวัติมาอย่างไร..”

   “คุณชอบเธอซิ”

   “ผมเจียมตัวคุณรุ่ง ผมรู้ตัวดีว่าผมเป็นใคร”

   “ผมก็รู้ตัวดีว่าผมเป็นใคร” รุ่งโรจน์ยืมประโยคอีกคนมายอกย้อน..สุริยาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน..ไม่รู้ไม่ชี้ตามเดิมทั้งที่ใจก็ระทวยกับคำหวานแสดงความนัยนั้นอยู่ไม่น้อย..
   

   พอรถไปถึงที่หน้าออฟฟิศ สุริยารีบลงจากรถไปรับแสงทอง เพื่อช่วยขนกระเป๋า พอสาวเจ้าเปิดประตูออกมาจากออฟฟิศ สุริยาถึงกับตกตะลึง แสงทองในวันนี้ สวยสะดุดตาด้วยเสื้อผ้าทรงผมและสีสันบนใบหน้า แสงทองยิ้มให้ สุริยาพยายามที่จะไม่สบสายตามีประกายแห่งรักนั่น..เขาพอรู้ว่า อานุภาพแห่งความรักสามารถดลบันดาลให้คนเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้

   รถยนต์คันโก้ มุ่งหน้าขึ้นเหนือ โดยที่สุริยาขอมานั่งด้านหลัง เหตุผล เขาอยากจะพักผ่อน โดยการล้มตัวลงนอนยาวไปกับเบาะ
   รุ่งโรจน์แซวมาว่า “เอาเปรียบกันนี่” แล้วก็หันไปหาแสงทอง พลางถามว่า

   “ขับได้ป่ะ พี่อยากไปนอนข้างหลังบ้าง..”

   แสงทองหัวเราะหึ ๆ สุริยาเองไม่ได้ต่อปากต่อคำ ด้วยรู้ว่ารุ่งโรจน์คิดอะไร เมื่อตอนแรกสุริยานั่งอยู่ฝั่งเดียวกับแสงทองพอรถเคลื่อนไปได้สักพักรุ่งโรจน์ก็ให้เขาขยับมานั่งที่ด้านหลังเบาะตนเอง เหตุผลที่บอกกับแสงทองก็คือ

   “เวลาที่คุณคุยกันผมจะได้ยินเสียงของสุริยาด้วย ถ้านั่งตรงนั้นมันไกล”

   แต่แท้จริงแล้ว สุริยารู้ว่ารุ่งโรจน์อยากจะเห็นหน้าตนจากกระจกส่องหลัง เมื่อรู้ว่าสุริยารู้ทัน รุ่งโรจน์จึงแอบยักคิ้วให้ โชคดีที่รุ่งโรจน์สวมแว่นตาดำจึงมองไม่เห็นแววตาเจ้าเล่ห์ แม้กระนั้นสุริยา จึงมอบสัมผัสด้วยการเอื้อมมือไปหยิกที่พุงด้านขวาเบา ๆ พอให้รุ่งโรจน์ยิ้มในวงหน้า
   ความสุขของความรักคงจะอยู่ในตอนที่ช่วยกันสานรักให้เต็มผืนนี่แหละมั้ง..คิดถึงความสุขของตน ก็อดที่จะนึกถึงผู้หญิงอีกคนที่นั่งด้านหน้าไม่ได้

   สุริยารู้ว่าแสงทองเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่เพื่ออะไร

   หัวใจแลกด้วยหัวใจ

   พี่สมใจ มาพูดกับเขาเรื่องแสงทองหลายครั้งหลายหน..

   “พี่ถูกใจ อยากได้มาเป็นน้องสะใภ้” แม้กับเขาพี่สมใจยังกล้าพูดซึ่ง ๆ หน้า และเมื่ออยู่กันตามลำพังคงได้ปรึกษาปัญหาหัวใจกันตามประสาผู้หญิงเป็นแน่

   แต่เขาเพียงแก้ตัวไปว่า

   “คงดูกันไปสักพัก”

   เมื่อบอกจุดหมายปลายทางในวันนี้เรียบร้อยแล้ว สุริยาจึงล้มตัวลงนอน ฟังว่า แสงทองกับรุ่งโรจน์จะคุยกันด้วยเรื่องอะไร..แล้วแสงทองก็เปิดประเด็นเรื่องภาษาอังกฤษ โดยมีครูรุ่งโรจน์เป็นผู้แนะนำเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยกับการออกเสียงสูงต่ำ

   เสียงสองเสียงที่แว่วเข้ามาใส่โสตประสาท..จุ๋งจิ๋ง ๆ ..ส่งผลถึงจิตใจ..สุริยาถามใจตน เป็นอย่างไรบ้างเอ๋ย?..เจ้าหัวใจ ..หวิบไหวซิ..บอกแล้ว ต่อให้แกกว้างอย่างกับแม่น้ำเจ้าพระยา...แกก็ยังรักตัวเองอยู่ดี หากรุ่งโรจน์รักแสงทองมันคงจะดีกว่า ที่เขาจะมา- เป็น- อยู่- คือ อยู่กับแก ดีใจเถอะ หากเขาจะเข้าใจกันได้

   คิดฟุ้งซ่านไปได้สักพัก สุริยาก็ดึงสติให้จรดจ่ออยู่กับ สัมมา อะระหัง..เปลี่ยนความคิดไปที่ศูนย์กลางกายเสีย..ตรึกดูองค์พระใส ๆ อยู่ตรงนั้น.. คิดเรื่องที่เป็นอกุศลไปทำไมให้เศร้าหมอง เขาจะรักกัน

ชอบกันเข้าใจ พอใจที่จะศึกษานิสัยใจคอกัน มันก็เป็นเรื่องดี ๆ ของเขา ควรดีใจหากเขาจะไปด้วยกันได้ดี

   ดีกว่าที่ชายจะมารักชาย หรือหญิงจะมารักชายที่หัวใจไม่ใช่ชายแท้

   เมื่อรถแล่นไปถึงอินทร์บุรี แสงทองก็หันมาร้องเรียก ทำนองว่าปลุกให้ตื่น

   “จะถึงมโนรมย์ชัยนาทแล้วพี่ยาจะไปทางไหน เข้าชัยนาทไปดูสวนนกหรือว่าจะเลยไปแยกหางน้ำสาคร..” แสงทองเริ่มคล่องในแผนที่
   “ไปผ่านส่วนนกเข้าเมืองชัยนาทแล้วก็ ย้อนกลับมาทางมโนรมย์ดีกว่า วัดธรรมามูลอยู่ถึงก่อน..คืนนี้ตกลงเราจะไปนอนที่นครสวรรค์นะ สะดวกดีพรุ่งนี้ค่อยเข้าอุทัย”

   “พี่ยากินยาไหม หนูมียาติดมาด้วย” แสงทองร้องถาม..

   “ไม่หรอก พี่ไม่ได้เป็นอะไรแค่อยากพักผ่อนเท่านั้น”

   “แวะปั๊มเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา หาอะไรกินแล้วแสงทองก็เตรียมตัวขับรถเปลี่ยนกัน” รุ่งโรจน์ว่าพลางเลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมันไปจอดที่หน้าห้องน้ำ

   หลังจากรถออกมาจากปั๊มน้ำมัน รุ่งโรจน์ให้แสงทองเป็นคนขับ โดยที่เขามานั่งอยู่เบาะหลังให้สุริยาไปนั่งข้างหน้า พอรถออกตัว เขาเอามือเอื้อมไปเกาะที่บ่าสุริยาแล้วก็ซบหน้าพิงไปกับเบาะ เวลาที่พูดคุยลมปากเย็น ๆ จึงไปสัมผัสกับใบหูของสุริยาให้เจ้าตัววาบหวิว

   สุริยาเองก็พยายามที่จะทำตัวให้เป็นปกติ ทำท่าคล้ายกับว่าคนเจ้าเล่ห์ไม่ได้ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว ให้แสงทองจับได้..นึก ๆ ไปเขาก็อนาถใจสภาพตัวเอง ..เหมือนเป็นคนลวงโลก หากจะบอกกับแสงทองไปตามตรงว่า เขากับรุ่งโรจน์มีความรู้สึกพิเศษต่อกัน แสงทองจะรับได้ไหมนะ..
   แต่จริง ๆ สุริยาก็ได้เรียนรู้อีกบทหนึ่งของคำว่า ‘หัวใจ‘ ..สุขที่แอบสายตาคนอื่นอิงแอบกัน..

   เมื่อรถแล่นมาถึงวัดธรรมามูลซึ่งตั้งอยู่บนบริเวณเชิงเขาริมแม่น้ำเจ้าพระยา..ทั้งสามรีบลงจากรถก่อนจะยืนพิจารณาจุดขาย..หนึ่ง เน้นในเรื่องสถานที่ประทับใจตั้งแต่ลงจากรถ..แสงทองบอกว่าให้แค่สามคะแนน..แต่รุ่งโรจน์ว่าสวยที่มองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาในมุมสูงเห็นท้องไร่ท้องนายอดต้นยางอยู่ลิบ ๆ ..สำหรับสุริยาการจะขายทัวร์ที่นี่ต้องเน้นที่องค์พระพุทธรูป..

   “จำได้ป่ะ ที่ผมเคยเล่าให้ฟัง ว่าเพื่อนผมเล่าให้ฟังอีกทีหนึ่งนะ ว่าสมัยที่พ่อของเพื่อนยังเด็ก ๆ ตัวเล็ก ๆ ตอนนั้นเขาอยู่บนเรือเอี้ยมจุ๊น ล่องค้าขายระหว่างนครสวรรค์กรุงเทพฯ ..ขาขึ้นเกิดท้องเสีย มาตั้งแต่อ่างทอง จนมาถึงชัยนาทอาการก็แย่แล้ว..ที่นี้คนเป็นแม่ หรือย่าของเพื่อนผม พอเรือถึงหน้าวัดธรรมามูล ก็หันหัวเรือ เข้าหาทางวัด นึกถึงหลวงพ่อ อธิษฐานขอน้ำมนต์ให้เป็นยา บอกว่าถ้าลูกชายแกกินแล้วหายจะยกให้เป็นลูกหลวงพ่อ จะบวชเณรให้ ว่าจบก็ตักน้ำที่แม่น้ำมาให้ลูกชายกิน ปรากฏว่า หาย..หลังจากนั้น ก่อนจะบวชพระ แกมาก็บวชเณรให้ก่อน แล้วถึงเข้าโบสถ์บวชพระ”

   “แล้วอย่างนี้เป็นเรื่องอธิษฐานหรือว่าบนบาน” แสงทองซักถามขณะเดินไปในวิหารที่ประดิษฐานหลวงพ่อธรรมจักร พระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติ ประทับยืนบนฐานดอกบัว

   “อธิษฐานจิตโดยอ้างบุญใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้เป็นกำลัง บุญแม้เพียงคิดทำก็ได้แล้ว..แต่ถ้ากำลังทำ และทำไปแล้วได้เต็ม ๆ .. บุญบวช ใหญ่ไหม คือยากไหม”

   รุ่งโรจน์ทำหน้าไม่เข้าใจ..

   “ผมมองว่า ย่าแกคงมีศรัทธาในองค์หลวงพ่อเป็นทุนอยู่แล้ว คนเดินเรือผ่านวัดเราลองนึกสภาพที่เวลาพวกเราขับรถผ่านศาลต่าง ๆ เรายังบีบแตร ขอพรนั่นนี่กัน ผมคิดว่าสมัยที่เขื่อนเจ้าพระยายังไม่สร้าง หลวงพ่อธรรมจักรคงเป็นที่พึ่งทางใจนะ และคิดดูเถอะกว่าเรือจะพ้นจากป่าดงทางเปลี่ยวแถวนี้ได้.. อย่างน้อยก็ต้องพูดว่า ขอให้เดินทางปลอดภัย และการนึกถึงองค์พระ นี่ก็เป็นพุทธานุสติ คิดว่ามีกำลังพอ ผสมกับจิตที่ปรารถนาจะให้ลูกชายบวชให้ด้วย สิ่งนั้นจึงสำเร็จหรือไม่ก็ดวงชะตายังไม่ถึงฆาต”

   “คุณเคยบนไหม” รุ่งโรจน์ย้อนถาม

   “ไม่เคย ผมเคยแต่อธิษฐาน อ้างบุญกุศล อย่างเวลาที่ผมมากราบพระตรงนี้ ผมก็นึกอยากให้คนอื่นมาเที่ยววัดมาไหว้พระเหมือนเราบ้าง ผมนึกนะถ้าหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์จริง ช่วยได้จริง ช่วยดลบันดาลให้ผมพาคนมารู้จักหลวงพ่อเยอะ ๆ ด้วยเถอะ มันก็น่าจะหมายถึงให้ทัวร์เต็มนะ มันก็ต้องดิ้นอย่างที่เรากำลังทำกันอยู่ ทั้งสิ่งที่เราไม่เห็นด้วย ผมเชื่อเรื่องบุญ เรื่องกรรมดีกับชั่วด้วย ผมคิดว่า ถ้าเราทำชั่วต่อให้บนดี ๆ มันก็เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน..แต่ผมยืนยันได้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง..เพราะผมได้เจอะคุณสองคนไง”

   รุ่งโรจน์จ้องหน้ายิ้ม ๆ ทำตัวนิ่ง ๆ เก๊กหล่อดูดีจนบางทีน่าหมั่นไส้..

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
หลังจากคุกเข่าพนมมือ สวดมนต์ อธิษฐานจิตตามสะดวกใจของตนแล้ว ทั้งสามคนก็ลุกไปปิดทององค์หลวงพ่อพร้อมกัน

   สุริยาลอบมองสีหน้าของคนทั้งคู่ อยากรู้เหมือนกันว่า เขาทั้งสองคนอธิษฐานว่าอะไรกัน..ภาวนาอย่าให้เป็นเรื่องอกุศลเลย..ตัวเขาเอง เห็นเหตุในวันนี้ก็อดที่จะระลึกถึงอดีตแต่เก่าก่อนไม่ได้..คงได้ปิดทองพระร่วมองค์หรือตักบาตรร่วมขัน เด็ดดอกไม้ร่วมต้นด้วยกันมาแน่ วันนี้ถึงได้เป็นอย่างนี้..

   หากชาติหน้ายังได้เกิดมาเป็นมนุษย์หากได้พบกัน ขอให้ชวนกันทำแต่บุญกุศล ชวนคนไปพระนิพพานด้วยกันดีกว่ามั้ง
   รถแล่นออกจากวัดธรรมามูลมุ่งตรงเข้าสู่เมืองนครสวรรค์ โดยมีแสงทองเป็นคนขับ ท่ามกลางแสงตะวันบ่ายคล้อยที่แยงลูกตา

   “หนูอธิษฐานว่า..ขอให้เดินทางปลอดภัยในทุกเมื่อ รอดพ้นจากอุปัทวอันตรายทั้งปวง อย่าได้ตายด้วยน้ำ ด้วยไฟ ด้วยลม ด้วยดิน ด้วยรถ ศพไม่สวย..ค่ะ” แสงทองบอกแค่นั้น

   สำหรับรุ่งโรจน์เขาบอกว่า “ความลับระหว่างผมกับหลวงพ่อ”..

   รถแล่นขึ้นเหนือไปเรื่อย ๆ พร้อมกับโปรแกรมคร่าว ๆ ที่สุริยาแนะนำ..

   “วันนี้เราจะไปวัดจอมคีรี..ไปบึงบอระเพ็ด..วัดนครสวรรค์.. แล้วก็วัดคีรีวงศ์ หาอะไรกินในตลาด แล้วก็หาโรงแรมสักสามดาวนอน”

   “ประหยัด..เพื่อความเจริญของพวกเรา..”

   รถแล่นมาถึงนครสวรรค์ แสงทองเลี้ยวขวาเข้าทางอำเภอชุมแสง เพื่อไปบึงบอระเพ็ด พอไปถึงพบบึงน้ำขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา ริมตลิ่งมีสะพานเหล็กยื่นลงไปในน้ำมีปลาสวายว่ายวนเวียนรอรับอาหารจากผู้ใจบุญ เป็นธรรมดาที่คนใจบุญจะซื้อและโปรยปรายลงไป พร้อมกับถ่ายรูปภาพความประทับใจ

   “พี่ยะพี่รุ่ง คือเรื่องหนังสือที่หนูตั้งใจส่งไปให้ทางบก. พิจารณาผลปรากฏว่า..”

   แสงทองอ้ำอึ้งเพื่อให้คนสองคนลุ้น..

   “คือ ..ไม่ผ่านค่ะ..ไม่น่าสนใจ”

   “ไม่น่าสนใจก็เอาใหม่ ไม่เห็นจะมีอะไรเลย..รวบรวมใหม่” รุ่งโรจน์ให้กำลังใจ สุริยาพยักหน้าเห็นด้วย..

   ทีแรกตั้งใจจะล่องเรือหางยาวเข้าไปในบึง เพื่อดูดอกบัว ดูนก ดูน้ำ ดูฟ้าแต่รุ่งโรจน์ค้านว่า..

   “เย็นแล้วไปที่อื่นเถอะ ..บนฝั่งกับในบึงคงคล้าย ๆ กัน..เที่ยวแบบพวกเราจินตนาการเอาบ้างก็ได้”

   ขาออกจากบึงบอระเพ็ดรุ่งโรจน์กลับไปทำหน้าที่พลขับ ขาออกถนนชุมแสงพอรถหลุดไฟแดงก็เลี้ยวซ้ายขึ้นวัดเขาจอมคีรีนาคบรรพต สิ่งที่น่าสนใจคือโบสถ์เทวดาสร้าง..

   “..เรื่องเล่านะ..จริง ๆ ไม่ใช่เทวดาสร้างทั้งหมด ชาวบ้านสร้างกันอยู่ กลางคืนกลับลงไปพักผ่อน..พอตกดึกได้ยินเสียงเหมือนกำลังมีการก่อสร้างจึงพากันขึ้นมาดูพบว่า ส่วนที่สร้างค้างไว้ มันคืบหน้าไปอีกไม่ใช่น้อย..จึงเป็นที่มาคำว่าโบสถ์เทวดาสร้าง..”

   เป็นธรรมเนียมที่ต้องเข้าไปกราบพระ อธิษฐานจิต ตามใจปรารถนาแล้วก็ถอยออกมา กลับขึ้นรถ พร้อมใจที่เบิกบาน..

   “พอเห็นไหมแสงทอง วันหนึ่งถ้าพี่ไม่อยู่ นครสวรรค์สามารถจัดรถแบบเที่ยววันเดียวได้ ความน่าสนใจมีนะแต่เราต้องค้นให้เจอ และเธอต้องไปทำการบ้านมาให้พี่หนึ่งข้อด้วยเรื่องนี้..เดี๋ยวเราไปที่ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วก็ไปวัดนครสวรรค์..”

   พอรถแล่นถึงต้นแม่น้ำ แสงทองรีบลงจากรถเดินไปชะโงกหน้าดูที่สันเขื่อนก็ทำหน้าบู้บี้..บอกให้รู้ความในใจว่า “แย่จัง” แต่ปากที่พูดออกมาเพื่อถนอมน้ำใจคนที่เดินอยู่แถว ๆ นั้น..

   “ดีได้แค่นี้หรือ ไม่อยากจะเชื่อนี่คือต้นน้ำเจ้าพระยา มันน่าจะมีป้ายดี ๆ ใหญ่ หรือไม่ก็สะพานแขวนข้ามไปที่ปลายแหลมของเกาะ แล้วตรงเกาะก็เป็นหอคอยหรืออนุสาวรีย์สัญลักษณ์อะไรสักอย่างบอกว่าต้นแม่น้ำสำคัญของประเทศนะ พอให้อยากมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก..”
“ไหนล่ะ ปิง วัง ยม น่าน แม่น้ำสี่สายไหลมารวมกัน” รุ่งโรจน์ถามบ้าง..

ขณะที่สุริยายืนหันรีหันขวาง มองหาจุดที่คิดว่าน่าสนใจ..ซึ่งก็คือศาลเจ้าฝั่งตรงกันข้าม กับตลาดสดทางทิศใต้ ..

   “จริง ๆ แล้ว ปิงกับวัง รวมกันมาแล้วที่ตากหรือลำปางก็ไม่รู้..ยมกับน่าน รวมกันที่ชุมแสง แล้วก็เหลือ ปิงใส ๆ กับ น่านแดง ๆ รวมที่ปากน้ำโพ..”

   “ถ้านับแบบนี้ก็ไม่ใช่ซิ เพราะมีแม่น้ำอื่น ๆ ที่ไหลมาร่วมกับปิงอีก จำได้หรือเปล่าที่ฮอดไง ออบ  หลวงไหลลงปิง..” แสงทองออกความเห็น..

   “แต่อย่าไปรู้ลึกอะไรเลย รู้แค่นี้ก็พอแล้ว ผมว่าเราไปหากิจกรรมทำดีกว่า....” สุริยาเดินนำไปทางทิศใต้ซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดสด แล้วเขาก็ไม่ผิดหวัง..ปลาหลายชนิดกระโดดโลดเต้นร้องขอชีวิต..เขาหันมาหาคนทั้งคู่ก่อนจะแบมือบอกว่า..

   “จะไถ่ชีวิตปลาคนล่ะกี่กิโล”

   แสงทองส่งแบงก์ร้อยให้หนึ่งใบ รุ่งโรจน์ให้อีกใบ เขาเองอีกใบ.. ซื้อปลาเคราะห์ดีไปตามจำนวนเงิน

   “ว่าไปก็สงสารตัวที่อยู่เนอะ” แสงทองเหลียวหลัง

   “ช่วยเท่าที่ช่วยได้ ที่เหลือก็ปล่อยไปตามกรรม เมตตา กรุณา มุทิตา และก็อุเบกขา..เฉย ๆ ไม่รู้ไม่เห็นไม่เก็บมาใส่ใจ จะได้ไม่ทุกข์มาก..”

   “ผมว่าไหน ๆ ช่วยแล้วก็น่าจะให้หมดกะละมังแม่ค้านะ..” ว่าแล้วรุ่งโรจน์ก็ส่งแบงก์พันให้สุริยา..สุริยาเดินกลับไปอีกรอบ กลับมาอีกที พร้อมกับถังใส่ปลาใบใหญ่ที่มีเด็กชายลูกแม่ค้าช่วยหิ้วมาส่ง พร้อมกับบอกว่า..

   “น้องเขาบอกว่า นั่งเรือไปปล่อยที่กลางแม่น้ำ..ได้บรรยากาศไปอีกแบบ”

   เมื่อไปต่อรองราคาเรือได้แล้ว ทั้งสามคนก็นั่งเรือไปกลางแม่น้ำ อธิษฐานจิตขอให้มีอายุไขยืนยาวไม่ตายด้วยอุบัติเหตุ..หรือโรคร้ายแรง..พอเทถุงปลา..ลงน้ำ แสงทองกรี๊ดกร๊าดบอกว่า

   “ดูซิ มันแท้งกิ้วเรายกใหญ่เลย ว่ายวนไปมาอยู่นั่นเอง..”

   แล้วเรือลำนั้นก็พาเข้าไปในลำน้ำน่าน ดูวิถีชีวิตคนแพซึ่งมีเหลืออยู่น้อยนิด..

   “เมื่อก่อนเคยอ่านประวัติของคุณกรุณา กุศลาศรัย สามเณรใจสิงห์ เดินตั้งแต่นครสวรรค์ ไปพม่า ไปอินเดีย ท่านว่าเป็นคนที่ริมแม่น้ำแคว..แม่น้ำน่าน..ตอนนั้นท่านเล่าว่า บ้านเป็นแพ บ้านย่าเป็นแพ ตายแล้วยกให้กับวัดตะแบก..” คนเล่าหันไปถามคนขับเรือว่าวัดตะแบกอยู่ตรงไหน

   “เปลี่ยนชื่อไปแล้ว ชื่อวัดปากน้ำโพใต้..” แววตาของสุริยาเป็นประกาย..

   “ถ้าเราไม่อ่านประวัติหรือไม่บังเอิญอ่านอะไรเจอะมาบ้าง เราก็จะไปเที่ยวไม่ค่อยสนุก..สำหรับผมเอง ผมชอบอ่านหนังสือ..ผมจึงมีเบื้องหลังนิดหน่อย..พอมาเห็นแล้ว มันปิ๊ง มันเห็นภาพชุมชนสมัยโน้น เคยอ่านของงานของมาลัย ชูพินิจ ไหม เรื่องแผ่นดินของเรา..ก็มีฉากเมืองปากน้ำโพ หรือไม่ก็ แม่เบี้ย ของวาณิช ใช้ฉากทิ่ริมแม่น้ำปากคลองมะขามเฒ่า แม่น้ำเจ้าพระยาที่แตกสายไป..แม่น้ำเดียวแต่มีหลายชื่อ แม่น้ำสุพรรณ แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำนครชัยศรี หรือไม่ก็ สี่แผ่นดินของ ท่านคึกฤทธิ์ ..บรรยายเกี่ยวกับแม่พลอย สมัยเจอะคุณเปรมที่บางปะอิน หรือไม่ก็ พี่ชดของแม่ช้อยที่หักอกแม่พลอยโดยสาวนครสวรรค์..”

   “ปิ๊ง” แสงทองกระดี๊กระด๊าขึ้นมาทันที

   “นึกออกแล้ว ..ต่อไปก็จะมี..หนังสือ เที่ยวผสมวรรณกรรมนิดหน่อย..ตอนเที่ยวนครสวรรค์กับแม่พลอย..เที่ยวบางประอินกับแม่พลอย หรือไม่ก็เที่ยวกับแม่เบี้ย..คือหนูมีเพื่อนคนหนึ่งมันเป็นคอวรรณกรรมมันอยากเป็นนักเขียน หนูจะไปถามมันว่า นิยายเก่า ๆ อมตะคลาสสิค เรื่องไหนที่เอ่ยถึงฉากสถานที่จริง ๆ ในประเทศไทย แล้วเราก็ดึงออกมา ประมาณย้อนรอยว่าในหนังสือนิยายบรรยายไว้แบบนี้ แล้วปัจจุบันนี้ อย่างที่เห็นเป็นอย่างนี้ และก็มีที่เที่ยวตรงไหนบ้าง..พี่ว่าโอเคไหม..”

   สองหนุ่มพยักหน้า อะไรที่เป็นงานที่ตนรักย่อมมีคุณค่าเสมอ แม้มันจะยังไม่ทำเงินให้ก็เถอะ..

   แล้วเรือยนต์ก็พามาหยุดที่ท่าเทียบ...

   ทั้งสามเดินขึ้นจากท่าเรือมาที่รถ พอถึงริมตลิ่ง สุริยาก็อดที่จะเหลียวหลังไปมองที่ฝั่งแม่น้ำน่านอีกรอบไม่ได้..นึกถึงหลาย ๆ ชีวิตที่มีชีวิตวนเวียนอยู่กับกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ตลอดสองฟากฝั่ง ในระยะเวลาหลายร้อยปี จะมีใครบ้างที่ไม่ไหลไปกับกระแสน้ำตามกระแสกิเลส..

   “ไงอาลัยอาวรณ์อะไร” ว่าแล้วรุ่งโรจน์ก็รั้งข้อมือให้เดินตามกลับมาที่รถเปิดประตูให้พอสุริยาเข้าไปนั่งก็หยอกกันด้วยอาการปิดประตูด้วยความนอบน้อม..

   พอรถถึงวัดนครสวรรค์คนที่เคยอ่านหนังสือมาหลายรูปแบบ..ก้มกราบหลวงพ่อศรีสวรรค์ด้วยเศียรเกล้า พลางระลึกนึกถึง หนังสือของคนธรรมดาคนหนึ่งที่สามารถระลึกชาติได้ว่า มีใครบ้างเคยก่อการสร้างองค์พระนี่ไว้..และในปัจจุบันเป็นใครอยู่ที่ไหน..

   “มีอะไรเล่าอีกไหม” แสงทองถามเมื่อรถแล่นออกจากวัด เพื่อมุ่งหน้าไปวัดคีรีวงศ์ สักการะพระเจดีย์ที่ตระหง่านอยู่บนยอดเขาดาวดึงส์

   “วัดเมื่อกี้สร้างมาหลายร้อยปีแล้ว ที่กำลังจะไปคือ วัดคีรีวงศ์ สร้างได้ไม่นานยังไม่มีชื่อโดดเด่นในทำเนียบสถานที่สำคัญของจังหวัด นอกเสียจากคนขับรถผ่านมาเห็นแล้วนึกอยากขึ้นไปไหว้ โชคดีนะได้เห็นกับตาตัวเองตอนที่เขากำลังสาน.. นึกนะ ผมนึกว่า ถ้าในสมัยที่เขากำลังหล่อพระกันอยู่ เราจะร่วมปัจจัยหล่อกับเขาบ้างไหม..ผมเคยอ่านเจอว่ามีคณะหนึ่งร่วมกันสร้างวัดหัวเมือง..ชื่อเก่าของวัดนครสวรรค์ พอตายไปแล้วมาเกิดในชาติที่ เรารู้ ๆ กัน ก็มาเกิดเป็นตระกูลคนใหญ่คนโตในเมืองนี้ทั้งนั้น ไม่รู้นะว่าเขาเขียนเพื่อเอาใจใครหรือเปล่า..แต่ในบันทึกก็บอกว่า มีอยู่คนหนึ่งยักยอกไม้ที่จะเอาไว้สร้างวัด ผลปรากฏว่า..มาเกิดเป็นหมีถูกขังอยู่ในกรง..อยู่ในเมืองนี้เช่นกัน”

   “นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่ากรรมมีจริงใช่ป่ะ”

   “ผมกำลังคิดว่า ถ้าตอนนั้นเขาเชื่อเรื่องกรรม ตอนนี้เขาคงไม่มาเป็นหมีถูกขังหรอก..แต่ก็เถอะ อย่างว่า เรื่องดีเรื่องชั่ว บางทีมันก็รู้แต่มันก็อดที่จะอยากทำตามอำเภอใจตนเองไม่ได้”

   “พี่พูดเหมือนกับพี่ทำไม่ดีทั้งที่รู้ว่ามันไม่ดีอย่างนั้นแหละ..” แสงทองถามคืน..

   คนที่ต้องตอบ สบตากับคนที่ขับรถทางกระจกหลัง อยากบอกให้เขารู้จักว่า สิ่งที่เขาคิดจะทำมันเป็นสิ่งไม่ดี ไม่ควร อย่าเลย อย่าสานอีกเลย..
   แต่ก็นึกถึงว่า ถ้าขาดเขาไปสักคน ชีวิตที่เหลืออยู่จะเดินไปอย่างไร?..

   เปล่าเปลี่ยว..เดียวดาย..ไร้ค่า..

   นี่แหละหนาอำนาจกิเลส มรรคผลนิพพานมี แต่ไม่คิดเดินมันจึง สุข ๆ ทุกข์ ๆ อยู่นี่ไง

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
สุริยากำลังสับสนมากใช่ไหมคะว่า จะเลือกทำเลือกเดินหน้าฝ่ายไหน
ถ้าคิดสั้นๆง่ายๆแบบโลกียชน ก็คงเอาวะ เอาตามใจอยาก เอาตามความรู้สึกนี่แหละ
อยากอ่านต่อไวๆจังค่ะคุณนพ อยากรู้ว่า สุริยาจะตัดสินใจอย่างไรในแบบของสุริยา
สุริยาผู้ซึ่งได้ฝึกจิตบังคับใจตนไม่ให้เดินไปตามกิเลสตัณหา (เอ๊ะ..ดิฉันวิเคราะห์สุริยาถูกรึเปล่าเนี่ย)

ป.ล. พรุ่งนี้วันวิสาขบูชา ขอฝากสิ่งนี้ให้ทุกท่านค่ะ
"ลุวันเพ็ญเดือนหกวันวิสาข์
พวกเรามาตั้งจิตอธิษฐาน
สำรวมใจสมาธิสมาทาน
ละเลิกการสิ่งมัวเมาเขลาอบาย"

 

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
สงสารแสงทองเหมือนกันนะ แต่แสงทอง ทำไมช่างจับสังเกตอะไรไม่ได้เลยเหรอ
ความรักช่างทำให้ดวงตามืดบอด >"<

Panny

  • บุคคลทั่วไป
 o22 พี่ยาอาการหนักแล้ว จะหนีไปบวชไหมอ่า

koraorni

  • บุคคลทั่วไป
สุริยาควรจะบอกความจริงกับแสงทองนะยังไงก้อคงจะรับได้
เพราะว่าเรื่องความรักมันบังคับใจกันไม่ได้อยู่แล้ว
เป็นแบบนี้ต่อไปมันแลดูอึดอัดนะ

WhatLoveIs

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณนะคะที่นำเสนอเรื่องนี้ให้ได้อ่าน
ปกติแล้วเราเป็นคนที่ไม่ค่อยยึดการปฏิบัติเท่าไหร่นัก คุณทำให้เราได้เข้าใจประเพณีปฏิบัติหลายๆ อย่างในศาสนาพุทธว่าเราต้องทำเพื่ออะไร
อ่านเรื่องของคุณเหมือนเราได้ไปเที่ยวจริงๆ เลยค่ะ คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

แต่คุณก็ทำให้เราเศร้าตลอดเวลา หนักหน่วงในอก T_____________T
พิมแล้วก็น้ำตาจะไหล เข้าใจในเหตุผลของทุกคน แต่ก็อึดอัดจังเลยค่ะ

ขอร้องนิดนึงนะคะว่าช่วยมาต่อไวไวนะคะ อยากจะขาดใจตายไวไวค่ะ
ตอนนี้เราเหมือนคนที่กรีดข้อมือตัวเอง แล้วมองเลือดที่ค่อยๆ ไหลซึมออกมาช้าๆ (เป็นเอามาก 55+)

Namtarn

  • บุคคลทั่วไป
โอ่ย รู้สึกทุกข์ตรมตามไปด้วย  :z3:
มาต่อหน่อยค๊า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






anop2521

  • บุคคลทั่วไป
19.
   
   รถคันโก้แล่นขึ้นเขาดาวดึงส์ในเวลาที่พระอาทิตย์จวนจะลับฟ้า พอลงจากรถ แสงทองก็รีบเปิดประตูคว้ากล้องขึ้นมารีบกดชัตเตอร์เพราะหญิงสาวตั้งใจไว้ว่าจะรวบรวมภาพพระอาทิตย์ตกดินตามที่ ต่าง ๆ ไว้ โดยบันทึก วัน เวลา บุคคล เหตุการณ์และความรู้สึกในขณะนั้น คิดว่าสักวันจะรวมเล่มขาย
   
เรื่องนี้ สุริยารู้เพียงคนเดียว เพราะแสงทองถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดิน อัดมาแล้วก็เขียนทางด้านหลัง ทำเป็นโปสการ์ดติดแสตมป์ส่งมาบอกเล่าความในใจถึงเขาอยู่เนือง ๆ

..เริ่มต้นกับแผ่นแรก กับข้อความที่ว่า
   
‘อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่งจัง..จะได้มีเวลาคุยกันนาน ๆ ..’

   และมีกลอนบทหนึ่งที่เขาจำได้..ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอารมณ์ไหนของสาวแสงทอง

   ‘เจ้าข้าเอ๋ย พระอาทิตย์เจ้าเอ๋ย อย่าเพิ่งตกเลย อย่าเพิ่งลับขอบฟ้า..ข้าจะตามหาเพื่อนและหัวใจของข้า เจ้าข้าเอ๋ย เจ้าข้าเอ๋ย..’

   เมื่อเห็นกิริยาแสงทองเป็นเช่นนั้น สุริยาจึงพึมพำประโยคนั้นเบา ๆ ระหว่างที่เดินตามรุ่งโรจน์เข้าไปในอาคารสูงสี่ชั้น เพื่อไปสักการะพระธาตุเจดีย์ที่อยู่บนชั้นสี่ พอขึ้นไปถึงก็โบกไม้โบกมือให้กับแสงทองที่ถ่ายรูปวิวของเมืองนครสวรรค์อยู่ด้านล่าง

   ในกลางโดมเจดีย์มีเจดีย์ขนาดเล็กบรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ตรงกลาง มีประตูทางเข้าสี่ด้าน ผนังโดมด้านในมีรูปวาดพระโพธิสัตว์ประทับเสวยสุขในสรวงสวรรค์ชั้นดุสิต รูปขณะประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพาน ขณะที่ทั้งสองหนุ่มกำลังแหงนดูความวิจิตรตระการตานั้นหูก็ได้ยินเสียงหลวงพี่ซึ่งนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของโดม โดยที่เขามองไม่เห็น ด้วยองค์เจดีย์กลางโดมบังไว้

   “มาจากไหนกันล่ะโยม..” รุ่งโรจน์สะดุ้งโหยงกับเสียงเย็น ๆ นั่น..ส่วนสุริยารีบคุกเข่าคลานเข้าไปหาแล้วก้มกราบพระภิกษุหนุ่มวัยไม่ต่างจากตน..

   รุ่งโรจน์เห็นดังนั้นจึงทำตามบ้าง แล้วแสงทองก็โผล่พรวดเข้ามายิ้มผสมเหนื่อยหอบ ๆ ก่อนจะคลานเข้าไปนั่งเคียงกับรุ่งโรจน์อย่างรู้ระเบียบวิธี

   “กรุงเทพฯ ครับ”

   “จะไปไหนกัน”

   “มาไหว้พระครับ” สุริยาไม่บอกจุดประสงค์ทั้งหมด ลึก ๆ ก็ต้องการลองภูมิพระหนุ่มเช่นกัน

   “ดีแล้ว....พระจุฬามณีเจดีย์รู้ประวัติบ้างหรือยัง..” ดวงตาของหลวงพี่เป็นประกายผิวพรรณวรรณะผุดผ่องสร้างศรัทธา..

   “ตั้งใจมาไหว้พระใช่ไหม มาหลวงพี่จะนำกล่าวบูชาพระสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ในเจดีย์องค์น้อยกลางโดม..เอานั่น..หยิบมาซิ แผ่นชาร์ต บทสวดบูชาพระจุฬามณีเจดีย์..ก่อนอื่นหลวงพี่ขอเล่านิดนึงก่อนแล้วกัน เพื่อสร้างกุศลศรัทธาให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป....พระจุฬามณีเป็นชื่อของเจดีย์ที่อยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์..สวรรค์มีหกชั้นนะ..จาตุมหาราชิกา หนึ่งวันหนึ่งคืนเท่ากับ 50 ปีโลกมนุษย์ ดาวดึงส์ หนึ่งวันหนึ่งคืนเท่ากับ 100 ปี ชั้นสามยามา หนึ่งวันหนึ่งคืน 200 ปี ดุสิต..โยมเห็นรูปกลางโดมนั่นไหม ก่อนจะลงมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า พวกพระโพธิสัตว์จะอยู่ที่นั่นกัน รอลงมาสร้างบารมี..”

   แสงทองแหงนหน้ามอง ..แล้วก็หันกลับมามองหน้าหลวงพี่..

   “ก็อยู่ชั้นดุสิต หนึ่งวันหนึ่งคืนเท่ากับ 400 ปีโลกมนุษย์ ชั้นห้านิมมานรดี 800 ปี ชั้นหก ปรนิมมิตวสวัตตี 1600 ปี อายุมากน้อย ก็ขึ้นอยู่กับเวลาที่ทำการกุศล..บางคนก็ทำเยอะ บางคนก็ทำน้อย บางคนก็ทำด้วยศรัทธา บางคนก็ทำอย่างเสียไม่ได้ บางคนก็ทำเพราะถูกชวน..บางคนทำด้วยของดีของประณีต บางคนก็ศีลห้าบริบูรณ์ บางคนก็ศีลแปดดีเยี่ยม บางคนทำทานด้วยเจริญภาวนาด้วย..ความแตกต่างทำให้สวรรค์มีชั้น..จุติจากเทวดา มาเกิดเป็นคน จึงรวย มี จนไม่เท่ากัน ง่าย ๆ ไม่รู้โยมจะเข้าใจหรือเปล่า..”

   รุ่งโรจน์พยักหน้าเป็นเชิงให้รู้ว่าสนใจฟัง..

   “กลับมาที่เรื่องพระจุฬามณีเจดีย์ ก็ต้องเล่าเรื่องพระเขี้ยวแก้วก่อน พระเขี้ยวแก้วหรือกระดูกฟันของพระพุทธเจ้า ตามตำนานว่ามีสี่องค์ องค์หนึ่งอยู่ศรีลังกา อีกองค์อยู่จีน ที่อัญเชิญมาเมืองไทยที่พุทธมณฑลปีก่อน”

   “ผมก็ไปมา” สุริยาอยากจะร้องบอกแต่กลัวขัดจังหวะจึงต้องเงียบฟัง ..ตัวเองรู้..ก็อยากให้สองคนได้รู้ได้ฟังจากปากพระบ้าง เพราะที่ฟังท่านพูด รู้สึกเสนาะหูและเพลินเหลือเกิน..

   “อีกองค์ตามตำนาน อยู่เมืองบาดาล ตำนานนะ จริงเท็จไม่รู้ แล้วอีกองค์ก็ตอนสมัยแบ่งพระสารีริกธาตุ โทณะพราหมณ์ แอบจิ๊กไว้ที่มวยผม เทวดา ท้าวอัมรินทร์ผู้เป็นใหญ่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มาจิ๊กต่อไปอีกที ตรงนี้มีการแก้กระทู้ถามกันในมิลินทปัญหาว่า เอ๊ะ เทวดายังลักของอีกรึ เทวดาบอกว่าไม่ได้ลัก อธิษฐานจิตว่าถ้าโทณะพราหมณ์ไม่มีบุญรักษาพระเขี้ยวแก้วไว้ได้ ขอให้พระเขี้ยวแก้วเสด็จไปกับตัวเอง..พระเขี้ยวแก้วก็ไปกับท้าวสักกะ องค์เดียวมีหลายชื่อ..แล้วท่านก็ไปประดิษฐานที่พระจุฬามณีเจดีย์..ซึ่งชาวสวรรค์ชั้นฟ้า เขาอยากได้บุญอยากอยู่บนสวรรค์นาน ๆ เพราะว่าเพิ่งมารู้บนสวรรค์ที่ตัวเองมีสมบัติเช่นนี้ เท่านี้ เพราะว่าทำนั่นทำนี่มา ยิ่งทำบุญในพระพุทธศาสนา ยิ่งวิมานใหญ่โต รัศมีสว่างไสว แล้วชาวสวรรค์ก็กลัวว่าถ้าตายเร็วก็พลัดจากความสุข...วันพระก็จะมีท้าวสักกะมาแสดงธรรม..เทวดาวัดกันที่รัศมี..”

   หลวงพี่หน้าขาวยังพูดเสียงใส ๆ กังวาน เล่าไปอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยตั้งแต่เรื่องความหมายของพระธาตุเจดีย์ พระบรมสารีริกธาตุ เรื่องการกราบพระให้น้อมจิตไว้ระลึกถึงครั้งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่งท่าขัดสมาธิเพชรสู้กับพญามารเพียงลำพังโคนต้นพระศรีมหาโพธิ์ทีเดียว

   พอระลึกตาม สุริยาถึงกับน้ำตาร่วงเผาะลงมา ด้วยรู้ว่าพระพุทธองค์ท่านทำในสิ่งที่คนอื่นทำได้อย่างยากยิ่งที่สุด และกว่าจะถึงวันที่เป็นพระพุทธเจ้าได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย..

   รุ่งโรจน์กับแสงทองพลิกขาไปหลายรอบ..แล้วก็มีคำถามจุกจิกถามให้หลวงพี่ท่านตอบอยู่เนือง ๆ ..

   กลายเป็นว่า เป็นการสนทนาธรรม แก้หัวข้ออรรถหัวข้อธรรม..ที่ครื้นเครงทั้งคนฟังคนพูด..

   หลังจากที่พระอาทิตย์ตกดินไปนานแสนนาน หลวงพี่ก็นำสวดมนต์ฉบับย่อ แล้วพาสวดบทไหว้พระจุฬามณีโดยเฉพาะ..

   “อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ นะโม ข้าจะไหว้ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เมื่อข้าจะดับจิตลง อย่าให้ไหลหลง ให้จิตจำนงตรงทางพระนิพพาน ขอให้พบดวงแก้ว ขอให้แคล้วหมู่มาร ขอให้ทันพระศรีอาริย์ ข้าจะไปนมัสการพระเกตุแก้ว พระจุฬามณีเจดียสถานเป็นที่ไหว้ที่สักการ กุศลสัมปันโน..ฯ”

   หลังจากที่ทั้งสามคนลงชื่อร่วมทำบุญเป็นผู้สร้างส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์แล้ว หลวงพี่ก็ให้พรย่อ ๆ แต่ทำให้ทั้งสามคนรู้สึกปลาบปลื้มเท่า ๆ กันได้..

   ขณะที่หลวงพี่เก็บข้าวของ ทั้งสามคนก็ออกไปซุบ ๆ ซิบ ๆ นินทาพระที่อยู่ข้างในโดมด้วยน้ำเสียงชื่นชม..

   “เพิ่งจะเคยเห็นพระแบบนี้ ถ้าบอกว่า ทำบุญสักคนละร้อยสร้างเจดีย์หน่อยซิ คิดว่าเราน่าจะทำนะไม่เห็นต้องพาสวดมนต์ เล่าประวัติไปหนึ่งชั่วโมงหรอก”

   “ท่านก็บอกแล้วไง ศรัทธาที่ประกอบด้วย ปัญญา ปลื้มไหมล่ะ..” รุ่งโรจน์ดวงตาเป็นประกายขณะยืนดูองค์พระเจดีย์ชนิดคอตั้งบ่า..ส่วนสุริยาเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากปากรุ่งโรจน์ เขารู้สึกว่า ตอนนี้ในใจของรุ่งโรจน์คงมีอะไรดี ๆ แทนที่สิ่งไม่ดีบ้างแล้วกระมัง..เพราะหลวงพี่บอกไว้เมื่อกี้ว่า..

   “คนเราทุกคนต้องตายหมดแหละ บทสวดเมื่อกี้นี้ ก็เอาไว้เตรียมตัวตาย..ให้นึกถึงบุญให้ได้ นึกว่าจะไปไหน โยมจะตายรถทับกะแดก ๆ รู้ว่าตาย..คงอยากร้องไห้ อยากกลับบ้าน ก็รู้อีกนั่นแหละว่า ถ้าตายแล้วไปบ้าน คนในบ้านมันก็ไม่ต้อนรับแล้ว เหลือแต่วิญญาณ ก็ให้ไปที่ชอบ ๆ ดังนั้นจำไว้นะโยม ..นึกอะไรไม่ออกก็นึกว่า ตายแล้ว นึกถึงบุญที่ได้ทำในวันนี้ นึกว่า จะไปสักการะพระจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ไม่แน่นะโยมเผื่อตาย จะได้ไปดี..”

   พูดเรื่องตาย แสงทองมีสีหน้าไม่ดี..

   “กลัวก็ต้องตาย ไม่กลัวก็ต้องตาย สู้เตรียมตัวตายไม่ดีกว่ารึ..แต่พวกโยมทั้งสามคนดู ๆ แล้วบุญเก่าเยอะ..หลวงพี่จะบอกอะไรให้นะ คนวัยนี้ที่หลวงพี่เจอ มองแค่ท่านั่ง หลวงพี่ก็รู้แล้วว่าเขาศรัทธาพระ ศรัทธาศาสนาแค่ไหน...ประมาณแบบว่านั่งพนมมือฟังแต้แบบนี้พูดอะไรก็ฟังหมด ให้อะไรก็รับได้ แต่ท่าลุกลี้ลุกลน..ขอตังค์ไปตรง ๆ เลย ว่าสร้างเจดีย์ด้วยกันไหม ตามศรัทธานะ โยนใส่ตู้เลย..ก็เล่นกันอย่างนั้น เพราะได้แค่นั้นลึกกว่านั้นไม่ได้จิตไม่รับ”

   เมื่อคุยกันถูกอัธยาศัย ทั้งสามคนจึงเดินมารออยู่ด้านล่าง พอหลวงพี่ถือย่ามเดินลงมา สุริยาจึงว่า..

   “เมื่อกี้หลวงพี่ว่าจะต้องลงข้างล่าง ให้ผมไปส่งนะครับ”

   หลวงพี่พยักหน้า สุริยาเปิดประตูด้านหน้าให้ พอหลวงพี่ไปนั่งก็ปิดประตู โดยมีรุ่งโรจน์เป็นสารถีแก้ว..

   “จะไปนอนที่ไหนกันคืนนี้”

   “โรงแรมครับ ที่ไหนดีครับหลวงพี่”

   “พิมาน อโนดาต วิษณุ..ในนครสวรรค์ส่วนใหญ่เขาจะตั้งชื่ออะไรต่อมิอะไรเกี่ยวเนื่องกับสวรรค์นะ ถนนมาตุลี ถนนเมขลา..ถนนโกสีย์ ท้าวโกสีย์ ถนนสุชาดา..เห็นรถแล้วคงมีงบเยอะนอนพิมานก็ได้ สี่ดาว..ส่วนอาหาร ถ้าต้องการแบบคนในเมือง ก็ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในตลาดถามใครก็รู้”

   “ตรงต้นแม่น้ำใช่ไหมครับ”

   “กลางวันตลาดผ้า กลางคืนตลาดอาหาร..อร่อยประหยัด หรือถ้าต้องการบรรยากาศ โรแมนติก ก็หลังศาลากลางโต๊ะญี่ปุ่น โคมไฟ อาหารตามสั่ง ดูแม่น้ำ สะพาน หมู่ดาว ลมเย็น ๆ รำเพยให้ชื่นใจ”

   “หลวงพี่ทันสมัยจัง”

   “เพิ่งจะมาบวชโยม..บวชไม่นาน สัญญาเก่ามันยังเยอะ..”

   “อยู่นาน ๆ นะครับ” สุริยาประนมมือนิมนต์ตามธรรมเนียม

   “ทำไมถึงบวชได้นานละครับ..” รุ่งโรจน์ถามบ้าง..

   “อกหัก หลักลอย คอยงาน สังขารเสื่อม ทายซิว่า หน้าตาอย่างงี้ ควรจะเป็นเพราะอะไร?”

   “อกหักเจ้าคะ” แสงทองตอบ..

   “ปรารถนาสิ่งหนึ่งประการใดไม่ได้สิ่งนั้นเป็นทุกข์..มีรักร้อย ก็ทุกข์ร้อย..ไม่รักเลยไม่ทุกข์เลย..โยมว่าจริงไหม” ท้ายประโยคดูหลวงพี่จงใจพูดกับเฉพาะแสงทองหรือไม่ก็คนขับรถ..

   “เวลาเรารักใคร จิตใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเรา คิดถึงเขา คิดแต่ว่าเขาอะไร นั่นนี่หรือยัง ลืมดูตัวเองไป..ใจเรา เรายังไม่รู้ใจเราแล้วจะไปสนใจ ใจคนอื่นทำไม..แค่นี้เอง หลวงพ่อเทศน์ให้ฟังแค่นี้ ผึงเลย..ตัดขาด..บวชมาได้..ก็ยังหนุ่มก็ไม่สัญญาว่าไม่สึก เพลินดี มีงานทำ..บางคนก็ว่าพระจ้องจะเอาแต่เงิน ปล้นโยมก็มี..แต่หลวงพี่คิดว่า ถ้าหลวงพี่ไม่พูด ในตู้คงมีเงินแค่ 20 บาท แต่ถ้าพูดทำให้เขาควักร้อย ก็น่าพูด..หรือถ้าร้อยหนึ่งเขาอยู่ในตู้บริจาคของวัดแล้ว..มันก็ต้องให้เขาถามตัวเองว่า น้อยไปหรือว่ามากไป คุ้มไหม ปลื้มไหมที่เสียเงินไป..หลวงพี่ยอมเหนื่อยเพื่อแลกกับความเลื่อมใสศรัทธาที่มากขึ้น..เอ้า จอดตรงนั้นแหละใต้ต้นไทร..”

   พอรถจอด หลวงพี่ลงจากรถสามเณรหลายรูปกรูมาช่วยถือย่าม สุริยาสลดใจวูบ รู้และเข้าใจว่าสามเณรคิดอะไร..แม้ไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่พี่ ก็เหมือนใช่..

   “อย่าเพิ่งไปเลย ร่วมบุญกับหลวงพี่เอาไว้เลี้ยงเณรด้วยกันไหม” คนถามควักมาห้าร้อย แสงทองสองร้อย รุ่งโรจน์อีกห้าร้อย ..สุริยาลงจากรถร้องเรียกให้หลวงพี่หยุด..ก่อนจะรีบเดินเข้าไปถอดรองเท้าแล้วถวายปัจจัยให้

   “เอาไว้เลี้ยงเณรครับ”..

   หลวงพี่ให้พรสั้น ๆ ว่า

   “ให้บุญรักษานะ”

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
สุริยากลับขึ้นรถมาแล้ว พร้อมกับบอกทั้งสองคนที่นั่งรอว่า

   “บุญรักษา..หลวงพี่ให้พรมาแค่นี้แหละ..เข้าใจไหม”

   แสงทองยกมือสาธุ..ส่วนรุ่งโรจน์เคลื่อนรถออกจากวัดด้วยท่าทีมีความสุขใจ

   “ผมนึกถึงสมัยเป็นเณรก็ล้อมหน้าล้อมหลังพระอาจารย์แบบนี้แหละ เหงานะ เคว้งคว้าง ไม่มีใคร พอเป็นที่พึ่งได้ รักพระอาจารย์เหมือนพ่อ เหมือนพี่ ทั้งที่ถูกตีอยู่เรื่อย ๆ”

   พอพูดถึงความหลัง น้ำเสียงสุริยาสั่นเครือเล็กน้อย แต่ก็มีกังวานของความสุข


   ระหว่างที่นั่งรออาหารอยู่ในโต๊ะญี่ปุ่นบนสันเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยา แสงทองก็คว้าแผ่นพับที่หลวงพี่ส่งให้มาอ่าน

   “แหม จังหวะดีจัง เรื่องที่เราอยากรู้มาก ๆ อยู่พอดี นี่ไง พี่รุ่ง พระธาตุ แปลว่ากระดูกของพระพุทธเจ้า..แล้วก็นี่ เหตุที่เป็นธาตุใสอย่างกับแก้วกับเพชรเพราะอะไร ศีล สมาธิ ปัญญา ทำให้หมดกิเลส กับเรื่องของเจดีย์ อ้าวพี่ยา ..เจดีย์หมายถึง สถานที่หรือวัตถุที่ควรเคารพบูชาในพระพุทธศาสนา มี 4 ประเภท 1 ธาตุเจดีย์ เจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 2. บริโภคเจดีย์ ได้แก่ สถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงเคยใช้สอย ที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนาและปรินิพพาน 3. ธรรมเจดีย์ เจดีย์บรรจุพระธรรม เช่นไตรปิฎกคัมภีร์ใบลานและหนังสือธรรมะทั่วไป..แหมข้อนี้ หนูไม่คิดเลยนะว่าจะรวมอยู่ด้วย”

   “หน้าที่ของเราก็คือทำให้คนอื่นรู้ในสิ่งที่เขายังไม่รู้ บางคนอาจจะเห็นแต่ว่าเจดีย์ดีที่สุด ควรไปกราบไหว้จะได้ไม่ตกนรก..แต่ไม่รักษาศีลไม่มีคุณธรรมใด ๆ ประจำใจ จริง ๆ แล้วสิ่งที่ดีที่สุดก็คือ..พระธรรมคำสั่งสอน..” สุริยาต่อให้

   “แล้วก็ข้อที่ 4 อุเทกสิกเจดีย์ ได้แก่ สัญลักษณ์อันเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า เช่น รอยพระบาท พระพุทธรูป รูปธรรมจักร..แล้วก็นี่พระธาตุเจดีย์สิบสองราศีตามคติความเชื่อของชาวล้านนา..ข้อมูลนี้ตรงกัน จะไม่ตรงก็ตรงนี้ คนเกิดปีจอ ไหงเปลี่ยนจากวัดเกตุการามเชียงใหม่มาเป็นวัดคีรีวงศ์นี่ได้”

   “เหตุผลก็อย่างที่หลวงพี่ท่านว่า..หลักการตลาด ..นครสวรรค์ ..เขาดาวดึงส์ พระจุฬามณีเจดีย์ สัมผัสคล้องจองควรจะเป็นมากกว่า..คติเก่าตั้งแต่สมัยล้านนายังไม่รวมเป็นหนึ่งกับสยามเลยมั้ง แต่เอาเถอะศรัทธาเสียอย่าง ไหว้ตรงไหนมันก็เหมือนกัน สำคัญที่ใจนะ”

   “งั้นเราไม่ต้องไปได้ไหม..” แสงทองแกล้งรวนตามนิสัย

   “ชีวิตคนเรามันคืออะไรนะ บางที ผมรู้สึกว่าการเดินทางทำให้ขาดทุน สู้อยู่นิ่ง ๆ แล้วก็ทำงานเก็บเงิน น่าจะดีกว่า แต่เอาเข้าจริง ๆ การเดินทางก็คือการออกไปค้นพบสิ่งใหม่..” รุ่งโรจน์ต่อให้

   “จ๊ะ นี่ถ้าพี่รุ่ง พี่ยาไม่เดินทางไปปางจันทร์ หนูไม่กลับไปปางจันทร์เราก็คงไม่ได้เจอะกัน..อย่างไรก็ต้องกลับมาที่เรื่องพรหมลิขิตอีกรอบแล้วล่ะ”

   พอดีกับอาหารที่สั่งมาถึง แสงทองจึงเงียบเสียง รีบทำหน้าที่อดีตเด็กเสิร์ฟเก่าทันที..

   “หนูว่านะจัดมานอนนครสวรรค์สักคืน แล้วไปอุทัยธานี กลับกรุงเทพฯ ลูกทัวร์ต้องประทับใจที่นี่อย่างแน่นอน..อย่างน้อยถ้าอยู่บนพระจุฬามณีตอนหัวค่ำ ก็จะเห็นดาวประดับดิน..ลงมากินข้าวก็ได้กินอาหารที่อร่อยสะอาดแถมราคาย่อมเยาอีก”

   “ถ้าจัดมาที่นี่ ลองตลาดก็คิดในราคารถตู้ ไม่แน่นะแสงทอง...เพิ่มโปรแกรมบึงบอระเพ็ดไปด้วย..รับรอง อาจจะแซบกว่านี้ก็ได้..”

   “น่าสน ๆ ..” ยังไม่ทันที่แสงทองจะตักอาหารรสแซบเข้าปาก พอดีโทรศัพท์ของเจ้าตัวก็ดังขึ้น..

   พอเห็นว่าเป็นของใคร แสงทองก็ลุกขึ้น เลี่ยงไปคุยตามลำพัง..

   เมื่อแสงทองลุกออกไปแล้ว รุ่งโรจน์จิ้มคอหมูย่างใส่จานของสุริยา..สุริยากล่าวคำว่าขอบคุณโดยไม่มองดวงตาคู่นั้น

   “คุณเปลี่ยนไปรู้ไหม” รุ่งโรจน์ตัดพ้อ สุริยาถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะยิ้มแหย ๆ แล้วก็พูดว่า

   “ผมเหมือนเดิม คุณนั่นแหละเปลี่ยนไปคุณรุ่ง”

   “ผมก็เหมือนเดิม..คุณมองตาผมซิว่าผมเหมือนเดิมหรือเปล่า..”

   สุริยาสบตาคู่นั้น แวบหนึ่งรู้สึกสงสาร..อีกแวบกลัวใจตัวเองจะถลำลึกไปมากกว่านี้

   “แสงทองสวยวันสวยคืน..คุณไม่หวั่นไหวบ้างหรือ..” รุ่งโรจน์ย้อนถาม

   สุริยาเสตักอาหารเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ มองฟ้ามองดาวมองน้ำในแม่น้ำที่ไหลเอื่อย ๆ ..

   “คุณรุ่งเกิดปีมะเส็งใช่ใหม่ พอศอ 20 ก็เป็นพระธาตุเจดีย์ที่พุทธคยา..อินเดีย ถ้าเป็นที่เมืองไทยก็วัดเจ็ดยอดเชียงใหม่ หรือจะไปที่วัดหนองบัว อุบลก็ได้ หรือว่าจะไป สังขละบุรีวัดหลวงพ่ออุตตมะก็ดี..”

   “คุณล่ะที่ไหน...” รุ่งโรจน์ยอมเปลี่ยนประเด็นเช่นกัน

   “ปีมะแมดอยสุเทพ.. แค่นี้เอง”

   “คุณอยากไปพุทธคยาไหม..รุ่งโรจน์ย้อนถาม”

   สุริยาไม่ตอบ เพราะรู้ว่าอีกคนจะพูดว่าอะไร..

   “เราจะไปด้วยกัน ไปด้วยกันสามคนนี่แหละ ไม่ว่าปีไหนก็แล้วแต่ ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา ไปไหว้ให้หมด..ผมรู้สึกนะว่าเวลาของเราเหลือน้อยลงอย่างไรก็ไม่รู้” สีหน้าของรุ่งโรจน์จริงจัง

   “ทำไมคุณพูดอย่างนั้น..”

   “คุณพูดเองไม่ใช่รึ คุณยะ ว่าคุณพยายามคิดถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก ผมคิดว่าต่อไปพวกเราต่างก็ต้องไปมีวิถีชีวิตเป็นของตนเอง..ผมคงสนุกกับคุณอีกนานไม่ได้ ผมมีภาระที่ยิ่งใหญ่รออยู่ข้างหน้าเหมือนกัน คุณไม่ต้องกลัว ไม่ต้องระแวงอะไรผมทั้งนั้น..ผมรู้ว่าคุณคิดกับผมอย่างไร”

   “ผมคิดกับคุณอย่างไร”

   “คุณคิดเหมือนกับที่ผมคิดกับคุณ”

   สุริยาหน้าแดง..ไม่กล้ามองหน้ารุ่งโรจน์..

   “ถ้าผมอกหัก ผมอยากจะบวชดูเหมือนกัน อยากเป็นอย่างหลวงพี่บนยอดเขา..อยากรู้นะว่า การนั่งมองดูคนแปลกหน้ามาหา ได้คุยเรื่องที่ตนรู้แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่อยากจะรู้ เป็นอย่างไร?”..

   “หลวงพี่ท่านก็พูดถูกนะ คนที่ขึ้นไปถึงชั้นสี่นั่งอยู่กลางโดมได้พื้นใจเรื่องวัดวาก็ต้องพอมีบ้างไม่งั้นไปไม่ถึง..สำหรับคุณ ไม่อกหักก็บวชได้ บวชที่นี่ไหมจะได้ช่วยงานท่านได้” สุริยาผสมโรงทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้

   พอดีที่แสงทองเดินหน้าบอกบุญไม่รับ กลับมานั่งที่ของตน..

   “คุณป้าบอกว่า พี่ทิพย์อาภาจะแต่งงานที่ปางจันทร์ในอีกเจ็ดวันข้างหน้าให้หนูรีบกลับบ้านด่วน โชคดีนะที่จัดทัวร์ไม่ตรง ไม่งั้น”

   “ด่วนได้ที่ไหนเรามาทำงานกันนะ” รุ่งโรจน์แกล้งค้าน

   “หนูก็ว่าตอนนี้อยู่ต่างจังหวัด แต่อย่างไรก็คงไปให้ทันวันแต่ง..”

   “ทำไมแต่งกะทันหัน” รุ่งโรจน์ดูอยากรู้

   “น่าจะท้องนะ ..” สีหน้าของแสงทองลำบากใจจะเล่า

   “ผู้หญิงจะรักสนุกขนาดไหน จะคิดว่าตัวเองเก่งขนาดไหนก็ยังเสียเปรียบผู้ชาย พลาดนิดเดียวก็ท้องได้..หนูขอร้องนะ พี่ยาพี่รุ่ง ถ้าพี่ไปทำใครเขาท้อง กรุณาเถอะ อย่าให้ผู้หญิงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพียงลำพัง”

   “สุริยาคงไม่มีเรื่องแบบนี้หรอก..” รุ่งโรจน์แขวะให้

   สุริยาไม่โต้ตอบ ถือว่าการนิ่ง คือการแก้ปัญหาเรื่องปากของคนอื่นได้

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
ค่ำคืนนั้นแม้ฟ้ากระจ่างดาว แต่หัวใจของสุริยาไม่กระจ่างสดใสดั่งฟ้า จากหน้าต่างของโรงแรมมองเห็นพระจุฬามณีเจดีย์เด่นตระหง่าน นึกถึงหลวงพี่ผู้ทำหน้าที่บอกบุญให้คนมีศรัทธาปสาทะในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ..กับงานที่ตนได้กระทำ..หากไปอยู่ตรงนั้นกับความรู้ที่มี น่าจะยังประโยชน์..มากกว่ายืนอยู่ตรงนี้..อยากบวชแต่เพิ่งสึกมาได้ไม่กี่ปี เดี๋ยวคนจะกล่าวหาว่าเป็นชายสามโบสถ์จิตใจโลเล.. และอีกเหตุผล โลกนี้ยังมีอะไรมากมายยังอยากรู้อยากเห็นแบบคนธรรมดา

   “นอนเถอะคุณยะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ารีบทำเวลาไม่ใช่รึ” รุ่งโรจน์ยังเหมือนเดิม คือเปิดแอร์แรง ๆ แล้วก็นุ่งเพียงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มหนา ๆ ของโรงแรม..

   สุริยาเดินกลับมาที่เตียง ทำหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก

   “คุณมีเรื่องอะไรในใจหรือเปล่าคุณยะ”

   “ไม่มีอะไรหรอกคุณรุ่ง ผมแค่คิดถึงหลวงพี่บนเขาเมื่อเย็นก็เท่านั้น..แล้วก็นึกถึงชีวิตที่ผ่านมาของตัว กับที่จะต้องเป็นไป คนเรานะ พอมันได้อย่างที่อยากได้ มันก็ไม่รู้จะอยากได้อะไรอีก..ผมเพิ่งเข้าใจนะว่าคนที่มีพร้อมอย่างหนึ่ง จึงต้องการอีกอย่างหนึ่ง หรือพอมีเงินมันจึงได้บ้าระห่ำ ที่จะทำอะไรให้มันสะใจ แต่สำหรับผม วันนี้แค่นี้ผมพอใจกับการมีชีวิตแบบปุถุชนนะ..”

   “คุณพูดอะไรผมงง”

   “ผมอยากบวช”

   “ผมก็จะไปบวชกับคุณ” รุ่งโรจน์พูดง่าย ๆ แต่สุริยารู้สึกตกใจจนมีน้ำเสียงหงุดหงิด

   “คุณจะมาอะไรกับผมนักหนาคุณรุ่ง ..คุณรู้ไหม ยิ่งคุณดีกับผมมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งกลัววันที่ต้องเสียคุณไปมากเท่านั้น เพราะฉะนั้น คุณอย่าทำให้ผมได้ใจ เพราะวันที่ไม่มีคุณ ผมจะต้องเสียใจอย่างมาก คุณรู้ไหม?” สุริยาตั้งคำถามย้อนกลับให้อีกคนได้คิด

   รุ่งโรจน์ถอนหายใจออกมาดูเขาก็มีอารมณ์ที่หงุดหงิดเช่นกัน

   “คุณเบื่อผมใช่ไหม ผมก้าวก่ายกับชีวิตคุณมากเกินไปใช่ไหม”

   สุริยาไม่ตอบ ยังคงนั่งหันหลังให้ พลางนึกหาทางออกให้กับปัญหานี้..อากัปที่รุ่งโรจน์ทำกับเขาทั้งน้ำคำ กิริยาท่าทาง แม้ยังไม่ลึกซึ้งฟันธงว่าเขาเป็นเกย์ แต่ตัวเองก็รู้ใจตัวเองว่า เป็นอะไรอยู่ในขณะนี้..

   บางเรื่องเมื่อมันทำอย่างใจคิดไม่ได้ จึงรู้สึกหงุดหงิดเป็นทุกข์..ไหนจะเรื่องความรักความเสน่หาที่แสงทองมอบให้ซ้ำซ้อนมาอีก..

   “ถ้าหนูกลับไปแล้ว ต้องเจอะอีตาตำรวจที่คุณป้าพูดถึงนั่น หนูจะทำอย่างไร..คนงานบอกว่า ป้าชอบเขามาก และเขาเองก็ดูชอบหนูมาก ๆ ด้วย..เห็นหนูจากรูปนะ ผู้หญิงนี่สวยเกินไปก็ไม่ดี..ไม่รู้ล่ะงานนี้พี่สองคนต้องช่วยหนูนะ อย่างน้อยก็ช่วยแสดงละครซักฉากว่าเป็นแฟนหนู พี่รุ่งได้ป่ะ”

   รุ่งโรจน์รีบปฏิเสธ ด้วยการส่ายหน้า

   “คุณยะ” รุ่งโรจน์ขยับตัวมาใกล้ พลางใช้มือขวาเกาะไว้ที่บ่าด้านซ้ายของสุริยา สุริยายังคงนั่งนิ่งแบบใช้ความคิด

   “คุณมีอะไรคุณพูดเปิดอกมาซิ คุณเก็บงำอะไรไว้..” น้ำเสียงของรุ่งโรจน์อ่อนโยนลง จนสุริยารู้สึกสงสาร ก็ในเมื่อเขาเป็นแบบนี้ ดีกับตนอย่างนี้ ยอมลงจากชนชั้นของตนมาคลุกดินคลุกฝุ่นด้วยกัน ร่วมทุกข์ด้วยกัน แก้ปัญหาทุกอย่างให้ เมื่อเปิดประเป๋าสตางค์ของตนพบว่าเงินพร่องเขายังหยิบของตนมาให้ได้ใช้สอยแบบให้เปล่า..จะไม่รับไว้ เขาก็ไม่ยอม..อ้างแต่ว่าแบ่งกันใช้.. แล้วจะทำร้ายจิตใจเขาได้อย่างไร..เพราะที่เขาปฏิบัติด้วยไม่ได้เกินเลยกว่าผู้ชายสนิทกันมาก ๆ ..ถ้าหากรุ่งโรจน์ก้าวเข้ามาหนึ่งก้าวในทำนองละเมิดทางเพศ เขาอาจจะปฏิเสธจนแตกหักให้ได้รู้กัน แต่เมื่อมันอยู่แค่นี้ แค่การถูกลองใจ เขาจะทำอย่างไรได้...

   “มีเรื่องอะไรไม่สบายใจใช่ไหม บอกผมซิ คุณลำบากใจเรื่องไหนบอกผมเถอะคุณยะ..”

   สุริยาลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ ล้างเท้าแล้วก็กลับมามุดเข้าผ้าห่มผืนเดียวกันเช่นวันก่อน..ชายหนุ่มนอนลืมตาโพลง ท่ามกลางแสงสลัวของโคมไฟหัวเตียง โดยมีรุ่งโรจน์นั่งมองด้วยสายตาน่าสงสาร

   “คุณยะ คุณรู้ไหมตอนที่คุณแม่ ส่งผมไปอยู่เมืองนอก ใหม่ ๆ ผมแทบคลั่งเลยนะ ผมคิดถึงเพื่อนผมคนนั้นมาก ๆ ..ผมติดเขามาก เขาเข้าใจผม เอาใจ รู้ใจผมเกือบทุกอย่าง เขาเป็นคนดี เขาเป็นเหมือนคุณ..วันนั้นผมยังเด็กนักจึงยอมคุณแม่ง่าย ๆ แต่ครั้งนี้ผมคิดว่าผมโตแล้ว ผมจะตัดสินใจทำอะไร ด้วยตัวเองก็ได้ สุดท้ายผมก็ยังเป็นเด็กเหมือนวันนั้นอยู่ดี..ผมยังกลัวการพลัดพราก ยังกลัวที่จะต้องนอนคนเดียว ผมยังนอนกอดหมอนข้างเพื่อให้ความอบอุ่น..วันที่คุณเช็ดตัวให้ผมที่บ้านแสงทอง ผมจึงรู้ว่า ผมได้เพื่อนคนเดิมของผมกลับคืนมาแล้ว...ผมยอมลำบากเพื่อเดินขึ้นเขาไปกับคุณ เพราะ..ผมอยากนอนกอดคุณให้อุ่นใจ..ผมมีความสุขที่ได้ซบไหล่คุณระหว่างนั่งรถกลับกรุงเทพฯ ผมใจจะขาดเสียให้ได้..เมื่อคุณลงจากรถ..จริง ๆ ผมก็เจ้าเล่ห์นะ..ผมอยากเห็นคุณมีความสุข..มีรอยยิ้มที่เป็นมิตรเหมือนวันที่ปางจันทร์ ผมคงจะเดินหมากผิด..ใช่ไหม”

   สุริยาไม่ตอบคำถามนั้น เพียงดึงให้รุ่งโรจน์นอนลง แล้วเขาเป็นฝ่ายก่ายกอดอย่างที่รุ่งโรจน์ทำกับตนบ้าง..“ดึกแล้วนอนเถอะ พรุ่งนี้ ต้องรีบไปอุทัยแต่เช้า..ฝันดีนะครับ” แล้วเขาก็แกล้งหลับตาทั้งที่หัวใจเต้นเหมือนกลองเพลพระทีเดียว

   
   เช้าวันอาทิตย์อากาศสดใสสดชื่น ด้วยเมื่อตอนกลางดึก มีฝนตกปรอย ๆ พอให้ได้บรรยากาศของคนคู่อยู่เคียงกัน..สัมผัสตอบด้วยรักจึงเป็นอีกวิถีที่สุริยาได้เรียนรู้ลึกลงในเพศรส..เมื่อคืนพอเขากอดไปใจก็นึกว่ารุ่งโรจน์ต้องกอดตอบ แต่เอาเข้าจริง ๆ รุ่งโรจน์นอนหงายลืมตาโพลงหายใจเฮือก ๆ ไม่ต่างจากตนเมื่อคราวก่อน ๆ เมื่อเห็นอาการรุ่งโรจน์เป็นเช่นนั้น สุริยารู้สึกงุนงง ก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้ พอหันหลังรุ่งโรจน์ก็ตามประกบกอดจนแน่น ดั่งวันวานแล้วก็ทำเสียงกระเส่าถามว่า...

   “คุณยะ คุณรักผมไหม?”

   ทีนี้สุริยานิ่งเงียบ ภาวนาหนีใจตน..ไม่พูดคำใด ๆ เพื่อผูกมัดอีกคนหนึ่งไว้อย่างเด็ดขาด..หลับในห้วงแห่งการต่อสู้ระหว่างรักตนและรักคนอื่น.. จนกระทั่งถึงเช้า..

   พอลืมตาตื่น สุริยาก็รีบเข้าห้องน้ำ..พอออกมาก็มีโทรศัพท์เรียกจากแสงทองว่าหน้าโรงแรมมีพระบิณฑบาต ออกมาใส่บาตรด้วยกันไหม จะได้เตรียมอาหารไว้ให้

   สุริยานึกถึงบุญวิบากและนึกถึงบางอย่างในอนาคต ความหวัง กับความจริง มันเป็นสิ่งที่คนต้องเรียนรู้..ปฏิเสธไปตรง ๆ แสงทองก็จะเสียใจ.. หากแต่ไม่ปฏิเสธ ความหวังก็ยังมี

   “คุณรุ่งไปใส่บาตรไหม มีพระ” กันชนอย่างดี..มีสองบวกหนึ่งดีกว่า หนึ่งบวกหนึ่ง..เมื่อเห็นว่ารุ่งโรจน์ยังไม่มีทีท่าจะลุกจากเตียง เขาจึงดึงผ้าห่มออกแล้วดึงหนุ่มตัวขาวจั๊วให้ลุกขึ้น พอลืมตาได้ก็อุ้มแกมลากไปในห้องน้ำ..

   “รีบล้างหน้า แล้วใส่เสื้อผ้าเร็ว ๆ ไปทำบุญกัน”..

   “ไม่เอาผมจะนอน ง่วง เมื่อคืนคุณทำให้ผมนอนไม่หลับรู้ไหม..”

   สุริยานิ่วหน้า..รู้ว่า ขืนต่อปากต่อคำก็จะเปลืองตัว

   “เร็วเถอะ สงสารแสงทองมัน อุตส่าห์โทรมาชวน เร็ว ๆ ซิครับ..นะครับ..มาบีบยาสีฟันให้..”

   “ไม่ต้องหรอก ทำเองได้ ลงไปก่อนห้านาทีตามไป...”
   


   รถฮอนด้าซีอาร์วี แล่นจากเมืองนครสวรรค์ไปทางอำเภอโกรกพระ บ่ายหน้าสู่ อ.เมืองอุทัยธานี ตามโปรแกรมสำรวจที่สุริยาได้วางไว้..

   “นี่พี่ยะ โปรแกรมนครสวรรค์ที่พี่สั่งให้ลองคิดออกมา..” แสงทองส่งกระดาษที่มีเนื้อหาโปรแกรม..ด้านล่างกระดาษมีรูปสเก็ตซ์พระจุฬามณีในมุมจากหน้าต่างของโรงแรมกับรูปเดือนเสี้ยวที่ลอยอยู่ใกล้ ๆ กันใต้ภาพก็เขียนข้อความไว้ว่า..

   ‘พระจุฬามณีท่ามกลางดวงจันทร์และหมู่ดาวกับความรู้ใหม่ ๆ ..นครสวรรค์..13 สิงหา 47’

   สุริยาอ่านจบส่งกระดาษคืนให้

   “หนังสือที่หนูจะทำถ้ามีรูปสเกตซ์แบบนี้ก็น่ารักนะ..ผสมกับรูปถ่าย บวกความรู้สึกนิดนึง ข้อมูลจริงส่วนหนึ่งก็น่าสนใจ..ส่วนโปรแกรม ดูแล้วโอเคนะ..ออกจากกทม. ตีห้า สองโมงถึงธรรมามูล ไปบึงบอระเพ็ด วัดเขาจอมคีรี วัดคีรีวงศ์ วัดนครสวรรค์และก็นั่งเรือไปปล่อยปลาที่ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา ล่องเรือดูวิถีชีวิตชาวแพอีกนิดหน่อย หรือถ้ามีคนจีนมาหลายคนอาจจะข้ามไปศาลเจ้า..ก็ลองคำนวณราคาดูแล้วกัน เพราะหน้าหนาวคงลองจัดสลับถูกกับแพง..”

   “ขอบคุณค่ะ”

   “ต่อไปแสงทองจะเป็นคนทำงานที่มีคุณภาพ อีกคนผมเชื่อ” รุ่งโรจน์เอ่ยชม

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
จัดทัวร์แบบนี้ได้บุญทั้งคนจัด และลูกทัวร์
ส่วนเรื่องชีวิตหวามไหวของหุ้นส่วนทัวร์ จะลงเอยแบบไหนก็ตาม ก็ยังอยากรู้อยู่ดีจ้ะ

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
20. :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
   
   “ถ้าหนูได้ทำงานต่อไปนะ.. พี่รุ่ง พี่ยา หนูกลัวง่ะ กลัวว่าป้าจะบังคับ..”

   “มันหมดยุคสมัยแล้ว รึถ้าบังคับจริง ๆ หนูถามตัวเองซิว่าหนูจะยอมป้าไหม..” รุ่งโรจน์ออกความคิดเห็น แสงทองนั่งนิ่งใช้ความคิด..คล้ายจะรอฟังความเห็นจากสุริยา เมื่อสุริยาเงียบแสงทองจึงถอนหายใจออกมาก่อนจะเสไปมองทางอื่น พร้อมกับค่อย ๆ เช็ดน้ำตาที่เอ่อไหล

   สุริยานั่งอยู่หลังเบาะของรุ่งโรจน์ แสร้งทำเป็นไม่เห็นอากัปกิริยานั้น ด้วยการหันหน้าไปมองข้างทางฝั่งซ้ายมือ

   ชีวิตของคนต้องผ่านกระบวนการของโลก...สุข ทุกข์ ชีวิตจึงจะแข็งเเกร่ง

   แสงทองเงียบเสียงไปจนกระทั่งรถถึงวัดท่าซุง วัดใหญ่โตด้วยบารมีธรรมของพระเดชพระคุณหลวงพ่อราชพรหมญาณ หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ.. ขณะนั้นเป็นเวลาสามโมงเช้า สุริยาจึงได้พาทั้งสองคนไปที่วิหารร้อยเมตรซึ่งระยิบระยับไปด้วยกระจกสีขาวต้องแสงไฟ วางธูปเทียนแพสักการะศพของหลวงพ่อที่อยู่ในโลงแก้ว แล้วก็ไปถวายสังฆทาน ต่อด้วยสักการะพุทธรูปใหญ่..ทำบุญใส่ตู้ละบาทสองบาททุก ๆ บุญในวัด ออกมาแล้วก็ไปดูโลหะปราสาท หอพระไตรปิฎกขนาดใหญ่วิจิตรตระการตา ขับรถออกจากวัดข้ามถนนไปอีกฝั่งของวัด เพื่อซื้อหาหนังสือธรรมะ มีประวัติหลวงพ่อปาน ตายแล้วไม่สูญ ตายแล้วไปไหน..กับหลวงพ่อตอบปัญหาธรรมมาวางไว้บนเบาะ พอออกจากตรงนั้นก็เร่งไปที่ริมแม่น้ำสะแกกรังให้อาหารปลาสวายนับหมื่นตัวกับสอบถามโปรแกรมล่องเรือดูวิถีชีวิตสองฝั่งแม่น้ำ..เผื่อบางทีวันหนึ่งข้างหน้าจัดมา โปรแกรมจะได้น่าสนใจ แต่วันนี้ยังไม่ขอไป..เพราะเปลืองตัง

   รถออกจากวัดท่าซุง มุ่งขึ้นเขาสะแกกรัง..พอถึงก็วนออก..ด้วยเห็นว่า ผ่าน..พาคนมาได้..พอลงจากเขามุ่งไปสู่อำเภอบ้านไร่ในเวลาตะวันเจียนเที่ยง เพื่อไปที่วัดถ้ำเขาวง วัดสร้างด้วยไม้รูปแบบทรงไทยขนาดใหญ่ถึงสี่ชั้นท่ามกลางสวนไม้และสวนน้ำที่ผันน้ำจากน้ำตกบนเขาให้ผ่านตรงบันไดล้างเท้า..

   อันที่จริงแสงทองต้องเบิกบานแจ่มใส.. แต่ครั้งนี้ ดูหญิงสาวเนือย ๆ กดชัตเตอร์ไปตามจุดต่าง ๆ อย่างไร้ชีวิตชีวา จนกระทั่งรุ่งโรจน์ต้องแอบมากระซิบสุริยาว่า..

   “คุณไม่สงสารไอ้หนูมันรึ”

   สุริยามองหน้าคนถามรู้สึกสับสนเต็มกำลังเช่นกัน..ในบรรยากาศที่น่าจะมีความสุขกันมาก ๆ แต่ แต่ละคนกลับหาความสุขไม่ได้ ...จิตไม่ปกติเลื่อนลอย เมื่อเดินลัดเลาะน้ำตกที่ไหลลงมาจากบนเขาเพื่อไปถ้ำ สุริยาจึงลื่นหกล้มเปียกปอนท่ามกลางกระแสน้ำเชี่ยว โชคดีที่รุ่งโรจน์รีบมาฉุดรั้งไว้

   พอไปถึงในถ้ำ ภาพที่สุริยาได้เห็น ก่อให้เกิดความวิเวกใจขึ้นมาในทันที..สถานที่สัปปายะเหมาะควรแก่การปฏิบัติธรรม..ขณะยืนพิจารณาดูโลงศพที่วางไว้บนชะโง่นหิน สุริยาก็เหลือบตาไปเห็นหลวงพี่รูปหนึ่งนั่งมองลงมาด้วยสายตาเป็นมิตร..

   สุริยายกมือพนมเคารพอย่างอ่อนน้อม รุ่งโรจน์กับแสงทองเห็นดังนั้นจึงปฏิบัติตาม แต่หลวงพี่ไม่พูดไม่ทักหรือถามไถ่อะไรเหมือนหลวงพี่รูปเมื่อวาน..ออกจากถ้ำแรกไปถ้ำที่สองซึ่งต้องเดินผ่านป่าละเมาะและสายน้ำ ไปหยุดที่ปากถ้ำแล้วแสงทองก็พูดว่า..

   “ไม่เข้านะ..แค่นี้ก็พอแล้ว ถ้าพาลูกทัวร์มาคงให้อยู่แค่ถ้ำที่หนึ่งพอ นี่มันลึกจัดอันตราย”

   เป็นอันว่าทั้งสามเดินกลับโดยแสงทองขอเดินอยู่ตรงกลาง..

   พอออกจากวัดถ้ำเขาวง ก็มุ่งหน้าไปถ้ำพุเตย อีกครั้งที่แสงทองบอกว่าไม่เข้าถ้ำ..เมื่อไม่เข้าจึงขับรถกลับมาที่อำเภอบ้านไร่หาอาหารกลางวันในภาคบ่ายใส่ท้อง ..แล้วแสงทองคนร่าเริงคนเดิมก็กลับมา..

   เมื่อสุริยาบอกว่า “กินเยอะ ๆ จะได้มีแรงไปน้ำตกไซเบอร์อีก”

   ข้อดีของสุริยาคือชอบถามซอกแซกแม้เพียงคนเดินทางที่เดินสวนกันหรือไม่ก็แม่ค้าระหว่างทาง ..เหตุผล

   “คนในท้องที่เขาต้องรู้ลึกกว่าหนังสือสำรวจอย่างแน่นอน..และก็จริง ๆ ด้วยล่ะ อย่างวัดป่าแดนนาบุญงี้ ถ้าเราไม่ถามก็ไม่รู้..หรือทางไปไซเบอร์อย่างงี้ ถ้าไม่ถามก็ไม่รู้ว่ามันต้องผ่านไร่สับปะรดเข้าไปลึก บางทีน้ำก็ไม่มี หรือน้ำตกอีซ่างี้แค่น้ำไหลผ่านหินหน้าแล้งก็แห้งขอด หรือว่าเป็นทุ่งหินเทินแค่หินเทินกันก้อนเดียว ไม่ถึงกับเป็นทุ่งใหญ่โต แต่อย่างว่ามันน่าจะอยู่ในรายการเที่ยวไปบ่นไป ทำป้ายโปรโมตตั้งแต่ร้อยกิโลโน้นแต่พอไปจริง ๆ แค่เนี้ย..จัดทัวร์ถ้ารู้ไม่จริง ไม่สำรวจลูกทัวร์บ่นตาย..เขายอมจ่ายเงินก็เพราะมั่นใจว่าเราจะพาเขาไปมีความสุขได้”

   “แล้วตกลงคืนนี้ เราจะนอนที่ไหน ที่ทำการห้วยขาแข้งหรือจะตีรถไปกำแพงเพชร..” รุ่งโรจน์เปลี่ยนเรื่องคุย

   “ถ้ามาเส้นเลาะป่านี้แล้ว หนูอยากไปนอนที่ช่องเย็น คลองลานจังเลย อยากรู้ว่าตัวคุ่นที่กัดแล้วเป็นแผลมันเป็นอย่างไร”

   “ต๊องแล้ว”

   “อยากให้มันกัดหน้ากัดคอเป็นแผลไม่สวย จะได้ไม่มีใครมาสนใจ..” แสงทองประชดประชัน...

   “ขนาดนั้น..แหมแสงทอง พี่จะบอกอะไรให้นะ ถ้าเราไม่รักเราก็ไม่ต้องไปแต่ง หรือถ้าเราไปรักใครเข้าแล้ว เขาไม่รักเราก็ช่างเขาปะไร..วันหนึ่งข้างหน้า เดี๋ยวก็มีคนใหม่มาให้เราเลือกอยู่ดี..แต่ก็อีกนั่นแหละ ถ้าพี่รักใครสักคนนะ พี่จะทำให้เขารักเราให้ได้เลย..”

   “แล้วตอนนี้พี่รุ่งรักใครบ้างหรือยัง พักนี้ไม่มีค่อยมีข่าวคาว ๆ นะคะ”

   “มี..พี่มีความรัก ..คนอย่างพี่ถ้าวันใดไร้รัก วันนั้นคงไม่มีความหมายที่จะอยู่เป็นคนต่อไป”

   ได้ฟังคำรุ่งโรจน์ สุริยาจึงหยิบหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน เขียนโดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาพลิก. ..ด้วยตนอ่านจบแล้ว ที่ซื้อมาก็เพื่อคนทั้งสอง.. พอเห็นว่าเรื่องที่สองคนคุยกันทำให้ตนอึดอัด สุริยาจึงแทรกเข้าไปว่า..

   “แสงทอง ถ้าอยากรู้เรื่องคุณไสย ดำดิน เดินบนน้ำ อิทธาภินิหารของพระเกจิ เครื่องรางของขลัง หรือพระดีพระแท้ อ่านเล่มนี้ เธอจะนึกอยากไปต่อยอด คุณรุ่งถ้าคิดจะบวชไม่สึกก็แนะนำเช่นกัน..กรุณาอ่านให้จบนะ เพราะต่อไป คุณสองคน จะต้องมาทำหน้าที่ไกด์ธรรมะด้วย”

   “พี่ยาจะไปไหน” น้ำเสียงของแสงทองมีอารมณ์สะเทือนใจ

   “เผื่อบางทีผมไม่สบายเป็นไข้ตัวร้อนท้องเสียขึ้นทัวร์ไม่ได้ คุณสองคน หรือคนใดคนหนึ่งต้องขึ้นทำหน้าที่ได้..ต่อไปนะ ถ้าทัวร์เรามีเงินกำไรเป็นกอบเป็นกำ คงต้องหาเด็กมาฝึกงาน หรือไม่ก็ต้องจ้างไกด์มาช่วย อย่างที่บอก เผื่อวันหนึ่งข้างหน้า..”

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
รถแล่นไปตามทางหลวงแผ่นดิน 3282 บ้านไร่-ลานสัก สภาพถนนเป็นเนินสูงต่ำสลับ ทางซ้ายมือเป็นขุนเขาป่าทุ่งใหญ่นเรศวรห้วยขาแข้ง..พอเห็นป้ายชี้น้ำตกไซเบอร์ รถคันโก้ของรุ่งโรจน์ก็เลี้ยวซ้ายไปพบกับถนนลูกรังเป็นหลุมเป็นบ่ออยู่ข้างหน้า เข้าไปได้สักนิด ก็เจอะกับไร่สับปะรด และสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไผ่ที่มีกิ่งสะมาข้างถนน

   “คุณรุ่ง ไม่ต้องเข้าไปหรอก เดี๋ยวไม้ข่วนสีรถ ดูแล้วลำบาก ถ้าจัดทัวร์มาก็ต้องวิ่งหารถมาถ่ายคนเข้าไป ดูซิสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มี อีกประมาณสักสิบปีคงเจริญ ไปเถอะ ไปดูน้ำพุร้อนสมอทองซิ เป็นอย่างไรบ้าง?”

   แล้วสารถีหนุ่มก็ห้อตะบึงไปตามถนนเส้นเดิม พบป้ายทางเข้าบ่อน้ำพุร้อน..

   เมื่อให้คะแนนเห็นว่าเหมาะที่จะต้อนรับคนในละแวกนี้เท่านั้น จึงต้องหมุนรถไปตามป้ายชักชวนให้ไปรู้ไปเห็นอีกหลาย ๆ ที่ จนกระทั่งสุดถนน คนขับก็ตัดสินใจเลี้ยวขวา มุ่งไปสู่หุบป่าตาด ความอัศจรรย์ของธรรมชาติท่ามกลางหุบเขา

..เมื่อไปถึงเสียค่าธรรมเนียม แล้วก็ป่ายปีนบันไดขึ้นสู่ปากถ้ำที่ถูกระเบิดให้ทะลุไปในบริเวณหุบเขาที่มีต้นไม้ตระกูลปาล์มไม้ดึกดำบรรพ์ที่หายาก..
   
“ที่แบบนี้นะ บอกตามตรง บางคนก็ชอบ บางคนก็ว่างั้น ๆ จัดทัวร์ลำบาก ..”

   “แต่หนูชอบนะ แปลกดี ทำให้นึกสภาพสัตว์โลกล้านปีออก” แสงทองออกความเห็น

   “ผมก็ชอบ” รุ่งโรจน์ช่วยสนับสนุน..

   “และนี่ก็คืออุทัยธานี ทำการบ้านด้วยนะแสงทอง” สุริยาออกคำสั่ง ก่อนจะเดินนำออกมาขึ้นรถเพื่อไปต่อที่วัดป่าแดนนาบุญ ถ้ำเขาพระยาพายเรือ..และมุ่งไป อ.แม่เปิน ซึ่งก่อนจะถึงที่อยู่ชายป่า ก็มีป้ายบอกทางเข้าที่ทำการหน่วยพิทักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง.. รุ่งโรจน์หยุดรถรอการตัดสินใจจากคณะ..

   “ไม่ไปหรอกยังไม่ใช่พวกเรา” สุริยาออกความคิดเห็นซึ่งรุ่งโรจน์ก็คล้อยตาม..

   จนกระทั่งผ่านชมชุนใกล้ป่าเขา บ้านลานหมาใน เป็นเวลาที่พระอาทิตย์จวนจะลับเหลี่ยมเขา ท้องของทั้งสามก็เริ่มร้องหาอาหาร..


   เมื่อจัดการกับกิจของตนเสร็จเรียบร้อย รถคันเดิมก็แล่นไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3473 ถึงแยกชุมตาบง เลี้ยวซ้ายเข้า 3504 ไปอำเภอน้องใหม่แม่วงก์ เพื่อมุ่งตรงไป อ.คลองลาน 1072 ด้วยพื้นที่ทางซ้ายทิศตะวันตกเป็นภูเขาแม้ตะวันยังไม่ตกดินแต่เหลี่ยมเขาและทิวเมฆบังพระอาทิตย์ไว้ ทำให้เกิดร่มครึ้มระหว่างการเดินทาง..

   แล้วแสงทองก็ร้องเพลง ซึ่งนานแสนนานมาแล้วสุริยาเคยประทับใจ..

   “เมื่อตะวันจะลับฟ้า พรุ่งนี้ใกล้จะมาถึง เราคงต้องจากกันวันหนึ่ง วันซึ่งมีทางของตัว”..คนร้องรู้สึกเขิน เมื่อสองหนุ่มเงียบสนิท..ทำเหมือนตั้งอกตั้งใจฟังลำนำขับขานของสาวเจ้า..

   “จำได้หรือเปล่าเพลงของใคร”

   รุ่งโรจน์ปฏิเสธทันที “ไม่เคยได้ยิน แต่เพราะนะ”

   “ของปวีณา ชารีฟสกุล ผมเคยฟังตั้งแต่ยังไม่สิบขวบ เพราะดีนะ ไม่คิดว่าแสงทองก็ชอบ”

   “ถ้าเพราะ ร้องด้วยกันไหม หนูจะเป็นต้นเสียงให้...”

   “เมื่อตะวันจะลับฟ้า”

   “เมื่อตะวันจะลับฟ้า” เป็นเสียงของสุริยาและรุ่งโรจน์ที่ร้องตาม ด้วยความรู้สึกสะเทือนใจไปกับเพลงจริง ๆ

   “พรุ่งนี้ใกล้จะมาถึง” , “พรุ่งนี้ใกล้จะถึง”

   “เราคงต้องจากกันวันหนึ่ง”, “เราคงต้องจากกันวันหนึ่ง”

   “วันซึ่งมีทางของตัว”, “วันซึ่งมีทางของตัว”

   “แม้ว่าวันจะผันผ่านไป ไม่เลือนหายในความรู้สึก ยิ่งนานวันผูกพันล้ำลึก แนบผนึกใจไว้ด้วยกัน ..กว่าจะมาคุ้นเคยกัน ใช้คืนวันนานแค่ไหน กว่าจะได้รู้จิตรู้ใจ ก็ไม่เหลือเวลาอีกเลย อยากจะหมุนเวลากลับมาอีกครั้ง วันที่อยู่กันพร้อมหน้าอยากซึมซับทุกช่วงเวลา ที่เราได้ร่วมสุขทุกข์กัน”

   พอร้องจบแสงทองก็นำปรบมือด้วยรอยยิ้มและคราบน้ำตา

   “สัญญานะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่สองคนต้องไม่ลืมไอ้หนูจอมยุ่งคนนี้..พี่ยาสัญญานะ”

   แสงทองส่งนิ้วก้อยไปให้ สุริยาใช้นิ้วก้อยคล้อง แล้วเขย่า บอกว่า

   “พี่สัญญา”

   “พี่ก็สัญญา” รุ่งโรจน์ส่งนิ้วก้อยให้บ้าง..

   ทั้งสามคนคุยเรื่องสัพเพเหระจนกระทั่งรถมาถึงสี่แยกเขาชนกัน ซึ่งข้างหน้าไทยมุงกำลังวิ่งเข้าไปหาจุดเกิดอุบัติเหตุ..

   “เอาไงดี” รุ่งโรจน์ลดความเร็วมองไปที่ซากรถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์เก่า ๆ คันหนึ่ง..

   “ตายไหมน่ะ..อ้าย..ตายจริง ๆ ด้วยผู้หญิงกับผู้ชาย ดูซิ..นั่น..แน่นิ่งเลย..”

   รถไปหยุดตรงเลยจุดเกิดเหตุ รุ่งโรจน์รีบเปิดประตูออกไปดู..ตามด้วยแสงทอง ส่วนสุริยานั่งนิ่ง ๆ อยู่ตรงนั้น ..เขารู้สึกว่าไม่จำเป็น..รึถ้าจำเป็น คนที่เป็นเจ้าของรถคันนี้ควรที่จะตัดสินใจได้เอง..สักพักรุ่งโรจน์ก็ประคองแสงทองกลับมาด้วยน้ำตานองหน้า..

   “ไปดูทำไมก็ไม่รู้ เห็นแล้วใจหายอีก..เฮ้อ” รุ่งโรจน์ดุให้ก่อนจะปิดประตูรถ..

   “สงสารจังเลยพี่ยา ผู้หญิงใจจะขาดเสียให้ได้ ผู้ชายตายคาที่..” แสงทองยังพร่ำพรรณนาด้วยน้ำตานองหน้า

   “คืนนี้กว่าจะไปถึงกำแพงเพชรคงดึกมาก ผมว่าคืนนี้ไปนอนที่บ้านผมดีกว่าไหม”..สุริยาเปลี่ยนโปรแกรม รุ่งโรจน์หันมามองหน้าแล้วก็หยอกว่า

   “สุดแต่ท่านจะบัญชา”

   “ข้ามสะพานไป เป็นรอยต่อระหว่างนครสวรรค์กับกำแพงเพชร..มีเส้นทางแต่ไม่มีในแผนที่ประเทศไทยหรอก..”

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
บ้านของสุริยาเป็นบ้านไม้ใต้ถุนโล่ง ปลูกอยู่บนเนินสูง ไกลออกไปในริมคันแดนเป็นที่ลุ่มแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่ไหลมาจากป่าแม่วงก์ อาชีพของคนที่นี่ส่วนใหญ่ทำไร่ทำนา..หลังจากที่พ่อเสียไป คนเป็นแม่ไปอาศัยอยู่กับลูกสาวได้สักพักก็ขอกลับมาอยู่บ้านตัวตามลำพัง ด้วยเหตุผลที่ว่า

   “อึดอัด แม่ยังไหว ยังมีแรงหุงข้าวก็ขอพึ่งตัวเองไปก่อน”

   เมื่อไปถึงบ้าน สุริยารีบลงจากรถพาทั้งแสงทองและรุ่งโรจน์ไปทำความเคารพบุพการีของตน    พอพี่ ๆ เห็นสุริยากลับมาก็รีบมาบ้านแม่ เพื่อมาคุยถามไถ่ความเป็นมาเป็นไป และในสายตาในคำหยอกเย้าทั้งหมดพูดทำนองว่าบัดนี้ สุริยาไปได้ดิบได้ดีมีรถเก๋งคันโก้ใช้..

   ขณะรอให้อาหารที่อร่อยที่สุดในครอบครัวเสร็จเรียบร้อยด้วยฝีมือพี่สาว สุริยาก็ให้หลานสาววัยสิบกว่าขวบพาแสงทองไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย ส่วนรุ่งโรจน์นั้นสุริยาพาเดินฝ่าความมืดไปยังริมลำธาร..

   “อาบได้ไหม บรรยากาศธรรมชาติ ๆ แบบนี้ น้ำไม่ลึกหรอกตื้นแค่เอว” สุริยาร้องถาม

   “จะอาบอย่างไร”

   “ก็ถอดเสื้อผ้านุ่งผ้าขาวม้า เดินลงไปในน้ำแล้วก็ค่อยดึงผ้าขึ้นพร้อมกับตัวเองค่อย ๆ นั่งลง แค่นี้คุณก็ไม่โป๊ ผ้าก็ไม่เปียกแล้ว ทำได้ป่ะ หรือไม่ได้ก็ลงไปทั้งผ้าขาวม้านั้นแหละ”

   “แล้วคุณไม่ลงรึ น้ำค่อนข้างเย็นนะ น่ากลัวด้วยมันมืด”

   “คุณลงไปก่อนเดี๋ยวผมลงตาม”

   พอรุ่งโรจน์ลงไปดำผุดดำว่ายคอยท่า สุริยาก็หายตัวไป..ทิ้งไว้เพียงความเวิ้งว้าง จนรุ่งโรจน์ต้องตะโกนเรียกด้วยความหวาดกลัว..

   “สุริยา คุณไปไหนง่ะ สุริยา” เมื่อรู้สุริยาแกล้งตนรุ่งโรจน์จึงรีบขึ้นจากน้ำโดยไม่ทันจะคว้าผ้าขาวม้าที่วางอยู่บนโขดหินด้วยซ้ำ และจังหวะที่ใส่เสื้อผ้าจะรีบเดินกลับบ้าน..พอดีกับที่สุริยาก็ตะโกนมาจากกลางน้ำ.. “จะไปไหนคุณรุ่งผมอยู่นี่”

   พอหันไปเห็นอีกคนดำผุดดำว่าย ใจนั้นยิ่งกว่าน้ำเย็นราดกองไฟ..มันพลุ่งพล่านโมโหระคนหมั่นไส้

   “ไอ้..มันน่าจริง ๆ ..” ว่าแล้วรุ่งโรจน์ก็กระโจนลงน้ำตามไปไล่ปลุกปล้ำ แต่สุริยาไวยิ่งกว่าปลา ทำให้รุ่งโรจน์เหนื่อยหอบ เสียงสองหนุ่มหยอกเย้าดังไปถึงที่บ้าน ส่งผลให้แสงทองต้องให้หลาน ๆ พาออกมาหา   “ฮู้ น่าเกลียดจริงสองคนนี่ สนุกกันตามลำพัง ทิ้งหนูได้นะ..”

   “ก็หนูเป็นสาวจะมาลงเล่นน้ำมืดค่ำกับหนุ่มได้ไง..” สุริยาแก้ตัว

   “ได้ ถ้าหนูจะทำใครก็ว่าไม่ได้หรอก..ไม่รู้ล่ะ พรุ่งนี้ก่อนกลับ ต้องพาหนูมาเล่นตรงนี้ด้วย”..

   อาหารค่ำมื้อนั้น..น่าจะอร่อยกว่าที่สุริยาคิดไว้ เพราะรุ่งโรจน์ขอให้คดข้าวให้ถึงสามรอบ..ส่วนแสงทองก็ชมตลอดรายการว่าอร่อย ๆ ..คนเป็นแม่ครัวยิ้มแก้มปริ...

   คืนนั้นสุริยาจัดแจงให้แสงทองไปนอนในห้องกับแม่ของตนและหลานสาว ส่วนเขาปูเสื่อกางมุ้งปูที่นอนเตรียมหมอนผ้าห่มและพัดลมที่กลางบ้าน พอหนังท้องตึงหนังตาของรุ่งโรจน์ก็หย่อนทั้งที่มือยังเกาบริเวณยุงกัด แกวก ๆ ปูที่นอนยังไม่ทันจะกางมุ้งให้เสร็จ รุ่งโรจน์ก็รีบเข้าไปนอนลืมตาใสแจ๋วมองมาทางสุริยาด้วยสีหน้าชื่นมื่นดั่งวันเก่า

   เมื่อเห็นอากัปของอีกคนเป็นเช่นนั้น มีหรือสุริยาจะไม่สุขสม ด้วยพามาก็หวังลองใจ..ว่ารุ่งโรจน์จะรับในความ มี..เป็น..ของเขาได้ทุกอย่างไหม..

   หลังจากเห็นว่ารุ่งโรจน์หลับไปแล้ว สุริยาก็ออกมาคุยกับแม่ตามลำพัง ฟังสารทุกข์สุขดิบของพี่ ๆ จากปากของคนเป็นแม่..

   ปัญหาเดิม..ที่น่าเบื่อหน่าย หนี้สิน ความต้องการมั่งมี.. เหล้า..สิ่งเหล่านี้เป็นวงจรที่ไม่จบไม่สิ้น..

   “อีหนูนี่แฟนใคร” แม่ถามขึ้นตรง ๆ ..
   สุริยาอึกอัก เพราะคนบ้านนอกไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนชายหญิงอย่างแน่นอน..
   “สวยดีนะ แม่ชอบ คนนี้มั้งที่สมใจเล่าให้ป้าเอ็งฟัง..ทำทัวร์ด้วยกัน..จะแต่งกันก็รีบแต่งนะทิดอายุมากขึ้นทุกวัน ๆ เดี๋ยวมีลูกไม่ทันได้ใช้”..

   แม่มีผัวตั้งแต่อายุยังน้อยจึงมีลูกตั้งมากมาย แต่ป้ามีผัวตอนอายุเยอะจึงมีลูกน้อยคน..ส่วนพวกพี่ ผู้ชายเมื่อบวชแล้วสึกออกมาก็มีเหย้ามีเรือน ส่วนบรรดาพี่สาวสิบหกสิบเจ็ดเป็นอย่างน้อยก็มีสามี..ไม่แปลกที่เขาเพียงอายุยี่สิบห้าแต่แม่ว่าอายุเยอะ..

   หันกลับมาคุยเรื่องหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาที่ซื้อมาจากวัดท่าซุง..อธิบายให้แม่เข้าใจเรื่องบุญกุศล เสบียงเบื้องหน้าแล้วสุริยาก็เอาเงินใส่มือแม่สองพันบาท ..แล้วก็ขอตัวเข้าไปนอน ขณะจะล้มตัวลงนอนในฟูกเก่า ๆ กับมุ้งหลังใหม่สีชมพูที่หลานไปเอาจากบ้านมาให้.. ก็อดที่จะเพ่งพิศคนนอนกรนด้วยความเวทนาว่าคงจะเหน็ดเหนื่อยจากการขับรถ..เพื่อประโยชน์ของใครกัน?

   ขณะสวดมนต์ภาวนาเบา ๆ จิตก็ระลึกนึกถึง..คนที่ตายไปที่สี่แยก..ป่านฉะนี้ดวงวิญญาณจะเป็นอย่างไร รู้ตัวหรือยังว่าตาย..ตายแล้วไม่สูญ แต่ตายแล้วไปไหน มีคำถามผุดขึ้นในใจให้ครุ่นคิด..ถ้าเป็นพระละจากบ้านฝึกจิตเจริญภาวนาย่อมมีโอกาสที่จะรู้ จะช่วยเขาได้..แต่เป็นฆราวาสมีกิเลส ปัญญาทรามคิดแต่เรื่องปากเรื่องท้องเรื่องกาม ชีวิตนี้จึงมีแต่ตนเองเท่านั้น

   ..พอสุริยาล้มตัวลงนอน..พลันก็ได้ยินเสียงละเมอจากปากของรุ่งโรจน์ว่า..

   “วิชช์...วิชช์”

   แล้วใจที่เป็นกุศลเมื่อสักครู่ก็ปลิวหาย อำนาจแห่งโมหะ ความน้อยเนื้อต่ำใจเข้ามาแทนที่ สุริยาข่มตาหลับด้วยความยากลำบาก แม้จะทำใจว่าเป็นไปไม่ได้ แม้จะรู้ว่าตนเป็นผู้มาทีหลัง แต่พิษแห่งความไม่ซื่อบริสุทธิ์ต่อการคบหากัน มันแผ่ซ่านไปทั่วดวงจิต มันแผดเผาจนรู้สึกหมองไหม้ เข้าใจถึงหัวอกของเมียน้อยว่าการได้ใครมาสักคนไม่เต็มหัวใจมันจะเป็นอย่างไร?

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
   
   รุ่งอรุณของวันใหม่..กับโปรแกรมสำรวจเมืองเก่ากำแพงเพชร ตาก เถิน นอนที่เมืองลำปาง..ไม่สามารถเริ่มต้นได้แต่เช้าด้วยแสงทองปลุกหลาน ๆ ให้ออกไปกระโดดน้ำตั้งแต่พระอาทิตย์พ้นจากขอบฟ้ามาได้นิดเดียว..หญิงสาวถือกล้องไปเที่ยวถ่ายรูปดูวิถีชีวิตของคนในชุมชน แล้วก็มาปรารภว่า สักวันหนึ่งจะออกหนังสือแบบไปเที่ยวไปดูวิถีชีวิตชาวบ้าน ๆ บ้าง..

   เมื่อแสงทองเอากล้องดิจิตอลมาเปิดภาพให้เห็น สุริยารู้สึกถึงฝีมือที่พัฒนาของเจ้าหล่อน

   “อันลิงค่างกลางป่า จับมาหัดสารพัดหัดได้ดั่งใจหมาย เป็นนางสาวแสงทอง ครูสุริยาเพียรสอนแทบตายถ้าเอาดีไม่ได้ก็อายลิง”

   หลังจากที่รุ่งโรจน์ไล่แจกเงินคนละหนึ่งร้อยให้บรรดาหลาน ๆ ของน้าและอาสุริยาแล้ว..รถคันโก้ก็แล่นออกจากหมู่บ้านมุ่งตรงสู่กำแพงเพชร..

   “ตกลงไม่แวะไป ช่องเย็นจริง ๆ ..ง่ะ”

   “ทำเวลา..มาคิดดูแล้ว วันที่ 21 ,22 สิงหาคมต้องไปงานแต่งพี่สาวเธอที่ปางจันทร์...ดังนั้นเวลาของเราเหลือไม่ถึงสิบวันอย่างที่ตั้งใจ ก็คงต้องไปกำแพงเพชร ตาก ลำปาง แพร่ น่าน เชียงราย แล้วก็ค่อยวกมาทางเชียงใหม่ แล้วค่อยไปปางจันทร์..เธอเห็นเป็นอย่างไรบ้าง”

   “ดีค่ะ ขอบคุณนะคะที่กรุณา..เมื่อคืนนี้นอนไม่หลับเลยคิดถึงแต่ผู้หญิงคนนั้น คงจะทุกข์และหัวใจสลาย เพราะคนที่รักมาตายต่อหน้าต่อตา..ทำอย่างไรเราถึงจะไม่ประสบกับเหตุอย่างนั้นคะ”

   “ไม่ฆ่าสัตว์ ทำบุญแล้วก็อธิษฐานจิตให้ช่วยตั้งผังชีวิตใหม่ ชาติเก่า ๆ เราไม่รู้นี่ว่าไปสร้างเวรสร้างกรรมกับใครไว้บ้าง เขาก็จ้องจะเอาคืน..แต่ชาตินี้ถ้าเราสว่าง คิดเมตตา ทำบุญให้คู่แค้นแรงกรรมก็จะเบาบางตามไม่ทัน หรือมีบุญใหม่มาคอยปกป้อง..อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับจิตดวงสุดท้ายหรอกแสงทอง ทำอย่างที่หลวงพี่บนยอดเขาบอกไว้นั่นแหละ..อย่างไรก็เอาหนังสือของหลวงพ่อไปอ่านแล้วกันเธอจะได้เข้าใจ..อะไรมากยิ่งขึ้น”

   “เป็นบุญของหนูนะคะที่เจอะพี่ยา”

   “เป็นบุญของผมเหมือนกัน” รุ่งโรจน์หันมาแจมด้วย..

   “เป็นบุญของผมเหมือนกันที่ได้มาเจอะพวกคุณ..ขอบคุณนะครับที่ไม่รังเกียจคนยากจน”

   “ถ้าพี่ยาจนหนูก็ยาจกล่ะคะ ไม่มีอะไรเลย มีแต่ตัวกับความรู้”

   แสงทองถอนหายใจออกมา ก่อนจะพูดต่อว่า..

   “กลับไปปางจันทร์คราวนี้หวั่น ๆ นะคะ กลัวจะสู้กับความเห็นของคุณป้าไม่สำเร็จ”

   “แสงทองเธอคิดว่ามันจะมีไหมคนที่รักกันตั้งแต่เห็นเพียงรูปถ่าย” รุ่งโรจน์ถามขึ้น..แสงทองหยุดคิด

   “ก็น่าจะมี แต่ไม่ใช่แสงทองหรอก องค์ประกอบของความรักหวังร่วมชีวิตด้วยกันมันน่าจะมากกว่านั้น...แต่หนูเชื่อเรื่องรักแรกพบนะคะ..พี่รุ่งเชื่อไหม”

   “ผมก็เชื่อ..ความรัก แสงทองมันเกิดขึ้นเอง ไม่มีเหตุผลหรอก บางทีบางคนก็รักทั้งรู้ว่าต้องอกหักชอกช้ำ..ไม่สมหวัง แต่ความสุขของคนมันก็อยู่ที่ได้รักได้ปรารถนาดีกับใครสักคน แม้มันจะยากลำบากก็ตามที”

   “เขาเรียกว่าหน้ามืดตามัวหรือเปล่าอย่างนั้น” แสงทองถามรุ่งโรจน์

   สุริยานั่งมองและฟังคนสองคนคุยกันโดยไม่ขอแสดงความคิดเห็น..จนกระทั่งรถแล่นมาถึงย่านขายสินค้าจำพวกกล้วย แสงทองสั่งให้จอด แล้วลงไปซื้อสารพัดกล้วยแปรรูปขึ้นมา..เมื่อรถแล่นไป..คนที่นั่งข้างหน้าก็คือแสงทอง..หญิงสาวส่งกล้วยเข้าปากเคี้ยวด้วยความอร่อย แล้วก็หยิบกล้วยฉาบหนึ่งชิ้นทำท่าจะส่งเข้าปากให้รุ่งโรจน์ แต่ชายหนุ่มปฏิเสธ แสงทองจึงส่งขนมอื่น ๆ มาให้สุริยา..

   สุริยารับไว้แกะถุงแล้วค่อยเคี้ยวด้วยความเอร็ดอร่อย ..ในขณะนั้นสายตาก็มองไปที่กระจก เห็นแววตาของรุ่งโรจน์ ก็ได้แต่ยิ้ม ๆ ไม่ยื่นไม่หยิบอะไรเข้าปากให้ทั้งนั้น..

   เมื่อรถจอดที่วัดพระบรมธาตุ เจดีย์สีขาวฐานเขียงสี่เหลี่ยมรูปทรงคล้ายเจดีย์มอญก็ยืนตระหง่านยอดเสียดฟ้า..สุริยาวางถุงกล้วยฉาบลงจากรถตรงดิ่งไปที่จุดขายดอกไม้ธูปเทียนของวัดซื้อแล้วถือมาส่งให้แสงทองกับรุ่งโรจน์คนละหนึ่งชุด..

   “ทำไมรูปทรงเจดีย์เป็นแบบมอญได้ละคะ” แสงทองเริ่มดูลักษณะ รูปทรงของเจดีย์ออก..

   “ตามหนังสือบอกว่า สร้างสมัยสุโขทัย เป็นพระอารามหลวงในเมืองนครชุม ต่อมาพ่อค้าชาวมอญหรือพม่าหงสาวดีมาบูรณะรูปทรงจึงเป็นอย่างที่เห็น..เหอะ ..ไปจุดธูปเทียนสวดมนต์แล้วจะได้เข้าไปในเมืองเก่า”..

   พอแสงทองเดินนำหน้าไป รุ่งโรจน์ก็รั้งข้อมือสุริยาไว้

   “คนใจดำ โกรธจริง ๆ นะ”

   “อ้าวก็เห็นแสงทองส่งให้ แล้วไม่กิน ก็นึกว่าไม่หิวนี่ครับ..โอเค เดี๋ยวพอขึ้นรถแล้วผมขอนั่งหน้าแล้วกันจะได้ป้อนคุณชายตลอดทางจนกระทั่งถึงลำปางเลยดีไหม..”

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับเพื่อนนักอ่านทุก ๆ ท่าน..พรุ่งนี้ครบรอบวันเิกิดของผม ก็เลยเอานิยายมามอบความสุขให้เพื่อน ๆ ครับ..ขอบคุณสำหรับคำอวยพร(ถ้ามี)นะครับ 5555555
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:




yayee2

  • บุคคลทั่วไป
อายุเพิ่มขั้นอีกปีแล้วซินะพ่อทิดนพ
 :L2:ขอส่งดอกไม้มาพร้อมพรวันเกิดล่ะกันนะคะ
"ขอกุศลและบุญญาที่สร้างไว้
บันดาลให้คุณนพพบสุขศานต์
และรุ่งเรืองทั้งเรื่องรักเรื่องการงาน
ให้พบพานแต่สิ่งดีในชีวิต"

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ao16

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +253/-4

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
สุขสันต์วันเกิดค่า ขอให้ความสุขที่พี่สร้างให้แก่ผู้อ่านอย่างนู๋วนกลับไปให้พี่ได้พบได้เจอแต่สิ่งดีๆ นะคะ
สนุกกับการเที่ยวทั่วไทยมากๆ เลย อิอิ
ว่าแต่ทำไมพี่รุ่งละเมออะไรไม่เป็นมงคลชีวิตอย่างนั้นได้ ธ่อๆๆๆ

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้า ครึ่งชั่วโมงค่ะ

สุข สมหวัง ทุกประการค่ะ :L2:

WhatLoveIs

  • บุคคลทั่วไป
ขอให้สุขภาพแข็งแรงและมีแต่สิ่งที่ดี มิตรที่ดีในชีวิตนะคะ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

Panny

  • บุคคลทั่วไป
สุขสันต์วันเกิดค่า ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆ แบบนี้ให้ได้อ่านกัน

koraorni

  • บุคคลทั่วไป
สุขสันต์วันเกิดค่ะ คิดสิ่งใดขอให้สมปารถนา

ยิ่งอ่านก้อยิ่งรุ้สึกอิ่มบุญไปกับทั้ง 3 คนด้วย

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าสอดแทรกธรรมะได้เข้มข้นดี ชอบๆ^^

skydear

  • บุคคลทั่วไป
ผมทุ่มเทเวลาว่างทั้งหมดในการอ่านหนังสือเรื่องนี้
หนังสือเรื่องนี้มันเป็นมากกว่านิยายทั่วไปอย่างสิ้นเชิง
ผมไม่คิดเลยว่าคนเขียนจะเอาประวัติศาสตร์ ศาสนา ความรัก
มาผสมกันได้อย่างลงตัวที่สุด
และที่สุดก็คือว่าคนที่อ่าน จะได้ข้อคิดจากหนังสือเล่มนี้อย่างคาดไม่ถึง
ผมคิด ปรงตก ตระหนักในหลาย ๆ เรื่องเพิ่มขึ้นจากการอ่านหนังสือเล่มนี้
ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้เป็นกระจกที่ส่องตัวผมอีกด้านยังไงก็ไม่รู้

Namtarn

  • บุคคลทั่วไป
HappY BirthDay ค่ะ
อยากอ่านต่อมากเลย อยากให้พี่ยาหลุดพ้นจากความสับสนในใจ แต่อย่าไปบวชเลยนะคะ  :amen:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด