หวัดดีค่า เรื่องใหม่มาตามอารมณ์อีกแล้ว หวังว่าทุกคนคงจะชอบนะคะ
เรื่องสั้นตอนที่ 23 มนตราปาฏิหาริย์
“รอเดี๋ยวนะครับ ” สิงหา ศิลปวิจิตรทรัพย์ ปวดหัวขึ้นมาจี้ดทันทีที่รู้สึกถึงปัญหาลอยมา กนกเลขาคนสนิทยื่นยาแก้ปวดหัวให้อย่างรู้ใจ เขาโยนเข้าปาก 2 เม็ดตามด้วยน้ำแล้วตั้งสติใหม่
“พูดใหม่อีกทีสิครับ แม่”
“น้องก่อเรื่องอีกแล้ว สิงหา.....เขาขับรถชนคนตาย” แม่สะอื้นเบาๆ ชายหนุ่มยกมือกุมขมับเลย ตอนนี้กำลังประชุมสำคัญของบริษัทด้วย ที่สำคัญ ปู่กับพ่อเขาก็นั่งอยู่ที่นี่ด้วย
“ตอนนี้มันอยู่ไหน”
“บ้าน....อาเขาทำแผลเรียบร้อยแล้วก็ให้กลับบ้านได้ ส่วนคู่คู่กรณีแม่ให้เขาพารักษาที่โรงพยาบาลของอาเขาด้วย”
“ดีแล้วครับ ให้กันยาอยู่บ้านอย่าปล่อยออกไปไหนนะ ส่วนเรื่องอื่นๆผมจะจัดการเอง” วางหูแล้วเขาถึงหันไปสั่งกนกช่วยจัดการปัญหานี้เป็นการด่วน
“มีอะไร” พ่อหันมาถาม
“ไม่มีอะไรครับ เราประชุมกันต่อดีกว่า” ชายหนุ่มยิ้มกว้างเหมือนไม่มีอะไร ใครจะกล้าพูดเรื่องแบบนี้ได้ล่ะ ในเมื่อประธานบริษัท ปู่ของเขาขึ้นชื่อในเรื่องความหัวแข็ง และเด็ดขาดมาก พ่อเขาก็ได้เชื้อมาเต็มๆ
พวกท่านไม่ชอบคนหัวดื้อไม่เชื่อฟังคำสั่ง เมื่อพี่ชายเขา ธันวา อายุ 25 ปู่กับพ่อเลือกผู้หญิงให้แต่งด้วย แต่พี่ชายไม่ยอมจะแต่งกับเลขาหน้าห้องตัวเองให้ได้ นั้นเป็นครั้งแรกที่คนในบ้านต่อต้าน
พ่อถึงกับประกาศตัดขาด ไล่ออกจากบ้านโดยมีปู่สนับสนุนเต็มที่ ทำให้พี่ชายต้องไปทำงานปลูกสวนยางที่ปักษ์ใต้กับเลขาคนสวย และไม่ติดต่อกลับมาเลย แต่สิงหาก็รู้ว่าแม่แอบส่งเงินให้ไปตั้งตัว ตั้งแต่นั้นบ้านนี้ก็เหลือลูกสองคนเท่านั้น
สิงหาทำงานช่วยเหลือบริษัทได้ดี ผิดกับกันยาที่ยังเด็กและแม่รักมากจนก่อเรื่องหลายต่อหลายครั้ง เขาก็แต่ช่วยปิดบังเพราะไม่อยากปู่กับพ่อเฉดหัวออกไปอีกคน
“เมื่อกี้แม่โทรมาไม่ใช่หรือ มีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีครับ แค่ถามว่าเย็นนี้กลับเร็วหน่อยได้หรือเปล่าเท่านั้นครับ”
“เฮ่อ...บอกให้หาอะไรทำก็ไม่เชื่อ อยู่เฉยๆก็โทรมากวนลูก ถ้ากลับไปก็คุยกับแม่เขาหน่อย เจอหน้ากันที่บ้านทุกวันอยู่แล้ว ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญก็อย่าโทรมากวนตอนประชุมอย่างนี้ มันเสียเวลารู้ไหม”
“ผมจะบอกแม่เอง อย่าห่วงเลยครับ” สิงหารับปากแข็งขัน แต่ใจนั้นห่อเหี่ยวด้วยความสงสาร พ่อช่างไม่เข้าใจหัวอกแม่เลย ที่เป็นภรรยาของผู้ชายเห็นงาน ชื่อเสียง ความมีหน้ามีตากับ กิจการ สำคัญกว่าเสมอ เขาไม่เคยเห็นพ่อแม่พูดคุยกันอย่างสามีภรรยาเลย นอกจากแม่ยืนฟังพ่อสั่งงานราวกับเป็นลูกจ้างเท่านั้น
ครอบครัวเขา....ช่างสุขสันต์จริงๆ
**************
หลังประชุมเสร็จ สิงหาขับรถไปโรงพยาบาลที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะถึง ที่นั้นกนกเลขาคนสนิทรออยู่แล้ว
“ว่าไง”
“ข่าวดีครับ” ประโยคนี้ฟังแล้วชื่นใจทันที “ไม่มีใครตาย เมื่อกี้พยาบาลมาบอกว่า หมอช่วยเด็กที่ถูกชนไว้ได้ ยังไม่ตายครับ”
“เฮ่อ...โล่งอก แล้วเรื่องมันเป็นยังไง”
“คุณกันยา หลับในรถพุ่งไปชนพนักงานกวาดขยะของเทศบาล เป็นสามีภรรยากัน ลูกชายอายุ 14 มาช่วยเก็บขวดด้วยโดนเข้าอย่างจัง ส่วนคนพ่อแขนหักมีแผลพกช้ำนิดหน่อย แม่ก็แค่พกช้ำ ลูกแฝดชายหญิงอายุ2 ขวบอยู่ในรถเข็นใส่ของเก่า โชคดีที่คู่นี้เก็บกระดาษได้เยอะเลยทำให้เด็กไม่มีแผลอะไร”
“ดี....ดี...” ชายหนุ่มครุ่นคิดหนักจะทำยังไง สองคนผัวเมียนี้ถึงจะไม่ฟ้องเอาเรื่อง “พวกเขาอยู่ไหน”
“ทางนี้ครับ” กนกเดินนำขึ้นไปอีกชั้น ที่นั้นสิงหาได้เห็นสี่คนพ่อแม่ลูกนั่งกอดกันกันในสภาพสะบักสะบอม หน้าตาเขียวบูด เสื้อผ้าที่ใส่นั้นเก่ามอมแมม ใบหน้าของสองคนผัวเมียนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าและคราบน้ำตาดูน่าสงสาร แต่นั้นเป็นภาพที่เขาอยากเห็นมากที่สุด พ่อเขาเคยกอดพวกเขาสามพี่น้องอย่างนี้สักครั้งไหมนะ
“คุณสิงหา” กนกทำให้ตื่นจากภวังค์ สิงหารีบยิ้มกว้างเข้าไปไหว้คนทั้งสอง
“สวัสดีครับ ผมชื่อสิงหาเป็นพี่ชายของคนที่ขับรถชนพวกคุณ” เขาเว้นวรรคเล็กน้อยเพื่อดูสีหน้า ทั้งคู่แสดงความโกรธและตัดเพ้อต่อว่าผ่านแววตาเพียงแวบเดียวก่อนถูกกลบด้วยน้ำตา
“ผมเสียใจและขอโทษด้วยครับ สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น คุณ....”
“คุณบุญยงค์กับคุณรวงทองครับ” กนกแนะนำ
“คุณบุญยงค์ คุณรวงทอง” เขาเอื้อมมือมากุมมือพวกเขาทั้งสอง “ลูกชายคุณจะไม่เป็นหรอกครับ ที่นี่มีหมอฝีมือดีและสนิทสนมกับบ้านผมดี เขาจะได้รับการรักษาอย่างเต็มที่จนกว่าจะหายขาดครับ ผมรับรอง”
เขาสร้างความหวังเล็กๆปรากฏบนใบหน้าคนทั้งคู่ นั้นทำให้รู้สึกดีนิดหน่อย ก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออกมา
“คุณหมอ” สองสามีภรรยาแทบถลาเข้าไปหา
“คุณอา สวัสดีครับ” เขาเข้าไปทักทาย
“มากับเขาด้วยเหรอ สิงหา”
“ครับ นี่เป็นคนไข้ที่ผมต้องดูแล เด็กคนนั้นเป็นไงบ้างครับ”
“ปลอดภัยแล้ว ตอนแรกหัวใจหยุดเต้นไปก็ทำเอาวุ่นทีเดียว ตอนนี้กู้ได้แล้ว สมองบวมเล็กน้อย ต้องดูอาการอีกระยะ แต่หมอคิดว่าเขาจะหายในเร็วๆนี้ครับ”
“ขอบคุณคะ ขอบคุณจริงๆ” รวงทองน้ำตาร่วงเป็นสาย เธอกอดสามีกับลูกๆอีกสองคนแน่น
“แต่.....มีปัญหาอย่างหนึ่ง” คุณหมอทำให้ทุกคนในที่นี่แข็งเป็นหินไปหมด
“มีอะไรเหรอครับ” ขอให้อย่าให้หนักเลย สิงหาภาวนา
“หน้าของเขา....กระแทกพื้นอย่างแรง กระดูกหน้าเสียหาย.....ต้องผ่าตัดยกเครื่องใหม่เลยล่ะ” หมอหันมาบอกเขามากกว่าจะบอกกับพ่อแม่เด็ก
“หมายความว่าไงคะ หมอ”
“คือ.....เราต้องผ่าตัดใบหน้าเขาใหม่....อาจทำให้หน้าเปลี่ยนไปเลย แต่...ลูกชายคุณเพิ่งอายุ14 เท่านั้นกระดูกเชื่อมต่อกันง่ายมาก เพียงแต่.....ค่าศัลยกรรมมันสูงมาก”
สองสามีภรรยาหันมามองสิงหาขวับทันที ชายหนุ่มนิ่งไปครู่เพราะไม่คิดว่าจะมีค่าศัลยกรรมมาเกี่ยวด้วย เขาเม้มปากอย่างครุ่นคิด
“คุณจะไม่ฟ้องน้องชายผมใช่ไหมครับ” เขาถามตรงๆเลย
“ไม่คะ ไม่ฟ้อง คุณคะ ช่วยลูกฉันด้วยนะคะ ลูกฉันเป็นเด็กดี เรียนเก่งแล้วขยันมาก เขาไม่เคยเกเรสักครั้ง ทุกวันต้องออกมาช่วยเราเก็บขวดขายหาค่านมให้น้องๆด้วย คุณต้องช่วยแกนะคะ”
“เอ้าๆๆ ก็ได้ครับ ผมจัดการให้เอง แต่พวกคุณต้องเซ็นชื่อยอมความไม่เรียกร้องค่าเสียหายหลังจากนี้อีก ตกลงไหม”
“ตกลงคะ ตกลง....ตกลงนะพี่” รวงทองเขย่าแขนสามีให้ตกลง
“ผมตกลงครับ แต่ขออีกอย่างได้ไหมครับ”
“ว่ามาสิ”
“ผมอยากให้ช่วยหางานใหม่ให้ด้วยครับ คุณ...แขนผมหักอย่างนี้ทำงานกวาดถนนลำบาก จะงานอะไรก็ได้ครับ ผมขอแค่ให้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ หนักแค่ไหนผมก็ไม่เกี่ยง”
“อ้อ.....ได้ คุณอาครับ รบกวนเป็นธุระให้ด้วยนะครับ” สิงหาได้ข้อสรุปเรื่องทั้งหมดก็หายห่วงว่าเรื่องนี้จะไปถึงหูปู่กับพ่อ เขาปล่อยให้กนกจัดการที่เหลือต่อ ส่วนเขากลับไปบ้านจัดการน้องชายเป็นอันดับต่อไป
“พี่อ๊ะ” กันยา เพิ่งครบ18 หมาดๆไม่กี่เดือนมานี่เอง จ้องหน้าเขาอย่างโกรธจัด
“ทำไม....แกไม่ชอบใจที่ฉันจัดการอย่างนี้เหรอ”
“ผมไม่อยากไปเมืองนอกนี่”
“แกต้องไป ฉันไม่ปล่อยให้แกก่อเรื่องซ้ำแล้วซ้ำอีกเด็ดขาด โตสักทีกันยา ฉันเบื่อที่จะต้องเช็ดก้นให้แกแล้ว”
“ก็ไม่ต้องเช็ดสิ” เด็กหนุ่มร่างผอมบางหันมาว่าเสียงโกรธจัด สิงหาชี้ไปที่ประตูทันที
“โน่น...ห้องทำงานพ่อ ถ้าแกกล้าไปสารภาพเรื่องที่แกก่อขึ้นในวันนี้ออกมา ฉันจะเลิกยุ่งกับแกเลย”
“สิงหา....หยุดได้แล้ว เลิกทะเลาะกันเสียที” คุณกานดาลุกขึ้นเอ็ดลูกชายทั้งสอง “เราพูดกับน้องดีกว่านี้ไม่เป็นหรือไงนะ ส่วนเราน่ะก็เลิกทำตัวเหลวไหลเสียที จากนี้ไปห้ามไปไหนทั้งนั้น อีกสองอาทิตย์ค่อยไปเมืองนอกด้วยกัน”
“แม่อ๊ะ....”
“แม่ทำเพื่อเราได้แค่นี้แหละ กันยา แม่ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว พอแล้ว” กันยามองแม่อย่างผิดหวัง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ เขาหันไปเตะโต๊ะคอมโครม! ก่อนผุนผันออกไปนอกห้อง
“แม่จะไปด้วยเหรอ”
“แค่ไปส่งน้อง...แล้วแม่อยากพักสมองสักหน่อย แม่เหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยจริงๆนะสิงหา”
ชายหนุ่มดึงแม่มานั่งข้างๆ เขาโอบกอดแม่ไว้ไม่พูดอะไรแค่กอดไว้และกุมมืออยู่นานกว่าคุณกานดาจะนึกได้
“แล้วเรื่องนั้นล่ะลูก”
“ผมจัดการแล้วครับ พวกนั้นไม่ฟ้องกันยาแลกกับค่ารักษาพยาบาลแล้วหางานใหม่ให้คนพ่อเท่านั้น”
“งานเหรอ หางานอะไรให้เขา”
“ผมให้กนกจัดการ คิดว่าเป็นไร่องุ่นของเราที่เลยกำลังเหมาะครับ อากาศดี งานมั่นคง มีที่ให้เด็กๆได้วิ่งเล่นด้วย”
“บ้านเขาเป็นไงเหรอ น่าสงสารไหม”
“ครับ....มีกัน 5 คน พ่อแม่ทำงานกวาดถนน มีลูกชายอายุ 14 แล้วฝาแฝดชายหญิงเพิ่ง 2 ขวบเอง”
“.....ถ้าไงก็บอกให้สวนดูแลเรื่องเล่าเรียนให้พวกเขาด้วยก็ดีนะ”
“ครับ...”
“แย่จังเลยนะ....ไม่น่าเจอเรื่องร้ายๆเลย”
“ผมเห็นพวกเขาที่โรงพยาบาลวันนี้ด้วย พ่อแม่ลูกกอดกันกลมเลย ดูเศร้า ดูกลัว แต่ก็ประคับประคองกันอย่างเข็มแข็ง......ผมจำไม่ได้ว่าพ่อเคยกอดพวกเราสามคนแบบนี้ไหมนะ”
“แม่ก็.....จำไม่ได้แล้วสิ”
คำพูดของแม่นั้นช่างแห้งผากในความรู้สึก สิงหานั่งเงียบแล้วกอดแม่ไว้อย่างนั้นอีกนาน
*********
3 ปีต่อมา
“นี่อะไร?” ชายหนุ่มเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานออกมาแล้วต้องแปลกใจที่เห็นเค้กผลไม้ก้อนเล็กๆวางอยู่พร้อมเทียนไขหนึ่งเล่ม
“เค้กครับ” กนกบอก
“ฉันรู้ว่าเค้ก แต่นี่มันของใคร”
“ของคุณสิครับ”
“หา?” สิงหาถึงกับเหวอไปเลย
“ลืมวันกิดตัวเองไปเลยนะครับ คุณผู้หญิงว่าไว้ไม่ผิดเลย”
“แม่โทรมาสั่งเหรอ”
“ครับ หน้าผลไม้อย่างที่ชอบ” เลขาประจำตัวยกขึ้นมาทั้งกล่อง มาจุดเทียน “สุขสันต์วันเกิดครบ 26 ปีครับ คุณสิงหา”
“ขอบใจ ประทับใจสุดซึ้งเลยที่มีนายมาสุขสันต์วันเกิดแทนที่จะมีสาวๆมาปาร์ตี้”
“ผมก็อยากทำให้ประทับใจคุณครับ แต่จัดเงียบๆย่อมดีกว่าใช่ไหมครับ”
“จริง” ชายหนุ่มเป่าเทียนฟู่... บ้านเขาเกลียดงานเลี้ยง พ่อกับปู่ไม่ชอบงานเลี้ยงหนวกหูวุ่นวาย ยกเว้นงานเลี้ยงเพื่อผลประโชนย์ของบริษัท วันเกิดของเขาได้ฉลองกับผู้ชายแค่สองคนนี่ แฮปปี้เป็นบ้า เขาตักเค้กกินแค่สองสามคำ
“คุณสิงหา” กนกออกไปข้างนอกแป๊บเดียวก็กลับเข้ามา“มีเวลาสักครู่ไหมครับ”
“มีอะไรเหรอ”
“เออ....ผู้จัดการการเงินของไร่องุ่นให้เด็กคนหนึ่งมาส่งรายงานประจำปีครับ”
“ก็ให้ฝ่ายการเงินจัดการสิ”
“คุณไปคุยหน่อยดีไหมครับ เขาบอกว่าอยากพบคุณด้วยตอนนี้รอที่ห้องรับแขก 1 ”
สิงหาเหล่มองเลขาอย่างสงสัย “มีอะไรถึงต้องให้ฉันไปหาด้วย”
“คือ....คนที่มาเป็นคนที่คุณวาสนาอยากให้รับตำแหน่งผู้จัดการในอนาคต เธอว่าเด็กคนนี้ทำงานเก่ง แต่ความรู้ยังไม่แน่นพอเลยอยากให้ทางบริษัทสนับสนุนทุนการศึกษาระดับปริญญาเป็นกรณีพิเศษ”
“ขนาดนั้นเชียว”เขาหัวเราะเยาะ นานแล้วที่ไม่มีเด็กเส้นมากวนใจ “ให้คนที่ว่างไปจัดการสิ พิจารณาตามขั้นตอนก็พอ”
“ครับ” กนกหนีบแฟ้มออกไป หลังจากชายหนุ่มก็ลืมเรื่องนี้ไปสนิทใจ เขาทำงานจนกระทั่งบ่ายสามโมงก็เตรียมตัวจะออกไปข้างนอก
“จะไปไหนเหรอครับ”
“ขับรถเล่นสักหน่อย ฉันอยากพักสมอง”
“อ้อ....งั้นค่อยๆขับนะครับ”
“คุณกนกคะ...” พนักงานประชาสัมพันธ์เข้ามากระซิบกระซาบเบาๆ
“มีอะไร...”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่....เด็กคนนั้นยังรอพบคุณอยู่ แต่ผมจะไปจัดการให้”
“เด็กไหน” ชายหนุ่มนึกสงสัย
“เด็กที่คุณวาสนาส่งมาไงครับ”
“ยังรออยู่อีกเหรอ” เขาดูนาฬิกาข้อมือ “ตั้ง 5 ชั่วโมงแล้วนะ”
“คงอยากพบคุณนะครับ”
“เอ้า....ไปพบหน่อยก็ได้” คงใช้เวลาไม่นานหรอก ชายหนุ่มคิด เขาก้าวผ่านโถงใหญ่ทางเข้าบริษัทขึ้นไปที่ชั้นสอง ตอนนี้บ่ายแก่ๆแดดส่องแรงมาทางตะวันตก ทำให้ทั้งห้องโถงเป็นสีทองดูนุ่มนวล พอเดินท่องน่องอย่างไม่รีบเร่งทำให้นึกถึงช่วงเวลาดีๆ ก็ผ่อนคลายได้ไม่ต่างการขับรถเล่น ดีกว่าตรงที่ไม่เสียค่าน้ำมันรถด้วย เขายิ้มกับตัวเองน้อยๆ
ประตูห้องรับแขกเปิดเข้าไป เสียงมูลี่กระทบกระจกเบาๆทำให้คนที่อยู่ในห้องรู้สึกตัว สิงหาเห็นเด็กวัยรุ่นตัวเล็กผมดำยาวปะบ่ายืนอ่านหนังสือหน้าชั้นวางที่มุมห้อง เสื้อยืดขาวลายการ์ตูนสีฟ้า กางเกงยีนต์สามส่วน รองเท้าผ้าใบลายสก๊อตสีฟ้า
เด็กคนนั้นวางหนังสือลงในชั้นวางก่อนหันมามองเขา สิงหากระพริบตาอย่างประหลาดใจเมื่อสบตากลมโตเป็นประกาย ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ก่อนยกมือไหว้
“สวัสดีครับ คุณสิงหา”
(ติดตามตอนต่อไปจ้า)