My Best Friend : บทส่งท้าย updated 8 Feb 13
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Best Friend : บทส่งท้าย updated 8 Feb 13  (อ่าน 82477 ครั้ง)

ออฟไลน์ Maprang_W

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
Re: My Best Friend : ตอนที่ 16 updated 18/5/11
«ตอบ #120 เมื่อ19-05-2011 00:32:53 »

เปิดมาเจอพอดี  รอตอนต่อไปนะ

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: My Best Friend : ตอนที่ 16 updated 18/5/11
«ตอบ #121 เมื่อ19-05-2011 04:10:20 »

และแล้วเธอก็กลับเข้ามาสินะ มารผจญ อิอิ

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 16 updated 18/5/11
«ตอบ #122 เมื่อ19-05-2011 07:28:52 »

นิวคุงนอนดึ๊กดึก  :bye2:

ออฟไลน์ GeTOuTNoW

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: My Best Friend : ตอนที่ 16 updated 18/5/11
«ตอบ #123 เมื่อ19-05-2011 07:34:58 »

รอตอนต่อไปเช่นกันครับ :oni1:

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 16 updated 18/5/11
«ตอบ #124 เมื่อ20-05-2011 21:24:17 »

เปิดเทอมผมไม่ค่อยได้เจอเอ็มหรอกครับ เราอยู่คนละคณะกันและคณะผมกับมันก็อยู่คนละซีกของมหาวิทยาลัย น้อยครั้งครับที่ผมจะเดินเจอเอ็มในมหาวิทยาลัย ส่วนมากผมจะเจอมันตอนเพื่อนๆนัดกินข้าวกันช่วงเย็นมากกว่า เพื่อนผมส่วนมากอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน และพวกเราก็มักจะนัดกินข้าวกันสัปดาห์ละครั้ง หลังจากเปิดเทอมได้ไม่นานก็ถึงวันเกิดผม ผมจำได้ว่าวันนั้นผมไปดูหนังกับเอ็ม ตกเย็นมันก็มานั่งเล่นบ้านผมและวางแผนว่าจะกินข้าวเย็นกับผม  :m4:

นอกเรื่อง … ไม่ต้องตกใจนะครับว่าทำไมวันเกิดผมแล้วผมไม่ต้องไปกินข้าวเป่าเค้กกับที่บ้านเหรอ บ้านผมเป็นแบบนี้แหละครับ ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องวันเกิด แม่บอกว่าเกิดแล้วเกิดเลยไม่ต้องมาจัดเลี้ยงอะไรให้วุ่นวาย ของขวัญวันเกิดผมก็ไม่ได้ มันไม่ใช่ธรรมเนียมบ้านผมที่จะให้ของขวัญกัน ตอนเช้าผมก็ไปใส่บาตร สายๆพ่อก็ให้เงินวันเกิด แม่ก็ถามว่าวันนี้ผมมีแผนจะไปไหน พอผมบอกว่านัดเอ็มกินข้าวดูหนัง ทุกคนก็ ok ... เอ็มมันเป็นลูกรักบ้านผมครับ เพื่อนผมยังเคยเเซวเลยว่าเวลาพาเอ็มมาบ้าน พ่อพูดกับเอ็มมากกว่าพูดกับผมอีก  :m16:

ต่อ … เอ็มมันก็นอนเล่นดูทีวีอยู่บนเตียง ส่วนผมก็นอนอ่านหนังสือ แล้วอยู่ๆก็มี message เข้า ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูก็ต้องแปลกใจกับเจ้าของ message

“Happy Birthday na, wish u have a good health, well being and New … please stay by myside and be my lovely friend forever na. Ruk mung mak mak”  :m1: ผมหันไปมองเจ้าของ message ที่นอนดูทีวีอยูปลายเตียง

“ขอบใจนะ … กรูก็รักมรึงเหมือนกัน”  :o8: ผมขยับตัวไปนอนอยู่ข้างๆเอ็มแล้วเอาหัวไปซบกับไหล่ของมัน เอ็มมันยิ้มครับแล้วก็ลูบหัวผม

ผมควรจะเหงาไหม วันเกิดมันก็ควรจะเป็นวันที่เราได้เลี้ยงฉลองกับใครหลายคนมากกว่าการมานั่งอยู่ในห้องนอนกับคนเพียงคนเดียวหรือเปล่า ไม่รู้สิ แต่ผมกลับไม่รู้สึกเหงาเลยแม้แต่น้อย กลับกันผมกลับรู้สึกอุ่นใจด้วยซ้ำ้ที่มีเอ็มมานอนอยู่ข้างๆเพราะสำหรับผมการถูกรายล้อมด้วยคนมากมายมันเทียบอะไรไม่ได้เลยกับการที่มีคนเพียงคนเดียวนั่งอยู่ข้างๆ โดยเฉพาะถ้าคนๆนั้นคือเอ็ม

ผมใช้ชีวิตเปื่อยๆของเด็กมหาวิทยาลัยไปเรื่อยๆ เช้ามาก็หิ้วเป้ไปเรียน เย็นก็นัดกินข้าวกับเพื่อนบ้าง ดูหนังบ้างมันก็เป็นชีวิตที่มีความสุขดีนะครับ พี่ๆเคยเป็นไหมครับเวลาทำฝันของตัวเองเป็นจริงแล้วมันก็เหมือนไม่มีจุดหมายปลายทางให้เราเดินต่อ ผมฝันมาตลอดว่าอยาจจะเข้ามหาวิทยาลัยนี้ และในตอนนี้ความฝันของผมก็เป็นจริง ช่วงแรกๆผมก็เคว้งไม่รู้จะทำอะไรกับชีวิตดี ก็เรียนไปเรื่อยๆ

“เอ็ม มรึงอยากได้เกียรตินิยมไหม” เอ็มมันเป็นเด็กเรียนเก่งครับ ชีวิตมันน่าสงสารมาก เพราะเกิดมามันรู้จักแต่ A และ B+

“อยากดิ ไมวะ มรึงไม่อยากเหรอ”

“ได้ก็เอา ไม่ได้ก็เอา ไม่อยากกดดันตัวเองว่ะ” ผมนิสัยแบบนี้แหละครับ ถ้ารู้สึกว่าตัวเองถูกกดดันผมก็มักจะหนี จริงๆคือตอนนั้นผมก็เหมือนไม่รู้ว่าตัวเองจะเรียนเอาเกรดดีๆไปทำไม เกรดผม okนะครับ สามารถหวังเกียรตินิยมอันดับ 1 ได้

“คิดงั้นได้ไงวะ ได้เกียรตินิยมนี่ได้เปรียบคนอื่นนะ เรียนต่อก็ง่าย สมัครงานก็ง่าย” ผมไม่เข้าใจที่เอ็มมันพูดหรอกครับ แต่มันก็พูดในแนวว่าถ้าผมมีโอกาสได้เกียรตินิยมก็รีบๆทำเกรดให้ดีซะตั้งแต่ต้น เพราะถ้าต้องปั่นเกรดทีหลังมันจะขึ้นยาก ผมก็เชื่อมันครับ ตั้งใจเรียนตั้งใจอ่านหนัวสือเหมือนเดิม

เเล้วอยู่มาวันหนึ่งไอ้เอ็มกับหว้ามันก็มาชวนผมเปิด tutor จริงๆแล้วตอนแรกมันคุยกัน 2 คนแต่ลากผมเข้ามาด้วยเพราะผมมีที่อยู่แถวนั้นพอดี เลยสรุปออกมาว่าผมลงที่ส่วนมัน 2 คนเป็นคนสอน ผมน่ะเป็นคนไม่มีหัวด้านนี้หรอกครับตอนแรกที่คุยกันเอ็มกับหว้ามันขอคนละ 40% ผมแอบนอยด์นะครับ เพราะคิดว่าเพื่อนกันยังไงก็น่าจะหารเท่ากัน สุดท้ายผมเลยไปคุยกับแม่ แม่บอกผมว่าที่ให้เงินผมไปร่วมทุนกับเพื่อนนี่ไม่ได้หวังให้ผมได้กำไรจากมันมากมายแต่แม่อยากให้ผมรู้ว่าการจะเริ่มทำอะไรสักอย่างนี่มันยากขนาดไหน และอีกอย่างคือเอ็มกับหว้าเป็นคนสอน เขาสองคนต้องเตรียมตัวสอน เพราะฉะนั้นมันก็ถูกแล้วที่ผมจะได้ให้ค่าเหนื่อยกับเขาทั้งคู่ พอได้ยินแม่พูดแบบนั้นผมก็ ok โทรไปบอกพวกมันว่าผมเอาแค่ 20% ก็ได้

พอเราตกลงกันเรื่องเงินได้ พวกผมก็เอาเงินมารวมกัน เราสามคนเข้ามาวัดที่ ออกแบบห้อง ทำความสะอาด มานั่งช่วยกันคิดว่าจะซื้อโต๊ะเก้าอี้กี่ตัว พวกเราไปซื้อของกันที่ีสวนมะลิ ผมเข้าใจหลักของเศรษฐกิจพอเพียงก็งานนี้ล่ะครับ พวกเราวางแผนกันว่าจะทำห้องเรียน 2ห้อง ห้องทำงาน 1ห้อง พอซื้อของเสร็จเรียบร้อยก็มาจัดสถานที่ จัดเสร็จมันก็ดูดีนะครับ แต่พอเริ่มเปิดสอนไปได้ไม่นาน ผมก็ต้องมานั่งคิดว่าจะทำห้องสอนมาทำไมสองห้อง เพราะความเป็นจริงผมก็ไม่ได้มีเด็กมาเรียนมากขนาดตารางสอนมันซ้อนกัน แล้วไอ้ห้องทำงานนี่ก็ไม่่รู้จะทำมาทำไม เพราะเอาเข้าจริงก็ไม่เคยมีใครมานั่ง สอนเสร็จก็กลับบ้าน มีแต่ผมเท่านั้นที่มานั่งอ่านหนังสือรอพวกมัน

เด็กส่วนมากที่มาเรียนก็จะเป็นเพื่อนๆของน้องผม นับรวมกันก็ได้สิบกว่าคน แบ่งได้ 2 กลุ่ม เอ็มกับหว้าแบ่งกันสอนคนละกลุ่ม ไอ้หว้าโชคดีได้กลุ่มเด็กเรียนมันก็เลยมีความสุขกับการสอนเพราะน้องมันตั้งใจ แต่เอ็มนี่เหนื่อยหน่อยเพราะได้เด็กกวนๆมาสอน แต่ผมชอบบรรยากาศของกลุ่มไอ้เอ็มมากกว่านะครับ เพราะเวลาเรียนมันก็จะมีเเต่เสียงหัวเราะ คือน้องมันก็พยายามกวนตรีนเอ็มตลอดเวลา จำได้ว่าเอ็มมันสอนๆไปแล้วอยู่ดีๆน้องมันก็ร้องเพลงรักไม่ยอมเปลี่ยนแปลงขึ้นมาซะดื้อๆ ผมนั่งอยู่ข้างๆยังขำกับเสียงของมันจนแทบตกเก้าอี้

สำหรับตัวผมเองทำหน้าที่เป็นภารโรงครับ ถ้าวันไหนมีสอนผมก็จะเข้ามาพร้อมกับพวกมัน ไอ้คนสอนก็เตรียมเอกสารไป ส่วนผมก็เก็บของทำความสะอาด เช็ดโต๊ะ กวาดพื้น วันที่เอ็มสอนเราสองคนจะนัดเจอกันที่ห้างแถวนั้น ผมเลิกก่อนก็จะมานั่งรอเอ็มที่ห้าง ก็อ่านหนังสือรอบ้าง shopping รอบ้าง บางวันรอนานไปหน่อยผมถือถุงเต็มมือเลย ฮิฮิ พอเอ็มมาถึงเราก็เดินหรือไม่ก็นั่ง taxi มาที่ tutor ถ้าวันไหนเดินก็เหมือนเป็นรายการทัวร์ของกินแหละครับ เจอหมูย่างก็ซื้อ เจอเกี๊ยวทอดก็ซื้อ คือเดินไปกินไปกว่าจะถึง tutor ก็อิ่มพอดี

มาถึง tutor เอ็มก็จะของีบเอาแรงก่อน ส่วนผมก็ปัดกวาดเช็ดถู เตรียมน้ำ้ไว้ให้มันกับเด็กๆ พอถึงเวลาสอนเอ็มก็สอนไปส่วนผมก็นั่งอ่านหนังสือในห้องทำงาน เอ็มสอนเสร็จประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ หลัเด็กๆกลับบ้าน เอ็มก็เก็บเอกสาร ผมก็กวาดพื้นเช็ดกระดาน เช็ดโต๊ะ พอทุกอย่างเรียบร้อยผมกับเอ็มก็เรียก taxi กลับบ้านผม บางวันเอ็มก็กินข้าวเย็นที่บ้านผมบางวันเราสองคนก็ออกไปหาอะไรกิน แถวบ้าน ก็ไม่ได้มีอะไรให้เลือกมาก ส่วนใหญ่เราจะไปจบกันที่ร้าน fast food ซะมากกว่า

จากนั้นผมก็จะขับรถไปส่งเอ็ม กลับถึงบ้านผมก็จะโทรกลับไปหาเอ็มคือมันสั่งเอาไว้ถ้าผมถึงบ้านแล้วให้โทรหามัน เอ็มมันกะเวลาได้ครับ จากบ้านมันถึงบ้านผมปกติไม่เกิน 20 นาที ถ้าผมโทรกลับไปช้ากว่านั้น เอ็มก็จะโทรมาเช็คว่าผมอยู่ไหน ช่วงนั้นเอ็มมานอนบ้านผมบ่อยมาก บางคืนมันเหนื่อยขี้เกียจกลับบ้านมันก็นอนค้างบ้านผม วันรุ่งขึ้นผมมีเรียน lecture ตอนเช้าผมก็ปล่อยให้เอ็มนอนตื่นสายไป มันก็ตื่นเกือบเที่ยงโน่นแหละครับแล้วค่อยกลับบ้าน

ช่วงนั้นผมกับเอ็มเจอกันสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง กินข้าวด้วยกันเกือบทุกเย็นมันเลยทำให้ให้ผมกับเอ็มที่สนิทกันอยู่แล้วยิ่งสนิทกันมากกว่าเดิมจนน้องๆเริ่มแซวผม มันเริ่มจากวันที่ผมติดงานที่คณะเลยตามเอ็มมาที่ tutor ทีหลัง มาถึงผมก็เข้าไปในห้องสอนไปดูว่ามีใครเตรียมน้ำ้ให้หรือยัง เอ็มมันคงเตรียมเองล่ะครับ เพราะผมเห็นเหยือกน้ำ้กับแก้ววางอยู่เรียบร้อยแล้ว ผมเห็นว่าน้ำ้มันใกล้หมดแล้วก็เลยยกเหยือกใหม่เข้ามาให้ พอเอ็มมันเห็นผมดันประตูเข้ามามันก็เข้ามาช่วยแง้มประตูให้แล้วก็ช่วยผมถือเหยือกน้ำ้ เท่านั้นล่ะครับน้องๆมันก็เเซวกันใหญ่

“พอพี่นิวมา พี่เอ็มก็รีบเข้าไปช่วยเลยน้า”  :m29:

“พี่เอ็มเห็นหน้าพี่นิวแล้วยิ้มไม่หุบเลย”  :m13:

“กลัวแฟนหิวน้ำ้เหรอครับพี่นิว”  :m17: ก็ประมาณนี้แหละครับ ก็งงๆนะเพราะผมก็ทำแบบนี้มาตั้งแต่เเรกอยู่แล้ว พวกมันไม่เห็นจะเคยแซว เย็นนั้นพอทุกคนกลับ ผมก็ถามเอ็มว่ามันไปทำอะไร ทำไมอยู่ๆน้องๆถึงแซว แต่มันก็ไม่ตอบ ยิ้มๆแล้วก็ส่ายหัว

หลังจากวันนั้นไอ้พวกเด็กเวรก็ตั้งหน้าตั้งตาจ้องจับผิดผมกับเอ็ม คือผมกับเอ็มก็ยังเป็นเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่น้องมันก็สรรหาอะไรไม่รู้มาแซว

เวลาผมเดินเข้ามาในห้อง “แฟนใครมาหว่า”

เวลาผมยกขนมเข้ามาให้ “ทำไมต้องจ้องตากันซะหวานเชียว”

เวลาผมกับเอ็มคุยกัน “พี่เอ็มหยุดยิ้มได้แล้ว อิจฉา” แล้วพอเด็กมันแซวเอ็มมันก็พยายามเก๊ก แต่ผมว่ามันก็คงดูออกแหละ

บางวันผมนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องทำงาน “พี่นิว พี่นิวกับพี่เอ็มเป็นแฟนกันเหรอ”

และก่อนพวกมันกลับบ้าน คือมันเดินออกไปแล้วนะครับยังเปิดประตูกลับเข้ามา “พี่สองคนอย่าทำอะไรกันนะ”

แล้วพอมันรู้ว่าวัน Valentine's ปีนั้นผมกับเอ็มไปกินข้าวด้วยกันที่สยาม “นั่นแน่เเอบไป sweet กันต่อที่ไหน”, “วันนี้ทำไมพี่นิวเดินขาถ่าง”, “พี่เอ็มทำไรรุนแรงจัง” คือผมงี้อายจนแทบจะมุดดินหนี

เรื่องของเรื่องคือวันนั้นผมว่างแล้วเอ็มมันก็ว่าง เราเลยนัดกินข้าวดูหนังกันที่สยาม ผมไม่ได้เลือกร้านที่มันโรแมนติกอะไรมากหรอกครับ ก็เลือกร้านธรรมดาๆร้านหนึ่ง แล้วก็บังเอิญซวยเจอไอ้เด็กเวรพวกนี้เข้า ยังโชคดีที่มันก็มากับแฟนมันเลยเข้ามาแซวผมแค่หอมปากหอมคอ ผมไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับวัน Valentine's เลย ผมกับเอ็มก็ยังเป็นเพื่อนกัน วันนี่นั้นก็ไม่มีอะไรพิเศษ ไม่มีคำพูดหวานๆ ไม่มีของขวัญ ... เราสองคนยังคงเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

ปล. วันนี้สั้นหน่อยนะครับ เหนื่อยมากๆ


tantalize

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
«ตอบ #125 เมื่อ20-05-2011 22:05:53 »

ฮั่นเเน่ หรือว่าเอ็มของเราจะคิดไม่ซื่อมั่งเเว้วววว  :oo1:

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
«ตอบ #126 เมื่อ20-05-2011 23:25:32 »

ฮั่นเเน่ หรือว่าเอ็มของเราจะคิดไม่ซื่อมั่งเเว้วววว  :oo1:

:m29:      :-[

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
«ตอบ #127 เมื่อ21-05-2011 01:55:27 »

เป็นปลื้มจริงจังกับนายเอ็มอิอิ อยากให้คู่นี้ลงเอยกันจัง เจอะกันมาแต่เด็ก 

ปล. นิวน้อย นิวคุงนอนดึกประจำจ้า

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
«ตอบ #128 เมื่อ21-05-2011 07:20:47 »

เป็นปลื้มจริงจังกับนายเอ็มอิอิ อยากให้คู่นี้ลงเอยกันจัง เจอะกันมาแต่เด็ก 

ปล. นิวน้อย นิวคุงนอนดึกประจำจ้า

ผมก็เป็นปลื่มกับการกระทำของมันนะครับ  :m3:

แต่นิวคุงนอนดึกจริงๆเนอะ เป็นผมนอนดึกขนาดนี้วันรุ่งขึ้นสงสัยปวดหัวทั้งวัน  :z2:

ปล. ม่ายอยู่นะครับ ปายเที่ยวต่างจังหวัด เจอกันอีกทีวันอาทิตย์คำ่ๆเลยน้าาาาาาาาา  :bye2:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
«ตอบ #129 เมื่อ21-05-2011 10:25:22 »

 :กอด1:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
« ตอบ #129 เมื่อ: 21-05-2011 10:25:22 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ GeTOuTNoW

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
«ตอบ #130 เมื่อ21-05-2011 10:59:44 »

 :กอด1: :L2:เอ็มน่ารัก ขอนิวเงแฟนด่วน

Forget..*

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
«ตอบ #131 เมื่อ22-05-2011 02:37:44 »

เอ็มนิวน่ารักอะ เด็กที่เอ็มสอนก็สรรหาประโยคมาจริงเชียว5555

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
«ตอบ #132 เมื่อ22-05-2011 23:19:55 »

ก่อนช่วงที่ผมจะปิดเทอมผมมีปัญหากับเพื่อนในคณะ เราทะเลาะกันเเรงมาก แล้วเรื่องนี้ก็ดังมากขนาดว่าทุกคนในรุ่นรู้เรื่อง ถ้าถามว่าใครผิด ผมว่าความผิดทั้งหมดก็ไม่ใช่ของผม แต่ผมเป็นฝ่ายเริ่มแรงใส่มันก่อน ตอนนั้นผม ego สูงครับ ใครพูดอะไรก็ไม่ฟัง คิดว่าตัวเองเก่ง จนสุดท้ายผมถูกเพื่อนๆที่ทำงานร่วมกันบอยคอตงานผม  :o11:

วันนั้นผมเสียใจมากนะครับ พวกเรานัดประชุมกัน ผมมาถึงเป็นคนสุดท้าย พอถึงเวลาสรุปงานทุกคนพูดออกมาในแนวทางเดียวกันเหมือนเตี๊ยมกันมา ผมไม่เคยทำงานแล้วถูกกดดันขนาดนี้มาก่อน เป็นการทำงานที่แบ่งพวกอย่างชัดเจน แล้วก็ไม่มีใครอยู่ข้างผม จนสุดท้ายผมก็รู้ตัวว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมจะดันทุรังให้ได้ในสิ่งที่ผมต้องการ ยิ่งดื้อมันก็มีแต่จะเสีย ผมเลยเลือกที่จะหยุดและปล่อยให้พวกเขาทำในสิ่งที่เขาเห็นว่ามันสมควร

พอทุกอย่างเรียบร้อยผมก็เดินกลับมาที่รถ ความรู้สึกตอนนั้นมันเหมือนถูกรองเท้าตบหน้าไม่มีผิด ผมขับรถออกจากคณะทั้งที่น้ำ้ตานองหน้า เลี้ยวออกถนนใหญ่ได้ไม่ถึง 5 นาทีผมก็ต้องเปิดไฟกระพริบและจอดรถข้างทาง ผมขับต่อไปไม่ไหว จำได้ว่าตัวเองร้องไห้หนักมาก ผมโทรไปหาเอ็มและพอมันรับสายผมก็ยิ่งร้องไห้หนัก ผมอยากไปหาเอ็มที่บ้าน แต่ตอนนั้นเอ็มออกมากินข้าวกับที่บ้าน มันบอกให้ผมตามไปหามันที่ร้านแต่ผมไม่กล้าไปหรอกครับ ร้องไห้ตาบวมขนาดนี้ เอ็มมันก็ปลอบผมจนผมใจเย็นพอจะขับรถกลับบ้านได้

สองวันต่อมาผมก็เจอเอ็มตามปกติ มันมาสอนที่ tutor ผมก็นั่งรอมันจนสอนเสร็จ เราไปกินข้าวด้วยกันข้างนอก ผมขับรถมาส่งเอ็มที่บ้านเหมือนเดิม พอถึงผมก็ดับเครื่องรถอยู่หน้าบ้าน มันคงรู้ว่าผมยังคิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมยอมรับว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายหมือนที่ผมคิด แม้ตอนอยู่ที่คณะผมจะรู้สึกเหมือนมีคนมองผมแบบประหลาดๆ แต่เพื่อนๆผมก็ยังให้กำลังใจเเละบอกกับผมว่าเสียดายที่ผมถอยออกมา มันรู้ว่าผมทำงานดีกว่า ยอมรับฟังความเห็นของเพื่อนๆมากกว่า ผมมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง แต่พอผมเห็นหน้าเอ็ม ไม่รู้เหมือนกัน เห็นหน้ามันแล้วผมก็รู้สึกเหมือนว่าไม่สามารถจะทนเข้มแข็งต่อไปได้

“เป็นไรวะนิว”

“กรูเบื่อ เซ็ง ไม่อยากไปมหาวิทยาลัยว่ะ”  :sad2:

“ก็โดดดิ นั่งอยู่บ้านสักสองวันไม่มีใครว่าอะไรมรึงหรอก พ่อแม่มรึงไม่รู้อยู่แล้วว่ามรึงมีเรียนวันไหนบ้าง” มันพยายามพูดติดตลก เอ็มมันรู้ว่าตั้งแต่ผมเข้ามหาวิทยาลัยที่บ้านก็ปล่อยผมแบบสุดๆ ผมมีเรียนวันไหน เรียนอะไร เกรดเท่าไหร่ ไม่เคยมีใครถาม ที่ผมพูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าผมเป็นเด็กมีปัญหานะครับ ผมคิด (เข้าข้างตัวเอง) ว่าพ่อกับแม่ไว้ใจผม

“มรึง กรูขออะไรมรึงอย่างหนึ่งได้ไหม”

“อืม ได้ดิ …. ขอไรวะ” ผมก็ยังอ้ำ้ๆอึ้งๆไม่รู้ว่าจะขอดีไม่ขอดี  :m17:

“ไม่เอาดีกว่า เอาไว้ให้แย่กวานี้แล้วค่อยขอ” เปลี่ยนใจครับ อาย ไม่กล้าขอ

“ไม่เอา ขอมาเลย มรึงจะเอาอะไรกรูให้หมดแหละ” จากที่มันเป็นคนถูกขอตอนนี้เอ็มมันเป็นคนบังคับให้ผมขอแล้วครับ มันบอกว่าถ้าผมไม่ขอมันก็ไม่ให้ผมกลับบ้าน  :z1: ก็ง้อกันไปง้อกันมาจนพ่อแม่ไอ้เอ็มขับรถเข้ามา ผมต้องเลื่อนรถหลบมาจอดเลยบ้านมันไปอีกหน่อย เอ็มมันก็ยังบังคับให้ผมขอ

“เอ็ม … กอดกรูหน่อยได้ไหม กรูอยากให้มรึงกอด” ผมพูดเท่านั้นแล้วเอ็มก็ดึงผมเข้าไปกอด  :กอด1: พอหัวผมมันซบลงกับไหล่ของเอ็มผมก็ปล่อยโฮเลยครับ ผมกอดมันแน่นมาก สองสามวันที่ผ่านมาผมคิดถึงมันมากๆ รู้สึกเหนื่อยเหลือเกินกว่าจะรอให้ถึงวันนี้ ผมอยากให้มันอยู่ข้างๆในวันที่ผมไม่เหลือใคร มันกอดผมอยู่นานจนผมค่อยๆหายสะอื้น ผมถึงดันตัวออกมาจากอ้อมกอดของเอ็ม

หลังจากนั้นอีกสองสามสัปดาห์เอ็มก็ชวนผมไปเที่ยวเขาใหญ่กับเพื่อนๆที่คณะมัน ไอ้บิวก็ไปด้วยครับ เอ็มชวนผมเพราะเขารู้ว่าผมยังเซ็งกับเรื่องที่คณะ ผมไม่รู้จักเพื่อนเอ็มหรอกครับ แต่ผมก็ตกลงไป เพราะอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ได้ออกจากเมืองหลวงไปสูดอากาศหน้าหนาวที่เขาใหญ่มันก็เป็นความคิดที่ไม่เลว  :oni2:

ที่รีสอร์ทผมตัวติดกับเอ็มตลอดเวลา ก็ผมมีคนรู้จักแค่สองคนนี่ครับและไอ้บิวมันก็ไม่โอ๋ผมเหมือนเอ็มหรอก ไปเที่ยวต่างจังหวัดกันแบบนี้มีเหรอครับที่จะไม่กินเหล้า พวกเรากินกันทุกคนแหละครับ ผมกินน้อยหน่อยเพราะรู้ตัวว่าเป็นคนคออ่อน เย็นวันสุดท้ายพวกเรานั่งรถไปเที่ยวกันบนเขาใหญ่ ขากลับก็แทบไม่มีใครทนถ่างตาไหวเพราะเมื่ื่อคืนทุกคนต่างก็นอนดึก ผมนั่งตรงหน้าเฉียงๆกับเอ็มครับ เราทั้งคู่ต่างตาจะปิดกันอยู่แล้ว ผมก็เอนหัวสับปะหงกแต่ก็ไม่กล้าหลับเพรากลัวว่าตัวเองจะไปซบน้องข้างๆ ผมมองหน้าเอ็ม ข้างๆมันว่างครับ เอ็มก็พยักหน้าเรียกให้ผมไปนั่งข้างๆ อยากย้ายไปนั่งข้างเอ็มมากครับ ผมอยากนอนซบไหล่เอ็ม  :m3: แต่ผมก็ยังกลัวสายตาของคนรอบข้างอยู่บ้าง เลยอดทนถ่างตารอแล้วกลับไปนอนข้างๆเอ็มที่ห้องพัก


คืนนั้นก็เหมือนกับเป็นคืนปล่อยผี ใครมีอะไรก็ปล่อยออกมาหมด ยิ่งดึกก็ยิ่งเมา จนสุดท้ายก็มีพวกสติดีเหลืออยู่ไม่ถึง 5 คน พวกเราตั้งวงไพ่กันครับ ผมเริ่มสนิทกับเพื่อนใหม่แล้วก็เริ่มโวยวายตามประสา ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเอ็มหายไปไหนแล้วไม่รู้ ผมเลยเดินออกมาจากวงไพ่แล้วออกไปเดินตามเอ็มข้างนอกบ้านพัก ข้างนอกนั้นก็ยังมีน้องๆตั้งวงเหล้ากันอยู่ คนสติดีๆพอคุยรู้เรื่องก็ยังมีเหลืออยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเอ็มหายไปไหน ผมโทรเข้ามือถือเอ็มก็ไม่รับ

ผมไม่ได้คิดมากว่าเอ็มมันจะเดินหลงป่าหรืออะไรแต่ผมก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ไม่งั้นเอ็มไม่หายตัวไปแบบนี้ ผมเดินหาเอ็มอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงก็หาไม่เจอ สุดท้ายผมก็กลับไปนั่งในวงไพ่ ผมถามบิวมันก็ไม่รู้ว่าเอ็มไปไหน แล้วมันก็ทำท่าว่าจะไม่สนใจอะไรนอกจากแผ่นกระดาษที่อยู่ตรงหน้ามัน

ไม่นานหลังจากที่ผมกลับเข้ามาในห้อง เอ็มก็โทรเข้ามือถือผมบอกให้ผมเดินออกมาหาหน้าห้องพัก พอเดินออกมาจากห้องผมก็เห็นเอ็มยืนรอผมอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านพัก เอ็มเดินเข้ามาหาผมหน้านิ่งๆ ผมรู้ครับว่าหน้าตาแบบนี้แสดงว่ามันมีเรื่องไม่สบายใจ พอเราสองคนอยู่ใกล้กันมากพอ เอ็มก็ดึงตัวผมเข้ามากอด ผมไม่ฝืนแรงเขาเลยครับ เอ็มดึงผมเข้ามา ผมก็ตามเเรงมาเรื่อยๆ เอ็มกอดผมแน่นมาก มันยิ่งทำให้ผมแน่ใจว่าเอ็มมีเรื่องไม่สบายใจจริงๆ ผมซบหน้าลงกับไหล่ของเอ็มแล้วลูบหลังมันไปมา เราสองคนกอดกันอยู่สักพักก่อนที่เขาจะคลายกอดออกจากผม เอ็มยิ้มกับผม

“ขอบใจนะที่ตามหากรู” ผมมารู้ทีหลังว่าเอ็มหลบไปคุยโทรศัพท์ในรถไอ้บิว เขาเห็นผมตลอดเวลาที่ผมเดินตามหา

มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆครับที่ระหว่างช่วงเวลาที่ผมกับเอ็มกำลังกอดกันอยู่ไม่มีใครเดินเข้าออกจากบ้านพักสักคนทั้งๆที่ีมักจะมีคนเดินเข้าเดินออกอยู่ตลอดเวลา แล้วมันก็เป็นเรื่องบังเอิญอีกเหมือนกันที่พอเอ็มขยับตัวออกจากผมก็มีน้องคนหนึ่งเปิดประตูออกมา ผมเองก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้ามีคนเห็นแล้วมันจะเป็นยังไง เพราะทุกคนก็สงสัยว่าผมเป็นอะไรกับเอ็ม มันถึงได้ชวนผมมาด้วย แล้วก็มีคนมากระซิบถามบิวครับว่าผมกับเอ็มเป็นแฟนกันเหรอ เขาบอกว่าเพื่อนกันที่ไหนจะมาเดินตามหากันดึกขนาดนั้น  :m29: ตอนที่ผมได้ยินผมก็ขำนะครับ เพราะตอนนั้นผมยังไม่รู้ใจตัวเอง...

ปล. เพิ่งกลับจากต่างจังหวัดครับ เหนื่อยมาก
ปล. มีแต่คนเชียร์เอ็มเนอะ!!  :m1:

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 18 updated 22/5/11
«ตอบ #133 เมื่อ22-05-2011 23:20:26 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


----------------------------------------------

ขอแปะจองพื่นที่ไว้ก่อนนะคร้าบบบบบบบ เดียวมืดๆกว่านี้แล้วจะมาลงให้  :eiei1: :eiei1:


ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
«ตอบ #134 เมื่อ23-05-2011 02:10:38 »

อ่านจบตอนนี้แล้วซึ้งใจอะ ถ้าเป็นนิวน้อยคงแบบว่าอย่างน้อยๆ
ยังไงเราก็มีเอ็มคอยอยู่ แม้จะยังไม่ค่อยมั่นใจเต็มร้อยแต่อย่างน้อยๆก็มีเพื่อนคนนี้
ที่เป็นที่พักพิงให้ แทบร้องไห้พอถึงตอนที่เอ็มเห็นนิวตามหาอะ
แต่แอบสงสัยอะไรต้องไปคุยโทรศัพท์ในรถ ต้องมีไรแน่เลย อิอิ
แล้วจะรออ่านต่อน๊า
ปล. นอนดึกตื่นเช้าโลกสดใสได้นะ จริงๆนะ 555+
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2011 23:22:23 โดย [N]€ẃÿ{k}uñĢ »

tantalize

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
«ตอบ #135 เมื่อ23-05-2011 02:28:16 »

เพราะตอนนั้นผมยังไม่รู้ใจตัวเอง...



อยากโฮกกกกกกก ให้กับประโยคนี้ อ้ากๆๆๆ  ผมยังไม่รุใจตัวเอง ช่างกล้านะท่านนิว 55555+  :laugh:

คนอ่านหวังนะว่าถึงเเม้นิวจะยังไม่รุใจตัวเอง เเต่เอ็มอ่ะ น่าจะรู้ใจตัวเองเเล้วถึงได้ปลื้มกับการกระทำของนิวซะขนาดนั้น  :m11: :m11:

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
«ตอบ #136 เมื่อ23-05-2011 07:08:29 »

[N]€ẃÿ{k}uñĢ : เรื่องคุยโทรศัพท์นี่มีอะไรจริงครับ แต่เอ็มไม่บอกผม
                         นอนคำ่ตื่นสายโลกก็สดใสได้เหมือนกันครับ  o13


tantalize : ตอนนั้นผมไม่รู้ใจตัวเองจริงๆนะ  :m13: แค่รู้สึกว่าเอ็มเป็นคนพิเศษ เป็นคนที่ผมอยากอยู่ใกล้ๆ  :impress2:

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
«ตอบ #137 เมื่อ23-05-2011 23:23:18 »

[N]€ẃÿ{k}uñĢ : เรื่องคุยโทรศัพท์นี่มีอะไรจริงครับ แต่เอ็มไม่บอกผม
                         นอนคำ่ตื่นสายโลกก็สดใสได้เหมือนกันครับ  o13
ว่าแล้วว่าต้องมีอะไรแน่เลยถึงต้องไปแอบคุยซะขนาดหากันไม่เจอ
รีบมาลงน๊าอยากอ่านต่อแล้วลุ้นดี อิอิ

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
«ตอบ #138 เมื่อ24-05-2011 07:19:57 »

เดียวขอตรวจคำผิดก่อนนะคร้าบบบบบบบบ  :mc4:

ออฟไลน์ GeTOuTNoW

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
«ตอบ #139 เมื่อ24-05-2011 16:27:37 »

นั่งรอ :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
« ตอบ #139 เมื่อ: 24-05-2011 16:27:37 »





ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
«ตอบ #140 เมื่อ26-05-2011 02:03:00 »

แวะมานอนรอหน้าคอม อิอิ

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
«ตอบ #141 เมื่อ26-05-2011 20:55:16 »

ก็เพราะเราสองคนสนิทกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ไม่นานผมก็เริ่มรู้สึกตัวว่าหัวใจของผมมันเต้นเเรงทุกครั้งที่ผมอยู่ใกล้กับเอ็ม  :give2: หลังจากกลับมาจากเขาใหญ่ ผมก็มีความสุขกับการนั่งรอเอ็มสอนพิเศษ เพราะรู้ว่าหลังจากนั้นเราจะได้ไปกินข้าวด้วยกัน ฟังดูเหมือนผม happy กับความรู้สึกนี้นะครับ แต่ต้องยอมรับว่าจริงๆแล้วผมกลัว อย่างที่บอกว่าผมกลัว "ความใกล้ชิด” และจากประสบการณ์ที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่ามันไม่คุ้มกันเลยกับการเลื่อนสถานะของเพื่อนสนิทมาเป็นอะไรที่มากกว่านั้น

ผมไม่อยากกลับไปมีความรู้สึกเหมือนเก่า ที่ผ่านมาผมพยายามจะเดินในทางที่สังคมยอมรับ เหตุผลเหรอครับ??  อย่างแรกครอบครัวผม ที่บ้านผมเป็นครอบครัวคนไทยที่ค่อนข้างจะ หัว conservative แม้ว่าพ่อกับแม่จะเข้าใจชีวิตวัยรุ่น แต่เรื่องแบบนี้ท่านทั้งสองรับไม่ได้ครับ อย่างต่อมา พี่ๆก็รู้ว่าผมเคยใช้ชีวิตในเส้นทางนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง แม้ว่ามันจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบหรือว่าหวานหยดย้อยเหมือนในนิยาย... ครับ ผมยอมรับว่าตอนนั้นผมมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้กับคนที่ผมรัก แต่มันก็เป็นความสุขเพียงช่วงระยะสั้นๆ สำหรับผมนะ ผมว่าความสัมพันธ์แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องยืนยาว ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม สุดท้ายเราสองคนก็ต้องกลับมาเป็นเพื่อนกัน เเล้วคนที่เคยคบกัน เคยรักกัน เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาก่อน มันจะกลับมาเป็นเพื่อนกันได้อีกเหรอ ผมไม่อยากเสียเอ็มไปเหมือนกับบาส

แล้วยิ่งกับเอ็มด้วยแล้วโอกาสที่มันจะเป็นไปได้มันน้อยเหลือเกิน แม้บางครั้งเราสองคนจะดูเหมือนเป็นมากกว่าเพื่อนกันแต่เอ็มก็ดูเหมือนผู้ชายปกติทั่วไป ชีวิตมันมีเพศตรงข้ามเข้ามาเกี่ยวข้องมากกว่าผมซะอีก ผมต้องยอมรับว่าสาเหตุหนึ่งที่ผมไม่ค่อยถามเรื่องส่วนตัวของเอ็มเพราะผมก็ไม่อยากจะรับรู้ว่ามันมีใครเข้ามาในชีวิตบ้าง (และไอ้นิสัยไม่ยอมรับความจริงของผมก็ยังอยู่) หลังจากที่เลิกกับน้องแจน เอ็มมันก็ไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ส่วนมากก็จะคบกันแป๊บๆแล้วก็ห่างกัน เอ็มไม่ใช่คนเจ้าชู้นะครับ มันไม่ได้จีบผู้หญิงพร้อมกันหลายๆคน แต่คงเป็นเพราะหน้าตา intrend ของมันทำให้มีคนเข้ามาหามันเยอะ

อีกเหตุผลหนึ่งคือผมเบื่อกับความสัมพันธ์ที่จะต้องปกปิดไม่ให้ใครรู้ ถ้าถามผมว่าสิ่งที่ผมทำมันผิดมากเหรอถึงบอกใครไม่ได้ ผมว่าถ้าผมไม่ได้ทำให้ใครเดือนร้อนมันก็ไม่ได้ผิดตรงไหน แต่เพราะชีวิตมันไม่ง่ายเหมือนในนิยาย สิ่งแวดล้อมรอบข้างมันช่างมีอิทธิพลกับเรามากเหลือเกิน ในนิยายคนภายนอกไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรมากมาย แค่เราตกลงรักกันทุกอย่างมันก็จบ แต่ชีวิตจริงทุกอย่างมันยังดำเนินต่อไป และเราก็ต้องเป็นคนรับผลจากการกระทำของตัวเอง … ตอนนั้นผมถึงพยายามไม่คิดอะไรมาก ผลักความกังวลทุกอย่างออกจากหัว แค่ได้รู้สึกดีที่มีเอ็มอยู่ใกล้เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว  :m1:

ดูเหมือนชีวิตจะไม่มีอะไรซับซ้อน มันก็แค่ผมแอบรักเพื่อนสนิท ตัวละครของเรื่องนี้มันก็มีแค่ผมกับเอ็มแต่มันก็ไม่ง่ายแบบนั้น เพราะหลังจากนั้นไม่นานผมก็ได้ข่าวว่าเอ็มกับหวานคบกัน ผมรู้เพราะเพื่อนคนอื่นบอกมา เอ็มมันมาบอกผมทีหลัง ตอนนั้นไม่ได้น้อยใจอะไร สำหรับผม ผมรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ แต่ถ้าถามว่าใครที่ผมคิดว่าเหมาะสมกับเอ็มมากที่สุด วันนั้นผมตอบแบบไม่ต้องคิดเลยครับว่าคนๆนั้นคือหวาน

พูดแล้วมันก็ฟังเหมือนง่ายแต่มันทำยากนะครับ พอเอ็มกับหวานสนิทกัน ผมที่ตั้งใจว่าจะอยู่ห่างๆเพราะไม่แน่ใจกับความรู้สึกของตัวเองเท่าไหร่ก็ถูกลากเข้ามาเกี่ยวด้วยจนได้ จำได้ว่าวันหนึ่งเอ็มชวนผมไปดูหนัง ผมก็เอะใจตั้งแต่เเรกแล้วว่าทำไมถึงชวนดูหนังการ์ตูนเพราะเอ็มมันไม่ชอบดูหนังประมาณนี้ แถมยังนัดผมช่วงเช้าอีกต่างหาก  :m12: สายๆของวันนั้นผมขับรถไปรับเอ็มที่บ้าน มันถึงบอกผมว่าหวานจะไปด้วย ถึงตอนนั้นผมก็ปฏิเสธไม่ได้แล้วล่ะครับ

ผมไม่อยากไปเลย พี่ๆคิดดูสิครับว่าใครจะเป็นคนที่โดดเดี่ยวที่สุด … ผมไง มันไม่สนุกเลยครับ เพราะเวลาเดินด้วยกันผมก็เดินรั้งท้าย บางครั้งเอ็มกับหวานก็คุยกันเรื่องที่ผมไม่รู้เรื่อง ผมรู้ว่าเอ็มมันก็พยายามหันมาคุยกับผม แต่มันก็อดจะน้อยใจไม่ได้อยู่ดี ไม่รู้ว่ามันจะชวนผมมาทำไม พวกเราไปกินข้าวกลางวันกันที่ร้านประจำของผมกับเอ็ม บางช่วงเอ็มลุกไปตักอาหารผมก็พูดให้หวานฟังว่าเอ็มจะตักอะไรมาบ้าง จะกินอะไรก่อนหลัง จะปรุงยังไง หวานก็ส่ายหน้าครับ เพราะผมพูดออกมาเยอะมากเป็นผมก็คงคิด

เหมือนกันว่าไอ้คนตรงหน้านี่มั่วแน่ๆ  :m12: ใครมันจะรู้ใจกันขนาดนั้น แล้วพอเอ็มกลับมามันก็ตักอาหารมาอย่างเดียวกับที่ผมบอก ลำดับการกินเหมือนที่ผมพูด แล้วผมก็หยิบเครื่องปรุงส่งให้มันว่ามันจะปรุงอะไรก่อนหลัง … ผมมานั่งกินข้าวกับมันที่นี่นับครั้งไม่ได้แล้วครับ แล้วทำไมผมจะไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทผมชอบกินอะไร

ทุกอย่างดู happy สำหรับเอ็มแต่สุดท้ายมันก็จบลงอย่างรวดเร็ว  :sad4: ผมมารู้เอาจากหวานเพราะอยู่ๆหวานก็โทรมาบอกผมว่าเลิกกับเอ็มแล้ว พอรู้ผมก็โทรไปหาเอ็มแต่มันก็ไม่ตอบคำถามผม แล้วผมจะทำอะไรได้นอกจากยืนอยู่ข้างมันเหมือนที่ผ่านมา ผมเห็นใจหวานครับเพราะหลังจากนั้นหวานก็แทบจะไม่พูดกับเอ็มอีก เพื่อนๆของหวานเกลียดมันไปเลยครับ

พอเกิดเรื่องนี้มันก็ทำให้ผมคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา วันนั้นผมนัดเจอเอ็มที่ห้างตามปกติ พอใกล้ถึง เอ็มก็โทรให้ผมออกมารอหน้าห้าง เห็นหน้ามันผมก็รู้แล้วครับว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น มันเดินมาหาไม่พูดอะไรสักคำ คว้ามือผมแล้วก็เดินจูงผมเข้าห้าง ผมอายแต่ก็ไม่ได้ฝืน ปล่อยให้เอ็มจูงมือผมอยู่อย่างนั้น จนผมรู้สึกว่าเอ็มกำลังโมโหอะไรสักอย่างเพราะมันเดินมั่วไปหมด เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เดี๋ยวเลี้ยวซ้ายเดี๋ยวเลี้ยวขวา คนก็มองกันให้พรึ่บเพราะเด็กผู้ชายสองคนเดินจูงมือกันกลางห้าง จนผมชวนมันเข้ :m23:าไปนั่งพักในร้านกาแฟ ซื้อกาแฟให้เอ็มกิน (ถ้าเป็นกาแฟเอ็มกินแต่ mocha ครับแล้วต้องเป็นของ Stacbucks เท่านั้นสำหรับผม ผมชอบ Latte เพราะเป็นคนชอบดื่มนม) มันถึงได้ดูใจเย็นขึ้น ตกลงว่าวันนั้นทั้งผมและมันต่างก็มาสาย น้องๆมารอผมที่ tutor กันหมดแล้ว พอเห็นผมสองคนเดินเข้ามามันก็แซว กวนตรีนตามประสา แต่ผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรื่องของเอ็มกับหวาน

ช่วงนั้นโครงการ work and travel กำลังดัง เพื่อนผมเกือบทุกคนสมัครไปโครงการนี้ด้วย ผมเองก็อย่างไปต่างประเทศแต่จะให้ผมไปทำงาน แหะๆมันช่างขัดกับความคิดของผมเสียยิ่งกระไร  :m23:  ไม่ใช่ว่าผมเป็นลูกผู้ดีตีนแดงมาจากไหน ผมแค่คิดว่าถ้าผมจะต้องไปทำงานงกๆให้คนอื่นสู้ผมเอาเวลาไปเรียนภาษาไม่ดีกว่าเหรอ ผมเลยวางแผนว่าจะไปพักอยู่กับป้าและหาที่เรียน summer ใกล้ๆ แต่มันกลายเป็นว่าโรงเรียนแถวบ้านป้าผมมีแต่โปรแกรมให้ผมไป join การเรียนการสอนกับเขา (คล้ายๆกับ AFS ล่ะครับแต่แค่ 2 เดือน) ซึ่งมันก็คงได้ประโยชน์ไม่มาก ผมเลยลองไปคุยกับเอ็มซึ่งมันก็คิดเหมือนผมเหมือนกันว่าเอาเวลาไปเรียนดีกว่าไปทำงาน แล้วเราสองคนก็เลยชวนกันไปเรียน summer ... ผมได้เพื่อนร่วมเดินทางแล้วครับ พอผมบอกพ่อกับแม่ว่าจะไปเรียน summer กับเอ็ม ทั้งคู่ก็ไฟเขียวอนุมัติงบประมาณมาเต็มที่ เอ็มมันก็ไปหาบริษัทที่พ่อมันรู้จักมาแล้วเราก็ไปสมัครกัน

trip ครั้งนี้มี ผม เอ็ม กันย์ (เพื่อนเอ็มที่คณะ) และ พี่กี (พี่สาวกันต์และรุ่นพี่คณะผม , โลกมันกลมไหมครับ??) พวกเราสมัครเรียน 2 เดือน (มีพี่กีคนเดียวที่อยู่ได้แค่ 1 เดือนเพราะติดงานที่คณะ) แต่มหาวิทยาลัยปิด 3 เดือนใช้ไหมครับผมเลยวางแผนว่าจะแวะไปเยี่ยมป้าที่อยู่ประเทศใกล้ๆกันสัก 3 สัปดาห์ แต่ผมก็ไม่อยากไปคนเดียว ผมชวนเอ็มไปด้วย น่าเสียดายครับที่เอ็มตกลงไป backpack กับกันย์ก่อนแล้ว แต่มันก็เสนอทางออกว่าให้ผมชวนกันย์ไปด้วย ผมกับกันย์เพิ่งรู้จักกัน ผมเลยไม่แปลกใจที่มันจะปฎิเสธผม มันก็คงเกรงใจที่จะไปอยู่กับป้าผมเกือบเดือน

ตอนแรกพวกเราวางแผนกันว่าจะบินไปพร้อมกันหลังสอบ final ประมาณ 2 สัปดาห์เพื่อให้มีเวลาเตรียมตัว เตรียมใจกันก่อน (อีกอย่างเพราะเวลานั้นกลุ่มเพื่อนๆผมก็เริ่มออกเดินทางแล้วเหมือนกัน) แต่ปรากฏว่าพอเช็คกับโรงเรียน เขาบอกว่าถ้าผมมาตอนนั้นมันจะไม่มี class ให้พวกผมแทรก แผนทุกอย่างเลยต้องเปลี่ยนจาก 2 สัปดาห์มาเป็น 2 วัน เรียกได้ว่าพอสอบเสร็จผมก็วิ่งกลับบ้านเก็บของยัดลงกระเป๋าเลย

ปัญหามันอยู่ตรงที่ในเมื่อผม เอ็มและหว้าไปเที่ยวต่างประเทศกันหมดแล้วใครจะสอนหนังสือที่ tutor ล่ะครับ พวกเราเลยนัดคุยกันอย่างเป็นทางการและผลของการประชุมที่กินเวลายาวนานถึง 5 นาทีคือ … “ปิดแมร่งแล้วไปเที่ยวกันดีก่า!!!!!!” วันที่หว้าสอน ผมกับมันก็เข้าไปคุยกับเด็กๆ เด็กกลุ่มไอ้หว้าพูดง่ายครับไม่มีอะไร แต่พอถึงกลุ่มเอ็ม เอ็มมันก็อ้ำ้ๆอึ้งๆว่าจะไป summer พอผมบอกต่อเท่านั้นแหละว่าผมจะไปเหมือนกัน ไอ้พวกเด็กเวรมันก็ประติดประต่อเรื่องได้ทันที

“พี่เอ็มกับพี่นิวไปที่เดียวกันเปล่า”

“พวกพี่ไป honeymoon กันเหรอ”

“อย่า sweet กันจนลืมของฝากผมนะ”

“ผมอยากได้หลานผู้ชายนะพี่” … ไอ้เวร ลามปามแล้วมรึง  :m16:

วันสอบ final วันสุดท้าย ผมกับเพื่อนนัดรวมกลุ่มกันตอนเย็นเพราะเดี๋ยวพวกเราจะไม่ได้เจอหน้ากันอีกหลายเดือน คืนนั้นพวกมันมานอนค้างบ้านผม กว่าวงไพ่จะเลิกก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว ทุกคนกลับบ้านหมดยกเว้นบิวที่บ้านอยู่ไกลกว่าเพื่อน มันเลยขอนอนบ้านผมแล้วขับรถกลับวันรุ่งขึ้น

“บิว มรึงจำที่กรูเคยบอกมรึงได้ไหมว่ากรูจะไม่ยอมทำผิดเหมือนเรื่องของบาสอีก” บิวรู้เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับผมไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบาสหรือเรื่องของเเจ๊สและมันเป็นเพื่อนที่ผมมักจะกดโทรศัพท์หาเป็นคนแรกๆเวลามีเรื่องไม่สบายใจ สำหรับเอ็มผมก็โทรหานะผมเล่าให้เอ็มฟังหมดแหละครับแต่เอ็มมันเป็นพวกปลอบใจคนไม่ค่อยเก่ง

“อืม กรูจำได้ ทำไมเหรอ”

“มันจะแย่ไหมวะ ถ้ากรูจะทำผิดซ้ำ้สอง”

“ฮะ!! มรึงพูดเหี้ยไรของมรึงเนี่ย … ใคร บอกกรูมาว่าใคร” จากที่มันนอนกลิ้งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ไอ้บิวมันกระโดดขึ้นมานั่งจ้องหน้าผมตาเขม็ง บิวมันเหมือนคนคุมความประพฤติผมล่ะครับ คือถ้ามันเห็นว่ามีใครเข้ามาป้วนเปี้ยนกับผม มันก็จะเริ่มเป่าหูผม บิวมันคงไม่คิดว่าทำไมอยู่ๆผมถึงกลับมาอยู่ในอารมณ์แบบนี้ได้ทั้งๆที่หลายปีมานี้ผมไม่เคยมองใครเลย

“กรูบอกแค่นี้แหละ มรึงเดาเอาเอง” อายครับไม่กล้าบอก  :-[ เปล่าหรอกครับจริงๆแล้วผมกลัวถูกมันหักคอเอามากกว่า หน้ามันแบบว่าเอาเรื่องมาก

“เพื่อนที่ไหน โรงเรียนหรือว่ามหาวิทยาลัย”

“โรงเรียน” แหะๆ จริงแล้วผมก็เล่นตัวไปงั้นล่ะครับ ถ้าผมจะปรึกษามันผมก็ต้องเล่าทุกอย่างให้มันฟัง

“งั้นกรูเดาเลย … ไอ้เอ็ม”  :mc3: แมร่งแม่นยังกับเตี๊ยมกันมา 

“รู้ได้ไง”

“ก็ช่วงนี้มรึงสองคนตัวติดกันตลอด ขนาดตอนไปเที่ยวเขาใหญ่เพื่อนๆกรูยังถามเลยว่ามรึงกับไอ้เอ็มเป็นแฟนกันเหรอ”

คืนนั้นผมกับบิวเลยคุยกันยาว ผมบอกมันว่าผมไม่รู้ว่าผมคิดยังไงกับเอ็ม ผมกลัวว่าความรู้สึกมันจะเกินเลยมากกว่าเพื่อน ตอนนี้ผมพยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้คิดไกลไปมากกว่านี้ แต่ผมก็กลัวใจตัวเองเพราะไป summer ด้วยกันสองเดือน ผมกับเอ็มคงอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ผมไม่อยากให้มันมีอะไรมากกว่าคำว่าเพื่อนกัน บิวมันก็ฟังแล้วก็ช่วยผมคิดแต่สุดท้ายมันก็จนใจ กว่าผมจะพูดกับมันความรู้สึกมันก็เริ่มไปไกลแล้ว แล้วนี่ผมจะบินอยู่อีกวันสองวัน ตอนนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้มาก มันบอกให้ผมเข้มเเข็ง มันทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ให้ผมเผื่อว่าผมมีอะไรไม่สบายใจจะได้โทรหามัน

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: My Best Friend : ตอนที่ 18 updated 26/5/11
«ตอบ #142 เมื่อ26-05-2011 21:15:10 »

อ่านถึงจุดนี้แล้วแอบกลัวใจเอ็มจังเลย เครียดจัง
อยากให้มีความแน่นอนเกิดขึ้นบ้างก็ยังดีนะ
แล้วจะรออ่านต่อ อิอิ

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 18 updated 26/5/11
«ตอบ #143 เมื่อ26-05-2011 21:23:33 »

นิวคุงเมนต์เร็วมากกกกกกกก

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: My Best Friend : ตอนที่ 18 updated 26/5/11
«ตอบ #144 เมื่อ26-05-2011 22:19:59 »

555+ ขนาดนั้น ก็นิวน้อยลงได้เวลาพอดีอะแหละ อิอิ

ออฟไลน์ GeTOuTNoW

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: My Best Friend : ตอนที่ 18 updated 26/5/11
«ตอบ #145 เมื่อ27-05-2011 07:10:30 »

ไปซัมเมอร์ต่างประเทศ หรือไปฮันนีมูนกันงะ  :impress2: :laugh:

เชียร์เอ็มๆนะ o13

tantalize

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 18 updated 26/5/11
«ตอบ #146 เมื่อ27-05-2011 13:49:33 »

เชียร์เอ็มมากมายอ่ะ   :m3:

เเล้วก็รุสึกชอบพวกเดกๆที่ติวเตอร์มาก  มานเเซวได้น่าร้ากกกกโฮกกกกกก   :m20:

ออฟไลน์ al2pocalypoe

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: My Best Friend : ตอนที่ 18 updated 26/5/11
«ตอบ #147 เมื่อ29-05-2011 05:17:09 »

เย่ๆๆๆ ในที่สุดก็อ่านทันซะที
ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆ
ถามนิวนิดนึงนะค้าบ
เอ็มนี่ เลือดกรุ๊ป A ป่าวคับ??? (มันมีบางอย่างที่สงสัยแบบนั้นอะคับ)

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 18 updated 26/5/11
«ตอบ #148 เมื่อ29-05-2011 07:20:33 »

ผมไม่แน่ใจเรื่องกรุปเลือดตัวเองนะ แต่ถ้าจำถูกจะกรุป A ละครับ
มีอะไรเหรอ อยากรู้เหมือนกันครับ  o13

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 18 updated 26/5/11
«ตอบ #149 เมื่อ30-05-2011 22:47:21 »

ในที่สุดวันที่ผมจะออกเดินทางก็มาถึง เพื่อนในกลุ่มคนอื่นๆมาส่งผมกับเอ็มขึ้นเครื่อง แรกๆผมก็เฉยๆลไม่ได้รู้สึกกังวลเท่าไหร่  :a11: แต่พอแยกกับที่บ้านเท่านั้นละครับผมเริ่มสติแตกไปแล้วเพราะกลัว ผมกลัวมาก ผมไม่เคยต้องห่างบ้านไกลขนาดนี้มาก่อน ไม่แน่ใจด้วยว่าตัวเองจะไปรอดไหม ผมกับเอ็มผ่าน immigration เข้าไปก่อน พอตรวจหนังสือเดินทางเสร็จผมก็จิตหลุดไปเลย  o2 ให้พี่ๆเดาว่าผมทำยังไง

“เอ็ม กรูกลัวว่ะ ไม่เคยห่างบ้านขนาดนี้มาก่อน” ผมเดินเข้าไปเขย่าแขนเสื้อเอ็ม

“ไม่ต้องกลัวเดียวกรูดูแลมรึงเอง”  :m2: ได้ยินประโยคนี้หัวใจของผมมันก็แทบจะตะโกนออกมาว่า “มรึงจะพระเอกไปไหน!!” ผมคว้าเอาสายเป้ของเอ็มแล้วเดินเข้าข้างในแบบหวั่นๆ

พวกเรานัดเจอกันย์กับพี่กีหน้า gate พอถึงเวลานัดพวกเรา 4 คนก็มาเจอกัน ผมโทรหาที่บ้านเป็นครั้งสุดท้าย ส่วนเอ็มก็แยกไปคุยโทรศัพท์ ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นผมคิดอะไร แต่ผมบอกเอ็มก่อนเราทั้งคู่จะปิดมือถือ

“ทิ้งทุกอย่างไว้ที่นี้ แล้วไปเที่ยวกันนะ”

ขึ้นมาบนเครื่องพวกเรา 4 คนนั่งเรียงกัน ผมนั่งริมสุด ถัดมาเป็นเอ็ม กันย์และพี่กี ขึ้นเครื่องใหม่ๆก็สนุก แต่สัก 2-3 ชั่วโมงผมก็เบื่อ สุดท้ายเลยหลับ ตื่นมาอีกทีก็เกือบจะ landing แล้วครับ ตอนเปลี่ยนเครื่องผมก็ทำเรื่องอีกจนได้ มันมีเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง กันย์กับพี่กีขอแยกไปเดินซื้อของ ผมกับเอ็มก็เลยเดินเล่นไปเรื่อยๆในสนามบิน ผมเพิ่งรู้ตัวว่าตังเองสายตาสั้นก่อนหน้านี้ไม่นานเลยไปตัดแว่นมาใช้สำหรับตอนไป summer แล้วมันก็ยังไม่ชินกับการมีอุปกรณ์เสริมมาอีก 1 ชิ้น มารู้ตัวเองอีกทีเเว่นก็หายไปแล้ว ตกใจครับเพราะเพิ่งซื้อมาไม่ถึงเดือน แล้วผมก็ไม่อยากมองภาพเบลอๆไปอีกตลอด 3 เดือนที่เหลือ ผมตะโกนบอกเอ็มที่กำลังเข้าห้องนำ้อยู่แล้ววิ่งออกมาเลยแล้ว  :oni1: สนามบินกว้างออกขนาดนั้น ผมหาแว่นอันนิดเดียวไม่เจอหรอกครับ แต่ที่ซวยกว่านั้นคือพอผมกลับไปที่ห้องน้ำ้เอ็มก็หายไป  :sad4:

ผมคิดได้อย่างเดียวคือต้องไปรอเอ็มที่ gate พนักงานเริ่มเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องแล้ว พอเห็นผมพนักงานก็เรียก (แกมบังคับ) ให้ขึ้นเครื่องแต่ผมก็บอกว่าผมหลงกับเพื่อนขอรอเพื่อนอีกสักพักได้ไหม เขาก็บอกเเนวๆว่าอยากให้ผมไปรอบนเครื่องมากกว่า พอขึ้นเครื่องผมก็กังวล นั่งกัดเล็บตัวเองจนแอร์เดินมาถามว่าผมเป็นไรหรือเปล่า ผมก็เล่าเรื่องให้่แอร์ฟัง แอร์บอกว่าถ้าเพื่อนผมพูดภาษาอังกฤษได้ก็ไม่มีปัญหา สักพักเอ็มกับคนอื่นๆก็เข้ามา

“มรึงนิ กรูบอกแล้วว่าให้รอ แมร่งจะรีบไปไหนวะ” ผมโดนเอ็มดุตามระเบียบ  :m5:

“ก็มันตกใจ เสียดายของ” ผมก็ก้มหน้าก้มตารับผิดตามระเบียบ  :m17:

“แว่นแค่อันเดียวเสียดายทำไมวะ เวลาซื้อเสื้อผ้าไม่เห็นเสียดาย … ถ้ามรึงตกเครื่องกรูก็เที่ยวไม่สนุกดิ”

ต่อเครื่องหนสองดูหนังก็แล้ว คุยก็แล้ว เดินไปเดินมาแก้เซ็งแต่เวลามันก็ผ่านไปช้ามากๆ ผมเลยตัดสินใจกลับมานั่งที่เเล้วคิดว่าวิธีเดียวที่เวลาจะเดินเร็วที่สุดคือผมต้องนอน ผมหยิบเอาหูฟัง ipod ออกจากหูของเอ็มแล้วเอามาเสียบหูตัวเอง ฟังไปฟังมาก็เริ่มเคลิ้มแต่มันนอนไม่สบายพนักพิงก็แข็ง ผมเลยนอนซบไหล่เอ็มซะเลย  :m13: … ก็ที่นั่งมันไม่สบายนิครับ ไหล่เอ็มทั้งอุ่นทั้งสบายกว่าเยอะ  :m4: แอร์ก็เดินมามองผมกับเอ็มหลายรอบเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่สน ยังไงก็เจอเขาครั้งเดียวในชีวิตอยู่แล้ว เลยยังนอนซบเอ็มต่อไป แต่ไอ้เอ็มสิครับกระซิบผม

“นิว แอร์น่ารักว่ะ”

“เออ!! แล้วมรึงบอกกรูทำมะ”  :m16: แล้วผมก็กระแทกหัวลงกับไหล่ของจี ไม่สบอารมณ์อย่างแรง

นั่งไปนั่งมาสรุปว่าพวกเรา 4 คนนอนหลับกันหมด ตื่นมาอีกทีก็กำลังจะถึงแล้ว ที่ซวยคือเพราะพวกผมหลับแอร์เลยไม่ได้แจกแบบฟอร์มขอเข้าประเทศให้ พอลงมาถึงหน้า immigration ถึงได้รู้ว่าต้องใช้ ยืนเซ่อๆกันอยู่ 4 คนจนเจอแก๊งค์คนไทยเข้า เขาก็ใจดีบอกให้ไปเขียนใบขอเข้า้เมืองที่เคาน์เตอร์ตรงหัวมุม กว่าพวกผมจะเดินออกมาได้ก็ช้าไปเกือบ 2 ชั่วโมง กระเป๋าของพวกเราถูกเอาไปกองรวมกันอยู่ที่มุมห้อง

ออกมาปุ๊บพวกเราก็เจอ host เลยครับ (เรา 4 คนนอนคนละบ้านกัน) และ host ก็ไม่ปล่อยให้พวกผมมีเวลาร่ำ่ลากัน คือพอเจอหน้าผม host ก็ช่วยผมลากกระเป๋าแล้วเดินออกจากสนามบินเลยครับ  :dont2: แต่ก็ยังถือว่าโชคดีที่ผมกับเอ็มออกทางเดียวกัน ผมเลยมีเวลาพูดกันนิดหน่อย ผมบอกเอ็มว่าถึงที่บ้านแล้วจะโทรหา

บนรถผมก็คุยเรื่องกฏของบ้านกับ host พวกอะไรยิบๆย่อยๆนั่นแหละครับ เพราะทางบริษัทที่เมืองไทยบอกผมว่า บางบ้านจะมีกฏอะไรแปลกเช่นอาบน้ำ้ได้วันละครั้ง หรือว่าเรื่องตู้เย็นของอะไรที่ผมสามารถหยิบกินได้และอะไรที่หยิบไม่ได้ ผมโชคดีครับที่ host ผมใจดีไม่มีกฎอะไรเลย แถม host mother ยังพาผมแวะไปดูที่โรงเรียนอีกต่างหาก

ผมไปถึงวันศุกร์กว่าจะได้มาโรงเรียนก็วันจันทร์ยังมีเวลาอีก 2 วันให้เที่ยว ระหว่างทางกลับบ้าน Justin (ชื่อ host mother ผมครับ) อธิบายระบบคมนาคมให้ผมฟัง เธอให้ผมสังเกต landmark ว่าตรงไหนที่ผมควรจะลง แล้วก็พาผมไปแวะ supermarket ที่อยู่ใกล้บ้านซึ่งใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที พอเห็น super ผมก็อุ่นใจ ฮิฮิ ของกินเพียบเลย  :haun5:

ขอเล่าเรื่องบ้านที่ผมอยู่บ้างครับ บ้านผมเป็นบ้าน 3 ชั้น ผมมี mate ทั้งหมด 3 คนซึ่งทุกคนต่างก็ไม่ได้มาจากประเทศเดียวกัน ผมได้ห้องส่วนตัวอยู่ชั้นใต้ดินกับ mate 1 คน อีก 2 คนอยู่ชั้นบนกับชั้น 3 บ้านของ host แต่ละชั้นจะมีห้องครัวและห้องนั่งเล่นเป็นของตัวเอง แต่ปกติแล้วพวกเราจะกินข้าวกันที่ชั้น 2 ห้องนั่งเล่นชั้นที่ผมอยู่ถูกดัดแปลงให้เป็นห้องดูหนัง ร้องเกะและบางวันเราก็มากินข้าวเย็น + ดูหนังกันที่ห้องนี้

วันที่ผมมาถึง host ผมจัด party เล็กๆ ผมเข้ามาก็ยังไม่รู้จักใคร เอาของเข้าไปเก็บในห้องแล้วก็ชีพจรลงเท้าอยากออกไป jogging เอาบรรยากาศ เลยจัดเต็มที่เลยครับเหมือนในหนังเด๊ะๆ กางเกงวอร์ม เสื้อยืดคลุมด้วย sweater รองเท้าผ้าใบพร้อม ถาม Mark (host father) เขาบอกว่าเดินลงไปอีกหน่อยมี park ผมก็ออกจากบ้านเลยครับ อากาศช่วงนั้นหนาวครับก่อนวันที่ผมมาถึงหิมะเพิ่งจะตกไป ผมวิ่งๆอยู่นี่ก็เห็นกองหิมะขนาดย่อมๆตลอดทาง สรุปว่าวิ่งได้ 10 กว่านาทีก็ต้องเดินกลับแล้วเพราะลืมเอาหมวกไหมพรหมมา หูผมนี้เย็นจนเจ็บเลยครับ

กลับมาถึงบ้านเพื่อนๆ host ผมกับ mate ก็มากันพร้อมหน้าพร้อมตา ทักทายกันพอเป็นพิธีครับ ต่างคนต่างแนะนำตัวแล้วก็กินข้าว ช่วงค่ำ่ๆเขามี party คาราโอเกะกัน ผมเลยขอตัวแยกออกมาอาบน้ำนอน พอเปิดประตูห้องน้ำ้เท่านั้นล่ะครับ แทบร้องกรี๊ด  :o มันอยู่ตรงหน้าเลย แมงมุมครับ ตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา แล้วแทนที่มันจะหนีผม ผมยกขาแบบว่า “อย่าเข้ามานะเว้ย!!” ผมก็ถอยซิครับ หันหลังเดินออกไปนอกห้อง

“Mark, could u please help me. There is something in the toilet.”  :impress: Mark ก็หน้าตาตื่นเดินเข้ามา พอเห็นเจ้าตัวปัญหาพี่แกก็เอามือหยิบมันใส่ชักโครก (เขาไม่รังเกียจมันบ้างหรือไง อีตัวไรไม่รู้มี 8 ขา แค่พูดก็ขนลุกแล้ว ชีวิตนี้ผมกลัวอยู่ 2 อย่างครับ แมงมุมกับแมลงสาบครับ) ... แล้วเจ้าแมงมุมน้อยก็ได้ลงไปเที่ยวโลกใต้บาดาล

อาบน้ำ้เสร็จผมก็ตาจะปิดแล้วครับ ผมลองโทรหาคนอื่น ทุกคนหลับกันหมดแล้ว ผมเหลือบดูนาฬิกา 2 ทุ่มเองครับดูค่ำ่เกินไปสำหรับผมที่จะนอน ข้างนอก party คงเริ่ิมแล้วเพราะผมได้ยินเสียงหัวเราะเฮฮา แต่ผมก็เหนื่อยเกินไป ผมกินยาแก้แพ้เม็ดหนึ่งจะได้ง่วงๆ แล้วพอล้มตัวลงนอน...... ภาพมันก็ตัดหายไป

เช้าวันต่อมาผมตื่นเพราะเสียงเคาะประตูหน้าห้อง เปิดประตูออกมาก็เจอ Justin ยื่นโทรศัพท์มาให้จับใจความได้ว่าเพื่อนโทรมา เอ็มโทรมาครับ มันโทรมานัดผมไปข้างนอก แต่เพราะเราสองคนก็เพิ่งมาถึงเป็นวันเเรก จะไปยังไง จะเจอกันตรงไหนผมก็ยังไม่รู้ คุยกันอยู่เกือบ 20 นาทีเราเลยตกลงกันว่าจะโทรหากันใหม่ตอนเที่ยงๆ (คนที่นี่เขามีมารยาทมากนะครับ ตลอด 2 เดือนที่ผมอยู่กับเขา เขาไม่เคยเข้ามาในห้องเลย มีแค่ครั้งหนึ่งที่ลูกเขาเข้ามา Justin กับ Mark มาขอโทษผมใหญ่)

พอสายๆผมก็หมดหวังที่จะเจอใครแล้วครับวันนี้ อยากมากก็คิดว่าจะได้ไปดูของกินที่ supermarket ใกล้ๆ กินข้าวกลางวันอิ่มแล้วเอ็มก็ยังไม่โทรหาผม ผมเลยฆ่าเวลาด้วยการไปล้างจาน (อยากบอกว่าผมน่ะงานบ้านงานเรือนไม่เคยแตะ แต่อยู่ที่นี่ต้องทำเองหมดทุกอย่าง … เก่งไหมครับ ฮิฮิ) ก็ก้มหน้าก้มตาล้างจาน เงยหน้าขึ้นมาอีกที ตกใจครับ … เอ็มมายืนยิ้มให้อยู่นอกหน้าต่าง  :m3:

ผมคิดว่าตัวเองฝันไป แต่ก็เป็นเอ็มจริงๆ ผมรีบล้างมือแล้วเดินไปเปิดประตูบ้าน เอ็มขอให้ host ขับรถมาส่งที่บ้านผม ดีใจมากครับเพราะกำลังเศร้าๆคิดว่าวันนี้จะไม่ได้เจอเอ็มแล้ว แต่พอเงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นมัน คิดว่าตัวเองเพ้อไปซะแล้ว ตอนนั้นเข้าใจเลยครับว่านางเอกใน series เกาหลีเธอรู้สึกยังไงเวลาเศร้าๆแล้วเงยหน้าขึ้นมาเจอพระเอก  :m1: เอะ!! นี่ผมเป็นนางเอกของเรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย (เรื่องของผมผมก็ต้องเป็นพระเอกซิ) แต่ความรู้สึกตอนนั้นมันพูดออกมาไม่ถูกจริงๆนะครับ  :-[

ผมพาเอ็มไปแนะนำกับคนอื่นๆในบ้านและทุกคนก็รู้จักเอ็มในฐานะ “New's best friend” เอ็มกินข้าวกลางวันกับผมก่อนที่เราสองคนจะเดินออกไปซื้อของที่ supermarket กัน ผมรู้ว่าบ้านพวกเรา 4 คนอยู่ใกล้กันแต่ก็พิ่งรู้ว่าบ้านจีถึงก่อนบ้านผมและ supermarket ก็เป็นเหมือนกึ่งกลางระหว่างบ้านเราสองคน ผมใช้เวลาเดินเกือบ 15 นาทีกว่าจะถึง มันเป็น supermarket ใหญ่นะครับหน้าตาประมาณ lotus บ้านเรา ผมกับเอ็มก็เดินสำรวจกันจนทั่ว แค่เห็นอาหารก็แบบว่านำ้ลายหยดแล้ว มีแต่ของหน้ากินทั้งนั้น

ผมซื่อผลไม้พวกตระกูล berry  แพร์ ส้มกลับมากิน ที่นี่ถูกแล้วก็สดกว่าบ้านเราด้วย ผมชอบกินผลไม้ครับ ผมซื่อผลไม่กลับมาบ่อยมากจน host กับ mate ถามเลยครับว่าผมเป็นมังเหรอ ส่วนเอ็มซื่อขนม เอ็มไม่ชอบกินผลไม้ ผักก็ไม่ชอบ เอ็มมันจะชอบกินขนมพวก จะชอบพวกคุ๊กกี้มากกว่าพวก Mrs. Fields, popcorn อะไรแบบนั้นมากกว่า อยู่ที่โน้นแรกๆเอ็มมันเขี่ย salad ทิ้งหมดเลย ผมก็บังคับให้เอ็มกินนะ มันก็บ้าจี้ทำตามที่ผมบอก (เชื่องจัง)
 
ซื่อของเสร็จเอ็มมันก็เดินกลับมาส่งผมที่บ้าน มันเป็นเวลาเดียวกันกับที่บ้านผมกำลังทำข้าวเย็น Justin ก็ชวนเอ็มกินข้าวนะครับแต่เอ็มมันเกรงใจเลยขอกลับบ้านก่อน ผมเเอบเศร้าเล็กน้อยเพราะอยากอยู่กับเอ็มนานๆ mate ผมก็ยังไม่สนิท นั้งอยู่ด้วยนานๆเเล้วเกร็ง ก่อนกลับผมเลยถามเอ็มว่าพรุ่งนี้ลองชวนกันย์กับพี่กีไปเดินเลนในเมืองกัน

คืนนั้นผมนอนตอนหัวคำ่เหมือนเดิมเพราะยังคงอาการ jet lack อยู่แต่ก็ต้องลุกขึ้นมากลางดึกเพราะได้ยินเสียงคุยกันหน้าห้อง เปิดประตูออกมาก็เจอ mate คนอื่นๆนั้งจับกลุ่มคุยกันอยู่ในห้องนั้งเล่นผมเลยเข้ามานั้งคุยด้วย ทุกคนก็อายุไล่เลียกับผม คุยเรื่องทั่วไปกันได้ไม่นานมันก็วกมาเรื่องใต้สะดือ แม้ 2 ใน 3 ของmate ผมจะเป็นคนเอเซียแต่เขาก็รับเอาวัฒนธรรมตะวันตกมาเต็มๆคือคุยกันเเบบไม่มีปิด ผมนั้งฟังเรื่องที่แต่ละคนเล่าว่าเสีย vergin ครั้งเเรกเป็นยังไงแล้วแบบว่า อ้าปากค้างเลยครับ  :m10: (คิดว่าของตัวเองเเรงแล้วนะครับเจอพวกนี้ข้าไปผมกระจอก เป็นเด็กหัดเดินไปเลย) คือพวกมันเล่ากันละเอียดมากแบบว่าเห็นกันเป็นฉาก ชัดเจนไม่ต้องเสียเลามานั้งจิ้นเอาเอง  :m25: จนสุดท้ายมันก็วนมาที่ผม “ตายห่าแหละ!! พวกมรึงขั้นเทพกันขนาดนั้น กรูจะอาอะไรไปโม้วะ"

   “Sorry, I am vergin arrr.”   :m17: เท่านั้นละครับมันก็ฮาแตกใหญ่เลย มันบอกว่าไม่ต้องเอาถึงขั้นมี sex ก็ได้ ผมเคยจูบผู้หญิงหรือเปล่าผมก็ส่ายหัวตอบพวกมัน (กรูเคยจูบแต่ผู้ชายเว้ย  :laugh3:) มันก็ถามโน่นถามนี้แต่ผมก็ทำแบ๋วใส่มัน แบบว่าไม่รู้ไม่เคยทำ พวกมันคงเชื่อแหละครับเพราะแตาละคนทำหน้าเซ็งๆ แล้วถามคำถามดูถูกผมว่า … ผมเคยช่วยตัวเองหรือเปล่า  :m31: “ไอ้ห่า!! กรูไม่ใช้เด็กอนุบาลนะเว้ย”  ผมรู้ว่าพวกมันก็ใจพอจะเล่าเรื่องส่วนตัวให้ผมฟัง แต่จะให้ผมเล่าเหรอว่าผมเคยคบกับเพื่อนสนิทตัวเองแล้วไอ้คนๆนั้นมันก็เป็นเพศเดียวกับผม ผมไม่กล้าหรอกครับ   

ผมว่าความสนุกของการนั้งจับกลุ่มคุยกันแบบนี้มันไม่อยู่ที่หัวเื่องที่เราคุยกันอย่างเดียว ที่ผมชอบที่สุดคือเพราะพวกเรา 4 คนจ่างก็เป็นคนต่างชาติ ภาษาอังกฤษของแต่ละคนก็ไม่ได้จะแข็งเเรงอะไรมากแต่เราก็พยายามคุยกันจนรู้เรื่อง ทั้งเขียน ทั้งใช้มือ ทั้งเปิด talking dic. และหลังจากวันนั้นพวกเราก็สนิทกันมากขึ้นกว่าเดิม

วันรุ่งขึ้นพอถึงเวลานัดทุกอย่างเกิดผิดแผน ผมนัดเจอเอ็มที่ป้ายรถ bus ใกล้ๆแต่เราสองคนคลาดกับกันย์และพี่กี ผมกับเอ็มนั้งรอในร้านกาแฟเกือบชั่วโมงก่อนจะตัดสินใจไปเดินเที่ยวกับเอ็ม 2 คน ตื่นเต้นมากครับเราเพิ่งมาถึงกันเมื่อวานแล้ววันนี้ก็ออกมาเที่ยวเลย แผนที่ก็ไม่มี รู้อย่างเดียวคือ bus คันไหนกับบ้าน เมืองสวยมากครับ อากาศก็ดีแม้จะหนาวไปหน่อยก็เถอะ เมืองที่พวกผมไปอยู่นี่ติดอันดับเมืองหน้าอยู่อันดับต้นๆของโลกเลยนะครับ ยิ่งถ้าวันไหนเป็น sunshine day ด้วยแล้วละก็ บรรยากาศดีสุดๆ

พวกเราเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ ทุดอย่างมันดูตื่นเต้นไปหมด เดินไปเดินผมกับเอ็มก็เริ่มรู้สึกหิวครับ มองไปไกลๆเห็น logo ของ Subway อยู่ลิบๆ ซื่อมาแบบ 12 นิ้ว ผมแบ่งกับเอ็มคนละครึ่งแต่ผมกินจริงๆก็แค่ครึ่งเดียวของตัวเองเองครับที่เหลือผมให้เอ็มกินเพราะผมปากแตก เวลาอ้าปากกว้างแล้วมันเจ็บ กว่าจะกินหมดทั้งอิ่มทั้งเจ็บปาก แล้วผมกับเอ็มก็เข้าไปเดินห้องกัน ห้างที่นี่ก็คล้ายๆกับบ้านเราแต่ราคาก็พอกัน เวลาคิดกลับมาเป็นเงินไทยแล้วแทบไม่ต่างกันเลย ผมกับเอ็มเลยไม่ได้อะไรติดไม่ติดมือกลับไป

เดินไปเดินมาสรุปว่าหลงครับ ออกมาจากห้างก็มาโผล่ถนนไหนก็ไม่รู้แล้วเอ็มก็พยายามเดินพาผมกลับมาทางเดิมแต่ยิ่งเดินมันก็ยิ่งไม่คุ้นจนในที่สุดเราก็ยอมรับครับว่าหลง  :try2: ความคิดแรกของผมเลยคือโทรกลับบ้านไปหา Justin แล้วบอกว่าหลง (น่าชื่นชมไหมครับ กระแด๊ะมาเที่ยวกันเองแล้วหลง โทรไปบอกเขาคงอายน่าดู) แต่พอผมเดินไปที่หัวมุมกำลังจะหยอดเหรียญโทรศัพท์ “เอะ!! ทางมันคุ้นๆนะ” แฮะๆ  เราเดินเป้นวงกลมกลับมาที่ป้ายรถเลยครับ ก่อนกลับผมรู้สึกหนาวๆเลยแวะกิน Starbucks กับเอ็มแบ่งกันกินครับเพราะผมกินคนเดียวไม่หมด
   
ที่ผมแบ่งของกินกับเอ็มครึ่งนึงตลอดนี่ไม่ใช้เพราะอะไรคือผมกลัวอ้วนครับ ทุกครั้งที่ผมไปเที่ยวต่างประเทศผมจะนำ้หนักขึ้นทุกครั้ง คราวนี้ผมเลยตั้งใจว่าจะคุมอาหารและออกกำลังกายและ (สุดท้ายผมนำ้หนักลงครับ ฮิฮิ) อีกอย่างคือที่โน่นให้ข้าวเยอะครับ ฝรั้งเขากินเยอะกว่าเรามาก ข้าวหนึงจากกินได้สองคน ผมปกติที่เป็นคนกินข้าวน้อยอยู่แล้วเลยต้องแก้ปัญหาด้วยการแบ่งให้เอ็มกินครึ่งนึง ผมแบ่งกับข้าวกับเอ็มตลอด เอ็มก็ซื่อของมันกิน ผมก็ซื่อของผมแต่ผมจะแบ่งให้เอ็มครึ่งนึงทุกครั้ง

แรกๆมันก็บังคับผมให้ผมกินข้าวให้หมดแต่ผมไม่ไหวครับกินไปได้ 3 ใน 4 ผมก็จุกแล้ว ครุ้งสุดท้ายที่มันบังคบให้ผมกินข้าวจนหมดจานผลสุดท้ายคือผมอ้วกออกมาหมด หลังจากนั้นถือเป็นอันรู้กันว่ากับข้าวทั้งหมดของผมคร่ึงนึงเป็นของเอ็ม เอ็มมันตักแยกออกไปเลยตั้งแต่เเรก ก็ถือว่าเเลกกันเพราะผมกินผัก salad ในจากเอ็มให้แทน

ผมรู้ตัวว่าตัวเองชอบกินขนมแต่เพราะกลัวอ้วนไงครับทุกครั้งที่ผมซื่อขนมผมก็จะดูฉลากโภชนาการว่าผมถ้าผมซื่อไปผมครวจะกินมันครั้งละเท่าไหร่ เอ็มมันก็บ่นนะครับหาว่าผมบ้าแต่ผมก็ไม่สน ผมอ้วนข้นแล้วเขามาลดนำ้หนักแทนผมเหรอ อีกวิธีที่ผมทำคือผมก็ซื่อๆมา แกะกินพอหายอยากแล้วเอามันมาวางไว้ที่เคาร์เตอร์ในครัววันสองวันมันก็หายไปแล้วละครับ  :bye2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด