ตอนใหม่ล่าซู้ดดดดดดดดดดดดดจ้า

มาต่อกันเลย

ตอนที่ 14 ตำแหน่งในอนาคต
รติกรออกมารอข้างนอก มองดูคนอื่นเก็บกวาดของทุกชิ้นอย่างชำนาญและรวดเร็ว ใครต่อใครก็เดินกันให้พล่านไปหมด เขากลับเป็นเพียงไม่กี่คนที่ได้แต่ยืนมอง ขนาดฮานน่าที่มาอยู่เป็นเพื่อนยังช่วยเก็บของเล็กๆน้อยๆลงในหีบห่อ อีกด้านหนึ่งไม่ไกลนัก เขาเห็นซาช่านั่งสงบเสงี่ยมในชุดสวยสีเขียวนกยูง คลุมหน้าด้วยผ้าบางๆเธอสวยมาก แต่ก็เห็นความเศร้าได้ชัดเจน ชายหนุ่มเดินเข้าไปหา
“ซาช่า....” เธอเหลือบมองเขาทางหางตา
“ผมอยากขอโทษเรื่องเมื่อวาน ผมทำอะไรไปโดยไม่คิดมัน.......เป็นเรื่องที่งี่เง่ามาก” ความนิ่งเฉยเป็นสิ่งที่เขาคาดคิดไว้แล้ว จึงพูดต่อว่า “ผมอยากให้คุณรู้ว่า ผมเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป ขอโทษด้วย และ.....สัญญาผมจะไม่ทำอย่างนั้นอีก.... ตลอดไป”
ดวงตาคมเข้มหันมามองเขาตรงๆ เห็นความไม่พอใจ ขุ่นเคือง ไม่สิ แค้นเคืองมากกว่า ชายหนุ่มบอกได้ว่าเธอคาดโทษเขาไว้ในใจแล้ว เขายังไม่ทันได้พูดอะไรอีก ทหารก็ส่งสัญญาณให้เริ่มเดินทางได้ นางกำนัลคนหนึ่งเข้ามาจูงมือซาช่าไปขึ้นรถฮัมวี่เดินทางออกจากที่นั้น
“เนย...” เลแวนซ์และคาริคโผล่มาจากไหนไม่รู้
“ผมขอโทษเธอแล้วนะ” ร่างเล็กรีบหันมาบอกเหมือนส่งการบ้านให้อาจารย์
“เหรอ....ดีแล้ว” ชายหนุ่มยิ้มกว้างพอใจ รติกรใจเต้นตึกเลย เป็นคนที่ยิ้มสวยอะไรอย่างนี้นะ คงดีไม่น้อยเลยถ้าได้เห็นเขายิ้มทุกวัน “เราจะเริ่มออกเดินทางแล้ว อยากนั่งรถหรืออูฐล่ะ”
“คุณล่ะ?” เขาพลั้งปากถามออกมาก่อนจะรู้ตัวว่าพลาดไปแล้วเลยทำหน้าไม่รู้ไม่สน “ผมนั่งอะไรก็ได้”
“ตามใจ” เลแวนซ์ว่าแล้วเดินไปดูอย่างอื่น เมินเขาได้น่าเกลียดที่สุด ชายหนุ่มนึกเคืองก่อนจะเห็นร่างสูงเดินไปดูทหารคุมกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง เป็นผู้ชายทั้งนั้น
“นั้นเขาจับใครมาหรือ คาริค”
“จำไม่ได้หรือ กองโจรที่จับคุณไปเมื่อคืนไง”
“เอ๊ะ??” ร่างเล็กหันไปมองคนสนิทของเลแวนซ์ สีหน้าเครียด เขาก่อเรื่องมากมายขนาดนี้จะทำให้ตัวเองเดือดร้อนหรือเปล่าเนี่ย คาริคอ่านสีหน้าเขาออก รายนี้แค่ยิ้มๆเท่านั้น
“อย่ากังวลไปเลย ไม่มีเรื่องอะไรหรอก”
“แน่หรือ”
“หึๆ คุณไม่รู้หรอกว่าเรื่องนี้มันส่งผลต่อจารีฟมากแค่ไหน องค์สุลต่านพอพระทัยมากเลย”
“พอพระทัย??”
“ใช่.....ชนเผ่าเร่ร่อน 90% ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับรัฐ คนในเมืองก็เห็นว่ารัฐหย่อนยานเกินไป คะแนนนิยมในราชวงค์มีแต่ลดลงทุกปี ยิ่งความประพฤติเสเพลของซาอิทก็ยิ่งส่งผลลบยิ่งขึ้น ตอนนี้จารีฟมีผลงานนอกจากนำคนโจมตีกองโจรที่แข็งแกร่งที่สุดได้ ทั้งยังได้พลเรือนจำนวนมากเข้าสู่ระบบของรัฐ ความนิยมราชวงษ์จะกลับมาสูงอีกครั้ง โจรกระจอกเมื่อคืนถือว่าเป็นของแถม ตอนเช้าผมเพิ่งโทรเช็คคนในสำนักพระราชวัง เรื่องของจารีฟดังมากเลย ขึ้นหัวข้อข่าวเป็นอันอับหนึ่งเลยล่ะ”
คะแนนนิยม ความนิยม หัวข้อข่าวอันดับหนึ่ง?? ยิ่งฟังก็ยิ่งสับสน ตกลงว่า...เขาเป็นคนทำให้จารีฟกลายเป็นคนโด่งดังหรอกหรือนี่??
“มาเถอะ เราต้องรีบไปแล้ว” คาริคดึงเขาให้มานั่งหลังอูฐ“นั่งหลังตรง เชิดหน้าไว้ คุณกลายเป็นคนสำคัญไปแล้วเพราะฉะนั้นจำให้ขึ้นใจไว้ อย่าทำอะไรให้ตัวเองขายหน้า.....เพราะคนที่จะขายหน้ากว่าคือจารีฟ”
พูดงี้หมายความว่าไง?? รติกรไม่มีโอกาสถามอีก อูฐลุกออกเดินทางแล้ว เขาได้แต่เหลียวหน้า เหลียวหลัง ไม่มีใครที่คุ้นหน้าตามาสักคนเลย อ้อ..ยังดีที่ฮานน่าอยู่ใกล้ๆ ขบวนอูฐออกเดินทางตอนสายๆกว่าจะเห็นขอบเขตของตัวเมืองก็เล่นเอาก้นระบมไปหมด ชายหนุ่มไม่มีอารมณ์จะสนใจอะไรทั้งนั้น เขาอยากอาบน้ำ อยากนอนเร็วๆจะแย่ พระราชวังก็ยังคงเป็นปราการเหล็กแสนสวยสำหรับเขา ไม่มีอะไรให้น่าชื่นชมหรอก ร่างเล็กลงจากหลังอูฐก็มีทหารเข้ามา
“เชิญทางนี้ขอรับ”
เอ่อๆจะไปทางไหนก็ไปเถอะ เหนื่อยจะแย่แล้ว เขาเดินตามไปได้เดี๋ยวเดียวก็รู้สึกตัว “เอ๊ะ ห้องของผมอยู่ทางนั้น”
“เชิญทางนี้ก่อน สุลต่านคาเมนมีรับสั่งให้คุณเข้าเฝ้า”
เฮือก.... ตายล่ะหว่ากู สุลต่าน คนที่มีอำนาจสูงสุดให้เข้าพบหรือ ทำไงๆๆๆ เลแวนซ์?? คาริคไปอยู่ไหนกันหมดเนี่ย....ใจคอเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่ออกห่างห้องที่คุ้นหน้าคุ้นตาไปเรื่อยๆ ทางเดินนี้เหมือนจะยาวไม่มีที่สิ้นสุดเลย เขาได้พบกับทางเดินผนังกระจก ที่สามารถมองเห็นสวนสวย สระน้ำใต้ทางเดินตลอดไปจนถึงท้องฟ้ายามหัวค่ำ ที่จันทร์แรมขึ้นแล้ว
ปัง!!! เสียงเปิดประตูดังน่ากลัวเหลือเกิน เขาจะเจอกับอะไรนะ?? รติกรเห็นผ้าม่านสีขาวเป็นอย่างแรก มันคลุมรอบๆเตียงใหญ่จนดูเหมือนแท่นบูชาในโบสถ์ สีขาวตัดกับพื้นหินอ่อนสีดำเงาวับสะท้อนภาพได้ไม่ต่างจากกระจก รอบๆเตียงเป็นที่เดียวที่ปูพรมสีเทาหนานุ่ม ด้านหนึ่งของเตียง ราตู ซารีฟาน่า ยืนอยู่ อีกฟากมีเลแวนซ์และคาริคกำลังพูดคุยกันอยู่เสียงเบากังวาน ฟังเหมือนเสียงสวดมนต์ก็ไม่ปาน ชายหนุ่มค่อยโล่งอกหน่อยที่เห็นทั้งคู่
“เนย....มาทางนี้สิ” เลแวนซ์เรียก เขาก็ไม่รอช้ารีบเข้าไปหา
“คุกเข่าลง” เขากระซิบบอกเบาๆ ร่างเล็กก็คุกเข่าลงข้างเตียงอย่างว่าง่าย “เสด็จพ่อ นี่ไง คนที่ประทานให้ลูก”
“หือ??” เสียงครางยานฟังประหลาดดังเบาๆ ก่อนที่ผ้าม่านจะเลื่อนออกไป เขาจะเงยหน้าได้หรือยังเนี่ย?? หรือต้องรอก่อน “เงยหน้าขึ้นสิ”
คำสั่งนี้เหมือนจะรู้ใจมาก่อน ชายหนุ่มค่อยๆเงยหน้าขึ้นด้วยใจระทึก และแล้วเขาก็ได้เห็นหน้าสุลต่านคาเมนได้เป็นครั้งแรก ทึ่งและประหลาดใจจนพูดไม่ออกเลย รติกรได้เห็นชายสูงวัยร่างท้วมใหญ่ ผมสีขาวทั้งหัว ใบหน้าคล้ำบ่งบอกถึงโรคภายในตัว ดวงตาฉายแววอ่อนโยนและอ่อนล้า ริ้วรอยบนใบหน้ามากมายเมื่อเทียบกับเลแวนซ์แล้วเหมือนปู่กับหลานมากกว่าจะเป็นพ่อลูก เห็นชัดว่าท่านกำลังป่วยหนัก
“เข้ามาใกล้ๆสิ” ปลายนิ้วอวบอูมกวักเรียกให้ร่างเล็กขยับใกล้อีกนิด ก่อนเชยคางให้มองเห็นชัดๆ ดวงตากลมโตได้แต่กระพริบปริบๆจ้องมองตอบด้วยใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ “แววตาดื้อดึง....เหมือนแม่เจ้าไม่มีผิด จารีฟ”
“งั้นเหรอ หม่อมฉันไม่คิดอย่างนั้นนะพะยะคะ”
“ฮะฮะ.....ผลงานเขาก็เหลือรับไม่ต่างกัน ข้ารับประกันเลย เจ้าต้องปวดหัวอีกนานแน่”
“เสด็จพ่อ หม่อมฉันเอาอยู่พะยะคะ”
“อือ.....” พระองค์ดึงมือเขามาตบเบาๆที่หลังมือ “ชื่อ รีสใช่ไหม”
“พะ..พะยะคะ”
“มีทายาทให้เขาเยอะๆนะ การเป็นลูกคนเดียวมันโดดเดี่ยวนัก....มีพี่น้องเยอะๆสิดี อย่างน้อยก็มีความรักที่แบ่งปันกันได้ อย่าลืมสอนพวกเขาด้วยให้รักกันมากๆ เป็นพี่น้องที่ดี แล้ว.....มีเร็วๆหน่อยก็ดี ฉันอยากอุ้มหลานก่อนจากไป” น้ำเสียงสุดท้ายนั้นอ่อนล้าอย่างน่าใจหาย
“ฝ่าบาท....ทรงตรัสอะไรออกมา” ราตู ซารีฟาน่าเข้ามาประชิดเตียงฝั่งตรงข้าม
“ตอนแรกฉันอยากจะให้เขามีลูกให้ทั้งจารีฟ ทั้งซาอิทจะได้ยุติธรรม พี่น้องจะได้ไม่ทะเลาะกัน แต่ตอนนี้......ดูเหมือนจะไม่เหมาะแล้ว ยกเขาให้เป็นสิทธิ์ขาดของจารีฟเสีย”
“ทรงตรัสอะไรเช่นนี้ พระองค์ยังแข็งแรงอยู่ จะอยู่ต่อไปตราบนานเท่านานเพคะ”
“นั้นสิพะยะคะ วันก่อนหมอตรวจแล้วความดันเสด็จพ่อลดลงเยอะ พระองค์แข็งแรงขึ้นแล้ว อย่าเพิ่งถอดใจทิ้งหม่อมฉันกับคนอื่นๆสิพะยะคะ”
“ฮะฮะ....เอาเป็นว่าฉันจะอยู่เท่าที่พระประสงค์ของอัลเลาะห์ต้องการ” พระองค์ตรัสก่อนเหลือบมองรติกรอีกครั้ง “จัดหาอาจารย์ให้เขาสัก 2-3 คนสิ เอาให้ได้ระดับที่ดีกว่านี้หน่อย”
“พะยะคะ” คาริครับคำ
“คนอื่นๆออกไป ฉันอยากคุยกับจารีฟอีกหน่อย”
“ทูลลาพะยะคะ” ทุกคนออกมาข้างนอก ชายหนุ่มแอบมองลอดประตูก่อนปิดลง เห็นเลแวนซ์นั่งข้างเตียงสีหน้าเศร้า แสดงว่า....อีกไม่นานแล้วสิ มีลางสังหรณ์ยังไงชอบกลว่า ที่นี่จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว เลแวนซ์จะได้ขึ้นเป็น.....
“จะหาอาจารย์ให้งั้นหรือ” ราตูซารีฟาน่า ว่าน้ำเสียงเย้ยหยัน “จะได้สักขนาดกันเชียว”
คาริคมายืนกั้นระหว่างพวกเขา “ท่านไม่เห็นต้องกังวลเลย ก็แค่อ่านท่องภาษาซีเรียไม่ให้ขายหน้าเจ้าชายจารีฟเท่านั้นพะยะคะ”
“เจ้าก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไรนะ คาริค คิดว่าจะฝากชีวิตไว้กับเด็กอายุ 17 คนนี้ได้หรือ”
“ได้ไม่ได้ หม่อมฉันไม่ทราบ หม่อมฉันทราบแต่ว่าเป็นพระประสงค์ของสุลต่าน ไม่ปฏิบัติไม่ได้เด็ดขาด”
หึ! ราตูเยาะเย้ยในลำคอเสียงดังฟังชัดก่อนสะบัดชายกระโปรงพริ้วจากไป
“คาริค ทำไมสุลต่านถึงได้....”
“พระองค์กำลังวางรากฐานให้จารีฟแข็งแกร่งกว่าเดิม เพื่อเตรียมเขาให้พร้อมสำหรับตำแหน่งสูงสุด”
“แล้วทำไมให้ผมเรียน ให้ทำอะไรแบบนี้ด้วย” มือใหญ่ดึงแขนเขาให้เดินไปคุยไปเรื่อยๆ
“รีส คุณน่ะมาในฐานะแม่ของลูกของสองพี่น้องนี้เท่านั้น แต่ตอนนี้พระองค์ปล่อยให้คุณอยู่ในฐานะนั้นไม่ได้อีกแล้ว”
“ทำไมล่ะ??”
“ก็เพราะคุณหนีน่ะสิ”
“เพราะผมหนี??”
“ใช่....ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็คงตามไปตัดหัวหรือยิงทิ้งเพื่อไม่ให้เสื่อมเสียเกียรติราชวงค์ แต่มันกลายเป็นว่าคุณทำให้จารีฟกลายเป็นคนดัง เป็นที่นิยมเหนือกว่าซาอิทเสียอีก แล้วดังแบบหยุดไม่อยู่อีกต่างหาก คะแนนเทมาที่เขาล้นหลามแบบนี้ เรื่องของคุณก็เป็นที่สนใจด้วย ทำให้พระองค์เหลือทางเดียวคือดึงคุณผู้เป็นว่าที่แม่ของลูกในอนาคตเป็นฐานให้จารีฟเข้มแข็งขึ้นอีก ได้ครองตำแหน่งโดยเสียงข้างมาก” ทั้งคู่มาถึงหน้าประตูห้องของเลแวนซ์ มันเปิดออกต้องรับการกลับมาอีกครั้ง ด้านในมีฮานน่าและสาวๆอีก 2 คนรออยู่
“ถึงตอนนี้เสียใจที่หนีไปก็สายไปแล้วนะ ถ้าอยู่เฉยๆเป็นนางในห้องของเขาไป ก็คงได้อยู่สบายๆแล้วแท้ๆ อย่างที่ผมบอกแหละว่าจากนี้ไปบางอย่างมันจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว”
“คาริค??” รติกรรู้สึกถึงความกดดัน
“จะมีคนคอยดูแล คอยสอนหนังสือ เรื่องการวางตัว มารยาทและกฎวังหลังนี้ อาจจะอึดอัดไปสักนิด คุณก็อดทนหน่อย เพื่อจะได้เป็นพระชายาที่สมบูรณ์แบบที่สุด”
“พระอะไรนะ??” เขาใจหายวาบ นี่ต้องฝันไปแน่ๆไม่ก็หูเพี้ยนแล้ว
“พระชายา ตำแหน่งที่คุณจะได้เป็น และถ้ายิ่งได้ลูกชาย คุณก็จะได้เป็นสนมเอก เมื่อใดที่จารีฟได้ครองตำแหน่ง คุณก็จะได้เป็นราตู หรือราชินีแห่งซีเรีย”
“ล้อเล่นใช่ไหม” เขาว่าเสียงแหบแห้ง คำว่าอิสรภาพเหมือนจะเลือนหายไปแล้ว คาริคไม่ตอบเขาพยักหน้าให้ฮานน่า พวกผู้หญิงจึงเข้ามาสวมบ้างอย่างที่ข้อเท้ารติกร
แกร๊ก!!
“อะไรเนี่ย??”
“เป็นรับสั่งของสุลต่าน คุณหนีไปถึงสองครั้งนะ พระองค์ไม่ให้อภัยคุณตรงนี้แหละ คุณจะต้องอยู่แบบนี้ นอกจากว่าจารีฟอยู่ด้วยถึงจะถอดออกได้”
“คาริค?? เดี๋ยวสิ คาริค!!!!”
ปัง!!! ประตูปิดใส่หน้าเขา
************
หนังสือพิมพ์และเอกสารสำคัญหลายอย่างกองพะเนินอยู่บนโต๊ะ ชายหนุ่มในชุดสบายๆเหมือนคนในเมืองนั่งอ่านแล้วอ่านอีก ราวกับจะให้ทุกตัวอักษรอัดเข้าไปในสมองให้มากที่สุด กาแฟร้อนๆวางทิ้งไว้จนเย็นเขาก็ยังไม่เงยหน้า กระทั่งมีคนเปิดประตูเข้ามา
“ว่าไง”
“มีแต่คนพูดถึงเจ้าชายจารีฟไม่ขาดปาก ขนาดตาแก่ร้านมุมถนนยังเอ่ยปากชมเลย”
“ตาแก่นั้นเหรอ หึ.....ไอ้เด็กนั้นทำได้ดีมากเลย”
“นายคิดอะไรอยู่ อิซัส” จาร์ฟาลากเก้าอี้มานั่งตรงข้าม
“ฉันพลาดท่าโดนไอ้เด็กเวรนั้นเล่นงานถึงสองครั้ง เรื่องอะไรจะยอมอยู่เฉยล่ะ ฉันคิดดูแล้ว คราวนี้สุลต่านคาเมนเลือกหมากได้ดี ลูกชายคนนี้ไม่มีอะไรด่างพลอยเลย เขาเป็นตัวเลือกที่เหมาะมาก”
“แล้ว....”
“จะให้พวกราชวงษ์ขยายอิทธิพลมากกว่านี้ไม่ได้ ฉันจะหยุดมันให้ได้ แต่ต้องเริ่มจากข้างใน ญาติของอามีนยังทำงานในวังหลังอยู่หรือเปล่า”
“ใช่ เธอเป็นคนสนิทของราตูเลยล่ะ”
“ติดต่อให้หน่อยฉันอยากสอบถามเรื่องราวภายในให้ละเอียดกว่านี้”
“วังหลังเหรอ ฮะฮะ...นายคิดอะไรอยู่ ไปยุ่งกับพวกผู้หญิงอย่างนั้น”
“หึ มันเล่นงานจุดอ่อนของพวกเราทีหนึ่งแล้ว ฉันก็จะเล่นงานจุดอ่อนมันบ้างสิ” ชายหนุ่มยื่นหนังสือพิมพ์หน้าแรกที่มีรูปคนๆหนึ่งอยู่ จาร์ฟารเห็นแล้วต้องขมวดคิ้ว
“เขาน่ะหรือ เขาชื่ออะไรนะ?”
“เนย....ฉันรู้แล้วว่าทำไมมันถึงถ่อมาตามหาเด็กคนนี้ 25 ล้านยูโรแลกกับสายเลือดบริสุทธิ์ คนที่จะเป็นแม่ของลูกที่แข็งแกร่ง ตอนนี้กลายเป็นคนสำคัญแถมตำแหน่งพระชายารออยู่ในวันข้างหน้า เนี่ย.....สำคัญนะ” เขาหัวเราะเสียงระรื่น
“นายจะทำยังไง แอบเข้าไปหาหรือ”
“อาจจะ....ฉันต้องหาช่องโหว่ภายในลอบเข้าไปให้ได้ จังหวะเหมาะก็จะเอาออกมาเลย แต่ถ้าไม่ได้....” เขาเว้นวรรคครุ่นคิดหนักคล้ายไม่ชอบวิธีนี้ แต่ไม่มีทางเลือก จาร์ฟามองพยายามอ่านสหายให้ออก
“ถ้าพาออกมาไม่ได้.....ฉันก็จะลอบเข้าไปเป็นพ่อของเด็กที่จะเกิดในอนาคตเสียเลย”
จาร์ฟาเหมือนตาสว่าง เขายิ้มเห็นด้วยกับความคิดนี้ “ถ้าเป็นอย่างนั้น ลูกของนายก็เป็นรัชทายาทรุ่นต่อไป ฮะฮะฮะ....ต้องสนุกแน่ๆ”
อิซัสมองรูปในหน้าหนังสือพิมพ์ ใบหน้าของเด็กหนุ่มต่างแดนที่มองด้วยสายตาเศร้าจนเขาต้องพลิกมันคว่ำหน้าลง ทั้งที่รู้ว่าอาจต้องมีการกระทำที่น่าละอาย แต่เขาก็วางเฉยไม่ได้ เจ้าชายจารีฟเล่นงานเขาถึงสองครั้งสองครา เขาจะต้องล้างอายและ......ไม่ปล่อยให้หมอนั้นลำพองใจครอบครองเนยไว้คนเดียวแน่
************
นาฬิกากระดิกช้าๆส่งเสียงดังอย่างน่าประหลาดในห้องชุดหรูที่เงียบสนิท บรรยากาศในห้องนั้นอึดอัดแทบหายใจไม่ออก ฮานน่าและนางกำนัลคนอื่นๆได้แต่นั่งเงียบอยู่ที่มุมห้อง รอเวลาที่แสนทรมานนี้ให้ผ่านพ้นไปเร็วๆ กระทั่งเข็มเลื่อนบอกเวลาเกือบเที่ยงคืน
ปัง..... ประตูห้องเปิดเข้ามาพร้อมอากาศที่โล่งโปร่งอย่างยิ่ง สาวๆลุกขึ้นตอนรับหน้าตาดีใจที่สุด
“ยังไม่นอนกันอีกหรือ” เลแวนซ์เข้ามาพร้อมคาริคเห็นไฟในห้องสว่างโร่ทั้งห้อง เขาเข้ามาในห้องนอนกว้างบนเตียงใหญ่ชั้นดีมีร่างหนึ่งนอนหันหน้ามาทางประตู พอเข้าไปใกล้ถึงเห็นว่าลืมตาโพลงน้ำตาหยดจนหมอนเปียกตาแดงก่ำไปหมด สายตาคู่นั้นจ้องมองเขาอย่างตัดเพ้อและโกรธเคืองอย่างที่สุด และคำตอบที่ชัดเจนที่โซ่เส้นเขื่องที่ล่ามข้อเท้าอยู่ ชายหนุ่มหันไปมองคาริค
“เป็นรับสั่งของสุลต่าน”
เฮ่อ.... เลแวนซ์ถอนหายใจเฮือก เหนื่อยใจอย่างบอกไม่ถูก เขาดึงร่างเล็กให้ลุกขึ้น แล้วกอดไว้แนบอก ฝ่ามืออุ่นลูบแผ่นหลังเอาใจ
“อย่าร้อง......ไม่ต้องร้องแล้ว ฮานน่า ถอดสิ”
“เพคะ” ฮานน่าเข้ามาถอดโซ่ออกให้
“พวกเธอออกไปได้แล้ว” เขาสั่งคำเดียวสาวๆถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
“สุลต่านมีรับสั่งด้วยว่า...”
“ฉันรู้ ฉันก็อยู่ด้วย” ชายหนุ่มตัดบท เขาเชยคางมนขึ้นมองดวงตาชุ่มน้ำมองมาอย่างขอความช่วยเหลือ เขาไม่ยอมถูกล่ามโซ่เหมือนสัตว์เลี้ยงอย่างนี้หรอกนะ มันมากเกินไปแล้ว “คาริค อาจารย์ที่จะมาสอนนั้นจะเริ่มเมื่อไร”
“พรุ่งนี้”
“งั้น......” เขามองรติกรอีกครั้ง “ให้จัดคนไปสอนที่ห้องทำงานของฉันก็แล้วกัน”
“ห้องทำงานคุณ??”
“ใช่....จากนี้ไปฉันต้องศึกษางานบริหารทั้งหมด คนที่จะมาช่วยหยิบจับอะไรก็มีงานสำคัญกันหมด ฉันอยากจะให้เนยไปอยู่ช่วยงาน”
“จารีฟ งานบริหารเป็นเรื่องสำคัญ ฝ่ายในไม่ควรอยู่รับฟังด้วย”
“เขายังไม่ได้รับการแต่งตั้ง ยังให้ช่วยงานได้”
“ตำแหน่งไหน??”
“เอ่อ.....คนเหลาดินสอ”
คาริลขมวดคิ้วข้ออ้างฟังจิ๊บจ๊อยอย่างนี้ใครได้ยินเป็นหัวเราะแน่ เขามองตาขวางยังไงจารีฟก็ไม่ยอมถอนคำพูด สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ให้อีกตามเคย “ก็ได้....ตามแต่คุณต้องการ”
เขาว่าก่อนออกจากห้องไป รติกรเงยหน้ามองเลแวนซ์ ดีใจที่สุดที่อุตส่าห์ทำเพื่อเขา ทั้งที่ตัวเองก็มีภาระหนักเช่นกัน ถ้าอยู่ด้วยกันตลอดเวลาก็ไม่ต้องถูกล่ามโซ่อีกแล้ว ตอนนี้อ้อมแขนนี้ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยและรู้สึกดีที่สุด
“ขอบคุณครับ...”
ชายหนุ่มจูบเบาๆที่ขมับปลอบใจ “อดทนไว้นะ....อดทนไว้....เพื่อเราสองคน”
(ติดตามตอนต่อไป)
