มารร้ายมาต่อแล้วจ้า ไม่รู้เป็นไงช่วงนี้ชอบวางแผนร้ายๆจัง ไม่อยากให้นายเอกมีความสุขไวนัก ต้องเลี้ยงด้วยลำแข้งนานๆสักหน่อย อืม..สงสัยว่าเราซาดิสม์นะนี่
ตอนที่ 4 เรื่องยุ่งๆมีมาไม่เลิกรา 5/4/11
“ท่านซาอิท”
“ไม่ต้องไปยุ่ง” คำสั่งของเจ้านายทำให้คาริคต้องหยุดอยู่แค่นั้น เขาหันมาสบตาสีฟ้าใสที่แสนเย็นชานั้นอย่างตัดเพ้อ
“ปล่อยนะ..ปล่อยผมเดี๋ยวนี้” ร่างเล็กดิ้นรนได้ลำบากบนบ่ากว้าง เขาได้แต่ทุบแผ่นหลังและพยายามคว้าอะไรให้ได้สักอย่าง ก่อนจะถูกทิ้งลงมา รติกรตกใจนึกว่าต้องเจ็บตัวแล้วแน่ๆ แต่กลับพบว่าเขาตกลงมาบนเตียงอาบแดดนิ่มๆมีโต๊ะเตี้ยพื้นกระจกวางกั้นระหว่างเตียงที่วางเรียงราย ร่างหนักอึ้งทาบทับลงมาทำเอาหายใจไม่ออกเลย
“มาสนุกกันก่อนเถอะ ฉันไม่เคยเจอกับหนุ่มเอเชียเลยนะนี่”
“ไม่ ปล่อยผมนะ” มือเล็กยันหน้าอีกฝ่ายออกห่าง ไม่ทันไรก็ถูกจับรวบตรึงไว้เหนือศีรษะ ใบหน้าคมสันซุกไซ้ซอกคอขบเม้มผิวจงใจปลุกเร้าอารมณ์ รติกรได้กลิ่นหื่นกระหายคลุ้งอย่างนี้มีแต่อยากจะอาเจียนมากกว่ามีอารมณ์ แต่เพราะตัวเล็กกว่ากำลังก็ไม่ค่อยมี เขายกเข่ากระทุ้งเข้าสีข้างอีกฝ่าย
“ฮะฮะ...ทำเป็นไม่ชอบแบบนี้ก็สนุกดีนะ แต่อย่าสะกิดที่เอวดีกว่า ฉันค่อนข้างบ้าจี้นะ” ซาอิทหัวเราะร่วน
“ลุกออกไปนะ”
“อย่าเสียงดังสิ”
“บอกให้ออกไปไง” เขาดิ้นรนจนมือเป็นอิสระจึงข่วนเข้าที่ปลายคางอีกฝ่าย
“เอ๊ะ..จะมากไปแล้วนะ จะเล่นตัวก็ให้มีขอบเขตบ้างสิ”
ปัดโธ่เอ้ย ใครจะมาเล่นตัวฟ๊ะ คนเขาไม่ชอบต่างหากเล่า! รติกรเห็นที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะเขาคว้าจะทุบหัวอีกฝ่ายก็ไม่ได้ ติดแขนหมอนี่อยู่จึงหันมาทุบกระจก เปรี้ยง! ซาอิทสะดุ้งหันมาก็เห็นมือเล็กหยิบกระจกแหลมๆจ่อที่คอหอยเขา ใต้ร่างหายใจหอบแฮ่ก
“ถอยไป”
“นี่...จะเล่นอีท่าไหนกันเนี่ย”
“บอกให้ถอยไป ไม่ได้ยินรึไง” ไม่ว่าจะสั่งอย่างไร ร่างหนากว่าก็ไม่ขยับ เท้าเล็กถีบเข้าที่ไหล่จึงยอมลุกออกไปได้ สีหน้าโกรธจัดและมือที่กำกระจกแน่นจนคมบาดตัวเองเลือดเริ่มไหลเปื้อนมือทำให้ชายหนุ่มเพิ่งจะรู้สึกตัว ไม่มีแววขี้เล่นใบหน้าและดวงตาคู่นี้เลย ตรงข้ามมันมีแต่โกรธและกลัวชัดเจนมาก หรือว่า.....เมื่อกี้ไม่ได้เล่นตัว
“นี่....ไม่ได้ล่อเล่นใช่ไหม” ปกติสาวๆที่มามักจะสมัครใจมากทั้งนั้น ทุกคนต่างต้องการให้ตัวเองโดดเด่น ต้องตาต้องใจ ความต้องการของเขาไม่มีคำว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ ทุกคนพร้อมสนองได้ทุกเมื่อ แต่ท่าทีตื่นกลัวและสีหน้าเอาจริงนี้ทำให้ไม่มั่นใจแล้วสิ “เธอ....ไม่ได้...”
“อย่าตามมานะ ถ้าคุณคิดจะทำอะไรแบบเมื่อกี้อีกล่ะก็ ไม่ใช่แค่คอหอยคุณ ไอ้นั้นของคุณผมจะเฉือนมันทิ้งทั้งพวงให้ดู” รติกรขู่สำทับก่อนวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด ที่นี่มันบ้า คนมันก็บ้า เห็นคนอื่นเป็นยังไงกัน ไม่มีชีวิตจิตใจกันบ้างหรือไงนะ ร่างเล็กวิ่งเตลิดอย่างไม่รู้ทิศทาง แต่ก็โผล่พรวดมาถึงทางเดินที่คุ้นตาบ้าง เห็นประตูทางเข้าอยู่ไม่ไกลแล้ว
“คุณ....รีส” คาริคเรียก เด็กหนุ่มหันไปมองทั้งคู่อยู่ห่างไปพอสมควร เจ้าวายร้ายที่เที่ยวยกเขาให้ใครต่อใครง่ายๆนั่งจิบน้ำชาอย่างสบายอารมณ์อยู่นั้น หนอย....?? ร่างเล็กถอดรองเท้าขว้างเข้าใส่ทันที “คุณ...??”
คาริคร้องลั่นก่อนถอยหลบอย่างหวาดเสียว รองเท้าขว้างมาไม่ถึง แต่ตกลงพื้นปูด้วยอิฐกระดอนมาชนขาโต๊ะ เคร้ง! ชุดถ้วยชากระทบกันเบาๆ ดวงตาสีฟ้าใสถึงเหลือบมองมา
“สารเลว....ขอให้เป็นหมันเถอะแก ไอ้คนทุเรศ” รติกรตะโกนด่าเสียงดังลั่น ก่อนเดินสะบัดหน้าออกไปอย่างฉุนเฉียว ทิ้งให้หนุ่มๆนิ่งอึ้งกันไปทั้งหมด ซาอิทโผล่พรวดพราดตามมาอีกคน
“คาริค”
“ทำไมเร็วจังเลยล่ะ พี่ซาอิท”
“อย่าเพิ่งถาม นี่มันยังไงกัน หา?” เขาถามคนเป็นธุระจัดหาให้ “ เขารับจ้างมาไม่ใช่หรือ ทำไมร้องจะเป็นจะตาย แถมเอาเศษกระจกมาขู่ฉันด้วย”
“เขาทำอย่างนั้นหรอกหรือ” คาริคเอาผ้าเช็ดปากมาซับเหงื่อบนหน้าผาก
“ก็ใช่น่ะสิ”
“แปลว่า....เขาไม่ได้รับจ้างมาน่ะสิ ใช่ไหม...ไปได้เขามาจากไหนล่ะ” คนจิบน้ำชาถามใจเย็นนิ่งเป็นน้ำ
“ปารีส...ตลาดประมูลที่ไปประจำนั้นแหละ ตอนที่เจอเขาก็กำลังอาละวาด ยิงปืนลั่นห้องอยู่พอดี ทำเอาคนกระเจิงหมด การประมูลในวันนั้นเลยต้องล่มไปโดยปริยาย”
“ทำไมนายถึงเอาคนที่ไม่เต็มใจมาด้วย”
คาริคนิ่งไปครู่ “ข้อแรกเขาแข็งแรง ข้อที่สองเขาราคาถูก ข้อที่สาม......ผมถูกใจเขา” ชายหนุ่มมองไปทางอื่นเวลาพูดไม่ตรงกับใจตัวเอง เด็กคนนี้ตอนที่อ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากเขาทำให้นึกถึงตนเอง ตอนอ้อนวอนขอร้องไม่ให้พ่อพาไปขายที่ตลาดแรงงานในเมือง พ่อเขาบอกว่า
‘อยู่กับฉัน แกจะมีแต่อดตาย อยู่กับคนอื่นแกยังพอมีทางรอดบ้าง จำไว้นะ ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไรก็ต้องเก็บเอาไว้ จะเจ็บปวดขื่นขมยังไงก็ต้องทน เราต้องเอาใจเจ้านายของเราให้ดี ต้องรู้จักเขามากกว่าตัวเขาเองด้วยซ้ำ แล้วสักวันหนึ่ง....เขาจะรู้ตัวว่า ชีวิตนี้ขาดเราไม่ได้เด็ดขาด วันนั้นแหละที่เราจะกลายเป็นเจ้าของชีวิตเขา และเรา....จะมีอิสระเป็นไทแก่ตัวเอง’
จากวันนั้นถึงวันนี้ เขามาได้เกินครึ่งทางแล้ว อีกนิดเดียวเท่านั้น...
“เฮ้อะ..แบบนี้ไม่สนุกแน่ เอาคนอันตรายแบบนี้มาใกล้พวกเราได้ยังไง”
“นานครั้งเจอคนแบบนี้ก็ไม่เลวนะ ว่างั้นไหมท่านจารีฟ” คาริคหันไปถามเด็กหนุ่มที่ไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้มๆ
“ไม่เลวอะไรกัน เฮ่อ...ไม่ไหว พี่ขอบายดีกว่า นายจัดการไปคนเดียวเถอะ” ซาอิทบอกก่อนเดินจากไป
***********
ร่างเล็กเดินกระแทกเท้าไปตามทางเดินยาวปูด้วยพรม อารมณ์เดือดดาลทำให้ใจอยู่ไม่เป็นสุข แค้นเคืองทุกสิ่งทุกอย่างจนน้ำตาซึม เขายกมือเช็ดน้ำตาตลอดเวลาไม่ยอมให้มันไหลเด็ดขาด ตอนนี้เขาต้องการที่สงบๆอยู่สงบสติอารมณ์ชั่วครู่ เดินมาถึงประตูห้องที่ออกมาเมื่อเช้า บอดี้การ์ดสองคนเข้ามาขวางไว้
“กรุณาหยุดอยู่ตรงนี้”
“ทำไม ก็...” เขาจะบอกว่าเมื่อครู่เพิ่งออกมาเอง
“คุณมีอาวุธอันตรายอยู่ในมือ” อีกฝ่ายบอกถึงนึกได้ ในมือเขากำเศษกระจกไว้แน่น และตอนนี้เริ่มเจ็บแล้วด้วย
“อ๊าวววว...” บ้าชะมัด...ไม่น่าทำตัวเองเจ็บเลย รติกรคลายมือดึงกระจกออก เลือดยังซึมออกมาหยดแปะๆ บอดี้การ์ดคนหนึ่งดึงเศษกระจกออกไปพลางเปิดประตูห้องที่อยู่ตรงข้ามกับห้องสาวๆให้
“นี่คือห้องของคุณแล้ว ไปรอข้างในเถอะครับ เราจะตามหมอมาให้”
“ขอบคุณ” เขาเข้ามาในห้องที่กว้างหรูหราไม่แพ้ห้องสาวๆ เพียงแต่ดูเป็นแมนชั่นหรูมากกว่า มีทางเดินปูด้วยไม้สีอ่อน ตู้แขวนเสื้อนอกและชั้นวางรองเท้าใกล้ประตู ทางซ้ายมือเป็นห้องรับแขก ห้องครัวขนาดกลางพร้อมเครื่องครัวครบครันอยู่ทางขวา เดินตรงไปก็จะเป็นระเบียงนอกเต็มไปด้วยแปลงดอกไม้สวย กว้างขนาดมีจักรยานให้ปั่นเล่นได้ ด้านขวาในมีห้องนอนใหญ่หนึ่งห้อง และห้องน้ำ 2 ห้อง หนึ่งคือห้องสำหรับอาบน้ำทำธุระส่วนตัว อีกห้องมีอ่างจากุกชี่ขนาดใหญ่ที่คนลงไปเล่นได้เป็นสิบ
เฮ่อ....จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อ....
“ชอบไหม” เสียงถามจากข้างหลังทำเอาสะดุ้งโหยง ร่างเล็กถอยห่างไปอยู่คนล่ะมุมห้องทันที
“อย่าเข้ามานะ”
“ใจเย็น...” อีกฝ่ายยืนพิงกรอบประตูห้องท่าทีสบายๆแต่ก็ขวางทางออกเสียหมด “แค่จะมาดูให้แน่ใจว่าทุกอย่างโอเคไหม แผลเป็นไงบ้างล่ะ”
ยังมีแก่ใจถามอยู่นะ รติกรมองมือของตัวเอง เลือดหยุดแล้วแต่ตอนนี้ปวดจี้ดๆไปหมดแถมด้วยอาการปวดหัวด้วย เขาเครียดมากจริงๆ ฝ่ามือใหญ่ยื่นมาหา “มาเถอะ...ฉันจะทำแผลให้”
“ผมทำเองได้....แผลแค่นี้เองไม่ใช่เรื่องใหญ่” ประโยคหลังคล้ายคำแก้ตัวกลายๆเมื่อเห็นสายตาสีฟ้าฉายแววไม่พอใจแวบหนึ่ง ผู้ชายคนนี้ไม่ชอบถูกปฏิเสธ คำว่าเจ้าชายก็พอทำให้นึกออกว่าคนแบบนี้เอาแต่ใจตัวเองมากขนาดไหน ร่างสูงกว่าขยับจากกรอบประตู กดปุ่มที่ผนังเบาๆ น้ำก็ไหลเข้าในอ่างจากุกชี่ทันที ควันจางลอยคว้างกลิ่นบางอย่างโชยมาแตะจมูก นี่คงเป็นน้ำจากแหล่งน้ำพุร้อนแน่ เขามัวแต่มองน้ำในอ่างจนถูกคว้าข้อมือจนได้
“เอ๊ะ??”
“มานี่” อีกฝ่ายอาศัยกว่าตัวโตกว่า มีกำลังมากกว่าลากเขาออกจากห้องน้ำ ทีแรกใจหายนึกว่าจะโดนลากเข้าห้องนอนเสียแล้ว แต่ก็ใจชื้นขึ้นมามากเมื่อถูกพามาที่ห้องรับแขก ที่นั้นมีกล่องพยาบาลวางไว้บนโต๊ะรอท่าแล้ว มือแข็งๆดึงให้นั่งลง “จะทำแผลให้”
“ไม่ต้อง....ก็ได้” รติกรมองอย่างระแวดระวัง และไม่เข้าใจ พยาบาลไม่มีแล้วหรือไรถึงต้องมาทำเองนี่?? มือที่ทำแผลให้คล่องแคล่วว่องไว ตามองแต่แผลที่มือ เมื่อไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆความเครียดจึงค่อยๆลดลง แต่คงยังระแวงอยู่
“ขอโทษนะ”
“หา??”
“ขอโทษด้วย....สำหรับเรื่องเมื่อกี้” รติกรกระพริบตาปริบๆคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้ ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองพร้อมยิ้มบนใบหน้า เขาดูเหมือนหนุ่มที่ไร้พิษสง “ปกติคนที่มาที่นี่...ยินดีทำทุกอย่างที่เราพี่น้องต้องการเสมอ ไม่เคยมีคนบอกว่าไม่ได้สักราย”
“งั้นเหรอ” เขาไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่านี้
“ได้ยินจากคาริคว่า เธอไม่อยากมาที่นี่”
“ขอร้องล่ะ..อย่าเรียกผมว่าเธอ”
“ไม่ได้” เขาว่าปฏิเสธเสียงแข็งจนแปลกใจ “เธอก็คือเธอ....เธอคือของๆฉัน”
แย่ล่ะสิ..... ลองว่าแบบนี้อนาคตเขาก็มืดมนแล้ว
“ฉันขอโทษที่เข้าใจผิด ยกเธอให้พี่ชายง่ายๆ ที่นี่ไม่ค่อยถือสาเรื่องบนเตียงเท่าไร แต่ธุรกิจก็คือธุรกิจ..... ฉันเป็นเจ้าของเธอแล้วไม่ว่าจะชอบหรือไม่ เธอมีหน้าที่ทำตามคำสั่งฉัน ข้อนี้เข้าใจหรือเปล่า”
คิ้วขมวดแสดงอาการไม่พอใจทันที ดวงตาสีดำจ้องมองอย่างตัดเพ้อต่อว่าในความใจดำของเขา ก่อนจะมองไปทางอื่นอย่างจำนน ทว่าแผงความดื้อดึงอยู่ในที คนมองอดขำไม่ได้ทำหน้าแบบนี้คงมีเรื่องให้อีกแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องสนุกหรือเรื่องน่าปวดหัวนะ
“เนย” เขาเงยหน้ามองทันทีที่ถูกเรียก “เขาว่าคนไทยชอบให้เรียกชื่อเล่นมากกว่าชื่อจริง อยากให้เรียกเนย หรือว่ารีสล่ะ”
“แล้วแต่คุณเถอะ”
“อืม....เรียกฉันว่า เลแวนซ์”
เลแวนซ์?? รติกรมองใบหน้าอีกฝ่าย ชื่อฝรั่งเหมาะกับใบหน้าเขามากกว่าชื่อจารีฟเยอะ “คุณเป็นลูกครึ่ง”
“ใช่ แม่ฉันเป็นฝรั่งเศล” เหมือนจะไม่อยากให้ซักไซ้เรื่องส่วนตัวมากกว่านี้ ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ “เอาล่ะ....คิดว่าเราควรใช้เวลารู้จักกันสักระยะหนึ่งก่อน เพราะงั้นอย่าไปไหน อยู่แต่ในห้องล่ะกัน”
“คนเดียวเหรอ” แค่นึกก็เบื่อก่อนแล้ว ห้องนี้ยังไงก็ยังดีกว่าคุกแต่อยู่คนเดียวอย่างนี้ก็เบื่อแย่สิ
“ฉันก็จะมาอยู่ด้วย”
เอ้า?? แบบนี้ก็ไม่สวยแล้วสิ รติกรนึกกังวล เลแวนซ์เดินไปยังไม่ถึงประตูก็มีแขกที่ไม่ได้คาดคิดเปิดประตูเข้ามาเสียก่อน ทั้งคู่หยุดมองด้วยความประหลาดใจ สาวๆชาวซีเรียในชุดรัดกุมสีดำเผยแค่ใบหน้างามคม คิ้วเข้มกันทุกคน เข้ามาในห้องถึง 5-6 คน คนสุดท้ายนั้นโดดเด่นกว่าใครเพราะเสื้อผ้าอาภรณ์สีสันสดใส ผ้าคลุมไหล่สีเขียวปีกแมลงทับไม่คลุมผมอย่างคนอื่นๆ และมีเครื่องประทับหรูหรากว่าใคร
“เสด็จแม่” เลแวนซ์เรียก
รติกรมองตาโตเห็นความแตกต่างชัด ในเมื่อลูกหน้าตาออกยุโรป แต่แม่กลับอาหรับจ๋าเชียว เธอผมดำยาวสลวยใบหน้าสวยอย่างสาว 30 นิดหน่อยเท่านั้น หน้าตาไม่มีเค้าเหมือนกันสักนิด แสดงว่าไม่ใช่แม่ลูกกันน่ะสิ ร่างระหงเดินเชิดหน้าเข้ามามาดนิ่งอย่างนางพญา เธอคือ ราตู ซารีฟาน่า ฟาติซามะห์
“จารีฟ”
“ไม่คิดว่าเสด็จแม่จะเสด็จมาที่นี่” ร่างสูงก้าวมายืนบังเต็มทางเดิน รติกรมองแผ่นหลังกว้างนี้อย่างอารมณ์เสีย นี่ไม่คิดจะเผื่อที่ให้คนอื่นดูบ้างหรือไรนะ
“ได้ยินว่า คาริคเพิ่งได้พวกเลือดแท้มา แม่เลยจะมาดูหน้าเสียหน่อย”
“แค่มีรับสั่ง...เขาก็ไปเข้าเฝ้าได้ทันทีไม่เห็นจำเป็นต้องเสด็จมาเองเลย” เลแวนซ์ว่าเสียงนุ่มนวล หากสายตาจ้องมองใบหน้างดงามนั้นอย่างรู้ทัน เธอยิ้มกว้าง หัวเราะกับสายตาของเขา
“ไม่จำเป็นแน่ แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆภายในวังเป็นหน้าที่แม่ที่ต้องดูแลความเรียบร้อยนี่จ๊ะ ถ้าไม่สำคัญ......แม่ไม่มาหรอก”
“เสด็จแม่” เขาเรียกเสียงเบื่อหน่าย ร่างบางระหงผ่านเข้ามาภายในห้องจนเห็นรติกรยืนหลบอยู่ข้างหลัง
“อยู่นี่เอง” เธอว่าน้ำเสียงยินดี ทว่าดวงตาฉายแววน่ากลัว ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร รางสูงก้าวมายืนขวางระหว่างคนแปลกหน้าสองคนอีกครั้ง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน เสด็จแม่”
“ซาอิทบอกว่า เขาเพิ่งเจอเด็กมาใหม่ที่กระทำการอุดอาจไร้มารยาทและเป็นอันตรายต่อทุกคนยิ่งนัก แม่เลยต้องมาเพื่อมอบความรู้เรื่องกฏเกณฑ์ กฏระเบียบของที่นี่ให้ข้าทาสคนนี้ได้รู้ซึ้งบ้าง” รติกรหูพึ่ง พูดแบบนี้หมายความว่าไงกัน??
“ท่านพี่ไปฟ้องเสด็จแม่เลยหรือ”
“ถึงเขาไม่ฟ้อง แม่ก็มองเห็นจ๊ะ” ประโยคนี้ทำให้ร่างเล็กแหงนหน้ามองเพดานห้องและตามมุมต่างๆ มีกล้องคอยจับตาดูจริงๆด้วย หันกลับลงมาเผชิญหน้าสาวสวยผู้สูงศักดิ์ที่จ้องมองด้วยสายตาไม่พอใจอย่างยิ่ง
“เพิ่งมาถึงแท้ๆ แต่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง คาริคนี่ก็เหลือเกิน ไม่รู้จักอบรมสั่งสอนกฎระเบียบเอาเสียเลย ปล่อยให้กำแหง กล้าปฏิเสธความต้องการของเจ้านาย และเอาของต่ำๆอย่างรองเท้ามาขว้างใส่เจ้านายด้วย.... ที่ร้ายที่สุดคือเอาของมีคมมาข่มขู่เอาชีวิตซาอิท....อย่างนี้ปล่อยเอาไว้ไม่ได้เด็ดขาด”
รติกรใจเต้นตึกๆ ถึงจะไม่ค่อยใจว่าเธอพูดอะไรกันแน่ แต่มันฟังดูแล้วไม่ใช่เรื่องดีเลย นี่คงไม่....??
ราตู ซารีฟาน่า ดีดนิ้วเป๊าะ!สั่งนางกำนัลทั้งหลาย “สั่งสอนมันสิ”
“เสด็จแม่??”
************