ตอนที่ 3
มาแล้ว มาไวใช่ไหม 5555 อารมณ์ดีเพราะมีความสุข อย่าลืมเม้นต์ด้วยจะได้มีกำลังใจ
ตอนที่ 3
เป๊าะ... น้ำเย็นๆหยดใส่หน้าอ่อนวัยเบาๆ ปลุกให้เขาลืมตาสีดำขึ้นมาเห็นสาวๆสวยๆสุมหัวกันเหนือร่างยิ้มกว้างอย่างโล่งอก
“เฮ่อ....ตื่นแล้วๆๆ”
รติกรกระพริบตาปริบๆ ที่นี่มัน?? สาวๆพวกนี้มีทั้งสาวตะวันตก ตะวันออก เอเชียก็มี ทำไมเยอะอย่างนี้นะ งานแฟชั่นโชว์หรือไรกัน เขาเหลือกตามองไปรอบๆ ส่วนใหญ่ทุกคนสวมใส่เสื้อผ้าบางๆแบบสาวอาหรับ อ๋อ...นี่คงเป็นงานแฟนซีแน่ๆ
“คุณลุกไหวไหม ลองลุกขึ้นมานั่งหน่อยเถอะ” มือบางดันไหล่เขาขึ้นเบาๆ เด็กหนุ่มออกแรงยกตัวเองขึ้นมานั่ง โอยยย...เมื่อยไปหมดเลย “คุณน่ะหลับมา 2 วันเต็มๆแล้วนะ พวกเรากลัวว่าคุณจะไม่ตื่นเสียแล้ว รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง”
แก้วน้ำสีสดใสยัดใส่ในมือ เขาก็ยกขึ้นดื่มอย่างว่าง่าย รู้สึกได้เลยว่าคอแห้งจริงๆ ท้องหิวด้วย อ๊ะ.....เขาทำอะไรไปนะถึงมาอยู่ที่นี่ รติกร พยายามจะนึกแต่เมื่อมีอาหารจานโตๆยกมาวางที่โต๊ะใกล้ๆเตียง เขาก็ต้องหยุดความคิดไว้ก่อน ร่างกายเขาต้องการอาหารอย่างมาก ถึงจะเป็นแค่มันบด เนื้อไก่กับข้าวโพดต้ม ขนมปังปิ้งทาแยม แค่นี้ก็อร่อยมากแล้ว เขาทานเกลี้ยงจานไม่เหลือข้าวโพดสักเม็ด พออิ่มแล้วถึงมีแก่ใจสนใจรอบๆตัวที่มีสาวสวยร่วม 20 กว่าคน
“เอ่อ....ที่นี่....ที่ไหนครับ” เด็กหนุ่มมองไปรอบๆแล้ว ห้องนี้กว้างขวางยังกะเพนเฮ้าส์เศรษฐีร้อยล้านไม่มีผิด เตียงนอนถูกจัดวางกระจายไปทุกมุมห้องอย่างสวยงาม สระน้ำขนาดกลาง น้ำพุ อ่างสปา รูปปั้นหินอ่อน สวนขนาดย่อมๆ มุมเล่นกลอฟ์ ห้องนี้มีทุกอย่างให้อย่างที่ต้องการเลย
“ที่นี่น่ะหรือ คุณไม่รู้แล้วคุณมาทำไมไม่ทราบเนี่ย” สาวสวยผมสีน้ำผึ้งว่า
“เธอน่ะเงียบไปเลย แองจี้ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นให้เป็นหน้าที่ของคาริคเอง เขากำลังลงมาแล้ว” สาวผมสีบูลเน็ทเข้ามาแทรก เธอมียิ้มที่เป็นมิตรที่สุด “หวัดดี ฉันโคลอี้”
“ ผม.....เรียกผมว่ารีสก็ได้” เขายิ้มแห้งๆ ถึงไม่ชอบชื่อนี้ยังไงมันก็เรียกง่ายกว่ารติกรหรือเนยแหละ โคลอี้จับมือทักทายเป็นกันเอง
“อยู่ที่นี่แรกๆอาจจะไม่ค่อยชินเท่าไรนะ แต่อีกหน่อยก็คุ้นไปเองแหละ อยากได้อะไรก็บอกคาริค เขาหาให้ได้ทุกอย่าง....ขอบอกให้รู้ไว้นะ” โคลอี้เอนตัวมากระซิบข้างๆหู “ทุกคนที่นี่เป็นมิตรกันดีนะ ยกเว้นแม่นั้น”
เธอปุ้ยปากไปทางสาวสวยผมดำขลับ สีผิวและหน้าตานั้นบ่งบอกว่าเป็นสาวอาหรับที่งามคมบาดตามาก ทรวดทรงก็ยั่วยวน เธอนั่งทาเล็บเท้าอย่างตั้งอกตั้งใจ “เธอชื่อ ซาช่า อยู่มานานกว่าใครแล้วก็เป็นคนโปรดของเจ้าชายทุกพระองค์เลย อย่าไปมีเรื่องกับหล่อนเป็นดีที่สุด หล่อนร้ายกาจยิ่งกว่าแม่มดเสียอีก”
รติกรรับฟังอยู่ชั่วครู่ก่อนจะรู้สึกว่าเขาได้ยินอะไรผิดไป “คุณว่าอะไรนะ”
“ฮะฮะ....อย่ากลัวไปเลย ต่อให้หล่อนเก่งกาจขนาดไหน แต่มาเจอเลือดแท้อย่างคุณเข้าก็ต้องชิดซ้ายแหละ” โคลอี้ตบไหล่เขาเบาๆให้กำลังใจ รติกรไม่ได้สนใจเรื่องนั้น เขาคิดว่าได้ยินผิดไปนะเรื่องเจ้าชายน่ะ แต่ก็ต้องอึ้งไปอีกเมื่อโดนย้ำเรื่องเลือดแท้ นี่เป็นเรื่องที่รู้กันในครอบครัวแท้ๆ เธอรู้ได้อย่างไร เขากำลังจะอ้าปากถาม ก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อน
“เป็นไงบ้าง...ดีขึ้นแล้วใช่ไหม” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผิวสีน้ำผึ้ง ดวงตาสีเขียวใส ผมดำยาวมัดรวบพาดบ่าข้างหนึ่ง นั้นทำให้เรื่องราวทั้งหมดย้อนกลับมาในความทรงจำ เขา....ถูกขายและคนๆนี้ซื้อเขาเอาไว้ เด็กหนุ่มมองอีกฝ่ายไม่กระพริบตา เขาดูแปลกไปในชุดอาหรับเต็มยศนี้??
“คุณ...?”
“เรียกฉันว่าคาริค เธอล่ะ”
“รติกร”
“เรียกยากไปหน่อยนะ...แต่ช่างเถอะ”
“คาริค” เสียงเรียกออดอ้อนแทรกเข้ามา เป็นสาวสวยชื่อซาช่านั้นเอง เธอกรีดกรายมาหามือถือชายกระโปรงยาวๆไว้เวลาเดินสะบัดน้อยๆมันจะพลิ้วสวย น่าดูทีเดียว “เจ้าชายจารีฟไม่ประทับในวังหรือไร ท่านเสด็จไปไหน”
“ท่านไม่ได้เสด็จไปไหน”
“แล้วทำไมถึงไม่มีคำสั่งให้ฉันเข้าพบล่ะ”
“ถ้าท่านต้องการพบ...เธอก็จะได้พบเอง มาเถอะ” อาหมัด คาริค ฮาซีส พยักหน้าให้รติกรตามเขามา เด็กหนุ่มอดเหลือบมองไม่ได้ และแน่นอนเลยว่าต้องได้เห็นสายตาที่ไม่เป็นมิตรอย่างยิ่งของหล่อน เขาตามร่างสูงออกมานอกห้องที่นี่มี การคุ้มกันที่แน่นหนาทีเดียว ดูได้จากกล้องที่คอยจับตาดูอยู่มากมายและยามที่ยืนเฝ้าตามประตูต่างๆ
“คุณ.....คุณคาริค”
“ห้องของคุณจะอยู่ตรงข้ามกับห้องสาวๆนะ แต่ตอนเดินทางมานี่คนของเรายังเตรียมห้องไม่เสร็จเลยเอาคุณไปฝากพวกสาวๆดูแลก่อน ดีนะที่ไม่เป็นอะไรมาก ผมกำลังจะตามหมออยู่แล้วเชียว”
“คุณซื้อผมมา....” ร่างสูงหยุดกึกทำเอาเบรกเกือบไม่ทัน ก่อนเขาจะหันมามองหน้า
“ผมไม่ได้ซื้อคุณ”
“เอ๊ะ”
“เจ้านายผมต่างหากที่ซื้อ ผมมีหน้าจัดหาและดูแลเท่านั้น”
“แต่...”
“รู้ไหมว่าการกระทำในห้องประมูลนั้น เป็นเรื่องที่โง่เขลาที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอเลย”
“โง่เขลาหรือ”
“ต่อให้เป็นเลือดแท้ก็ตาม ถ้าแสดงพฤติกรรมร้ายๆออกมา รู้ไหมว่าพวกนั้นจะทำยังไง...” เขาทิ้งช่วงให้เด็กหนุ่มได้คิดเองเล็กน้อย “พวกนั้นจะผ่าสมองของคุณเอาบางส่วนออกทำให้เป็นแค่ตุ๊กตากากๆไม่มีความคิดอ่านเป็นของตัวเอง แล้วคุณก็จะมีค่าแค่ถูกใช้ผสมให้มีลูกเรื่อยๆจนกว่าจะหมดประสิทธิ์ภาพ ถึงจะยอมปล่อยให้คุณตาย”
รติกรกลืนน้ำลายเฮือก ขนลุกไปทั้งตัว “งั้นผมคงต้องขอบคุณคุณ”
ใบหน้าสวยไร้อารมณ์แค่นยิ้มออกมา “อย่าเพิ่งขอบคุณเลย...อีกหน่อยคุณอาจสาปแช่งผมก็ได้”
“ทำไมล่ะ”
คาริคสูดถอนหายใจอย่างอ่อนใจ “ก็เพราะผมก็เหมือนคนพวกนั้นน่ะสิ เหตุผลเดียวที่ผมเลือกคุณมา....” เขาเดินมาถึงหน้าประตูบานใหญ่สีดำ มันเปิดต้อนรับเขาอัตโนมัติ “เพื่อจะให้คุณมีทายาทที่สมบรูณ์แก่ราชวงค์ อัลมาอิดะฮ์”
เขาผายมือให้ชมความอลังการเบื้องหน้า “ ซีเรีย ขอต้อนรับ”
สิ่งที่อยู่หลังประตูทำให้รติกรตื่นตะลึงที่สุดในชีวิต ป่าเขตร้อนมากมายถูดอัดอยู่ในห้องอันกว้างใหญ่มโหฬารภายใต้โดมคริสตัน ทิวทัศน์ภายนอกนั้นคือทะเลทรายสีทองแห้งแล้งยาวจรดสุดขอบฟ้า ทั้งที่อยู่ในห้องปรับอุณหภูมิแล้วเขาก็รู้สึกเหงื่อที่ซึมออกมา ที่นี่มัน...ฝันร้ายชัดๆ
“มาเถอะ ผมจะแนะนำให้รู้จักใครบางคน” คาริครุนหลังเขาเข้าไปภายใน ประตูก็ปิดลงอัตโนมัติ รติกรรู้สึกกลัว เขาไม่อยากพบใครทั้งนั้น ไม่อยาก!!! แค่คิดว่าจะต้องนอนกับคนที่ไม่รู้จัก ต้องเป็นแม่พันธ์คลอดลูกให้ด้วยก็รู้สึกอยากอาเจียนเสียแล้ว มือที่รุนหลังเลื่อนออกไป คาริคเดินนำมาถึงมุมสวนดอกไม้ที่มีนกแก้วสีสันสดใส ที่นี่มีโต๊ะกลมสีขาวพร้อมน้ำชาชุดใหญ่
“อ้าว?? ไปไหนเสียแล้ว....รออยู่นี่นะ เดี๋ยวผมมา” ชายหนุ่มเดินไปหาคนที่ต้องการจะให้พบ แต่รติกรรู้สึกโล่งอกมากกว่า มาช้าๆหน่อยหรือไม่ต้องมาได้ยิ่งดี ความคิดเครียดๆผ่อนคลายลงเมื่ออยู่ท่ามกลางธรรมชาติเช่นนี้ อากาศปลอดโปร่งมากแม้จะเป็นของที่ทำขึ้นก็ตาม
จ๋อม... เสียงบางอย่างกระทบแผ่นน้ำแว่วเข้ามาในโสต มีสระน้ำด้วยหรือ? ร่างเล็กรีบเดินหา เขาชอบสระน้ำธรรมชาติ อยากว่ายเล่นให้สะใจสักครั้ง รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าทันทีเมื่อพบสระน้ำใสแจ๋วกว้างขนาดกระโจนลงไปเล่นให้เหมือนโลมาก็ยังได้ คนสร้างที่นี่ฝีมือจริงๆเลย เขามองไปรอบๆอย่างตื่นเต้นก่อนจะสะดุดสายตากับบางสิ่งที่ลอยอยู่กลางน้ำ
‘คนจมน้ำ’ความคิดแรกของเขาคือมีคนอยู่ในอันตราย เด็กหนุ่มถลาลงไปหาทันที ดีที่มันลึกแค่เอวเท่านั้น รติกรลุยน้ำลงไปหารีบคว้าแขน อีกมือช้อนใต้คอยกขึ้นมาทั้งตัว “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
ดวงตาสีฟ้าลืมตาโพลงมองเขาทันที
“มีเรื่องอะไรกัน?” คาริคโผล่มาพอดี
“คาริค เขาจมน้ำ มาช่วยหน่อย”
“ใครจมน้ำกัน” อีกฝ่ายถามเสียงขุ่น อ้าว?? ไม่ได้จมน้ำหรอกหรือ เขาหันกลับมามองคนในวงแขนอีกที ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบกลางๆ ผมสีดำสั้นยกศกเล็กน้อย ผิวสีแทน ใบหน้าออกทางยุโรป โดยเฉพาะดวงตาสีฟ้าใสนั้นฉายแววขุ่นเคืองจัด รติกรรีบปล่อยมือแล้วขึ้นจากน้ำเลย
“เจอกันก็ดีแล้ว จะได้แนะนำให้รู้จักเลย นี่คือคนที่จะมาเป็นคู่ของคุณ” เล่นแนะนำแบบนี้ทำเอาขนลุกเลย ร่างเล็กขึ้นไม่ถึงฝั่งดีก็ต้องตัวแข็งหยุดอยู่อย่างนั้น เขาเห็นสีหน้าชอบใจของคาริคแล้วถึงรู้ว่าอยากแกล้งให้ตกใจเล่น น่าโมโห...แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจ ตอนนี้เขาต้อง....เผชิญหน้ากับทุกสิ่งอย่างเข้มแข็งเท่านั้น
รติกรหันกลับมามองแล้วต้องร้อง โอ้โฮะ! ในใจ อีกฝ่ายลุกขึ้นเดินลุยน้ำมาหา หยาดน้ำไหลลงตามเนื้อตัวเปลือยเปล่ามีเพียงกางเกงว่ายน้ำสีดำแนบเนื้อ หุ่นงี้ยังกะนายแบบเพลย์บอย โดยเฉพาะซิกแพ็กนั้นสวยมากแถม....
เด็กหนุ่มเหล่มองเบื้องล่าง พ่อเจ้าประคุณรุนช่อง...ห่อหมกพองเบ้อเร่อเหิ่ม ยังกะไส้กรอกเยอรมันมายืนเทียบกับเขาที่กลายสภาพเป็นแหนมตากแห้งไปเลย แค่เห็นก็อายแล้ว เขาเบือนหน้ามองไปทางอื่นพลางยกมือปาดเหงื่อที่หน้าผาก ไม่กล้ากลืนน้ำลายเลย จู่ๆนิ้วแข็งๆจับปลายคางเขาหันมามองสบตา
“นี่เหรอที่ว่าเลือดแท้น่ะ.....ขี้เหร่ชะมัด” นิ้วแข็งๆพลั่กหน้าเขาซะหงายเงิบ เซไปชนคาริค ไม่เจ็บก็จริงแต่เจ็บใจมากกว่า เจอหน้าไม่ถึงนาทีเลย มันกล้าดียังไงมาว่าเขาขี้เหร่
รติกรยังไม่ทันจะได้อ้าปากด่าสักคำ อีกฝ่ายก็เดินหนีไปซะก่อน บ๊ะ....เก็บไว้ด่าวันหลังก็ได้ เขาหันมามองตามร่างสูงกว่าหยิบเสื้อคลุมมาสวม
“แล้ว.....จัดการไปถึงไหนแล้วล่ะ”
“เขาได้รับเข็มแรกไปแล้ว ภายใน5 เดือนก็พร้อมสำหรับท่าน” คาริคว่า คนฟังข้างๆกลับใจหายวาบ นี่พูดถึงเขาอยู่หรอกหรือ ดวงตาสีดำเหลือบมองคนที่กำลังถูกจัดให้เป็นคู่ของเขา เวลานี้น่าจะพูดให้เคลีย์ไปเลยว่า เขาไม่....
“ท่านคือ เจ้าชาย ซาฮาห์ ฮัสซาล จารีฟ ส่วนทางนี้....”คาริคผายมือให้เขาแนะนำตัวเอง
“ผม....รติกร...เนย...หรือจะเรียกว่ารีสก็ตามใจ คือ ผม..”
“เนย์หรือ” สายตาคู่นั้นมองพิจารณาแปลกๆ
“คาริค...” เสียงตะโกนขัดจังหวะการสนทนา รติกรนึกโมโหที่โดนขัดจังหวะอยู่เรื่อย แต่พอเห็นหน้าบูดบึ้งไม่สบอารมณ์ของผู้ชายร่างสูงใหญ่แล้วนึกกลัว ต้องถอยห่างอยู่ข้างหลังคาริคอีกหน่อย
“ท่านพี่”
“ท่านซาอิท”
“ทำไมเรื่องมันถึงเป็นอย่างนี้ พระชนนีมีรับสั่งว่าจะให้ฉันได้สืบทอดทายาทก่อน แต่ทำไมกลายเป็นเขาก่อน” คนๆนั้นชี้หน้าคนหนุ่มกว่า ชื่ออะไรนะ... รติกรมองการสนทนาอยู่ห่างๆแต่ก็เงี่ยหูฟังทุกคำ
“เป็นพระบัญชาของสุรต่านเอง ผมทำตามรับสั่ง”
“พี่ไม่ได้โกรธเรานะจารีฟ” เขาหันมาบอกซึ่งคนน้องพยักหน้ารับรู้ “แต่พี่25 แล้ว พี่รอมานานส่วนเราเพิ่ง 17เท่านั้นจะรีบไปทำไมจริงไหม”
“ห๋า?? 17 เองเหรอ” เด็กหนุ่มหูพึ่งอุทานออกมา เด็กกว่าเขาเสียอีก
“ใครน่ะ?” ผู้มาใหม่มองเขาเขม็ง รติกรใจหายมองสองพี่น้องที่ไม่เหมือนกันเลยสลับไปมา คนหนึ่งไว้หนวดผิวเข้มหน้าตาอาหรับชัด อีกคนหน้าเกลี้ยงเกลาออกทางยุโรป ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้เลยว่าเป็นพี่น้องกัน
“แม่ของลูกเรา” เด็กหนุ่มอ่อนวัยกว่าว่า คนที่ได้ยินใจหายเป็นครั้งที่สอง พูดแบบนี้หมายความว่า....เขาจะต้องมีลูกให้ทุกคนที่เห็นหน้าเลยหรือไร
“เหรอ....เขาพร้อมหรือยังล่ะ”
“ท่านซาอิท หยุดนะเขาจะเป็นของท่านจารีฟตามรับสั่งฝ่าบาทนะ” คาริคว่าแต่สองหนุ่มไม่สนใจฟังที่เขาพูดเลย
“ยัง อีกร้อยกว่าวันถึงพร้อม”
“งั้นพี่พาเขาไปทำความรู้จักกันก่อนดีกว่า จะได้สนิทสนมกันเร็วขึ้น”
“ตามสบาย” สองพี่น้องพูดคุยเหมือนกำลังยกเสื้อผ้าหรือรองเท้าให้ใส่กันง่ายๆ รติกรอ้าปากค้าง เขาไม่ทันจะพูดอะไร ซาอิทก็ตรงเข้ามารวบเอวบางยกขึ้นพาดบ่าทันที
“ท่านซาอิท”
“หยุดนะ...วางผมลง!!!!”
โปรดติดตามตอนต่อไปจ้า