หลังจากนั่งจมอยู่กับความมึนงง อึมครึมของอารมณ์ตัวเอง (และอารมณ์ของน้องรัน) สักพัก ผมก็ขึ้นมาอาบน้ำชำระกายให้ตัวเองสดชื่นขึ้นบ้าง
“แหมกว่าจะขึ้นมาได้นะ นั่งส่องไอ้รันในเฟสฯ ไปถึงไหนแล้วล่ะ”
“ก็ไปดูรูป อ่านเม้นท์อะไรเฉยๆ กูไม่ผิดกฏหรอกน่า ไม่ได้โพสต์อะไร หรือคุยกับน้องมึงแม้แต่ประโยคเดียว” ผมถอนหายใจ ก่อนจะเดินผ่านหน้ามันไปหยิบผ้าเช็ดตัว แล้วเดินเข้าไปชำระร่างกาย
ออกจากห้องน้ำมา ไอ้รินก็ยังนั่งหัวโด่อยู่หน้าโน้ตบุค ไอ้นี่ทำงานไม่รู้จักเวล่ำเวลา นอนดึกตื่นเช้าแบบนี้ทุกวันไม่ทันแก่ได้หน้าเหี่ยวแย่
“มึงมุ่งมั่นกว่าที่คิดนะเนี่ย” เฮ้ยยย ตกใจเลย กำลังนินทาด่ามันอยู่ในใจ อยู่ดีๆ ก็เสือกพูดโพล่งออกมาซะงั้น
“หะ ว่าไงนะ” มัวแต่ตกใจ ไม่ได้ตั้งใจฟัง
“กูบอกว่า มึงมุ่งมั่นกว่าที่คิด หมายถึงเรื่องไอ้รันน่ะ ไม่คิดว่ามึงจะลดละเรื่องเจ้าชู้ได้จริงๆ” ผมหันไปยิ้มให้มัน ไม่ได้ตอบอะไรออกไป แอบแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันนั่นแหละ ที่ทำตัวอยู่ในลู่ในทางได้จริงๆ
“ถามจริงๆ อีกทีนะภพ ณ ตอนนี้ มึงรู้สึกยังไงกับน้องกู มึงมีคำตอบให้กับตัวเองได้รึยัง”
“อืม คิดว่ามีนะ” ผมนั่งลงข้างๆ ไอ้ริน มือยังคงถือผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมไปด้วย
“คืออะไร? คำตอบของมึงน่ะ” ผมหยุดมือที่เช็ดผม ขยับตัวหันข้างไปหาไอ้ริน ตั้งหน้าตั้งตัวให้ดูจริงจัง ไอ้รินเองก็ละมือจากงานตรงหน้า หันมาเผชิญกับผม เหมือนรอฟังอย่างจดจ่อ
“จริงๆ กูควรจะต้องบอกน้องมึงไม่ใช่เหรอ ตั้งอกตั้งใจฟังซะอย่างกับกูบอกรักมึงยังงั้น” แล้วผมก็ได้รับม้วนกระดาษเอกสารใกล้มือไอ้รินถวายเข้ากลางแสกหน้า ไม่แรงแต่ก็พอสะดุ้ง
“มึงคิดว่า ถ้าไม่ผ่านกู มึงจะมีโอกาสไปถึงไอ้รันหรือไง… อย่าลีลา รีบพูดมาเร็ว” รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไร้หนทางจริงๆ ก็วันนี้แหละ
“…กูว่า กูรักน้องมึง…” ผมเลือกพูดออกไปตรงๆ ตามสิ่งที่ประมวลมาแล้วทั้งหมดสามเดือน ว่าไอ้อาการที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับผม มันคือการตกหลุมรัก
“มึงแน่ใจได้ยังไงว่ารักไอ้รัน โอเคสามเดือนที่ผ่านมามึงอาจจะปรับปรุงตัวแล้ว แต่มึงจะแน่ใจในตัวเองได้ยังไงว่า ทุกสิ่งที่มึงพยายามทำไป ไม่ใช่เพราะมึงต้องการเอาชนะเกมนี้ให้ได้ ผู้ชายก็เหมือนนักล่า แล้วยิ่งถ้าเป็นผู้ชายเจ้าชู้ ก็ยิ่งเหมือนสิงโตป่าที่มีทั้งกำลัง สมอง และเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ยอมหมอบรอคอยจนกว่าเหยื่อที่หมายตาจะตายใจ… มึงคิดว่าตัวเองไม่ใช่สิงโตป่าหรือไงไอ้ภพ”
“อืม… กูเป็นสิงโตป่าที่ไม่เคยปราณีลูกแกะ แต่กูก็ขอให้นายพรานอย่างมึงปราณีและเชื่อใจกูบ้างเถอะ… ริน กูเป็นเพื่อนมึงมาทั้งชีวิตนะ มึงคิดว่ากูระยำขนาดเพื่อนอย่างมึงยังไว้ใจและให้โอกาสกูไม่ได้เชียวเหรอ ถึงกูจะเหี้ยห่ากับใครมาบ้าง แต่กับมึงที่เป็นเพื่อนรักกู กูไม่เคยแม้แต่จะคิดร้าย สักนิดก็ไม่มี ถ้ามึงยังคงคิดว่ากูทำไปเพราะอารมณ์อยากเอาชนะ หรือคิดไม่ซื่อ กูก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี เพราะขนาดการกระทำที่กูทำให้เห็นมึงยังไม่เชื่อ กับอีกแค่ลมปากมาพูดให้มึงเชื่อก็คงไม่ได้ผล”
“ฉันขอโทษ… ฉันจะให้ไอ้รันเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้เองก็แล้วกันนะ ขอให้ขึ้นอยู่กับมัน เพราะฉันได้ทำหน้าที่ของฉันไปแล้ว” เวลาไอ้รินมันรู้สึกผิดหรืออยากจะง้อผม มันมักจะพูดจาดีกับผมเสมอ เรียกตัวเองว่าฉันบ้าง เราบ้าง งดเว้นกูมึง แสดงว่ามันรู้สึกผิดจริง
“แล้วเรื่องระหว่างเราล่ะ จะอธิบายให้รันเข้าใจยังไง” อันนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ผมค่อนข้างกังวลมากๆ
“เอ่อ… เรื่องนี้… อืมม… เดี๋ยวฉันจัดการเอง แกไม่ต้องเป็นห่วง” ไอ้รินดูอ้ำอึ้งแปลกๆ จนผมอดวิตกไม่ได้ หรือเรื่องมันจะไม่ง่ายอย่างที่คิด
“ขอบใจว่ะ… ฉันรักแกนะ” ผมเขยิบเข้าไปดึงไอ้รินเข้ามากอด ไม่ใช่แบบพิศวาส ไม่ต้องจิ้นกันนะ แต่ผมกับมัน มักกอดปลอบกันแบบนี้เสมอ
“อืม!!!” อาการพยักหน้าน้อยๆ แถมเชื่องเป็นลูกแมวแบบนี้ แสดงว่ามันยอมรับแล้วจริงๆ แต่ไอ้รินเป็นคนที่ชอบคิดมาก คิดเยอะ ยิ่งเรื่องยิ่งร้ายแรง มันก็จะยิ่งคิดๆๆๆ แล้วก็เครียด แต่มันจะไม่มีทางปริปากบอก หรือบ่นออกมาเป็นอันขาด เรื่องไหนที่มันบ่นๆ แสดงว่าเรื่องนั้นมัน ‘เอาอยู่’ จริงๆ ไม่ใช่ดีแต่ปาก (เอิ้กกกก เปล่าประชดใครนะ)
…………………………
…………………………
ผ่านจากวันที่ผมออนไลน์เจอน้องรันในเฟสบุคมาเกือบอาทิตย์ ผมก็ยังคงเฝ้ามองความเคลื่อนไหวของน้องอย่างเงียบๆ มาโดยตลอด ถึงแม้ไอ้รินจะเปิดทางให้ผมกลายๆ ว่าให้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับรัน ซึ่งนั่นก็หมายถึงผมก็น่าจะสามารถทัก โทร หรือมีปฏิสัมพันธ์กับน้องรันได้บ้าง แต่ผมเลือกที่จะเงียบไว้ก่อน เพราะหนึ่ง ผมยังไม่รู้ว่าตอนนี้น้องต้องการอะไรกันแน่ และสอง น้องอาจจะยังไม่รู้เรื่องระหว่างผมกับไอ้ริน ถ้าขืนผมโพล่งออกไปตอนนี้ ทุกอย่างมันอาจจะยากขึ้นก็เป็นได้
อีกสามวันผมต้องบินไปมิลานเพราะมีแฟชั่นวีคที่นั่น ผมในฐานะบรรณาธิการและเจ้าของสำนักพิมพ์ ได้รับเชิญไปงานนี้ทุกๆ ปี ซึ่งไม่รวมแฟชั่นวีคของประเทศอื่นๆ ปกติถ้าเป็นประเทศในแถบเอเซีย ผมจะให้บรรณาธิการฝ่ายแฟชั่นไป แต่ถ้าเป็นมิลาน ปารีส ผมมักจะต้องไปด้วยตัวเอง
ผมอดจะดีใจจนเนื้อเต้นไม่ได้ที่ผมจะได้ไปอิตาลี แม้รันจะอยู่ฟอเรนซ์ แล้วผมไปมิลาน แต่ไม่ใช่เรื่องยากที่ผมจะไปหา ยิ่งอยู่ประเทศเดียวกันยิ่งสบายเข้าไปใหญ่… แต่มันก็ดั๊นมีเรื่องให้หงุดหงิดเกิดขึ้นจนได้ ผมดันมาป่วยเข้าน่ะสิครับ
อยู่ดีๆ เมื่อคืนก็มึนๆ หัว ตอนแรกคิดว่าเพราะนอนดึกเคลียร์ต้นฉบับมาหลายคืน และมีเรื่องผลประกอบการ เรื่องยอดขาย เรื่องโฆษณาที่ลดลง เป็นปัญหาให้ผมต้องจัดการแก้ไขโดยด่วน ผมเลยค่อนข้างเครียดๆ กะว่านอนซะ ตื่นขึ้นมาก็คงจะหาย เมื่อคืนเลยเข้านอนแต่หัวค่ำ
ตื่นเช้ามา กลับไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ กลายเป็นผมไข้ขึ้นสูงซ้ำ แต่ไม่ได้เป็นไข้หวัด หรือมีน้ำมูก ผมว่าเพราะร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันเลยต่ำลง เช้านี้เลยตัดสินใจที่จะไม่ไปทำงาน นอนพักเอาแรงให้หายดีกว่า ถ้าเป็นหนักเดี๋ยวจะชวดทริปอิตาลี่ซะก่อน
ผมตื่นขึ้นมาตอนสายๆ ตะเกียกตะกายไปหาอะไรรองท้องก่อนจะทานยา เมื่อเช้าผมก็ไม่ได้บอกไอ้รินว่าผมป่วย เดี๋ยวบ่ายๆ ค่อยโทรไปบอกมัน ให้มันซื้ออาหารคนป่วย กับยามาให้เพิ่ม… สิ้นความคิดสุดท้ายที่ว่าจะตื่นขึ้นมาโทรหาไอ้รินตอนบ่าย ผมก็ตัดขาดจากสติสัมปชัญญะ ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนท้องฟ้าข้างนอกเปลี่ยนเป็นสีดำไปแล้ว
ผมค่อยๆ พาตัวเองเดินเอื่อยๆ ลงไปข้างล่าง ป่านนี้ไอ้รินมันคงกลับมาแล้ว… ก้าวลงมาเกือบจะถึงขั้นสุดท้าย ก่อนจะเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ห้องนั่งเล่น ผมก็ได้ยินเสียงคนคุยกัน น่าจะเป็นเสียงไอ้รินกับน้องหนู จากมุมบันไดตรงนี้ กับน้องนั่งเล่น ไม่ได้ไกลกันนัก ทำให้ได้ยินเสียงคนสนทนาค่อนข้างชัดเจน แม้จะกระซิบกันเบาๆ แต่ด้วยความเงียบของบ้าน ทำให้พอจะได้ยินอยู่บ้าง
ผมกำลังจะก้าวขาเลี้ยวออกไปทักทายคนทั้งคู่ แต่ประโยคสนทนาที่ผมกำลังได้ยินอยู่นี้ ทำให้ผมต้องชะงักเท้า แล้วยืนพิงหลบมุมอยู่ตรงบันไดเพื่อฟังคนทั้งคู่คุยกันเรื่อง ‘ผม กับ น้องรัน’
“พี่รินไม่กลัวพี่ภพโกรธเหรอถ้ารู้ความจริง” เสียงของน้องหนูดังถามไอ้ริน ในประโยคนี้มีชื่อผมอยู่เต็มๆ แล้วมันเรื่องอะไรที่ถ้าผมรู้แล้วผมจะโกรธ
“ไม่หรอก ไอ้ภพมันรักไอ้รันจะตาย สามเดือนที่ผ่านมา มันก็พิสูจน์ตัวเองให้เห็นแล้วว่ามันรักไอ้รันจริงๆ พฤติกรรมก็เปลี่ยนไปในทางที่ดี เลิกเจ้าชู้ ไม่ค้างนอกบ้านเลยด้วยซ้ำ นอกจากต้องค้างออฟฟิศ… และถึงตอนนั้้นถ้ามันจะรู้ความจริง มันก็น่าจะเข้าใจว่าที่ไอ้รันทำไป เพราะไอ้รันรักมัน แต่พี่รินว่าเรื่องนี้ไอ้ภพไม่รู้หรอก ถ้าเราไม่พูด ไอ้รันไม่พูด แล้วมันจะรู้ได้ยังไง”
“ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะคะ น้องหนูไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมน้องรันต้องวางแผนซะขนาดนี้ด้วย แค่รักกันมันก็จบแล้วไม่ใช่เหรอคะ น้องหนูไม่ชอบวิธีที่มาล้อเล่นกับความรู้สึกคนอื่นแบบนี้เลย” เฮ้ย ผมยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่ว่าอะไร
“น้องหนู น้องหนูมองโลกในแง่ดีเกินไป พี่รินก็ไม่ได้จะสนับสนุนไอ้รันหรอกนะ แต่น้องหนูต้องเข้าใจ คนมันรักของมันมาตั้งนานแล้ว แถมไอ้คนที่มันรัก เค้าก็ยังไม่รักมัน พอเจอตัวมัน ก็เหมือนจะแค่ใคร่ในร่างกายมันเท่านั้น มันจะแน่ใจได้ยังไงว่าตอนนี้ไอ้ภพเลิกใคร่ในตัวมัน แล้วมารักมันแล้วล่ะ… น้องหนูก็รู้ว่าไอ้รันน่ะเป็นเด็กชอบวางแผน ชอบคิดนั่นคิดนี่แล้วก็ทำอะไรแปลกๆ ไม่ใช่ว่าพี่รินไม่ห้าม แต่พี่รินห้ามแล้วมันไม่ฟัง แถมมันยังมีเหตุผลต่างๆ นานา มาทำเอาเราคล้อยตามไปด้วย เลยต้องตกกระไดพลอยโจนช่วยมันนี่แหละ”
“เฮ้อออ น่าตีจริงๆ เลยทั้งพี่ทั้งน้อง… นี่น้องหนูเริ่มสงสารพี่ภพแล้วนะคะเนี่ย… เออพูดถึงพี่ภพ พี่รินไม่ขึ้นไปปลุกพี่ภพสักหน่อยเหรอคะ เมื่อตอนเย็นที่เราขึ้นไปดูกัน พี่ภพยังมีไข้อยู่เลย น้องหนูว่าปลุกขึ้นมาทานข้าวทานยา แล้วเช็ดตัวสักหน่อยจะดีกว่านะ เดี๋ยวน้องหนูไปเตรียมอาหารให้ พี่รินขึ้นไปปลุกพี่ภพเถอะ”
ตอนนี้ผมงงมาก ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ไอ้รินกับน้องหนูพูดเกี่ยวกับเรื่องโกหกนั้น มันครอบคลุมไปถึงเรื่องไหนบ้าง อะไรคือการวางแผน สรุปว่าเรื่องทั้งหมดนี้ ใครหลอกอะไรผมกันแน่?
“อุ้ย!!! อ้าว…เออ แก ไอ้ภพ แก เออ ลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ละ แล้ว ไข้แก เป็นยังไงบ้าง… มาๆ มานั่งก่อนนะ” ไอ้รินมันคงจะเดินขึ้นบ้านไปตามผม บังเอิญมาเจอผมยืนพิงกำแพงอยู่ตรงบันได มันสะดุ้งสุดตัว เบิกตากว้างอย่างตกใจ แถมประโยคที่เอ่ยออกมายังตะกุกตะกัก ไม่สมกับเป็นคุณริน รองประธานบริษัทผู้เก่งกล้าเลย
“ริน… แกมีอะไรจะต้องบอกฉันรึเปล่า” ผมเดินตามแรงพยุงของไอ้ริน ที่มันค่อยๆ พาผมไปนั่งที่โซฟารับแขก พอผมนั่งลงปุ๊บ ก็เปิดฉากถามถึงสิ่งที่ผมกำลังถูกปิดบังอยู่ทันที ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างนิ่ง และสรรพนามที่กลับมาเป็นแก ฉัน ก็คงจะเหมือนไอ้ริน ต่างกันตรงที่ ถ้าผมโกรธ หรือโมโห ผมจะไม่ขึ้นมึงกูเหมือนปกติ
เพล้งงงงงงงงง!!!!!
เสียงถ้วยกระเบื้อเคลือบที่บรรจุข้าวต้มไว้ ตกกระทบพื้นหินอ่อนแตกกระจาย เหตุเพราะคนประคองถ้วยนี้ออกมาจากครัว และคงจะตกใจกับอะไรบางอย่าง ถึงขนาดทำถ้วยหลุดมือ…หรือน้องหนูจะตกใจสิ่งที่ผมเอ่ยถามไอ้ริน
“น้องหนู!!! เป็นอะไรรึเปล่า” ไอ้รินตะโกนออกไปอย่างตกใจไม่แพ้กัน
“เอ่อ น้องหนูไม่เป็นอะไรค่ะ เดี๋ยวน้องหนูขอเก็บเศษจานก่อน แล้วเดี๋ยวจะยกข้าวต้มมาให้ใหม่นะคะ”
“เดี๋ยวพี่รินช่วย” ไอ้รินขยับลุกขึ้นจะเดินไปช่วยน้องหนูเก็บเศษจาน แต่ผมดึงมือมันเอาไว้
“น้องหนูเก็บเองได้ เขาเป็นแม่บ้านแม่เรือนกว่าแก เพราะฉะนั้น ปล่อยน้องทำไป แกนั่งลง และคุยกับฉัน…ทุกเรื่อง”
“เออะ เออ…” ไอ้รินยอมนั่งลงตามแรงดึงของผม ที่ไม่เบานัก
“ว่ายังไง…”
“ว่ายังไงอะไร… ฉันก็ไม่มีอะไรจะบอกแกนี่” โอเค ผู้ร้ายมักปากแข็งก่อนเสมออยู่แล้ว
“ริน ขอเถอะนะ แกมองหน้าฉัน แล้วบอกฉันสิว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าแกเนี่ย ยังคงเป็นเพื่อนแกอยู่รึเปล่า ถ้าใช่ ก็ช่วยสงเคราะห์ให้เพื่อนหายโง่หน่อยเถอะ”
“………… แกไม่ได้โง่อะไรเลยภพ คือ… เรื่องทั้งหมด มันเกิดจาก โว้ย ฉันจะเริ่มยังไงดีวะเนี่ย… เฮ้อ โอเคๆ เรื่องทั้งหมดมันเริ่มจากไอ้รันมันแอบปลื้มแกมาตั้งแต่เด็ก แล้วอาจจะเป็นด้วยฉันที่มักจะพูดเรื่องแกให้มันฟังบ่อยๆ แล้วยิ่งเรื่องที่…เออ ที่แกยอมแต่งงานกับฉันหลอกๆ เพื่อให้ฉันได้รักกับน้องหนูต่อไป ไอ้รันมันก็ยิ่งมองแกเป็นพ่อพระสุดๆ ทั้งๆ ที่แกเองก็ได้ผลประโยชน์เหมือนกัน แต่มันก็บอกว่า แก่เป็นคนดี เสียสละความสุขของตัวเองเพื่อเพื่อน มันก็เลยหลงรักแกเข้าให้แล้ว”
“นี่อย่าบอกนะว่า รันรู้มาตลอดว่าแกคบกับน้องหนู แล้วแกก็แต่งงานกับฉันแบบหลอกๆ”
“อืม… รู้ ทุกอย่าง” ผมไม่รู้จะสะกดกั้นอารมณ์ตัวเองไว้ได้อีกนานแค่ไหน ตอนนี้เหมือนทั้งหน้า ทั้งหู มันร้อนจนแทบจะระเบิด สรุปว่าผมแม่งเป็นไอ้งั่งของแท้เลยใช่ไหม
“แล้วทำไม ไม่มาคุยกันดีๆ ทำไมถึงต้องสร้างเรื่องทุกอย่างว่าไม่รู้อะไร ทำไมวะ นี่เค้ารักฉันจริงๆ หรือว่าทุกอย่างมันคือเรื่องสนุกกันแน่” ผมชักจะไม่แน่ใจแล้วสิ
“แกคิดนะภพ ถ้าเกิดว่ามันเข้ามาคุยกับแกปกติ มันมาแบบเป็นน้องรันที่รู้ว่าพี่สาวกับพี่เขยมันแต่งงานกันหลอกๆ แล้วบังเอิญไอ้้พี่เขยก็ดันต้องตาน้องเมียอย่างมันขึ้นมา แถมน้องเมียก็ยอมมีใจพลีกายให้พี่เขยไป สรุปน้องฉันเสียทั้งตัวทั้งหัวใจให้กับแก แต่ไม่ได้ทั้งตัวและหัวใจแกมาครอบครองเลย แกคิดว่าไอ้รันมันจะยอมเป็นแบบนี้ไหมล่ะ”
“รันมันไม่ใช่คนโง่… แม้การกระทำของมันอาจจะดูเหมือนหลอกลวง แต่สิ่งที่มันทำไปทั้งหมด ก็เพื่อให้แกได้พิสูจน์ตัวและหัวใจตัวเอง มันพยายามทำทุกอย่างให้แกรักมันไม่ใช่ต้องการแต่ตัว และอีกสิ่งสำคัญที่ฉันยอมช่วยและสนับสนุนมันก็เพราะ ฉันอยากจะดัดนิสัยเจ้าชู้ยักษ์ รักไปทั่วของแก… ถ้าสองคนได้คบกันแล้วจะต้องเลิกกันในอนาคต ฉันก็อยากให้มันเป็นเหตุผลอื่น ที่ไม่ใช่เกิดจากการนอกใจ”
“น้องฉันมันก็อยู่ไกล กว่ามันจะเรียนจบอีกหลายปี คบกันระยะไกลแบบนี้ก็ลำบากพอตัวอยู่แล้ว แล้วถ้ายังคบกันทั้งๆ ที่พกความระแวงเข้าไปด้วย มันจะมีความสุขหรือไง”
ผมได้แต่คิดตามคำพูดของไอ้ริน มันก็จริงอย่างที่มันพูด แต่ยิ่งทำแบบนี้ มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่ และทำให้ผมรู้สึกว่า เค้ามองว่าผมไว้ใจไม่ได้เลยตั้งแต่ต้น ก็เลยเล่นกับความรู้สึกของผม โดยที่ไม่คิดว่าผมจะรู่สึกยังไง… แม้จะมีเหตุผลของการโกหก และเหตุผลก็ค่อนข้างฟังขึ้น แต่ คงไม่มีใครชอบที่ตัวเองโดนหลอกหรอกครับ
“ในเมื่อถ้าฉันมันดูแย่ ดูเลวขนาดนี้แกก็ไม่ควรให้น้องแกมาชอบฉันตั้งแต่แรก แกควรจะห้ามเค้า ไม่ใช้ปล่อยให้น้องตัวเองมาสร้างเรื่องหลอกคนอื่นแบบนี้ เข้าใจว่าเจตนาดี แต่ขอโทษเถอะนะ ตอนนี้มันยิ่งทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นหมายังไงก็ไม่รู้ ต้องมาดัดนิสัยก่อนเลี้ยง หึหึ เกิดมาจะสามสิบปี เพิ่งเคยรู้สึกแย่กับตัวเองสุดๆ ก็วันนี้เนี่ยแหละ”
“ไม่ใช่ฉันไม่เคยเตือน แต่ไอ้รันมันก็เป็นประเภทมุ่งมั่นเกินเหตุ อยากทำอะไรก็ต้องทำให้สำเร็จ” ไอ้รินอธิบายเสียงอ่อย มันคงรู้สึกได้ว่าผมกำลังโกรธและไม่พอใจจริงๆ
“อ๋อ เพราะน้องรันต้องทำให้ได้ และแกห้ามน้องไม่ได้ คนที่ตกเป็นเหยื่อก็คือไอ้ภพสินะ ถามจริง ฉันยังเป็นเพื่อนแกอยู่รึเปล่าวะริน แกทำเหมือนฉันเป็นอะไรสักอย่าง ที่จะต้องปั้นต้องฝึกให้เหมาะสมกับน้องแก”
“มันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ไม่มีใครมองว่าแกเป็นไอ้โง่ไอ้งั่ง ทุกอย่างที่ทำเพราะเจตนาดีทั้งนั้น แกอย่าเพิ่งเหวี่ยงได้ไหม” ยังมีหน้ามาขอให้เลิกเหวี่ยง
“ฉันจะไปนอนคอนโด” ผมไม่พูดอะไรต่อ รีบลุกขึ้นเดินหนี จากหางตาก็เห็นน้องหนูยืนร้องไห้อยู่ไกลๆ คงจะไม่เคยเห็นผมกับได้รินทะเลาะกันแบบนี้
“ภพ… ภพ ไอ้ภพ… ภพ แกฟังก่อนสิวะ ภพ ฉันขอโทษ ภพ” ไอ้รินพยายามเดินตาม แต่ผมก็ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น มันพยายามดึงมือ ดึงแขนผมไว้ ผมก็ทำเพียงเกร็งและดึงแขนตัวเองให้ออกจากการเกาะกุมของมัน ก่อนจะเดินหนีไปเก็บเสื้อผ้าสองสามชุดในห้องนอน แล้วเดินไปที่รถโดยไม่ฟังเสียงเรียกของไอ้ริน และเสียงร้องไห้ของน้องหนู
ตอนนี้ผมขออยู่กับข้อมูลที่เพ่ิงได้มาใหม่ในวันนี้คนเดียว ขอใคร่ครวญมันอย่างเงียบๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด และผมหวังว่า ผมจะได้คำตอบและทางออกที่ดีที่สุดในเร็ววัน…
+++++++++++++++++++++
+ ในที่สุด เราก็รับรู้ถึงพฤติกรรมประหลาดของน้องรัน จริงๆ เธอรู้ทุกเรื่อง แต่ที่ทำแบบนี้เพราะมีแผน
+ ไม่รู้อ่านตอนนี้แล้วติดๆ ขัดๆ อะไรบ้างไหม ห่างไปซะสองเดือนกว่า มาต่อก็ไม่ค่อยติด เขียนๆ ลบๆ อยู่สามสิบตลบ กว่าจะจบมาเป็นตอนนี้ ถ้าหากมันน่าเบื่อๆ หรือดูขัดๆ ยังไงก็ขออภัย และติดชมกันได้นะคะ
+ ตอนหน้าเราจะให้น้องรันออกมาพูดกันบ้างแล้วค่ะ ทุกความรู้สึกนึกคิดของรัน เจอกันตอนต่อไปจ้า (ไม่สัญญาว่าจะมาเร็ว แต่จะพยายามที่สุดค่ะ)
+ เรื่องรวมเล่มน้องเลิฟ ตอนนี้เลย์เอาท์ไปได้เกือบหมดแล้วค่ะ กำลังปั่นตอนพิเศษให้อยู่นะคะ จุ๊บุ จุ๊บุ
+ ส่วนไอ้ผัวเมียสองตัวนั้น เจอกันเต็มๆ ได้ในเร็ววันนี้จ้า... แต่ถ้าใครคิดถึงเบาๆ ก็แวะเข้าไปอ่านแบบสั้นๆ ได้ที่เฟสฯ นะคะ
+ อย่าลืมว่า แอดไปแล้ว มาทักทายกันสักหน่อยนะคะ และที่สำคัญ อย่าส่งเกมมาค่า เค้าไม่เล่นเกมนะ
+ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งค่ะ จุ๊บบบบบบ