Halloween
บรู้ววววววววววววววววววววววววววววววววววว “โอ๊ยไอ้หมาเชี่ยนี่ มึงจะหอนอะไรนักหนา แม่งดูทีวีไม่รู้เรื่อง”
“มึงนี่ด่าได้กระทั่งหมานะ พวกเดียวกันแท้ๆ”
“ภคิน...” ผมกดเสียงต่ำข่มขู่ พร้อมกับยกรีโมตขึ้นมากดเร่งเสียง นี่มันแย่พอๆกับเด็กแว้นออกมาซิ่งตามทางด่วนตอนกลางคืนอีกนะเนี่ย “หมาไอ้บ้านรั้วฟ้านั่นแน่ๆ คอยดูนะกูจะไปวางยาเบื่อมัน”
“ฆ่าพวกเดียวกันเองบาปนะ”
“งั้นเปลี่ยนมาฆ่ามึงซะดีมั้ย........”
“ฆ่าผัวบาปกว่าฆ่าหมาอีกนะ”
“โว้ย! กูไม่เถียงกะมึงแล้วภคิน....เสียเวลาว่ะ” ผมหันกลับไปสนใจหนังในทีวีดีกว่า “กำลังไคล์แม็กซ์เลย มึงว่าพระเอกมันจะรอดมั้ยวะ”
ผมกำลังหมายถึงหนังฟอร์มเละที่โลดแล่นอยู่ในจอรับเทศกาลฮาโลวีนนี่แหละครับ หนังบ้าอะไรไม่รู้เลือดสาดหนังหัวขาดกระจุยกระจาย โชคดีที่มันเป็นช่องเคเบิ้ลของที่หอพักติดไว้ นี่ถ้าออกบิ๊กซีนีม่าผมคงได้เห็นสี่เหลี่ยมศีลธรรมเบลอเต็มหน้าจอ
“ตามพล็อทเรื่องมันก็ต้องเหมือนจะรอด แต่เสือกมาตายแบบไม่น่าตายตอนจบ” ไอ้พระเอกให้ความเห็นพลางเอนหลังนอนราบไปกับโซฟา “แล้วมึงดูไว้...ถ้าคนมีครอบครัวมันจะตายก่อนจะได้สร้างดราม่า ตามด้วยไอ้พวกอวดดีท้าทาย อ๊อ...ผู้หญิงนมใหญ่กับสัตว์เลี้ยงด้วย กูเห็นไม่รอดสักราย”
“ที่มึงพูดมานั่นกูว่าตายห่าหมดเรื่องละ”
“เอ้า! ไม่เชื่อรอดูเลย....เห็นไอ้หมาชิวาว่าแอ๊บแบ๊วนั่นมั้ย โดนผีแดกแน่มึง” ผมมองตามแล้วก็แอบเห็นด้วยกับมัน
เสียงใบเลื่อยดังเสียดหูเกือบทั้งเรื่อง คือมันไม่ใช่แนวผีแบบจับต้องไม่ได้มาหลอนๆอะไรแบบนั้น นี่มันผีซอมบี้เละๆแดกคนแบบไร้สมองชัดๆ แดกจนจะหมดเรื่องอยู่แล้วแม่ม...
“อ้าว...ไม่ดูต่อแล้วเหรอ กำลังเละเป็นซอสมะเขือเทศเลยนะมึง”
“ผีไม่มีคลาสเลยว่ะ มันไม่น่ากลัวอ่ะ” ผมกดเปลี่ยนช่องหาหนังเรื่องอื่นดู ในขณะที่ไอ้หมานรกก็ยังหอนไม่จบไม่สิ้น กลบเสียงทีวีผมซะมิด ผมขยี้หัวอย่างหงุดหงิดแล้วกดปิดมันซะเลย “บ้านมันเลี้ยงผีรึไงวะ หมาจะหอนอะไรนักหนา”
“ก็วันฮาโลวีนนี่ วิญญาณเขาคงกลับไปเยี่ยมญาติกัน นี่ก็ไม่รู้พ่อจะมาหากูบ้างมั้ย”
“เฮ้ย! ถ้าพ่อมึงจะมาก็คุยกันเองตามประสาพ่อลูกนะ ไม่ต้องเรียกกูไปคุย”
“ได้ไงวะ กูต้องแนะนำลูกสะใภ้สิ มึงต้องมาไหว้พ่อกูด้วย ฮ่า ๆ ๆ”
“เพ้อเจ้อแล้วมึง” ผมผลักหัวมันแรงๆจนแทบร่วงจากโซฟา “กูไปอาบน้ำดีกว่า”
“เชิญ”
ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจเดินเข้าไปเอาชุดนอนกับผ้าเช็ดตัวในห้องแล้วกลับมาเข้าห้องน้ำด้านนอก ภคินกลายเป็นฝ่ายยึดรีโมตแทนผมเรียบร้อย เห็นมันเปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ หาอะไรดูไม่ได้สักที ช่วงเทศกาลก็แบบนี้แหละครับฉายอะไรคล้ายๆกันทุกช่อง ผมลงกลอนล็อกประตูกันผีทะเลข้างนอกบุกเข้ามาปล้นสวาทแบบที่มันชอบแกล้งบ่อยๆ จัดแจงแขวนชุดนอนกับผ้าเช็ดตัวเรียบร้อย
น้ำอุ่นๆไหลชโลมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายตีน การอาบน้ำอุ่นก่อนนอนเป็นอะไรที่สดชื่นสุด ๆ เลย ผมหยิบแชมพูขึ้นมาเทลงบนหัว...
บรู้ววววววววววววววววววววววววววววววววววว พรุ่งนี้กูจะไปวางยาเบื่อมึงจริงๆนะไอ้หมานี่! เพียงแค่เสียงหอนยาวๆก็ทำเอาหัวสมองผมคิดไปต่างๆนานา ที่เขาว่าเวลาอยู่คนเดียวคนมันจะเกิดความกลัวคงเป็นเรื่องจริง ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า...ระ...รู้สึกเหมือนฟองแชมพูบนหัววันนี้มันมากกว่าทุกวัน ภาพคนเกาะอยู่บนเพดานพร้อมบีบแชมพูลงมาบนหัวผมลอยวาบเข้ามาอย่างห้ามไม่ได้....ไม่มั้ง....มันแค่หนังน่าไปป์.....มันคงไม่...
แกร๊ก............
ไฟดับ................................................................................
.........................................................
........................................
....................
“ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย แม่งบ้า บ้าไปแล้วสาดดดดดดดดดดดดด”
“ถึงมึงจะแหกปากไปไฟมันก็ไม่ติดขึ้นมาหรอกนะไอ้แห้ง” ผมตวัดมองคนข้างตัวผ่านความมืด มึงไม่เข้าใจกูหรอกภคิน!! ว่าวินาทีที่ลูกผู้ชายกลัวถึงขีดสุดจนแทบจะหลุดกรี๊ดออกมามันทำกูเสียเซลฟ์แค่ไหน ถึงใครไม่รู้ไม่เห็นแต่กูเสียเซลฟ์เฟ้ย “แล้วนี่แน่ใจนะว่าล้างแชมพูออกหมดแล้ว”
“ถามเฉยๆก็ได้ ยื่นหน้ามาดมทำไมวะ”
“พิสูจน์ไง” กูว่าผีแชมพูยังไม่น่ากลัวเท่านี้เลย...สาบานได้... “กลิ่นมาดามหอมชื่นใจ...กลิ่นมาดามหอมชื่นใจ”
“เชี่ย มุกเก่า!” แล้วมึงจะดัดเสียงเป็นไอ้นกในโฆษณานั่นทำไมเนี่ย โอ๊ย...ปวดหัวเว้ยยยยยยยยยย
ครับ...ที่หอเราไฟดับ ไม่สิเรียกได้ว่าถนนเส้นหลังมอดับมันทั้งเส้นเลยจะถูกกว่าครับ ไอ้ผมที่ออกมาจากห้องน้ำเตรียมไปโวยวายป้าที่ดูแลหอเลยต้องหดหัวกลับไป โทรไปหาการไฟฟ้าแม่งก็ไม่รับสาย..ไหนว่าสว่างทั่วทั้งประเทศไงฟะ
ผมนั่งให้ภคินดมหัวอย่างโรคจิตอยู่บนโซฟาสีเขียวอ่อนตัวเดิม หลังจากโวยวายคอห่านแทบแตกเมื่อกี้ ตอนนี้ก็เริ่มจะตั้งสติได้แล้ว....หายใจเข้าพุทธ....หายใจออกโธ ผมโคตรจะอยากนอนให้มันหลับๆไปแล้วตื่นมาวันพรุ่งนี้ แต่อากาศร้อนของกรุงเทพฯก็ไม่ปราณีผมแม้ในตอนกลางคืน ในห้องนอนร้อนมากครับ...ใครหลับลงแม่งก็บ้าแล้ว เลยต้องมาเปิดประตูห้องกับประตูที่ระเบียงทิ้งไว้เพื่อรับลมอ่อยๆ....แหมช่วยได้มากเลยจริงๆ ขอขอบพระคุณ
“เรามาหาอะไรทำระหว่างรอไฟมาดีมั้ย” เสียงทุ้มๆดังขึ้นเหนือหัวผม...และถ้ากูจับใจความไม่ผิดแม่งดูหื่นกามมาก ผมรีบเอามือยันหนังหน้ามันออกไปไกลๆ
“ไม่เอา..ร้อนจะตายห่า...อื้อ....ไอ้ภคิน! กูบอกว่าให้อยู่เฉยๆไง” มึงจะช่วยหยุดหื่นสักนาทีได้มั้ยวะ....นี่ขนาดไฟดับมืดสนิท มองไม่เห็นกระทั่งลูกตามันจะมาเกิดอารมณ์จากไหนวะ!
บรู้ววววววววววววววววววววววววววววววว เอาเลยมึง....บิ้วกูเลยครับ.....บิ้วกูเข้าไป มึงส่งเจ๊ผีเดอะริงคลานออกมาจากทีวีกูตอนนี้เลยมั้ยครับ? ผมชักจะประสาทเสียหนักกว่าเดิมเมื่อจมูกโด่งๆนั่นมาฟุตฟิตเชี่ยไรแถวคอก็ไม่รู้
“ไม่เอาโว้ย....เหงื่อกูออกหมดแล้ว เพิ่งอาบน้ำมาแท้ๆเนี่ย..เห็นมั้ย”
“ไม่เห็นนะมันมืด....โอ๊ย...” โดนไปหนึ่งดอก เห็นแบบนี้กูก็พิษสงเยอะพอตัวนะเฟ้ย “โอเคๆ....ไม่ปล้ำก็ได้”
แหม...ทำไมมันฟังดูเหมือนมึงให้อภัยกูวะ... แต่ก็ยังดีที่มันเลิกหื่นกลับมานั่งดมหัวผมอีกตามเคย...เชี่ยนี่แม่งโรคจิต มึงติดใจอะไรผมแข็งเป็นฟางข้าวของกูนักหนาวะ
“ไปป์...”
“หือ?....”
“มึงกลัวผีป่ะ?”
“ห๊ะ?... มึงจะมาถามอะไรตอนนี้วะเนี่ย” คือตามปกติผมก็ไม่กลัวหรอกนะ แต่ตอนนี้มันไม่ปกติยังไงก็ไม่รู้สิ..
“กูกลัวผีอ่ะ” มันว่าพลางขยับมาใกล้ผมขึ้น
“อย่ามาตอแหล อยู่กะไอ้อาร์ทมาเป็นชาติ มึงภูมิต้านทานสูงกว่ากูเยอะ” แอบด่าต่อในใจว่าตัวหยั่งกะควาย ผีที่ไหนจะมากล้าหลอกมึงวะ
“งั้นแสดงว่ามึงไม่กลัว ?”
“ก็มันไม่มีจริง” ปากดีอีกกู....เอาสิ๊! ผมแทบจะยกเท้าขึ้นมาตบปากตัวเองเมื่อเจอประโยคต่อมาของไอ้พระเอก..
“เรามาผลัดกันเล่าเรื่องผีดีกว่า....”
“มะ.....”
“หรือว่ามึงกลัว” ผมรู้สึกผ่านความมืดว่าอีกฝ่ายกระตุกยิ้มอย่างท้าทายปลายเท้าที่สุด ซึ่งผมเองก็....
“ก็เอาสิวะ !” เคยมีคนบอกผมเหมือนกันนะ....ว่าบางครั้งความกล้าก็กลายเป็นสิ่งที่โง่ที่สุดได้เหมือนกัน....................................................................
..................................................
.............................
................
“แต่สุดท้ายแล้ว....ก็ไม่เจออะไร กระจกบานนั้นยังคงอยู่ที่เดิม แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? เธอหายไปจากห้องนั้นได้ยังไง? ชายหนุ่มก็ไม่อาจตอบได้.....” อึกกกกกกกกกกกกกกกกกกก.... เสียงกลืนน้ำลายเอื้อกดังพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ไอ้กันนั่งเท้าคางทำหน้าจริงจัง “นี่เรื่องจริงนะมึง พ่อกูรู้จักกับลุงแกด้วย”
“ไอ้เชี่ยยยยยยย พอ! กูไม่ต้องการดีเทล” ผมรีบโวยขึ้นมาก่อนไอ้กันจะพูดอะไรไปมากกว่านี้
“เรื่องกูจบแล้ว....คิวต่อไปไอ้ฟาร์ เชิญน้องเห็ดเด็ดสะระตี่คร้าบบบบบบบบบ” ไอ้โจ้เมีย (?) มันช่วยปรบมือแปะๆเหมือนเด็กสามขวบ ในขณะที่เจ้าของชื่อนั่งงงๆไม่รู้จะพูดอะไรต่อ จนกระทั่งโดนไอ้กันสะกิดนั่นแหละ ฟาร์มันถึงรู้ตัวแล้วขยับตัวเองไปอยู่กลางวงมากขึ้น
หลังจากเผลอปากไวไปรับคำท้าไอ้พระเอกเข้า มันก็จัดแจงโทรตามบรรดาเด็กหอนรกที่อยู่ในสภาพไฟดับไม่ต่างกันมารวมตัวกันที่ห้อง330แห่งนี้ รวมไปถึงไอ้คู่รักอโคจรที่กำลังแดกข้าวกันอยู่ในร้านอาหารใต้แสงเทียนก็ถูกตามตัวมาด้วย ซึ่งผมอยากจะเอาไม้หน้าสามฟาดหน้าไอ้คนโทรมาก มึงเรียกไอ้อาร์ทมาเนี่ยนะ! แถมมันยังเสือกมาเลือกนั่งตรงข้ามผมอีก ฮือออออออออออออ....กูไม่อยากเห็นหน้ามึงไอ้อาร์ท
“ของกู.....มันเป็นเรื่องที่กูเจอมากับตัวเอง” เอ่อ....มึงอย่าบอกว่าเรื่องอิน้องหนูดีนะฟาร์.....กูไหว้ล่ะ มึงอย่าเพิ่งเล่าตอนนี้ พ่อมันนั่งหัวเด่อยู่ตรงนี้ “มันเกิดขึ้นที่บ้านของกูเอง”
“กูไม่ไปบ้านมึงแล้ว” ผมบ่นพึมพำอยู่คนเดียว
ฟาร์ขยับตัวเข้าไปตรงกลางที่พวกเรานั่งล้อมวงกันมากขึ้น แสงสว่างจากเทียนทั้งสามเล่มวูบไหวไปมาตามแรงลมอ่อนๆ “คืนนั้นปลั๊กไฟในห้องนอนกูเสีย....กูเลยต้องลงมาทำงานด้านล่าง...แล้วบ้านกูเนี่ยจะมีศาลบรรพบุรุษอยู่ที่ห้องรับแขก ป๊าม้ากูกับไอ้เนียร์ก็ขึ้นไปหลับบนห้องกันหมดแล้ว เหลือแต่กูนั่งอยู่คนเดียว”
“กูรู้สึกว่ามันวังเวงบอกไม่ถูก....แต่ยังไงก็ต้องทำงานให้เสร็จ กูเหลือบดูนาฬิกาประมาณตีสามกว่าได้แล้ว พอกูส่งเมลเสร็จกูกำลังจะปิดคอม.....” มันกลืนน้ำลายเอื้อก “ป๊ากูเสียบปลั๊กไฟสีแดงที่ตั้งอยู่ข้างศาลทิ้งไว้....กูรู้สึกเหมือน..เห็นอะไรบางอย่างเป็นเงาสะท้อนบนจอคอม...”
“หน้าผู้ชายแก่สีแดง...” เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย...มึงจะพูดแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้เทียนทำไมไอ้ฟาร์! ผมมองไอ้เพื่อนผู้มืดมนที่ตอนนี้หน้ามันเป็นสีส้มจากแสงเทียนกำลังเอ่ยเรื่องเล่าแต่ละคำอย่างเยือกเย็น “กูรีบพับหน้าจอคอมแล้ววิ่งขึ้นห้องไปนอน....พอเช้ามาก็ไปถามป๊าดู....พอกูลองมาคิดดูดีๆแล้ว.....ผู้ชายคนนั้นหน้าเหมือนอากงกูที่ตายไปแล้ว”
ผมเอามือลูบขนแขนตัวเองที่ลุกขึ้นมา “หมายความว่านั่นคือปู่มึง”
“กูก็ไม่แน่ใจ...” ฟาร์ตอบ “แต่ป๊าบอกว่าอากงเป็นคนเข้มงวดมาก.....เขาอาจจะอยากรู้ว่ากูทำอะไรดึกๆดื่นๆ......
ถึงได้ยื่นหน้ามาดู”
บรู้วววววววววววววววววววววววววววว “.........................” ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสงบ ไม่ไหวแล้วแฮะ...ปกติผมไม่ใช่คนกลัวผีอะไรเลยนะ แต่บรรยากาศมันเป็นใจให้คิดอะไรไปต่างๆนานาเหลือเกิน... คิดว่าคนอื่นก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นักหรอก ผมเห็นเกือบทุกคนในวงล้วนมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาข้างขมับ
“ลูกพี่ไปป์กลัวจนเหงื่อแตกพลั่กเลยเหรอ” ไอ้โจ้เอ่ยแซวผม ซึ่งแม่งไม่ได้ดูสารรูปตัวเองว่ามึงก็ไม่ต่างจากกู
“อากาศมันร้อน....ว่าแต่มึงจะไม่เข้าห้องน้ำก่อนจริงๆเหรอไอ้โจ้ เยี่ยวแตกขึ้นมาไม่รู้ด้วยนะ ให้กูหากระโถนมารอไว้มั้ย”
“เกรงใจ....น้องโจ้เยี่ยวใส่ขวดน้ำในบ้านเอาก็ได้จ่ะ” ยังเสือกมาปากดีใส่กันอีกนะกู ที่จริงคือผมกับไอ้โจ้แลดูจะอาการหนักสุดในกลุ่มแล้วจริงๆ
“กูเล่าจบแล้ว ใครเล่าต่อกะ....” เดี๋ยวนะเรียงตามลำดับการนั่ง ถัดจากไอ้ฟาร์มันก็.....
“อ่า....ถึงคิวผมแล้วเหรอครับ” ชิบ....ทั้งวงมองหน้ากันโดยมิได้นัดหมายไว้ ไอ้อาร์ทที่วันนี้แลดูหน้าเบลอเหมือนอัดกัญชาเยอะกว่าทุกวันคลี่ยิ้มประหนึ่งว่ารอเวลานี้มานานทั้งชีวิต มันค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปกลางวงที่มีเทียนสามเล่มตั้งอยู่ ตอนอยู่ในที่มืดว่าน่ากลัว พอมึงอยู่ในที่สว่างแม่งน่ากลัวกว่าอีกว่ะไอ้อาร์ท
มันนั่งมองหน้าทุกคนไปรอบๆวง “ผมเล่าเรื่องไม่ค่อยเก่งซะด้วย....ถ้าไม่น่ากลัวก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ” คือมึงไม่เล่าก็น่ากลัวแล้วได้ป่ะ “ไหนๆก็ไหนๆแล้ว.....เรื่องที่ผมเล่า.....เป็นประสบการณ์จริงของคนอื่น แต่ไม่ค่อยน่ากลัวนะครับ”
คือกูว่าตอนนี้ไม่มีอะไรจะน่ากลัวเท่ามึงแล้วล่ะ... “ผู้ชายคนหนึ่ง....ขับรถกลับในคืนที่ฝนตกกระหน่ำลงมา....สองข้างทางวังเวงและเต็มไปด้วยป่าเขา.... แต่จู่ๆเขาก็เห็นบางสิ่งบางอย่างอยู่ที่ข้างทาง....ผู้หญิงคนหนึ่งเธอยืนรอความหวังอยู่ที่ใต้ต้นไทร....”
“ชายหนุ่มสงสารจึงจอดรับเธอขึ้นมาบนรถ เธอบอกว่ากำลังเดินทางกลับแมนชั่นที่พัก แต่เจอฝนตกลงมาเสียก่อน ตัวเธอเปียกปอนไปหมด แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังก็สวยงามไม่เปลี่ยน” มันแสยะยิ้ม “เขาชวนเธอคุยเรื่องราวรอบตัว...ดิน ฟ้า อากาศ เรื่องความรัก ชายหนุ่มรู้สึกตกหลุมรักเธออย่างห้ามไม่ได้ เขาว่าความรักมักเกิดขึ้นไม่เลือกสถานการณ์....จริงมั้ยครับฟาร์?”
ไอ้ฟาร์สะดุ้งเหมือนโดนปิกาจูช๊อตไฟฟ้าแสนโวลต์ มันนั่งหลังตรงไม่ตอบอะไรอีกฝ่าย รอจนไอ้อาร์ทถามต่อ “อ้าว...วันนี้ไม่มีฮิ้วเหรอครับ?”
“ฮะ....ฮิ้ววววววววววววววววววว” ผมไม่รู้จะหัวเราะทั้งน้ำตาดีมั้ย หน้าไอ้กันกับไอ้โจ้แม่งเหมือนพร้อมจะโดดออกไปตายที่ระเบียง ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ไอ้ภคินมากขึ้นเมื่อไอ้อาร์ทหัวเราะอย่างพอใจ
“เขาพาเธอมาส่งที่โรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ระหว่างทาง เธอชี้ชวนให้เขาดูห้องชั้นบนสุดที่อยู่ห้องสุดท้ายว่าห้องของเธอบรรยากาศดีแค่ไหน พลางเอ่ยชวนเขาขึ้นไปดื่มน้ำเป็นการขอบคุณ แต่ชายหนุ่มปฏิเสธไปเนื่องด้วยความรีบร้อน คืนนั้นเขาขับรถกลับที่พักด้วยความเสียดายที่ปล่อยให้ความรักหลุดลอยไป....” เปลวไฟจากเทียนเล่มหนึ่งดับวูบลงเพราะลมจากด้านนอกพัดเข้ามา “หนึ่งอาทิตย์หลังจากวันนั้น เขากลับไปที่แมนชั่นแห่งนั้นเพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ แต่เธอไม่อยู่ที่นั่นอีกแล้ว หลังเหตุการณ์ทั้งหมด...เขาแต่งบทเพลงแห่งความรักให้กับเธอ...” มันว่าแล้วเอ่ยปากร้องเพลง..
http://www.youtube.com/v/1pYOIOHwk6k?version=3&hl=en_USผมมาตามหาผู้หญิงคนหนึ่ง
ซึ่งที่จริงนี้เราพบกัน ไม่นาน เกือบสัปดาห์
มันเป็นคืนฟ้าฝนโปรยกระหน่ำ
ที่ข้างทางพบใครยืนอยู่ คอยโบก ใต้ต้นไม้
ผมจึงจอดรับเพราะความเห็นใจ
ให้อาศัยและนำเธอมา ที่หน้าแมนชั่นนี้
คิ้วงามปากสีชมพูยิ้มพราย
เมื่อปราศรัยชอบใจ รับฟัง
เธอยัง แอบสะท้าน
ผมมาตามหาผู้หญิงคนหนึ่ง
ซึ่งอีกฝั่งนั้นเธอพักอยู่ ฉันบน ห้องสุดท้าย
คุณจำได้ไหม หรือใครช่วยตาม
อยากไถ่ถามพบเพียงเห็นหน้า
ก็จะอบอุ่นใจ
ผมมาตามหาผู้หญิงคนหนึ่ง
ซึ่งที่จริงนี้เราพบกัน ไม่นาน เกือบสัปดาห์
มันเป็นคืนฟ้าฝนโปรยกระหน่ำ
ที่ข้างทางพบใครยืนอยู่ คอยโบก ใต้ต้นไม้
คุณคน คนนั้นคิดพลางถอนใจ
ตอบออกไปสายตาประหวั่น ใครกันห้องสุดท้าย
หรือใครก่อนนั้นที่เคยหายไป
รถเธอชนที่โค้งต้นไทร หรือใครที่คุณถาม
ผมมาตามหาผู้หญิงคนหนึ่ง เธออยู่ไหม.....
พรึ่บบบบบบบบ.... แสงจากเปลวจากเทียนที่เหลืออีกสองเล่มดับวูบ พร้อมกับเสียงเคาะประตูห้องอย่างบ้าคลั่ง
ปัง ! ปัง ! ปัง !
“ผมอยากพบคุณจริงๆนะ ออกมาเจอหน้าผมเถอะ” เสียงผู้ชายจากด้านนอกดังก้องเข้ามาในห้อง ผมเกาะอยู่บนหลังไอ้ภคินเรียบร้อย ในขณะที่ไอ้โจ้กรี๊ดออกมาอย่างเสียสติ เชี่ยแม่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
“ไปป์...มึงไปหลอกผู้ชายที่ไหนมาห้อง” ไอ้คนโดนเกาะหันมาทำเสียงเข้มใส่ผม
“ไม่มีโว้ย! จะบ้ารึไง”
“ไอ้กัน..มึงลุกไปเปิดห้องดิ๊” เจ้าของชื่อกลืนน้ำลายเอื้อก แต่กลัวจะเสียเชิงชาย มันเลยทำท่าว่ากล้าหาญนักหนาเดินขากางออกไป แต่กูเห็นนะว่ามึงขาสั่นแหงกๆเชียว
กันกระชากประตูออก แม้จะมืดแต่ก็พอรู้ได้ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น พวกผมแอบถอนหายใจพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เฮ้อออออออออออออออออ....
“แนท...แนทอยู่ในห้องนั้นใช่มั้ย” เขาว่าพลางชะโงกหน้าเข้ามาส่องในห้อง....แต่ไร้ผลเพราะเทียนดับไปหมดแล้ว มันมืดจนมองแทบไม่เห็นอะไร “ผมมาตามสัญญาแล้วนะ”
“...............”
“เอ่อ...คุณว่าคุณมาหาใครนะ?” ผมเอ่ยทวนช้าๆ
“ก็แนทไงครับ....วันก่อนผมมาส่งเธอ เธอยังชี้มาทางห้องนี้อยู่เลย บอกให้ผมขึ้นมาหาได้...แล้ว....”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” เสียงกรีดร้องระงมไม่รู้ของใครเป็นของใครทำเอาไอ้ผู้ชายคนนั้นแทบวิ่งหนีลงบันไดไปประหนึ่งว่าเจอดีเข้าเสียเอง มันผงะไปข้างหลัง ก่อนจะตั้งสติเอ่ยถาม
“ก็ที่นี่ห้อง430ไมใช่เหรอครับ?”
ไอ้สัตว์....มึงมาผิดชั้น................................................................................
.........................................................
............................
...............
ไฟติดแล้ว.....แต่ชีวิตของพวกผมไม่ได้สว่างไสวตามไปด้วย....
บรู้ววววววววววววววววววววววววววววววว.... “กูว่ากูกับไอ้หมานี่ต้องเกิดมาเพื่อฆ่ากันแน่ๆ” ผมบ่นพึมพำอย่างเสียสติ “นี่แม่งบ้า...บ้าไปแล้ว...”
“ใจเย็นๆไอ้นี่นิ ไหนว่าไม่กลัวผีไงวะ” ภคิน...มึงช่วยทำเป็นไม่เห็นกูตอนนี้ได้มั้ยวะ!
“กะ...ก็ไม่ได้กลัว แค่ตกใจน่ะ มันแบบ....ไอ้หน้าโง่นั่นก็เสือกมาเคาะผิดห้องอีก” ผมก่นด่าเหมือนมันมาฉุดฆ่าบุพการี “พ่อแม่ไม่สอนมันนับเลขเหรอวะ...สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“มึงกลัวล่ะสิไปป์....กลัวล่ะสิ๊ ยอมรับมาตามตรงเหอะ พี่โจ้จะไม่ถือ”
“ขอโทษเหอะไอ้โจ้ แล้วใครที่มันกระโดดกอดไอ้ภคินอีกข้างวะ”
“เค้ายั่วให้ตัวเองหึงหรอก ไม่รู้เรื่องรุยอ่า อิอิ” ไอ้ห่า...คำแก้ตัวฟังโคตรไม่ขึ้นเลย ผมใช้พลังงานจนแทบไม่อยากแม้แต่จะขยับปลายนิ้ว เหตุการณ์ผีนรกแตกเมื่อกี้มันเหี้ยเกินจะบรรยาย
อย่าว่าแต่ผมเลย ตอนนี้ทุกคนในห้องต่างนั่งแหมะกันอยู่บนพื้นพร้อมเหงื่อโชกไปทั้งตัว แม้จะมีพัดลมหมุนไปมาก็ตาม ไอ้ภคินเอื้อมตีนไปกดเร่งพัดลมเป็นเบอร์3 เพราะทนความร้อนจากทั้งภายในและภายนอกไม่ไหว
เกิดมาผมไม่เคยเจอเหตุการณ์ระทึกขวัญอะไรเช่นนี้มาก่อน หนังผีที่เคยดูมาทั้งชีวิตกลายเป็นเรื่องเด็กๆไปเลย แม้ว่าจะไม่ใช่ผีจริงๆก็เถอะ แต่มาทำแบบนี้พวกกูหัวใจจะวายโว้ยยยยยยยยยยยยย พวกผมแทบรุมยำตีนไอ้ผู้ชายหน้าโง่นั่นเป็นการปิดปากที่เสือกมาเห็นภาพพวกเราตอนหวาดกลัวถึงขีดสุด
“หึ หึ หึ หึ” เสียงหัวเราะเย็นๆดังมาจากหน้าประตู ไอ้อาร์ทเดินหิ้วถุงเซเว่นเข้ามา แหม...สาขาที่ไอ้คินทำงานเปล่าวะ อุดหนุนเพื่อนฝูง “รอกันนานเลยสินะครับ นี่ครับ...เกลือแร่ จะได้ทดแทนเหงื่อที่เสียไป”
“ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง” ผมกัดฟันพูดอย่างซาบซึ้ง แหม...หน้ามึงใสกิ๊งเชียวนะ...อย่างว่าแหละผีเผอจะไปทำอะไรไอ้อาร์ทได้ มีแต่มันนั่นและจะไปทำผี
“ขอบคุณสำหรับความจริงใจครับ” ไม่เถียงกับมันให้เสียเวลา ผมไปคุ้ยๆถุงเซเว่นเอาผงเกลือแร่มาชงดื่มดีกว่า อากาศในห้องเริ่มเย็นเพราะไฟฟ้าเข้าถึงแล้ว ผมเลยตัดสินใจเดินไปปิดประตูห้องที่เปิดรับลมเอาไว้
“อ้าว....หวัดดีครับลุง” คุณลุงยามใต้หอแกเดินผ่านมาพอดี แกยกมือรับไหว้ผมอย่างเป็นมิตร ผมไม่รู้ชื่อแกหรอก...แต่แกรู้ชื่อผม “เดินตรวจอะไรน่ะครับลุง โจรขึ้นหอเหรอ?”
“เปล่า ลุงมาตรวจดูไฟน่ะว่ามาครบรึยัง” ลุงส่งยิ้มกว้างโชว์ฟันให้ผม “นี่พอไฟดับแล้วหอเราอย่างกับหอร้างเลยนะ”
“นั่นสิครับลุง มืดจนมองอะไรแทบไม่เห็น” ผมพยักหน้าเห็นด้วย
“เด็กออกหอไปข้างนอกกันเต็มเลย ตั้งแต่เพื่อนไปป์เข้ามาก็ไม่มีคนเข้าหอสักคน”
“อากาศมันร้อนนี่ครับ..ใครมันจะไปทนอยู่ได้” มีแต่พวกหน้าโง่อย่างเราๆเท่านั้นแหละที่อยู่....เอ๊ะ...เดี๋ยวนะ... “เอ่อ...ลุงครับ ลุงว่าไงนะครับ? ตั้งแต่เพื่อนผมเดินเข้าหอมา...แล้ว?”
“ไม่มีคนเข้าหอมาเลยน่ะสิ ลุงเดินตรวจอยู่ เงียบอย่างกับป่าช้า มีแต่พวกไปป์กรี๊ดกร๊าดอะไรกันเสียงดังก็ไม่รู้” เอ่อ...เสียงกรี๊ดนั่นไม่ใช่ผมครับลุง นั่นมันไอ้โจ้ “นี่ลุงนั่งเฝ้าที่บันไดนะ....เงียบสนิทไม่มีสิ่งมีชีวิตเลย”
“เดี๋ยวนะ...ลุงอยู่ที่บันได...”
“ใช่” ลุงพยักหน้า
“แล้วไม่มีใครขึ้นมาเลย.....”
“ใช่” ลุงตอบพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู “ตายละ...ลุงไปตรวจชั้น4ก่อนนะลูก เดี๋ยวลุงโดนป้าแกเอ็ดเอา หาว่าโดดงานมาคุยเล่น”
“ครับ....แฮะ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” ปากผมยิ้มกว้างให้คุณลุง ก่อนจะปิดประตูดังปัง...
ชิบหายละกู.................................................................................
.......................................................
..............................
..............
“ภคิน...”
“อะไร?”
“หลับแล้วเหรอ”
“หลับแล้ว”
“โกหก...หลับแล้วตอบได้ไงวะ” ตอนนี้ทั้งห้องเหลือสิ่งมีชีวิตสองสิ่งคือผมกับภคินบนเตียงนอนหลังเดิมเท่านั้น ไอ้ภคินนอนหงายตัวแข็งทื่อตามสไตล์มัน ซึ่งดูแล้วมันใกล้จะเฝ้าพระอินทร์เต็มทน แต่ผมนี่สิ.... “อย่าเพิ่งหลับนะ มึงจะหลับลงได้ไงวะ” ผมเขย่าแขนเรียกให้มันตื่น
“ทำไม?” น้ำเสียงมันอู้อี้ “กลัวเหรอ”
“ก็ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันมาเคาะห้องเราได้ยังไงก็ไม่รู้....ลุงแกเฝ้าที่บันไดยังไม่เห็นเลยนะ...เชี่ย ละ...แล้วกูก็ด่ามันแบบจัดเต็มเลย มันจะแค้นกูมั้ยวะ”
“ถ้าแค้นเดี๋ยวคืนนี้มันก็มาเอาคืนเองแหละ”
“ไอ้ห่า...ปากไม่สร้างสรรค์นะมึง” ผมขดตัวในผ้าห่มผืนหนา....รู้สึกแอร์ในห้องวันนี้เย็นยะเยือกกว่าทุกวัน “ภคิน...อย่าเพิ่งนอนสิวะ”
“ถ้ามันมาหา มึงก็ค่อยปลุกกูละกัน เดี๋ยวช่วยเคลียร์ให้” มันว่าก่อนจะปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง ทีกูอยากให้สนใจ มึงดันแกล้งเฉยชาใส่เรอะ....เวรเอ๊ย “กูหลับละ”
ผมที่ลุกขึ้นนั่งบนเตียงขยี้หัวตัวเองระบายอารมณ์ที่ไม่รู้จะเอาไปลงกับใครดี ใครแม่งก็ใช้ไม่ได้ทั้งนั้น....แถมจะให้ข่มตาหลับก็ทำไม่ลงเสียด้วย แม้ว่าตอนนั้นจะมืดมาก...แต่เค้าโครงเสี้ยวหน้าไอ้ผู้ชายคนนั้นยังฝังแน่ในหัวผมไม่ไปไหน....กลัว....ยอมรับเลยว่าเป็นครั้งแรกที่คนอย่างไอ้วิรัลรู้สึกกลัวสิ่งที่มองไม่เห็นขนาดนี้
จะทำยังไงให้นอนหลับดีวะ ออกไปชงโอวันตินดื่มให้ท้องอุ่นหลับสบายก็ไม่กล้าแม้แต่จะลุกไปด้วยซ้ำ แล้วถ้าเกิดคืนนี้ผมปวดเยี่ยวขึ้นมากลางดึกจะทำยังไงวะเนี่ย...แล้ว...
พรึ่บ.... ผ้าห่มสีดำที่ไม่ใช่ของผมพุ่งเข้ามาดึงตัวลงไปนอนแอ้งแม้งบนตัวเจ้าของมัน ภคินกดหน้าผมลงกับอกมัน...ไอ้สัตว์...จมูกกูบี้เหมือนโดนกระทะฟาดหน้าแล้ว สองแขนมันกอดรวบผมเอาไว้ให้อยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกับมัน
“ภคิน...”
“อย่าปากดีนะคืนนี้....เห็นกลัวผีนักก็นอนอยู่กับกูเนี่ยแหละ ถ้าไอ้คนเคาะห้องผิดมันมาใหม่มึงจะได้สะกิดเรียกกูง่ายๆ” อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก....มึงอย่าไปพูดถึงเขาบ่อย กูกลัววววววววววววววววววว
“ละ....”
“อย่าเถียง....นอนกันดีกว่าไอ้แห้ง” ชิ....ชีวิตนี้ผมคงมีแต่เสียกับเสีย ไม่รู้ชาติที่แล้วทำบาปกรรมอะไรไว้กับไอ้ผู้ชายคนนี้นะ....
ทำเป็นปากแข็งไปก็เท่านั้น.....ภายในอ้อนแขนนี้มันช่างอบอุ่นเสียจนไม่อยากคิดเรื่องอื่นอีกต่อไป ผมสลัดความหลอนออกจากหัวพลางซุกหน้าลงกับอกแน่นๆ....ไม่บ่อยนักที่เราจะนอนกอดกันแบบนี้ ผมบ่นพึมพำกับอกมันเบาๆ
“ไม่ได้จะเถียง....แค่จะบอกว่าอุ่นดีเฉยๆ....”
ที่แน่ๆ....คืนนี้ผมเจอผีผ้าห่มแน่ๆล่ะครับ.....กอดซะแน่นขนาดนี้....END
Happy Halloween จ้าาาาา คนอ่านทุกคน
หายหัวไปจากการโพสนิยายนานมาก แอบตื่นเต้นเบาๆ เอิ๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ส่งมาไถ่โทษที่เลื่อนส่งนิยายไปเป็นเดือนนะคะ
ตอนนี้พยายามเขียนให้น่ากลัวแล้ว แต่บิ้วท์อารมณ์ตัวเองไม่ถูก จะฟังเพลงก็ไม่กล้าฟัง...กลัวเองซะงั้น *โดนตบ*
ขอขอบคุณแรงบันดาลใจจากเพลงห้องสุดท้ายนะคะ (ใครฟังthe shockอาจเคยได้ยินผ่านหูมาแล้วบ้าง) ฟังแล้วหลอนดีจริงๆ คนอ่านคนไหนข้ามไม่ฟังเพลงนี่ถือว่าพลาดนะคะ กลับขึ้นไปฟังใหม่เดี่ยวนี้ค่ะ! ไม่งั้น............หึ หึ หึ หึ
ยังไงก็หลับสบายนะคะ อย่าให้มีใครมาเคาะประตูห้องล่ะ ไว้จะส่งน้องหนูดีไปบอกgood nightทุกคน
ปล.กำลังปั่นเรื่องใหม่อยู่ ไว้เจอกันค่ะ บังคับให้อ่านทุกคน ฮ่า ๆ ๆ แต่มันคนละแนวกับเรื่องนี้เลยนะ
ปล.ใครจองไม่ทันไม่ต้องกลัวนะคะ เราจะพิมพ์มาเผื่อประมาณ30กว่าเล่มค่ะ