สงสัยจัง รีบมาต่อน่ะครับ
อืม ตอนนี้ขอต่อเองน่ะครับ รบกวนพี่หนึ่งกะพี่พิมพ์ตลอด ยังงัยก็ขอขอบคุณพี่ทั้งสองคนน่ะครับ
ตอน "we must say goodbye "
“งานไม่สนุกเหรอครับ พี่ไอซ์” ทำไมเสียงนี้ มันคุ้นหู แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะได้ยินเสียงนี้อีกครั้ง ผมหันไปตามเสียงที่เรียกจากด้านหลังของผม
“ปิ๊ง ”
“ทำไมต้องทำหน้าตกใจด้วยครับ หน้าผมมีไรหรือป่าวคับ”
“ป่าว นายมาได้งัยล่ะ”
“ก็มาแสดงความยินดีกะลุงรหัสงัยล่ะครับ ” ปิ๊งดูโตขึ้นกว่าเดิม ดูนิ่งขึ้น เวลาปีกว่า ๆ ทำให้ทุกอย่างดูเปลี่ยนไป
“พี่ไอซ์ พี่ไอซ์คับ”
“ครับ ”
“ดัดฟันมาแหละ น่ารักป่ะ ”พูดแล้วยิ้มโชว์เหล็ก ให้ผมดู น่าร้ากตายเลย
“อืม ” ส่วนใหญ่ปิ๊งจะเป็นคนชวนคุยมากกว่า ส่วนผมก็แค่ตอบเท่านั้น เหมือนว่าปิ๊งจะลืมเรื่องครั้งนั้นไปแล้ว
“พี่ไอซ์ ครับ ”
“คับ”
“พี่ไอซ์ยังโกรธผมอยู่มั้ยครับ เรื่อง….”
“พี่ลืมมันไปแล้วล่ะ ช่างมันเถอะ”
“ผมยังเหมือนเดิมน่ะคับพี่ไอซ์ งั้นเรากลับ…. ”
“ไอซ์ มาอยู่นี่เอง อาจรย์เรียกเข้างานแล้ว อ้า น้องปิ๊ง มาด้วยเหรอจ๊ะ ” เสียงนันออกมาตามผม
“หวัดดีพี่นัน ไม่ได้ตั้งนาน ผอมลงน่ะเนี้ย ” ดูมันได้ทีเลีย เลย
“แหม ก็นิดหน่อยล่ะจ๊ะ ” อ่ะ ไอ้นี่ก็บ้าจี้ตาม
“ป่ะ อาจารย์เรียกใช่ป่ะ รีบเข้าไปเลย งั้นพี่ไปก่อนน่ะปิ๊ง” ผมรีบลากตัวไอ้นันเข้ามาที่งาน
“เดี๋ยวก่อนซิคับ พี่ไอซ์ ”
“งั้นเดี๋ยวฉันไปรอข้างในน่ะ ไอซ์”
“อืมๆ ”
“พี่ไอซ์ยังใช้เบอร์เดิมอย่ป่ะคับ ผมโทรหาพี่ได้มั้ย”
“เครื่องพี่หายเมื่อเย็นเอง อ่ะ”
“งั้น…… ” แล้วปิ๊งก็เอากระดาษกะปากกาจดเบอร์โทรยื่นให้
“เดี๋ยวผมขอตัว กลับก่อนน่ะ โทรหาผมน่ะคับพี่ไอซ์ ” ผมรับกระดาษใบนั้นแล้วเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง
ผมอยู่ในงานสักพักก็พากันกลับเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพราะทางคณะนัดถ่ายรูปรวมตั้งแต่ 7 โมงเช้า
กลับมาที่บ้านนัน อาบน้ำรีบเข้านอน แต่พยายามข่มตาเท่าไหร่มันก็ไม่หลับ คำพูดที่ปิ๊งพูดกะผมมันยังวนเวียน อยู่ แล้วผมจะทำยังงัยต่อไปดี
“ไอซ์ ตื่นๆ เช้าแล้ว ไปอาบน้ำโว้ย ” เสียงไอ้หมีปลุกผม เผลอหลับไปตอนนไหนว่ะ แต่นี้มันเช้าแล้ว ก็เลยรีบไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดครุย
ถือว่าเปนวันแรกที่ได้ใส่ชุดพระราชพิธีสีขาวทั้งชุด คอติดปกพร้อมด้วยเข็มตรามหาวิทยาลัย ครุยโปร่งสวมทับ แหม เทห์ไม่หยอกเลยเรา (หุหุ ขอชมตัวเองหน่อย)
ทุกคนดูเหมือนจะตื่นเต้นและดูดีกันทุกคนก็อย่างว่าแหละครับ ผมว่าคนเราจะดูดีก็ตอนมีความสุขนี่แหละ พวกสาวๆ ก็แต่งหน้าทำผมครบเซ็ท
ตั้งแต่เรียนด้วยกันมาก็เพิ่งเห็นวันนี้แหละว่าเพื่อนเราก็สวยใช้ได้เลยทีเดียว
“นี่นี่ ไอซ์ มองตาค้างเลยน่ะจ๊ะ ” ไอ้นันมันแซวผม
“ก็นานๆ ที จะเห็นแกแต่งหน้านี่หว่า มันแปลกตา”
“รู้ไว้ซะน่ะ “
“จ๊ะๆ สวยวันสวยคืนจรงๆเพื่อนเรา ”
“ป่ะ ไปกันเถอะนี่ใกล้จะ 7 โมงแล้ว ”
“อืมๆ ”
มาถึงบริเวณสแตนด์ที่จะถ่ายรูปหมู่ อาจารย์เรียกตั้งแถวที่ละคณะ โดยที่คณะผมถ่ายเป็นคณะแรก หลังจากถ่ายเสร็จเรียบร้อย
ก็ถึงคราวที่จะถ่ายเดียว ถ่ายกลุ่ม ตามใจระหว่างนั้นน้องๆคณะก็ล้อมวงบูมคณะบ้าง บูมมหาวิทยาลัยบ้าง ภาพนี้เป็นภาพที่เห็นกันจนชินตาตั้งแต่สมัยผมเข้าเรียนที่นี่
และนั้นก็เป็นสิ่งที่ผมเคยฝันว่าสักวันหนึ่งมันก็ต้องถึงวันที่ผม ต้องเป็นคนยืนกลางวงเพื่อให้น้องๆ บูมให้ แล้ววันนี้ก็มาถึง แต่ก็ตามประเพณีอ่ะครับ
เค้ามาบูมไอ้เราก็ต้องเสียตังค์ ให้น้อยน้องก็บ่น แต่อย่างไอซ์รึเตรียมซองมาพร้อมทุกซองบรรจุเงิน ไม่สามารถให้น้องได้บ่นแน่นอน (อย่าว่าผมเหนียวน่ะ ก็เค้าเพิ่งเริ่มทำงานนิ)
ระหว่างนั้นผมก็ถ่ายรูปกะเพื่อนบ้าง รุ่นน้องบ้าง
“พี่ไอซ์ ขอถ่ายรูปด้วยน่ะครับ ” เสียงไอ้ปิ๊งนั่นเอง
“ได้เลยจ๊ะ น้องปิ๊งม่ะๆ มาถ่ายรูปด้วยกันเลย ” ไอ้นัน รีบดึงตัวผมเข้ามาและปิ๊งมาถ่ายรูปด้วยกันดีที่ยังมีไอ้หมีมาอีกคน แต่ไม่ได้ถามตรูซักคำเลยว่าจะถ่ายไหม
“เดี๋ยวผมขอถ่ายคู่กะพี่ไอซ์ หนึ่งภาพน่ะครับ พี่นัน”
“อ๋อ ได้เลยจ๊ะ เสร็จแล้วถ่ายคู่กะพี่น่ะ จ๊ะ” ถามตรูซักคำไหม เนี้ย เออ ออ กันสองคน
“ได้เลยครับ พี่ไอซ์ขยับมาดิ ”
“ไอซ์ แกขยับเข้าไปใกล้ปิ๊งหน่อยซิ น้องไม่กัดหรอกน่ะ”
“เออๆ รีบๆด้วยเดี๋ยวข้าจะไปฉี่ ปวดนานแระ ”
“เมื่อคืน ผมรอโทรศัพท์พี่ไอซ์ ทั้งคืนเลย ใจร้ายจังคนเรา ” ปิ๊งมันกระซิบที่ข้างหูผม
“กลับมาพี่ก็นอนเลย โทษทีคับ ”
นี่คงจะเป็นภาพเดียวที่ผมได้ถ่ายรูปกะปิ๊งมัน
หลังจากวันนั้น ผมก็ไม่ได้เจอกับปิ๊งอีก 2 วันที่อยู่ที่มหาวทิยาลัย ผมก็ซ้อมรับปริญญาตลอด
จนมาถึงวันสุดท้ายคือวันรับจริง วันนี้สาวๆ ตื่นก่อนไก่ซะอีก อืมยังไม่เรียกว่าตื่นดีกว่า ก็เล่นแต่งหน้าทำผมกันตั้งแต่ตี1 นันเอาช่างมาทำที่บ้านเลย ส่วนผมกะไอ้หมี น่ะเหรอ นอนสบายใจรอเช้าอย่างเดียว
“นี่ๆ ไอ้ 2 ตัวเนี้ย เมื่อไหร่จะตื่น เค้าตื่นกันหมดแล้วน่ะ ไปๆ ไปอาบน้ำ” ไอ้นัน เข้ามาปลุกพวกผม
“อือ ยังไม่เช้าเลย จะรีบไรกันนักหนา หนาวก็หนาว ไม่อาบได้ป่ะ ”
“อี้ ไอซ์แกอย่ามาเนียนเลย เมื่อคืนก็ไม่ได้อาบ วันนี้รับจริงแล้วดูดีหน่อย”
“จ้าๆ เดี๋ยวขอต่ออีกนิดน่ะ ป่ะๆ ไปปลุกไอ้หมีโน้นให้ไปอาบก่อน ป่ะๆ ”
“ตื่นสายจะไม่รอเลยคอยดู”
แล้ววันนี้กว่าจะรับเสร็จก็เกือบบ่าย 4 โมงกว่าๆ แล้วทางมหาวิทยาลัยก็ปล่อยบัณฑิตทยอยลงมาจากหอประชุมหลังจากที่รับพระราชทานปริญญาบัตรเรียบร้อย
เอาล่ะซิครับ ที่นี่ แม่กะน้องผมอยู่ไหนล่ะครับ คนก็มากมายเหลือเกิน ผมเดินลงมาไปตามที่นัดหมายกับแม่เมื่อคืน พอมาถึง อ่ะ ไม่เจอ ไรว่ะ บอกให้มาเจอตรงนี้ ไหนไม่มารอหว่า
ผมรอสักพักแน่ใจว่าคงไม่มาแถวนี้ก็เลยเดินตามไปอีกด้านก็ไม่เจอ ไปอยู่ไหนน่ะ ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินไปตามอีกที่ ก็เผอิญเจอกะปิ๊งหน้าหอประชุม
“นึกว่าจะไม่ได้เจอพี่ไอซ์ อีกแล้วซิครับ ”
“อืม ”
“แล้วพี่ไอซ์จะกลับยังครับ”
“พี่หาแม่พี่อยู่ ยังไม่เจอกันเลย เจอแล้วก็คงกลับแหละ”
“แค่นี้ใช่ป่ะ งั้นพี่ขอไปเข้าหาแม่พี่ก่อนน่ะ ดีใจที่เจอกันอีกน่ะ ”
“แล้วเราจะได้เจอกันอีกตอนไหนล่ะคับ ”
“อย่าเลยปิ๊ง ทุกอย่างมันจบแล้วล่ะ อย่ารื้อฟื้นมันขึ้นมาใหม่เลย ”
“ทำไม ล่ะคับพี่ไอซ์ บอกผมดิ ”
“พี่ดีใจน่ะที่พี่ได้รู้จักกะปิ๊ง และได้มาเจอกันอีกครั้ง แต่ 1 ปีที่ผ่านมาพี่ลืมปิ๊งไปแล้วล่ะ เหตุผลมันก็แค่นี้แหละ ”ทำไมผมต้องรู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดของผมที่พูดออกไป
“ที่ผ่านมาผมต้องขอโทษพี่ไอซ์ด้วยครับ ที่ทำไม่ดีกะพี่ไว้ ผมมางานนี้ก็เพราะผมอยากมาเจอกับพี่อีกครั้ง ถึงเราจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ แต่เราก็เป็นพี่น้องกันได้ใช่ป่ะคับ”
“ได้ซิ ไม่มีปัญาอยู่แล้ว ”
“ ถ้าคิดถึงผม ยังงัยก็โทรมาได้ตลอดน่ะคับ ”
“อืมๆ ได้แต่เอาไว้ได้เครื่องใหม่ก่อนน่ะ ”
“อ๊ะ เจอแล้วมาอยู่นี่เอง หาตั้งนาน แม่รออยู่ทางโน้นแหนะ” เสียง อีฟน้องสาวผมเอง
“อีฟเดินไปก่อน เดี๋ยวพี่ตามไป น่ะ”
“จ๊ะๆ รีบตามมาน่ะ ” ผมให้อีฟเดินล่วงหน้าไปก่อน
“งั้น พี่ไปก่อนน่ะ หวังว่าคงมีโอกาสได้เจอกันอีก”
“ครับพี่ไอซ์ บายครับ ”
“บาย ” ผมฝืนแกล้งยิ้มแล้ว เดินออกมา ทำไมน้ำตาอยู่ดีๆ มันไหลออกมา ต่อไปผมคงต้องเรียนรู้กะความเหงาให้มากกว่านี้ เพราะมันก็คือเพื่อนแท้ของผม
ลาก่อนปิ๊ง ยินดีที่ได้รู้จัก
ถ้าโลกนี้ไม่มี (เบล สุพล)
ถ้าในโลกนี้ไม่มี สิ่งเตือนความทรงจำให้คิดถึงอดีต
ไม่มีเพลงให้ได้ยิน ไม่มีรูปของสองเราสักใบ ให้เห็นยามห่างไกล
ทุกเรื่องราว ที่เกิดกับสองเรา ทุกนาทีไม่ว่าจะดีร้าย
จะไม่เลือนหายไปตามวันและเวลา
ฉันจะเก็บความทรงจำไว้ในลมหายใจที่มีอยู่ จะดูแลให้ดี
ไม่ต้องมีของเพื่อเตือนความทรงจำ เพราะมันไม่สำคัญมากไปกว่าเก็บในลมหายใจตลอดไป..
ถ้าในโลกนี้ไม่มี กระดาษให้ฉันเขียนเพื่อบันทึกอดีต
ไม่เคยได้ข้อความอีก ไม่ผ่านไปที่สองเราเจอะกันให้นึกถึงวันนั้น
ทุกเรื่องราวที่เกิดกับสองเรา ทุกนาทีไม่ว่าจะดีร้าย
จะไม่เลือนหายไปตามวันและเวลา
ฉันจะเก็บความทรงจำไว้ในลมหายใจที่มีอยู่ จะดูแลให้ดี
ไม่ต้องมีของ เพื่อเตือนความทรงจำ เพราะมันไม่สำคัญมากไปกว่าเก็บในลมหายใจตลอดไป..
.........THE END..........