พ่อค้าขนมครกเปลี่ยนอาชีพมาขายขนมจีบแทนแล้วค่ะ อิอิ
รับประกันความเสี่ยวโดย NaaribuS//นิ
มาเพิ่มน้ำตาลในเลือดกันต่อดีกว่าค่ะ จุ๊บๆ ตอนที่ 14 เสี่ยวเอาโล่
เฮ้อ... กรรมของไอ้กันย์ ความขี้เซาทำให้เกิดอาการเซ็งชีวิตเป็นที่ยิ่ง ถ้ากูไม่ขี้เซา แล้วตื่นก่อนมัน กูคงจะปลอบประโลมกิ๊งให้มาเป็นของกูได้ไม่ยากนัก (หรือเปล่า) อย่างน้อยในสถานการณ์ที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกัน และอีกฝ่ายตื่นขึ้นมาด้วยสมองเบลอๆ เพราะยังเมาค้าง พิษสุราอาจจะทำให้มันยอมตกลงปลงใจอะไรได้ง่ายๆ ไม่ใช่ปล่อยเวลาล่วงเลยไปทั้งวันจนมันคิดคำนวณเหตุการณ์และหาเหตุหาผลออกมาได้แบบนี้
แล้วอยากจะรู้นัก กิ๊งที่แสนน่ารัก ยั่วยวน ร้อนแรงแบบเมื่อวานมันหายไปไหนหมดเนี่ย กลับมาเป็นกิ๊งที่นิ่งเฉย เย็นชา ปากแข็ง เก็บความรู้สึกเก่งคนเดิมอีกแล้ว บอกตามตรง เสียดาย.....
ทั้งๆ ที่หงุดหงิด ที่โทรหาก็ไม่รับสาย ตามหาก็ไม่เจอมาทั้งวัน แต่ทำไมเจอหน้า กลับโกรธไม่ลงวะ!! นอกจากจะไม่โกรธแล้วผมยังสารภาพรักซ้ำแล้วซ้ำอีกตามด้วยมุขเสี่ยวอีกกระบุงโกย เอาน่า... ถึงจะแป้ก แต่ก็ดีกว่าไม่ได้พูดไม่ได้ทำอะไรเลยแหละ
“หรุดกิ๊งที่ซัก....รักกิ๊ง....ที่สุด” นิ่ง.. ไม่ตอบ ไม่เถียงแสดงว่าชอบ... ใช่ไหม??
“เป็นหนึ่งไม่ได้ ไม่เป็นสอง ไม่เป็นรองของใครเข้าใจไหม เป็นหนึ่งไม่ได้ไม่เป็นไร แต่จำไว้ เลขสอง ไม่ต้องการ” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่งมันก็ตอบกลับมาเป็นกลอนทำให้ผมขมวดคิ้ว
“มึงมาบอกรักกูแบบนี้ แล้วมึงจะเอาแพร กับคนที่มึงชอบไปไว้ตรงไหนล่ะกันย์ มึงจะให้กูอยู่ตรงไหน เป็นที่เท่าไร หือ??” ท้ายประโยคทำเสียงสูงในลำคอ
“มึงไม่ต้องคิดว่าจะเป็นที่เท่าไรเลยกิ๊ง เพราะต่อไปกูจะมีมึงแค่คนเดียว... ที่จริงกูบอกมึงไปแล้วเมื่อวานแต่มึงคงลืมไปด้วยว่า กูเลิกกับแพรแล้ว”
“อะไรนะ” มันทำท่าตกใจมากครับ
“มึงได้ยินไม่ผิดหรอกกิ๊ง”
“เลิกตอนไหน”
“ก็ตอนที่กูบอกให้มึงรอกูไง นั่นเพราะว่ากูกำลังจะเคลียร์ตัวเองให้มึง” ผมนึกว่าจะได้เห็นสีหน้าดีใจเหมือนที่ผ่านมา กิ๊งนิ่งอึ้งไปก่อนจะทำหน้าเศร้า เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเหมือนจะรู้สึกผิด
“กันย์... อย่าบอกว่านะว่า มึงไปเลิกกับเค้าเพราะกู”
“กิ๊ง” ผมเอ่ยชื่อมัน หน้าเศร้าที่เหมือนจะร้องไห้ช่างแตกต่างกับกิ๊งคนเมื่อวานราวกับคนละคน
“กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจทำให้มึงเลิกกับเค้านะ เรื่องเมื่อวานมันก็แค่...อุบัติเหตุเท่านั้นเอง กูก็แค่อาจจะมีฟีโรโมนสำหรับผู้ชายเท่านั้นเอง การที่มึงเผลอใจไม่ได้แปลว่ามึงจะเป็นเกย์อย่างเดียว เพราะฉะนั้น ตอนนี้มึงกลับไปคืนดีกลับเค้าก็อาจจะทันนะ”
“กูตัดสินใจเอ่ยปากบอกลาทำให้เค้าเสียน้ำตาขนาดนั้นแล้ว กูยังจะมีหน้ากลับไปอีกเหรอกิ๊ง ถึงกลับไปมันก็ไม่เหมือนเดิมอยู่ดี ที่สำคัญ ถึงกูจะกลับไป ก็ไม่มีความหมายอะไรหรอก ในเมื่อตัวกูอยู่กับเขา แต่ใจกู...มันอยู่กับมึง” ผมหยอดคำหวานที่คิดว่าดีที่สุดออกไป เป็นใครเจอะคำนี้ก็ต้องใจอ่อน แต่...ไม่ใช่กิ๊ง!!
“มึงอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ว่าพูดอะไร และทำอะไรลงไป กูว่ามึงกลับไปนอนคิดเรื่องนี้สักคืนดีกว่านะ” เฮ้ย!! เข้าใจอะไรยากกว่าที่คิดแฮะ ผมโวยวายในใจขณะที่ถูกรุนหลังให้ออกจากห้องไป... เฮ้อ.... คว้าน้ำเหลว
90% ของกู... ดำดิ่งกลับไปที่ 5% ตามเดิมซะแล้ว.....
ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลกครับ เรื่องอะไรจะยอมแพ้ ไม่มีอะไรยากหรอกถ้าเทียบกับการต้องเลิกรักมัน!!
เช้าวันจันทร์ผมตื่นเช้าได้อย่างอัศจรรย์ แล้วก็ไปรอกิ๊งอยู่หน้าหอ เห็นมันเดินออกมากับฐา เดินคุยกันหัวเราะร่าพอเห็นหน้าผมเท่านั้นแหละ หุบยิ้มแทบไม่ทัน
“ดีค่ะกันย์” ฐาทักทายเสียงหวาน “มาหาใครเอ่ย” น้ำเสียงล้อเลียนตามมาหันไปมองทางเพื่อนด้วยรอยยิ้มยั่วเย้า กิ๊งทำหน้ามุ่ยไม่เอ่ยคำ
“มารับกิ๊งไปเรียนด้วยกัน” กิ๊งก้มหน้าดูนาฬิกาในมือถือ
“อีกตั้งนานกว่าจะถึงคาบ ทำไมมาซะเร็ว ตื่นไวเป็นด้วยเหรอเนี่ย” กิ๊งแขวะมา
“ก็เมื่อวานพลาดฟูลออฟชั่นก็เพราะตื่นสายเนี่ยแหละเลยว่าจะปรับตัว” ผมตอบกลับไปด้วยพร้อมหัวเราะ แต่กิ๊งขึงตาใส่
“ฟูลอะไรนะ” ฐาถามกลับมาแบบอยากรู้อยากเห็น
“ไม่มีอะไรหรอกฐา ” กิ๊งรีบตอบ
“เหรอ งั้นเดี๋ยวแยกกันตรงนี้ก็ได้ มึงไปกับกันย์เถอะ” ฐาบอก ผมหันไปทำปากว่าขอบคุณ ฐาพยักหน้าแล้วเดินแยกไปยังที่จอดรถ กิ๊งทำหน้าขัดใจเมื่อถูกเพื่อนทิ้ง ทำปากขมุบขมิบ
‘เพื่อนทรยศ!’
พอฐาเดินออกไปพ้นระยะสนทนามันก็หันมา
“จะพูดจะจาอะไรน่ะ คิดบ้างนะ”
“มึงอายเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“มึงอาย...ก็เรื่องของมึง” ผมกวนตีนกลับไป
“ไอ้หน้าด้าน”
“ช่วยไม่ได้ ด้านได้ อายอด ถ้าอาย...กันย์อดได้กิ๊งอ่ะดิ” อีกฝ่ายขึงตาใส่อีกครั้ง คนอะไรวะขนาดงอนยังน่ารักเลยให้ตาย!!
เราเดินตามกันมาจนถึงมีโอที่จอดอยู่ ผมวาดขาขึ้นคร่อม
“กันย์เดี๋ยวก่อนไปเรียนแวะเซเว่นหน่อยนะ” กิ๊งสั่ง
“ซื้ออะไรเหรอ”
“ซื้อปากกา”
“ได้สิ กันย์ก็คิดว่าจะเข้าไปซื้อเข็มกับด้ายพอดีเลย”
“เอามาทำอะไร?”
“เอามาเย็บใจ ไม่ได้เจอกิ๊งหลายชั่วโมง คิดถึงใจจะขาดแล้ว” ผมทำเสียงหวานใส่ ฮาๆๆ ได้เรื่อยๆ ครับ
“เน่า....”
“ถึงน้ำจะเน่าก็เห็นเงาจันทร์นะ”
“มุขนี้ตั้งแต่ชัดเจนกับแป้งเค้ายังไม่ได้แต่งงานกันเลยนะ ยังกล้าใช้อีกเหรอ?”
“ก็อยากใช้ เผื่อเราสองคนจะได้มาแต่งงานกันมั่งไง” ...เงียบ.... ตามเคย นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวเหรอคร้าบ
มันยกมุมปากนิดหนึ่งเหมือนหงุดหงิดนิดๆ
“ไปได้ยังล่ะ ยืนจนขาแข็งแล้วนะ” โวยวายขึ้นมาเพราะผมไม่ยอมติดเครื่องเสียที
“กิ๊งน่ะ นอกจากขาจะแข็งแล้ว.... ใจยังแข็งด้วย” ผมว่า กิ๊งค้อนใส่ทำให้ผมต้องยิ้มแหะๆ ก่อนจะกดปุ่มสตาร์ทมือ
ผมเดินตามกิ๊งเข้าไปในเซเว่น มันกำลังเลือกซื้อปากกาอยู่ ผมหยิบกรรไกรอันเล็กๆ ขึ้นสองอัน แล้วยื่นให้มัน มันรับกรรไกรไปถือแล้วส่งสายตาแสดงถึงคำถาม
“เก็บไว้คนละกันนะ เราจะได้...ไม่ห่างกันไกล” กิ๊งพยายามกลั้นหัวเราะกับมุขเสี่ยวๆ ของผมก่อนจะยิ้มกว้าง
“ดีเหมือนกันนะ กันย์มีกรรไกรไว้ก็น่าจะมีประโยชน์...” รอยยิ้มแบบนี้แสดงว่าเมื่อกี้ชงมา ผมก็ต้องเล่นต่อสิ
“ยังไงอ่ะ” ผมถามยิ้มๆ น้ำเสียงตื่นเต้น
“เอามาไว้ตัดใจไง” โห ใจร้ายชะมัดยาด.... ผมเอากรรไกรในมือแขวนที่เดิมทันทีเหมือนคนหมดอาลัย พร้อมกับหันไปบอกเสียงจริงจังปนน้อยใจ
“งั้นกูไม่เอาแล้ว เพราะมันเปล่าประโยชน์... กรรไกรยี่ห้อไหน มันก็ตัดเยื่อใยที่กันย์มีให้กิ๊งไม่ได้หรอก” กิ๊งนิ่งไปครู่ก่อนจะแขวนกรรไกรในมือมันเข้าที่บ้าง ผมหันหน้าไปมองที่บรรดาเครื่องเขียนที่แขวนไว้ไม่อยากเงยหน้าขึ้นมองกิ๊ง มันคงรู้ว่าผมเริ่มจะงอนเลยเอามือนุ่มนิ่มมาจับมือผมไว้
“กิ๊งก็ไม่เอากรรไกรเหมือนกัน...” ผมชอบเวลาที่กิ๊งแทนตัวเองด้วยชื่อจังเลย ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าเวลาที่กิ๊งเรียกตัวเองอย่างนั้นเสียงของมันจะหวานมาก และทำให้ใจผมเต้นแรง แต่ผมงอนอยู่นี่นาตอนนี้ ผมก็เลยนิ่งทั้งๆ ที่ตั้งใจฟัง มันบีบมือผมเบาๆ อีกครั้งก่อนจะพูดต่อ “กิ๊งไม่อยากมีกันย์ไกลๆ แต่กิ๊งอยากมีกันย์..อยู่ใกล้ๆ” จบประโยคผมหันไปมองหน้ามันแบบอึ้งๆ ยิ่งเจอรอยยิ้มหวานก็หายงอนเป็นปลิดทิ้ง หัวใจพองฟูขึ้นเรื่อยๆ ถึงกิ๊งจะไม่ค่อยเล่นมุข แต่เวลาพูดอะไรแบบนี้ทีไรผมรู้สึกว่ามันซึ้งมากกว่ามุขเสี่ยวทั้งหมดของผมมารวมกันเสียอีก
กิ๊งยังจับมือผมไว้ด้วยมือขวาส่วนมือซ้ายเลือกหยิบปากกาต่อไป จากนั้นก็จูงมือผมจะไปคิดเงิน ระหว่างทางมีชั้นวางของเบ็ดเตล็ดมันหยุดยืนแล้วหันมาบอก
“กันย์ซื้อนี่ให้กิ๊งหน่อย” ผมเงยหน้าขึ้นมองตามมือที่ชี้
ถุงพลาสติกกับยางมัดแกง!!!
“เอาถุงกับยางไปทำอะไรเหรอ” ผมถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอีกครั้ง
“ถุงน่ะไม่ใช้ แต่จะเอายางมาไว้...มัดใจกันย์” โห...โดนไปอีกดอก ยิ้มแก้มแทบปริเลยกู!!
“ไม่ต้องมัดแล้ว แค่นี้ก็ไปไหนไม่รอดแล้วแหละ” ผมตอบอย่างอารมณ์ดีพลางเล่นต่อ “เออ! จะไม่ใช้จริงๆ เหรอ” กิ๊งหันมาทำหน้าฉงน
“ใช้อะไร?” ผมชี้ถุงกับยางมัดแกงที่แขวนอยู่แล้วตอบด้วยน้ำเสียงทะลึ่งๆ
“จะไม่ใช้จริงๆ ใช่ไหม ถุง...........ยางน่ะ” กิ๊งหันมาถลึงตาใส่พร้อมปล่อยมือผม...ไม่เรียกว่าปล่อยดิ เค้าเรียกว่าสะบัดมือผมทิ้งต่างหาก!!
จากนั้นเราก็ไปเรียนกัน ปกติถ้าเรียนวิชาเดียวกันแต่ไม่ใช่ห้องเดียวกัน ห้องเรียนนะเราจะไม่ห่างกันมาก พอเราเดินมาถึงชั้น ผมก็จะเดินไปมาส่งกิ๊งถึงหน้าห้องเรียนเสมอ แม้ว่าห้องที่มันเรียนจะอยู่เลยห้องที่ผมเรียนไปก็ตาม
“กูว่ามึงไม่ต้องส่งกูถึงหน้าห้องก็ได้นะ” มันพูดเสียงเบาราวกระซิบ กลับมาระบบพ่อขุนกันต่ออีกรอบแล้ว
“ทำไมล่ะ”
“กูเกรงใจ”
“ไม่เป็นไร กูเต็มใจ นี่ถ้ามึงอนุญาตให้กูไปส่งมึงถึงเตียงนอนได้นะ กูทำไปแล้ว...” ถ้ากูลงไปนอนบนเตียงกับมึงได้กูทำไปแล้ว.... นี่ต่างหากที่อยากจะพูด หึหึ
กิ๊งยกมุมปากนิดหนึ่งทำหน้าระอาก่อนจะเดินเข้าห้องไป อ้าว.... กูพูดผิดตรงไหนวะ!!
เรียนเสร็จผมก็มายืนรออยู่หน้าห้องมัน โชคดี อาจารย์ผมปล่อยเร็วกว่า ไม่งั้นไม่รู้ว่ามันจะหายต๋อมไปไหน พอมันเห็นหน้าผมก็ทำหน้าระอานิดๆ เอ๊ะมึงนี่!! กล้าเบื่อกูได้ไง กูยังไม่เคยคิด...จะเบื่อมึงเลยสักนิดนึง...
ผมเดินตามกิ๊งที่เดินนำไปช้าๆ ปกติแล้วถ้าทำแบบนี้ มันจะต้องบอกผมว่า อย่ามารอมันแบบนี้อีก แต่พูดแล้ว ผมก็ยังหน้าด้านหน้าทนจนมันเลิกพูด ผมพามันไปกินข้าวในซอยข้างๆ มหาวิทยาลัย ขณะที่รอข้าว กิ๊งก็บอกว่าจะไปซื้อน้ำถามว่าจะเอาอะไรไหม แปลก... กินอย่างอื่นนอกจากน้ำเปล่าก็เป็น!
“เอาชาเย็น” ผมบอกมันและมันก็ไปซื้อแล้วกลับมาพร้อมน้ำมะนาว กับชาเย็น
“ไหนว่าชอบของหวานไง กินน้ำมะนาวด้วยเหรอ”
“ก็กูเอามะนาวมาแก้เคล็ดไง มึงอย่าพล่ามมากนะ กูกลัวน้ำมะนาวกูหวาน” ผมหัวเราะ ดูดชาเย็นที่มีมุกอยู่ด้วย
“ใส่มุกด้วยเหรอ ไม่ได้บอกซะหน่อย”
“ไม่ชอบกินเหรอ อร่อยดีออก มุกร้านนี้หวานดี”
“ไม่ชอบเท่าไร กันย์ขี้เกียจเคี้ยวน่ะ”
“กูจะไปรู้เหรอ เห็นปกติชอบเล่นมุขมาก เลยนึกว่าชอบทุกมุข”
“แล้วกิ๊งล่ะ ชอบมุกไหม”
“ทำไมล่ะ ถ้าบอกว่าไม่ชอบก็จะเลิกเล่นเหรอ?”
“หึหึ... ถ้าไม่ชอบก็แล้วไป ถ้าบอกว่าชอบจะไปฝังมาให้สักเม็ด” กิ๊งทำตาโตเท่าไข่ห่าน แก้มแดงทันที น่ารักแฮะ
“ระ...เรื่องของมึงสิ มะ...ไม่เกี่ยวอะไรกับกูสักหน่อยจะมาถามกูทำไมเล่า” ฮ่าๆ เจอมุขทะลึ่งทีไร ไปไม่เป็นตลอดเล้ยยย น่ารักน่าแกล้งมากๆ
“เอ๋า ก็ต้องถามสิ เผื่อวันข้างหน้าได้มีโอกาสมาใช้ร่วมกัน....” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ กิ๊งหน้าแดงถึงใบหูแล้ว ไม่รู้ว่าโกรธหรืออายโน้มกายเหมือนจะตีผมทั้งๆ ที่นั่งอยู่คนละฝั่งโต๊ะ
“อ๊ะๆ ของเก่าสี่นะ ของใหม่เอาอีกเท่าไรดี” ผมขู่แล้วก็ทำให้มันชะงักงันทำสีหน้าเหมือนขัดใจแล้วก็เอามือลง แล้วยกนิ้วชี้ขึ้นเอียงเล็กน้อยเป็นทำนองว่า ‘ฝากไว้ก่อน’ แล้วค้อนให้อีกวง
แหมๆ คนอะไร ค้อนก็ยังน่ารัก ....
โทษฐานที่ทำให้กูรักหัวปักหัวปำขนาดนี้...
คือ.... กูจะทำให้มึงมารักกูให้จงได้
.............................
ง่วง.............................. :t3:ไม่ไหวแล้ว.... เอา14. 1 ไปก่อน 14.2 จะตามมาเร็วๆ นี้นะคะ
:pig2:สวัสดีค่ะ ทักทายท่านผู้อ่านทุกท่าน ... นิเองนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นนะคะ ขอยกยอดไปตอบคราวหน้าเนอะ แค่นิยายก็ เหนื่อยแล้วอ่าค่ะ โดนคนที่บ้านจำกัดเวลานอนทำให้ต้องปิดคอมเร็วกว่าปกติ
สำหรับคนที่รอฟูล ::บอกตรงๆ ว่าคงต้องรออีกนาน........ เพราะบอกแล้วว่าถ้าไม่เมากันย์ไม่ได้กินกิ๊งง่ายๆ หรอกค่ะ ตอนเมายิ่งแล้วใหญ่ ฮาๆ กันย์ทำให้กิ๊งรอมาตลอด ถึงคราวกันย์ต้องรอกิ๊งบ้างแล้วแหละ หวังว่าเพื่อนๆ จะอยู่เป็นกำลังใจและรอเป็นเพื่อนกันย์ต่อไปนะคะ จนกว่านิ เอ๊ย... จนกว่ากิ๊งจะใจอ่อน ฮาๆ
คนที่เบื่อมุขเสี่ยวของกันย์ ทนๆ อ่านกันไปก่อนนะคะ จนกว่านิเอ๊ย....จนกว่ากันย์ จะตันมุข ฮาๆ
ถ้าไม่มีคนทักนิลืมเลยว่าที่จริงนิชอบบีบตับ ช่วงนี้โดนมุขเสี่ยวกินสมองจนความจำเลอะเลือนไปหน่อย เอาเป็นว่าเมื่อมีคนเรียกร้องมา ตอนนี้ ตอนที่14 เอาความหวานไปก่อน 14.2 ก็จะยังหวานอยู่ แต่ตอน15 จะจัด ยำๆ ช้างน้อย (มาม่ามันซองใหญ่ไป)ให้ซักซองละกัน อิอิ