เด็กป๋า โดย TRomance [ตอนที่ 20] P.99 [ 29.04.11]
<< < (591/615) > >>
kihaezzzzzz:
ป๋าจัดหนักเลยนิ
Happ[Y]:
ป่าจ๋า ป่าอยู่ไหนนนนนน คิดถึงป๋าอ่ะพี่คนแต่ง พี่คนโพส
จิ้มพี่เซ อิอิ
v
v
v
Seiki:
ตอนที่ 20 'เด็กป๋า'
ผนังก่ออิฐฉาบปูนอย่างดีกลายเป็นที่รองรับอารมณ์กรุ่นร้อนจนข้อนิ้วแตกยับ เลือดไหลรองระฝาผนังสีขาวที่ไม่มีส่วนไหนบุบสลายนอกจากมีรอยเลือดสีแดงฉานระบายอยู่เท่านั้น ความเจ็บปวดที่แข่งกันแล่นตุบตับอยู่ตามบาดแผลจังหวะเดียวกับการเต้นหัวใจไม่ได้ทำให้ต้องนั่งขดตัวเพื่อหนีอาการบีบรัดหัวใจจนเจ็บร้าวไปทั่วทั้งกายแบบนี้
ป๋าเคยโกรธจนฟิวส์ขาดออกจะบ่อยไป ทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ป๋าอาละวาดจนกระเจิงมาแล้วทั้งนั้น เพิ่งจะมาเจอเรื่องนี้แหละที่โกรธแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำร้ายตัวเองเพื่อลดกระแสอารมณ์เดือดพล่านที่คั่งอยู่ภายใน
โจมไม่สบาย
รอยฟกช้ำตามเนื้อตัวไม่ได้ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งล้มหมอนนอนเสื่อได้หรอก แต่โจมป่วยเพราะถูกททำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจไปพร้อมๆกัน
มันน่าดีใจไหม?ถ้าป๋าได้เห็นในมุมที่คิดว่ายังไม่เคยมีใครเคยเห็นของเจ้าชายน้ำแข็งอย่างโจม
มุมที่ผู้ชายคนหนึ่งอ่อนแอถึงขีดสุดจนเก็บกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้
นั่นแหละ...ป๋าได้เห็นมัน
แต่ไม่ดีใจเลย...ไม่มีความรู้สึกนั้นเลยสักนิด
คนที่ถูกสังคมค่อนขอดว่าเสเพลและไร้ใจ ผู้ชายที่ซื้อความสุขบนเรือนร่างใครๆอย่างป๋า ไอ้คนที่ไม่เคยเอาไหนในสายตาใครๆ คนที่ลอยไปลอยมาเพราะคิดว่าตัวเองเจ๋งและเท่หนักหนา
ไอ้ผู้ชายงี่เง่าคนนั้นน่ะ!!!
มันไม่เคยทำร้ายร่างกายใครทั้งผู้ชายผู้หญิงที่ซื้อมานอนด้วยเลยสักที ป๋ายอมรับว่าเคยเลวร้ายถึงขนาดยกพวกต่อยตีกับคนอื่น เคยทะเลาะถึงขั้นทำร้ายร่างกาย แต่นั่นมันเกิดจากทะเลาะเบาะแว้งของฝ่ายที่มาหาเรื่องก่อนเท่านั้น ให้เอาตีนไปยันหน้าใครก่อนโดยไม่มีสาเหตุ คนอย่างป๋าไม่เคยทำ
โจมตัวร้อนจี๋ ร้อนจนดึงมือหนีแทบไม่ทัน
พิษไข้ทำร้ายผู้ชายคนนี้จนเพ้อ
“โจม ร้อนรึเปล่า”
เป็นคำถามที่เงียบหายไปกับสายลม โจมหลับไปเพราะพิษไข้และยาพาราที่ให้กินเข้าไปก่อนหน้านี้ออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว เหงื่อผุดพรายเต็มหน้าและลำตัว บ่อยครั้งที่แอบเห็นคนป่วยกระสับกระส่าย แต่เค้าก็แค่เปลี่ยนท่านอนเพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น
เวลาเมาก็ป่วนจนต้องวุ่นวายกันไปหมด แค่อยู่นิ่งๆผู้ชายคนนี้ก็มีเสน่ห์มากพออยู่แล้ว พอได้น้ำเมาเข้าไปเปลี่ยนนิสัย กลายเป็นคนขี้โวยวายแล้วก็ขี้อ้อนไปพร้อมๆกัน คนเพียงหนึ่งคนสามารถปั่นหัวคนที่ไม่สนใจอะไรได้ขนาดนี้
ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดากับคนด้านชาอย่างป๋าซะแล้ว
ตอนที่เห็นโจมยืนอยู่หน้ารถแท็กซี่ ความรู้สึกมันก็ลิงโลดมากพออยู่แล้วที่เค้ามาหา เพิ่งจะหยุดคิดถึงเรื่องโจมไปได้ไม่นานเท่าไหร่ ตัวเป็นๆโทรมาบอกว่าคิดถึง ในอกมันเต็มตื้นจนไม่รู้จะบรรยายยังไง
แต่พอเดินเข้าไปใกล้ แสงไฟหน้ารถสาดแค่พอมองเห็นเงาลางๆบนใบหน้า เป็นรอยเข้มบ้างจางบ้างสีแดงคล้ำ แค่นั้นในอกก็วูบโหวงเหมือนตกลงมาจากที่สูง แล้วพอเดินเข้าไปใกล้ยิ่งกว่านั้น โจมโผเข้ามากอดรัดไว้ทั้งที่ตัวกำลังสั่นเทิ้มและไอผ่าววูบวาบจนรู้สึกได้ โจมถูกทำร้าย ไม่รู้ผีห่าซาตานตัวไหนมันกล้าทำกับคนของป๋า คนที่ป๋าผูกขาดแล้วไม่ว่าจะเป็นตัวหรืออะไรก็ตาม ใครหน้าไหนก็ไม่ควรเข้ามาแตะต้องคนที่เค้ามีเจ้าของอยู่แล้วแบบนี้
ใครที่มันกล้าดีมากระตุกหนวดเสือ?
โจมไม่ยอมบอก ถามเท่าไหร่เค้าก้ได้แต่ส่ายหน้า เพราะถูกทำร้ายผสมกับพิษไข้ที่กำลังรุมกระหน่ำเค้าก็ทรุดลงไปจนต้องช่วยกันหามเข้ามาในบ้าน แล้วก็นอนทุรนทุรายพลิกตัวไปมาให้ต้องเป็นห่วงอยู่แบบนี้
อีกไม่กี่ชั่วโมงจะเช้าก็จริง แต่มันโคตรนานสำหรับคนที่จ้องมองนาฬิกาสลับกับคนที่นอนห่มผ้าแต่ว่าเหงื่อท่วมตัวแบบนี้ พอจะเช็ดหัวให้คนป่วยรู้สึกสบายขึ้นก็กลายเป็นปลุกอารมณ์โกรธแค้นให้เดือดพล่านเข้ามาอีก ต้นแขนแถวหัวไหล่ถูกฝ่ามือกดเอาไว้เต็มแรงจนเห็นรอยนิ้วมือชัดทุกนิ้ว ไม่นับมุมปากห้อเลือดที่ตอนนี้กลายเป็นสีดำช้ำจนอมดำอมม่วงแล้ว หางตายังมีคราบน้ำตารินไหล บันดาลโทสะทำให้ป๋าต้องตัดใจรั้งผ้าห่มคลุมตัวให้อย่างเดิม
ไม่อยากจะคิดว่าโจมจะปกป้องไอ้คนที่กล้าทำกับโจมแบบนี้ แต่ปัญหามันคงจะใหญ่เกินกว่าจะอธิบายเป็นเรื่องธรรมดาๆได้ มันจะต้องเป็นเรื่องที่กระทบใจโจมมาก มากจนเกินกว่าที่เค้าจะแบกมันภายใต้ใบหน้าที่สวมหน้ากากเอาไว้ตลอดเวลาอย่างที่เคยเห็นได้แล้ว เพียงแต่ป๋าไม่รู้ว่าไอ้เหี้ยนั่นเป็นใคร และมันมีความสำคัญยังไงกับโจม จะว่าไปก็กลัวที่จะรู้เหมือนกัน
บางเวลาชีวิตป๋าก็น่าอนาถเกินกว่าจะอธิบายได้พอๆกัน
“ร้อน”
คนป่วยโวยวายด้วยน้ำเสียงที่แห้งผาก ตอนเมาก็ต้องนั่งเฝ้า ตอนป่วยก็ต้องมานั่งเฝ้า อดนอนและทรมานพอกัน แต่ความรู้สึกที่ได้รับต่างกันราวฟ้ากับเหวก็ว่าได้
“ร้อนเหรอ”
ไม่ตอบอีกแล้ว คนป่วยได้แต่บ่นแล้วสลัดผ้าห่มที่เพิ่งจะคลุมตัวให้เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เอง เหงื่อยังออกตลอดเวลาจนมันรวมตัวกันเป็นน้ำแล้ว
“เดี๋ยวไปเร่งแอร์ให้ก็แล้วกันนะ”
รู้ว่าคนป่วยไม่รับรู้อะไรหรอก รู้ว่าพูดออกไปไม่ต่างอะไรกับคนบ้าที่คุยกับตัวเอง แต่บรรยากาศแบบนี้ กระตุ้นอารมณ์ป๋าได้สองอารมณ์เท่านั้น คือเป็นห่วงมากกับโกรธมาก เพราะฉะนั้นป๋าจะต้องทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองอยู่ในสภาวะที่ปกติไม่อาละวาดอย่างที่เคยเป็นมาเพราะยังไม่ได้คำตอบในเรื่องที่ต้องการ
หลังจากสงบสติอารมณ์คุ้มคลั่งของตัวเองได้ ก็พบข้อเสียที่ว่าการเอากำปั้นไปต่อยกำแพงนั้นมันจะไม่เจ็บทันทีที่เลือดอาบ แต่มันจะปวดระบมมหลังจากนั้นและมันจะรู้สึกราวกับว่าตัวเองไม่มีความรู้สึกที่มือแล้วตอนที่จะคว้ารีโมทมาเร่งแอร์ แขนยื่นจนสุดได้แต่ไม่มีแรงที่มือพอที่จะหยิบจับอะไร เหมือนคนพิการแขนขาดไม่มีผิด แล้วที่น่าหงุดหงิดไปกว่านั้น ป๋าให้มือต่อยกำแพงระบายอารมณ์ทั้งสองมือ
โว้ยยยยยยยย!!!!
สบถออกมาเพราะหงุดหงิดไม่ได้ดั่งใจ ไม่คิดเลยว่าจะทำให้คนที่กำลังป่วยและหลับไปเพ้อไปตกใจตื่นขึ้นมาขนาดนี้
“ขอโทษ”
รู้สึกผิดจริงๆที่ทำให้โจมดูตกใจจนลนลานขนาดนี้
“มีอะไรรึเปล่า”
“เปล่า ขอโทษนะ พอดีหงุดหงิดนิดหน่อย นอนเถอะ”
“หนาว”
“อ้าว เมื่อกี้ยังโวยวายว่าร้อนอยู่เลย นี่จะมาเร่งแอร์ให้อยู่”
“เปล่า จริงๆแล้วหนาว”
“อืมๆ คงเพราะไม่สบายแหละมั้ง นอนเถอะ พรุ่งนี้จะตามหมอมาให้”
“ไม่ต้องหรอก พรุ่งนี้ก็หาย”
“อวดดี ทั้งไข้ทั้งเพ้อยังจะบอกว่าพรุ่งนี้ก็หายอีก”
“โอ๊ะ โอ้ย”
“เห็นมะ พูดยังไม่ทันขาดคำ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า กำลังจะด่านายแต่เจ็บปากซะก่อน ซี๊ดดด”
“เค้าเรียกพระเจ้าไม่เข้าข้าง ทายาหน่อยมั้ย”
“ไม่”
“ทำไม กลัวหายเร็วเหรอ เสียดาย จะเก็บไว้ปวดนานๆว่างั้น”
“เปล่า กลัวแสบต่างหาก ถึงแผลมันจะหายไวแต่ไม่ต้องห่วงหรอก ปวดนานกว่านั้นอยู่แล้ว”
ใจหายเลย ไม่ได้ตั้งใจจะจี้ใจดำโจมหรอกนะ แค่บทสนทนามันพาไปเฉยๆ รู้สึกสบายใจที่เห็นโจมลุกขึ้นมาต่อปากต่อคำได้แล้ว แต่ตอนนี้กลับนึกอยากตบปากตัวเองที่พูดพล่อยๆ เค้าหงอยลงทันที นั่นยังไม่ปวดหนึบในใจเท่าที่เค้าหรุบตาต่ำเพราะคำพูดไม่ได้แฝงความนัยอะไรมากไปกว่ากวนอารมณ์คนป่วยเลยนะ
“แล้วนั่นมือไปโดนอะไรมา”
“นี่เหรอ โอ้ย”
ไม่ได้เรียกร้องความสนใจ มัวแต่ต่อปากกับคนป่วยจนลืมความเจ็บไปชั่วขณะ พอนึกขึ้นก็ปวดขึ้นมาทันที มันเจ็บจนร้าวระบมไปหมดทั้งสองข้างลองกำมือแล้วจะปวดแปล๊บขึ้นมาทันทีแต่สักพักจะรู้สึกชาไปจนถึงข้อมือ
“ขอดูหน่อย”
“ดูอย่างเดียวนะ อย่าจับ”
“ทำไม ไม่ได้พิศวาสอะไรขนาดหลอกจับมือหรอกน่า”
“เปล่า มันเจ็บต่างหาก”
“ต่อยกำแพงเหรอ”
“เปล่า”
“แล้วไปทำอะไรมา มือเยินขนาดนั้น”
“ต่อยฝาผนัง”
“ก็ดี ดูนายใช้เวลาว่างได้เป็นประโยชน์ดี แล้วตกลงจะให้ดูมั้ย ถ้าไม่ให้ดูจะได้นอน”
พูดซะเหมือนคนอย่างป๋าชอบเล่นตัว กับอีแค่มือเยินๆที่โง่ต่อยฝาผนังตอนที่โกรธใครก็ไม่รู้ รู้แต่ทั้งโกรธทั้งแค้นจนเจ็บ ยิ่งเหมือนโจมไม่อยากจะพูดถึงคล้ายๆจะปกป้องเค้ากลายๆแล้วทั้งเจ็บทั้งแค้น
“เอ้า”
ยื่นออกไปทั้งสองมือ พอออกแรงเยอะก็ปวดร้าวไปทั้งแขนเลยทีนี้ สภาพข้อนิ้วตรงหลังมือยับเยิน บางนิ้วเห็นเนื้อสีขาวชัดเจน รอบๆเป็นรอยถลอกปอกเปิด ปากเผลอยังมีรอยเลือดกลบ เป็นภาพที่ป๋ามั่นใจว่าไม่น่าดูนักหรอก แต่โจมก็จ้องมันอยู่นาน จากที่ไร้ความรู้สึกแค่ช่วงข้อมือ ตอนนี้เริ่มชาและไร้ความรู้สึกไปทั้งแขน
“เอามือลงได้ยัง ปวดแขน”
“คนที่ต้องหาหมอแล้วทายามันคือนายนะ”
“งั้นเอางี้แล้วกัน ก็ให้หมอตรวจทั้งสองคนนั่นแหละ”
“นายจะทายาก่อนมั้ยล่ะ”
“ไม่อะ ไม่ค่อยถนัดทำแผล”
ทำตัวเองให้เกิดแผลมันไม่ยากเท่าตอนทำแผลให้หายเป็นเรื่องจริงนะ คิ้วแตก ปากแตก หัวเข่าถลอก ป๋าไม่เคยทำแผล อย่างดีก็ปล่อยให้มันตกสะเก็ดแล้วก็หายไปเอง
“เดี๋ยวทำให้ก็ได้”
อ่า...มันก็น่าจะลองทำแผลดูสักครั้งในชีวิตเหมือนกันนะ
“นายไม่สบายอยู่ไม่ใช่เหรอ”
นี่มันเป็นอาการปกติของคนที่ถูกด่าว่าไร้ใจแล้วก้ไร้ความรู้สึกหรือเปล่า แล้วคนที่ถูกประนามมาแบบนี้กำลังเป็นห่วงคนป่วยปากบวมตรงหน้า จะดูผิดปกติไปมั้ย แต่อาการที่โจมเป็นก่อนหน้านี้มันต่างจากตอนนี้ลิบลับ อาการโจมแย่จนใจหาย ปากบวมแดงช้ำ ท่าทางไม่มีแรงและที่ยังติดตาไม่หายคือโจมร้องไห้ ภาพนั้นมันยังวนเวียนมาจนถึงตอนนี้ ถึงโจมจะดูดีขึ้นเยอะแล้ว แต่ตายังบวมช้ำแล้วหน้ายังซีดเซียวอยู่เลย โทรมจนไม่เหลือมาดคุณชายที่เดินคอตั้งไม่เคยมองต่ำกว่าระดับสายตาคนนั้นลิบลับ
“เหงื่อออก ดีขึ้นเยอะแล้ว ถ้าไม่ใส่ยาชั้นจะไปอาบน้ำแล้วนะ”
“ไม่สบายอยู่ใครเค้าให้อาบน้ำ”
“อันนั้นเป็นข้อต่อรองที่น้องหนูใช้กับนายตอนเป็นไข้หรือเปล่า”
มันก็จริง น้องหนูชอบเกเรไม่อาบน้ำตอนไม่สบายบ่อยๆ ป๋าเลยชินว่าคนป่วยจะต้องไม่อาบน้ำเดี๋ยวไข้กลับ
“แต่เมื่อกี้นายเพ้อเลยนะ”
“จริงเหรอ เพ้อว่าอะไรบ้างล่ะ”
เหมือนโจมจะหน้าเจื่อนไป แต่คุณชายก็คือคุณชายถ้าเค้ามีสติพร้อม เค้าก็จะปรับสภาพตัวเองให้ปกติที่สุดจนได้
“เพ้อว่าคิดถึงป๋าจัง อยากมาหาป๋า จับใจความได้ประมาณนี้มั้ง”
“ไม่มีทาง”
เหมือนโจมคนเดียวจะกลับมาแล้วครึ่งหนึ่ง ถ้าไม่นับใบหน้าที่ยังซีดเซียวและยังดูอ่อนเพลียอยู่มาก โจมก็เกือบจะเหมือนเจ้าชายคนเดิมแล้ว จริงๆโจมเพ้ออะไรจับใจความไม่ได้ มันดังบ้างเบาบ้างจับได้แต่ไม่เป็นคำ แล้วแต่ละประโยคก็จับใจความไม่ได้ แต่ป๋ามั่นใจว่ามีชื่อตัวเองอยู่ในนั้น แต่ไม่รู้ว่าชื่อตัวเองมีความสำคัญยังไงกันแน่ ความจริงก็อยากให้โจมไม่สบายแล้วก็เพ้อต่อไป แต่ตอนที่โจมเป็นแบบนั้นก็รู้สึกกังวลไปหมด ใจไม่ดี เป็นห่วง หลากหลายความรู้สึกจนตีกันวุ่นวาย สุดท้ายก็พาลโกรธต้นเหตุที่ทำให้โจมเป็นแบบนี้อีกจนได้
“แล้วตกลงจะทามั้ยยาน่ะ”
“ทาครับ”
“ไปหยิบยามาสิ”
“มันอยู่ตรงช่องเก็บของที่หัวเตียงนั่นแหละ วานหยิบหน่อยได้มั้ย มือมันเจ็บจนไม่มีแรง”
ถ้ารู้ว่าการทำแผลทำให้รู้สึกดีขนาดนี้ ถ้าย้อนเวลาไปได้ ป๋าจะไม่กัดฟันอดทนรอให้แผลมันตกสะเก็ดแน่ๆ คนที่หน้าเชิดคอตั้งตรงอยู่เสมออย่างโจม ผู้ชายที่ทำอะไรไม่เป็นเลยจะมือเบาขนาดนี้ ไม่รู้เพราะโจมมีทักษะทางด้านทำแผลหรือว่าป๋าเจ็บจนมันไร้ความรู้สึกกันแน่ก็ไม่รู้
แต่ที่รู้คือ...รู้สึกดี (นิดหน่อย)
“โจม”
“อะไร”
“จะให้ทำแผลคืนให้ไหม”
“มือเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“นั่นสินะ”
“ไม่เป็นไรหรอก มันเจ็บน้อยกว่าของนาย”
“แล้วนี่จะนอนต่อหรือเปล่า”
“ว่าจะอาบน้ำก่อน แล้วนายล่ะได้นอนหรือยัง”
“ยัง เดี๋ยวนอนพร้อมกันก็ได้”
“อืม”
“โจม”
“อะไรของนายอีก”
“ถ้าจะบอกว่า........”
“ว่าอะไร”
“เข้านอนแล้วขอนอนกอดนายด้วยได้ไหม”
“ต่อยผนังสะเทือนถึงสมองเลยหรือเปล่า”
“ทำไมเหรอ”
“ปกตินายอยากจะทำอะไรก็ทำไม่เคยขออนุญาตไม่ใช่เหรอ”
เหมือนโดนด่าว่าถ่อย สถุล หยาบคายแล้วก็ไร้มารยาทแบบผู้ดีอยู่เลย จริงๆแล้วอยากจะถามในสิ่งที่กำลังสงสัย แต่คิดดูดีๆแล้ว ช่วงเวลาที่อยากเห็นที่สุดคือตอนที่เค้าเป็นโจมที่เย่อหยิ่งตามปกติมากกว่าผู้ชายที่นั่งเหม่อมองเหมือนจมอยู่กับความคิด ถ้าสักเวลาหนึ่งที่พอจะทำให้โจมลืมเรื่องร้ายๆนั่นไปบ้าง ถึงจะต้องกัดฟันอด
ทนข่มความอยากรู้สักแค่ไหน ป๋าก็พยายามทำก็แล้วกัน
“ก็หัดอยู่นี่ไง ก็เห็นนายไม่ค่อยสบาย เดี๋ยวจะหาว่าใจดำ”
“วันนี้แอร์เย็น หนาว แล้วก็ไม่สบายอยู่ ถ้านายอยากจะกอดก็ได้”
.
.
.
.
“ถ้าอยากจะยิ้มก็ยิ้มออกมาเลยไม่ต้องเก๊ก”
“ครับ”
จะเถียงก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้ป๋ากำลังกลั้นยิ้มอยู่จริงๆ น่ารักอ่ะ ป๋าเชื่องด้วย