Ti Voglio {ฉันอยากมีนาย!}
shot.19 50%
สายน้ำเย็นสาดเข้ากระทบกับใบหน้า ฉุดกระชากสติที่กำลังดำดิ่งลงลึกสู่ความเงียบงันให้ฟื้นตื่นขึ้นแม้เจ้าของร่างจะไม่เต็มใจ รัตติกรฝืนเปลือกตาให้เปิดขึ้นเล็กน้อย มันหนักราวกับมีใครเอาหินมาถ่วงไว้ภายในร่างกายของเขาร้อนผ่าว ผิดกับภายนอกที่เย็นเฉียบจากน้ำที่ยังเกาะพราวอยู่ตามร่างกาย
“มันรู้สึกตัวรึยังวะ?”
“ขยับแล้วนี่? คงจะตื่นแล้วล่ะ มึงเข้าไปเช็คสิวะ” ปลายคางถูกดันให้ยกขึ้นสูง รัตติกรปรือตามองอีกฝ่ายที่เห็นได้เพียงแค่เป็นภาพเลือนราง ฝ่ามือหยาบหนาตบเข้าที่ใบหน้า รสเลือดแสบคอจึงแผ่กระจายอยู่ในปากอีกครั้ง จมูกกระสากลิ่นสนิมจางๆ หากแต่ความเจ็บร้าวก็ยังคงมีอยู่เช่นเดิม หนุ่มชาวไทยครางออกมาแผ่วเบาเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ารู้สึกตัว ส่งผลให้อีกฝ่ายหัวเราะลั่นเมื่อทำตามคำสั่งของเจ้านายได้ลุล่วงเสียที
“ว่าไปไอ้เลขานี่ก็อึดเป็นบ้า เหยื่อคราวก่อนของนายไม่มีใครทนได้เท่านี้สักคน”
“ปากเก่งด้วยนะโว้ย ใจเด็ดชิบหาย โดดฟาดเลือดสาดขนาดนั้นยังเถียงนายกลับไปได้ ไม่หลุดความลับของไอ้พวกมาเฟียนั่นออกมาสักคำ”
“งี้พวกอเมริกันที่นายพามาเค้าจะไม่หัวเสียแย่เหรอวะ?”
“มึงก็รอดูตอนนายกลับมาสิวะ ท่าทางเป็นยังไงผลก็เป็นแบบนั้นแหละไอ้โง่” พวก…อเมริกัน?
รัตติกรเงี่ยหูฟังสิ่งที่ลูกน้องของฟงเจิ้นฮ่าวคุยกัน ข้อมูลที่หลุดออกมาอีกอย่างช่วยจำกัดวงของผู้ต้องสงสัยว่าใครกันแน่คือคนที่อยู่เบื้องหลังคนคนนั้นของเจิ้นฮ่าวต้องเป็นคนอเมริกัน มีอำนาจมากพอที่คิดจะต่อกรกับเวสเปอร์แฟมมิลี่ รวมไปถึงเส้นสายที่ฝ่ายนั้นมีก็เชื่อมโยงมาถึงประเทศจีน มันแน่นหนาพอที่จะเป็นแบ็กอัพให้กับตระกูลฟงแทนที่อำนาจเดิมของลาร์เฟียร์
ดูท่างานนี้ศัตรูจะเป็นตัวฉกาจไม่เบา ดอนแห่งปาเลอร์โม่คงจะเจอกระดูกชิ้นโตเข้าให้แล้วล่ะมั้ง…
เสียงประตูเหล็กลั่นครืดคราดดังขึ้นมาจากด้านบน ฝีเท้าของผู้ก้าวเข้ามามีไม่กี่คน มันลงจังหวะแผ่วเบาแล้วค่อยๆเยื้องย่างลงบันไดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ชายผ้าไหมสีแดงเข้มชี้ตัวผู้ก้าวเข้ามาได้ก่อนสิ่งใด
ฟงเจิ้นฮ่าวนั่นเอง…
หนุ่มชาวจีนมีผู้ติดตามมาด้วยสองคน ผู้แรกคือคนสนิทที่รัตติกรเห็นตั้งแต่ช่วงแรกๆที่ถูกจับมา หากแต่อีกคนกลับเป็นชายมีอายุที่อยู่ในชุดกาวน์สีขาวสะอาดตา สังเกตคร่าวๆได้ไม่นานฟงเจิ้นฮ่าวก็ก้าวเข้ามาภายในห้องขัง ดวงตาเรียวรีฉายประกายระยับลุ่มหลง เสริมความน่าขยาดเข้าไปด้วยรอยยิ้มเหยียดกว้างและเสียงหัวเราะแหลมในลำคอที่ระคายหูเหลือคณานับ
รัตติกรขมวดคิ้วและให้ความสนใจกับชายในเสื้อกาวน์มากกว่ามาเฟียโรคจิตตรงหน้า นายแพทย์คนนั้นวางกล่องเครื่องมือลงกับพื้นและมองมาทางเขาด้วยท่าทางหวาดกลัว มือที่มีร่องรอยเหี่ยวย่นให้ได้เห็นบ้างแล้วนั้นสั่นระริกยามที่เอื้อมมือไปเปิดกล่องตรงหน้า เผยให้เห็นภายในที่มีทั้งขวดยาขนาดเล็ก ชุดผ่าตัด รวมไปถึงเข็มฉีดยาและผ้าผันแผล
หมอนี่จะเล่นอะไรกับเขาอีกล่ะ…
“ดีใจที่คุณยังมีสติรอผมกลับมานะครับ ช่วงที่ผมไม่อยู่คงมีเวลาเหลือเฟือให้คุณได้คิดไตร่ตรองสักนิดบ้าง ว่ายังไงครับ ตกลงจะบอกผมได้รึยัง?”แม้จะว่าเช่นนั้น ทว่าท่าทางที่ไม่เป็นเดือนเป็นร้อนเท่าที่ควรกลับทำให้รัตติกรสงสัยว่าอีกฝ่ายมั่นใจอะไรนักหนาว่าจะสามารถเค้นความจริงออกจากปากของเขาได้
“โง่…รึเปล่า? ถ้าผมจะบอก อึก!…คุณก็ไม่ต้องมาอ้อนวอนขอมันจากผมแบบนี้หรอก!! หึ”หนุ่มชาวไทยส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูกเป็นการยั่วโมโหอีกฝ่าย รวมไปถึงใช้ปิดบังอาการสำลักเลือดที่พุ่งวูบขึ้นมาถึงคอ ดูท่าสนับมือที่อีกฝ่ายซัดเข้าชายโครงของเขาจะออกฤทธิ์เข้าให้แล้ว
บาดเจ็บภายใน…มันเริ่มเข้าขั้นวิกฤตแล้วนะ!
เมื่อไหร่ไอ้เจ้านายซังกะบ๊วยของเขามันจะโผล่หัวมาช่วยสักที?
“นั่นสิ…ผมก็เลยไม่หวังว่าจะเค้นอะไรจากคุณในสภาพนี้ได้อีกแล้วล่ะ!!”ฟงเจิ้นฮ่าวกล่าวทั้งรอยยิ้ม มือเรียวยาวตวัดขึ้นคว้าลำคอเพรียวบางเอาไว้อย่างถนัดมือแล้วบีบขย้ำเต็มแรงจนรัตติกรดิ้นพล่าน รอจนกระทั่งอีกฝ่ายเริ่มจะแน่นิ่งไป ร่างในชุดจีนจึงยอมผ่อนแรงลงจนกลายเป็นการจับเอาไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะยิ้มเยาะให้เหยื่อของตนเองที่สำลักไอจนน้ำตาคลอ
แม้จะไม่ใช่น้ำตาที่เกิดจากความหวาดกลัว ทว่าใบหน้าหยิ่งทะนงที่เปรอะเปื้อนไปด้วยสิ่งที่แลดูอ่อนแอเช่นนี้กลับยิ่งทำให้เขาอยากเห็นคนตรงหน้าดิ้นรนครวญครางทั้งน้ำตาภายใต้ร่างของเขายิ่งกว่าสิ่งใด!!
ฟงเจิ้นฮ่าวใช้อีกมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบขวดแก้วใบเล็กขึ้นมา ปลายนิ้วเรียวยาวคลึงขวดนั้นให้กลิ้งไปมาบนฝ่ามือขาวซีด รัตติกรกัดริมฝีปากข่มอาการของตนเอาไว้ คิ้วเรียวขมวดแน่นเมื่อมองเห็นขวดที่ว่า ภายในนั้นบรรจุของเหลวสีใส ปริมาณมีเพียงเล็กน้อย ที่ฝาขวดผนึกไว้ด้วยจุกยางสีเทาอ่อน ลักษณะของขวดชัดเจนว่าเป็นขวดยาที่ต้องใช้เข็มฉีดเข้าเส้นเลือด…
ยาที่เอามาใช้เพื่อให้สารภาพความจริงส่วนใหญ่มักเป็นยาที่อยู่ในกลุ่มกล่อมประสาท อยู่กับมาเฟียพวกนี้ก็ไม่น่าจะเป็นยาที่ใช้ในทางการแพทย์โดยตรงเท่าไหร่นัก หนุ่มชาวไทยเลยสันนิษฐานได้ไม่ยากว่ามันคือยาเสพติดชนิดหนึ่ง!
“แค่ก! หึ…เลยต้องใช้…มอร์ฟีน…มาคุยแทนสินะ? อั่ก!!!”รัตติกรกล่าวทั้งใบหน้ายิ้มเยาะคล้ายไม่รู้สึกรู้สา ทว่าเสียงหัวใจในอกที่กำลังเต้นกระหน่ำเพราะความหวาดกลัวกลับดังก้องกระหึ่ม มือของผู้กระทำลงแรงบีบอีกครั้งความเจ็บปวดที่ได้รับเปลี่ยนเป็นด้านชา หยาดเหงื่อที่เกาะพราวอยู่บนใบหน้าเย็นเยียบขึ้นมากระทันหัน
“!?...” ฟงเจิ้นฮ่าวขมวดคิ้วทันควัน หนุ่มชาวจีนรู้ว่ารัตติกรกลัวเป็นและกำลังกลัว แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้น สติของเจ้าเลขานี่กลับยังมีอยู่เต็มเปี่ยม ดวงตาสีน้ำตาลไหม้คู่นั้นยังคงฉายประกายแวววาวคมกล้า เขาแน่ใจว่าไม่ได้เอ่ยชื่อยาในขวดนี่ออกไปแม้แต่น้อย แล้วทำไมคนคนนี้ถึงรู้ทั้งที่ทำแค่เพียงเหลือบมองมันเท่านั้น?
รองหัวหน้าตระกูลฟงขบฟันแน่น เขาไม่ยอมแสดงอาการหวั่นวิตกให้คนตรงหน้าได้ใจไปกว่านี้แน่นอน ชายหนุ่มกระชับมือตนเองเพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมา สัมผัสเย็นเฉียบของขวดแก้วที่ถือเอาไว้สร้างความอุ่นใจให้เขาอย่างง่ายดาย
มีสิ่งนี้แล้วเขาจะกลัวอะไร? อีกไม่นานความหยิ่งทะนงที่น่ารำคาญนี่ก็จะถูกทำลายจนราบคราบแน่นอน!!
“เก่งจริงนะ…ไม่แปลกใจที่นายท่านเลือกคุณมาเป็นเลขาของเวสเปอร์…เสียดายที่ผมต้องทำงานให้เสร็จก่อน รับรองว่าถ้าคุณพูดมันออกมาเมื่อไหร่ ต่อจากนั้นผมจะพาคุณไปสนุกให้ถึงสวรรค์เลยล่ะ”กล่าวจบฟงเจิ้นฮ่าวก็แย้มรอยยิ้มออกกว้าง เขาคลายมือออกจากลำคอของรัตติกรอย่างอ้อยอิ่ง เฝ้ามองคนตรงหน้าที่สั่นระริกไปด้วยความกลัวที่ยังคงผสานความกล้าเอาไว้ด้วยกัน ลำคอขาวเนียนเป็นรอยแดงช้ำ เสียงหอบหายใจเบาๆฟังดูยั่วยวน ดวงตาแสนสวยคู่นั้นก็ยังฉายประกายดื้อรั้นไม่ยอมคนอยู่เช่นเดิม
“
เอาให้ถึงนรก…ก็อย่าหวัง ว่าจะได้อะไรไปจากผม!!!”
ความรู้สึกที่ควรจะขัดแย้งกัน รัตติกรกลับแสดงมันออกมาพร้อมกันได้…
เพราะสิ่งนี้หรือ ลาร์เฟียร์ เวสเปอร์จึงเก็บคนคนนี้เอาไว้กับตัว?
“ฉีดยาให้เขาซะ!”
ถ้าอย่างนั้น เขาก็จะทำลายคนตรงหน้านี้ให้กลายเป็นเพียงเศษกระเบื้องให้ดู!!!______________________________________
ฉลองการกลับมาของอินเตอร์เน็ต ฮิ้ววว
กลับมาแล้วครับ หลังจากที่รอวันคืนให้บ้านใหม่ที่ย้ายมานี้ติดเน็ตสักที ในที่สุดก็มีแย้วววว
(ที่ผ่านมากลายเป็นฮิคิโคโมริเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน 555)
กลับมาอีกครั้งพร้อมกับทิชชู่กองโต แหะๆ อย่าเอามารัดคอผมนะเอ้อ

อีกครึ่งเดี๋ยวมาต่อฮะ แม่จะพาไปเดิน(ถือของให้)ที่ตลาดครับ 555

ครึ่งหลังนี้คิดถึงใคร เค้ากำลังจะกลับมาครับ

(ยั่วให้อยากแล้วจากไป รองเท้าแตะลอยตามมาเป็นสาย

)
แล้วเจอกันเร็วๆนี้ครับผม
Namioto Yo