****************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0****************************************************
ข่าวการเปิดจอง อ่านได้>>>ที่นี่<<<
พลาดคราวนี้ไม่พิมพ์เพิ่มแล้วนะคะ -----------------------------------
สารบัญตอนที่ 1,
2,
3,
4,
5,
6,
7,
8,
9,
10,
11,
12(END)-----------------------------------------------------------------------
สัตยาธิษฐาน
“ยามแค้น แสนแค้น เคียดขึ้งแค้น
จบแดน ทั่วหล้า ต้องอาสัญ
ยามรัก แสนรัก ปักชีวัน
ผูกพัน ร่วมฝัน กระหวัดกรุม
ยามแค้น แสนแค้น แค่นวินาศ
เผ่นพาด ผ่านภพ สบเพลิงสุม
ยามรัก แสนรัก เร้ารักรุม
ร้อนรุ่ม เร่าเริง เพลิงวิญญาณ์
ยามแค้น แสนแค้น คาดเคืองคิด
ร้อนจิต ปลิดเป่า เหล่าพงศา
ยามรัก แสนรัก ปักชีวา
เคียงครอง หัตถา เจ้าดวงใจ”
ครั้งหนึ่ง เมื่อครุฑได้รับอนุญาตจากพระอินทร์ ให้สามารถจับนาคกินเป็นอาหารได้ ด้วยความแค้น ณ เวลานั้น ครุฑจึงจัดการกับพี่น้องต่างมารดาของตนไปเป็นจำนวนมาก ทว่ากลับมีนาคตนหนึ่งซึ่งรู้ว่าตนกำลังจะถึงฆาต ก็ได้ตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้ภายภาคหน้าได้มีโอกาสแก้แค้นครุฑคืนบ้างโดยได้เป็นที่โปรดปรานของผู้มีอำนาจ ดังเช่นที่ครุฑได้เป็นพาหนะของพระนารายด์ ก่อนที่นาคตนนั้นจะหลบลี้หนีไปซ่อนตัวอยู่ใต้บาดาลในดินแดนอันห่างไกล และจำศีลรอคอยเวลาที่จะมาถึงในอีกไม่ช้า
ทางฝ่ายครุฑ เมื่อเกิดสำนึกผิด ก็กลับไปชุบชีวิตนาคที่ตายด้วยมือของตน ทว่ากลับพบว่านาคขาดไปตนหนึ่งซึ่งหาเท่าไหร่ก็ไม่อาจหาพบ ครุฑจึงได้รู้ว่านาคตนนั้นหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว ด้วยความรู้สึกผิดและอยากจะไถ่โทษ ครุฑจึงอธิษฐานให้วันใดที่นาคตนนั้นกลับมายังพื้นพิภพ ขอให้ตนจุติลงไปในภพมนุษย์ และได้พบกับนาคตนนั้นอีกครั้ง
และด้วยคำอธิษฐานของทั้งสอง จึงดลบันดาลให้เกิดเรื่องราวในปัจจุบัน.....
-------------------------->
ดวงเนตรสีแดงก่ำขยับปรืออย่างเชื่องช้า ปลุกตนเองจากนิทราอันยาวนานราวชั่วกัลป์ สัตว์เทพรูปร่างใหญ่โตค่อยคลายขนด คืบคลานออกมาจากถ้ำอันวิจิตรพิศดารราวกับสรวงสวรรค์ในแดนบาดาล ดวงเนตรคู่นั้นสอดส่ายไปรอบกายก่อนจะสะบัดหางพยุงตัวขึ้นจากพื้น แหวกว่ายไปในสายน้ำที่นิ่งสงบและค่อยๆโผล่พ้นขึ้นมาเหนือผิวน้ำของทะเลสาบอันห่างไกลในป่าใหญ่ ร่างกายใหญ่โตนั้นลาบเลื้อยขึ้นมาบนบก ผ่านพงหญ้ามุ่งไปยังกระท่อมหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบแห่งนั้น กระท่อมซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวห่างไกลจากความวุ่นวายของผู้คน และที่นั่น มันได้พบกับหญิงนางหนึ่งกำลังนั่งปักผ้าอยู่ตรงชานบ้าน เนตรสีแดงราวทัมทิมปรือลงมองดูรอบๆว่ามีใครนอกเหนือจากนี้หรือไม่ ก็พบชายหนุ่มอีกคนกำลังทำไร่อยู่ข้างหลังบ้าน เมื่อเป็นเช่นนั้น นาคจึงรู้ว่าตนได้พบทางที่จะไปสู่คำอธิษฐานของตนแล้ว
ลำตัวซึ่งเต็มไปด้วยเกล็ดสีมรกตเลื้อยกลับเข้าพงหญ้าอย่างเงียบงัน และซุกตัวนิ่งเหนือจอมปลวกใหญ่ในป่า เนตรสีทัมทิมทั้งคู่ค่อยๆปรือหลับลง วางศีรษะลงบนขนดหาง และเฝ้ารอ.....
ดวงตะวันค่อยอ้อยอิ่งลาลับขอบฟ้าในยามพลบค่ำ ทิ้งแสงสุดท้ายสีนวลตาสาดส่องกระทบเกล็ดสีมรกตเป็นแสงแวววาว และกระทบเปลือกตาที่ปิดสนิทให้กระพือเปิดขึ้นอีกครั้ง นาคใหญ่ขยับศีรษะชูชันจับจ้องไปยังกระท่อมหลังนั้นอันเป็นเป้าหมาย ชายหนุ่มหญิงสาวเก็บสำรับอาหารเย็นเสร็จ ทั้งสองก็พยุงกันเข้าบ้านด้วยความทนุถนอม
แสงไฟจากดวงเทียนซึ่งส่องสว่างมาจากในตัวกระท่อมดับมืดลง พร้อมกับแสงสุดท้ายที่ลาลับไปกับขอบฟ้า เสียงสวบสาบจากในพงหญ้าเป็นเสียงเดียวซึ่งบังเกิดขึ้นท่ามกลางความมืดมิด แม้หรีดหริ่งเรไรก็พากันเงียบเสียง มนุษย์สองคนซึ่งเพิ่งเข้าสู่นิทราไม่รู้ความใด
นาคตนนั้นเลื้อยผ่านไร่เข้าสู่ตัวกระท่อมอย่างง่ายดาย ผ่านเพียงชานบ้านเข้าไปก็ได้เจอกับห้องนอนซึ่งมีเพียงฟูกหนึ่งผืน หมอนสองใบ ผ้าห่มบางๆและมุ้งที่กางทับขึงตึงกับสี่มุมห้อง ภายในม่านมุ้งนั้น ปรากฏสองร่างหลับใหลเคียงกัน
เจ้านาคใหญ่พันกายรอบมุ้ง จ้องมองเข้าไปภายใน พบร่างหญิงสาวนอนหงายในท่าสำรวมก็มุดศีรษะเข้าไปในมุ้งอย่างเงียบเชียบ
ศีรษะของมันขยับเข้าไปใกล้ ก่อนจะวางลงบนหน้าท้องของหญิงสาว และแล้วก็บังเกิดแสงสว่างเรืองรองรอบกายทั้งสอง ในบัดนั้น นาคใหญ่ก็หดกายเล็กลงและแทรกผ่านเข้าไปในท้องนั้น ก่อนที่ทุกๆสิ่งจะกลับเข้าสู่ความเงียบสงัดเช่นเดิม ทว่าในตอนนั้นเอง ที่ปรากฏดาวตกสีแดงพุ่งทะยานลงมาจากฟากฟ้าและลับหายไปที่ขอบฟ้าอีกด้านหนึ่ง เสียงหรีดหริ่งเรไรภายนอกกรีดร้องขึ้นอีกครั้ง ชวนวังเวง พิศวง และไพเราะราวเสียงกระซิบบอกเรื่องราวที่กำลังดำเนินไป.....
---------------------------->
ยามเช้ามาถึง แสงตะวันทาบทาขอบฟ้า ส่องแสงกราดทั่วผืนดิน เสียงนกการ้องระงมพากันโผผินจากรังนอนสู่ฟากฟ้าเพื่อหาอาหารแด่ตนเองและลูกน้อย สัตว์น้อยใหญ่ในป่าพากันตื่นจากหลับใหล แทะเล็มหญ้ายอดน้ำค้างริมทางและดื่มกินน้ำในทะเลสาบ
พร้อมกับการตื่นของเหล่าสรรพสัตว์ ชายหนุ่มลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อจะไปทำไร่ ทว่าทันทีที่เข้าเลิกผ้ามุ้งก็ต้องตกตะลึงเป็นการใหญ่เมื่อพบงูมากมายหลากหลายมาชุกชุมอยู่เต็มห้องตั้งแต่พื้นจรดหน้าต่าง ซ้ำพวกมันยังทำราวกับเป็นเจ้าของบ้าน เลื้อยไปมาไม่สนใจว่าเขาจะส่งเสียงไล่อย่างไร ทว่า ทันทีที่ชายหนุ่มคว้าเอาไม้ใกล้ตัวขึ้นมา หมายจะหวดไล่งูเหล่านั้น ร่างกายของเขากลับชะงักค้างราวกับถูกจับยึด งูบางตัวเริ่มหันมาสนใจเขา พวกมันจ้องมองอย่างเงียบเชียบ ตวัดลิ้นสองแฉกอยู่กลางอากาศและชูคอโยกย้ายไปมาราวกับกำลังสำรวจอะไรบางอย่าง ในตอนแรกพวกมันทำท่าเหมือนจะเลื้อยเข้ามาใกล้ แต่ก็ไม่ได้ทำ เพียงครู่เดียวหลังจากนั้น งูทั้งหลายก็พากันแหวกทางให้ชายหนุ่มเดินไป และเลื้อยออกไปนอกหน้าต่าง
ทันทีที่งูตัวสุดท้ายลับหายไปจากสายตา ร่างกายของชายหนุ่มก็กลับมาเคลื่อนไหวได้ดังปกติอีกครั้ง
“คุณจันทร์! คุณจันทร์!” เมื่อคืนสติ ชายหนุ่มก็ทรุดตัวลงเขย่าปลุกภรรยาสาวเป็นการใหญ่
“อืม.....อะไรกันคะ พี่ยศ” หญิงสาวขยับตัวงัวเงีย โงศีรษะขึ้นมาจากหมอนด้วยความสงสัย “พี่ยังไม่ออกไปทำไร่หรือคะ? เดี๋ยวจันทร์ไปเตรียมอาหารให้ก่อนไหม?”
“เอ่อ...คือ....” เมื่อเห็นภรรยาไม่รู้เรื่อง เขาเองก็เริ่มอ้ำอึ้งเพราะเกรงว่าหากเล่าไปจะทำให้เธอหวาดกลัวเสียเปล่าๆ ยศจึงส่ายศีรษะก่อนจะห่มผ้าให้ภรรยาเช่นเดิม “ขอโทษที คือผมเผลอหลับเพลินแล้วฝันร้ายน่ะ”
“ทำตัวเป็นเด็กเชียว” จันทร์หัวเราะ “ไม่นอนแล้วล่ะค่ะ จันทร์จะไปอาบน้ำแล้ว” เธอเลิกผ้า ก่อนจะลุกขึ้นเก็บที่นอนในขณะที่ยศลุกไปอาบน้ำอาบท่าที่ริมทะเลสาบ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังตกใจเรื่องงูไม่หาย หรือจะเป็นเพราะใกล้ฤดูฝน งูจึงเข้ามาอยู่ในบ้านคนเพื่อหลบฝนที่จะตก แต่ว่า เขาไม่เคยเห็นงูมากเท่านั้นมาก่อนเลยทั้งที่อยู่นี่ที่มาก็นานมากแล้ว
หลังจากยศอาบน้ำเสร็จ จันทร์จึงไปอาบบ้าง เธอเปลื้องเสื้อผ้าเก่าออกจากร่างกาย เผยผิวเนื้อที่แตกต่างจากชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ทั้งเปล่งปลั่งและเนียนละเอียดราวกับเนื้อมุก จะมีรอยคล้ำแดดสักนิดก็หาไม่ เพียงแต่ร่างนั้นค่อนข้างผอมบางจากความยากจนที่ต้องเผชิญ
จันทร์นั้น แต่เดิมเธอมีชื่อเต็มว่าจันทร์วนา เป็นบุตรสาวของนักธุรกิจในกรุงเทพสืบสกุลจากเชื้อเจ้าเก่าแก่ ส่วนยศเป็นหลานชายชาวไร่ที่เข้ามาเป็นคนงานในบ้านของจันทร์วนา ทั้งสองตกหลุมรักกันท่ามกลางเสียงคัดค้านและสายตาเยียดหยามของคนในบ้าน ในที่สุด เมื่อจันทร์วนาได้รู้ว่าตนกำลังจะถูกจับคลุมถุงชน เธอจึงตัดสินใจหนีออกมาจากบ้านพร้อมกับยศ ในตอนแรกนั้น กระท่อมหลังนี้มีปู่กับย่าของยศอยู่ด้วย แต่เมื่อเธอมาอยู่ได้ไม่นาน ทั้งสองก็มีอันจากลาไปด้วยโรคชรา ยศจึงทำอาชีพชาวไร่ต่อจากปู่และย่า โดนดูแลไร่มันที่ทั้งสองช่วยกันลงทุนและทำขึ้นมาจนเป็นรูปเป็นร่าง โดยที่จันทร์วนานั้นทำได้เพียงจัดหาสำรับอาหาร ทำงานบ้านเท่าที่จำทำได้ เพราะยศแทบจะไม่ให้เธอต้องทำอะไรเลย ซ้ำน้อยครั้งนักที่จะแตะต้องตัวเธอเยี่ยงสามีภรรยา นั่นเพราะยศยังถ่อมว่าเป็นผู้น้อยอยู่นั่นเอง
จนตอนนี้ พวกเขาก็อยู่ร่วมชายคาเดียวกันมาสามปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโซ่ทองออกมาให้เชยชม
การมาอยู่กระท่อมกลางป่าและไร่เช่นนี้เป็นสิ่งที่จันทร์วนาไม่เคยนึกเดียดฉันท์ เธอสามารถปรับตัวได้ไม่ยาก และคิดว่าป่านี้เป็นเพื่อนของเธอ ทว่าวันนี้เธอก็ต้องนึกแปลกใจเมื่อเธอพบงูกำลังเลื้อยผ่านกอหญ้าไปตอนที่เธอกำลังอาบน้ำ เพราะปกติแล้ว จันทร์วนาไม่ค่อยจะได้พบงูบ่อยนักเนื่องจากพวกมันค่อนข้างระวังที่จะปรากฏตัวให้ใครเห็น
ในตอนแรก จันทร์วนาก็ไม่ได้คิดอะไร แต่อาบน้ำไปครู่หนึ่ง เธอก็แทบจะกรีดร้องเมื่อพบว่ารอบตัวของเธอเต็ทไปด้วยงูใหญ่น้อย ทั้งลาบเลื้อยอยู่บนฝั่ง ว่ายลงมาในน้ำ และห้อยโหนอยู่บนต้นไม้ จันทร์วนาตัวแข็งทื่อไม่รู้จะทำอย่างไร ทว่าก็น่าแปลก ที่งูเหล่านั้นไม่ได้เข้ามาใกล้เธอเลย พวกมันเพียงเลื้อยอยู่ห่างๆเสมือนกำลังระวังอันตรายให้เสียมากกว่า
จันทร์วนาทำใจอยู่นานกว่าจะขยับตัวอีกครั้ง และรีบขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าบนฝั่ง ในตอนนั้น งูก็ค่อยๆเลื้อยหายเข้ารกเข้าพงไปทีละตัว ทีละตัวจนหมด....
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้จันทร์วนาย้อนนึกไปถึงความฝันของเธอเมื่อคืนนี้
เธอฝันว่าในขณะที่เธอหลับอยู่นั้น ร่างกายของเธอพลันเบาโหวงราวกับลอยอยู่บนผิวน้ำ สรรพสิ่งรอบกายไร้ความเคลื่อนไหว ทันใดนั้นที่เธอลืมตาขึ้น เธอก็พบว่าเธอกำลังถูกจ้องมองโดยนาคตัวใหญ่ที่มีตาสีแดงก่ำ มันโผล่พ้นขึ้นมาจากน้ำเพียงส่วนหนึ่ง ที่เหลือพันขดอยู่ใต้ผิวน้ำเป็นที่นอนของเธอ
ตอนที่นาคเคลื่อนกายเข้ามาใกล้นั้น จันทร์วนาไม่ได้รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย แม้แต่ตอนที่นาคตนนั้นเปล่งแสงจะกลายเป็นดวงมณีเล็กจ้อยลอยเข้าสู่อุ้งมือของเธอ
ระหว่างที่เธอกำลังจ้องมองดวงมณีนั้นอยู่ เธอก็กลับถูกกระชากให้ตื่นขึ้นโดยแรงเขย่าตัวจากสามีของเธอเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น จันทร์วนาเลือกที่จะเก็บความสงสัยไว้ในใจ และเมื่อเป็นเช่นนี้ไปชั่วระยะหนึ่ง จันทร์วนาก็เริ่มคุ้นชินกับมัน ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปเพียงสองเดือนนับแต่วันแรกที่เกิดเหตุการณ์ประหลาดนั้น จันทร์วนาก็เกิดเวียนหัวและคลื่นไส้ขึ้นมา เธออาเจียนและรู้สึกไม่อยากอาหาร ทำให้ยศนึกเป็นห่วง
“ไปโรงพยาบาลดีกว่านะ คุณจันทร์” ยศว่า
“เดี๋ยวก็หายน่าพี่ยศ ไปโรงพยาบาลมันแพงจะตายไป” จันทร์วนาตอบ เธอรู้แก่ใจดีว่ารายได้ของครอบครัวนั้นน้อยยิ่งกว่าน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเศรษฐกิจอย่างนี้ ดังนั้นเมื่อใดที่เกิดเป็นไข้ไม่สบายขึ้นมาก็มักจะปล่อยให้หายเองโดยไม่พึ่งหมอ แต่ว่าหลังจากผ่านไปอาทิตย์เต็มๆ กลับไม่มีอะไรดีขึ้นแม้แต่น้อย จันทร์วนาจึงต้องยอมให้ยศพาไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็คสุขภาพที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ
และก็เป็นอย่างที่รู้กันสำหรับโรงพยาบาลรัฐ ทั้งที่พวกเขาไปถึงตั้งแต่ตีห้า กลับได้คิวตรวจเสียบ่าย ช่วงเวลานั้นจันทร์วนาก็ได้แต่นั่งผะอืดผะอมกับอาการคลื่นเหียนที่ไม่รู้สาเหตุ และเมื่อทั้งสองได้พบกับหมอ ผลที่ออกมา ทำให้ทั้งสองตกใจยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น
“ท้องหรือคะ!?” จันทร์วนาถามย้ำ
“ครับ ผลออกมาว่าคุณกำลังท้องแน่นอน ผมขอแนะนำให้คุณทำเรื่องฝากครรภ์เอาไว้ก่อน และมาตรวจทุกครั้งที่หมอนัดนะครับ” นายแพทย์วัยกลางคนท่าทางใจดียิ้มให้เพื่อแสดงความยินดีแก่คู่รักทั้งสอง พร้อมกับขยับมือเขียนใบสั่งยาพร้อมกับเอกสารนัดตรวจแนบไป ทว่าราคาค่าตรวจนั้นทำให้ทั้งสองแทบลมจับ ครั้งต่อๆไปก็ยังจะต้องเสียแบบนี้อีกหลายครั้ง แค่นึกก็ทำให้ขวัญผวาแล้ว
“พี่ยศ....ฉันว่าไม่ต้องฝากครรภ์หรอก คนสมัยก่อนยังคลอดกันเองได้เลย” จันทร์วนากล่าว
“จะบ้าหรือคุณจันทร์! ถ้าลูกเป็นอะไรไปจะทำยังไง!” ยศโวยลั่นอย่างลืมตัว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เด็กคนนี้ก็เป็นลูกของเขากับจันทร์วนา หากว่าเด็กคนนี้จะเป็นอะไรไป เขาสู้ยอมทำงานไม่ลืมหูลืมตาเพื่อพยุงรักษาไว้ให้ดีที่สุดเสียจะดีกว่า และในวินาทีที่เขาคิดขึ้นมาเช่นนั้น คือวินาทีที่เขารู้ตัวว่าได้เป็นพ่อคน....ความรู้สึกบางอย่างรื้นล้นขึ้นมาจนถึงคอ เมื่อสำนึกถึงความรักของความเป็นพ่อซึ่งพึงมีต่อลูกของตน เป็นความรักแบบเดียวกับที่พ่อของจันทร์วนามีให้กับหญิงสาวผู้นี้ซึ่งเป็นดังแก้วตาดวงใจ ดวงแก้วล้ำค่าที่ถูกเขาช่วงชิงมา หัวใจของผู้เป็นพ่อจะเจ็บปวดปานแหลกสลายแค่ไหน
“แล้วเราจะทำยังไงกันดีคะ?” จันทร์วนาเอ่ยขึ้นอย่างกังวล เธอรู้ว่ายศไม่มีทางส่งเสียได้จนถึงกำหนดคลอด
“ผมพอมีหนทาง.....เอาอย่างนี้ คุณจันทร์ไปรอผมที่รถก่อนนะ ผมจะไปทำธุระสักครู่ เดี๋ยวผมตามไป” ยศพูดเพื่อให้อีกฝ่ายคลายใจ และพยุงจันทร์วนาไปส่งถึงรถปิ๊กอัพเก่าๆ ส่วนเขาก็เดินย้อนกลับเข้ามาในโรงพยาบาล และมองหาตู้โทรศัพท์ เขากดต่อสายไปยังเบอร์หนึ่งซึ่งเขานึกอยากโทรหลายครั้งแต่ไม่เคยกล้า
“สวัสดีค่ะ บ้านชลวรินทร์ค่ะ ต้องการเรียนสายใครคะ?” เสียงหญิงรับใช้ในบ้านกล่าวขึ้น
“ยายพิม นั่นยายพิมใช่ไหม?”ยศเอ่ยถามเสียงสั่นพร่า
“เอ๊ะ? นั่น.....เจ้ายศ! แกคือเจ้ายศใช่ไหม!” เสียงฝ่ายนั้นร้องดังขึ้น ก่อนจะรีบหรี่เสียงลงกลายเป็นกระซิบกระซาบ “แกนะแก โทรมาทำอะไรเอาป่านนี้ แกจะทำให้คนแก่หัวใจวายใช่ไหม!” เสียงยายพิมฟังดูคล้ายกำลังจะร้องไห้
ยายพิมคือคนที่เลี้ยงดูจันทร์วนามาแต่เล็กแต่น้อยแทนแม่ที่เสียไปทั้งที่ยังสาว และเป็นญาติของยศซึ่งแนะนำให้เจ้าตัวเข้ามาทำงานในบ้าน เธอรักทั้งยศและจันทร์วนาเหมือนลูกในไส้ ในตอนที่เกิดเรื่องขึ้น ยายพิมก็แทบจะลมจับถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อไปร่วมอาทิตย์
“ขอโทษที่โทรมาป่านนี้ครับยายพิม เอ่อ.....คุณท่านอยู่ไหมครับ?” ยศดูไม่ค่อยจะแน่ใจนักเมื่อเอ่ยถึงคนที่จนถึงบัดนี้คงจะยังโกรธแค้นเขาไม่เสื่อมคลาย
“คุณท่านออกไปทำงาน แต่ท่านยังโกรธแกไม่หาย ยายว่าท่านคงไม่ยอมคุยกับแกหรอก” เสียงยายพิมดูอ่อนระโหย “แล้วนี่คุณหนูจันทร์แกเป็นยังไงบ้าง สบายดีใช่ไหม?”
“ผมจะคุยกับคุณท่านเรื่องนี้นั่นแหละครับ....” ยศเว้นวรรคไปครู่หนึ่งอย่างชั่งใจ “เอ่อ....คุณจันทร์.....กำลังท้องครับ....”
“อะไรนะ!” เสียงยายพิมร้องดังลั่น ก่อนจะตามด้วยเสียงตึงตังจากอีกฝากของสายโทรศัพท์ “โอ๊ย! ตาเถรยายชี! ยาดม! ขอยาดมหน่อยนังกิ่ง!” แล้วเสียงยายพิมก็เงียบไปครู่หนึ่ง แต่มีเสียงพึมพำไม่ได้ศัพท์มาจากฝั่งนั้นแทน คงเป็นเสียงกิ่งแก้ว หลานสาวของแกกำลังตำหนิที่แกออกอาการจนตกอกตกใจกันไปทั้งครัว ซ้ำตัวเองยังจะมาเป็นลมเสียแทน
“ยายพิม ผมฝากบอกคุณท่านด้วยนะครับ แล้วผมจะติดต่อไปใหม่” ยศตัดบทเพราะหากนานไปจันทร์วนาจะนึกสงสัย
“เออๆ ฉันจะบอกคุณท่านให้” เสียงของยายพิมยังไม่ค่อยดีนัก และมีเสียงสูดยาดมแทรกมาเป็นช่วงๆ “แกก็รักษาเนื้อรักษาตัวด้วยล่ะ ดูแลคุณหนูดีๆด้วย”
“ครับ ผมทราบแล้วครับ” ชายหนุ่มว่าก่อนจะวางสายไป เขาถอนหายใจหนักออกมาเฮือกหนึ่ง มือของเขายังสั่นไม่หายตอนที่บอกขอสายคุณท่านใหญ่แห่งบ้านชลวรินทร์หรือพ่อของจันทร์วนา ยศกำมือที่สั่นเทาแน่นแล้วหลับตาลง มีเพียงหนทางนี้เท่านั้นที่เขาจะทำได้ เขาคิดเช่นนั้นก่อนจะผินหลังกลับไปยังรถปิ๊กอัพที่จอดรออยู่ โดยจันทร์วนาออกมายืนรอข้างนอก
เมื่อยศกลับมา หญิงสาวก็ถามด้วยความสงสัย
“ไปไหนมาคะพี่ยศ จันทร์รอตั้งนาน”
“อ้อ ผมไปหาเพื่อนที่เป็นหมอที่นี่มาน่ะคุณจันทร์ เรื่องลูกของเรานั่นแหละ คุณจันทร์ไม่ต้องเป็นห่วง” ยศตอบด้วยรอยยิ้มลำบากใจพลางพยุงจันทร์วนาให้ขึ้นนั่งบนรถ
“รบกวนเพื่อนพี่ยศเปล่าๆ” เธอว่า
“ไม่หรอก เดี๋ยวค่อยทยอยใช้มันทีหลัง” ชายหนุ่มพูดเพื่อให้จันทร์วนาสบายใจทั้งที่ใจเขานั้นกำลังเป็นกังวลอย่างหนัก หากว่า....คุณท่านโกรธจนไม่ยอมรับรู้อะไรอีกแล้วล่ะ....
------------------------------>
สิ่งที่ยศคิดนั้น ได้คำตอบในอีกหลายวันถัดมา เมื่อเขาโทรไปที่บ้านอีกครั้ง และพบว่าคุณท่านไม่อยู่ และยายพิมเป็นคนรับสาย เสียงแกตะกุกตะกักเหมือนจะร้องไห้
“คุณท่านบอกว่าจะรับเป็นภาระค่าใช้จ่ายจนกว่าจะคลอดให้แก”
“จริงหรือครับ!” ยศถามย้ำอย่างลิงโลด แต่แล้ว ประโยคต่อมาก็ทำให้ห่อเหี่ยวไปในทันที
“แต่คุณท่านแกบอกว่า แกมีเงื่อนไข คือต้องยกลูกคนนั้นให้แก ไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็ตาม”
เสียงของยายพิมเหมือนฟ้าผ่ากลางแจ้ง ยศแทบจะล้มทั้งยืนเมื่อรู้ว่าตนไม่มีทางเลือกใดนอกจากตอบตกลง แต่เรื่องนี้เขาจะบอกกับจันทร์วนายังไงดี.....จันทร์วนาจะยอมหรือหากรู้ว่าต้องยกลูกให้กับคนอื่นโดยที่ตนไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้อุ้มชูอย่างที่แม่อื่นๆได้ทำ
ยศเก็บงำเรื่องนี้ไว้เป็นความลับไม่บอกจันทร์วนา แต่ใช่ว่าเขาไม่อยากบอก แต่เพราะไม่รู้ว่าควรจะบอกอย่างไร จนเวลาล่วงเลยมาใกล้กำหนดคลอด ยศต้องตื่นขึ้นกลางดึกเมื่อได้ยินเสียงครวญครางของผู้เป็นภรรยา เสียงนั้นบ่งบอกถึงความเจ็บปวดเหลือประมาณ ยศลืมตาผุดลุกขึ้นหมายจะถามว่าเป็นอะไร แต่เขาก็ต้องชะงักค้างเมื่อเห็นงูตัวหนึ่งเลื้อยขึ้นมาพันขดบนหน้าท้องกลมเป่งนั้น ยศรีบหันไปหาไม้ ทว่าเมื่อเขาหันกลับมา งูตัวนั้นก็กำลังจ้องหน้าเขา ลูกนัยน์ตาเรียวรีน่าขนลุกของมันกำลังจ้องเข้าไปในดวงตาของเขา และแล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในสมอง ราวกับงูตัวนั้นกำลังพูด
.....ในน้ำ......ต้องเกิดในน้ำ..... สิ้นเสียง งูตัวนั้นก็ส่งเสียงฟ่อครั้งหนึ่ง แล้วเลื้อยจากไป อาการเจ็บปวดของจันทร์วนาก็ค่อยทุเลาลง เธอหลับไปอีกครั้งพร้อมกับความค้างคาในใจของยศ
รุ่งเช้า ยายพิมก็โทรมาหา
“เจ้ายศ คุณท่านบอกว่าให้พาคุณจันทร์มาฝากท้องที่โรงพยาบาลในกรุงเทพแน่ะ”
“เอ๋ ทำไมล่ะครับ โรงพยาบาลเอกชนแถวๆนี้ก็ได้” ยศสงสัยเป็นอย่างมาก เพราะการเดินทางไปกรุงเทพนั้นไม่ใช่ง่ายๆเลย ซ้ำหากไปฝากครรภ์ที่กรุงเทพ เขาก็ต้องทิ้งไร่ไปหาที่พักอยู่ใกล้ๆ เพื่อว่ามีอะไรเกิดขึ้นจะได้พาจันทร์วนาไปโรงพยาบาลได้ทันเวลา
“คุณท่านแกบอกว่า.....” เสียงยายพิมกลายเป็นเสียงกระซิบ “....แกฝันว่ามีพญานาคมาบอกแก ให้ทำคลอดเด็กในน้ำเท่านั้น แกเลยให้มาติดต่อฝากครรภ์กับโรงพยาบาลที่มีบริการทำคลอดในน้ำน่ะสิ”
คำของยายพิมทำให้ยศแข็งค้างไปชั่วขณะ สิ่งที่งูตัวนั้นพูด เขาไม่ได้คิดไปเอง มือของยศสั่นขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ ตั้งแต่เรื่องงูในห้องนอน และต่อมาก็มักจะมีงูเข้ามาอยู่ในบ้าน จนล่าสุดนี้ ยศชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าลูกของตนเป็นอะไรกันแน่
“ยศ เจ้ายศ! ยังอยู่หรือเปล่า!” เสียงยายพิมก้องอยู่ในหูและดังขึ้นจนตื่นจากภวังค์
“ครับ....ครับ ยังอยู่ครับ” เขาตอบกลับไป
“เออ ฉันก็ตกใจนึกว่าแกเป็นลมไปซะแล้ว มันก็แค่ฝันเท่านั้นแหละ นาคเนิกมีที่ไหนกัน” ยายพิมว่า “แต่คุณท่านแกอยากทำให้สบายใจ นี่ก็ส่งตั๋วเครื่องบินไปแล้ว พรุ่งนี้คงถึง คุณท่านหาที่พักไว้ให้แล้วด้วยที่อยู่อยู่ในซองที่ส่งตั๋วเครื่องบินไปนั่นแหละ แกก็รีบพาคุณจันทร์มาก็แล้วกัน”
“ทราบแล้วครับ ฝากขอบคุณคุณท่านด้วยนะครับยายพิม ถ้ามีโอกาสผมจะไปกราบท่านให้ได้”
“เอาเรื่องของแกให้พ้นก่อนเถอะ” ยายพิมทิ้งท้ายก่อนจะวางสายไป
----------------------------->