งานมงคลสมรสในช่วงเช้าเป็นการทำบุญและตักบาตร ทั้งสองตัดพิธีหมั้นออกไปเพราะได้จัดไปก่อนหน้านี้แล้วที่บ้านเกิดของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าบ่าว... โตยธรอยู่ในชุดผ้าไหมไทยสีเหลืองนวลคอปกตั้ง เข้าคู่กันกับชุดไทยของเจ้าสาวที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหมไทยสีเหลืองนวลตาไม่ต่างกัน... ทั้งสองประดับรอยยิ้มแต้มไว้ที่ปากแทบจะตลอดเวลา... ทำเอาคนเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวอดที่จะคิดไม่ได้ว่า...การแต่งงาน...มันมีความสุขขนาดนั้นเลยเหรอ...
รังสิมันต์สำรวจรอบลานที่จัดงาน... มันมีซุ้มวางอาหารคาว อาหารหวาน และเครื่องดื่มอยู่สามซุ้ม... บริเวณหน้างานมีทางเข้าออกอยู่ทางเดียว และตรงปากทางยังมีซุ้มดอกไม้ที่ทำไว้ไม่ใหญ่มากนักประดับตกแต่งอยู่ มันเป็นการบีบบังคับให้ผู้เข้างานต้องเดินเข้าเท่านั้น และเข้าได้พร้อมกันคราวละไม่เกินสามคน... ช่วงเช้าแขกที่มาร่วมงานมีเพียงญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายชายและฝ่ายหญิงเท่านั้น แถมบุคคลแต่ละคนก็แทบจะมีบอดี้การ์ดประกบเป็นตัวต่อตัวทั้งสิ้นเมื่อกิตติศัพท์ในวงการของแต่ละคนเด่นดังไม่น้อยเลย...
คนของเขาและของโตยธรกระจัดกระจายปนไปทั่วงาน ทั้งที่ใส่ชุดดำผูกเนคไทด์เป็นสัญลักษณ์ และทั้งที่เป็นบริกรหรือนักดนตรีก็มี... ดูซิว่า...ระบบป้องกันเยอะขนาดนี้มันจะหาวิธีเข้ามาล่มงานได้ยังไง...
ส่วนน้ำฟ้ากับหนูลินก็ยืนประจำอยู่แถวซุ้มอาหาร คอยดูแลอาหารคาวอาหารหวานและเครื่องดื่ม... ใกล้ๆกันก็มีคุณหมอณัฐกานต์ และคุณหมอกคอยวนเวียนอยู่ด้วยตลอด... แน่นอนว่าลูกน้องของเขาทั้งมาคัสและซึโยชิ รวมไปถึงลูกน้องของโตยธรอีกสองสามคนก็ยืนคอยระวังความปลอดภัยอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนักด้วย... แต่ดันมีสิ่งหนึ่งที่เป็น 'ส่วนเกิน' มาคอยวนเวียนอยู่แถวนั้นด้วยนี่สิ... ที่เขาอยากให้มาคัสคอย 'ระวัง' และคอย 'กัน' ให้มันอยู่ห่างๆหน่อย... เขาให้มาถ่ายรูปคู่บ่าวสาวไม่ใช่เหรอ...ไม่ใช่ถ่ายรูปคู่น้ำฟ้ากับ 'ลูกชาย' ของเขาแบบนั้น...
"คุณรังสิมันต์คะ... น้ำค่ะ..." เสียงหวานใสๆดังขึ้นใกล้ตัว... พร้อมแก้วน้ำใบเตยหวานอ่อนๆที่ยื่นมาให้ตรงหน้า ทำให้รังสิมันต์ต้องละสายตาจากการจับจ้องดูน้ำฟ้าและหนูลินมารับไมตรีจากหญิงสาวตัวเล็กผิวขาวตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย...
"ขอบคุณครับ..." บอกตามตรง...แม้แต่ชื่อผู้หญิงคนนี้เขาก็ยังจำไม่ได้เลย...
"อาหารในงานอร่อยมากเลยนะคะ... ทั้งผู้ใหญ่แล้วก็พวกเราชอบกันมาก... พี่ชายยัยม่านนี่เก่งจริงๆนะคะ..." หญิงสาวชวนคุย... มุกลดา...เป็นลูกสาวของว่าที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง หล่อนเป็นเพื่อนเรียนและเพื่อนเที่ยวของม่านมานานตั้งแต่ชั้นมัธยมฯ... งานวันนี้หล่อนจึงได้มาร่วมในฐานะของเพื่อนเจ้าสาว... และแน่นอนว่าความหล่อเหลาเอาการของเพื่อนเจ้าบ่าวคนนี้ก็เข้าตาเธอไม่น้อย หล่อนสะดุดตาชายหนุ่มตั้งแต่งานเลี้ยงสละโสดเมื่อคืนแล้ว... สอบถามมาจากยัยม่านก็ได้รับคำตอบว่าโสดสนิท... แถมเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงหัวโบราณขนาดที่ไม่กล้าเข้าใกล้ผู้ชายที่ชอบก่อน... แค่เป็นฝ่ายชวนคุยสร้างสัมพันธไมตรีก่อนมันก็ไม่น่าเกลียดอะไรนักนี่ในยุคปัจจุบัน... สิทธิของผู้หญิงมันเท่าเทียมกับผู้ชายมตั้งนานแล้ว... มุกลดาจึงเดินเข้ามาชวนชายหนุ่มตัวสูงสมาร์ทสเป็คเธอคนนี้สานสัมพันธ์ด้วยรอยยิ้ม...
"ครับ..." รังสิมันต์ตอบรับเพียงสั้นๆ จากนั้นจึงจิบน้ำเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทและเพื่อบ่งบอกว่าเขาก็ไม่ได้อยากคุยกับหล่อนอะไรมากมาย รู้เพียงแต่ผู้หญิงใบหน้าลูกครึ่งคนนี้เป็นเพื่อนเจ้าสาวของม่าน... แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก... แต่เมื่อหล่อนมาส่งเจตนารมย์ให้เขาถึงที่ขนาดนี้จะหันหนีไปเลยอย่างที่เคยทำก็ลำบาก... ในเมื่อผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เสป็คเขาเลยแม้แต่นิดเดียว...
"ชื่อมุกนะคะ... มุกลดา ลูกสาวเจ้าสัวอิทธิพล... ทรัพย์ไพศาลศิลป์..." หญิงสาวแนะนำตัวเองก่อน ด้วยความที่มีเชื้อเป็นลูกครึ่งอยู่ด้วยทำให้หล่อนมีความกล้าและมั่นใจในตัวเองสูงกว่าหญิงไทยพอสมควร... "แล้วคุณชื่ออะไรเหรอคะ..." ความจริงหล่อนรู้มาก่อนแล้วว่าเขาชื่อรังสิมันต์ แต่ยังไม่ทราบนามสกุลนี่สิ...
"รังสิมันต์ครับ..." ชายหนุ่มตอบอย่างขอไปที แต่เมื่อเห็นหญิงสาวทำเพียงพยักหน้าเข้าใจแต่ก็ไม่ได้เดินหนีไปไหนจึงต้องบอกต่ออีกนิด... "รังสิมันต์ ภูบดีอัศวเมศวร์ครับ..."
"เอ๊ะ...ภูบดีอัศวเมศวร์... คุณเป็น...ลูกชายคุณศิลา...เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คนนั้นน่ะเหรอคะ...!" ท่าทางของหล่อนดูตกใจกับนามสกุลของเขาจริงจัง ก่อนที่คิ้วเรียวสวยจะผูกเป็นโบว์แล้วถามเขากลับว่า "แต่...เห็นเขาบอกว่าลูกชายของคุณลุงศิลาอยู่เมืองนอกทั้งสองคนนี่คะ...แล้วคุณ..."
"ผมเพิ่งกลับมาครับ... เพื่อมาร่วมงานแต่งนายโต..."
"อ๋อ..." หญิงสาวนามมุกลดาพยักหน้าเข้าใจ แล้วยิ้มให้รังสิมันต์ก่อนจะชวนคุยเรื่องอื่นต่อ แม้ว่าชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาคมคายจะเพียงถามคำตอบคำ แต่มุกลดาก็เข้าใจไปว่าคงจะเป็นนิสัยขี้อายหรือนิสัยส่วนตัวของเขาที่ทำให้รังสิมันต์กลายเป็นคนพูดน้อย... อืม...จะว่าไปหน้าตาของคุณรังสิมันต์นี่ก็เพอร์เฟค แถมฐานะบิดาเธอก็คงจะไฟเขียวผ่านตลอด... นี่ถ้าหล่อนได้เป็นคนสนิทของชายหนุ่มคนนี้ก็คงดีสินะ... มุกลดาได้แต่คิดในใจเอาเองคนเดียว... ในขณะที่ใบหน้าแต่งแต้มบางเบายังคงพยายามชวนรังสิมันต์คุยต่อไปเรื่อยๆ...
ไกลออกไปตรงบริเวณซุ้มของคาว... หนูลินกำลังเอานิ้วจะจิ้มลงในยำส้มโอและปลาแซลมอน ดีที่น้ำฟ้าซึ่งมือหนึ่งกำลังตักแกงนพเก้าเพื่อดูว่าสมควรจะเอามาเติมได้หรือยังหันมาเห็นทัน... หนูลินเลยร้องประท้วงเพราะอดชิมเนื้อส้มโอที่ทันหยิบติดมือมาชิ้นหนึ่ง...
"อาววว..."
"ไม่เอา... หนูมีแต่เหงือกนะ...หนูจะกินได้ยังไงครับ..." น้ำฟ้าถาม มือก็จับมือน้อยให้ป้อนชิ้นส้มโอเข้าปากตัวเองแทน... จากนั้นก็ก้มลงหอมแก้มนุ่มดังฟอดเมื่อมันพองลมราวไม่ค่อยจะปลื้มนัก... "เดี๋ยวของหนูเป็น Rice Cereal ผสมนมหวานก่อนดีมั้ยลูก... แล้วพอหนูมีฟันแล้วหนูค่อยกินส้มโอนะ..."
"โมะ...มะ...อะ...อาา" หนูลินส่งเสียงตอบแล้วพยายามก้มลงหยิบส้มโอชิ้นใหม่เพื่อจะเอาเข้าปากให้ได้ แต่น้ำฟ้ากลับพาลูกเดินไปนั่งลงที่โต๊ะภายในซุ้มนั้นแล้วจับหนูลินนั่งพิงแขนข้างหนึ่ง... อีกข้างก็ยื่นมือไปรับถ้วยข้าวเด็กเล็กๆมาจากมือเพื่อน...
"ฉันผสมนมให้แล้ว... แกลองป้อนหนูลินทีละนิดก่อนนะ แล้วลองสังเกตดูว่าถ้าแกไม่กินก็อย่าไปฝืน ให้ป้อนนมตามไปก่อน..."
"โอเค..." น้ำฟ้าตอบรับ... มือหนึ่งเอาจับช้อนเด็กตักอาหารเสริมเด็กที่มีลักษณะข้นๆราวซุปขึ้นมาเล็กน้อย... วันนี้เป็นวันที่หมอกานต์คำนวณให้แล้วว่าหนูลินควรเริ่มทานอาหารเสริมได้ เขาเลยศึกษาเรื่องนี้มาบ้างจึงพยายามขยับปรับท่านั่งทั้งของตัวเองและหนูลินให้พอดี เพื่อให้มืออีกข้างนั้นว่างสำหรับป้อนอาหาร แต่มันก็ไม่ค่อยถนัดเมื่อหนูลินพยายามขยับตัวยุกยิกอยู่ตลอดเวลา...
"มาครับ...พี่ช่วย..." ธาดายื่นมือเข้าช่วยประคองช้อนที่ตักอาหารเด็กอ่อนมาถือไว้เอง...
"ครับ...ขอบคุณ... อึ๊บฉึ่ง..." น้ำฟ้าบอกขอบคุณก่อนจะสอดสองแขนเข้าขยับลูกน้อยให้นั่งดีๆแล้วก้มลงหอมแก้มเร็วๆแล้วยื่นมือจะมารับช้อนตักอาหารเสริมที่ธาดาถือไว้ให้ก่อนหน้านี้ ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มกลับนั่งยองลงให้ระดับเสมอหนูลินแล้วยกช้อนขึ้นจ่อปากเล็กๆนั่นแทน...
"หม่ำๆเร็วครับ...คนเก่ง..." ธาดายิ้มละมุนให้เด็กน้อย แต่หนูลินกลับเม้มปากแน่นจ้องตากลมโตไปที่คนถือช้อนป้อนใกล้ปากเขา ก่อนจะสะบัดหน้าสะบัดแขนเกาตัวเองเพราะไม่ยอมกิน... ธาดาหน้าเจื่อนไปเล็กน้อยแต่คุณหมอกานต์ที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆกลับพูดขึ้นมาว่า...
"แกยังไม่ชินกับช้อนน่ะครับ... แล้วก็คงยังไม่คุ้นกับคุณธาดาเท่าไหร่แกเลยไม่ยอมกิน... ฟ้าลองป้อนแกดูสิ... ให้หมูน้อยนั่งทานนะ จะได้ฝึกความเคยชินเวลาทานอาหารไปด้วยในตัว..." หมอกานต์แนะนำ... น้ำฟ้าพยักหน้ารับแล้วรับช้อนจากธาดามาถือเอง... ซึ่งชายหนุ่มก็ยื่นส่งให้แต่กลับหยิบผ้าอ้อมที่น้ำฟ้าแขวนไว้ที่บ่ามาถือไว้แทน...
"เผื่อหลานทำเปื้อน...พี่จะคอยเช็ดให้..." ธาดาตอบ... น้ำฟ้าฝืนยิ้มมุมปากให้เล็กน้อยแล้วพึมพำบอกขอบคุณ... หรือที่เขาตอบไปเมื่อวานมันจะเป็นการให้ความหวังมากเกินไปนะ... น้ำฟ้าเผลอคิดขึ้นมาวูบหนึ่งเมื่อมองตามสายตาของธาดาที่มองหนูลินด้วยความเอ็นดูและพยายามดูแลอยู่ตลอด...
"คุณรังสิมันต์ มีอะไรเหรอคะ..." มุกลดาที่เดินตามชายหนุ่มร่างสูงผู้รั้งตำแหน่งเพื่อนเจ้าบ่าวของงานมาขาแทบขวิดถามขึ้น... เมื่อจู่ๆรังสิมันต์ก็ออกเดินจ้ำอ้าวไม่พูดไม่จาและเหมือนจะไม่ได้คอยหล่อนเข้ามาในซุ้มอาหาร... แล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะๆหนึ่งที่มีผู้ชายอยู่ก่อนแล้วสามคนกับเด็กชายแก้มป่องอีกหนึ่ง ที่หล่อนจำได้รางๆว่าเป็นหนึ่งในบรรดาเด็กน้อยที่ทั้งยัยม่านและบรรดาเพื่อนๆเจ้าสาวคนอื่นเมื่อคืนติดกันงอมแงม...เพียงแต่หล่อนไม่รู้ว่านี่เป็นลูกของใครเท่านั้นเอง...
รังสิมันต์ไม่ตอบคำถามของมุกลดาแต่กลับก้มลงนั่งยองเหมือนธาดาแล้วเอานิ้วโป้งเช็ดรอบขอบปากน้อยๆ เมื่ออาหารเสริมช้อนแรกที่น้ำฟ้าป้อนให้ถูกกินไปแล้วมันเลอะ...
"จะป้อนอาหารลูกทำไมไม่บอก..." เมื่อเสร็จเขาก็จงใจเมินชายหนุ่มอีกคนที่ถือผ้าค้างไว้แล้วหันมาขมวดคิ้วใส่น้ำฟ้า ที่ยังนั่งอึ้งอยู่เมื่อจู่ๆชายหนุ่มก็เดินบุกเข้ามาถึงตัว...
"เอ๊ะ...ลูก...ลูกใครคะ..." มุกลดาถาม... รู้สึกตะหงิดในใจเมื่อเห็นท่าทางดูแลเด็กของรังสิมันต์และอาการออกปากเรียกเด็กตัวเล็กแก้มป่องคนนี้ว่า 'ลูก' อย่างชัดเจน... อย่าบอกนะ...ว่าที่หล่อนได้ข่าวมาว่าชายคนนี้ยังโสดมันเป็นเรื่องโกหก...
"ลูกชายผมเอง...ชื่อไวโอลิน..." พอถึงตรงนี้รังสิมันต์กลับรู้สึกยินดียิ่งที่ได้ตอบคำถาม ชายหนุ่มหันไปตอบด้วยรอยยิ้มให้กับมุกลดา... ผิดกับสีหน้าคนอุ้ม 'ลูกชาย' คนที่ว่า... ซึ่งนั่งอ้าปากค้างจะเถียงแต่เถียงไม่ออก...
"คือ...ไม่ใช่..."
"ลูกชาย ! นี่คุณรังสิมันต์มีลูกแล้วเหรอคะ... ก็ไหนว่า...โสด..." มุกลดาค่อยเงียบเสียงเมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะพูดอะไรออกไป... ชายหนุ่มต้องรู้แน่แล้วว่าเธอไปแอบสืบเรื่องของเขามาก่อน...
"ผมยังไม่ได้บอกคุณเลยว่ายังโสด... นี่ไง... หน้าเหมือนผมมั้ย..." รังสิมันต์จงใจโอบมือไปอ้อมตัวน้ำฟ้าแล้วก็รัดหนูลินเอาไว้พร้อมกัน... หนูน้อยก็นึกยังไงไม่รู้เลยยิ้มตาหยีพร้อมหัวเราะตีมือเปาะแปะชอบใจ... รังสิมันต์ได้ทีจึงเอาจมูกโด่งไปดุนจมูกเล็กของเจ้าตัวน้อยโชว์ รู้สึกสะใจและพอใจมากในเวลาเดียวกัน เมื่อชายหนุ่มอีกคนทนนั่งอยู่ต่อไม่ไหวต้องยืนขึ้นมองแล้วถอยหลังออกไปพอสมควร...
"ละ...แล้วถ้างั้น...ไหนล่ะคะแฟนคุณ... แม่ของเด็ก...เอ้ย...น้องไวโอลิน..." ...โธ่...มีเมียแล้วงั้นเหรอเนี่ย... แล้วทำไมถึงไม่มีข่าวกันเลยนะ... ลูกชายคุณศิลาแต่งงานมันก็น่าจะเล็ดลอดออกมาบ้างสิ...
"แม่ของหนูลิน...เสียไปแล้วครับ..." รังสิมันต์ตอบ สองแขนชูขึ้นขออุ้มและหนูลินก็โผเข้าหาอย่างไม่ลังเล ทิ้งให้น้ำฟ้ารีบกุลีกุจอวางช้อนลงในถ้วยแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อจะเอาตัวหนูลินคืน... แต่มือหนาแข็งแกร่งที่เอื้อมมาจับมือเขาไว้แล้วบีบแรงๆก็เป็นสัญญาณที่เขาพอจะรู้ว่าชายหนุ่มกำลังสั่งให้เขาเงียบปาก...
"แม่แท้ๆของแกเสียไปแล้ว... ผมกับเด็กคนนี้เลยจะรับแกเป็นลูกบุญธรรม..." รังสิมันต์ตอบเพียงเท่านั้นแล้วก็ไม่อธิบายอะไรต่อ... ไม่ว่าทั้งมุกลดาและธาดาที่ยืนอยู่ตรงนั้นจะเข้าใจไปว่าอย่างไรเขาก็ไม่สน... แต่ตอนนี้เขากำลังพอใจที่ได้ประกาศความเป็นเจ้าของหนูลินต่อหน้าทุกคน... อีกทั้งยังสามารถบอกนายธาดาได้เป็นนัยๆเช่นกันว่าไม่ว่าจะยังไง...เขากับน้ำฟ้าก็ต้องกลายมาเป็นครอบครัวเดียวกันแน่นอน เมื่อเขาทั้งสองคนมีหนูลินเป็นตัวเชื่อมอยู่แบบนี้...
"ผมขออนุญาตพาลูกเข้าบ้านก่อนนะครับ... ข้างนอกแดดเหมือนจะแรง เดี๋ยวหนูลินจะไม่สบาย..." พูดจบมือแข็งแรงก็จับดึงน้ำฟ้าให้ออกเดินตาม... เด็กหนุ่มทันเอี้ยวคอไปมองด้านหลังว่าธาดากำลังมองตามเขาอยู่... และผู้หญิงคนนั้นที่ตามรังสิมันต์มาก็กำลังนิ่งอึ้งอ้าปากค้างไปเหมือนกัน...
...นายคนนี้คิดจะทำบ้าอะไรอีกเนี่ย...! น้ำฟ้าอยากจะถามแต่ก็ถามไม่ออกอีกครั้งเมื่อแรงดึงที่มือไม่ถนอมเลย... ตัวบางปลิวติดมือแกร่งไปตามแรงดึงจนเจ็บ... พอครวญบอกออกไปว่าเจ็บชายหนุ่มก็เลื่อนมาเป็นจับต้นแขนเขาแทน... แล้วก็พาเดินจ้ำเอาๆไม่พูดไม่จาเข้าบ้านไป...
ส่วนหมอกานต์ที่มองอยู่ก็ถอนหายใจยาวออกมาหนึ่งที โอ๊ย...อีตาหัวหน้านายฝรั่งมันจะมีอาการออกนอกหน้าเกินไปแล้วนะ... นี่เห็นเพื่อนเขาเป็นอะไรเนี่ย นึกจะพูดอะไรก็พูด นึกจะดึงจะฉุดก็ทำเอาตามใจ... ไอฟ้านี่ก็กระไร ขัดขืนเขาไม่ได้เลยงั้นเหรอ....
แล้วพอเงยมองบุคคลอีกสองคนที่ยังยืนเงียบหลังจากโดนรังสิมันต์พูดตอบ ก็นึกเห็นใจทั้งคุณธาดาและหญิงสาวลูกครึ่งคนนั้นอยู่นิดหน่อย... แต่จะให้เขาทำอะไรในตอนนี้ดีล่ะ... นอกจากหยิบชามนี่แล้วเดินตามเอาไปให้... โอ๊ย...จะทะเลาะกันก็อย่ามาลำบากคนอื่นเขานักเลย...
"มาคุณ...ผมถือให้..." มาคัสที่เดินตามคุณหมอตัวเล็กมาออกปากบอก...
"...อ่ะ..." และคุณหมอก็ไม่ขัดศรัทธา อยากลำบากช่วยเขาก็ตามใจ...
"เจ้านายของนายนี่เป็นเกย์หรือเปล่า..." แล้วคุณหมอที่อดไม่ได้ก็ถามลูกน้องผมทองขึ้นมาตรงๆ มาคัสทำเป็นขมวดคิ้วแต่ก็ตอบกลับให้ว่า
"ไม่น่าใช่นะ... ปกติบอสผมนอนแต่กับผู้หญิง... ยังไม่เคยนอนกับผู้ชายเลย..."
"...แล้วจะเอาฟ้าเป็นคนแรกว่างั้น?..."
"ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งที่รัก..." มาคัสพูด เริ่มรู้สึกแล้วว่าคุณหมอณัฐกานต์ที่ชักจะพูดตรงเกินไปแล้ว...
"เฮอะ...แล้วไอที่ประกาศออกไปโต้งๆแบบนั้นจะให้คิดว่ายังไง... เราสองคนจะรับเด็กคนนี้เป็นลูกบุญธรรม... บอสคุณเขารู้มั้ยว่ามันเป็นประโยคของคู่สามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันมานานแต่ไม่ลูกซักทีเขาพูดกันน่ะ... ไม่ก็พวกคู่เกย์ที่จดทะเบียนเป็นพาร์ทเนอร์กันเรียบร้อยแล้วเตรียมมีลูกโดยการรับเด็กมาเลี้ยง... เฮ้อ...นี่เจ้านายคุณเพี๊ยนหรือยังสับสนในชีวิตตัวเองกันแน่เนี่ย..."
"พูดแรงไปแล้วนะลูกแมวน้อย..." ถึงตรงนี้มาคัสก็คว้าข้อมือของคนที่จ้ำพรวดๆไม่ดูทางให้หยุดคุยกัน ก่อนจะเอ่ยต่อว่า "...ให้เราคิดถึงหลักความจริงนะ ไม่เข้าข้างเจ้านายผม หรือเพื่อนของคุณ... แต่ลองมองผ่านหัวใจของคุณหนูลินดู... แกเกิดมาโดยมีแค่คุณฟ้าคนเดียวที่เป็นญาติสนิทที่สุด... แต่ในตอนนี้ไม่ใช่แล้ว... คุณหนูยังมีคุณปู่ คุณย่าที่รอแกอยู่... ยังมีคุณลุง แล้วก็ยังมีอาอย่างผมด้วย... ถ้าเราลองคิดแบบมองผ่านเรื่องเพศไป... ตอนนี้คุณหนูลินมีคุณฟ้าเป็นแม่...แล้วถ้าจะมีบอสของผมเป็นพ่อ...มันก็ไม่น่าแปลกอะไรนี่จริงมั้ย..." มาคัสถ่ายทอดสิ่งที่ตัวเองกำลังคิดให้สื่อไปถึงอีกคนฟัง... คุณหมอณัฐกานต์เป็นผู้ฟังที่ดีโดยการฟังจนจบแล้วถึงออกปากถาม...
"เดี๋ยวนะ...หมายความว่ายังไง...คุณเป็นอา...ของหนูลิน...?" คุณหมอเด็กเอียงคอนิดๆ มาคัสคลายคิ้วขมวดแล้วร้องอ๋อเบาๆ...
"คุณอาจจะไม่รู้ว่าผมกับบอสจริงๆแล้วเราเป็นญาติห่างๆกันน่ะ..." มาคัสตอบ... ในตอนแรกคุณหมอเด็กขมวดคิ้ว แต่แป๊บเดียวก็คลาย ก่อนพยักหน้าเข้าใจ จากนั้นจึงถามต่อ...
"แล้วคุณหมายความว่ายังไง... ที่ว่าหนูลินมีฟ้าเป็นแม่...แล้วให้เจ้านายคุณเป็นพ่อของแก..."
"ก็...ตรงตัวนั่นแหละ... ในเมื่อคุณฟ้าเป็นแม่ให้คุณหนูลินได้ คนที่มีศักดิ์เป็นลุงอย่างเจ้านายผมก็ควรจะเป็นพ่อได้เหมือนกัน อย่างน้อยคุณหนูลินก็มีสายเลือดของทั้งคู่อยู่รวมกัน เอ้าถ้าผมลองให้คุณเลือกนะ... ระหว่างให้คุณหนูลินมีเจ้านายผมเป็นพ่อ กับมีคุณธาดาเป็นพ่อ...เป็นคุณคุณจะเลือกใคร..."
"..." คุณหมอทำหน้านิ่งนิ่งคิด...แล้วจึงเอ่ยออกมาว่า "...แต่คุณธาดาเขาก็เป็นคนดีนะ คอยดูแลฟ้า แล้วเขาก็แสดงออกมาตรงๆเลยด้วยว่าต้องการจะจีบฟ้า..."
"แต่คุณหนูลินไม่มีสายเลือดของเขานะคุณ..."
"แต่ถ้าเขาจะดูแลหนูลินได้ดีกว่า... เราก็ควรปล่อยให้เขาได้ทำหน้าที่ 'พ่อ' ไม่ใช่เหรอ..." คุณหมอพยายามแย้ง
"แล้วลูกแมวน้อยเอาอะไรมาตัดสินล่ะครับ... ว่าใครทำหน้าที่ของพ่อได้หรือไม่ได้..." มาคัสยังตั้งคำถามต่อไป จนคุณหมอเด็กเริ่มรู้สึกเหนื่อยใจที่จะตอบ...
"เฮ้อ...พอเถอะ... เถียงกับคุณไปพรุ่งนี้ก็คงไม่จบหรอก แล้วไม่ว่าผมจะเลือกใครมันก็ไม่มีผลอะไรทั้งนั้นล่ะ สุดท้ายแล้วผมก็ยังเคารพการตัดสินใจของฟ้าเขาอยู่ดี... ไม่ว่าสุดท้ายแล้วฟ้าจะเลือกตอบรับคุณธาดา หรือยอมให้เจ้านายคุณเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเขา... ผมก็เป็นแค่คนนอกที่ทำได้แค่คอยเอาใจช่วยเขาเท่านั้นเอง..." คุณหมอกานต์ตอบ...สายตามองผ่านไปทางบ้านใหญ่ที่เห็นน้ำฟ้าโดนดึงตัวเลี้ยวผ่านมุมบ้านเข้าไปด้านในได้ไม่นาน...
"เอ้า...เอาเข้าไปให้ด้วยแล้วกัน... ผมจะไปหาพี่หมอก..." สั่งเสร็จสรรพคุณหมอตัวเล็กก็เงยหน้าจ้องตาฝรั่ง...
"...ได้ครับ...ที่รัก..." มาคัสก็ทำตาพราวระยับใส่ คุณหมอเด็กทำท่าโก่งคออ้วกก่อนตอบ...
"เลิกเรียกเสียทีเถอะที่รงที่รักอะไร... อย่าบอกนะว่ามีเจ้านายเป็นเกย์ลูกน้องเลยเป็นตามน่ะ... คนอื่นเขาเข้าใจผิดกันไม่หมดแล้วรู้หรือเปล่า ...ไปดีกว่า...ได้ข่าวว่าวันนี้แฟนเก่าผมจะมาด้วย...เดี๋ยวจะเอามาอวด...ว่าน่ารักกว่าคุณเยอะเลย..." พูดจบก็หมุนกายกลับ ทิ้งให้ฝรั่งยืนงงเมื่อตัวเองไม่ทันได้สืบไปลึกขนาดที่ว่า... แม่ลูกแมวของเขาจะเคยมีแฟนเก่าด้วย...
"แฟนเก่า...แถมน่ารักกว่างั้นเหรอ... ไม่มีทาง..." มาคัสเขม่นสายตามองตามร่างบางๆไป... แล้วก็รีบซอยเท้าเอาของไปให้เจ้านายเพื่อจะได้กลับมาอยู่เฝ้าเจ้าลูกแมวของเขาต่อ...
-----------------------------------------------------------------------------
ฮิ้วววว คิดว่านักเขียนหลายคนต้องเป็นเหมือนเค้าแน่เลย... พอลงนิยายเสร็จอีกเจ็ดแปดชั่วโมงต่อมาก้เข้ามาดูฟีดแบ๊คของตัวเอง
แล้วพอนั่งอ่านคอมเม้นท์ไปก็ยิ้มไปเหมือนคนบ้าอ่ะ...

ฮ้าวววว ไปนอนแล้วนะ... พรุ่งนี้มีสอบ (แต่เราไม่สน วะฮ่ะฮ่า...)
ดูแลรักษาสุขภาพกันดีๆด้วยนะ วันนี้ชลบุรีฝนตกเป็นวันแรกในรอบปีซะด้วย ฮะฮิ้ววววว