สารบัญ สำหรับตอนที่ 1 นั้น แค่เลื่อน Scroll ลงไปด้านล่างนี้ก็เจอเลยนะครับ (ขออภัยในความไม่ค่อยสะดวก)
[ตอนที่1][ตอนที่2][ตอนที่3][ตอนที่4][ตอนที่5][ตอนที่6][ตอนที่7][ตอนที่8][ตอนที่9][ตอนที่10][ตอนที่11][ตอนที่12][ตอนที่13][ตอนที่14][ตอนพิเศษ โก๊ะหมวยผู้น่ารัก]
[ตอนที่15][ตอนที่16][ตอนที่17][ตอนที่18][ตอนที่19][ตอนที่20][ตอนที่21][ตอนที่22][ตอนที่23][ตอนที่24][ตอนที่25][ตอนที่26][ตอนที่27][ตอนพิเศษ รับสงกรานต์][ตอนที่28][ตอนที่29][ตอนที่30][ตอนที่31][ตอนที่32][ตอนที่33][ตอนที่34][ตอนที่35][ตอนที่36][ตอนที่37][ตอนที่38][ตอนที่39][ตอนที่40][ตอนที่41][ตอนที่42][ตอนที่43][ตอนที่44][ตอนที่45][ตอนที่46][ตอนอวสาน]หลังจากที่กลับไปคิดมาอีกไม่รู้กี่ตลบ ปรึกษาอีกหลายคน รวมทั้งตัดสินใจจากชื่อที่เพื่อนๆพี่ๆทุกคนเสนอมา
ก็เลยตัดสินใจเลือกชื่อนี้มาคร้าบ "อาบใจด้วยไอรัก"
สำหรับที่ว่าทำไมต้องใช้ชื่อนี้ เดี๋ยวพออ่านๆไปทุกท่านจะเข้าใจได้เอง
ยังไงก็ติดตามอ่านกันไปก่อนนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกๆชื่อที่ทุกท่านแนะนำกันเข้ามาด้วยครับ
ทุกชื่อก็ดีหมดแหละ แต่พอคิดไปคิดมาแล้วเลือกชื่อนี้แล้วกัน
ขอบคุณมากคร้าบ
ตอนที่1 *************************
บรรยากาศในบ้านตอนนี้กำลังมาคุอย่างยิ่ง พ่อยืนประจันหน้ากับผมอยู่หลังจากที่เรียกตัวผมเข้าพบ ก็คงจะเรื่องเรียนอีกตามเคย หรือไม่ก็เรื่องอื่นซ้ำๆเดิมๆ
" ชั้นบอกแล้วใช่มั๊ยว่าทำไมแกไม่ดูตัวอย่างพี่แกซะบ้าง ผลการเรียนทุกเทอมมันคะแนนดีมาตลอดเกือบจะได้ที่หนึ่งอยู่แล้ว แต่ทำไมแกถึงได้เรียนแย่ลงๆอย่างนี้ ชั้นไม่เข้าใจ แกสองคนเหมือนกันทุกๆอย่างแต่ทำไมมันทำตัวต่างกันเป็นฟ้ากับดินอย่างนี้" เสียงด่าว่าตำหนิของพ่อทำให้ผมสุดจะเอือมระอาจริงๆ
" ก็ผมหัวไม่ดีเลิศเหมือนคุณป้างลูกรักของพ่อนี่ครับ ก็มีปัญญาทำได้แค่นี้แหละ"
" ไอ้เป้ง... แกกล้าย้อนชั้นเหรอ" พ่อยังคงแผดเสียงใส่ผมดังลั่นจนแม่ต้องดึงแขนพ่อไว้
" โอ๊ย.. คุณก็ จะไปด่าอะไรมันนักหนา มันก็ตกแค่วิชาเดียวเอง ไปๆ เจ้าเป้ง ขึ้นไปบนห้องก่อนไป"
ผมฟังแม่บอกแล้วเดินออกไปจากตรงนั้นทันที แต่ไม่ได้ขึ้นไปบนห้องหรอกเพราะผมออกมาที่รถผมแล้ว ไม่อยากอยู่มันละ บ้านที่ลุกเป็นไฟเนี่ย
" เฮ้ย... แล้วมึงจะออกไปไหนอีกวะ ไอ้เป้ง พ่อยิ่งโมโหอยู่นะเว้ย" เสียงพี่ชายสุดที่รักของผมเองแหละ มันตะโกนเรียกมาจากหน้าประตู
" เออ... เรื่องของกูเหอะ บ้านนี้เค้าไม่ได้ต้องการกูเท่าไหร่ แล้วกูจะอยู่ทำไมล่ะ" ผมหันไปบอกแล้วขับรถออกไปจากบ้านทันที
ระหว่างทางก็นึกอะไรไปเรื่อยเปื่อย ขับมันไปเรื่อยๆไม่มีจุดหมายจนไปถึงรร.เก่าของผมโดยไม่รู้ตัว เออ...ก็แวะเข้าไปซะหน่อยแล้วกันว่ะ
ผมขับเข้าไปจอดตรงข้างทางใต้ต้นไม้ใหญ่ แล้วก็เดินเข้าไปนั่งที่ม้าหินที่ผมเคยนั่งประจำสมัยเรียน ยิ่งมาถึงนี่แล้วก็ยิ่งนึกถึงวันเก่าๆสมัยยังเรียนที่นี่แฮะ เป็นช่วงนึงที่ผมยังมีความสุขมากกว่าตอนนี้เยอะ
จะว่าไปชีวิตผมก็เหมือนหนังที่ฉายซ้ำไปมาตลอดเกือบยี่สิบปีมานี่ แทบไม่มีวันไหนเลยที่ผมจะไม่โดนเอาไปเปรียบกับพี่ชายของผม ใช่ครับ... พี่ชายที่เหมือนกับผมในทุกๆอย่าง ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา ส่วนสูง น้ำหนัก
แต่สิ่งเดียวที่ดูจะต่างกันสิ้นเชิงก็คงเป็นจิตใจของเรานี่แหละครับ.............
ใช่สิ.... เราเป็นฝาแฝดกัน มันเกิดก่อนผมแค่ไม่กี่วินาทีแล้วไงล่ะ
แล้วผมจะต้องเก่ง ดีเลิศเหมือนกับมันในทุกๆอย่างงั้นเหรอ
โอเค... ตอนนี้มันเรียนเก่ง ความสามารถสูง ได้เข้าวงการบันเทิงมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก แล้วไงอ่ะ... กูต้องทำให้ได้เหมือนอย่างมึงด้วยงั้นเหรอ แค่เพราะว่าไหนๆก็หน้าเหมือนมึงแล้วเนี่ยนะ
พอคิดถึงตรงนี้ผมก็ได้แต่เซ็ง เออ... โทรเรียกไอ้เอ้มันมาอยู่เป็นเพื่อนดีกว่า เบื่อเต็มทีละ
" เฮ่ย... ตอนนี้กูอยู่รร.เราว่ะ มึงมาอยู่เป็นเพื่อนกูหน่อยดิ กูเบื่อว่ะ เอ้อ... ซื้อเบียร์มาเผื่อกูด้วยนะ เอามาลังนึงเลยก็ได้ อยากเมาเว้ย" หึๆ เมาแมร่งซะเลย เบื่อสุดๆ
" ไอ้สาด... อยู่รร.แล้วใครเค้าจะให้มึงขนเบียร์เข้าไปกินที่นั่นเยอะขนาดนั้น แมร่ง... พูดไม่คิดนะมึง เออๆ กูทำงานพรีเซนต์ค้างไว้อยู่นี่อ่ะ แป๊บนึงเดี๋ยวกูไป"
หนึ่งชม.ผ่านไป ผมรอมันนานจนหลับอ่ะ นอนยาวไปกับม้าหินนั่นแหละ มารู้สึกตัวอีกทีก็เพราะมันมาสะกิดเรียก
" สัด.. รอนานแค่นี้หลับเลยเหรอวะมึง"
" เออ.... เมื่อคืนนอนน้อยไปหน่อย ไหนอ่ะเบียร์"
" ไอ้ห่า.... ก็บอกแล้วนี่มันรร.เว้ย อยากแดกนักเดี๋ยวไปกินที่ร้านโน่น ไปๆ มึงนี่" มันส่ายหน้าไปมาพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
ผมขับรถออกมากับมันแล้วตรงดิ่งไปร้านที่เรานั่งกันประจำแถวอนุสาวรีย์ฯ วันนี้วันเสาร์คนเลยค่อนข้างเยอะหน่อย
" อ๋อ... นี่พ่อมึงด่าอีกแล้วเหรอวะ แต่มึงก็นะ... ที่จริงกูว่ามึงตั้งใจเรียนกว่านี้ก็ได้นี่หว่า เทอมหน้านี่มันก็เทอมสุดท้ายแล้วนะเว้ยมึง เห็นพวกไอ้เอกบอกว่ามึงแม่งแทบจะไม่ส่งงานอจ.เลยนี่หว่า ยังงี้ใครเค้าจะให้มึงผ่านวิชาเค้าวะ"
" ก็กูเบื่อ มึงเข้าใจมั๊ยวะว่ากูเบื่อ ขยันเรียนไปก็เท่านั้น กูจะไปสู้พี่กูได้ไงล่ะ"
" เออ.... แต่มึงก็ไม่เห็นต้องทำแบบนี้นี่หว่า ใครจะว่าไงก็ช่างดิ มึงก็ทำส่วนของมึงให้มันดีที่สุดก็พออ่ะ"
" ไม่รู้เว้ย กูไม่มีอารมณ์จะทำอะไรให้มันดีทั้งนั้นแหละ คนอย่างกูมันไม่มีอะไรดีสักอย่าง ขนาดแพรวเค้ายังไม่เอากูเลย ใช่ดิ... ไอ้ป้างมันดีกว่ากูทุกอย่าง ดารานายแบบชื่อดัง หึ... ใครไม่เอาก็คงบ้าแล้ว" ผมยังคงพร่ำรำพันไปด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
" เฮ้ย... อะไรวะ มึงเลิกกับแพรวแล้วเหรอ ยังไงกันวะ" ไอ้เอ้มันคงตกใจเลยถามผมซะเสียงดัง
" มึงพูดผิดแล้วว่ะ เค้าจะมาเลิกกะกูได้ไง ในเมื่อเค้ายังไม่ได้ตกลงคบกูด้วยซ้ำ โน่นเว้ย... ไอ้ป้างมันชนะกูแล้ว แพรวเค้าเลือกคบกับมัน ส่วนกูอ่ะเหรอ ก็แค่หมาขี้แพ้ตามเคย" เฮ้อ... ทำไมวะ ทำไมกูไม่เคยชนะมึงเลย
-
-
พอนึกย้อนไปถึงวันนั้นทีไรผมก็ได้แต่เจ็บใจ เสียใจ แต่จะโทษใครล่ะ โทษตัวเองงั้นเหรอ แล้วที่ผมทำได้แค่นี้มันผิดมากงั้นเหรอวะ
" เป้ง... เราขอโทษนะ ที่เคยคุยกันไว้ว่าเราต้องเลือกระหว่างป้างกับเป้งน่ะ เราคง...." เสียงของแพรวในวันนั้นสั่นเครือปนสะอื้นด้วยความรู้สึกผิด ซึ่งผมยังจำได้ดีไม่เคยลืม
" ไม่เป็นไรหรอกแพรว เราเข้าใจ เรามันไม่มีดีอะไรเลยแพรวเลือกคนถูกแล้วล่ะ ถ้าเป็นเรา... เราก็ต้องทำแบบนี้แหละ ไม่ต้องเสียใจไปหรอกนะ" ผมพยายามกัดฟันพูด แต่ตอนนั้นใจข้างในมันแหลกเหลวไปหมดแล้วมั๊ง
" เฮ้ย... เป้ง กู...." ก่อนที่พี่ชายผมจะพูดอะไรออกมา ผมก็ยกมือขึ้นให้หยุดทันที
" เออ... มึงไม่ต้องพูดอะไรหรอก ถ้าจะผิดก็คงผิดที่กูไม่ดีพอเอง ตอนนี้บทตัวประกอบอย่างกูก็จบแล้ว ขอไปตามทางกูก็แล้วกันนะ"
" เดี๋ยวสิ เป้ง ยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อนกันนะ อย่าลืมสิ... เป้งเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเรามาตั้งกี่ปีแล้ว เราคบกันมาตั้งแต่เด็กแล้วนะ อย่าทำแบบนี้เลย แพรวขอร้องล่ะ" แพรวยังคงดึงมือผมไว้ แต่ผมก็ได้แค่หันไปมองแล้วแกะมือเล็กนั้นออกอย่างแผ่วเบาที่สุด
" ขอโทษจริงๆนะแพรว เรายังทำใจไม่ได้จริงๆน่ะ แต่เรายืนยันนะว่าเราก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมทุกอย่าง อีกอย่างนึง คือเรา.... เราขอเวลาทำใจก่อนแล้วกันนะ ลาก่อน" สิ้นคำผม แพรวถึงกับปล่อยโฮออกมาแต่เค้าก็มีพระเอกของเค้าปลอบใจอยู่แล้วนี่ ผมคงไม่ต้องห่วงอะไรเค้าแล้วล่ะ
ตอนนี้ผมว่า ผมคงต้องห่วงตัวเองก่อนว่ะ หมาขี้แพ้จะทำอะไรได้นอกจากเลียแผลตัวเองล่ะวะ............
หลังจากนั้นผมก็ได้แต่ใช้ชีวิตไปวันๆ รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีค่าอะไรเลย เหมือนเป็นแค่เงาที่ไม่มีตัวตนของคนที่เป็นพี่ของผมเท่านั้น
-
-
" ไม่อ่ะแม่ ผมไม่ไปออกรายการนั้นกับมันหรอก" ผมบ่นอย่างรำคาญ เพราะแม่บอกให้ผมไปออกรายการวาไรตี้รายการหนึ่งที่เชิญไอ้ป้างมา และทางรายการเค้าอยากสัมภาษณ์พร้อมกับครอบครัวทั้งหมด
" อ้าว... ทำไมล่ะลูก ก็ไปออกรายการกันทั้งครอบครัวไง ก็น่าสนุกดีออกนะ" หึ... ใช่ดิ สนุกกันแน่ๆ ได้เผากูกันน่ะ
" ไม่อ่ะแม่ บอกเค้าว่าวันนั้นผมไม่ว่าง ติดธุระอะไรก็ได้ นะครับแม่" แม่ก็ได้แต่พยักหน้ารับอย่างไม่เข้าใจ
เพราะผมรู้ดี รายการอย่างนี้พอถามไปถามมาก็คงวนๆอยู่แค่ว่าทำไมผมไม่คิดเข้าวงการอย่างพี่ชาย หรืออาจจะถามว่าทำไมไม่ชอบเล่นกีต้าร์ ไม่เรียนให้เกรดดีๆเหมือนพี่ชาย
รู้อย่างนี้แล้วผมจะต้องไปนั่งให้ตัวเองโดนเปรียบเทียบอีกทำไม
แค่พ่อผมคนเดียวทำแบบนี้ผมก็แย่พอแล้ว ยังจะต้องให้คนทั้งประเทศที่ดูรายการนี้มาทำแบบนี้กับผมอีกเหรอ ผมว่าผมคงตกต่ำจนจมดินไปเลยมั๊ง
โลกทั้งโลกเป็นของมันไปหมดแล้ว ขอมุมเล็กๆสักมุมนึงให้ผมได้อยู่ของผมสงบๆเถอะนะ เพราะผมมันก็แค่เงาที่ไม่มีตัวตนเท่านั้น
-
-
เปิดเทอมใหม่แล้วแถมปีนี้เป็นปีสุดท้ายของผมด้วย ผมจึงพยายามทำตัวให้เป็นคนใหม่ ไม่มัวมานั่งคิดซีเรียสอะไรกับเรื่องเดิมๆอีกถือซะว่าเราก็อยู่ของเรา ใครจะว่ายังไงก็ช่าง
แม้ว่าพอถึงเวลาเข้าจริงๆ ก็ต้องปรอทแตกทุกทีที่มีคนพูดถึงไอ้ป้างให้ผมฟังและเอาผมไปเปรียบเทียบกับมันอีก และที่ผมเบื่อมากที่สุดน่ะเหรอ ก็เวลาที่ไปเดินที่ไหนๆแล้วมีแต่คนมองหน้าผมไง
ผมก็รู้ดีว่าที่เค้ามองเพียงแค่เพราะว่าผมจะใช่ ไอ้ป้าง ดาราสุดหล่อขวัญใจประชาชนรึเปล่าก็เท่านั้น มาคิดๆดูแล้วถ้าตอนนั้นที่ผมกับไอ้ป้างไปเทสงานถ่ายแบบแม๊กกาซีนด้วยกัน ตัวผมไม่งี่เง่าไปเหวี่ยงใส่พวกพี่ทีมงานเพราะโมโหที่เค้ามัวแต่พูดเปรียบเทียบผมกับไอ้ป้างล่ะก็ คงจะดีนะ...
" แหม น้องสองคนเนี่ยหน้าเหมือนกันมากจนแยกไม่ออกเลยนะ ถ้าไม่ดูทรงผมอ่ะ" เสียงพี่ๆช่างแต่งหน้าเค้าคุยกันขณะที่แต่งหน้าให้ผมกับไอ้ป้าง ก็แน่ล่ะครับ แต่ผมไม่ได้อยากจะหน้าเหมือนมันเลย เพราะงั้นอะไรที่ทำให้ไม่เหมือนมันได้ ผมจะทำมันทุกอย่างแหละ
ถ้ามันไว้ผมยาว ผมก็จะไว้ผมสั้น แต่ถ้ามันจะไว้ผมสั้น ผมก็จะตัดให้สั้นกว่ามัน หรือไม่ก็ทำสีให้ต่างออกไปทันที และทุกวันนี้ผมก็พยายามไว้เคราไว้จอนให้หนาไว้ เพราะไอ้ป้างมันไม่ชอบไว้แบบนี้ มันบอกว่าทำให้หน้าดูโหด
แต่ผมไม่สนหรอก อะไรก็ได้ขอแค่กูไม่ต้องเหมือนมึง แค่นั้นเป็นพอ..................
แล้วในวันนั้นพอผมกับไอ้ป้างเริ่มเทสต์หน้ากล้อง ผมก็ได้ยินทุกๆคนร่วมใจกันชมมันว่าโพสต์ท่าเก่ง หัวไวเหมือนรู้มุมกล้องทั้งที่เพิ่งเคยถ่าย
ส่วนผมน่ะเหรอเวลาพี่ตากล้องถ่ายรูปผมเค้าก็ให้แต่หันซ้าย หันขวา เงยหน้า ก้มหน้าอีกนิด อีกหน่อย หันแล้วหันอีกก็ยังไม่ค่อยเป็นที่พอใจเค้าซะที กว่าจะถ่ายออกมาได้แต่ละช๊อตผมต้องหัน ต้องขยับเป็นสิบรอบได้มั๊ง ซึ่งผมก็ได้แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมทีกับมันไม่เห็นพี่ๆเค้าจะเรื่องมากอย่างนี้เลย
จนกระทั่งผมฟิวส์ขาดนั่นแหละ ผมเลยหยุดทุกอย่างทันที
" พี่ครับ ถ้าพี่อยากถ่ายงานนี้ให้ง่ายๆพี่ก็ถ่ายมันคนเดียวแล้วกัน ผมเป็นคนเข้าใจยาก หัวทึบ ต้องขอโทษด้วยนะครับ สงสัยผมคงไม่เหมาะกับงานนี้" ผมพูดจบก็ถอดเสื้อที่ใส่ถ่ายอยู่ออกทันทีแล้วเดินกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าท่ามกลางเงียบงันเพราะความตกใจของบรรดาทีมงาน รวมทั้งไอ้ป้างด้วย
" เฮ้ย... ไอ้เป้ง ทำไมมึงทำแบบนี้วะ ไปขอโทษพี่ๆเค้าเลยนะเว้ย" ไอ้ป้างมันวิ่งมาเคาะห้องเปลี่ยนเสื้อที่ผมกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ แต่ผมก็เปิดประตูออกไปมองหน้ามันด้วยท่าทีเฉยเมย
" ไม่ว่ะ กูพอแล้ว ถ้าพวกเค้าจะคิดค่าเสียหายล่ะก็ส่งบิลไปเก็บที่บ้านได้เลยนะ" ผมบอกมันอย่างไม่แคร์จากนั้นก็กลับบ้านไปเลย แต่งานนั้นเค้าก็ไม่ถึงกับล้มหรอกเพราะเค้าถ่ายรูปไอ้ป้างมาใช้แทนรูปผมไปซะ เพราะหน้าเหมือนกันไงเลยแทนกันได้
ยอมรับนะว่าผมเองงี่เง่าจริงๆ ได้แต่คิดว่า ทำไมกูอีโก้สูงอย่างนี้ ไม่เคยจะอดทนได้เลยสักครั้งเมื่อต้องรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่ากว่าไอ้ป้างมัน
ก็นี่แหละครับ หลังจากนั้นผมก็เลยตกกระป๋องไป ส่วนมันก็ได้เข้าวงการได้เล่นหนังจนดังเพราะมีแต่คนดันมันเรื่อยๆราวกับว่ามันมีเมตตามหานิยม
ผมไม่ได้พูดเกินไปนะครับ ไอ้ป้างมันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ตัวมันเองจะดึงดูดใจคนรอบข้างได้ดีเป็นพิเศษ เหมือนกับไม่ว่าใครก็ต้องหลงเสน่ห์มันทุกคน
ขนาดแม่ยังเคยเล่าให้ผมฟังว่า ตอนที่ผมกับมันยังแบเบาะอยู่เวลานั่งรถเข็นไปไหนๆกับแม่ ผู้ใหญ่คนอื่นๆที่ชอบเด็กๆก็จะมาดูมาเล่นกับพวกผม แต่ทุกครั้งไอ้ป้างจะถูกอุ้มขึ้นมาเล่นด้วยก่อนผมเสมอ และจะเป็นที่สนใจมากกว่าผมทุกครั้งเหมือนกัน
ส่วนผมน่ะเหรอ สงสัยจะหน้าไม่รับแขกมั๊งเลยไม่มีใครสนใจ แม้ว่าหน้าผมจะไม่ได้ต่างกับมันเลยแม้แต่น้อย
ไม่อย่างนั้น สงสัยว่าผมคงไม่มีบุญเอง.................
เคยได้ยินมั๊ยครับ คนเราต่อให้เกิดมาแทบจะพร้อมๆกัน แต่ดวงชะตาก็จะไม่เหมือนกันอยู่ดี
คนนึงอาจจะมีดวงชะตาที่ดีเลิศ วาสนาดีไปเลยก็ได้ ในขณะที่อีกคนเกิดห่างแค่วินาทีเดียว แต่ดวงชะตาอาจจะกลายเป็นอาภัพอับโชค ไม่มีวาสนาก็ได้
และผมคงเป็นหนึ่งในนั้นล่ะมั๊ง เป็นคนที่อาภัพอับโชคน่ะ..........................
***************************