ตอนคั่นสั้น ๆ : เด็กชายกี๋กับเด็กชายกันต์“กันต์อเนกปล่อย!!!”
“ม่ายยยยปล่อย”
“ชั้นบอกให้นายปล่อยไง จะปล่อยหรือไม่ปล่อย!!!”
“ม่ายปล่อยแล้วจาทำไม.....จะทำไมครับเจ๊”
“นายกันต์เอน๊กกกกกกก!!!! ชั้นไม่ใช่เพื่อนเล่นนายนะ ไอ้เด็กบ้า!!!”
ครูประจำชั้นอนุบาลสองทับสี่นามว่าครูหมี(ที่ขนาดตัวหมีสมชื่อ) สวมแว่นแบบคล้องสาย มีไฝข้างหนึ่งที่มุมปากด้านซ้าย แทบจะเต้นเร่า ๆ ให้กับความกวนโอ๊ยของเด็กชายกันต์อเนก เจ้าของใบหน้าหล่อเข้มแบบกวน ๆ คิ้วหนาตาโตเหมือนพ่อของเจ้าหนูไม่มีผิดเพี้ยนราวกับโขลกพิมพ์เดียวกันออกมา เสียแต่เพียงว่าในตอนนี้นั้น....เจ้าหมอนี่มันก็แค่ไอ้เด็กวัยหกขวบที่ดันโตเกินเด็กวัยเดียวกันก็เท่านั้น
แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเจ้าเด็กชายหน้าตี๋ลูกแม่ค้าขายของชำนามว่าราเชนทร์ ที่กำลังโดนเพื่อนร่างยักษ์รังแกโดยการล๊อคคอจน
หน้าเขียวเป็นกบนี่ต่างหากล่ะ ในฐานะครูประจำชั้นอนุบาลที่อาวุโสที่สุดในสายชั้น เธอจึงต้องแสดงภูมิบางอย่างที่เคยใช้ปราบเด็กเฮี้ยวรุ่นก่อน ๆ ได้อยู่หมัด
.
.....
..........
“อ่ะ.....นายกินซะเราแบ่งให้” ขนมปังเนยสดของโปรดของเด็กชายกันต์อเนกในสมัยนั้นถูกบิออกเป็นสองส่วน แล้วยื่นส่วนที่มากกว่าส่งให้เด็กชายราเชนทร์หรือน้องกี๋ที่นั่งจ๋องเป็นเด็กเอ๋อ
“นายตัวเล็ก นายต้องกินเยอะ ๆ”
“ขอบใจนะกันต์”
“กำเริบ.....ใครบอกให้นายเรียกชื่อเราห้วน ๆ แบบนี้ นายต้องเรียกเราว่าคุณกันต์สิไอ้ซื่อบื้อ......แต่ว่าไม่ต้องขอบใจหรอก เพราะนายแท้ ๆ ครูหมีถึงซื้อขนมปังเนยสดมาให้เรา”
“อร่อยจัง”
“กินเยอะ ๆ มีอีกห่อนึง”
เด็กชายกันต์อเนกยกมือขึ้นลูบหัวเด็กหน้าตี๋ที่กัดขนมปังอย่างช้า ๆ อย่างเด็กมีมารยาทที่มารดาหมายมั่นปั้นมือให้เป็นคุณชายในอนาคต(ก็แม่บ้าละครนี่นะ) ขณะที่ถัดออกไปไม่ไกลนัก นางสาวสมศรีหรือครูหมีกำลังยืนมองเด็กสองคนแสดงความรักต่อกันอย่างปลาบปลื้มปิติเสียเต็มประดา......
..................................................................................
ของเล่นชิ้นแรก.....
ของเล่นชิ้นแรกของเด็กชายราเชนทร์คือเครื่องบินจำลองที่ไม่มีออฟชั่นใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่มีวิทยุสำหรับบังคับให้บิน เพราะว่ามันบินไม่ได้ มันเป็นเพียงแค่ของจำลองที่ทำออกมาได้เหมือนจริง และสวย........ดูดีมีชาติตระกูล
และที่สำคัญแพงมาก.....ก็พ่อของน้องกี๋บอกหนูน้อยว่าอย่างนั้นนี่นะ
ดังนั้นแล้วเด็กชายราเชนทร์ผู้ซึ่งชอบแอบเอาของเล่นจากที่บ้านยัดใส่กระเป๋าเป้ทรงน้องหมีสีน้ำตาล(จะสังเกตได้ว่าชีวิตของนายราเชนทร์มักจะพัวพันกับหมีเป็นพิเศษมาตั้งแต่เด็ก ๆ) จึงต้องระมัดระวังในการเล่นเจ้าเครื่องบินลำนี้มากเป็นสองเท่า.....วันนี้ทั้งวันเด็กน้อยขออนุญาตคุณครูเข้าห้องน้ำหลายครั้ง โดยสะพายกระเป๋าเป้ติดตัวไปด้วยทุกครั้ง......พอเข้าไปในคอกสี่เหลี่ยมแคบ ๆ พร้อมกับลงกลอนเสร็จสรรพแล้ว เจ้าหนูก็ควักเอาเจ้าเครื่องบินลำน้อยออกมาเล่น.....
“ซูมมมมมมมมมมมมมมมมมม”
“ผู้โดยสารทราบแล้วเปลี่ยน เนื่องจากความกดอากาศต่ำ.....และมีพายุโหมกระหน่ำ เราจึงจำเป็นต้องลงจอดฉุกเฉิน......หึหึหึ”
“หยุดนะไอ้พวกโง่ นี่คือการปล้น ไฮแจ๊คน่ะ.....ไม่ใช่.....ไม่ใช่ไฮยีนส์ อันนั้นมันน้ำยาปรับผ้าหนุ่ม.....อ๊ากกกก อย่ายิงโผมมมม ผมกลัวแล้ว ซูมมมมมมมมกัปตัน บินควงสว่าน เจ้าโจรร้ายล้มไม่เป็นท่า”
เล่นสนุกอยู่คนเดียว.....
ตามประสาเด็กไร้เพื่อน......
จะมีก็แต่.......
“กี๋......นายจะปัญญาอ่อนอีกนานมั้ย.....เปิดประตูออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นเราจะไปฟ้องครูหมี ว่านายแอบมาเล่นในห้องน้ำ”
เครื่องบินจำลองลำโปรดนั้นตกไปอยู่ในมือของเจ้าเด็กแสบร่างหนาได้อย่างง่ายดาย.....จะว่าง่ายดายก็ไม่เชิงเสียทีเดียวนัก เพราะคราวนี้เจ้าหนูตาตี่พ่อก็สู้ยิบตาอยู่เหมือนกัน ปล้ำกันอยู่ราวสามนาที เครื่องบินเคราะห์ร้ายก็ตกไปอยู่ในมือของเด็กชายกันต์อเนก......ดูคล้ายไจแอ้นท์แย่งของเล่นจากโนบิตะ เพียงแต่ว่านี่มันโลกแห่งความเป็นจริง.....
ซึ่งคงจะไม่มีเจ้าแมวอ้วนตัวสีฟ้าออกมาช่วยหรอกนะ.....
“โห.......ทำเป็นหวงนักหวงหนา ที่แท้ก็ของกระจอก ๆ บ้านเราน่ะมีเครื่องบินบังคับ บินได้ด้วย ของนายอ่ะบินไม่ได้”
“ทำไมจะบินไม่ได้ เอาคืนมานะ”
“เรื่อง......ไม่คืนหรอก ขอเราละกันนะ เราอยากได้....เอาไปตั้งโชว์ในส้วมที่บ้าน”
“เราไม่ให้ นั่นป่าป๊าซื้อให้เรานะ แพงด้วย แพงกว่าไอ้เครื่องบินบังคับกะหรั่ว ๆของหลายล้านเท่า”
“หูย.....ไอ้กี๋ขี้โม้ ไอ้ตี๋ตาตี่ขี้โม้....แพงกว่า แต่ก็บินไม่ได้.....หวายยยย”
“บินได้ เครื่องบินลำนี้มีกัปตันอยู่ข้างใน แต่ว่าตอนนี้กัปตันเค้าพักเที่ยง เอาคืนมา”
“ชิส์ เอาคืนไปก็ได้วะ ของกิ๊กก๊อก ไม่เห็นจะอยากได้เลย อ่ะ”
แต่เด็กชายกันต์ก็ไม่ได้ส่งให้กับมือเพื่อนหรอก.....ก่อนจะวางลงบนฝ่ามือเล็ก ๆ ของเจ้าหนูกี๋น้อย เจ้าเด็กแสบกลับขว้างข้ามหัวเด็กชายราเชนทร์ไปไกลลิบ ไกลจนกระแทกผนังตึก.....เจ้าเครื่องบินลำน้อยแตกกระจายไม่มีชิ้นดี
“ฮึก............เราเกลียดนาย ไอ้ยักษ์ใจร้าย.......ไอ้คนขี้เก๊..........เกลียด ๆ ๆ.....เกลียดที่สุด......ฮืออออ............แง”
มือเล็ก ๆ พยายามกวาดเจ้าซากเครื่องบินมากองรวมกัน โดยมีเจ้าเด็กตัวแสบเจ้าของผลงานยืนกัดเล็บมองดูแผ่นหลังผอม ๆ ของเพื่อนสะอื้นจนตัวโคลงอยู่ห่าง ๆ......มองด้วยสีหน้าและแววตาสำนึกผิด
ก็เห็นนายบอกว่าบินได้ เราก็ลองขว้างดู เผื่อเจ้ากัปตันข้างในจะกดปุ่มฉุกเฉินบินอัตโนมัติ.......
...................................................................................
“แม่ ขอเบิกค่าขนมล่วงหน้าซักสามเดือนดิ” เด็กชายกันต์อเนกชะโงกหน้าเข้าไปในครัว ที่ซึ่งมารดากำลังหัวหมุนกับการทำอาหารมื้อเย็นสำหรับทุกคนในครอบครัว
“จะเอาไปทำไมลูก......เป็นเด็กเป็นเล็ก รู้จักเบิกเงินล่วงหน้า ไปจำมาจากทีวีอีกล่ะสิ เจ้าเด็กบ๊อง”
“จะเอาไปซื้อเครื่องบินจำลอง น๊า......แม่จ๋า ขอหน่อยน๊า”
“ไปขอพ่อแกนู่นไป๊ แม่จะทำกับข้าว อย่ามากวน.....เกะกะแม่ด้วยดูซิเนี่ย”
“ก็พ่อให้มาขอแม่ น๊า.....แม่.....น๊า”
เด็กร่างยักษ์ลงไปชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นห้องครัว แต่ทว่าผู้เป็นมารดาก็ไม่ได้สนใจ เธอเหลือบมองยิ้ม ๆ อย่างเอ็นดูก่อนจะหันกลับไปสาละวนกับธุระของเธอต่อ เด็กชายกันต์อเนกชักจนเหนื่อยก็ลุกขึ้นแล้วเดินปึงปังออกไป
“กินข้าวลูก................พ่อแกกินข้าว........เร้ว”
อาหารยังคงเป็นที่ถูกปาก แต่ว่าเจ้าลูกชายตัวดีก็ยังไม่ยอมแตะแม้แต่ข้าวซักเม็ด นั่งกอดอกมองพ่อกับแม่กินอย่างเอร็ดอร่อยด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“กินสิ หนูหมักซีอิ๊วของโปรดลูกนี่นะ”
“จะเอาตังค์”
“ปีกไก่ทอดนี่ก็ของโปรดของแกนะเจ้ากันต์”
“ตังค์ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ จะเอาตังค์ ได้ยินมั้ย”
“เอ๊ะ!!!!......เจ้าลูกคนนี้นี่พูดไม่รู้เรื่อง จำเป็นจะต้องใช้เงินอะไรนักหนา โดนเพื่อนที่โรงเรียนไถตังค์เอารึไง” หญิงสาวตวาดแหวใส่เจ้าลูกชายตัวแสบ แต่แหม.....คุณแม่ก็พูดไป มีแต่ลูกคุณแม่นั่นแหละ ที่จะไปไถเงินลูกชาวบ้านเค้า
“ผมยอมกินข้าวน้อยลงครึ่งนึง.....ผมยอมเดินไปโรงเรียนเอง.....ผมจะช่วยแม่ทำงานบ้าน......ผมจะไม่ออกไปเล่นข้างนอกอีก.....แล้ววันเกิดปีนี้ผมก็จะไม่เอาของขวัญ ขอเงินผมไปซื้อเครื่องบินจำลองหน่อย......น๊าคร๊าบบบบบ”
“เฮ้อ”
“เฮ้อ”
สองคนผัวเมียถอนใจเฮือกขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย คนหาเงินเข้าบ้านลูบหัวเจ้าลูกชายอย่างเอ็นดู.....
“เอางี้.....พ่อจะให้เงินไปซื้อเจ้าเครื่องบินจำลองอะไรนั่น แต่ว่าพ่อจะหักเงินค่าขนมแกจากวันละยี่สิบ เหลือแค่วันละสิบบาทไปจนกว่าจะครบราคาเครื่องบิน.....แล้วกันต์ก็ต้องบอกเหตุผลมาด้วย ว่าทำไมถึงรบเร้าอยากจะได้มันนัก....ถ้าเหตุผลไม่ดีพอ พ่อก็ไม่ให้ ตกลงมั้ยไอ้แสบ?”
“ครับผม”
พ่อหนูรูปหล่อเหมือนคุณพ่อยิ้มแฉ่ง......ด้วยอาการสมหวังดั่งใจนึก
..........................................................................................
“จะเอาอะไรจ๊ะหนู จะซื้ออะไร” หญิงสาวหน้าหมวยท่าทางใจดีในชุดผ้าฝ้ายถามเด็กชายกันต์อเนกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หลังจากที่พ่อหนูแกเอาแต่ด้อม ๆ มอง ๆ อยู่หน้าร้านเสียนานสองนาน กว่าจะก้าวเท้าเข้ามา แล้วก็เอาแต่ยืนนิ่ง ไม่พูดไม่จาอีกพักใหญ่ ๆ
“ผมมาหากี๋ครับคุณน้าคนสวย”
“ว๊าย ปากหวานนะเรา......โตขึ้นดูท่าทางจะเจ้าชู้เอาการ น้าแต่งงานแล้วจ้ะ เป็นแม่ของน้องกี๋ เดี๋ยวจะไปบอกน้องกี๋ให้ละกันว่าเรามาหา ว่าแต่ชื่ออะไรจ๊ะเนี่ย”
“ไม่ต้องบอกนะครับ”
“อ้าวทำไมล่ะจ๊ะ”
“เค้าโกรธผมอยู่ ที่ทำของเล่นเค้าพัง”
“อ๋อเรานี่เอง.....วันนั้นน้องกี๋ร้องห่มร้องไห้ใหญ่.....กลับมาถึงก็ฟ้องน้าเลย บอกว่ากันต์ทำเครื่องบินเค้าพัง ชื่อกันต์ใช่มั้ยจ๊ะ”
“ครับคุณน้า”
“วันนี้จะมาง้อเค้าล่ะสิท่า”
“เปล่าครับ.....แต่ผม......คือผม.....คุณน้าครับฝากนี่ให้กี๋ด้วยครับ บอกว่าผมซื้อมาใช้......”
“แค่นี้เหรอเรา หืม?”
“แล้วก็....บอกกี๋ด้วย.....ว่าผมขอโทษ”
พูดจบเจ้าหนูก็หน้าแดงเพราะความเขิน ก่อนจะวิ่งผลุบออกไปจากร้านขายของชำอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้แม่ของน้องกี๋น้อยมองตามอย่างเอ็นดูเป็นนักหนา
เด็กชายราเชนทร์ดีใจกับเครื่องบินจำลองลำใหม่ที่สีสวยกว่าลำเดิมอยู่ได้ประมาณสองวัน.....ก็หันไปสนใจน้องเจล เด็กหญิงตากลมผมยาวน่ารักน่าชังที่อยู่ชั้นอนุบาลสองทับหนึ่งแทน.......
หลังจากนั้นไม่กี่อาทิตย์
เด็กหญิงเจล เจนสุดา กับเด็กชายกันต์อเนกก็กลายเป็นแฟนกัน.......
เรื่องราวบาดหมางของคนทั้งคู่.......อันที่จริงมันเป็นเรื่องบาดหมางของนายราเชนทร์ฝ่ายเดียวมากกว่าล่ะนะ....นั่นแหละ มันเริ่มต้นขึ้นจากตรงนี้แหละ.........
...............................................
To be con
ตอนสั้นเว่อร์ แต่ถึงจะมาสั้น ๆ เค้าก็มาแบบสม่ำเสมอนะคะแฟน ๆ(มีด้วยเหรอแก)
ตอนนี้เป็นปมฝังใจของน้องกี๋ที่มีต่อพ่อหมีใหญ่
เดี๋ยวตอนหน้าจะลองแต่งกันต์กี๋อีกซักตอน....ฝากเชียร์คู่นี้ด้วยนะคะ คนอ่านที่รักทั้งหลาย....(ที่เอียนกับบิ๊กบู้----เอียนพี่บู้แล้วล่ะสิ รู้น๊า 55555+)
ต่อไปนี้จะลองแต่งแล้วอัพนิยายแบบไม่ห่วงเรตติ้งดู......แต่ยังแคร์คนอ่านเหมือนเดิมนะจ๊ะ
......แค่เพียงอยากทำงานอดิเรกที่เรารักโดยไม่หวังผลตอบแทนดูบ้างน่ะ เอิ๊ก ๆ เผื่อว่าผลบุญจะสาปส่ง.....เอ๊ย.....ส่งให้ได้เจอผู้ชายเริ่ด ๆ ซักคน