Tsundere Boy เมื่อหนุ่มซึนมาหลงรัก ตอนที่ 34
กลับจากทะเลมาได้สองวัน ในที่สุดวันที่น้ำไม่อยากให้มาถึงที่สุดก็มาจนได้...
น้ำนั่งอยู่บนเก้าอี้หินอ่อนหน้าบ้าน พลางมองเขื่อนช่วยแม่ของเขาหิ้วกระเป๋าขึ้นรถยนต์ สัมภาระที่แม่เอาติดตัวไปมีเพียงกระเป๋าเสื้อผ้าและของจิปาถะสามใบ ไปตั้งนาน แต่เอากระเป๋าไปแค่นั้น สมเป็นแม่เขาจริงๆเลย
“น้ำ มาขึ้นรถ” น้ำเดินไปขึ้นรถตามที่เขื่อนกวักมือเรียก ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากของน้ำ มีเพียงความเงียบและคอยนั่งฟังแต่เพียงเสียงสนทนาของแม่กับเขื่อนจนถึงสนามบิน
“ลูกเขื่อน แม่มีอะไรจะคุยด้วย” หลังจากที่ใช้ให้น้ำไปซื้อเครื่องดื่มให้ คคนางค์ก็หันมาคุยกับเขื่อนที่นั่งข้างๆ
“ครับ?”
“เดี๋ยวตอนที่แม่ขึ้นเครื่องไป น้ำจะต้องร้องไห้แน่ แม่ฝากดูแลน้ำด้วยนะ”
“ผมว่าไม่น่าหรอกครับ น้ำก็ดูสดใสดีนี่นา”
“เชื่อแม่เถอะจ้ะ เด็กคนนี้เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ขนาดโดนเพื่อนที่โรงเรียนล้อว่าไม่มีพ่อ ยังไม่เคยร้องไห้กลับมาฟ้องแม่เลย”
“ทำไมกันครับ ทำไมน้ำถึงไม่ร้องไห้”
“เพราะเขาไม่อยากให้แม่เศร้าไงจ๊ะ” คคนางค์ยิ้มเศร้า น้ำตาพาลจะไหล เธอเองก็ต้องไม่ร้องเหมือนกัน จะให้ลูกเศร้าไม่ได้
“งั้นเหรอครับ...” เขื่อนพลอยเงียบไปด้วย จวบจนน้ำมา ก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก
“แม่อย่าลืมนะครับ ไปถึงแล้วก็ต้องโทรมาบอกผม ต้องส่งเมลล์มาหาผมทุกวันนะ ถ่ายรูปมาด้วย แล้วต้องเปิดกล้องตอนเล่นเอ็มด้วยนะ”
“จ้าๆคุณลูก ลูกก็ต้องดูแลตัวเองดีๆนะ แล้วไปอเมริกาอาทิตย์หน้าใช่มั้ย”
“แม่ก็พูดเหมือนว่าอีกหลายวัน วันนี้ก็วันเสาร์แล้ว อาทิตย์หน้าที่ว่าก็วันจันทร์แล้วนะครับ” น้ำทำแก้มป่องจนแม่หัวเราะเบาๆและหยิกแก้มเนียนนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว
“มันก็เหมือนกันแหละลูก เอาไว้แม่จะโทรหาให้บ่อยเท่าที่จะทำได้นะจ๊ะ” คคนางค์หยิบกระเป๋าลากขึ้นมา เตรียมพร้อมจะขึ้นเครื่อง
“ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับแม่” น้ำกอดแม่แน่น
“เขื่อน ฝากดูแลน้ำด้วยนะลูก” คคนางค์หันมากอดเขื่อนและลากกระเป๋าเข้าไปภายใน น้ำยืนมองแม่เดินเข้าไปจนลับตา จึงหันหลังกลับมากอดเขื่อนแน่นและเริ่มสะอื้น
‘นี่สินะ ที่แม่บอก’ เป็นอย่างที่คคนางค์บอก พอแม่ลับสายตา น้ำก็ปล่อยโฮทันที การร่ำลาของสองแม่ลูกที่มีกันเพียงสองคนตลอดมาเหมือนจะดูเย็นชา แต่หากนึกถึงคำที่แม่บอกเอาไว้
‘มันไม่ใช่การจากลาชั่วชีวิต สักวันก็ต้องได้พบกันใหม่’
“น้ำอย่าร้องเลยนะ” หัวใจของเขื่อนก็เจ็บไปด้วย ขนาดตอนที่เขาแกล้งน้ำหนักๆ น้ำยังไม่เคยร้องไห้ แต่ตอนนี้น้ำร้องไห้เหมือนจะขาดใจ
“ฮือ...เขื่อน...แม่ ฮึก แม่ไปแล้ว ฮือ....”
“เดี๋ยวก็ได้เจอกัน นะ..” ทำได้เพียงลูบหลังเบาๆ เพราะรับรู้ดีว่า ณ เวลานี้น้ำไม่พร้อมจะฟังอะไรทั้งนั้น
“ฮือ กะ..กลับบ้าน..ผม ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”
“อืมๆ กลับบ้านกัน”
“น้ำ ทำไมยังไม่นอนล่ะ” ตั้งแต่กลับมาจากสนามบิน เจ้าคนขี้แงก็เอาแต่นอนหมดอาลัยตายอยากอยู่บนโซฟา กว่าเขื่อนจะขุดมากินข้าว กว่าจะลากไปอาบน้ำ แต่สุดท้ายก็กลับมานอนแหมะอยู่บนโซฟาที่เดิม
“ยังไม่ง่วงครับ”
“ไปนอนข้างบนเถอะ”
“ไม่เอา เขื่อนไปก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมตามไป”
“เฮ้อ ตามใจแล้วกัน” สุดท้ายก็ต้องขึ้นไปนอนคนเดียว ทำไมชีวิตวัยรุ่นมันถึงเป็นแบบนี้วะ!!
รู้สึกว่าหลับไปได้พักใหญ่ก็สะดุ้งตื่น สิ่งแรกที่เขื่อนทำคือลูบมือไปตรงที่นอนข้างๆในความมืด ที่นอนเย็นชืดบ่งบอกว่าไม่มีคนนอนข้างๆมาพักใหญ่ หรืออาจจะไม่ได้มานอนแต่แรก
“ไอ้ตัวแสบ ไม่ยอมขึ้นมาเลยเรอะ” เพราะว่าเผลอหลับไป จึงไม่ได้ลงไปตามน้ำให้มานอน นี่อย่าบอกนะว่าไอ้ซีดมันหลับอยู่ข้างล่าง
“จนตีสามยังไม่ขึ้นมานอน เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย...” เขื่อนลุกจากที่นอนเพื่อจะลงไปข้างล่างโดยไม่ลืมหยิบบางสิ่งมาด้วย..
เมื่อลงบันไดและเดินมาจนถึงห้องรับแขก ก็เป็นอย่างที่คาด น้ำยังคงนอนอยู่บนโซฟา แต่ว่าร่างกายที่นอนอยู่นิ่งๆนั้นบ่งบอกว่าเจ้าตัวคงหลับไปแล้ว
“น้ำตาล..” ย่อตัวลงนั่งยองๆข้างโซฟาและพินิจใบหน้านวลท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องมาทางประตูกระจก คราบน้ำตาบนแก้มใสนั้นยิ่งทำให้น้ำดูโศกเศร้า มือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้เบาๆ แต่คนที่กำลังหลับก็สะดุ้งตื่นจนได้
“เขื่อน...ลงมาตามผมเหรอ...”
“อืม นายร้องไห้จนหลับไปเลยเหรอ”
“...”
“ทำไมละ ฉันช่วยให้นายหายเศร้าไม่ได้เลยเหรอ มีฉันอยู่กับนายไม่ทำให้นายรู้สึกดีเหรอน้ำ..” น้ำเบิกตากว้างอย่างตกใจ มันไม่ใช่อย่างที่เขื่อนพูดนะ
“มันไม่เหมือนกันนะเขื่อน นึกออกมั้ย? มันเหมือนกับว่าผมสูญเสียสิ่งที่ผมมี ความเคยชินที่ผมมีมาตลอดมันหายไป ผมเคยตื่นมาและได้เจอแม่ทุกวัน เราได้เจอกันทุกวัน แม้ว่าแม่จะทำงานดึก ไม่ค่อยอยู่บ้าน แต่ผมก็รับรู้ได้ว่าแม่อยู่ใกล้ผม แต่นี่...มันไกลถึงแอฟริกา...” เสียงหวานอธิบายปนสะอื้น
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่เข้าใจ แต่เรื่องแบบนี้มันต้องเกิดขึ้น เมื่อคนเราเติบโต ต่างก็ต้องมีชีวิตของตัวเอง นายไม่อาจจะอยู่กับแม่ไปได้ทั้งชีวิตหรอกนะ”
“...แล้วถ้าวันหนึ่งผมต้องแยกจากแม่ ผมอยากจะรู้ว่าวันนั้น จะมีเขื่อนอยู่กับผมหรือเปล่า” เงียบไปอึดใจ น้ำก็เอ่ยถามคนตรงหน้ากลับบ้าง
“แล้วนายจะให้ฉันไปไหนละ” เขื่อยยิ้มตอบและลูบมือที่แก้มนวล
“นั่นสินะครับ...” น้ำดึงมืออีกข้างของเขื่อนมาแนบที่แก้มตัวเองแล้วหลับตาพริ้ม มือใหญ่ๆนี้จะอยู่กับเขาตลอดไป..
“หลับตาแบบนี้แปลว่าอยากให้จูบนะ รู้มั้ย?” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นข้างหูทำเอาน้ำหัวเราะกิ๊ก ก่อนที่เสียงหัวเราะจะเงียบไปเพราะสัมผัสจูบที่แผ่วเบาเหมือนขนนก
“แม่ง...หวานฉิบหาย” น้ำปรือตามองคนตรงข้ามที่กำลังทำสีหน้าหื่นแบบสุดๆ เจ้าของใบหน้าหล่อคมที่เห็นมาตลอดสามปีกำลังเลียริมฝีปากของน้ำอย่างเพลิดเพลิน
“เขื่อนนี่นะ...เวลามีอารมณ์ชอบพูดหยาบ”
“ทำไม ไม่ชอบเหรอ หล่อ อ่อนโยน เถื่อน หื่น ซาดิสม์ ได้ทุกรสชาติเลยนะเว้ย หึหึ ”
“เอ่อ...ก็จริงนะครับ” เห็นด้วยกับคำพูดนั้น แต่มันฟังดูขัดๆกันในประโยคเดียวจังเลย.. ช่างมันเหอะ ตอนนี้รู้แต่ว่าอยากกอดไอ้หล่อโรคจิตคนนี้เหลือเกิน ว่าแล้วก็เลื้อยลงจากโซฟาไปนั่งตักเขื่อนข้างล่าง ซุกหน้าลงกับบ่ากว้างที่มีเพียงกลิ่นหอมๆจากน้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นเดียวกันเท่านั้น ชอบจังเลย...
“อื๊อ อย่าบีบก้นสิ ผมเจ็บนะ” มือใหญ่ๆที่คว้าหมับเข้าที่ก้นและบีบเต็มแรงทำเอาน้ำสะดุ้ง
“พอดีมือเลย”
“ไอ้บ้า” ด่าแล้วก็ยังไม่หยุด มิหนำซ้ำยังลามมาลูบในเสื้ออีก
“ผมง่วงนะเขื่อน” ดูท่าว่าอะไรๆก็เริ่มจะเลยเถิด น้ำตั้งท่าจะขยับออกมานั่งบนโซฟาเหมือนเดิมแต่ก็ถูกแรงควายกระชากให้มาแนบชิดกับตัวมากกว่าเดิม สัมผัสที่แนบชิดและเอ่อ...บางอย่างที่ดันๆอยู่ตรงขาอ่อนของน้ำก็ช่างชักชวนให้อารมณ์เตลิด
“ฉันนอนอิ่มแล้วว่ะ ตอนนี้อยากออกกำลังกายมากกว่า”
“เง้อ...ผมง่วงนะ”
“ช่วยไม่ได้ นายอยากไม่ขึ้นไปนอนสบายๆข้างบนทำไมล่ะ” ไวเท่าความคิด ทั้งที่ปากพูดแต่มือเขื่อนก็ถอดเสื้อผ้าของน้ำออกจากตัว เสื้อยืดถูกเหวี่ยงไปข้างๆ พร้อมกับที่หลังของน้ำแตะกับพรม
“เฮ้ย เขื่อนเอาเจลมาเลยเหรอ นี่คิดมาแล้วใช่มั้ย” เหลือบเห็นเจลในมือเขื่อนก็โวยวาย
“ฉันตั้งใจว่าจะทำยันเช้าน่ะ เลยต้องเตรียมพร้อม” คำตอบง่ายๆเหมือนกับแค่จะบอกว่าจะดูหนังยันเช้าแต่ไม่ได้ทำให้คนฟังหายหวาดหวั่นได้สักนิด แต่แน่นอน คนเราต้องมีพัฒนาการ น้ำจึงยกแขนโอบรอคอเขื่อนและพูดเสียงหวาน
“วันหลังหยิบติดมาสองหลอดนะครับ..”
>>>>> TBC