==> เมื่อผมมีรักแท้ แต่ดูแล(ไว้)ไม่ได้
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ==> เมื่อผมมีรักแท้ แต่ดูแล(ไว้)ไม่ได้  (อ่าน 1081041 ครั้ง)

ออฟไลน์ BossoM

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1092
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-5
    • my twitter
โหววว กลับมาอีกทีความรู้เต็มกระทู้เลยยยยย :mc4:

ที่หายไปไม่ใช่ไม่มีปัญหานะคะ เพราะส้มขี้เกียจบ่นแล้วอ่ะค่ะ
เพราะเดี๋ยวพวกพี่ๆก็จะว่าน้องทำไมขี้บ่นจัง ฮ่าๆๆ
ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตอย่าเรื่อยๆเปื่อยๆต่อไปค่า

นี่ความลับเลยนะพี่ :m26:
ส้มก็อยากมีไร่สักหนึ่งไร่ค่ะ แบบไร่ผลไม้อะไรแบบนี้
คือถ้ามีวาสนาได้ไปเมืองนอก อยากมีบ้านที่มีฟาร์มอ่ะค่ะ
ส้มชอบอากาศธรรมชาติ ชอบต้นไม้   :give2:

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
เนะ.....เมื่อหลายปีก่อน ผมเคยไปเข้าอบรมเรื่อง เกษตรคิวเซ
ของหลวงพ่อญี่ปุ่นสักท่านนึง ท่านทำเป็นวิทยาทาน
เพื่อให้คนเราหันกลับไปอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างมีความสุข
ซึ่งมันสอดคล้องกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงของเรา
ท่านจัดตั้งเป็นศูนย์สาธิตและฝึกอบรมทางการเกษตรและปศุสัตว์อยู่ที่สระบุรี
อบรมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ตลอด 3 วัน 2 คืน กิน-อยู่ฟรีทุกอย่าง
แถมที่นั่น ไม่มีสัญญาณมือถือหรือ WIFI ใด ๆ
ถ้าจะใช้โทรศัพท์มือถือ ต้องไปยืนโทรหน้าเสาธงตรงลานทางเข้าอย่างเดียว
ถึงจะพอหาสัญญาณได้ พอไม่มีโทรศัพท์มากวนสมาธิ รู้สึกจิตใจสงบ สดชื่นมาก
ไม่เครียด เพราะเขาจะมีรายการให้เราได้เรียนรู้ หรือทำกิจกรรมตลอดทั้งวัน
ที่หลับ ที่นอน ก็ดีนะครับ มีเบาะนอนพร้อมเครื่องนอนให้
นอนห้องรวมแยกชาย-หญิง สะอาด มีพัดลมให้ อากาศถ่ายเทดี ไม่อึดอัด
แต่พอตอนดึก อากาศเย็นถึงเย็นมาก บางทีต้องลุกมาปิดพัดลม

พืชผลการเกษตรและปศุสัตว์ที่นี่ ไม่ใช้สารเคมีใด ๆ เลย
ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติแทน ทำนอง หนามยอกเอาหนามบ่ง ประมาณนั้น
การที่เป็นออร์แกนิคล้วน ๆ ทำให้มีต้นทุนการผลิตต่ำ
เพราะไม่ต้องเสียเงินซื้อยาเคมีมากำจัดแมลงและศัตรูพืช

ผมมีโอกาสได้กินข้าวออร์แกนิค ปลอดสาร ซึ่งหวานหอมอร่อยมาก ๆ
ได้กินผักและไข่ที่ไม่ใช้สารเคมีเลย ทำให้รู้ว่า ไอ้ผักคะน้าที่ผมชอบกินบ่อย ๆ
แล้วมันมักมีรสขมหรือเฝื่อนตรงก้าน เวลากินสด ๆ นั้น เป็นผลมาจากสารเคมีที่เขาอัดเข้าไป
แล้วมันไปสะสมอยู่ตรงก้าน พอมากินผักคะน้าของที่นี่ มันหวานกรอบมาก ๆ
ไม่มีรสขมเฝื่อนใด ๆ ทั้งสิ้น ที่นี่เขาเลี้ยงโคนม เพื่อรีดน้ำนมไว้ดื่มด้วย
เขาก็เอานมพาสเจอไรส์มาแจกให้ดื่มกันตอนเช้า
รสชาติคนละเรื่องกับที่เราซื้อจากท้องตลาดทั่วไป หวานมัน หอมอร่อยมาก
แล้วนี่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมอยากทำเกษตรกรรม เพื่อลูกหลานของเราต่อไป

มัวแต่พล่ามเรื่องอื่นเสียยืดยาว 555555
ผมจะบอกว่า ไอ้เรื่องหอยเชอร์รี่ในนาข้าวเนี่ย
รู้สึกเหมือนที่นี่ เขาเคยบอกวิธีกำจัดเอาไว้
ลองไปค้นหาดูนะครับ ใช้ Keyword ว่า "เกษตรคิวเซ"

ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
ปุ้ม  เราเคยทำแต่อีเอ็มหัวเชื้อจุลินทรีย์ของคิวเซ หลายปีละ ช่วงนั้นดังมากมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย
      เท่าที่ทำและใช้ดู เราว่า ตัวอีเอ็มตัวนี้ดีมาก สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง ตอนนี้ไม่แน่ใจว่ายังนิยมกันอยู่หรือไม่
      เคยลองทำยี่ห้ออื่น หรือแม้แต่ของเกษตรบ้านเรา ส่วนตัวเราว่าสู้ของคิวเซไม่ได้ ปัจจุบันนี้เราว่าหาซื้อหัวจุลินทรีย์ของคิวเซนี้ยากละ
      ร้านที่เคยซื้อปิดไปแล้ว มีแต่ยี่ห้ออื่น เราไม่เคยใช้ ในศูนย์การเรียนรู้ที่หน่วยก็เอาของยี่ห้ออื่นมาทำมาใช้อยู่
      พืชผักที่นี่ ไม่ใช้สารเคมีเหมือนกัน ผลผลิตก็ส่งขายให้โรงครัว กับส่งตลาดนิด ๆ หน่อย ๆ พอให้อยู่ได้ด้วยตัวเอง
      รูปลักษณ์อาจจะไม่สวยงามแต่ไม่มีอันตรายต่อร่างกาย
      คนทางใต้เวลาทานข้าวคนมักจะติดกินผักหน่อกับน้ำพริก ก็จะเข้าสวนละ ไปเก็บผักอะไรต่ออะไรมากิน
      อย่างเราบางทีก็ไปเก็บโหระพา หรือกะเพราเอามากินแทนผักหน่อ พืชพวกนี้จะเป็นยาด้วย

      คราวที่ไข้หวัดนกระบาด เคยอ่านข่าวจะมีฟาร์มไก่บางฟาร์มที่รอดก็เพราะเค้าเอาอีเอ็มให้ไก่ได้กิน
      ให้กินเป็นประจำเลยรอดจากไข้หวัดนก แถมช่วยกำจัดกลิ่นขี้ไก่ด้วย

      เราเข้าไปหาที่ปุ้มบอกไม่เห็นหัวข้อวิธีกำจัดหอยเชอร์รี่ แต่เราลองค้นในเนตจากอันอื่นก็มีหลายวิธีที่จะกำจัดอยู่นะ
      จะเลือกใช้วิธีเอาฝักของต้นคูนมาตำ ๆ ให้ละเอียดและโปรยไปในบ่อ เห็นว่าจะทำให้หอยตายและไม่เป็นอันตรายต่อปลาในบ่อ
      โชคดีที่หลายปีก่อนเค้ารณรงค์ให้ปลูกต้นราชพฤษ์หรือคูณในหน่วยไว้มากพอควร เพื่อเทิดพระเกียรติพ่อหลวงของเรา
      เลยเก็บฝักคูณไว้ได้พอสมควรละ จะว่าไปเหมือนบารมีท่านช่วยเลยนะ 5555 
           
     อีกทีว่าจะจับหอยเอาไปให้พี่เค้าไปหมักทำอีเอ็มซะเลย แถมจะได้เป็นอาหารไก่หรือปลาได้อีก
     แต่เราก็กลัวบาปอีก มันไม่ใช่ตัวสองตัวนะ หลายตัวเหมือนกัน ขนาดวันนี้เอาจอกหูหนูขึ้น มันยังลอยตัวขึ้นมาโชว์
     เหมือนจะแกล้งว่า จับชั้นดิ มาเลย ตัวโต ๆ อีกตะหาก หลายตัวเลย แล้วยังป่ามป๊ามให้ดูอีก 5555
     ตามธรรมชาติของมันไม่ทำอะไรนอกจากกิน ๆๆ แล้วก็ขยายพันธุ์กันเท่านั้น แถมโตเร็ว
     กำจัดได้ขนาดไหนยังไง แล้วจะแจ้งผลให้รู้อีกที
   
     รู้สึกว่า ทู้เราเริ่มจะกลายเป็นทู้การเกษตรไปแล้วนะเนี่ย 55555

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
55555 งั้นกลับมาเรื่องท่องเที่ยวกันบ้างดีกว่า
ผมติดเรื่องท่องเที่ยวไว้ 2 เรื่อง คือ
เรื่องไปเที่ยวหัวหิน กับไปเที่ยวสุพรรณฯ
งั้นจะค่อย ๆ เล่าไปทีละเรื่องแล้วกันครับ
 :bye2:

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
เอารูปมาที่ไปเที่ยวหัวหินมาฝาก
ถ้าใครเคยไปมาแล้ว ก็ถือว่า ทบทวนความหลังก็แล้วกันนะครับ ^_^

ผมออกเดินทางกันตั้งแต่ 7.30 น. ก็แวะพักทานอาหารกลางวันกันที่ ร้านปลาทู
ซึ่งมีอาหารขึ้นชื่อหลายอย่าง เช่น ปลาทูต้มเค็ม ที่ตุ๋นจนก้างนุ่ม กินได้ทั้งตัวทั้งก้าง
แกงป่าปลาเห็ดโคน ซึ่งเผ็ดสะใจผมมาก
ปลาทูทอด ที่เหนียวไปนิดนึง สงสัยคงทอดทิ้งไว้ตั้งแต่เช้าแล้ว

วันแรก ไปถึง ก็ไปทำกิจกรรมเสริมสร้างความสามัคคี (Team Building) ของบริษัท
งานนี้ ผู้บริหารแต่ละคน ก็ถอดหัวโขนวางไว้ที่บริษัท ลงไปคลุกฝุ่นกับพนักงานด้วย
ก็สนุกสนาน ได้ทั้งสาระและความรู้ดีครับ ทีมงานเขาจัดได้ดี
ตอนเย็นก็มีงาน Colorful Party ธีมย้อนยุคไปช่วงสมัยคุณแม่ยังสาว
ที่เขานิยมตีผมโป่ง ทำจอนงอนเช้ง ให้ชุดสีสันแสบตา เป็นดอก ๆ ดวง ๆ นั่นแหละครับ
ผมก็เอากับเขาด้วย แต่ไม่ชอบลงทุนมาก เสียดายเงิน
มันไม่ใช่แนวผมสักเท่าไหร่ 555555

พอวันรุ่งขึ้น เขาก็พาไปเที่ยวตลาดน้ำ สามพันนาม
ที่จริง หัวหิน มีตลาดน้ำ 2 แห่ง ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน คือ
ตลาดน้ำหัวหิน และตลาดน้ำสามพันนาม
ซึ่งต่างก็ทำเป็นบรรยากาศย้อนยุคสมัย มิตร-เพชรา
ลองดูรูปที่เอาลงไปไว้นะครับ



ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
มาต่อแล้วครับ หลังจากหายไปหลายวัน
ผมขอสารภาพผิดว่า เผลอลบรูปที่ตลาดน้ำสามพันนามจากกล้องไปหมดเลย  :sad4:
เพราะเข้าใจผิดว่า ถ่ายข้อมูลลงเครื่องไปเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่า เป็นอีกอัลบั้มหนึ่ง
เลยมีแต่รูปที่ ซานโตรินี่นะครับ  :call:

ผมไปเที่ยวชมซานโตรินี่ในวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ
ทางคณะผู้จัดฯ เขาให้เวลาเดินชมประมาณ 1 ชม.
ซึ่งผมก็เดินสำรวจดูคร่าว ๆ พบว่า เขาก่อสร้างและตกแต่งคล้าย ๆ กับที่ ปาลิโอ เขาใหญ่
อาคารร้านค้าเป็นสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน มีแต่ร้านค้าแบรนด์เนมเป็นส่วนใหญ่
แล้วก็ยังเปิดขายไม่หมด ยังมีร้านว่างอยู่เยอะเหมือนกัน

จุดเด่นของที่ซานโตรินี่ คือ กระเช้าลอยฟ้าอันใหญ่ ที่ตั้งไว้หน้าทางเข้า มองเห็นเด่นมาแต่ไกล
คล้าย ๆ ลอนดอนอายของอังกฤษ
นอกจากนี้ ก็มีรูปประติมากรรมร่วมสมัย ออกแนวจินตนิยายหน่อย ๆ ตั้งประดับอยู่ตามมุมต่าง ๆ ทั่วสถานที่
ทั้งม้าน้ำ งูยักษ์ ที่ดูยังไง ก็เหมือนไส้เดือนยักษ์มากกว่า
ปลาหมึกยักษ์ที่พ่นน้ำออกมาทางรูเล็ก ๆ ตรงหนวด
ม้าหมุนขนาดใหญ่ที่เป็นมุมโปรดของเด็ก ๆ อายุต่ำกว่า 10 ปี
รูปปั้นคนท้องแนวแอ็บสแตร็ก (ผมก็รู้แค่งู ๆ ปลา ๆ ถ้าบอกผิด ขอเชิญผู้รู้ช่วยแก้ไขให้ด้วยนะครับ)
ซึ่งคนชอบมาลูบ ๆ คลำ ๆ ตรงท้องที่ป่องออกมาจนมันแผล็บ
ไม่รู้ว่า ลูบอธิษฐานขอลูก หรือหาเลข ก็ไม่รู้ครับ
ที่เห็นเป็นที่นิยมมาก ก็คือ ประติมากรรมรูปหัวใจ ที่มีคิวคนรอถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก


[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ผมลืมบอกไป ที่นี่เสียเงินค่าเข้าชมสถานที่ด้วยนะครับ
คิดคนละ 50 บาท แล้วหากต้องการเล่นเครื่องเล่นข้างใน ซึ่งมีอยู่ 3-4 อย่าง
ก็ต้องเสียเงินเล่นแต่ละประเภทเครื่องเล่น คนละ 120 บาท (ขาดตัว)
เครื่องที่ว่า ก็มี แทรมโบลีนขนาดใหญ่ เขาวงกต Giant Swing และก็หนัง 4 มิติ

ที่ผมสนใจ ก็มีอยู่ 2 อย่าง คือ Giant Swing กับหนัง 4D
ผมไปสอบถามราคาค่าเล่น Giant Swing เขาคิดคนละ 480 บาท
ใช้เวลาเล่นประมาณ 1 นาทีเศษ ๆ เท่านั้น
เมื่อเทียบกับราคาแล้ว ไม่น่าเล่นเท่าไหร่ ไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป
เพราะมันเหวี่ยงขึ้น-ลงแค่รอบเดียว แล้วก็ปล่อยให้สลิงค่อย ๆ หยุดเอง

ผมก็เลยไปดูหนัง 4D ดีกว่า เขามีประมาณ 6-7 เรื่อง ใช้เวลาประมาณ 3-4 นาที
หมุนเวียนเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อย ๆ แล้วแต่คอมฯ จะสุ่มเรื่องไหนขึ้นมา
เราไม่สามารถเลือกเรื่องเองได้ แล้วเขาก็จำกัดจำนวนคนเข้าชมต่อรอบ เพียงรอบละ 8 คนเท่านั้น
เสียดายที่เขาไม่ให้ถ่ายรูปในโรงด้านในได้ เลยไม่มีภาพมาให้ดู

พวกผมก็เข้าไปดูกัน 8 คน ได้เรื่อง Snow Riding อะไรเนี่ยแหละครับ
พอถึงรอบตัวเอง เจ้าหน้าที่เขาก็แจกแว่นสามมิติมาให้ใส่
แล้วพวกผมก็นั่งหัวสั่นหัวคลอนตามแรงโยก เพื่อให้ได้อารมณ์และอรรถรสในการชม
ก็สนุกดีครับ แต่ถ้านั่งนานกว่านี้ ผมว่า น่าจะมีอ้วกกันบ้าง เพราะมันโยกคลอนตลอดต่อเนื่องกัน

จากภาพรวม ผมชอบดูหนัง 4D มากที่สุด ส่วนอย่างอื่น ผมเฉย ๆ ครับ
แต่ก็เห็นพวกหนุ่ม ๆ สาว ๆ เขาก็ดูตื่นเต้นกับสถานที่กันไม่น้อยเลย
หรือว่า ผมจะตกรุ่นไปแล้วแฮะ??  :z2:


[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ผมตกรูปปั้นคนท้องไป
จัดไปเลยครับ

[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
มาต่อกันที่เรื่องไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่สุพรรณฯ กันเลยนะครับ

เมื่อเสาร์-อาทิตย์สิ้นเดือนกรกฎาคม พวกผมสองคนไปเยี่ยมเพื่อนที่ อ. เดิมบางนางบวช จ. สุพรรณบุรีมา
เขาเป็นผู้พิพากษา แต่มีความฝันอยากเป็นชาวไร่ ก็เลยไปซื้อที่อยู่ที่ เดิมบางฯ ไว้หลายสิบไร่
ตอนนี้ก็ปลูกไผ่หวานเอาไว้ไม่น้อย ก็เก็บเอาไปขายตลาดแถวนั้น เป็นการซ้อมมือไว้ก่อน
พวกผมก็ไปสำรวจดูลาดเลา เผื่อเอาไว้สำหรับตัวเองบ้าง กะจะเป็นชาวไร่กับเขาเหมือนกัน 55555  :impress3:

เช้าวันเสาร์ พวกผมออกเดินทางกันแต่เช้า ที่จริง พวกผมวางแผนไว้ว่า จะแวะไปไหว้สมเด็จพระนเรศวรที่ดอนเจดีย์
แต่ต้องเปลี่ยนแผนกระทันหัน เพราะรถติดมาก ๆ เนื่องจากมีการซ่อมถนน 340 กว่าจะหลุดออกมาได้ ก็เสียเวลาร่วม 2 ชั่วโมง
เลยแวะไปเที่ยวตลาดร้อยปี ที่สามชุก ก่อนไปนอนค้างที่บ้านเพื่อน

พอเข้าเขตสุพรรณฯ แล้ว ถนนหนทางเปลี่ยนจากถนนราดยางสองเลน เป็นคอนกรีต 6 เลนอย่างดี ขับรถสบายครับ
ตลาดร้อยปี สามชุก เดินทางไปง่าย หาไม่ยาก มีป้ายบอกเป็นระยะ
ทางเข้าตลาดเป็นซอยเล็ก ๆ แคบ ๆ มีสองเลนพอให้รถวิ่งสวนกันได้
ตลาดมีที่จอดรถน้อยมาก พอไปถึง ก็ต้องมองหาที่จอดรถซึ่งชาวบ้านแถวนั้น เขาเปิดให้เช่าจอด คิดคันละ 20 บาท
ก็เลือกได้ตามอัธยาศัยครับ พอจอดรถแล้ว เดินมาหน่อยนึง ก็มีคนขับซาเล้งมาสอบถามว่า สนใจจะนั่งซาเล้งไปหน้าตลาดมั้ย
พวกผมอยากมีประสบการณ์ ก็เลยลองนั่งดู คิดค่าโดยสารคนละ 5 บาท อันที่จริงเดินไปก็ไม่ไกลเท่าไหร่นะครับ
แต่ถ้าเดินตอนกลางวัน แดดเปรี้ยง ๆ ก็ร้อนเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน เก็บแรงไว้เดินชมตลาดดีกว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-08-2012 10:34:13 โดย fanfic2010 »

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ผมเพิ่งกลับจากไปดูหนัง "Borne Lagacy" มา หนังก็สนุกดีครับ แต่ต้องไปฟื้นความทรงจำเรื่อง Borne ทั้งสามภาคมาก่อน
เพราะหนังเท้าความไปถึงเรื่องของ Jason Borne โดยกล่าวถึงโครงการเทรดสโตนในภาคแรก
แบล็คไบรอาร์ในภาคสองและสาม รวมถึงโครงการทดลองเพาะยอดมนุษย์ใหม่อีกสองโครงการคือ Outcome และ LARS
เนื้อเรื่องแยกออกมาจากเจสัน บอร์น แต่มีตัวละครบางตัวที่ยังคงอยู่และมีตัวใหม่เพิ่มเข้ามา
ถ้าไม่ได้ดูเจสัน บอร์นทั้งสามภาค ก็อาจจะงงกับการดำเนินเรื่องของภาคนี้
เพราะเท้าความจากการที่เจสันออกมาลุยเดี่ยวเช็คบิลกับ CIA จนทำให้องค์กรถูกสอบสวนจากรัฐสภา
ผู้บริหารของ CIA ก็เลยจำเป็นต้องเก็บกวาดสิ่งต่าง ๆ ของโครงการที่กล่าวถึงข้างบน
ที่อาจจะเป็นหลักฐานเชื่อมโยงมายังองค์กร ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ นักวิทยาศาสตร์ หรือหนูทดลองโครงการให้สะอาดหมดจด

พระเอกในภาคนี้ ก็เป็นหนึ่งในหนูทดลองของโครงการ Outcome ที่มีจำนวนทั้งหมด 9 คน
แต่เหลือรอดจากการทดลองมาเพียง 6 คน ช่วงแรก ๆ ของเนื้อเรื่อง หนังพยายามสื่อถึงความเป็นยอดมนุษย์ของพระเอก
ส่วนนางเอก ก็เป็นนักวิทยาศาสตร์เคมีชีวภาพ (Biochemical) ของบริษัทผลิตยาชั้นนำแห่งหนึ่ง
ซึ่งเคยเป็นคนตรวจสอบอาการของพระเอก และมีส่วนร่วมในโครงการเพาะพันธ์ยอดมนุษย์โดยที่ตัวเองไม่รู้ว่า ใครอยู่เบื้องหลัง
แล้วก็มีเหตุให้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ฆ่าตัดตอนล้างบางของเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง แต่นางเอกรอดมาได้เพียงคนเดียว
แล้วก็ถูก CIA ตามเก็บถึงบ้าน เพื่อปิดปาก แต่พระเอกซึ่งตอนนั้นกำลังขาดยาตัวสำคัญมาช่วยไว้พอดี
เนื้อเรื่องหนังก็ดำเนินไปทำนองเดียวกับบอร์นทั้งสามภาคแหละครับ
แต่ที่พิเศษคือ หนังถ่ายทำบางส่วนในมะนิลาและกรุงเทพฯ บ้านเราด้วย
ถ้าผมจำไม่ผิด รู้สึกเหมือนมีนักแสดงไทยร่วมแสดงด้วยคนหนึ่ง (มั้ง)
ผมก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ ไม่ค่อยรู้จักนักแสดงไทยรุ่นใหม่มากนัก
เขาแสดงเป็นหนูทดลองในโครงการ Lars ที่ถูกสั่งให้มากำจัดพระเอกกับนางเอก
ทั้งเรื่องแสดงแอ็คชั่นอย่างเดียว ไม่มีบทพูดเลย ตอนแรกก็ดูเป็นยอดมนุษย์ดีนะครับ อึด ตายยาก ตายเย็น
แต่บทจะตาย ก็ง่ายนิดเดียว ถูกนางเอกถีบมอเตอร์ไซค์ที่ขับอยู่ชนเสาคอนกรีตตาย 55555  :laugh:

ใครที่ชอบหนังแอ็คชั่นอัดกันมัน ๆ ไม่ต้องมีการวางโครงเรื่องเชื่อมโยงซับซ้อนนัก อาจจะไม่ชอบ เพราะดูไม่ค่อยรู้เรื่อง
แต่ส่วนตัวผม ผมว่า หนังก็สนุกดี มีหลายมิติ และดูเหมือนผู้สร้างจะทิ้งตอนจบไว้เผื่อต่ออีกด้วย
ใครที่ยังไม่ได้ไปดู ก็ลองไปดูกันนะครับ  :bye2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
มาต่อเรื่องเที่ยวตลาดสามชุกกันนะครับ ^_^

ผมคัดประวัติบางส่วนมาจาก เว็บ www.samchuk.in.th ครับ

ตลาดสามชุก เป็นตลาดสำคัญในการติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าที่สำคัญในอดีต
ตั้งแต่เมื่อ 100 กว่าปีก่อน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน จังหวัดสุพรรณบุรี
แต่เมื่อถนนคือ เส้นทางจราจรทางบกที่เข้ามาแทนที่การเดินทางทางน้ำ
ทำให้คนหันหลังให้กับแม่น้ำท่าจีน ความสำคัญของตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าริมน้ำเริ่มลดลง
บรรยากาศการค้าขายในตลาดสามชุกเริ่มซบเซา และเมื่อต้องแข่งขันกับห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่
และตลาดนัดภายนอก ทำให้ร้านค้าภายในตลาดต้องหาทางปรับตัว

เมื่อราชพัสดุ เจ้าของที่ดินที่ชาวบ้านเช่าที่ดินมายาวนาน ดำริจะรื้ออาคารตลาดเก่าสร้างตลาดใหม่
จึงทำให้ชาวบ้านพ่อค้าที่อยู่ในตลาดสามชุก ครูอาจารย์ที่เห็นคุณค่าตลาดเก่า
รวมตัวเป็นคณะกรรมการพัฒนาตลาดสามชุกเชิงอนุรักษ์ระดมความคิด
หาทางอนุรักษ์ตลาดและที่อยู่ของตนไว้ และหาทางฟื้นคืนชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
เป็นที่มาของกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ใช้การท่องเที่ยวศึกษาวิถีชีวิตชุมชนดั้งเดิม
ประวัติศาสตร์ชุมชน เป็นเครื่องมือการพัฒนาอาคารไม้เก่าแก่ในตลาดสามชุก
ที่ก่อสร้างเป็นแนวตั้งฉากกับแม่น้ำท่าจีน เป็นสิ่งบอกให้รู้ว่าเป็นลักษณะของตลาดจีนโบราณ
เป็นชุมชนชาวไทย-จีน ที่ยังคงอยู่มาถึงปัจจุบัน ลวดลายฉลุไม้ที่เรียกว่าลายขนมปังขิง
ซึ่งเท่าที่พบในตลาดนี้มีถึง 19 ลาย คือ ศิลปะตกแต่งอาคารไม้โบราณ ที่หาดูได้ยากแล้วในปัจจุบัน
หากไม่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ก็ย่อมสูญหายไปเช่นเดียวกับตลาดโบราณอื่นๆ

นอกจากสถาปัตยกรรม อาคารไม้โบราณที่พบเห็นได้ตลอดแนวทางเดิน 2 ข้างทางเดินในตลาด
วิถีชีวิตบรรยากาศภายในตลาดการค้าขายที่ยังคงรักษาวิถีแบบดั้งเดิมเช่นในอดีต
และบรรยากาศน้ำใจอัธยาศัยไมตรีของแม่ค้า ข้าวของเครื่องใช้ ขนมอาหารที่นำมาตั้งขายในตลาด
เป็นสิ่งยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน ไม่ใช่สิ่งที่จำลองมาเพื่อให้ผู้ชมได้ดูชั่วครั้งชั่วคราว
แต่เหล่านี้คือ วัฒนธรรมที่สืบเนื่องจากอดีต บ่มเพาะมาเป็น 100 ปี
นักท่องเที่ยวจะสามารถสัมผัสได้ ไม่รู้เบื่อ อิ่มตา อิ่มใจ อิ่มท้องอย่างไม่รู้ตัว
ทำให้ตลาดสามชุกแห่งนี้ได้รับขนานนามว่า ตลาด 100 ปี พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-08-2012 22:56:33 โดย fanfic2010 »

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
พวกผมมาถึงสามชุกประมาณบ่ายสองโมง วันนั้นฟ้าหลัว มีแดดออกเป็นระยะ ๆ
อากาศอบอ้าว เหมือนฝนใกล้จะตก ก็เล่นเอาเหงื่อซึมไปเหมือนกันครับ
พอมาถึงหน้าตลาด จุดสังเกตแรกที่เห็นคือ ป้ายโฆษณาตลาดที่ติดตั้งไว้ริมแม่น้ำท่าจีน
เป็นรูปชาย-หญิงสองคน แต่งตัวตามแฟชั่นนิยมเมื่อ 50-60 ปีที่แล้ว
คือ ผู้ชายใส่กางเกงขาบาน เสื้อลายพร้อย ทรงผมแต่งด้วยน้ำมันแต่งผม
ถ้าเป็นสมัยนั้น ยี่ห้อยอดนิยม คงเป็น "ตันโจติ๊ก" ไม่รู้ว่า มีใครเคยได้ยินชื่อบ้างมั้ย 5555
ส่วนผู้หญิง ก็แต่งตัวแบบที่ตอนนี้กำลังย้อนยุคไปนิยมมาใหม่
ลองดูรูปที่ลงมาให้ดูนะครับ

ตลาดสามชุกอยู่ติดกับที่ว่าการอำเภอสามชุก ทางเข้าตลาด มีตู้ไปรษณีย์สมัยคุณปู่ตั้งอยู่
พอเดินเข้าไปในตลาด ก็เห็นร้านค้าขายสินค้านานาชนิด ทั้งของกิน ของใช้


[attachment deleted by admin]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-08-2012 00:12:49 โดย fanfic2010 »

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
พวกผมก็เดินชมตลาด เป็นพระยาน้อยชมตลาดกันนานร่วมชั่วโมง
ส่วนใหญ่ก็เหมือนตลาดทั่วไป ที่เคยเห็นสมัยเด็ก ๆ อิอิ

สถานที่น่าสนใจมีหลายแห่ง ถ้าใครสนใจ ก็ลองหาข้อมูลก่อนไปเยี่ยมชมจริงได้ที่ www.samchuk.in.th ดูนะครับ
ผมจะเล่าเฉพาะที่ผมสนใจและนอกเหนือจากที่บอกไว้ในเว็บ

สถานที่น่าสนใจที่แรกที่ผมไปเยี่ยม คือ พิพิธภัณฑ์บ้านขุนจำนงจีนารักษ์
ซึ่งเป็นผู้เช่าที่ตลาดจากราชพัสดุมาทำเป็นตลาด ผมคัดประวัติบางส่วนของท่านและบ้านท่านจากเว็บดังกล่าวมาให้ทราบ

ขุนจำนงจีนารักษ์ นามเดิมว่า หุย แซ่เฮง เป็นคนจีนเกิดในประเทศไทย ใกล้วัดโพธิ์คอย อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
ประกอบอาชีพค้าขาย มีโรงเหล้า และโรงยาฝิ่น เมื่อเยาว์วัยศึกษาเล่าเรียนที่ประเทศจีน กลับมาเมืองไทยเมื่ออายุ 20 กว่าปี

ต่อมาได้เช่าที่ราชพัสดุปลูกบ้าน 3 ชั้น (คอนกรีตเสริมเหล็ก)ใน พ.ศ.2459 กิจการค้าขายของท่านเจริญรุ่งเรืองไปถึง 6 อำเภอ
ท่านจึงเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ประกอบกับท่านเป็น คนดีมีเมตตา ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก จึงได้เป็นผู้นำชุมชน
คุณงามความดีของท่าน ทำให้ท่านได้รับบรรดาศักดิ์ เป็น ขุนจำนงจีนารักษ์ ตำแหน่งกรรมการพิเศษจังหวัดสุพรรณบุรี
นายอากรสุรา-ฝิ่น ศักดินา 400 ไร่ จากพระบาทสมเด็จพระปก เกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2474
เมื่อรัฐบาลประกาศยกเลิกการสูบฝิ่น ท่านจึงหันมาทำสวนทำไร่ และเสียชีวิตเมื่อ พ.ศ. 2517 รวมอายุได้ 83 ปี
บ้านของท่านในส่วนของ คุณเคียวยี้ ซึ่งเป็นบุตรสาวของนาย โต้วซ้ง จีนารักษ์ ลูกชายคนโต
อนุญาติให้คณะกรรมการพัฒนาตลาดสามชุก ปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์ โดยใช้ชื่อ พิพิธภัณฑ์บ้านขุนจำนงจีนารักษ์
ซึ่งเป็นสถานที่เก็บของโบราณ สำหรับผู้ที่สนใจเข้า ชมเพื่อศึกษาหาความรู้มาจนถึงปัจจุบันนี้


[attachment deleted by admin]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-08-2012 23:30:52 โดย fanfic2010 »

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
เดินไปได้สักพัก ก็สะดุดตากับร้านขายขนมไทยโบราณหลายร้าน
อันที่จริงจะเรียกว่า โบราณ ก็ไม่เชิงถูกต้องนัก เพราะสมัยผมยังเด็ก ๆ ก็ทันเห็นอยู่บ้าง
แต่คนที่เกิดหลัง พ.ศ. 2520 อาจจะไม่เคยเห็นแล้ว

ขนมที่ว่า ก็อย่างเช่น ขนมเหนียว ขนมด้วง ขนมชั้น ข้าวเหนียวแดง ข้าวเหนียวแก้ว
ขนมต้มแดง-ต้มขาว ขนมกล้วย ขนมตาล ลืมกลืน เรไร น้ำดอกไม้ ขนมฝักบัว ฯลฯ
โอ๊ย! จาระไนไม่หมด พวกผมก็ซื้อชิมนั่นนิด ชิมนี่หน่อย จนอิ่มแปล้
แล้วก็กลั้วคอด้วยน้ำกระเจี๊ยบ-พุทรา อาห์! ชื่นใจ :oni1:

เดินมาอีกหน่อย ก็เจอร้านขายไอติมโบราณ ที่เขาอัดใส่กระดาษบาง ๆ เป็นก้อนใหญ่ มีสารพัดรส
ถั่วดำ ถั่วแดง ทุเรียน ช็อคโกแล็ต กะทิ วานิลลา กาแฟ รวมมิตร ฯลฯ
พอใครจะซื้อ ก็ตัดแบ่งออกมาเป็นก้อนเล็ก ๆ เอาไม้เสียบตูด เดินดูดสบายใจเฉิบ  :z2:

ร้านไอติมที่น่าสนใจอีกร้าน คือ ร้าน  "ไอติมผัด" ที่มีคนต่อแถวซื้อกันหลายคน
ผมก็เตร่มาดูกรรมวิธีผัดของเขา อันที่จริง ไอติมผัด ไม่ใช่ของเก่าแต่โบราณนะครับ
ผมเห็นขายอยู่ประปรายในกรุงเทพฯ ตามห้างใหญ่ ๆ
แต่ที่น่าในสนใจ เพราะมันร้อนอ่ะ ผมเลยอยากหาอะไรเย็น ๆ อย่างไอติม กินบ้าง
แล้วดูท่าทางก็น่ากินไม่น้อยด้วย หลังจากจัดการไอติมโบราณ อย่าง ถั่วดำ เรียบร้อยแล้ว
ผมก็เลยซื้อไอติมผัดมาลองชิมดูบ้าง ราคาต่างกันลิบลับ ไอติมโบราณ แท่งละ 10 บาท
ไอติมผัด ถ้วยละ 40 บาท รสชาติก็อร่อยดีครับ สงสารแต่คนผัด คงต้องออกแรงผัดน่าดู
เพราะกว่าจะทำให้ไอติมแข็งตัวเป็นก้อนได้ก็ผัดไปผัดมาหลายรอบ ลองดูตัวอย่างที่ผมถ่ายรูปมาให้ดูนะครับ

อีกร้านหนึ่งที่สนใจ และซื้อไปฝากเพื่อน คือ ร้านลูกชิ้นหมู ทำจากเนื้อหมูล้วน มีหลายขนาด ราคาขั้นต่ำถุงละ 50 บาท
มีลูกชิ้นยักษ์ ขายลูกละ 100 บาท ด้วย แต่เห็นแล้ว ไม่กล้าซื้อ มันใหญ่เกิน

เดินมาถึงกลางสี่แยกในตลาด ก็เจอร้านขายข้าวห่อใบบัว มีรางวัลการันตีความอร่อยด้วย
แม่ค้าก็น่ารัก อัธยาศัยดี ถึงจะไม่ซื้อ ก็ยินดีเป็นนางแบบให้เราถ่ายรูป 55555

สถานที่อีกแห่งที่น่าสนใจ คือ โรงแรมอุดมโชค โรงแรมเก่าแก่ในตลาด
ในอดีตเคยเป็นโรงแรมที่มีคนมาพักกันอย่างคึกคัก แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนไป
การคมนาคมทางน้ำไม่ใช่เส้นทางค้าขายหลักอีกต่อไป โรงแรมแห่งนี้ ก็ต้องปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลาเช่นเดียวกัน
ปัจจุบันนี้ โรงแรมอุดมโชคไม่ได้เปิดให้พักแล้ว แต่เปลี่ยนเป็นร้านขายกาแฟสดแทน และเปิดเป็นที่ขายงานศิลปะด้วย
สะท้อนให้เห็นสัจธรรมของโลกนะครับ


[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
พวกผมใช้เวลาเดินชมตลาดประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ออกเดินทางจากตลาดสามชุก
ไปบ้านเพื่อนที่ อ. เดิมบางนางบวช ค้างหนึ่งคืน แล้ววันรุ่งขึ้น ก็ไปเที่ยวบึงฉวาก
สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่ออีกแห่งของสุพรรณฯ

เดี๋ยวผมมาเล่าให้ฟังนะครับ

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ในจังหวัดสุพรรณบุรี นอกจากหอบรรหาร-แจ่มใส แล้ว ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง
ทั้งในส่วนของประวัติศาสตร์ โบราณคดี วัฒนธรรม และธรรมชาติวิทยา แถมยังไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เท่าไหร่
ไม่ว่าจะเป็นวัดป่าเลไลยก์ วัดไผ่โรงวัว อนุสรณ์ยุทธหัตถีดอนเจดีย์ ตลามร้อยปี ทั้งสามชุกและเก้าห้อง
หมู่บ้านควาย มังกรสวรรค์ บึงฉวาก แหล่งโบราณคดียุคหินใหม่ อายุ 3,000-4,000 ปี ฯลฯ
ที่สำคัญคือ สามารถขับรถไปเช้า-เย็นกลับได้ แต่ถ้าให้ดี ผมว่า ค้างสักคืน สองคืน จะเก็บข้อมูลได้ดีกว่า

ถ้ามีโอกาส ผมก็จะไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวแห่งอื่นเหมือนกัน แต่ตอนนี้ ขอพูดถึงบึงฉวากก่อนนะครับ ^_^
ผมขอคัดลอกประวัติของบึงฉวากจากเว็บ www.suphan.biz/bungchawak.htm มาให้อ่านดังนี้ครับ

บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ เป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2,700 ไร่
อยู่ห่างจากตัวเมืองสุพรรณบุรีประมาณ 64 กิโลเมตร บึงฉวากมีพื้นที่ติดต่อกับอำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท
และอำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนที่อยู่ในเขตอำเภอเดิมบางนางบวชมีพื้นที่ประมาณ 1,700 ไร่

บึงฉวากได้รับประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2526
และในปี พ.ศ. 2541 ได้รับการจัดให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติ
ตามอนุสัญญาแรมซาร์ที่ประเทศไทยเป็นภาคี เนื่องจากความหลากหลายของพันธุ์พืชและสัตว์ที่มีในบึง
ลักษณะที่เรียกว่าเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำตามอนุสัญญาแรมซาร์ คือพื้นที่ลุ่ม พื้นที่ราบลุ่ม พื้นที่ลุ่มชี้นแฉะ
พื้นที่ฉ่ำน้ำ มีน้ำท่วม น้ำขัง พื้นที่พรุ พื้นที่แหล่งน้ำ ทั้งที่เกิดเองตามธรรมชาติและที่มนุษย์สร้าง
ทั้งที่มีน้ำขังหรือน้ำท่วมถาวรหรือชั่วคราว ทั้งแหล่งน้ำนิ่งและน้ำไหล แหล่งน้ำจืด น้ำกร่อยและน้ำเค็ม
รวมไปถึงชายฝั่งทะเลและทะเลในบริเวณซึ่งเมื่อน้ำลดต่ำสุด น้ำลึกไม่เกิน 6 เมตร
ซึ่งบึงฉวากเข้าข่ายลักษณะดังกล่าว คือเป็นบึงน้ำจืดที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 1 – 3 เมตร


ลักษณะการจัดการของบึงฉวาก เหมือนเป็นการจัดการร่วมกันระหว่างจังหวัด
ดูแลโดย อบจ.ของจังหวัดนั้น ๆ ในส่วนของตัวเอง เน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวมากกว่าจะหวังผลทางการค้า

นอกจากนี้ ภายในบึงฉวากเอง ก็มีรีสอร์ทตั้งอยู่ด้วย ชื่อว่า "บึงฉวาก รีสอร์ท"
ลักษณะของที่พัก มีทั้งที่เป็นบ้านต้นไม้ ทั้งเดี่ยวและคู่ ซึ่งสร้างอยู่บนต้นไม้คอนกรีดจำลอง
เรือนแถว บ้านริมน้ำ มีสถานที่อบรมสัมนาด้วย บรรยากาศเงียบสงบ ร่มรื่นมาก เหมาะกับการพักผ่อนเป็นส่วนตัว
ลองนึกถึงว่า เรามาพักผ่อน ตอนเย็นนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินตรงระเบียงหลังบ้าน ได้ยินเสียงนกกาที่กำลังบินกลับรัง
แล้วยิ่งถ้าเราได้นั่งอยู่กับคนรู้ใจด้วยแล้ว มันได้อารมณ์โรแมนติกไปอีกแบบนะครับ  :impress3:

ใครที่อยากจะหาที่พักอิงบรรยากาศธรรมชาติ ผู้คนไม่พลุกพล่าน และอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ
ลองคิดถึงที่นี่ดูนะครับ ผมไม่ได้ค่าโฆษณาอะไรจากที่นี่ เพียงแต่ผมชอบเป็นส่วนตัว เพราะมันค่อนข้างเงียบดี
ยังคิดว่า จะหาโอกาสมาพักผ่อนที่นี่สักครั้งหนึ่ง ลองดูรูปที่ผมคัดลอกมาจากเว็บดังกล่าวนะครับ


[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ภายในบึงฉวาก แบ่งออกเป็นสองโซน คือ โซนสวนสัตว์ และโซนสัตว์น้ำ
แนะนำให้เริ่มต้นที่โซนสัตว์น้ำด้านในสุดก่อน แล้วค่อย ๆ ชมไล่ออกมาโซนสวนสัตว์

ภายในโซนสัตว์น้ำ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ

1) ส่วนแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ มี 3 อาคาร ได้แก่

อาคารแสดงสัตว์น้ำหลังที่ 1 จัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืดและสัตว์น้ำเค็ม ทั้งพันธุ์ปลาไทย
และพันธุ์ปลาต่างประเทศกว่า 50 ชนิด เช่น ปลาบึก ปลากระโห้ ปลาม้า ปลากราย
ปลาช่อนงูเห่า ปลาเสือตอ เป็นต้น

อาคารแสดงสัตว์น้ำหลังที่ 2 ประกอบด้วยตู้ปลาขนาดใหญ่สวยงาม
บรรจุน้ำกว่า 400  ลูกบาศก์เมตร และมีอุโมงค์ความยาวประมาณ 8.5 เมตร
ผู้ชมสามารถเดินลอดผ่านใต้ตู้ปลา ได้บรรยากาศเหมือนอยู่ใกล้สัตว์น้ำ
ซึ่งถือว่าเป็นอุโมงค์ปลาน้ำจืดแห่งแรกของประเทศไทย
มีนักประดาน้ำหญิงสาธิตการให้อาหารปลา นอกจากนั้นโดยรอบยังมีตู้ปลาน้ำจืดอีก 30 ตู้
และตู้ปลาทะเลสวยงามอีก 7 ตู้

สำหรับการแสดงตู้ปลาใหญ่ มีเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
มี 4 รอบ ตั้งแต่เวลา 10.30 – 16.00 น.

ค่าเข้าชมของทั้งสองอาคาร ซื้อครั้งเดียวเที่ยวได้ 2 อาคาร ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท

อาคารสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำหลังที่ 3 (สวรรค์แห่งโลกใต้ทะเล)
จัดแสดงพันธุ์ปลาทะเลมากมายหลายชนิด ให้ได้ชมกัน มีตู้ปลาขนาดใหญ่
และตู้ปลารูปทรงแปลกตา เพื่อคอยบริการนักท่องเที่ยวให้ได้ชื่นชมกับ 
ความสวยงาม และบรรยากาศของโลกใต้ทะเล รวมทั้งตื่นตาตื่นใจกับอุโมงค์ปลา
และบันไดเลื่อน ขนาดความยาว 75 เมตร
เพื่อให้ได้ศึกษาสภาพความเป็นอยู่ของสัตว์ทะเลอย่างใกล้ชิด
รวมทั้งบ้านของเจ้าแห่งท้องทะเล หรือปลาฉลามอีกจำนวนมาก
ภายอาคารในพบกับตู้ปลาทรงกระบอก (Cylinder) ใหญ่และสูงที่สุดในเมืองไทย
เปิดโลกใต้ทะเล (The Open Sea) ชมความงามของปลากระเบนนก
ปลาฉลามครีบดำ ปลาค้างคาว ตู้ยักษ์ใต้สมุทร (Giant Groupter)
พบปลาหมอทะเล ปลากระเบนท้องน้ำ เต่าทะเล และอุโมงค์ยาว 12.50 เมตร
ตู้แนวประการัง (Coral reef) พบกับฝูงปลาขนาดใหญ่ ปลาปักเป้า ปลาผีเสื้อ
ตู้ประการังสีฟ้าจากโอกินาวา (Okinava blue) เนรมิตประการังภายในตู้เปรียบเหมือน
ประการังแห่งท้องทะเลโอกินาวา อุโมงค์ปลาฉลาม (Shark Tunnel)
ทั้ง ฉลามเสือดาว ฉลามครีบดำ และอุโมงค์ยาว 16 เมตร กว้าง 6 เมตร
ซึ่งเป็นอุโมงค์ปลาที่กว้างที่สุดในโลก ตู้สีสันสิมิลัน (Similan Cliff)
ตกแต่งด้วยประการังสีชมพู กัลปังหาที่สวยงามและปลาสีสันสวยงามหลากหลายชนิด

มีการแสดงการให้อาหารปลาฉลาม เฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
มี 1 รอบ ตั้งแต่เวลา 14.00 – 15.00 น.

ค่าเข้าชมเฉพาะอาคารนี้ ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 50 บาท

2) บ่อจระเข้ มีการแสดงจระเข้วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
รอบ 11.00น. 12.30น. 14.00น. และ 15.30 น. ฟรีไม่เสียเงิน
นอกจากเราจะบริจาคในกล่องรับบริจาค เป็นสินน้ำใจให้นักแสดงเอง
ทางเดินบนบ่อจระเข้ เขาทำทางเดินเป็นสะพานคอนกรีต มั่นคงแข็งแรงมาก
คุมด้วยหลังคากระเบื้อง เดินสบาย ไม่ร้อน
มีลูกกรงสูงกั้นคนพิเรนท์หรือคนคิดสั้นอยากฆ่าตัวตายปีนขึ้นไป



[attachment deleted by admin]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-08-2012 12:11:12 โดย fanfic2010 »

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
สำหรับโซนสวนสัตว์ เสียค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 5 บาท
จ่ายครั้งเดียวเที่ยวได้ตลอดโซน โดยเขาแบ่งโซนออกเป็นส่วน ๆ คือ

ส่วนเสือและสิงโต ซึ่งเพิ่งรู้ว่า ที่นี่เพาะพันธ์เสือและสิงโตได้ด้วย
โดยเฉพาะเสือขาว หรือเสือเผือก ที่มียีนส์ผิดปกติทำให้ลูกออกมาเผือกทั้งตัว
มีเสือและสิงโตที่ผสมพันธ์เองที่นี่เยอะมาก

ถัดจากโซนเสือและสิงโต ก็เป็นสวนนกขนาดใหญ่ ซึ่งเขาสร้างเป็นอาคารเฉพาะ
มีตาข่ายคลุมด้านบน เหมือนในหนังจูราสสิค ปาร์คเลยครับ
ภายในอาคารมีตู้จำลองระบบนิเวศ  ห้องฉายสไลด์วีดิทัศน์
ด้านนอกอาคารมี กรงเลี้ยงนกขนาดใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ สูง 25 เมตร
ภายในกรงได้รับการตกแต่งให้ดูคล้ายสภาพธรรมชาติ
มีนกกว่า 45 ชนิด ที่น่าสนใจ ได้แก่ นกกาบบัว  นกเป็ดแดง ไก่ฟ้าพญาลอ
และ ไก่ฟ้าสีทอง ซึ่งกล่าวกันว่า เป็นไก่ฟ้าที่มีความสวยงามที่สุดในโลก
มีการจำลองน้ำตกขนาดเล็กเอาไว้ภายในกรง ผู้เข้าชมจะเดินตามทางเดินที่จัดไว้
และได้สัมผัสใกล้ชิดกับนกต่าง ๆ ที่ปล่อยให้มีชีวิตอยู่ในสภาพแบบธรรมชาติ
เดินผ่านหน้าเราไป แต่ต้องระวังขี้นกนิดหนึ่งนะครับ
เพราะอาจจะโชคดี ถูกนกขี้รดใส่จากฟากฟ้า ถ้าใครโดนให้รีบไปซื้อหวยเลยนะ อิอิ

นอกจากเสือ สิงโต และนก แล้ว ก็มีกรงสัตว์แปลกหายากอื่น ๆ ด้วย
เช่น กรงจิงโจ้ ซึ่งมีจิงโจ้เผือกอยู่คู่หนึ่ง กรงลา ฬ่อ เก้ง กวาง ละมั่ง เนื้อทราย
กรงเมียร์แคช ชะมด อีเห็น เม่น หมีคนและหมีควาย นกเงือกหลายพันธ์
ม้าแคระออสเตรเลีย สัตว์จากแอฟริกา เช่น ยีราฟ อูฐ เป็นต้น

แล้วเขายังมีให้เราได้ถ่ายรูปกับสัตว์อย่างใกล้ชิด เช่น ถ่ายรูปกับลิงอุรังอุตัง
งูหลาม เป็นต้น เขาให้ถ่ายฟรี ไม่เสียเงิน แต่ก็แล้วแต่จะให้เป็นสินน้ำใจสัตว์ (+คนดูแล)
คุณชายเขาก็ไปชักภาพกับอุรังอุตังมาด้วย เกือบโดนมันปล้ำ
เพราะนั่งโพสท่าอยู่ดี ๆ มันก็ยกมือขึ้นโอบบ่าแถมยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขาซะงั้น 55555 :m20:

ผมไม่ได้ถ่ายรูปอะไรในโซนสวนสัตว์มา เพราะแบตฯ หมด ก็เลยเอารูปในเว็บประชาสัมพันธ์มาลงแทนนะครับ
ส่วนรูปถ่ายคุณชายที่เกือบโดนลิงปล้ำ ผมถ่ายไว้ได้ทันเกือบทุกช็อท ก็เอาไว้แซวเขาเล่น ๆ กันสองคน
เห็นเขาทำหน้าเหวอแล้ว ขำกลิ้งทุกที คนอะไร แม้แต่ลิง ยังแพ้ฟีโรโมน 55555  :jul3:

ผมขอจบเรื่องเที่ยวสุพรรณฯ ไว้เท่านี้นะครับ
ถ้ามีโอกาสไปที่ไหน จะมาเล่าให้ฟังอีกครับ


[attachment deleted by admin]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-08-2012 12:35:42 โดย fanfic2010 »

ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
ปุ้ม  ขอบคุณมาก ที่มาแบ่งปันเล่าเรื่องที่ไปเที่ยวมา สงสัยเราอยู่หลังเขานานเกินไป ไม่รู้ว่าเค้ามีที่เที่ยวมากมายหลายแห่ง
      ที่หัวหินส่วนใหญ่ก็ผ่านไปผ่านมาลงแต่ทะเล  แล้วก็แวะไหว้พระที่วัดห้วยมงคลเท่านั้น ไม่ได้รู้เลยว่ามีเครื่องเล่นแบบนี้ด้วย
      เคยได้ยินตลาดน้ำอยู่แต่ยังไม่มีโอกาสไปเที่ยวเลย
      เราว่าตลาดหลาย ๆ แห่ง พยายามจะคงคอนเซปเชิงอนุรักษ์แบบเก่า ๆ เอาไว้หลายแห่ง
      เลยมีความรู้สึกว่ามันจะเหมือน ๆ กัน อาจจะมีสินค้าแตกต่างตามลักษณะของท้องถิ่นบ้าง แต่เราว่าไม่มากเท่าไหร่
      เราเคยไปอัมพวาก็จะคล้าย ๆ กันในเรื่องขนม ของเก่า ๆ ที่สรรหามาขาย จะมีก็อาหารทะเลเพิ่มเข้ามา
      จะบอกอีกอย่างว่า ไอติมโบราณที่ปุ้มบอกหน่ะ ที่นี่ยังมีรถวิ่งมาขายอยู่เลย 55555
      เวลามาเค้าจะบีบแตรอันเล็ก ๆ วิ่งขายในหมู่บ้าน แท่งละ 10 บาท ถ้าเหมาก่อนก็ 50 บาท ตัดได้ 6 ก้อน
      ส่วนมากเราจะกินรสเผือก อร่อย กินแก้ร้อนได้เหมือนกัน เคยเห็นรถไอติมวอลล์เค้าก็มาขายตามหมู่บ้านด้วย
      เด็ก ๆ ก็อยากกิน พ่อแม่ก็ให้ไปซื้อ คิดว่าคงไม่กี่ตังค์ ที่ไหนได้ พอคิดตังค์มา โห เกือบร้อย ครั้นจะคืนก็เด็กกินซะแล้ว
     
      ที่บึงฉวาก เราเคยได้ยินตั้งกะเค้าเปิดใหม่ ๆ ละ แต่ยังไม่มีโอกาสไปเลย ที่ปุ้มเอามาลง ทำให้กระตุ้มต่อมอยากไปเที่ยว
      ถ้าได้พักข้างในด้วยเราว่า คงจะดีทีเดียว บรรยากาศน่าพักผ่อนกับคนรู้ใจจริง ๆ อิอิ
      นิดนึง สำหรับที่พักเราดูแล้ว เหมือนจะสร้างหนีน้ำมากกว่านะ นั่น 5555

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
เนะ.....ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ของจริงสูงจากพื้นกว่า 2 เมตร 55555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ BossoM

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1092
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-5
    • my twitter
เดี๋ยวน้องอาจจะหายไปนานหน่อยนะคะ

เพราะว่าจะไปบวชค่า  :bye2:

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ส้ม.....ไปบวชนานแค่ไหนครับ
ยังไงก็ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ

ออฟไลน์ BossoM

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1092
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-5
    • my twitter
ยังไม่รู้เลยค่ะพี่ปุ้ม ก็แล้วแต่วาสนาอ่ะเนอะ
ถ้าอยู่ได้นานก็อยู่นานอ่ะค่ะ

ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
อนุโมทนาด้วยนะ ส้ม พยายามตั้งใจปฏิบัติทำให้เต็มที่ แผ่ให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราให้เค้ารับส่วนบุญที่ให้
และช่วยเปิดทางให้เราได้พบแสงสว่างในชีวิตด้วย


ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
มีอะไร ก็ปล่อยวางทิ้งไว้นอกวัดนะครับ
ถือศีล ปฏิบัติธรรมให้ได้บุญกับตัวเรามากที่สุด
แล้วก็ทำอย่างที่พี่เนะบอก แผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรทุกคนของเรา
ขอให้เขามารับกุศลผลบุญที่เราทำไปให้ แล้วขออโหสิกรรมต่อกัน
เผื่อเรื่องร้อนอกร้อนใจต่าง ๆ จะได้บรรเทาเบาบางลงบ้าง
หรือถึงจะไม่น้อยลง แต่ก็ทำให้เรามีสติมั่นคงที่จะแก้ปัญหาและดำเนินชีวิตได้อย่างสุขุมมากขึ้น

พี่เอาใจช่วยนะครับ

ออฟไลน์ BossoM

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1092
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-5
    • my twitter
ค่า จะทำตามที่พี่ๆบอกนะคะ เรื่องห่วงมันก็มี แต่ก็ทิ้งเอาไว้นอกวัดเนอะ

ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
สู้ ๆ นะ ส้ม ทำได้ด้วยตัวเองจะเข้าใจมากกว่าที่ให้คนอื่นบอก
พวกพี่ได้แต่ให้กำลังใจได้เท่านั้น   :a9:

ออฟไลน์ BossoM

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1092
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-5
    • my twitter
ขอกอดกำลังใจจากพวกพี่ไปบวชด้วยนะคะ  :กอด1:

วันจันทร์จะขึ้นรถไปเชียงใหม่แล้วค่าาา  :bye2:

plasster

  • บุคคลทั่วไป
ขอกอดกำลังใจจากพวกพี่ไปบวชด้วยนะคะ  :กอด1:

วันจันทร์จะขึ้นรถไปเชียงใหม่แล้วค่าาา  :bye2:

 :L2: ขออนุโมทนา ด้วยนะครับ คุณส้ม ผมมาเป็นอีก1กำลังใจ o13

ออฟไลน์ ||WiTHOuT_YoU||

  • ที่รักของใครสักคน
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-6
    • MoSHI
เข้ามา  :z2: :z2: และจากไป

 :m22: :m22:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด