==> เมื่อผมมีรักแท้ แต่ดูแล(ไว้)ไม่ได้
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ==> เมื่อผมมีรักแท้ แต่ดูแล(ไว้)ไม่ได้  (อ่าน 1080277 ครั้ง)

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ต้องขออภัยมิตรรัก แฟนคลับทุกท่าน สำหรับการเป็นมือใหม่หัดเขียนของผม  :m5:
ถ้ามันยาวไป ก็ช่วยบอกด้วยนะครับ เพราะผมก็เขียนไปตามที่ได้พบเห็นมา บวกกับสอดแทรกเกร็ดบางเรื่องเข้าไปด้วย
มันก็เลยยาวไปนี้ดนึง แหะ แหะ  :m23:

ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
ไม่ต้องตัดหรอกปุ้ม เราว่าดีออก อ่านแล้วได้สาระด้วย กำลังตามอ่านให้ทัน^^

ออฟไลน์ กิมตี๋หัดขับ

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
พี่ปุ้มไม่ต้องตัดนะ เดี๋ยวสั้น ( อิอิอิ)  แล้วจะตามมาอ่าน

ฝนตกหนัก อดไปฟิตเนสเลย

ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
ปุ้ม ไม่ว่างหรือ หายไปเลย
กิมตี๋  ฝนตกหนักมากหรือปะ ระวัง ๆ ด้วย
คิดถึงทุกคนนะ ช่วงที่ผ่านมายุ่งชุลมุนนิดหน่อย พอเรื่องนี้เข้าที่เข้าทาง เรื่องใหม่ก็มารออยู่ข้างหน้าอีก ลงตัวเมื่อไหร่คงได้มาคุยได้บ่อย

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
หวัดดีครับ ทุก ๆ คน ขอโทษที่หาย (ศรีษะ) ไปเลย มัวแต่ยุ่งอยู่กับงาน
พอดีผมกำลังจะเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ ก็เลยต้องเคลียร์งาน เพื่อส่งมอบงานให้คนใหม่อยู่น่ะครับ
ผมจะไปทำงานที่ใหม่ เดือนสิงหาคม แต่ตามสัญญาที่เซ็นกันไว้ ผมต้องบอกล่วงหน้า 60 วัน
ช่วงนี้เลยไม่ได้เข้ามาเลย ขอโทษด้วยครับ แล้วก็ขอกอดรอบทู้สักหน่อย   :กอด1:  :กอด1:  :กอด1:

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
เอาล่ะครับ มาต่อกันกับบันทึกเดินทางไปปักกิ่ง นครแห่งความหลัง กันต่อนะครับ

เช้าวันที่สอง พระราชวังต้องห้าม – เป็ดปักกิ่ง – กายกรรมปักกิ่ง

พวกผมตื่นขึ้นมาหาอะไรกิน แล้วก็นั่งรถไฟใต้ดินไปเที่ยวพระราชวังต้องห้าม กับอนุสรณ์สถานประธานเหมาเจ๋อตง
ที่เทียนอันเหมิน พื้นที่ของเทียนอันเหมินกว้างใหญ่มากครับ ผมกะด้วยสายตา น่าจะประมาณสนามฟุตบอลสัก 5-6 สนามได้ เลยไม่สงสัยว่า ทำไมตอนที่มีการประท้วงต่อต้านการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ เมื่อปี 1990 คนถึงตายกันเยอะ 

ลักษณะของจตุรัส จะเป็นลานหินปูกระเบื้องแผ่นใหญ่ มีถนนตัดผ่านตรงกลาง เพื่อแบ่งพื้นที่ระหว่างพระราชวังต้องห้าม และอนุสรณ์สถานประธานเหมาฯ + ที่ทำการพรรคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ให้เป็นสัดส่วน

ในส่วนของอนุสรณ์สถาน เขาจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าไปเคารพศพท่านผู้นำ ตั้งแต่ 8.00 – 12.00 น. เท่านั้น
เข้าชมฟรี แต่ต้องฝากของเอาไว้กับบูธรับฝากของ ห้ามนำมือถือ และกล้องถ่ายรูปเข้าไป โดยจะคิดค่าฝากของเป็นรายชิ้น ชิ้นใหญ่ ชิ้นเล็ก ราคาไม่เท่ากัน แล้วแต่อารมณ์คนรับฝากของครับ แถมบูธฝากของยังอยู่ไกลจากทางเข้ามากพอสมควร
แต่พวกผมเห็นพวกทัวร์ เขาใช้วิธีให้คนยืนเฝ้าของเอาไว้ แล้วผลัดกันเข้าไปชมข้างใน ก็เลยทำตามมั่ง ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ นอกจากเขาเอาศพประธานเหมาฯ ใส่โลงแก้วเอาไว้ แล้วให้ประชาชนเดินเข้าไปเคารพท่านเป็นแถว เหมือนที่เวียดนาม เขาเอาศพลุงโฮฯ โส่โลงแก้ว นั่นแหละครับ ยังกะลอกแบบกันมาเลย ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการเข้าชม ก็เสร็จ ก็จะมีเจ้าหน้าที่มาเร่งต้อน ให้ต้องรีบออกมา เพื่อให้คนอื่นเข้ามาเคารพบ้าง ก็มีคนจีนจากภาคอื่นของประเทศ ยืนต่อแถวกันยาวเหยียดทีเดียว เขาก็รักใคร่เคารพของเขาแหละครับ แต่พอผมนึกถึงตอนที่พี่แกให้เมีย – เจียงชิง และแก๊งออฟโฟร์ กุมอำนาจ ตอนที่แกแก่แล้ว แล้วยายเมียกับพวกก็สร้างกองทัพปฏิวัติวัฒนธรรมจากเด็กรุ่นใหม่ หรือพวกเรดการ์ดขึ้นมา โดยสั่งให้เผาพระพุทธรูป หนังสือหนังหาโบร่ำโบราณที่เป็นองค์ความรู้ที่ตกทอดกันมานับร้อยนับพันปีทิ้งให้หมด แถมบังคับให้ไม่เคารพพ่อแม่ พี่น้อง ให้เรียกว่า เป็น “สหาย” ทั้งหมด บังคับให้ทุบตี ด่าทอ ประจาน จนถึงกระทำปิตุฆาต มาตุฆาต พ่อแม่ ญาติพี่น้องที่เป็นพวกปัญญาชน หรือพ่อค้านักธุรกิจของตัวเอง โดยหาว่า เป็นพวกทุนนิยม บ่อนทำลายประเทศชาติ และให้เคารพประธานเหมาฯ เป็นดั่งเทพเจ้าแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งมีคนตายจากการนี้ไปไม่น้อยเลยครับ เห็นแล้วสลดและสังเวชใจมาก

ดังนี้แล้ว ผมยกไหว้ หรือก้มหัวเคารพแกไม่ลงครับ ผมก็แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจภาษากายที่เจ้าหน้าที่สื่อออกมาว่า ให้เคารพท่านผู้นำ แล้วก็ทำหน้ามึนเดินออกมาเลย ลองดูรูปที่ผมไปเสริชหามาจากใน “กูเกิ้ล” ดูนะครับ แล้วจะรู้ว่า มันเลวร้ายแค่ไหน ขนาดที่มังกรเตี้ย “เติ้งเสี่ยวผิง” ก็เกือบเอาตัวไม่รอดในช่วงนั้นเหมือนกัน ถูกจับขังคุกลืมไปหลายปี จนกระทั่ง สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ แกสามารถกลับมาล้มล้างอำนาจของยายเจียงชิงกับพวกลงไปได้ ประเทศจีนถึงได้คืนสู่ความสงบอีกครั้งหนึ่ง แต่ผลพวงที่บอบช้ำจากการปฏิวัติวัฒนธรรมในครั้งนั้น ทำให้จีนต้องปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูตัวเองอยู่นานหลายสิบปีเหมือนกัน


ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ผมเอาภาพเรื่อง เรดการ์ดมาให้ดูครับ



[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
นี่คือ ความโหดร้ายของเรดการ์ด ในช่วงสิบปีของการปฏิวัติวัฒนธรรม
ซึ่งประธานเหมาฯ รับทราบเรื่องราวหมดทุกอย่าง แต่ไม่ทำอะไร ปล่อยให้นางเจียงชิง เถลิงอำนาจตามอำเภอใจ


[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
พอเสร็จจากอนุสรณ์สถานประธานเหมาฯ ก็เดินลอดอุโมงค์ใต้ดินมาเยี่ยมชมพระราชวังต้องห้ามกันครับ

มีเกร็ดนิดนึงเกี่ยวกับห้องน้ำ ซึ่งตามที่พวกผมได้รับข้อมูลกันมาเรื่องห้องน้ำนั้น อยากบอกว่า หลังจากโอลิมปิค 2008 เป็นต้นมา ทางการจีน เขาปรับปรุงสภาพห้องน้ำสาธารณะให้ดูดีขึ้นมากแล้วครับ มีการให้ดาวห้องน้ำแต่ละแห่งไว้ด้วย
ถ้าสามดาวขึ้นไป ถือว่า พอใช้ได้ครับ แต่ต้องทำใจกับพฤติกรรมของคนจีนนิดนึง คือ ตอนที่พวกผมกำลังจะเข้าไปในพระราชวังต้องห้าม พวกผมก็เหลือบไปเห็นห้องน้ำสาธารณะที่ติดป้ายไว้ตัวเบ้อเริ่ม ก็เลยอยากลองพิสูจน์ความสะอาดดู ห้องน้ำหญิงเป็นยังไง ผมไม่รู้ แต่ห้องน้ำชาย มันเป็นแบบนั่งยอง ๆ แล้วมีก้านชักโครกสูงปรี๊ด ส่วนโถฉี่ อืม! ก็จะเห็นคราบน้ำฉี่กระจายเป็นหย่อม ๆ บางโถก็ไม่ได้กดทิ้ง เพราะฉะนั้น เรื่องกลิ่นไม่ต้องพูดถึง

ส่วนโถส้วม ทั้ง ๆ ที่มีประตูให้ปิด แต่พี่แกก็ไม่ปิดครับ ไอ้คนที่นั่งทำธุระก็ทำไป แถมยังนั่งคุยกับเพื่อนห้องข้างเคียง และเพื่อนที่ยืนเท้าแขนอยู่หน้าประตูอย่างสนุกสนาน ไม่มีอายกันเลยครับ พวกผมก็ได้แต่มองหน้ากัน แล้วแอบถอนหายใจ
ก็ต้องจำใจปลดทุกข์ไปแหละครับ แต่เป็นแบบคอยเหลือบดูข้างหลังซึ่งกันและกัน แบบนั้นเลยแหละ เพราะพี่แกมายืนจ่อคิวรอที่ข้างหลังกันเลย ถือซะว่า มีดีให้โชว์ครับ 55555 ซึ่งห้องน้ำที่จีนส่วนใหญ่ อย่างที่เคยเล่าไปบ้างแล้วตอนไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ มันจะเหมือนกันหมด คือ ตามร้านค้า เขาไม่นิยมทำห้องน้ำไว้ในร้านครับ อยากปลดทุกข์ก็ไปใช้ห้องน้ำสาธารณะ
สงสัยค่าพื้นที่มันแพง หรือพี่แกไม่สนใจสุขอนามัยก็ไม่ทราบได้ บางทีก็ไม่ฟรีนะครับ ต้องเสียเงินคนละ 1-2 หยวน สภาพก็จะดูดีขึ้นมานิดนึง มีกระดาษให้ เหมือนที่เทียนถานและอี้เหอหยวน ส่วนที่พระราชวังต้องห้าม ด้วยความที่มีคนมาเยี่ยมชม เป็นเรือนแสนทุกวัน แม่บ้านคงทำความสะอาดไม่ทันมั้งครับ เลยเป็นอย่างที่เห็น

พอเสร็จจากสำรวจห้องน้ำ กำลังเดินจะเข้าไปข้างในพระราชวัง ก็มีผู้หญิงจีนคนหนึ่ง เดินเข้ามาแนะนำตัวเองว่า เป็นมัคคุเทศน์ ได้รับบัตรรับรองจากทางการจีนแล้ว เธอชื่อ แอนนี่ ครับ คุณเธอพูดภาษาอังกฤษดีมาก ออกสำเนียงแอ็กเซ่น ตามแบบอังกฤษเป๊ะ ก็มาเสนอทัวร์กำแพงเมืองจีนแหละครับ พอเห็นพวกผมสนใจ เพราะกำลังมองหาทัวร์กำแพงเมืองจีนอยู่พอดี น้องหนูแกก็พาพวกเราเข้าไปที่ช่องประตูทางเข้าอีกทางหนึ่ง ที่ไม่ใช่ช่องส่วนกลาง ซึ่งเป็นสำนักขายทัวร์ของแก เพื่อบรรยายทัวร์ให้ฟัง ก็ตกลงราคากันได้ที่ 150 หยวน กำหนดไปเที่ยวกันอีกสองวันข้างหน้า เพราะพวกผมต้องรอกลุ่มเพื่อนของน้องที่มาทำงานที่เมืองจีนบินมาสมทบด้วยอีก 3-4 คน ซึ่งแต่ละคน ก็ไม่เคยไปเที่ยวกำแพงเมืองจีนเหมือนกัน ก็รวมกันเป็นกลุ่ม ทั้งหมด 7 คน แถมให้แกซื้อตั๋วชมกายกรรมปักกิ่งในราคาทัวร์ให้ด้วย เพราะถ้าเราไปซื้อเอง ไม่ผ่าน บริษัททัวร์ท้องถิ่น พี่แกฟันเต็มราคาหน้าตั๋วเลยครับ คือ ราคา 220 หยวน แต่ถ้าซื้อผ่านทัวร์ จะได้ราคา 160 หยวน ต่างกันตั้ง 40 หยวนแน่ะ นี่หมายถึงที่นั่งถูกสุดนะครับ ตั๋วชมมีหลายราคา แถมที่นั่งก็เลือกไม่ได้นะครับ ใช้วิธีไปถึงก็เลือกที่นั่งเอาเองตามใจชอบ มาก่อน ได้ก่อน

พวกผมก็แลกเบอร์โทรศัพท์กับแอนนี่ พร้อมทั้งบอกที่พัก เพื่อให้ไปส่งตั๋วชมกายกรรมตอนเย็น แล้วถึงจะจ่ายเงินให้ครับมาเที่ยวที่จีน ห้ามใจอ่อน จ่ายเงินไปก่อนนะครับ อ้อยเข้าปากช้างแล้ว พี่แกไม่คาย แถมดีไม่ดี จะได้รับบริการแย่อีกด้วย
พวกผมก็เดินเข้าทางเข้าพิเศษมาทางที่สำนักงานที่แอนนี่ตั้งอยู่ครับ เธอก็พยายามจะขายทัวร์พระราชวังฯ เหมือนกันครับ แต่พวกผมคิดว่า เดินเที่ยวกันเองดีกว่า ถ้าอยากรู้อะไร ก็ค่อยไปหาอ่านเอาจากป้าย หรือไม่ก็ อาจารย์ “กู” ก็ได้
เลยปฏิเสธไป แอนนี่ก็ดีนะครับ ไม่เซ้าซี้ คงเห็นว่า พวกผมซื้อทัวร์กำแพงเมืองจีนเธอแล้วมั้งครับ อยากบอกว่า ราคาทัวร์กำแพงเมืองจีน เป็นราคาที่ทางการจีนเขาตั้งให้เป็นมาตรฐานเหมือนกันหมด ถ้าขายแพงกว่า 150 หยวน แสดงว่า ทัวร์เอาบวกเพิ่มเองครับ เพราะเขาจะได้รับคอมมิชชั่นจากการทำยอดขายทัวร์และตั๋วกายกรรมครับ

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
พวกผมก็เดินผ่านกำแพงชั้นแรกเข้ามา ก็ใหญ่โตโอฬารสมเป็นที่อยู่ของโอรสสวรรค์แหละครับ ที่ชั้นแรกนี่ เข้าฟรีไม่เสียเงินครับ แต่ถ้าต้องการเข้าไปข้างใน ต้องเสียค่าเข้าชม คนละ 60 หยวน ประมาณ 300 บาท ไหน ๆ ก็มาถึงนี่แล้ว จะไม่เข้าก็กระไรอยู่ใช่มั้ยครับ ก็ต้องขอเข้าไปชมความอลังการข้างในเสียหน่อย

พระราชวังต้องห้าม หรือที่ชาวจีน เรียกว่า “กู้กง” เป็นที่ประทับของจักรพรรดิราชวงศ์หมิงและชิงรวมทั้งหมด 24 องค์ มีประวัติความเป็นมา ราว 600 ปี ประกอบด้วยตำหนักใหญ่น้อย รวม 9999 ห้อง เนื้อที่กว่า 720,000 ตารางเมตร  พระราชวังนี้ ส่วนหน้าใช้เป็นที่ว่าราชการ มีตำหนัก 3 หลังตั้งเรียงกัน ได้แก่

1)   ตำหนักไท่เหอ เป็นสถานที่สำหรับจักรพรรดินั่งบัลลังก์ออกว่าราชการ มีห้องรวม 55 ห้อง เป็นตำหนักไม้ที่ยิ่งใหญ่โอฬารตระการตาที่สุดของจีน รวมถึงตำแหน่งที่ตั้งซึ่งอยู่จุดกึ่งกลางของนครปักกิ่งพอดีด้วย ด้านหน้าตำหนักมีการจัดวางนาฬิกาแดดและเจียเลี่ยง ซึ่งเป็นเครื่องมือชั่งตวงวัดชนิดหนึ่ง ใช้เป็นที่จัดพิธีสำคัญ ๆ ของราชวงศ์ มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิงจนถึงราชวงศ์ชิง เช่น พิธีครบรอบพระชันษา พิธีฉลองขึ้นปีใหม่ เป็นต้น
2)   ตำหนักจงเหอ
เป็นที่ซึ่งจักรพรรดิทรงประทับก่อนที่จะเสด็จไปประกอบพระราชพิธีต่างๆที่ตำหนักไท่เหอ และเป็นที่ทรงงานราชการ ตลอดจนเป็นที่ให้ขุนนางเข้าเฝ้าฯ
3)   ตำหนักเป่าเหอ
มีความสำคัญลำดับรองจากตำหนักไท่เหอ จักรพรรดิจะทรงเปลี่ยนเครื่องทรงที่ตำหนักนี้ก่อนจะเสด็จในการพระราชพิธีต่างๆ

ถัดเข้าไปเป็นส่วนด้านหลัง ที่เป็นตำหนักที่ประทับของจักรพรรดิและมเหสีอีก 3 หลัง ได้แก่

1)   ตำหนักเฉียนชิง เป็นที่ประทับและปฏิบัติพระราชกรณีกิจส่วนพระองค์ของจักรพรรดิตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง
ต่อมาสมัยจักรพรรดิหย่งเจิ้งแห่งราชวงศ์ชิง ได้ทรงย้ายไปประทับที่ตำหนักหยังซิน ตำหนักเฉียนชิงจึงมีบทบาทในฐานะที่เป็นตำหนักสำหรับว่าราชการและเป็นที่จัดเลี้ยงแทน
2)   ตำหนักเจียวไท่ ใช้เป็นสถานที่เข้าเฝ้าพระมเหสี ใน
การถวายพระพรในพิธีการต่างๆทั้งยังเป็นที่เก็บรักษาตราพระราชลัญจกรซึ่งใช้ประทับลงหนังสือราชการของจักรพรรดิ
3)   ตำหนักคุนหนิง เป็นที่ตั้งของตำหนักที่แวดล้อมด้วยอุทยานหลวง ที่ผสมผสานสวนสามัญทั่วไปที่มีชีวิตชีวา บวกกับความกว้างขวางโอ่อ่าตระการตาแห่งราชสำนัก ภายในสวนประกอบด้วย หอน้อยใหญ่กว่า 20 หอ และสิ่งปลูกสร้างต่างๆที่จัดตั้งหันหน้าเข้าหากันเป็นแนว

ตำหนักที่สำคัญอีกตำหนักหนึ่งในพระราชวังต้องห้าม คือ ตำหนักหยังซิน เพราะเป็นห้องบรรทมของจักรพรรดิในราชวงศ์ชิง ทั้งยังเป็นที่ออกว่าราชการหลังม่านของฉื่อสีไท่โหว ในสมัยจักรพรรดิถงจื้อและจักรพรรดิกวางสูแห่งราชวงศ์ชิงด้วย พระนางฯ โปรดให้เหล่าขุนนางเข้าเฝ้าและกราบทูลข้อราชการต่อพระนาง โดยมีม่านสีเหลืองเป็นฉากกั้นระหว่างกลาง ดังที่มีคำเรียกขานกันว่า 'ว่าราชการหลังม่าน' ที่พระที่นั่งในตำหนักหยังซินแห่งนี้

แต่พอเข้ามาแล้ว ส่วนตัวผม รู้สึกผิดหวัง เพราะสภาพมันค่อนข้างทรุดโทรมและเก่าไปหน่อย แถมไม่มีวัตถุโบราณอะไรให้ดูมากอย่างที่คิด เพราะของล้ำค่าในพระราชวังฯ ส่วนใหญ่ถูกเจียงไคเช็คขนไปไต้หวันหมดแล้ว เล่ากันว่า พระมาลา (หมวก) ของพระนางฉื่อสี ถูกไปทำเป็นรองเท้าให้ภรรยาเจียงไคเช็คด้วย

นอกจากขายโครงสร้างอาคารและประวัติความเป็นมาของพระราชวังฯ ไม่เหมือนวัดพระแก้วบ้านเรา นั่นสวยงาม อลังการมาก ผมว่า มันค่อนข้างแห้งแล้ง ขาดการดูแลเอาใจใส่อย่างถูกวิธี อุตส่าห์วาดหวังไว้ว่า จะมาเห็นบัลลังฆ์จักรพรรดิ ที่สวยงามหรูหรา ก็เห็นเพียง ห้องโถงเก่า ๆ มีหยากไย่บาง ๆ แล้วก็บัลลังฆ์ที่ประทับแห้งแล้ง ไร้ซึ่งเครื่องประดับตกแต่งที่บอกถึงว่า นี่คือ ที่ประทับขององค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตเลยครับ ผมจะบรรยายด้วยรูปแล้วกันครับ จะได้ไม่เบื่ออ่านกันเสียก่อน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
รูปพระราชวังต้องห้าม


[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
มีอีกครับ


[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
มีต่อครับ


[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ทัวร์กู้กงครับ ^_^


[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ทางออกด้านหลังพระราชวังฯ


[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
พวกผมก็เดินกันไปจนสุดทาง จนถึงอุทยานด้านหลัง ที่ใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของจักรพรรดิ์และพวกสนมนางในทั้งหลายที่อยากจะมาอ่อยจักรพรรดิให้เรียกใช้ตนบ้าง ก็จะพากันมาที่อุทยานนี่แหละครับ ที่นี่มีต้นสนอายุร่วมพันปี ปลูกมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์เหลียว ซึ่งตั้งอยู่ก่อนราชวงศ์หยวนของมองโกล ตามด้วย หมิง และชิง เป็นลำดับสุดท้ายครับ ถ้าต้นสนมันพูดได้ คงบอกเรื่องราวในวังหลังได้มากมายเลยครับ ผมพยายามมองหาบ่อน้ำข้างตำหนักหนิงเซี่ย ที่พระมเหสีเจิน สนมเอกคนโปรดของจักรพรรดิกวางสูถูกจับถ่วงน้ำทั้งเป็น ทั้งที่ตอนนั้น ทรงท้องอ่อน ๆ อยู่ด้วย ตอนที่ต่างชาติบุกเข้านครปักกิ่งมาได้เมื่อคราวกบถนักมวย แล้วพระราชวงศ์ต้องเสด็จลี้ภัยไปที่ซีอาน เมืองหลวงเก่า เพราะพระนางฉื่อสีไม่พอพระทัยที่พระมเหสีฯ ทรงยุยงส่งเสริมให้จักรพรรดิกวางสู ทรงแข็งข้อกับพระนาง จะออกว่าราชการเอง

อีกที่หนึ่งที่ไปเที่ยวกัน คือ สวนสาธารณะเป่ยไห่ ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของพระราชวังต้องห้าม เป็นราชนิเวศน์ที่เริ่มสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1166 เคยถูกใช้เป็นสถานที่ว่าราชการ ประกอบพิธีบวงสรวง หรือท่องเที่ยว พักผ่อนของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ตั้งแต่ราชวงศ์ เหลียว จิน หยวน ( มองโกล ) หมิง และชิง เป็นราชนิเวศน์ที่มีประวัติยาวนานและถูกรักษาไว้ได้ดีที่สุดในโลก เมื่อก่อนเป็นอุทยานส่วนพระองค์ขององค์จักรพรรดิและเชื้อพระวงศ์ แต่ปัจจุบัน เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าไปใช้พักผ่อนหย่อนใจครับ ยังรักษาสภาพไว้ได้เป็นอย่างดีเลย

สวนเป่ยไห่มีเนื้อที่รวม 71 เฮคต้า กว้างขวางใหญ่โตมากครับ ส่วนที่เป็นน้ำนั้นมากกว่าส่วนที่เป็นพื้นดิน ภายในสวนมีวัดเจดีย์ขาวตามแบบวัดลามะของธิเบตที่สร้างในสมัยต้นราชวงศ์ชิง นอกจากนี้บังมีหอระฆัง และตำหนักที่เป็นแบบเก๋งจีนหลายแห่ง มีเก๋งจีนหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง มองเห็นได้ชัดเจนจากข้างล่าง ซึ่งเก๋งจีนที่ว่านี่แหละครับ ที่จักรพรรดิฉงเจิน จักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์หมิง พ่อขององค์หญิงฉางผิง ที่คอหนังจีนคงจะรู้จักกันดี จากละครโทรทัศน์เรื่อง “ศึกสองนางพญา”  ซึ่งเป็นละครที่โด่งดังมากในยุคปี 1980-85 เพลงประกอบละครก็ดังมากเหมือนกัน ขนาดที่วง Hot Pepper ที่กำลังโด่งดังในยุคนั้น นำทำนองมาร้องเป็นภาษาไทย ยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้ชมในสมัยนั้นมาจนทุกวันนี้ ลองฟังดูนะครับ

ผมได้ฟังจากที่คนจีนที่พอพูดภาษาอังกฤษได้ เขาเล่าให้ฟังว่า จักรพรรดิฉงเจินเสด็จลี้ภัยกบถหลี่จื้อเฉิงมายังที่นี้ เมื่อมองลงไปที่พระราชวังฯ แล้วเห็นเพลิงลุกไหม้พระราชวังฯ เพราะฝีมือกบถ พระองค์เลยเสียพระทัยที่ราชวงศ์ที่บรรพบุรุษอุตส่าห์ก่อตั้งมาร่วม 400 ปี ต้องมาสิ้นสุดที่พระองค์ พระองค์จึงผูกคอตายที่นี่แหละครับ ก็ไม่รู้ว่า จริงเท็จประการใด แค่ต้องการเล่าสู่กันฟังเท่านั้นครับ

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
เพลง "ไฟสุมทรวง" ของ ฮ็อทเปปเปอร์ ที่โด่งดังมากในอดีต ดัดแปลงมาจากเพลงไตเติ้ลของ "ศึกสองนางพญา"
ลองฟังดูนะครับ

 http://youtu.be/ZZXmOIKHilA

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
เสร็จจากพระราชวังต้องห้าม เราก็ไปกินเป็ดปักกิ่งเป็นอาหารเย็น ดูเหมือนมันเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ ถ้ามาปักกิ่งแล้ว ไม่ได้กินเป็ดปักกิ่ง เหมือนมาไม่ถึง พวกผมก็ไปทานกันที่ร้าน “ฉวนจูเต๋อ” ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่ของที่นี่ อยากบอกว่า วิธีการทำเป็ดปักกิ่ง มี 3 แบบ ที่บ้านเรารู้จักกันดี คือ เป็ดย่างรมควัน

ร้านฉวนจูเต๋อ ก่อตั้งมานานกว่า 40 ปีแล้วครับ ใช้เป็นที่รับรองแขกบ้านแขกเมืองมาตั้งแต่สมัยนายกฯ โจวเอินไหล ผมเห็นรูปภาพคนดังมากมายที่เคยมากินเป็ดที่นี่ แขวนอยู่บนผนังทางเดินเข้าด้านใน ดูจากสภาพตึกที่สร้างเป็นตึก 5 ชั้นแล้ว คิดว่า กิจการคงจะเจริญก้าวหน้าดีมาก เพราะเห็นมีหลายสาขา แต่ที่ดังที่สุดของร้านนี้ คือ สาขา เหอผิงเหมิน ที่พวกผมมากินกันที่นี่แหละครับ ร้านตั้งอยู่บนชั้น 5 ของตึก ตอนที่เดินเข้าไป ก็มีเจ้าหน้าที่สาวใส่ชุดกี่เพ้าออกมาต้อนรับ แล้วบอกให้พวกผมขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 5 กันเอง ช่างแตกต่างจากบ้านเรามากครับ ที่เจ้าหน้าที่แทบจะอุ้มไปส่งถึงที่

พอขึ้นมาแล้ว ก็ไปหาที่นั่งกันเอง สังเกตุเห็นว่า มีคนจีนที่ดูมีฐานะหน่อยมากินเป็ดกันอย่างหนาตาเหมือนกัน แน่นอน พวกผมก็อยากจะมาพิสูจน์ความอร่อยเหมือนกันครับ 55555 แต่พอเห็นราคาแล้วอึ้งนิดนึง เพราะเป็ด 1 ตัว ราคา 238 หยวน คิดเป็นเงินบาท ก็ประมาณ 1,200 บาท ซึ่งถือว่า แพงเอาการครับ แต่เมื่อมาถึงที่แล้ว ก็ต้องลองชิมดูครับ ก็เลยสั่งมา 1 ตัว ต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่า การสั่งเป็ดที่นี่ ถ้าสั่งเป็ดปักกิ่ง 1 ตัว จะได้แต่ตัวเป็ดนะครับ พวกเครื่องเคียงต่าง ๆ เช่น แป้งแผ่นแบบโรตี แตงกวา ต้นหอม หรือแม้แต่น้ำจิ้มก็ต้องสั่งต่างหากครับ ไม่ได้แถมมาพร้อมเป็ดเหมือนบ้านเรา
ถ้าผมจำไม่ผิด แป้งแผ่น ราคาจานละ 12 หยวน น้ำจิ้มและอื่น ๆ ราคาอยู่ที่ประมาณ 2-15 หยวน ครับ ก็ลองสั่งแป้งแผ่นและซาลาเปาอบ ลักษณะคล้ายขนมปังแฮมเบอร์เกอร์มาลองกินกับเป็ดดู แล้วก็สั่งอย่างอื่นมาอีก 2 อย่าง นั่งรอสักพัก
ก็มีเชฟสวมหมวกสูงเข็นรถเป็ดปักกิ่ง มาสาธิตวิธีการแล่เป็ดให้ดูกันจะ ๆ เลยครับ สงสัยที่แพง คงเป็นค่าตัวสาธิตของเชฟด้วยมั้ง

หลังจากลองชิมเป็ดปักกิ่งที่ขึ้นลือชาของที่นี่แล้ว บอกตามตรงว่า รู้สึกผิดหวังมากครับ สู้เป็ดปักกิ่งบ้านเราไม่ได้
หรืออาจเป็นเพราะผมติดรสชาติของบ้านเราที่หนังเป็ดจะบางกรอบ แทบไม่มีมันเลย เสริฟมาพร้อมกับแป้งแผ่นก็ไม่รู้ได้
ที่นี่เขาแล่เป็ดทั้งเนื้อและหนังรวมกัน ไม่ได้แยกหนังและเนื้อออกจากกัน แถมน้ำจิ้มก็เค็ม ขณะที่บ้านเรา น้ำจิ้มจะออกเค็มปะแล่ม ๆ และหวานหน่อย ๆ เพื่อกลบความเลี่ยนของหนังเป็ด แถมบ้านเรายังใจดี ทำซุปเป็ดมาให้กินฟรีอีก แต่ที่ปักกิ่ง ผมสั่งซุปที่เขาโฆษณาไว้ในรายการว่า เป็นอาหารแนะนำ พอสั่งมาแล้ว ยิ่งผิดหวังมากขึ้นไปอีก เพราะรสชาติยังกับน้ำล้างหม้อ จืดชืด ไร้รสชาติใด ๆ ทั้งสิ้น ราคาก็ไม่ถูกนะครับ ตั้ง 40 หยวนแน่ะ ตอนแรกนึกว่า ผมคิดไปเองคนเดียว
แต่คนอื่น ๆ ก็รู้สึกอย่างเดียวกันครับ ก็เลยพอแค่นี้ สำหรับเป็ดปักกิ่ง ตอนแรกพวกผมว่าจะไปลองชิมที่ร้าน
เผียนอี้ฝัง อีกที่หนึ่ง ซึ่งเขามีวิธีการรมเป็ดแตกต่างจากที่ ฉวนจูเต๋อ ก็เลยเปลี่ยนใจ ไม่ไปลองแล้ว กลัวผิดหวังซ้ำสอง

หลังจากกล้ำกลืนฝินกินเป็ดกันจนหมด พวกผมก็นั่งรถไฟใต้ดินกลับที่พัก เพื่อไปรอรับตั๋วชมกายกรรมปักกิ่งกัน สถานที่แสดงก็อยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก อาศัยว่า ไปกัน 4 คน ก็เลยนั่งแท็กซี่ไปกันจะคุ้มกว่า สถานที่แสดงเป็นโรงหนัง ซึ่งเขาใช้เป็นทั้งโรงหนังและที่แสดงกายกรรม มีสองรอบ คือ 17.00 น. และ 19.00 น. ใช้เวลาแสดงทั้งหมด 1 ชั่วโมง น้อยกว่าที่เซี่ยงไฮ้ที่ผมเคยไปดู ที่เซี่ยงไฮ้ใช้เวลา 1.30 ชั่วโมง แถมยังดูน่าตื่นตา ตื่นใจกว่าเยอะ ยิ่งทำให้ผมผิดหวังเป็นหนที่สามแล้วในวันนี้ แถมที่นั่งก็สกปรกมาก มีร่องรอยถ่มถุยลงพื้นเพียบเลย ที่นั่งก็เก่า ๆ ขาด ๆ กลิ่นก็อับ ๆ เหมือนไม่ได้ทำสะอาดจริงๆ จังๆ มานาน ทำให้นึกถึงสภาพโรงหนังชั้นสองบ้านเราเมื่อสักสิบ-ยี่สิบปีที่แล้วเลยครับ ลักษณะแบบนั้นเลย แต่ฉากค่อนข้างอลังการพอสมควร ดีกว่าที่เซี่ยงไฮ้ อย่างอื่น ก็งั้นๆ ในสายตาผม ลองดูภาพที่แนบมาก็แล้วกันครับ
การแสดงเสร็จสิ้นเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. เป๊ะ จากนั้น ก็นั่งแท็กซี่กลับที่พัก พักผ่อนเพื่อเตรียมลุยอี้เหอหยวนให้วันถัดไป

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ร้าน ฉวนจูเต๋อ ซึ่งตั้งอยู่หน้าสถานีรถใต้ดิน "เหอผิงเหมิน" ถ้าขึ้นมาถูกทาง ก็จะเห็นทางเข้าเลยครับ
แต่ผมบอกไว้อย่างหนึ่งว่า เวลาอ่านเส้นทางออกของสถานีรถใต้ดิน ถ้าบอกว่า ไปเหอผิงเหมิน ทางออกหมายเลข 5
และมีอีกทางหนึ่งบอกว่า มีอีกทางออกหนึ่ง กรุณาไปที่อีกทางออกหนึ่งเลยครับ เพราะผมลองมาหลายที่แล้ว
พอบอกว่า ขึ้นทางนี้ ไปอี้เหอหยวน กลับไกลกว่าอีกทางหนึ่งที่บอกไว้ว่า ไปถนนอะไรสักอย่าง ซึ่งอยู่ใกล้อี้เหอหยวนมากกว่าอีก
ตอนหลังเลยใช้วิธีถามเอาดีกว่าดูป้ายครับ


[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
กายกรรมปักกิ่งครับ  ผมนั่งไป ก็ระแวงตัวเรือดไป เพราะมันคันยิบ ๆ ตลอดเวลา



[attachment deleted by admin]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ meencn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สวัสดีทุกๆครับ
เพิ่งตามอ่านจบ เหนื่อยมาก บังเอิญหลงเข้ามาอ่าน เลยติดล
ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับ ผมชื่อมีนครับ
กอดทุกคนครับ  :กอด1:

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ยินดีต้อนรับครับ ^_^

ออฟไลน์ hobazaki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
อยากไปเที่ยว้มืองจีนบ้างเลยค่ะ แต่ยังคงขยาดกับกิตติศัพท์เรื่องห้องน้ำบ้านเค้า เลยทำใจไม่ได้สักที TT

ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
บ๊ะ ยุ่ง ๆ สองวัน ปุ้มมาต่อซะยาวเลย จะรีบตามอ่านต่อนะ แล้วย้ายที่ทำงานใหม่ไกลจากที่เดิมมากหรือปะ 

ยินดีต้อนรับ มีน ไหน ๆ ก็หลงมาแล้ว พี่เจาะไข่ให้เลยละกัน  :z1:

hobazaki   ต้องทำใจนะ สภาพความเป็นอยู่ของแต่ละท้องถิ่นจะไม่เหมือนกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2012 21:06:23 โดย nonae »

@#Jackie#@

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดี พี่น้องทุกคนนะครับ เสนอหน้ามาแล้ว หลังจากหายหัวไปนานเป็นเดือน  :laugh: มาพร้อมกับ น้องแกงส้ม ของโผ้มมมมมมม ....
เด็กอะไรไม่รู้น่ารักชะมัด ไม่หล่อมาก แต่ดูดีเลยล่ะ ร้องเพลงก็ดี เต้นก็เก่ง  น่ารัก ...

วันนี้เอาคลิปรวมเมดเลย์ที่คอนเสิร์ตแห่งหนึ่งมาให้ดู "แกงส้ม" คนไหนเอาไม่ยากหรอก น่ารักขนาดนั้น  อีกอย่าง เปลี่ยนเป็นดูคลิป แบบ HD นะ จะเห็นความน่ารักเพิ่มทวีคูณ  :o8:

http://www.youtube.com/v/cpgVOtoBDT4 

ไปล่ะครับ งานท่วมหัว

ปล... ยังไม่ได้อ่าน รีวิว พี่ปุ่มเลย ไม่ได้เข้ามาเดือนหนึ่ง เดี๋ยวจะอ่านย้อนหลังนะฮับ ...

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
อยากไปเที่ยว้มืองจีนบ้างเลยค่ะ แต่ยังคงขยาดกับกิตติศัพท์เรื่องห้องน้ำบ้านเค้า เลยทำใจไม่ได้สักที TT
รักจะเที่ยว แล้วอย่ากลัวครับ คนเราต้องออกไปเปิดหูเปิดตาในบ้านเมืองดูบ้าง
กลับมาแล้ว จะรักบ้านเราอีกขึ้นเป็นกองเลยครับ ชั่ว ๆ ดี ๆ คนไทยเราก็ยังมีน้ำใจให้กัน
ถึงแม้ว่า มันจะเหือดหายไปจากสังคมไทยไปมากแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีไม่น้อยที่ยังแบ่งปันน้ำใจแก่กันอยู่

ตั้งแต่โอลิมปิค 2008 เป็นต้นมา ตามเมืองท่องเที่ยวใหญ่ ๆ ของจีน
เขาก็พัฒนาปรับปรุงเรื่องห้องน้ำดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากแล้วครับ
อย่างน้อย หลายที่ก็มีโถนั่งชักโครกแบบบ้านเรา แต่ส่วนใหญ่ ยังเป็นแบบนั่งยอง ๆ อยู่
ยกเว้นเมืองท่องเที่ยวแบบชนบท อย่างคุนหมิง หรือ จิ่วไจ้โกว นะครับ
บางที่ยังอาจมีห้องน้ำแบบเก่าให้เห็นอยู่

ถ้าจะให้สะอาดสอ้านแถมติดแอร์เย็นฉ่ำแบบบ้านเรา คงยังห่างไกลอีกมาก
พฤติกรรมการเข้าห้องน้ำของคนจีนที่นี่ ก็เหมือนบ้านเราเมื่อสักสิบปีที่แล้วแหละครับ
ไม่ค่อยต่อแถวเข้าคิว ยังชอบนั่งยองบนโถส้วมอยู่ บางทีก็ลืมกดชักโครก หรือเป็นความเคยชินก็ไม่ทราบได้
ไม้ม็อบทำความสะอาดห้องน้ำ ก็ชุบน้ำครั้งเดียว ถูมันไปทั้งวัน ดำแล้วดำอีก

แต่ที่พูดมาทั้งหมด ถ้ามองในแง่บวก ก็ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีอย่างหนึ่งนะครับ
เรามองบ้านเขายังไง คนตะวันตกบางคน ก็มองเราอย่างนั้นเหมือนกัน
ผมเคยเจอชาวต่างชาติหลายคน มีทั้งที่เป็นคนอเมริกัน คนเยอรมัน และคนฮังการี และชาติอื่น ๆ
บางคนชั่วชีวิตไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศตัวเองเลย
เขาก็ไม่รู้จักเมืองไทย ยังเข้าใจว่า บ้านเรายังล้าหลัง ยังขี่ช้างข้ามเขากันอยู่เลย
เพราะเห็นในโฆษณาส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ที่เน้นการท่องเที่ยงเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ
ประมาณว่า ท่องไพร ล่องแก่ง อะไรประมาณนี้ พอผมบอกว่า บ้านเราก็มีรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน เหมือนกัน
เขาก็ทำหน้าแปลกใจ เหมือนไม่เชื่อว่า บ้านเราจะพัฒนาไปใกล้เคียงกับบ้านเขาแล้ว
ที่หนักไปกว่านั้น คือ ชาวต่างชาติที่เป็นยุโรปหลายคน เข้าใจว่า ประเทศไทย คือ ไต้หวัน
เวลาบอกว่า มาจากไทยแลนด์ เขามักคิดว่า มาจาก ไต้หวัน เพราะคนจีนส่งออกคนไปทำงานทั่วทุกมุมโลก
มานานเป็นร้อยปีแล้ว เขาก็เลยมองว่า คนเอเชียส่วนใหญ่ เป็นคนจีน
นั่นยิ่งแย่มากกว่าอีกครับ

ทำงานมามากแล้ว แนะนำว่า ให้รางวัลกับชีวิตตัวเองบ้าง
อย่ามัวแต่เสียดายเงินจนเกินไป แล้วจะมาเสียใจทีหลัง
ตอนที่อายุมากแล้ว ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะไปเที่ยวไหนได้
อย่างนั้น เขาเรียกว่า ใช้เงินไม่เป็นครับ

 :bye2:

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
มาต่อแล้วครับ เดี๋ยวจะเบื่อกันเสียก่อน ^_^

เช้าวันที่สาม อุทยานอี้เหอหยวน – ถนนวัฒนธรรมเชี่ยนเหมิน

ตอนเช้า หลังจากทานข้าวเช้าฝีมือคุณชายแล้ว ก็ออกเดินทางกันโดยรถไฟใต้ดิน ไปพระราชวังอี้เหอหยวนกันครับ

ขออธิบายนิดนึงว่า พระราชวังฤดูร้อนตั้งอยู่บริเวณชานกรุงปักกิ่งบนเขา 3 ลูก ได้แก่ เขาเซียงซัน เขาอี้ว์เฉวียนซัน และเขาวั่นโซ่วซัน มีพื้นที่กว้างใหญ่รวมทั้งสิ้นกว่า 100 ตารางกิโลเมตร

พระราชวังแห่งนี้ มีประวัติศาสตร์มาเกือบพันปีแล้ว โดยย้อนหลังไปราวคริสต์ศักราชที่ 11 สมัยราชวงศ์จิน (ค.ศ. 1115-1234) พื้นที่ในเขตไห่เตี้ยนนอกกรุงปักกิ่ง มีภูมิประเทศของขุนเขางดงาม ประดุจภาพวาด อากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การพักผ่อน อีกทั้งไม่ไกลจากเมืองหลวงมากนัก จึงเหมาะเป็นสถานที่ที่เจ้านายผู้ปกครองในระบบศักดินานิยมมาพักผ่อนตากอากาศ จึงได้มีการก่อสร้างพระราชวังฤดูร้อนขึ้น โดยการก่อสร้างพระราชวังฤดูร้อนนอกพระราชฐานนี้ดำเนินมาตลอดเวลา 800 ปีจวบจนกระทั่งสิ้นสุดกาลสมัยของราชวงศ์แมนจู และพระราชวังแห่งนี้ได้ทวีความสำคัญขึ้น โดยจักรพรรดิต่อมาอีกหลายพระองค์โปรดเสด็จมาประทับทรงงาน ตลอดจนว่าราชการแผ่นดินที่พระราชวังฤดูร้อนนอกเขตพระราชฐาน จนทำให้พระราชวังฤดูร้อนมีบทบาทสำคัญในด้านเป็นศูนย์กลางทางการเมือง แต่ก่อนอุทยานแห่งนี้เป็นที่ประทับอันโปรดปรานของพระนางฉื่อสีไท่โหว หรือที่เรารู้จักกันดีในนาม "ซูสีไทเฮา" ที่ชื่นชอบความงามของทะเลสาปจำลองที่ขุดขึ้นด้วยแรงงานคนล้วนๆ มีเรือหินอ่อน ระเบียงกตัญญู ในอดีตอุทยานแห่งนี้ถูกทหารสัมพันธมิตรอังกฤษ ฝรั่งเศสเผาทำลาย ต่อมาเมื่อ ค.ศ. 1888 พระนางฉื่อสีฯ ได้ใช้งบประมาณของกองทหารเรือของชาติมาสร้างอุทยานนี้ขึ้นใหม่


ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ด้วยความที่พื้นที่พระราชวังฯ แห่งนี้ กว้างขวางใหญ่โตมาก เที่ยวทั้งวันก็ไม่หมด กอร์ปกับเรามีโปรแกรมไปเที่ยวถนนวัฒนธรรมที่เฉียนเหมินกันตอนบ่าย พวกผมเลยต้องรีบทำเวลากันนิดนึง เจาะเฉพาะพื้นที่สำคัญที่เป็นซิกเนอเจอร์ของที่นี่เท่านั้น เช่น ทะเลสาบคุณหมิงจำลองที่จอดเรือหยกของพระนางฉื่อสีไท่โหวที่ทรงโปรดปราน วันดีคืนดี ก็ให้คนลากเรือออกไปชมวิวทิวทัศน์ในพระราชวังฯ เป็นที่สำราญพระทัย วัดลามะที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์พันมือ ตั้งอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดในพระราชวังฯ ซึ่งกว่าจะขึ้นไปได้ ก็ต้องเดินกันขาลากขึ้นไป เพราะค่อนข้างชัน แล้วน่าเสียดายที่ไม่สามารถถ่ายภาพพระโพธิสัตว์มาได้ เพราะเขาห้ามถ่ายรูป ก็เลยได้แต่ถ่ายรูปภายนอกมาให้แทนครับ

ตอนที่เดินเข้ามา ผมเห็นคนจีนเข้าไปมุงกันถ่ายรูปหินก้อนหนึ่งกันเนืองแน่น ก็เลยไปถ่ายมาบ้างครับ
จากที่อ่าน คล้ายกับว่า เป็นก้อนหินที่จักรพรรดิเฉียนหลงทรงมีรับสั่งให้มาตั้งไว้ที่นี่ เป็นหินหายากที่มีคุณสมบัติพิเศษอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ ผมอ่านแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจพฤติกรรมคนโบราณเท่าไหร่นักว่า ทำไมต้องลำบากลำบนลากหินมาตั้งไกล เพื่อมาตั้งไว้หน้าพระราชวังแห่งนี้ แต่ผมดู ๆ แล้ว ไม่รู้คิดทะลึ่งไปเองหรือเปล่า ผมว่า มันดูคล้ายศิวลึงค์ยังไงชอบกล หรือมันเป็นเคล็ดอะไรของคนจีนหรือเปล่า ใครรู้ช่วยบอกทีครับ

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของอี้เหอหยวน คือ ระเบียงทางเดินที่ทอดยาวเลียบทะเลสาปเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร เป็นที่ให้พวกเชื้อพระวงศ์และนางในทั้งหลายมาเดินเล่นที่ระเบียงแห่งนี้ เพื่อออกกำลังกายและชมทิวทัศน์ของทะเลสาป ก็จะมีศาลานั่งเล่นเป็นพัก ๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-06-2012 22:04:53 โดย fanfic2010 »

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
สำหรับเรือหยกที่เคยเป็นที่ประทับทรงพระสำราญของพระนางฉื่อสีไท่โหวนั้น ตอนที่ไป เขากำลังจะบูรณะใหม่ ก็เลยจอดทิ้งไว้
ดูแห้งแล้งไม่สมกับเป็นเรือพระที่นั่งสักเท่าไหร่เลย ลองดูภาพประกอบนะครับ


[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
นอกจากเรือหยกแล้ว จุดเด่นอีกที่หนึ่งก็คือ วิหารพระโพธิสัตว์ ที่ตั้งอยู่ตรงจุดกึ่งกลางพระราชวังฯ
ถ้าดูในรูปจะเห็นว่า มีทางขึ้นไปวิหารแยกเป็นสองทาง แล้วไปบรรจบกันตรงกลาง ทางขึ้นค่อนข้างสูงและชัน
พวกผมก็ตะกายกันขึ้นไปครับ เพราะอยากเห็นวิวโดยรอบในมุมสูง


[attachment deleted by admin]

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด