ส้ม.....ไปเชียงใหม่ตอนเดือนเมษายน มิร้อนตับแล่บเลยรึนั่น ดีไม่ดี อาจมีฝนตกด้วย
พี่เคยไปครั้งหนึ่ง กะไปเที่ยวสงกรานต์ ปรากฏว่า คนเชียงใหม่ไม่ค่อยได้ออกมาเล่นเท่าไหร่
นอกจากพวกวัยรุ่น มีแต่นักท่องเที่ยวต่างถิ่นบ้าง ต่างชาติบ้าง ส่วนคนเชียงใหม่หนีไปเที่ยวที่อื่น 55555
ส่วนเรื่องน้องผู้ชาย เห็นพูดมาสองครั้งแล้ว แสดงว่าต้องน่ารักจริง ๆ ถึงได้ประทับใจส้มขนาดนี้
ชักอยากเห็นหน้าแล้วสิ อิอิ

แจ็ค....มิน่า ถึงได้หายเงียบไป ยังไงก็ถนอมเนื้อถนอมตัวหน่อยนะครับ อย่าหักโหมมากนัก เดี๋ยวจะไม่ได้แฮป....ปี้รับสงกรานต์ หุหุหุ
แสดงว่า เสน่ห์ยังแรงอยู่ ถึงได้กล่อมเด็กได้สำเร็จ บ่งบอกว่า ถึงจะเป็นผู้ใหญ่ แต่ยังมีไฟแรงอยู่
เนะ.....ยังวิ่งไปโรงงานอยู่ครับ ตอนนี้ แทบจะวันเว้นวัน ถึงได้เหนื่อยมากขนาดนี้
แต่เดือนหน้าคงจะค่อยยังชั่วขึ้น เพราะได้ลูกน้องมาใหม่แล้ว ช่วงนี้ก็กำลังสอนงานให้อยู่ครับ
ส่วนเรื่องไปเที่ยวสีลม ก็ไปเที่ยวตอนที่กลับมาต้นเดือนเมษาแทนก็ได้นี่ครับ ตอนนี้ก็ปิดเทอมแล้วนี่
เวลาขับรถไปทำงาน เห็นเด็กวัยรุ่นเอ๊าะ ๆ หน้าใส ๆ มาเที่ยวห้างแถวที่ทำงานผมกันคึกคัก
ปีนี้รัฐบาลใจดี แจกวันหยุดเดือนเมษาเพียบ ผมนับดูแล้ว เดือนเมษามีวันทำงานแค่ 16 วันเอง
ที่เหลือเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ตั้ง 14 วัน
ผมกำลังชั่งใจอยู่ว่า จะลาพักร้อนยาว ตั้งแต่วันที่ 6 ถึงวันที่ 17 เมษายน ดีมั้ย
ใจอยากจะลานะครับ อยากชาร์จแบตฯซักหน่อย แต่คงต้องชิงลาพักร้อนก่อนเจ้านาย
ไม่งั้นเป็นได้อยู่โยงเฝ้าออฟฟิศแทนเจ้านายแน่ ๆ เลย
ถึงจะยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะไปไหนดี แต่เห็นคุณชายเขาเปรย ๆ ว่า
อยากไปปีนกำแพงเมืองจีน กินเป็ดปักกิ่งต้นตำรับที่ร้านจวนกูเต้า แล้วไปหาซื้อเป่าฟูหลิง (บัวหิมะ) มาบำรุงตัวเองหน่อย
เปลี่ยนมาเที่ยวแถบเอเชียบ้างก็ดีเหมือนกันนิ
ผมกะว่า จะไปกันเอง ไม่พึ่งทัวร์ ค้นหาในเน็ตดู ก็น่าจะไปเที่ยวกันเองได้
ที่กลัวว่า จะมีปัญหาเรื่องภาษา ผมว่า ตั้งแต่จีนเป็นเจ้าภาพโอลิมปิคมาแล้ว
บ้านเมืองเขาพัฒนาไปเร็วมาก คนจีนสมัยใหม่ตื่นตัวเรียนภาษาอังกฤษกันมาก
บางคนออกเสียงสำเนียงดีมาก เหมือนกับเจ้าของภาษาเลย ถ้าไปเที่ยวแถวเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง
ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ถ้าไปเที่ยวซีอาน จิ่วไจ้โกว คุนหมิง อาจจะมีปัญหาบ้าง
แต่ที่เป็นเรื่องกล่าวขวัญกันมาก เรื่อง "ส้วม" ขอบอกว่า เป็นเรื่องจริงครับ
ขนาดในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งถือว่า เป็นเมืองธุรกิจอันดับหนึ่งของจีน เรื่องส้วมก็ยังเป็นปัญหาอยู่
ถ้าไม่ใช่ในโรงแรมที่เขาสร้างห้องน้ำแบบชักโครกเอาไว้ให้แขกต่างชาติโดยเฉพาะ
แม้แต่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ ยังสร้างส้วมแบบเก่าอยู่เลย คือ เป็นชักโครกแบบนั่งยอง ๆ
เวลาเดินทางไปที่ไหน ถ้าไปกินอาหารร้านไหน หรือซื้อของที่ร้านไหน
อย่าหวังว่า ทางร้านจะมีห้องน้ำเอาไว้รับรองแขก แบบบ้านเรานะครับ
ที่ดินเขาแพงเป็นเงินเป็นทอง เขาไม่ยอมเสียสละพื้นที่มาสร้างห้องน้ำในร้านให้หรอกครับ
ถ้าเกิดเป็นทุกข์กระทันหัน ไม่ว่าจะทุกข์หนัก หรือทุกข์เบา เขาจะชี้ให้ไปเข้าที่ห้องน้ำสาธารณะที่รัฐสร้างไว้ให้แทน
ซึ่งมันเป็นอะไรที่ผมค่อนข้างอิหลักอิเหลื่ออยู่มากพอสมควร ทั้งโถฉี่ที่มีรอยปฏิมากรรมกระเซ็นรอบ ๆ โถ เป็นหย่อม ๆ
หรือห้องน้ำชักโครกแบบนั่งยองๆ แล้วหันหน้าเข้าผนัง หันหลังให้ประตูที่เปิดโล่งทั้งข้างบนข้างล่าง
ก็ไม่รู้ว่า จะปิดตรงกลางไว้ทำไม ถ้าจะเปิดบนเปิดล่างขนาดนี้ ผมว่า น่าจะเปิดโล่งกันไปเล้ย
ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งในชนบท เขาก็เปิดโล่งไม่มีประตูกั้นเลยเหมือนกันนะครับ
แบบว่า ต้องการให้อินกับธรรมชาติมากที่สุด 55555
สู้บ้านเราไม่ได้หรอก สร้างห้องน้ำยังกะห้องรับแขก ตกแต่งภายในกันสุด ๆ
ยิ่งที่ Terminal 21 ผมจะชอบมากเป็นพิเศษ เพราะมันเป็นชักโครกแบบกดปุ่มอัตโนมัติทุกอย่าง
ทั้งท่อฉีดชำระซึ่งมี 2 อ็อปชั่นให้เลือก เหมาะสำหรับสุภาพสตรีเป็นอย่างยิ่ง
เพราะสามารถเลือกได้ว่า จะให้ฉีดชำระช่องไหน แถมมีบริการเป่าลมผึ่งให้แห้งอีกต่างหาก
ซึ่งก็สามารถเลือกได้อีกเช่นกันว่า ต้องการใช้ลมร้อนหรือเย็นเป่าให้แห้ง
ส่วนน้ำชำระ ก็สามารถปรับอุณหภูมิร้อน-เย็นได้ เช่นเดียวกับฝารองนั่ง
ใครที่เคยใช้น้ำอุ่นฉีดชำระ จะรู้ว่า มันเป็นอะไรที่สบาย(รูXXX)มากกกกกก เล่นเอาถ่ายสะดวกไปเลย
ผมเป็นคนหนึ่งล่ะ ที่ให้ความสำคัญกับห้องน้ำมากเป็นพิเศษ ดีไม่ดี อาจพอ ๆ กับ หรือมากกว่าห้องนอน
เพราะมันเป็นที่ส่วนตัวของเราจริง ๆ ห้องน้ำที่บ้านผม ยังกะห้องสมุด เพราะทั้งคุณชายและผม
ชอบอ่านหนังสือตอนเข้าห้องน้ำด้วยกันทั้งคู่ ก็เลยวางชั้นหนังสือเล็ก ๆ สำหรับนิตยสาร แม็กกาซีนไว้อ่านตอนปลดทุกข์
ก็เลยทำให้แต่ละคนใช้เวลาในห้องน้ำกันนาน ๆ ทั้งคู่ ผลก็คือ เราต่างคนต่างมีห้องน้ำส่วนตัวไว้ปลดทุกข์กันคนละห้อง
จะได้ไม่ต้องแย่งกัน ส่วนที่อาบน้ำ ใช้ร่วมกันครับ เรื่องอะไรผมจะแยกล่ะ จริงมั้ย
เอ! คุยเรื่องไปเที่ยว ไหงวนมาลงที่ส้วมได้ยังไงหว่า???
