@ นนท์ โชคดีจริง ๆ ที่นนท์ขับไม่เร็วตอนนั้น ไม่งั้น ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไง ถือว่า คุณพระยังคุ้มครองอยู่นะเนี่ย
แถมพี่วุฒิก็ไม่ต้องเป็นม่ายด้วย
นนท์ เล่าเก่งมากเลย ชักคล่องแล้วนี่
@ มาย ผมเข้าใจครับ ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่เชื่อมั้ยว่า พวกเพื่อนผมเขาไม่เคยดึงผมให้ตกต่ำเลย แล้วก็ไม่เคยเบียดเบียนอะไรผมด้วย
พวกเขายังเคยพูดกับผมเลยว่า "มึงไปได้ดีแล้ว ก็รักษาเอาไว้ให้ดี อย่าได้คิดสั้น เดี๋ยวจะลำบากเหมือนพวกกู"
ถ้ารถคันปัจจุบัน ยังใช้ได้อยู่ ก็อย่าไปเสียเงินซื้อใหม่เลยครับ ชั่วโมงนี้ อะไรประหยัดได้ ก็ควรประหยัด
ไม่จำเป็นต้องไปแข่งหรูกับใครเขาหรอก ดูจากรูปการณ์ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมแล้ว
ผมล่ะหวั่นใจว่า ไอ้วิกฤติฟองสบู่มันจะกลับมาอีกรอบนึงเร็ว ๆ นี้แหละครับ เพราะตอนนี้ดัชนีราคาผู้บริโภค CPI (Consumer Price Index) ที่เราเอามาใช้เป็นค่าเงินเฟ้อพืันฐาน มันพุ่งขึ้นถึง 4.8 ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ในแง่ของเศรษฐศาสตร์จุลภาคนะครับ
ถ้าเป็นภาคมหภาค เขาก็ต้องบอกว่า ยังดีอยู่ เพราะภาคการส่งออกมันช่วยไว้ แต่ถ้าหมดออเดอร์ที่ค้างไว้เมื่อไหร่ งานนี้ก็ตัวใครตัวมันแหละครับ
แล้วยิ่งตอนนี้เจอวิกฤติรังสีนิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่นเข้าไปอีก ผมภาวนาว่า อย่าให้มี lay-off ในอุตสาหกรรมยานยนต์เล้ย
ไม่งั้น บ้านเราจะยิ่งวุ่นวาย ข้าวยากหมากแพง โจรผู้ร้ายชุกชุมไปยิ่งกว่านี้อีก
@ กุ้ง ตอนแรกที่ไปก็มีปัญหาเหมือนกันครับ แบบว่า คำยอดฮิตน่ะแหละ "ทูเดย์ = ทูดาย" 5555
แต่อยู่ๆ ไป ก็ชินสำเนียงไปเองแหละ อีกอย่างถ้าต้องใช้แต่ภาษาอังกฤษตลอดเวลา
จากที่เคยคิดเป็นไทย แล้วให้สมองประมวลผลเป็นประโยคอังกฤษ เหมือนที่เรา ๆ หลายคนทำกัน
แล้วเราก็รู้สึกติดขัด คิดไม่ลื่นไหล มันก็จะเปลี่ยนเป็นคิดและพูดเป็นภาษาอังกฤษโดยปริยายเลยครับ
ซึ่งอันที่จริง ฝรั่งเขาก็บอกนะว่า คิดอะไรก็พูดไปอย่างนั้น ไม่ต้องกลัวว่า จะพูดผิดไวยากรณ์หรือรูปประโยค
ฝรั่งเองมันก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรนักหนา บางทีก็พูดผิด จนกลายเป็นถูกก็มีครับ
แล้วใช่ว่า จะเข้าเรียนได้เลย ต้องไปเข้าชั้นเรียนปรับพื้นฐานวิชาในบางวิชาที่เรียนมาไม่เหมือนกับเขาก่อน
กว่าจะได้เรียนจริง ๆ ก็ผ่านไป 1 เทอม ยังจำได้จนทุกวันนี้ว่า เข้าชั้นเรียนชั่วโมงแรก ผมโดนไล่ออกมานอกห้อง
โทษฐานไม่เตรียมตัวเองให้พร้อมมาเรียน คือ ผมจะติดจากการเรียนที่เมืองไทย
ที่ในชั่วโมแรก อาจารย์มักจะยังไม่สอนอะไร มีแต่เตรียมรายละเอียดที่จะสอนในแต่ละเทอมมาบอกนักศึกษาก่อน
แต่ที่นั่น เขาเริ่มเรียนกันตั้งแต่ชั่วโมงแรกเลยครับ เพราะเขาถือว่า เสียเงินลงทะเบียนเรียนแล้ว
ต้องให้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ขืนอาจารย์มัวแต่มาเยิ่นเย้อ มีหวังโดนนักศึกษาร้องเรียนแน่ครับ
เนื่องจากคณะที่ผมเรียน ตอนนั้น มันยังไม่มีการเปิดสอนที่เมืองไทย
ผมก็เลยไม่รู้ว่า ทาง ยูฯ เขาให้นักศึกษาไปเช็คเนื้อหาวิชาในเว็บของคณะก่อนเข้าชั้นเรียนจริง
เพื่อตรวจสอบเนื้อหาวิชาที่จะเรียนล่วงหน้า ซึ่งในเว็บคณะ เขาจะบอกไว้เสร็จสรรพเลยว่า
วันนี้อาจารย์จะสอนเรื่องอะไรบ้าง จะมีการ discuss กันในเรื่องอะไรบ้าง ให้นักศึกษาไปหาหนังสืออะไรในห้องสมุด
เพื่อเอามา discuss กันในชั้นเรียน ผมก็แบบว่า ชิล ๆ นึกว่า จะเหมือนที่เมืองไทย
เดินตัวเปล่าเข้าไป ไม่ได้ถืออะไรไปเลย นอกจากสมุดจดเล่มเดียว กะว่า จะไปจดเอาตอนเรียน
ปรากฏว่า เพื่อนร่วมชั้น เขาหอบหนังสือหนังหากันมาคนละสองเล่ม สามเล่ม
พออาจารย์เข้ามาสอน เขาก็เริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาเลย ผมก็เอ๋อแดก อะไรกันวะเนี่ย??
นั่งฟังไปซักพัก แบบไม่รู้เรื่องเลยว่า เขาพูดเรื่องอะไรกัน อาจารย์เขาก็จะเรียกให้ยกมือถาม ยกมือตอบเป็นระยะ ๆ
พอมาถึงผม เขาเห็นผมไม่เตรียมอะไรมาเลย เขาก็พูดเลยว่า ที่นี่ เราเรียนกันแบบผู้ใหญ่ ยูต้องมีความพร้อมที่มาเรียน
ถ้ายูจะมานั่งฟังเฉย ๆ โดยไม่เตรียมอะไรมาเลย ไอว่า ยูเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
สู้ยูกลับไปเตรียมความพร้อมมาให้ดีในคลาสต่อไปดีกว่า
โห! ผมฟังแล้ว อายแทบแทรกแผ่นดินหนี ต้องรีบเดินออกมาเลยครับ แล้วก็จำฝังใจมาจนทุกวันนี้
@ ใกล้จะหยุดหลายวันอีกแล้ว ยังมีอารมณ์ติสต์อยู่มั้ยครับ เผื่อผมอยากจะติสต์มั่ง 5555
@ ส้ม เป็นยังไงบ้าง ค่อยยังชั่หรือยังครับ แล้วมีคนมาช่วยที่ร้านเพิ่มหรือยัง
@ กอดทุกคนรอบทู้ครับ
ป.ล. คิดถึงอ้น