เกิดเป็นกายนี่ซวยแล้วซวยอีกเนอะ
ต่อครึ่งหลังของบทที่ 29 (ขอบคุณใอโฟนที่ช่วยให้การโพสง่ายขึ้น)
กายรีบกระโดดลงจากรถกระบะคันเก่าซึ่งกว่าจะมาถึงโรงแรมที่พักก็ใช้เวลาเกือบสี่สิบนาที หากเป็นในกรุงเทพฯ เขาคงจ้างมอเตอร์ไซด์รับจ้างมาส่งไปแล้ว
ล่ามหนุ่มวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นบันไดด้านหน้าของโรงแรม และเมื่อถึงขั้นบนสุดก็ต้องหยุดวิ่งจนเกือบล้มหัวคะมำเมื่อเห็นว่าใครยืนกอดอกอยู่ตรงหน้า
“คุณหายไปไหนมา” พฤศมองกายจากศีรษะจรดเท้าก่อนจะถามขึ้นด้วยเสียงราบเรียบแต่คนฟังรับรู้ได้ว่าคนถามกำลังโกรธ
“ผมเจออุบัติเหตุครับ เอ่อ ไม่ใช่เกิดขึ้นกับผมหรอกครับ คือว่าผมเจอรถชนกัน เลยเข้าไปช่วย ถึงได้เลอะเทอะอย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ” กายตอบพลางก้มตัวลงมองเสื้อผ้าของตัวเองที่เปื้อนคราบเลือดเกรอะกรัง “ผมพยายามโทรศัพท์ไปเมืองไทยเพื่อบอกคุณเจนจิราให้โทรแจ้งท่านประธาน เอ่อ คุณพฤศ แต่กว่าจะโทรติดก็...”
“คนอื่นไม่มีเลยหรือ คุณถึงต้องเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใช้เวลาหลายชั่วโมงช่วย แล้วโทรศัพท์คุณไปไหน” พฤศแทรก
“ก็มีครับ แต่ไม่มีใครทำอะไรเป็นเลย ส่วนโทรศัพท์ผมคงหล่นหายตอนช่วยกันยกคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ไม่ใช่คนเดียวนะครับ โดนกันตั้งสี่คน คนที่หนักสุดเป็น...”
“ผมให้เวลาคุณสิบห้านาที ไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แล้วลงมาพบผมที่หน้าโรงแรม ผมจะรออยู่ในรถ” พฤศสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ไม่สนใจที่จะฟังกายอธิบายต่อ
“เราจะไปไหนหรือครับ” กายถาม
พฤศถอนหายใจเบาๆ แล้วตอบว่า “เราต้องไปพบนายพลซอว์ ทิน และจะไปสายไม่ได้เด็ดขาด”
กายไม่รีรอและไม่คิดจะพยายามอธิบายเหตุผลของการมาสายอีกต่อไปเพราะรู้ว่าคงไม่มีประโยชน์ พฤศคงโกรธมากที่เขาหายหน้าไปเฉยๆ ตั้งแต่รับประทานอาหารเช้าและพลาดการเข้าประชุมกับองค์กรการบินของเมียนมาร์
...แต่จะให้เรามาทำไมวะ จะให้แปลภาษาพม่าเป็นอังกฤษหรือไง เจ้าหน้าที่จากการบินพม่ายังไงก็ต้องพูดภาษาอังกฤษได้ แต่ถึงพูดไม่ได้ ขาดเราไปคนก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน จะให้ไอ้กายแปลภาษาอะไรเห็นภาษาอะไรวะ พม่าเป็นอังกฤษ หรืออังกฤษเป็นภาษาส่วย เฮ้อ การประชุมก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการสื่อสาร ตัวเองก็พูดได้...
กายคิดอยู่ในใจขณะที่วิ่งตรงไปที่ลิฟท์
...แล้วสิบห้านาทีนี่จะให้ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ววิ่งลงไปให้ทัน คนนะ ไม่ใช่เทวดา...
อย่างไรก็ตามก็สามารถมาขึ้นรถซึ่งจอดอยู่หน้าโรงแรมทันภายในเวลา 15 นาที พฤศนั่งคอยอยู่ในรถตู้ของโรงแรมเรียบร้อยแล้วและดูท่าทางแปลกใจด้วยซ้ำเมื่อเห็นกายเป็นประตูรถเข้ามานั่งและยังเหลือเวลาอยู่ถึงสองนาทีจะถึง 'เส้นตาย'
“ผมไม่ทราบว่าท่านประธานจะพบกับนายพลพม่าเรื่องอะไร เลยหยิบแฟ้มมาทุกแฟ้มเลยครับ” กายพูดและทำหน้าตาเป็นการเป็นงาน
“ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้เรียกท่านประธาน” พฤศพูดแล้วนิ่งไปครู่หนึ่งจึงพูดต่อวา “นายพลพม่าที่เราจะไปพบชื่อนายพลซอร์ทิน ถ้าเทียบกับของไทญก็เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด”
“ท่านพูดฝรั่งเศสหรือครับ” กายถาม
“ผมไม่ทราบ” พฤศตอบเสียงเรียบ ยกมือขึ้นกอดอกและมองออกไปนอกรถ แสดงอาการต้องการยุติการสนทนา ปล่อยให้กายนั่งนิ่งและเม้มปากอย่่างไม่พอใจ
นายพลซอว์ ทิน เป็นชายอายุเกือบหกสิบปี รูปร่างสูงเกือบพอๆ กับพฤศ ผิวขาว หน้าตาไม่เหมือนคนเมียนมาร์ที่กายนึกภาพเอาไว้ ท่านนายพลพูดภาษาอังกฤษได้ดีพอสมควร กายได้แต่เดินตามพฤศ กลุ่มนายทหารระดับสูงสี่นาย และผู้ติดตามอีกสามคน
...เอาเรามาถือเสื้อนอกให้เหมือนเลขาฯ ก็ไม่ปาน ดีนะที่ทิ้งแฟ้มไว้ในรถ ไม่งั้นคงต้องเป็นไอ้บ้าหอบฟาง...
...ท่านประธานพูดภาษาอังกฤษสำเนียงอังกฤษเหมือนท่านนายพล ทั้งที่ปกติตัวเองพูดสำเนียงอเมริกัน ไหนบอกว่าทำธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มาพูดสำเนียงอังกฤษเอาใจลูกค้าแบบนี้ เรียกว่า 'ไม่จริงใจ' นี่หว่า...
...แล้วนี่จะคุยกันไปถึงไหน คุยกันและเดินตากแดดชี้ชวนกันชมนกชมตะวันกันไป ร้อนจะตายอยู่แล้ว...
“ด้านโน้นเราจะติดตั้งจานดาวเทียม ส่วน เอ่อ...แผงโซลาร์เซลล์จะติดตั้งทางนั้น” นายพลซอว์ ทิน ชี้มือไปอีกทาง “แต่ทั้งหมดเราต้องการให้อยู่ภายในนิรภัย XT Falcon 490 เพื่อป้องกันทุกด้าน”
“เรื่องการติดตั้อง XT Falcon ผมคงจะต้องคุยกับท่านนายพลทางโทรศัพท์ ข้อมูลที่ผมมีตอนนี้ยังไม่ละเอียด ขอเวลาผมอีกสองสามวันนะครับ” พฤศตอบ
“อ๋อ เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องเร่งรีบ ลูกชายผมขอเสนอตัวรับผิดชอบเป็นวิศวกรหลัก เขาเก่งเรื่องนี้มาก เคยติดตั้งมาแล้วที่ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม และที่สวิสเซอร์แลนด์”
...รั้วมหากาฬนี่ไปติดตั้งทำไมในสวิสฯ ทำไมเราไม่เห็นรู้เรื่อง ในเอกสารที่อ่านมาก็ไม่มี สวิสฯ ควรเป็นประเทศเป็นกลางที่ไม่ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยอะไรแบบนี้นี่นา จะเอารั้ว Falcon อะไรเนี่ยที่อันตรายประมาณว่านกอินทรีบินผ่านยังถูกดูดลงมาช๊อตตายไปล้อมรอบอะไรในสวิสฯ ทะเลสาบหรือไง...
“คุณกาย” เสียงของพฤสดังขึ้นใกล้หูทำให้กายสะดุ้ง หยุดความคิดของตัวเองเอาไว้
“ครับ” กายเงยหน้ามองพฤศ เลิกคิ้วเป็นการแสดงความสงสัย
“คุณแปลให้ลูกชายท่านนายพล จดโน๊ต ถ้าจำเป็น จดทุกอย่าง เรื่องรั้วมหาภัยที่คุณสงสัยนั่นล่ะ” พฤศออกคำสั่งเบาๆ
...รู้ความคิดเราได้ไงวะ...
ลูกชายของท่านนายพลเดินเข้ามาหาทุกคน ชายหนุ่มร่่างสูงราว 185 เซนติเมตรอยู่ในชุดเสื้อเชิร์ตสีสดใสซึ่งกายคิดว่าเป็นของเวอร์ซาเช่ และกางเกงยีนส์รัดรูป ทำให้กายอดมองอย่่างทึ่งปนอึ้งไม่ได้ เขานึกว่่าลูกชายของท่านนายพลจะ 'ออกมาดคอมมิวนิสต์' อย่างที่นึกภาพเอาไว้ แต่ชายหนุ่มหน้าเข้มดูต่างไปมาก ลูกชายของท่านนายพลสวมแว่นตาเรย์แบนด์สีดำ รูปหล่อเอาการ
“เบน จนไฮสคูลจากฝรั่งเศส ปริญญาตรีควอนตัมฟิสิกส์ แล้วก็ไปต่อปริญญาโทที่ M.I.T. ตอนนี้กำลังคิดจะเรียนดอกเตอร์” นายพลซอร์ ทิน แนะนำลูกชายอย่างภาคภูมิใจ หันมาทางกายแวบหนึ่งราวกับจะย้ำว่า 'คุณเป็นคนแปลให้ลูกชายผม' แล้วหันไปพูดกับพฤศ “เบน พูดภาษาเมียนมาร์พอรู้เรื่อง ผมจะดันให้รับราชการหรือเล่นการเมืองก็ไม่ได้ ไม่ไหวจริงๆ ลูกคนนี้”
พฤศยิ้มตามมารยาท เข้าใจว่าท่านนายพลคงรักลูกชายมากจึงล้อเล่นอย่างอารมณ์ดี
“ผมว่าคุณเบน เป็นนักวิทยาศาสตร์ของประเทศจะดีมากเลยครับ” พฤศพูด
“ใครๆ ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น” นายพลซอร์ ทิน ตอบยิ้มๆ ชี้ไปที่ลูกชายและพูดกับพฤศเบาๆ ว่า “ถ้าเขาไม่กางปีกและบินไปเสียก่อน”
“เขากำลังนินทาผม คุณต้องแปลให้ผมฟังไม่ใช่หรือ เขาพูดเป็นสำนวน พ่อผมพูดว่าอะไร” ก้มลงกระซิบกับกายเป็นภาษาฝรั่งเศสสำเสียงชัดเจน
“ผมฟังไม่ทันครับ” กายบ่ายเบี่ยง
“อย่าลืมแปลสิครับ คุณเป็นล่าม”
“ผมนึกว่าแปลเฉพาะเรื่องเทคนิค ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว อีกอย่างคุณจบ M.I.T. ภาษาอังกฤษก็ต้องดีพอสมควร”
“ผมถูไถจบ” เบนตอบแล้วหัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดี ทำให้กายอดนึกถึงคเชนทร์และเมฆไม่ได้ “อีกอย่าง ผมเรียนที่สหรัฐฯ แต่สองปีกว่า แล้วก็เรียนวิศวกรรมนะครับไม่ใช่เรียนภาษา ตอนเรียน บางครั้งผมก็ใช้้ความสามารถพิเศษเอาตัวรอดมาได้ ส่วนคุณล่ะ เรียนจบจากไหน ทำไมพูดภาษาฝรั่งเศสเก่งจัง”
“เอ่อ...” กายชะงักเพราะพฤศกับนายพลซอว์ ทิน เริ่มคุยกันเรื่องรั้ว XT Falcon490 และระบบรักษาความปลอดภัยของสถานที่ติดตั้งสถานีตรวจจับเครื่องบินหลบหลีกเรดาร์
...ขายเครื่องบินหลบหลีกเรดาร์ให้กับอีกประเทศหนึ่ง แล้วก็มาขายระบบตรวจจับเรดาร์ให้อีกประเทศ คุณท่านพฤศนี่ช่างทำงานที่เปี่ยมจริยธรรมจริงๆ เลย...
“คุณจบจากฝรั่งเศสหรือเปล่า” เบนซักต่อ
“XT Falcon490 จะติดตั้งก่อนแผงโซลาร์เซลล์” กายรีบแปลสรุปสิ่งที่นายพลซอร์ ทิน พูดแล้วตอบเบนสั้นๆ ว่า “ไม่”
“เรื่อง XT Falcon คุณไม่ต้องแปลก็ได้ ผมรู้เรื่องนี้ดี ผมติดตั้งเองก็ยังได้ ขอแค่คนงาน 100 คนที่กล้าตาย และครอบครัวที่ไม่คิดจะฟ้องร้องวิศวกร” เบนหัวเราะ
“XT Falcon490 ราคาแพงมาก แต่ก็มีอุปกรณ์บางอย่างที่ปรับเปลี่ยนได้ โดยส่วนตัวผมคิดว่าไม่จำเป็น แต่ถ้าท่านนายพลต้องการรั้ว XT Falcon ผมจะคุยกับบริษัท Megatrex Inc. ให้เป็นพิิเศษ หากลดรายละเอียดรั้วลงบ้าง ราคาก็จะลดลง” กายแปลคำพูดของพฤศ แต่เบนรีบแทรกว่า
“ลดสเป็คเป็น AB Falcon100 หรือไง” เบนกระซิบกับกายพร้อมหัวเราะเบาๆ แล้วถามกายว่า “คืนนี้คุณไม่ต้องทำงานใช่ไหม ที่ Club Alexander ชั้นใต้ดินโรงแรมคุณ มีปาร์ตี้พิเศษต้อนรับผมกลับเมียนมาร์ ไปไหม”
กายนิ่งไปชั่วครู่เพราะถูกขัดจังหวะการแปลภาษาอยู่เรื่อย และครั้นเหลือบตาขึ้นมองพฤศซึ่งหันหน้ามามองเขากับเบนซึ่งเดินอยู่ข้างหลังจึงทำตาขุ่น หน้าตาไม่คอยสบอารมณ์ ประหนึ่งว่าได้ยินสิ่งที่เบนพูด
...หูดีจริงๆ เลย เอาท่านประธานมานั่งอยู่กลางทุ่งนี้ให้ทำงานแทนเรดาร์ดีไหมเนี่ย ตรวจจับได้ทุกอย่าง...
พฤศไม่อยากจะเชื่อว่าในเมียนมาร์จะมีบาร์ที่ทันและสมัยขนาดนี้เมื่อเดินเข้ามายืนอยู่ใน Club Alexander ชั้นใต้ดินของโรงแรมที่พัก ความจริงเขาไมคิดจะเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ เมื่อครู่ใหญ่ พฤศนั่งดื่มอยู่คนเดียวในบาร์ Alphat Beat และเมื่อเดินผ่าน Club Alexander มีหนุ่มสาวชาวเอเชียคู่หนึ่งเปิดประตูออกมาและคุยกันเสียงดังเป็นภาษาอังกฤศสำเนียงแปร่งๆ โดยใช้คำศัพท์ไม่ค่อยสุภาพเท่าใดนักว่างานปาร์ตี้สนุกมาก
เสียงดนตรีหนักหน่วงดังสนั่น เพลงใหม่่ล่าสุดของ พิชญ* นักร้องไทยซึ่งกำลังโด่งดังระดับโลกทำให้พฤศลองเดินเข้ามาดูในคลับ
ทั้งที่รู้ว่า Club Alexander เป็นบาร์อยู่ในโรงแรมและคงจะได้รับเอกสิทธิ์เหนือสถานที่เที่ยวกลางคืนแห่งอื่นๆ แต่พฤศก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า หนุ่มสาวสังคมชั้นสูงของเมียนมาร์และนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศกำลังสนุกสุดเหวี่ยง แสงไฟส่องวูบวาบ จังหวะเพลงเต้นรำผสมร๊อคของพิชญดังมากประหนึ่งว่าสถานที่แห่งนี้เหมือนกล่องไม้ถูกมือขนาดมหึมาจับเขย่า พฤศยืนมองอยู่ครู่หนึ่งก็หันหลังจะเดินออกไปแต่มีมือหนึ่งคว้าข้อมือเขาเอาไว้ เมื่อหันไปมองจึงเห็นว่าเป็น ซอว์ เบน ลูกชายคนเล็กของนายพลซอว์ ทิน
“เฮ้ คุณพฤศ เข้ามาแล้วอย่างรีบออกไปสิครับ ดื่มให้ผมซักแก้ว” เบนยื่นแก้วเหล้าให้ “วันนี้คลับจัดงานต้อนรับผมกลับเมียนมาร์ครับ เลย crazy ไปหน่อย ปกติที่นี่ไม่ wild ขนาดนี้” เบนตะโกนแข่งกับเสียงเพลงแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ผมดื่มมาแล้ว และดื่มมากไม่ได้” พฤศตอบ
“แก้วเดียวครับ” เบนขอร้อง “เพื่อผม กรุณาเถอะ ล่ามของคุณยังขึ้นไปเต้นบนเวทีเพื่อผมเลย”
::: End of Chapter 29 :::