ธฤต ออกเสียงว่า ทะ-ลิด
พฤศ = พะ-ลิด เสียงมันคล้ายกัน กายหูไม่ค่อยดีครับ ในงานอาจมีเสียงรบกวนก็ได้เนอะ
ช่วงนี้อัพช้าหน่อย อย่าว่ากันนะครับ พิมพ์มะค่อยทัน แกะลายมืออีตาคฑาวุธก็ลำบากแล้วก็ยุ่งเลี้ยงลูกหมาด้วยครับ เหนื่อยพอๆ กับเลี้ยงลูกคนเลยอ่ะ
“เพื่อนคุณท่าทางไม่ค่อยสบายครับ ผมเลยอยากให้คุณไปดูซักหน่อย” ธฤตก้มหน้าลงพูดกับกายด้วยเสียงอ่อนโยนแต่กายแอบสังเกตเห็นว่าธฤตปรายตาไปมองคเชนทร์และกล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกเล็กน้อย
“ตอนมาก็เห็นสดชื่นดีนี่ครับ” กายขมวดคิ้ว
“นั่นสิ คุณนรธีร์ดูแอคทีฟขนาดนั้น อยู่ดีๆ ก็ทำท่าแปลกๆ เอาแต่ยืนแอบอยู่ตรงโน้น” ธฤตชี้มือไปยังมุมหนึ่งของห้องจัดงาน กายจึงรับเดินตรงไปหาเพื่อนรุ่นพี่โดยมีธฤตเดินตาม แต่กายบอกให้ธฤตไม่ต้องเป็นห่วง
“คุณธฤตไม่ต้องลำบากหรอกครับ ไปดูแลแขกเถอะ ผมจัดการเอง” กายพูด
“ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกนะครับ ผมอยู่แถวโต๊ะข้างหน้าใกล้เวที” ธฤตพยักหน้าให้แล้วแยกตัวไป
กายชะเง้อมองหานรธีร์จึงเห็นว่ายืนพิงผนังห้องอยู่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ครั้นเห็นกายเดินเข้าไปใกล้นรธีร์ถึงกับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“กาย พี่ว่าฟ้าดินลงโทษพี่แล้วล่ะ ไม่น่าเลย”
“เป็นอะไรเจ๊” กายถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย “Giant K รุมโทรมหรือไง อย่าร้องไห้นะ ถือซะว่าเอาบุญ”
“ไอ้กาย” นรธีร์แหวใส่กาย “พี่แกทุกข์ขนาดนี้ยังมีหน้ามาล้ออีก”
“แล้วเจ๊เป็นอะไรล่ะ ทำไมมายืนหนีบขาตะกายฝาอยู่แบบนี้”
“กลับกับเถอะกาย” นรธีร์พูดเสียงเบา
“อ้าว ทำไมรีบไป พี่ดูเคของเจ็ดหนุ่ม Junior ครบหมดทุกเคแล้วหรือ” กายถาม ทำหน้าแปลกใจ
“ได้คู่แค่สาม ได้ลูบผ่านๆ แค่สอง รวมเป็นห้า อีกสองนั่งอยู่โต๊ะโคตรวีไอพี ไม่ยอมลุกมาเดินทักทายแขกซะที มัวแต่จ้อกับพวกไฮโซ”
“ตกลงพี่เป็นอะไรกันแน่ ไม่สบายหรือเปล่า ตอนมาก็ยังกระดี๊กระด๊าอยู่เลย”
“มันเกิดอุบัติเหตุ” นรธีร์ทำหน้าเหยเก ส่วนกายเองเดาอารมณ์ของเพื่อนรุ่นพี่ไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่
“คือยังงี้นะกาย แกอย่าปากบอกไปบอกใครนะ ห้ามเด็ดขาด สัญญานะกาย คือว่า...”
“ประจำเดือนมาโดยไม่คาดคิดหรือเจ๊” กายรีบพูดแทรกแล้วกลั้นยิ้ม
“ไอ้บ้า มาก็ดีซิวะ” นรธีร์ตวาดแล้วรีบเม้มปาก กลั้นหายใจ พูดเสียงอ่อยว่า “คือพอดีเจ๊ตดแรงไปหน่อย คือแบบว่าลมมันตีขึ้นมาจนจุก แก๊สในกระเพราะเยอะไปหน่อย เจ๊เลยเบ่งเพลิน ตดสุดแรง แล้วมันก็...”
“แล้วอะไร” กายเลิกคิ้ว ทำเป็นไม่เข้าใจ
“มันก็...”
“เล็ดออกมางั้นหรือ” กายพยายามกลั้นหัวเราะ
“อือ” นรธีร์ทำหน้าผะอืดผะอม
“เวรกรรม” กายอุทาน “เวลาโดนเสียบไม่เคยจะมีอะไรเล็ดออกมาได้ แล้วนี่ในงานไฮโซ ทำไมไร้สติ ไม่รู้จักควบคุมตัวเอง เจ๊ปล่อยให้พลาดได้ไง”
“ใครจะไปรู้วะ พอปุ๋งๆ สี่ห้าครั้งมันก็ปุ๊ดๆ มาสองครั้ง แล้วก็ปู๊ดเลย”
“โอ๊ย ฉิบหาย” กายยกมือตบหน้าผาก “แล้วทำไม่เข้าห้องน้ำ”
“เกินจะเข้าแล้วหว่ะกาย แ_่งแกก็เห็น ฉันใส่กางรัดติ้วสีขาว”
“แล้วจะกลับบ้านยังไงเนี่ย” กายถอนหายใจเฮือกใหญ่
“แกไปส่งฉันที”
“ผมต้องนั่งดมในแท๊กซี่ไปตลอดทางงั้นหรือ” กายโวยวาย
“แกดมคนเดียวที่ไหนวะ ฉันกับคนขับแท๊กซี่ก็ต้องช่วยดมด้วย” นรธีร์โวยวายกลับแล้วเปลี่ยนเป็นเสียงอ่อน “ไอ้กาย ตอนนี้ล่ะจะพิสูจน์กันว่าใครมันเป็นเพื่อนแท้ใครเป็นเพื่อนปลอม” นรธีร์ทำหน้าขึงขังแล้วเปลี่ยนเป็นอ้อนวอน “นะกาย ไปกันเถอะ ฉันหมดมู้ดแล้ว ไม่ดูแ_่งแล้วเคไอ้พวกเกาหลีหน้าอ่อน ไว้มีโอกาส แกหลอกคุณธฤตรูปหล่อไปนอนคอนโด เจ๊จะได้แอบดูเคใหญ่ยักษ์สีแทน”
“บ้า ยังมีหน้าทะลึ่งได้อีก” กายส่ายหน้าแล้วล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นให้นรธีร์
“เดินดีๆ นะเจ๊”
“ฉันหนีบไว้เต็มที่แล้วโว้ย”
“หยุดตวาดซะที เดี๋ยวก็เผลอลืมขมิบ หลุดออกมาอีกทีนี้ได้อายกันตายเลย กลิ่นเริ่มออกแล้วนะเนี่ย” กายดุเพื่อนรุ่นพี่
“ไปทางโน้น” นรธีร์ชี้มือไปทางด้านขวาและบอกว่่าเป็นทางลัดออกประตูด้านข้างแล้วใช้ทางเดินอ้อมไปยังลิฟท์ขนของ
“รู้จักเส้นทางดีอีกแน่ะ”
“โรงแรมนี้ฉันเคยมาสำรวจ” นรธีร์ตอบ
“เงียบๆ ไว้นะเจ๊ ก้าวขาช้าๆ อย่างพูดเสียงดัง เดี๋ยวจะแย่” กายเตือนนรธีร์และพยายามกลั้นหัวเราะ
“เวรกรรมของกูจริงๆ เลย” นรธีร์คลางเสียงเบาแล้วค่อยๆ เดินไปข้างหน้าโดยมีกายอยู่เคียงข้าง แต่ขณะที่กำลังเดินไปตามทางเดินและใกล้จะถึงทางแยกเลี้ยวขวา ทั้งสองก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่มสองคนกำลังคุยกันเสียงเครียด
กายหยุดยืนนิ่ง เงี่ยหูฟังเสีียงผู้ชายสองคนนั้นอย่างตั้งใจเพราะได้ยินชื่อของตัวเอง...เสียงนั้นเขาจำได้ดีว่าเป็นเสียงของใคร
...
“เลิกยุ่งกับกายซะที”
“นายมีสิทธิ์อะไรมาสั่ง”
::: End of Chapter 19 :::