ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน
ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 *-*-*-*
PART 1PART 2PART 3PART 4PART 5PART 6PART 7PART 8PART 9.1PART 9.2PART 10PART 11PART 12PART 13 - 50%PART 13 - 100%PART 14 - 35%Part 1
คิดเหมือนผมไหมครับว่าสัตว์เลี้ยงที่ฉลาดแสนรู้ที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของคนเราก็คงไม่พ้นเจ้าสุนัขทั้งหลาย มีคนเคยบอกมาว่า “สัตว์เลี้ยงเป็นยังไง เจ้าของก็เป็นอย่างนั้น” ผมไม่เคยเชื่อเลยนะ จนกระทั่งที่ผมได้มาเจอกับตัวเองวันที่ต้องย้ายสำมะโนครัวจากเมืองเล็กๆ ติดชายทะเลที่แสนสงบ มายังเมืองหลวงที่แสนวุ่นวายนี้ วันที่ผมได้พบกับเจ้าตัวเล็กน่ารัก
“เอ้า มายกอันนี้ไปลูก กล่องนี้อยู่ที่ห้องแม่นะจ๊ะ”
“ฮะ แม่”
ความวุ่นวายเล็กๆ เกิดขึ้นในบ้านหลังกะทัดรัดย่านชานเมือง เมื่อครอบครัวหนึ่งกำลังย้ายข้าวของเข้าไปในบ้านหลังย่อม ลูกชายกำลังช่วยคนเป็นแม่ยกของเข้าบ้านอย่างขะมักเขม้น
“กล่องสุดท้ายแล้ว โอเค”
“เหนื่อยจังเลยฮะ”
“นั่นสิ พ่อหนีเอาตัวรอดไปรายงานตัวที่บริษัทซะนี่ ทิ้งเราสองคนให้เก็บของกันเองเลย เดี๋ยวคืนนี้แม่จะให้สั่งพิซซ่าเซตใหญ่มาเลี้ยงให้ได้”
“ดีฮะแม่ ไม่มีอะไรแล้วผมไปจัดของแล้วก็อ่านหนังสือนะครับ”
“สีน้ำ สอบติดแล้วรอเปิดเข้าเรียนยังจะอ่านอะไรอีกละเรา ไม่ไปเดินเล่นแถวนี้ ทำความคุ้นเคยหรอลูก”
“ก็ได้ฮะแม่”
ลูกชายคนโตที่สุดแสนจะเอาถ่านของเธอ เช็ดเหงื่อไคลออกไปแล้วสวมรองเท้าออกไปเดินเล่นตามที่แม่บอก ทั้งว่าง่าย หัวอ่อน เรียนเก่งถึงเก่งที่สุด ก็แค่ได้ที่หนึ่งในการสอบเข้าคณะสัตวแพทย์ของมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังที่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ เสียอย่างเดียวที่ทำให้คุณแม่อย่างเธอหนักอกที่สุดคือการที่ลูกชายวันๆ เอาแต่หมกตัวกับกองหนังสือวิทยาศาสตร์ ไม่ได้สนใจความเป็นไปของโลกภายนอก ไม่ฟังเพลง ไม่ดูโทรทัศน์ ยังดีที่มีเพื่อนสนิทชิดเชื้อคบหาอยู่บ้างสองคน เรียนมาเป็นสิบปีได้เพื่อนมาแค่สองคน ลูกฉัน
“ตาสีน้ำ แม่ว่าเราต้องเปลี่ยนตัวเองบ้างนะ”
ผู้เป็นมารดาพูดพึมพำเมื่อมองตามร่างสูงที่ขาวจัดของลูกชายที่เดินผ่านรั้วไป สูงก็สูงดี รูปร่างก็พอไหว แต่ผมที่ฟูฟ่องไปทั้งหัวเพราะเจ้าตัวไม่เคยสนใจดูแลกับแว่นตาหนาเตอะที่ไล่ให้ไปเปลี่ยนเป็นคอนแท็กเลนส์เท่าไรก็ไม่ยอมเปลี่ยน นางจำได้ว่าสีน้ำเคยพูดไว้
“ผมว่าคนเราเขาคงไม่ได้วัดผมที่หน้าตาหรือการแต่งตัวหรอกครับแม่ ผมจะเป็นหมอรักษาสัตว์นะไม่ได้ไปเป็นดารา ทำไมต้องทำตัวให้ดูดีอะไรด้วย สบายๆ แบบนี้ดีกว่าอีก”
จะพูดกี่ครั้งจนปากฉีกถึงหูก็เปลี่ยนสีน้ำไม่ได้ ตรงนี้เท่านั้นที่หัวแข็งขึ้นมาทันที คงเพราะเจ้าตัวเห็นน้องชายตัวดีที่วันๆ ไม่เรียน เอาแต่แต่งตัวโฉบสาวจนได้ดิบได้ดี มีแมวมองชวนมาเป็นนายแบบจนโด่งดัง
สีน้ำใช้นิ้วดันแว่นตาหนาขึ้น สายตาก็สอดส่ายมองทางไปเรื่อยๆ ยังดีที่มาอยู่ชานเมืองที่ยังมีความเงียบสงบแบบนี้ เขาเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าต้องไปอยู่ในเมืองที่มีแต่ความวุ่นวายเขาจะทนได้ไหม
“หงิงง หงิงง”
เสียงครางเล็กๆ เหมือนกำลังเจ็บปวดของสุนัขดังมาให้ได้ยิน ร่างสูงที่เป็นคนรักสัตว์เกินร้อยได้ยินก็รีบตามหาที่มาของเสียง จนมาถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวนสาธารณะที่มีกล่องกระดาษวางอยู่ใบหนึ่ง
“อะไรเนี่ย”
********************************************
ชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าหล่อเหลา ดั่งรูปปั้นสลักของจิตรกรเอก ดวงตาโตและริมฝีปากอิ่มหนายิ่งทำให้ดวงหน้ารูปใข่ดูโดดเด่น เอาลิ้นดุนในกระพุ้งแก้มอย่างหงุดหงิด มือข้างหนึ่งผละจากการบังคับพวงมาลัยรถสปอร์ตคันหรู ไปกดโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างๆ ซึ่งพอได้ยินเสียงตอบรับจากปลายสายก็เปิดสปีกเกอร์แล้วใส่เพื่อนไม่ยั้ง
“สีไม้ วันหลังไม่ต้องมาลากไปเป็นไม้กันหมาเลยนะเว้ย ก็บอกแล้วไงว่าไม่ชอบพวกนางแบบไทย สเปคฉันมันต้องลูกครึ่งเว้ย”
“เออ ไอ้หัวสูง ไอ้หล่อเลือกได้ วันหลังจะไม่ชวนมาปาร์ตี้กับนางแบบแมกนี้แล้ว กวาดสาวไปซะหมด”
“ช่วยไม่ได้ที่ฉันมันหน้าตาดี แค่นี้ละว่ะ วันนี้เลยไม่ได้สาวๆ มานอนกอดให้อุ่นเลย ไม่เอาคนไทยนะเว้ยคราวหน้า”
“ครับท่านชายดิน แค่นี้นะ เชิญกลับไปกอดหมอนข้างไปไอ้คนเรื่องมาก ฉันจะไปกอดสาวๆ”
สีไม้เพื่อนรุ่นน้องในสังกัดโมเดลลิ่งเดียวกับเขากดวางสายไปซะก่อนที่จะโดนคนทางนี้คาดโทษคราวหน้า เหนือดิน เจ้าชายแห่งวงการนายแบบ สินค้าหลายหลากต่างมารุมขอให้เขาไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ ก็ไม่แปลกอะไรเพราะแทบทุกชิ้นที่มีเขาเป็นคนนำเสนอจะขายดีฮอตฮิตจนขาดตลาดไปอยู่เป็นประจำ จนตอนนี้คิวแน่นเอี๊ยด และยังมีละครรวมถึงงานเพลงติดต่อมาอีกด้วย
“วันนี้เลยกลับมาบ้านมือเปล่าเลยวุ๊ย ไปหาเฮียดีกว่า ไหนๆ ก็ว่าง”
มือหนาหมุนพวงมาลัยเพื่อจะเปลี่ยนเส้นทางจากที่จะกลับเข้าบ้านของเขาที่อยู่หลังติดสวนกว้างในละแวกหมู่บ้านชานเมืองไปยังบ้านของลูกพี่ลูกน้องที่อยู่หลายหลังถัดจากบ้านเขา แต่เพราะความรีบร้อนจากการตัดสินใจกะทันหันจึงไม่ทันเห็นร่างสูงที่ถือกล่องขะมุกขะมอมเดินอยู่ริมทาง
“เฮ้ย”
เสียงตะโกนของคนขับรถตามมาด้วยเสียงเบรกดังลั่น ร่างสูงที่ยืนอยู่ริมทางตัวแข็งทื่อก้าวขาไม่ออกเพราะแทบเท้าคือหน้ารถสปอร์ตสีแดงเพลิงที่หยุดรถได้ทันก่อนจะเสยเขาขึ้นไปนั่งเล่นนอนเล่นบนกระโปรงรถ
“นี่คุณ เดินภาษาอะไร มาเดินริมถนน อยากตายหรือไงหา!”
ชายหนุ่มร่างสูงเปิดลงมาจากฝั่งที่นั่งของคนขับเดินตรงมาหาชายหนุ่มอีกคนที่เหมือนยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
“นี่ยังมายืนทื่ออีก หรือไม่เต็มบาทวะเนี่ย”
“นายว่าใครไม่เต็มบาท นายนั่นแหละขับรถภาษาอะไร เอาตาโปนๆ ของนายมาดูด้วยนะว่าที่ฉันยืนอยู่นี่เขาเรียกกันว่าฟุตบาท”
ชายหนุ่มร่างสูงที่พอเดินพ้นประตูรถออกมานั้นก็เหมือนกับมีออร่าเจิดจ้าจนสีน้ำต้องหรี่ตาลง ส่วนเหนือดินที่พอเดินมาดูก็เห็นว่าคนตรงหน้าเขานั้นยืนอยู่บนฟุตบาทจริงๆ
“เห็นกับตาแล้วใช่ไหมว่าคนผิดคือใคร ถ้าตามมารยาทแล้วในเหตุการณ์แบบนี้คนที่เขามีมารยาทที่ดีมีการศึกษาที่ดีเขาก็คงต้องพูดว่า?”
“ขอโทษ”
เหนือดินพูดออกมาด้วยเสียงกระแทกกระทั้น ทุกทีเวลาเขากลับรถมันก็พ้นนี่นา ทำไมคราวนี้ไปเสยฟุตบาทได้
“ตาก็โต ขับรถมองทางด้วยนะครับคราวหน้า”
พอฟังคำที่เหมือนต่อว่าเขาร่างสูงใหญ่ของนายแบบหนุ่มก็หันขวับไปมองคนพูด เด็กผู้ชายที่สูงพอๆ กับเขา เสียแต่ว่าผิวนั้นขาวจัดจนน่าจะเรียกว่าซีด ใส่แว่นตาหนาเตอะและผมเผ้าฟูรุงรังไม่เป็นทรง นี่มันเด็กที่ไหนหน้าตาไม่เคยเห็น
“นายก็เดินให้มันดีๆ ละ ใส่แว่นหนาขนาดนี้แล้วยังมาเดินเลียบริมฟุตบาทให้รถเกือบเสยซะได้ มองทางซะมั่งหรือแว่นมันหนาเลยมองทางไม่เห็น แล้วนี่กล่องอะไร จะเอาอะไรมาทิ้งแถวสวนหรือเปล่า”
“แล้วมันเรื่องอะไรของคุณล่ะ ผมจะถือของของผมไปไหนมาไหน ต้องขออนุญาตคุณก่อนหรือไง”
“ใช่แล้ว ที่นี่น่ะไม่ใช่จะเอาอะไรมาทิ้งกันง่ายๆ หรอกนะ แล้วหน้าตาไม่คุ้นเลย อยู่บ้านหลังไหน กล่องดูมอมแมมมีอะไรข้างใน”
นายแบบหนุ่มถือวิสาสะไปเปิดกล่องที่เด็กร่างสูงตรงหน้าถืออยู่ในมือ
“เฮ้ย ศพหมา นี่แกจะเอาศพหมามาทิ้งแถวนี้งั้นหรอ”
“จะบ้าหรือไง ศพหมาอะไร ปากไม่สร้างสรรค์ น้องหมายังไม่ตาย สักหน่อย”
“เนี่ยนะน้องหมาของนาย หมาขี้เรื้อนชัดๆ อ๋อ จะแอบเอามาทิ้งที่สวนละสิ”
“ไม่ใช่ แล้วคุณมาสอบสวนอะไร ผมไม่ใช่ผู้ต้องหานะ ผมเก็บเจ้าพุดดิ้งนี่มาจากในสวนต่างหาก โดนคนใจร้ายทิ้ง น่าสงสาร”
สีน้ำก้มลงไปมองในกล่องที่มีลูกหมาขนสีขาวดำและท่าทางจะเป็นพันธุ์พุดเดิ้ล แต่สีขนสลับแซมไปมาจนดูไม่เป็นลาย และเหมือนหมาคลุกฝุ่นมากกว่าหมาพันธุ์ดี
“หน้าตาแบบนี้ก็ไม่แปลกใจหรอก แต่พูดถึงนายเก็บไปเลี้ยงก็ดีนะ”
สีน้ำเงยหน้ามองคนตรงหน้า หมอนี่มันก็พูดจาเป็นผู้เป็นคนกับเขาได้เหมือนกัน เจ้าตัวกำลังจะส่งยิ้มให้แต่ประโยคที่ได้ฟังถัดมากลับทำให้อยากจะหาก้อนหินปากระจกรถให้แตกจริงๆ เลย
“ก็เขาว่าเจ้าของกับสัตว์เลี้ยงมันมักจะเหมือนกัน เพราะฉะนั้นไอ้หมาขี้เรื้อนนี่ก็เหมาะกับนายที่สุดเลย ฮ่าๆๆๆ ไปละนะไอ้เด็กหัวฟู เดินดูทางดีๆ ละ เดี๋ยวโดนรถเสยอีก”
เหนือดินไม่อยากเสียเวลาอันมีค่าของเขาไปทะเลาะกับเด็กเลยรีบเดินกลับขึ้นรถแล้วสตาร์ทเครื่อง
“นี่กลับมาก่อนสิ ว่าคนอื่นเขาแล้วหนีงั้นหรอ ไม่เป็นลูกผู้ชายเลย เฮ้ย กลับมา”
รถสปอร์ตแดงกำลังแรงขับจากไปอย่างรวดเร็วจนหายลับตาไป สีน้ำระบายลมหายใจออกมาแรงๆ มือขาวจัดล้วงเข้าไปในกล่องเพื่อลูบหัวลูกหมาที่เขาไปเก็บมา
“คนอื่นตาไม่ถึงเลย แกออกจะน่ารัก ลายก็แปลกไม่เหมือนใครด้วย เท่ที่สุด ไป กลับบ้านกัน แม่ต้องยอมให้แกอยู่ด้วยแน่ๆ ก็น่ารักแบบนี้”
ร่างสูงที่คงไม่รู้ตัวว่าเสื้อผ้าที่ใส่มานั้นมอมแมมจากการขนของย้ายเข้าบ้านทั้งยังกล่องที่ใส่เจ้าลูกหมามาก็เลอะโคลน แบบนี้แล้วจะโดนเขาว่าเอาก็ไม่แปลกหรอกนะ
**********************************************
รถสปอร์ตสีแดงวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าบ้านสองชั้นหลังขนาดกลางแล้วคนขับที่มีดีกรีเป็นถึงนายแบบชื่อดังก็ลงมาจากรถ
“เฮียกัน อยู่ไหม ขอฝากท้องด้วยมื้อนึง เฮีย วู้ๆ”
ไฟในบ้านปิดและเหมือนว่าเจ้าของบ้านหลังนี้จะไม่อยู่
“ไปไหนของเขา ปกติจะอยู่บ้านนี่นาวันจันทร์เนี่ย ต้องกลับไปกินข้าวกล่องอีกแล้วหรอเนี่ย รู้งี้อยู่ในงานปาร์ตี้น่าเบื่อนั่นต่อไปดีกว่าอีก”
“ว่าละเสียงรถคุ้นๆ ไอ้ดิน ทางนี้ๆ”
ชายหนุ่มรูปร่างสันทัดผมสีทองเจิดจ้าเดินออกมาจากบ้านฝั่งตรงข้าม
“เฮียไปทำอะไรที่บ้านนั้น”
“มานี่ดิ พอดีวันนี้มีครอบครัวย้ายมา เฮียเลยมาทำความรู้จักกันเอาไว้ บ้านใกล้เรือนเคียง คุณแต้วครับ นี่เหนือดิน เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องผมเองอยู่บ้านหลังใหญ่ๆ ติดสวนนั่นแหละครับ แล้วก็เป็นเจ้าของหมู่บ้านนี้ด้วย”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณเหนือดิน บ้านเราเพิ่งย้ายมาจากจันทบุรีน่ะค่ะ”
ผู้หญิงตรงหน้าถ้าไม่บอกว่าอายุเท่าไร เหนือดินคงคิดว่าแค่สามสิบ ต้นๆ ยังสาวและสวยอยู่มากอย่างน่าตกใจ
“ผมเหนือดินครับ ถ้ามีเรื่องอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะครับ ผมยินดี”
“เอ ใช่เหนือดินที่เป็นนายแบบหรือเปล่าคะ หน้าตาคุ้นมากๆ”
“ใช่แล้วครับคุณแต้ว คนเดียวกันเลยครับ ดูสิครับอุตส่าห์ไปจบบริหารจากอเมริกามาได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งด้วย กลับมาเป็นดาราผมล่ะเสียดายแทนป๋ามันจริงๆ”
“ต๊าย จบบริหารจากอเมริกาเลยหรอคะ มิน่าดิฉันเคยดูรายการสัมภาษณ์ ภาษาดีเชียวค่ะ”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”
เหนือดินตอบไปด้วยรอยยิ้มยกมุมปากอันเป็นรอยยิ้มการค้าของเขา ที่ใช้ได้ผลกับคนแทบทุกคน
“ยังหนุ่มยังแน่นอยู่ ทำอย่างที่ชอบไปนั่นล่ะค่ะดีแล้ว ตายละ ขอโทษทีนะคะเผลอแสดงความคิดเห็นตัวเองไป อดไม่ได้นะค่ะ คนเป็นแม่ก็คงเป็นแบบนี้”
“คุณแต้วแต่งงานแล้วหรอครับ”
พู่กันทักขึ้นมาอย่างตกใจ เขานึกว่าผู้หญิงสวยคนนี้มาอยู่คนเดียวเสียอีก
“ลูกตั้งสองคน โตๆ กันหมดแล้วค่ะ คนโตก็เข้ามหาวิทยาลัยปีนี้ ส่วนอีกคนก็เอาดีทางด้านงานบันเทิงไปแล้ว ไม่แน่คุณเหนือดินอาจจะรู้จักก็ได้นะคะ”
“ดูไม่ออกเลยนะครับว่าลูกโตขนาดนั้นแล้ว บอกว่าลูกยังเล็กๆ ผมก็เชื่อนะครับ แล้วก็เรียกผมว่าเหนือดินเฉยๆ เถอะครับ”
“ปากหวานกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยคะ เสียดายที่เพิ่งย้ายของเข้ามา อะไรยังไม่เรียบร้อย ถ้ายังไงจัดของเข้าที่เข้าทางแล้วขอเชิญมาทานอาหารด้วยกันทั้งสองคนเลยนะคะ”
“ด้วยความยินดีครับ”
เหนือดินมองลูกพี่ลูกน้องที่ดูจะยินดีออกนอกหน้าไปสักหน่อย นี่ขนาดมีลูกมีสามีแล้วยังจะทำท่าไม่สนอีกแหนะ
คุณแต้วเชิญสองหนุ่มหล่อเข้าไปนั่งทานน้ำชาและขนมภายในบ้านที่ถึงแม้จะยังจัดของไม่เสร็จแต่ก็ดูเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว
“กลับมาแล้วครับ”
“นั่นลูกชายคนโตค่ะ ปีนี้เข้าปีหนึ่งคณะสัตวแพทย์ค่ะ นั่งกันก่อนนะคะ เดี๋ยวขอพามาแนะนำให้รู้จัก สีน้ำมานี่สิลูก”
หญิงสาวร่างเล็กเดินออกไปยังประตูหน้าบ้านเพื่อหาลูกชายคนโต
“ตายละตาสีน้ำ ไปเอาอะไรมาน่ะลูก สกปรกเลอะเทอะไปทั้งตัวเลย แล้วนี่อะไรลูก”
ลูกชายที่ทำตามคำบอกของตัวเธอเอง ด้วยการไปเดินเล่นทำความคุ้นเคยกับเส้นทางกลับบ้านมาในสภาพที่เหงื่อโทรมร่างสูง เสื้อผ้าเลอะมอมแมม หน้าตาเปียกเหงื่อดูแทบไม่ได้ ที่สำคัญคือถือกล่องเก่าๆ มอมแมมมาด้วยหนึ่งใบ
“แม่ฮะ แม่เคยบอกว่ากลัวผมเหงาแล้วก็ชอบอยู่กับตัวเองมากไป แล้วแม่ยังบอกว่าถ้ามาอยู่ที่นี่แล้วจะให้ผมเลี้ยงหมาได้ นี่ไงครับแม่ ผมได้แล้ว น่ารักไหมครับแม่”
ลูกชายคนโตของบ้านเปิดฝากล่องให้มารดาได้ดูสิ่งมีชีวิตที่เจ้าตัวให้คำนิยามว่า “น่ารัก” ได้ถนัดถนี่
“สีน้ำ นี่เราไปเก็บหมาขี้เรื้อนที่ไหนมาน่ะลูก”
เหนือดินกับพู่กันที่เดินตามออกมาเพราะได้ยินเสียงโวยวายต่างก็ตกใจกับชายหนุ่มตรงหน้าแต่ด้วยเหตุผลที่ต่างกัน
“ไอเด็กหัวฟูนั่นนี่นา เป็นลูกบ้านนี้นะหรอ”
เหนือดินมองแล้วบ่นพึมพำ
“โถ ลูกชายนึกว่าจะน่ารักน่าฟัด ทำไมหัวฟูแถมยังใส่แว่นป้าอีกเนี่ย ไม่เร้าใจเลย” พู่กันบ่นพึมพำ
“แม่ฮะขี้เรื้อนที่ไหนกัน น่ารักจะตายไป ดูตามันสิฮะ แป๋วเลย แม่ให้ผมเลี้ยงมันไว้นะฮะ”
บุคคลที่เป็นที่พูดถึงของชายหนุ่มสองคนด้านหลังยังคงไม่รู้ว่าที่บ้านมีแขก พยายามตื้อมารดาให้อนุญาตที่จะเลี้ยงสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เขาไปเจอมานี่
“แต่เราเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย จะมีเวลาหรอลูก แม่ว่า...”
“มีครับ มีแน่นอน นะฮะ ให้ผมเลี้ยง”
มารดายังสาวเพิ่งจะเคยเห็นลูกชายจอมเก็บตัวของเธออยากทำอะไรสักอย่างจนมาตื้อเอาแบบนี้เป็นครั้งแรก
“โอเค แม่ให้สีน้ำเลี้ยงก็ได้ แต่เราต้องดูแลมันเอง รับผิดชอบชีวิตเขาให้ดีเพราะเรารับเขามาดูแล ตกลงไหม”
“ขอบคุณฮะ”
“อ๊ะ ตายละแม่ลืมไปเลยว่าเรามีแขก สีน้ำวางกล่องนั่นลงก่อนลูก แม่จะแนะนำให้รู้จักเพื่อนบ้านของเรา ขอโทษทีนะคะ นี่ลูกชายคนโตค่ะ สีน้ำ ทางนี้คุณพู่กันอยู่บ้านตรงข้ามเราน่ะลูก”
“สีน้ำครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“เช่นกันครับ เรียกว่าพี่กันก็ได้นะครับ พี่มีร้านอาหารจีนอยู่ในเมือง ถ้ายังไงคราวหน้าขอเชิญที่ร้านนะครับ ราคาพิเศษแน่นอน”
พู่กันทำท่าเหมือนจะพูดกับลูกชายแต่รอยยิ้มที่เหลือเฟือกลับส่งไปให้ผู้เป็นมารดาซะมากกว่าจนเหนือดินทนไม่ไหวใช้ศอกกระแทกสีข้างไปแรงๆ ทีนึง
“เฮียน้ำลายหกตามทางไปหาผ้ามาเช็ดด้วยนะ”
ริมฝีปากอิ่มบ่นพึมพำพอให้ได้ยินกันสองคน พู่กันยังยิ้มกว้างแต่เหล่มองคนข้างๆ อย่างคาดโทษ
“ส่วนคนนี้ คุณเหนือดิน เป็นเจ้าของหมู่บ้านที่เรามาอยู่ด้วยนะลูก”
“ยินดี....เฮ้ย”
“ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะ น้องสีน้ำ”
“สีน้ำทักทายดีๆ สิลูก”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เมื่อกี้เราเข้าใจผิดกันนิดหน่อย น้องเขาคงเป็นห่วงหมามากไปเลยเดินใจลอยผมเลยเกือบขับรถเฉี่ยวไป แต่อย่าว่าน้องเขาเลยนะครับ แปลกที่แปลกทางก็เป็นธรรมดาที่จะงงๆ หลงๆ ถ้ายังไงวันนี้พวกผมขอตัวก่อนแล้วคราวหน้าจะมาขอชิมอาหารที่นี่ซังนะครับ”
เหนือดินรีบชิงพูดก่อนหน้าที่สีน้ำจะได้ฟ้องมารดาถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ แล้วรีบอำลาพร้อมลากพี่ชายขี้หลีของเขาติดมือกลับมาจากบ้านนั้นด้วย
“ตายละสีน้ำ แม่บอกกี่ทีแล้วว่าพอเราย้ายมาในเมืองต้องระวังตัวให้มากขึ้น เราชอบเดินเหม่ออยู่ด้วย ที่นี่ไม่เหมือนจันทบุรีนะลูก รถราผู้คนเยอะแยะ สีน้ำจะมาทำตัวเรื่อยๆ เฉื่อยๆ เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว เข้าใจไหมลูก ดีนะที่ไม่โดนรถเฉี่ยวเอา แย่จริงๆ เลย ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำแล้วเตรียมลงมาทานข้าวไป เอาสัตว์เลี้ยงของเราไปดูแลให้เป็นที่เป็นทางด้วยล่ะ”
สีน้ำทำหน้ายู่ที่โดนมารดาของเขาบ่นเรื่องเดิมๆ อีกแล้ว นี่เป็นเพราะไอ้ตาโตนั่นคนเดียว เอาเรื่องโกหกมาทำให้เขาโดนแม่เทศน์จนได้ ฝากไว้ก่อนเหอะ
ฝ่ายสองพี่น้องที่ลากกันออกมาแล้วเดินไปฝั่งตรงข้ามเพื่อเข้าบ้านของกัน ก่อนที่เหนือดินจะได้เดินเข้าบ้านก็โดนลูกถีบใส่หลังจนเซไป
“โหยเฮียเล่นแรงนะ ร่างกายผมเป็นของสำคัญนะครับ เป็นริ้วรอยไปเสียรายได้หลายแสนเลยนะ เดี๋ยวส่งบิลมาเรียกเก็บค่าเสียหายซะเลย”
“อย่ามาทำตัวงกแถวนี้ ถีบนิดถีบหน่อยทำสะดิ้ง หรือนี่ไปติดเชื้อแต๋วใครเขามาแล้ว”
“ก็ติดป๋ากันไงละคะ”
เหนือดินถลาจะเข้ามาซบลูกพี่ลูกน้องเล่นเอากันถอยกรูดหนีแทบไม่ทัน
“ไปไกลๆ เลยไอ้ล่ำ รูปร่างแบบแกฉันรับประทานไม่ลง ถ้าน่ารัก นุ่มนิ่มว่าไปอย่าง แต่แหม น่าเสียดายจริงๆ คนแม่ก็สวย แต่ดันแต่งงานมีลูกตั้งสองละ นึกว่าลูกชายจะได้แบบแม่ดันมาแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย”
“ไอ้เด็กแว่นหัวฟูนั่นนะหรอ สงสัยเป็นพวกเด็กเรียนละมั้ง เฮียอย่าไปทำให้เด็กมันเสียการเรียนละกัน เผื่อเฮียอยากลองของแปลก”
“เออทำเป็นพูดไป เดี๋ยวแกได้ของแปลกมาลองเองแล้วจะหนาว”
“อ๊ะอ๊ะ ระดับผมแล้ว หล่อเลือกได้ครับ สาวๆ แทบมาขอบัตรคิวนัด ถ้าจะให้มาเอาไอ้เด็กหัวฟูนั่นทำแฟน ผมขอโดดสะพานพระราม 8 ดีกว่า”
“ฉันจะขอภาวนาให้แกได้น้องสีน้ำเป็นแฟน อยากเห็นคนโดดสะพานโว้ย ฮ่าๆๆ”
“งั้นเฮียคงต้องไปโดดเองแล้วละ เพราะคงไม่มีวันนั้น”
เหนือดินเปิดประตูรถสปอร์ตแล้วเข้าไปนั่งประจำที่คนขับโดยคราวนี้มีพู่กันนั่งไปด้วย จุดหมายก็คงไม่พ้นผับประจำที่ทั้งสองชอบไปนั่งดื่มและเหล่สาวไปด้วยเช่นเคย หากแต่จากวันนี้ไปชีวิตของเขาทั้งสองจะยิ่งเข้าไปพัวพันกับหนุ่มน้อยที่ทั้งคู่กล่าวขวัญถึงอย่าง สีน้ำ ซะจนยุ่งเหยิงกันไปหมด
*******************************************
ฝากเรื่องใหม่ไว้ในอ้อมอกด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ