Love Me Love My Dog ~PART 14 (End)~ 21/02/54 อัพแล้วค่ะ หน้า18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love Me Love My Dog ~PART 14 (End)~ 21/02/54 อัพแล้วค่ะ หน้า18  (อ่าน 236573 ครั้ง)

LadyMurasaki

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
*-*-*-*



PART 1
PART 2
PART 3
PART 4
PART 5
PART 6
PART 7
PART 8
PART 9.1
PART 9.2
PART 10
PART 11
PART 12
PART 13 - 50%
PART 13 - 100%
PART 14 - 35%


Part 1

คิดเหมือนผมไหมครับว่าสัตว์เลี้ยงที่ฉลาดแสนรู้ที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของคนเราก็คงไม่พ้นเจ้าสุนัขทั้งหลาย มีคนเคยบอกมาว่า “สัตว์เลี้ยงเป็นยังไง เจ้าของก็เป็นอย่างนั้น” ผมไม่เคยเชื่อเลยนะ จนกระทั่งที่ผมได้มาเจอกับตัวเองวันที่ต้องย้ายสำมะโนครัวจากเมืองเล็กๆ ติดชายทะเลที่แสนสงบ มายังเมืองหลวงที่แสนวุ่นวายนี้ วันที่ผมได้พบกับเจ้าตัวเล็กน่ารัก

“เอ้า มายกอันนี้ไปลูก กล่องนี้อยู่ที่ห้องแม่นะจ๊ะ”

“ฮะ แม่”
ความวุ่นวายเล็กๆ เกิดขึ้นในบ้านหลังกะทัดรัดย่านชานเมือง เมื่อครอบครัวหนึ่งกำลังย้ายข้าวของเข้าไปในบ้านหลังย่อม ลูกชายกำลังช่วยคนเป็นแม่ยกของเข้าบ้านอย่างขะมักเขม้น

“กล่องสุดท้ายแล้ว โอเค”

“เหนื่อยจังเลยฮะ”

“นั่นสิ พ่อหนีเอาตัวรอดไปรายงานตัวที่บริษัทซะนี่ ทิ้งเราสองคนให้เก็บของกันเองเลย เดี๋ยวคืนนี้แม่จะให้สั่งพิซซ่าเซตใหญ่มาเลี้ยงให้ได้”

“ดีฮะแม่ ไม่มีอะไรแล้วผมไปจัดของแล้วก็อ่านหนังสือนะครับ”

“สีน้ำ สอบติดแล้วรอเปิดเข้าเรียนยังจะอ่านอะไรอีกละเรา ไม่ไปเดินเล่นแถวนี้ ทำความคุ้นเคยหรอลูก”

“ก็ได้ฮะแม่”

ลูกชายคนโตที่สุดแสนจะเอาถ่านของเธอ เช็ดเหงื่อไคลออกไปแล้วสวมรองเท้าออกไปเดินเล่นตามที่แม่บอก ทั้งว่าง่าย หัวอ่อน เรียนเก่งถึงเก่งที่สุด ก็แค่ได้ที่หนึ่งในการสอบเข้าคณะสัตวแพทย์ของมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังที่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ เสียอย่างเดียวที่ทำให้คุณแม่อย่างเธอหนักอกที่สุดคือการที่ลูกชายวันๆ เอาแต่หมกตัวกับกองหนังสือวิทยาศาสตร์ ไม่ได้สนใจความเป็นไปของโลกภายนอก ไม่ฟังเพลง ไม่ดูโทรทัศน์ ยังดีที่มีเพื่อนสนิทชิดเชื้อคบหาอยู่บ้างสองคน เรียนมาเป็นสิบปีได้เพื่อนมาแค่สองคน ลูกฉัน

“ตาสีน้ำ แม่ว่าเราต้องเปลี่ยนตัวเองบ้างนะ”

ผู้เป็นมารดาพูดพึมพำเมื่อมองตามร่างสูงที่ขาวจัดของลูกชายที่เดินผ่านรั้วไป สูงก็สูงดี รูปร่างก็พอไหว แต่ผมที่ฟูฟ่องไปทั้งหัวเพราะเจ้าตัวไม่เคยสนใจดูแลกับแว่นตาหนาเตอะที่ไล่ให้ไปเปลี่ยนเป็นคอนแท็กเลนส์เท่าไรก็ไม่ยอมเปลี่ยน นางจำได้ว่าสีน้ำเคยพูดไว้

“ผมว่าคนเราเขาคงไม่ได้วัดผมที่หน้าตาหรือการแต่งตัวหรอกครับแม่ ผมจะเป็นหมอรักษาสัตว์นะไม่ได้ไปเป็นดารา ทำไมต้องทำตัวให้ดูดีอะไรด้วย สบายๆ แบบนี้ดีกว่าอีก”

จะพูดกี่ครั้งจนปากฉีกถึงหูก็เปลี่ยนสีน้ำไม่ได้ ตรงนี้เท่านั้นที่หัวแข็งขึ้นมาทันที คงเพราะเจ้าตัวเห็นน้องชายตัวดีที่วันๆ ไม่เรียน เอาแต่แต่งตัวโฉบสาวจนได้ดิบได้ดี มีแมวมองชวนมาเป็นนายแบบจนโด่งดัง

สีน้ำใช้นิ้วดันแว่นตาหนาขึ้น สายตาก็สอดส่ายมองทางไปเรื่อยๆ ยังดีที่มาอยู่ชานเมืองที่ยังมีความเงียบสงบแบบนี้ เขาเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าต้องไปอยู่ในเมืองที่มีแต่ความวุ่นวายเขาจะทนได้ไหม

“หงิงง หงิงง”

เสียงครางเล็กๆ เหมือนกำลังเจ็บปวดของสุนัขดังมาให้ได้ยิน ร่างสูงที่เป็นคนรักสัตว์เกินร้อยได้ยินก็รีบตามหาที่มาของเสียง จนมาถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวนสาธารณะที่มีกล่องกระดาษวางอยู่ใบหนึ่ง

“อะไรเนี่ย”

********************************************

ชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าหล่อเหลา ดั่งรูปปั้นสลักของจิตรกรเอก ดวงตาโตและริมฝีปากอิ่มหนายิ่งทำให้ดวงหน้ารูปใข่ดูโดดเด่น เอาลิ้นดุนในกระพุ้งแก้มอย่างหงุดหงิด มือข้างหนึ่งผละจากการบังคับพวงมาลัยรถสปอร์ตคันหรู ไปกดโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างๆ ซึ่งพอได้ยินเสียงตอบรับจากปลายสายก็เปิดสปีกเกอร์แล้วใส่เพื่อนไม่ยั้ง

“สีไม้ วันหลังไม่ต้องมาลากไปเป็นไม้กันหมาเลยนะเว้ย ก็บอกแล้วไงว่าไม่ชอบพวกนางแบบไทย สเปคฉันมันต้องลูกครึ่งเว้ย”

“เออ ไอ้หัวสูง ไอ้หล่อเลือกได้ วันหลังจะไม่ชวนมาปาร์ตี้กับนางแบบแมกนี้แล้ว กวาดสาวไปซะหมด”

“ช่วยไม่ได้ที่ฉันมันหน้าตาดี แค่นี้ละว่ะ วันนี้เลยไม่ได้สาวๆ มานอนกอดให้อุ่นเลย ไม่เอาคนไทยนะเว้ยคราวหน้า”

“ครับท่านชายดิน แค่นี้นะ เชิญกลับไปกอดหมอนข้างไปไอ้คนเรื่องมาก ฉันจะไปกอดสาวๆ”

สีไม้เพื่อนรุ่นน้องในสังกัดโมเดลลิ่งเดียวกับเขากดวางสายไปซะก่อนที่จะโดนคนทางนี้คาดโทษคราวหน้า เหนือดิน เจ้าชายแห่งวงการนายแบบ สินค้าหลายหลากต่างมารุมขอให้เขาไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ ก็ไม่แปลกอะไรเพราะแทบทุกชิ้นที่มีเขาเป็นคนนำเสนอจะขายดีฮอตฮิตจนขาดตลาดไปอยู่เป็นประจำ จนตอนนี้คิวแน่นเอี๊ยด และยังมีละครรวมถึงงานเพลงติดต่อมาอีกด้วย

“วันนี้เลยกลับมาบ้านมือเปล่าเลยวุ๊ย ไปหาเฮียดีกว่า ไหนๆ ก็ว่าง”

มือหนาหมุนพวงมาลัยเพื่อจะเปลี่ยนเส้นทางจากที่จะกลับเข้าบ้านของเขาที่อยู่หลังติดสวนกว้างในละแวกหมู่บ้านชานเมืองไปยังบ้านของลูกพี่ลูกน้องที่อยู่หลายหลังถัดจากบ้านเขา แต่เพราะความรีบร้อนจากการตัดสินใจกะทันหันจึงไม่ทันเห็นร่างสูงที่ถือกล่องขะมุกขะมอมเดินอยู่ริมทาง

“เฮ้ย”

เสียงตะโกนของคนขับรถตามมาด้วยเสียงเบรกดังลั่น ร่างสูงที่ยืนอยู่ริมทางตัวแข็งทื่อก้าวขาไม่ออกเพราะแทบเท้าคือหน้ารถสปอร์ตสีแดงเพลิงที่หยุดรถได้ทันก่อนจะเสยเขาขึ้นไปนั่งเล่นนอนเล่นบนกระโปรงรถ

“นี่คุณ เดินภาษาอะไร มาเดินริมถนน อยากตายหรือไงหา!”

ชายหนุ่มร่างสูงเปิดลงมาจากฝั่งที่นั่งของคนขับเดินตรงมาหาชายหนุ่มอีกคนที่เหมือนยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

“นี่ยังมายืนทื่ออีก หรือไม่เต็มบาทวะเนี่ย”

“นายว่าใครไม่เต็มบาท นายนั่นแหละขับรถภาษาอะไร เอาตาโปนๆ ของนายมาดูด้วยนะว่าที่ฉันยืนอยู่นี่เขาเรียกกันว่าฟุตบาท”

ชายหนุ่มร่างสูงที่พอเดินพ้นประตูรถออกมานั้นก็เหมือนกับมีออร่าเจิดจ้าจนสีน้ำต้องหรี่ตาลง ส่วนเหนือดินที่พอเดินมาดูก็เห็นว่าคนตรงหน้าเขานั้นยืนอยู่บนฟุตบาทจริงๆ

“เห็นกับตาแล้วใช่ไหมว่าคนผิดคือใคร ถ้าตามมารยาทแล้วในเหตุการณ์แบบนี้คนที่เขามีมารยาทที่ดีมีการศึกษาที่ดีเขาก็คงต้องพูดว่า?”

“ขอโทษ”

เหนือดินพูดออกมาด้วยเสียงกระแทกกระทั้น ทุกทีเวลาเขากลับรถมันก็พ้นนี่นา ทำไมคราวนี้ไปเสยฟุตบาทได้

“ตาก็โต ขับรถมองทางด้วยนะครับคราวหน้า”

พอฟังคำที่เหมือนต่อว่าเขาร่างสูงใหญ่ของนายแบบหนุ่มก็หันขวับไปมองคนพูด เด็กผู้ชายที่สูงพอๆ กับเขา เสียแต่ว่าผิวนั้นขาวจัดจนน่าจะเรียกว่าซีด ใส่แว่นตาหนาเตอะและผมเผ้าฟูรุงรังไม่เป็นทรง นี่มันเด็กที่ไหนหน้าตาไม่เคยเห็น

“นายก็เดินให้มันดีๆ ละ ใส่แว่นหนาขนาดนี้แล้วยังมาเดินเลียบริมฟุตบาทให้รถเกือบเสยซะได้ มองทางซะมั่งหรือแว่นมันหนาเลยมองทางไม่เห็น แล้วนี่กล่องอะไร จะเอาอะไรมาทิ้งแถวสวนหรือเปล่า”

“แล้วมันเรื่องอะไรของคุณล่ะ ผมจะถือของของผมไปไหนมาไหน ต้องขออนุญาตคุณก่อนหรือไง”

“ใช่แล้ว ที่นี่น่ะไม่ใช่จะเอาอะไรมาทิ้งกันง่ายๆ หรอกนะ แล้วหน้าตาไม่คุ้นเลย อยู่บ้านหลังไหน กล่องดูมอมแมมมีอะไรข้างใน”

นายแบบหนุ่มถือวิสาสะไปเปิดกล่องที่เด็กร่างสูงตรงหน้าถืออยู่ในมือ

“เฮ้ย ศพหมา นี่แกจะเอาศพหมามาทิ้งแถวนี้งั้นหรอ”

“จะบ้าหรือไง ศพหมาอะไร ปากไม่สร้างสรรค์ น้องหมายังไม่ตาย   สักหน่อย”

“เนี่ยนะน้องหมาของนาย หมาขี้เรื้อนชัดๆ อ๋อ จะแอบเอามาทิ้งที่สวนละสิ”

“ไม่ใช่ แล้วคุณมาสอบสวนอะไร ผมไม่ใช่ผู้ต้องหานะ ผมเก็บเจ้าพุดดิ้งนี่มาจากในสวนต่างหาก โดนคนใจร้ายทิ้ง น่าสงสาร”

สีน้ำก้มลงไปมองในกล่องที่มีลูกหมาขนสีขาวดำและท่าทางจะเป็นพันธุ์พุดเดิ้ล แต่สีขนสลับแซมไปมาจนดูไม่เป็นลาย และเหมือนหมาคลุกฝุ่นมากกว่าหมาพันธุ์ดี

“หน้าตาแบบนี้ก็ไม่แปลกใจหรอก แต่พูดถึงนายเก็บไปเลี้ยงก็ดีนะ”

สีน้ำเงยหน้ามองคนตรงหน้า หมอนี่มันก็พูดจาเป็นผู้เป็นคนกับเขาได้เหมือนกัน เจ้าตัวกำลังจะส่งยิ้มให้แต่ประโยคที่ได้ฟังถัดมากลับทำให้อยากจะหาก้อนหินปากระจกรถให้แตกจริงๆ เลย

“ก็เขาว่าเจ้าของกับสัตว์เลี้ยงมันมักจะเหมือนกัน เพราะฉะนั้นไอ้หมาขี้เรื้อนนี่ก็เหมาะกับนายที่สุดเลย ฮ่าๆๆๆ ไปละนะไอ้เด็กหัวฟู เดินดูทางดีๆ ละ เดี๋ยวโดนรถเสยอีก”

เหนือดินไม่อยากเสียเวลาอันมีค่าของเขาไปทะเลาะกับเด็กเลยรีบเดินกลับขึ้นรถแล้วสตาร์ทเครื่อง

“นี่กลับมาก่อนสิ ว่าคนอื่นเขาแล้วหนีงั้นหรอ ไม่เป็นลูกผู้ชายเลย เฮ้ย กลับมา”

รถสปอร์ตแดงกำลังแรงขับจากไปอย่างรวดเร็วจนหายลับตาไป สีน้ำระบายลมหายใจออกมาแรงๆ มือขาวจัดล้วงเข้าไปในกล่องเพื่อลูบหัวลูกหมาที่เขาไปเก็บมา

“คนอื่นตาไม่ถึงเลย แกออกจะน่ารัก ลายก็แปลกไม่เหมือนใครด้วย เท่ที่สุด ไป กลับบ้านกัน แม่ต้องยอมให้แกอยู่ด้วยแน่ๆ ก็น่ารักแบบนี้”

ร่างสูงที่คงไม่รู้ตัวว่าเสื้อผ้าที่ใส่มานั้นมอมแมมจากการขนของย้ายเข้าบ้านทั้งยังกล่องที่ใส่เจ้าลูกหมามาก็เลอะโคลน แบบนี้แล้วจะโดนเขาว่าเอาก็ไม่แปลกหรอกนะ

**********************************************

รถสปอร์ตสีแดงวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าบ้านสองชั้นหลังขนาดกลางแล้วคนขับที่มีดีกรีเป็นถึงนายแบบชื่อดังก็ลงมาจากรถ

“เฮียกัน อยู่ไหม ขอฝากท้องด้วยมื้อนึง เฮีย วู้ๆ”

ไฟในบ้านปิดและเหมือนว่าเจ้าของบ้านหลังนี้จะไม่อยู่

“ไปไหนของเขา ปกติจะอยู่บ้านนี่นาวันจันทร์เนี่ย ต้องกลับไปกินข้าวกล่องอีกแล้วหรอเนี่ย รู้งี้อยู่ในงานปาร์ตี้น่าเบื่อนั่นต่อไปดีกว่าอีก”

“ว่าละเสียงรถคุ้นๆ ไอ้ดิน ทางนี้ๆ”

ชายหนุ่มรูปร่างสันทัดผมสีทองเจิดจ้าเดินออกมาจากบ้านฝั่งตรงข้าม

“เฮียไปทำอะไรที่บ้านนั้น”

“มานี่ดิ พอดีวันนี้มีครอบครัวย้ายมา เฮียเลยมาทำความรู้จักกันเอาไว้ บ้านใกล้เรือนเคียง คุณแต้วครับ นี่เหนือดิน เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องผมเองอยู่บ้านหลังใหญ่ๆ ติดสวนนั่นแหละครับ แล้วก็เป็นเจ้าของหมู่บ้านนี้ด้วย”

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณเหนือดิน บ้านเราเพิ่งย้ายมาจากจันทบุรีน่ะค่ะ”

ผู้หญิงตรงหน้าถ้าไม่บอกว่าอายุเท่าไร เหนือดินคงคิดว่าแค่สามสิบ ต้นๆ ยังสาวและสวยอยู่มากอย่างน่าตกใจ

“ผมเหนือดินครับ ถ้ามีเรื่องอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะครับ ผมยินดี”

“เอ ใช่เหนือดินที่เป็นนายแบบหรือเปล่าคะ หน้าตาคุ้นมากๆ”

“ใช่แล้วครับคุณแต้ว คนเดียวกันเลยครับ ดูสิครับอุตส่าห์ไปจบบริหารจากอเมริกามาได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งด้วย กลับมาเป็นดาราผมล่ะเสียดายแทนป๋ามันจริงๆ”

“ต๊าย จบบริหารจากอเมริกาเลยหรอคะ มิน่าดิฉันเคยดูรายการสัมภาษณ์ ภาษาดีเชียวค่ะ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”

เหนือดินตอบไปด้วยรอยยิ้มยกมุมปากอันเป็นรอยยิ้มการค้าของเขา ที่ใช้ได้ผลกับคนแทบทุกคน

“ยังหนุ่มยังแน่นอยู่ ทำอย่างที่ชอบไปนั่นล่ะค่ะดีแล้ว ตายละ ขอโทษทีนะคะเผลอแสดงความคิดเห็นตัวเองไป อดไม่ได้นะค่ะ คนเป็นแม่ก็คงเป็นแบบนี้”

“คุณแต้วแต่งงานแล้วหรอครับ”

พู่กันทักขึ้นมาอย่างตกใจ เขานึกว่าผู้หญิงสวยคนนี้มาอยู่คนเดียวเสียอีก

“ลูกตั้งสองคน โตๆ กันหมดแล้วค่ะ คนโตก็เข้ามหาวิทยาลัยปีนี้ ส่วนอีกคนก็เอาดีทางด้านงานบันเทิงไปแล้ว ไม่แน่คุณเหนือดินอาจจะรู้จักก็ได้นะคะ”

“ดูไม่ออกเลยนะครับว่าลูกโตขนาดนั้นแล้ว บอกว่าลูกยังเล็กๆ ผมก็เชื่อนะครับ แล้วก็เรียกผมว่าเหนือดินเฉยๆ เถอะครับ”

“ปากหวานกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยคะ เสียดายที่เพิ่งย้ายของเข้ามา อะไรยังไม่เรียบร้อย ถ้ายังไงจัดของเข้าที่เข้าทางแล้วขอเชิญมาทานอาหารด้วยกันทั้งสองคนเลยนะคะ”

“ด้วยความยินดีครับ”

เหนือดินมองลูกพี่ลูกน้องที่ดูจะยินดีออกนอกหน้าไปสักหน่อย นี่ขนาดมีลูกมีสามีแล้วยังจะทำท่าไม่สนอีกแหนะ

คุณแต้วเชิญสองหนุ่มหล่อเข้าไปนั่งทานน้ำชาและขนมภายในบ้านที่ถึงแม้จะยังจัดของไม่เสร็จแต่ก็ดูเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว

“กลับมาแล้วครับ”

“นั่นลูกชายคนโตค่ะ ปีนี้เข้าปีหนึ่งคณะสัตวแพทย์ค่ะ นั่งกันก่อนนะคะ เดี๋ยวขอพามาแนะนำให้รู้จัก สีน้ำมานี่สิลูก”
หญิงสาวร่างเล็กเดินออกไปยังประตูหน้าบ้านเพื่อหาลูกชายคนโต

“ตายละตาสีน้ำ ไปเอาอะไรมาน่ะลูก สกปรกเลอะเทอะไปทั้งตัวเลย แล้วนี่อะไรลูก”

ลูกชายที่ทำตามคำบอกของตัวเธอเอง ด้วยการไปเดินเล่นทำความคุ้นเคยกับเส้นทางกลับบ้านมาในสภาพที่เหงื่อโทรมร่างสูง เสื้อผ้าเลอะมอมแมม หน้าตาเปียกเหงื่อดูแทบไม่ได้ ที่สำคัญคือถือกล่องเก่าๆ มอมแมมมาด้วยหนึ่งใบ

“แม่ฮะ แม่เคยบอกว่ากลัวผมเหงาแล้วก็ชอบอยู่กับตัวเองมากไป แล้วแม่ยังบอกว่าถ้ามาอยู่ที่นี่แล้วจะให้ผมเลี้ยงหมาได้ นี่ไงครับแม่ ผมได้แล้ว น่ารักไหมครับแม่”

ลูกชายคนโตของบ้านเปิดฝากล่องให้มารดาได้ดูสิ่งมีชีวิตที่เจ้าตัวให้คำนิยามว่า “น่ารัก” ได้ถนัดถนี่

“สีน้ำ นี่เราไปเก็บหมาขี้เรื้อนที่ไหนมาน่ะลูก”

เหนือดินกับพู่กันที่เดินตามออกมาเพราะได้ยินเสียงโวยวายต่างก็ตกใจกับชายหนุ่มตรงหน้าแต่ด้วยเหตุผลที่ต่างกัน

“ไอเด็กหัวฟูนั่นนี่นา เป็นลูกบ้านนี้นะหรอ”

เหนือดินมองแล้วบ่นพึมพำ

“โถ ลูกชายนึกว่าจะน่ารักน่าฟัด ทำไมหัวฟูแถมยังใส่แว่นป้าอีกเนี่ย ไม่เร้าใจเลย” พู่กันบ่นพึมพำ

“แม่ฮะขี้เรื้อนที่ไหนกัน น่ารักจะตายไป ดูตามันสิฮะ แป๋วเลย แม่ให้ผมเลี้ยงมันไว้นะฮะ”
บุคคลที่เป็นที่พูดถึงของชายหนุ่มสองคนด้านหลังยังคงไม่รู้ว่าที่บ้านมีแขก พยายามตื้อมารดาให้อนุญาตที่จะเลี้ยงสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เขาไปเจอมานี่

“แต่เราเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย จะมีเวลาหรอลูก แม่ว่า...”

“มีครับ มีแน่นอน นะฮะ ให้ผมเลี้ยง”

มารดายังสาวเพิ่งจะเคยเห็นลูกชายจอมเก็บตัวของเธออยากทำอะไรสักอย่างจนมาตื้อเอาแบบนี้เป็นครั้งแรก

“โอเค แม่ให้สีน้ำเลี้ยงก็ได้ แต่เราต้องดูแลมันเอง รับผิดชอบชีวิตเขาให้ดีเพราะเรารับเขามาดูแล ตกลงไหม”

“ขอบคุณฮะ”

“อ๊ะ ตายละแม่ลืมไปเลยว่าเรามีแขก สีน้ำวางกล่องนั่นลงก่อนลูก แม่จะแนะนำให้รู้จักเพื่อนบ้านของเรา ขอโทษทีนะคะ นี่ลูกชายคนโตค่ะ สีน้ำ ทางนี้คุณพู่กันอยู่บ้านตรงข้ามเราน่ะลูก”

“สีน้ำครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

“เช่นกันครับ เรียกว่าพี่กันก็ได้นะครับ พี่มีร้านอาหารจีนอยู่ในเมือง ถ้ายังไงคราวหน้าขอเชิญที่ร้านนะครับ ราคาพิเศษแน่นอน”

พู่กันทำท่าเหมือนจะพูดกับลูกชายแต่รอยยิ้มที่เหลือเฟือกลับส่งไปให้ผู้เป็นมารดาซะมากกว่าจนเหนือดินทนไม่ไหวใช้ศอกกระแทกสีข้างไปแรงๆ ทีนึง

“เฮียน้ำลายหกตามทางไปหาผ้ามาเช็ดด้วยนะ”

ริมฝีปากอิ่มบ่นพึมพำพอให้ได้ยินกันสองคน พู่กันยังยิ้มกว้างแต่เหล่มองคนข้างๆ อย่างคาดโทษ

“ส่วนคนนี้ คุณเหนือดิน เป็นเจ้าของหมู่บ้านที่เรามาอยู่ด้วยนะลูก”

“ยินดี....เฮ้ย”

“ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะ น้องสีน้ำ”

“สีน้ำทักทายดีๆ สิลูก”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เมื่อกี้เราเข้าใจผิดกันนิดหน่อย น้องเขาคงเป็นห่วงหมามากไปเลยเดินใจลอยผมเลยเกือบขับรถเฉี่ยวไป แต่อย่าว่าน้องเขาเลยนะครับ แปลกที่แปลกทางก็เป็นธรรมดาที่จะงงๆ หลงๆ ถ้ายังไงวันนี้พวกผมขอตัวก่อนแล้วคราวหน้าจะมาขอชิมอาหารที่นี่ซังนะครับ”

เหนือดินรีบชิงพูดก่อนหน้าที่สีน้ำจะได้ฟ้องมารดาถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ แล้วรีบอำลาพร้อมลากพี่ชายขี้หลีของเขาติดมือกลับมาจากบ้านนั้นด้วย

“ตายละสีน้ำ แม่บอกกี่ทีแล้วว่าพอเราย้ายมาในเมืองต้องระวังตัวให้มากขึ้น เราชอบเดินเหม่ออยู่ด้วย ที่นี่ไม่เหมือนจันทบุรีนะลูก รถราผู้คนเยอะแยะ สีน้ำจะมาทำตัวเรื่อยๆ เฉื่อยๆ เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว เข้าใจไหมลูก ดีนะที่ไม่โดนรถเฉี่ยวเอา แย่จริงๆ เลย ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำแล้วเตรียมลงมาทานข้าวไป เอาสัตว์เลี้ยงของเราไปดูแลให้เป็นที่เป็นทางด้วยล่ะ”

สีน้ำทำหน้ายู่ที่โดนมารดาของเขาบ่นเรื่องเดิมๆ อีกแล้ว นี่เป็นเพราะไอ้ตาโตนั่นคนเดียว เอาเรื่องโกหกมาทำให้เขาโดนแม่เทศน์จนได้ ฝากไว้ก่อนเหอะ

ฝ่ายสองพี่น้องที่ลากกันออกมาแล้วเดินไปฝั่งตรงข้ามเพื่อเข้าบ้านของกัน ก่อนที่เหนือดินจะได้เดินเข้าบ้านก็โดนลูกถีบใส่หลังจนเซไป

“โหยเฮียเล่นแรงนะ ร่างกายผมเป็นของสำคัญนะครับ เป็นริ้วรอยไปเสียรายได้หลายแสนเลยนะ เดี๋ยวส่งบิลมาเรียกเก็บค่าเสียหายซะเลย”

“อย่ามาทำตัวงกแถวนี้ ถีบนิดถีบหน่อยทำสะดิ้ง หรือนี่ไปติดเชื้อแต๋วใครเขามาแล้ว”

“ก็ติดป๋ากันไงละคะ”

เหนือดินถลาจะเข้ามาซบลูกพี่ลูกน้องเล่นเอากันถอยกรูดหนีแทบไม่ทัน

“ไปไกลๆ เลยไอ้ล่ำ รูปร่างแบบแกฉันรับประทานไม่ลง ถ้าน่ารัก นุ่มนิ่มว่าไปอย่าง แต่แหม น่าเสียดายจริงๆ คนแม่ก็สวย แต่ดันแต่งงานมีลูกตั้งสองละ นึกว่าลูกชายจะได้แบบแม่ดันมาแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย”

“ไอ้เด็กแว่นหัวฟูนั่นนะหรอ สงสัยเป็นพวกเด็กเรียนละมั้ง เฮียอย่าไปทำให้เด็กมันเสียการเรียนละกัน เผื่อเฮียอยากลองของแปลก”

“เออทำเป็นพูดไป เดี๋ยวแกได้ของแปลกมาลองเองแล้วจะหนาว”

“อ๊ะอ๊ะ ระดับผมแล้ว หล่อเลือกได้ครับ สาวๆ แทบมาขอบัตรคิวนัด ถ้าจะให้มาเอาไอ้เด็กหัวฟูนั่นทำแฟน ผมขอโดดสะพานพระราม 8 ดีกว่า”

“ฉันจะขอภาวนาให้แกได้น้องสีน้ำเป็นแฟน อยากเห็นคนโดดสะพานโว้ย ฮ่าๆๆ”

“งั้นเฮียคงต้องไปโดดเองแล้วละ เพราะคงไม่มีวันนั้น”

เหนือดินเปิดประตูรถสปอร์ตแล้วเข้าไปนั่งประจำที่คนขับโดยคราวนี้มีพู่กันนั่งไปด้วย จุดหมายก็คงไม่พ้นผับประจำที่ทั้งสองชอบไปนั่งดื่มและเหล่สาวไปด้วยเช่นเคย หากแต่จากวันนี้ไปชีวิตของเขาทั้งสองจะยิ่งเข้าไปพัวพันกับหนุ่มน้อยที่ทั้งคู่กล่าวขวัญถึงอย่าง สีน้ำ ซะจนยุ่งเหยิงกันไปหมด

*******************************************

ฝากเรื่องใหม่ไว้ในอ้อมอกด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-05-2013 03:52:06 โดย Poes »

b27072010

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #1 เมื่อ14-10-2010 20:47:24 »

เจอกันครั้งแรกก็ปะทะกันซะแล้ว

panis

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #2 เมื่อ14-10-2010 20:56:35 »

จะมีเลือด ตกยางออก กันมะค่ะ เนี่ย  มาตามอ่านนะคะ น่าติดตามมากๆๆค่ะ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #3 เมื่อ14-10-2010 20:57:48 »

ยินดีต้อนรับเรื่องใหม่ค่ะ
แค่ตอนแรกๆก็ดูท่าจะสนุกแล้วค่ะ
ฮึ..แม่ออกจะสวยขนาดนั้น น้องรึก็เป็นตั้งนายแบบ
น้องสีน้ำของช้านต้องหน้าตาดีแหละ เพียงแต่ยังไม่ถอดรูปแค่นั้นเอง
น้องเค้าเน้นความสามารถมากกว่าหน้าตาค่ะคุณดิน

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #4 เมื่อ14-10-2010 22:25:24 »

สีน้ำ กะ สีไม้ พี่น้องชื่อน่ารักดี บวกให้จ้า รออ่านต่อนะ

ออฟไลน์ Vesi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +204/-3
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #5 เมื่อ14-10-2010 23:00:22 »

เดาว่าต่อไปสีน้ำต้องโดนบรรดาเพื่อนฝูงลากไปโมตั้งแต่จรดเท้าแน่นอน ฟันธง!

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #6 เมื่อ14-10-2010 23:13:09 »

ท่าทางน่าสนุก รอตอนสองค่ะ

ออฟไลน์ archi_10_001

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #7 เมื่อ15-10-2010 00:40:50 »

เห็นชื่อน้องหมาละ คิดถึง "คาเมะจัง" เลย ๕๕๕ น่ารักจริงเชียวววววววววววววววว

รอคอยด้วยคนเจ้าค่ะ โฮะ ๆ

ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #8 เมื่อ15-10-2010 00:56:08 »

สนุกค่ะ อัพตอนต่อไปเร็วๆนะค่ะ :L2: :L2:

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #9 เมื่อ15-10-2010 01:00:26 »

รออ่านตอนต่อไปนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
« ตอบ #9 เมื่อ: 15-10-2010 01:00:26 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #10 เมื่อ15-10-2010 07:44:30 »

แวะมาอ่านเรื่องใหม่ขอรับ
ท่าทางน่าสนุก ชอบชื่อตัวละครจังขอรับ พู่กัน สีไม้ สีน้ำ :-[

รอตอนต่อไปโลด :a9:

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #11 เมื่อ15-10-2010 08:03:24 »

ชอบชื่อเรื่องจัง

RakorN

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #12 เมื่อ15-10-2010 08:16:04 »

เหนือดินค่ะ เกลียดอะไรได้อย่างนั้นนะคะ
 :laugh:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #13 เมื่อ15-10-2010 08:38:37 »

 :L2:

KM

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #14 เมื่อ15-10-2010 08:47:43 »

เอาอีกๆ

ออฟไลน์ Tun_Bow

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #15 เมื่อ15-10-2010 08:50:35 »

เหนือดินอายุเท่าไรเนี่ยดูเหมือนจะแก่กว่าสีน้ำอีก

ออฟไลน์ ลูกหมีน้ำแดง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #16 เมื่อ15-10-2010 12:06:51 »

น่าติดตาม อยากเห็นสีน้ำถอดรูปจังค่ะ

tonight

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #17 เมื่อ15-10-2010 12:52:00 »

ต้อนรับเรื่องใหม่คับ หุหุ

ตอนแรกก็ปะทะกันเลย รออ่านตอนต่อไปนะคับ

ปล ชอบชื่อมากสีน้ำกับสีไม้ ปล สุดท้าย สีน้ำต้องถูกจับถอดรูปแล้วเหนือดินจะต้องตะลึงแน่นอน

ออฟไลน์ -Otto-

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #18 เมื่อ15-10-2010 12:55:43 »

 :L2: น่าติดตามมากเลยค่ะ อยากเห็นดินโดดสะพานแล้วอ่ะ :z1:

win200

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #19 เมื่อ15-10-2010 12:59:25 »

 :mc4: :mc4:

รอดูดินกระโดดน้ำสะพานแปดรอบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
« ตอบ #19 เมื่อ: 15-10-2010 12:59:25 »





kungki

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #20 เมื่อ15-10-2010 13:15:47 »

พี่เหนือดิน กับ น้องสีน้ำ หุหุ อิอิ 5555


ออฟไลน์ kuankao

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #21 เมื่อ15-10-2010 14:22:23 »

ชอบคับชอบ
รอตอนต่อไปคับ
 :L1: :3123: :L2:

Sunako

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #22 เมื่อ15-10-2010 15:27:02 »

 มารออ่านตอนต่อไปค่ะ น่ารักดี จะรักกันได้ไงเนี่ย

ออฟไลน์ ขนมหวาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +190/-2
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #23 เมื่อ15-10-2010 19:01:31 »

แค่ตอนแรกก็ปะทะกันซะแล้ว
อนาคตข้างหน้า มีแววว่าพี่เหนือดินต้องโดดสะพานพระราม 8
เพราะหลงรักสีน้ำหละม้างงงงงงงงงงง

Rinze

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #24 เมื่อ15-10-2010 21:02:29 »

พี่เหนือดินแกโดดสะพานชัวร์
ฟันธง!!

ออฟไลน์ heefever

  • 영원히 그대만 사랑해
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #25 เมื่อ16-10-2010 00:26:24 »

น่าิติดตามมาก ๆ

น้องสีน้ำ กะ พี่เหนือดิน

ออฟไลน์ Papoonn

  • inspiration <3
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #26 เมื่อ16-10-2010 16:02:23 »

น่ารักกกกกกกกกกก    !
สีน้ำน้ะ    555555 

LadyMurasaki

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #27 เมื่อ16-10-2010 17:26:32 »

Part 2

หนุ่มน้อยร่างบางที่จัดแจงเข้าไปอาบน้ำพร้อมลูกสุนัขที่เขาเก็บมาได้ แล้วก็พาออกมาจากห้องน้ำหอมกลิ่นสบู่กลิ่นเดียวกัน

“ทำไมใครๆ เขาว่าแกขี้เรื้อนเนี่ย ออกจะน่ารัก ตาแป๋วเชียว ชื่อพุดดิ้งนี่แหละดีที่สุดแล้วล่ะ เพราะฉันชอบกินพุดดิ้งมากๆ เลย มาเป็นสัตว์เลี้ยงของฉันนะเจ้าพุดดิ้ง”
“บ๊อกๆ”
   
ลูกหมาพุดเดิ้ลขนสีดำและขาวแซมกระจายทั่วตัวที่ไม่ว่าจะดูยังไงก็เหมือนลูกหมาพุดเดิ้ลตกถังสี เห่าตอบเหมือนฟังรู้เรื่อง

“ดีมาก พุดดิ้ง วันนี้นอนในกล่องไปก่อนละกันนะ แล้วถ้าได้เข้าเมืองจะไปหาที่นอนดีๆ มาให้”

ชายหนุ่มผิวขาวจัดในชุดนอนแบบเสื้อยืดตัวใหญ่และกางเกงวอร์มเดินลงไปข้างล่างเพื่อหากล่องใบใหม่มาทำที่นอนชั่วคราวให้กับเจ้าพุดดิ้ง

“อ๊ะ พ่อกลับมาแล้วหรอครับ ผมนึกว่าพ่อจะกลับดึกซะอีก”
“วันนี้แค่รายงานตัว แล้วก็แนะนำทำความรู้จักคนอื่นๆ เลยกลับได้ไวหน่อย ว่าไงเรา แม่เขาบอกว่าไปเก็บหมามาเลี้ยงหรอ ไหนให้พ่อดูสิ”
“นี่ไงฮะ”
“ทำไมไม่พามันไปอาบน้ำล่ะสีน้ำ มอมแมมนะเนี่ย”
“พ่อฮะ อาบแล้วฮะ ขนมันเป็นแบบนั้นต่างหาก”

บิดาของสีน้ำมองลูกหมาในอ้อมกอดลูกชายนิ่งสนิทแล้วถอนหายใจออกมาน้อยๆ

“ก็ตามใจ พ่อไม่ได้ว่าอะไร จะเลี้ยงก็ได้ แต่พามันไปตรวจก่อนนะมีโรคอะไรหรือเปล่าแล้วก็หาปลอกคอมาใส่ให้เรียบร้อย พ่อว่าถ้ามันหลงออกไปคงมีแต่คนคิดว่ามันเป็นหมาไม่มีคนเลี้ยง”
“ขอบคุณครับพ่อ ผมไปหาที่นอนชั่วคราวให้มันก่อน แล้วแม่ละฮะ”
“อยู่ในห้องรับแขกน่ะ กำลังรอพิซซ่าอยู่เลย พ่อไปล้างหน้าล้างตาก่อน”
“ครับ”

หนุ่มน้อยเดินหากล่องที่ขนาดพอเหมาะมาได้หนึ่งใบ แล้วก็จัดแจงปูเศษผ้านุ่มๆ เพื่อทำเป็นที่นอนให้กับลูกหมา

“เอาละ ลงไปดูสิชอบไหม อยู่นี่ไปก่อน เดี๋ยวจะหานมให้กินนะ”

สีน้ำวางทั้งกล่องและลูกหมาลงกับพื้นแล้วก็เปิดตู้เย็นเพื่อหยิบนมออกมาเทให้พุดดิ้งกิน

“พุดดิ้ง มากินเร็ว”

สีน้ำอุ้มลูกหมาออกมาวางข้างนอกอย่างอ่อนโยน พอเจ้าตัวเล็กได้กลิ่นของกินก็มุ่งไปที่ถ้วยนมที่วางอยู่ตรงหน้าแล้วเลียกินอย่างหิวโหย สีน้ำมองเจ้าตัวเล็กที่ขนขะมุกขะมอมอย่างรักใคร่ เขาใฝ่ฝันอยากเลี้ยงเจ้าขนปุยสี่เท้ามานานแล้ว แต่เพราะว่าสมัยเด็กๆ เขาร่างกายไม่แข็งแรงเท่าไร เลยได้แต่ฝัน  พอโตขึ้นมาสุขภาพก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนพ่อกับแม่อนุญาตให้เลี้ยงได้ แต่ยังไม่ทันได้คิดว่าจะเลี้ยงพันธุ์ไหนก็ต้องย้ายมากรุงเทพฯ ซะก่อน

“สีน้ำอาบน้ำแล้วทำไมไม่เช็ดผมให้แห้งก่อนละลูก เดี๋ยวไม่สบายไปนะ เรายิ่งไม่สบายง่ายอยู่ด้วย”
“ฮะแม่ ผมว่าจะเอานมให้พุดดิ้งกินก่อน เจ้านี่ชื่อพุดดิ้งนะฮะแม่”
“เห่อหมาละสิเรา มันคงหิวล่ะสิ น่าสงสารนะถูกทิ้งแบบนั้น ปล่อยมันกินไปก่อน ไปเช็ดผมเดี๋ยวนี้เลยตาสีน้ำ”
“ก็ได้ครับแม่”

สีน้ำยอมเดินกลับขึ้นไปชั้นสอง เพื่อเช็ดผมที่เปียกให้แห้งตามคำแม่บอก เพื่อนหลายคนชอบว่าเขาเป็นลูกแหง่ติดแม่ อะไรก็เชื่อฟังแม่ไปซะหมด แต่เขาไม่เห็นว่าจะเสียหายเลย เพราะคำที่แม่บอกมาจากความรักและหวังดีทั้งนั้น
คุณแต้วมารดาของสีน้ำมองลูกหมาตัวน้อยที่ลูกชายของเธอเก็บมา กินนมอย่างหิวโหยก็บังเกิดความสงสาร ก้มลงไปลูบหัวเจ้าตัวเล็กอย่างเมตตา

“โชคดีนะเรามาเจอตาสีน้ำเข้า ทำตัวดีๆ เวลาอยู่บ้านนี้รู้ไหม พุดดิ้ง”
“บ๊อกๆ”
“เออ มีตอบด้วย ท่าทางจะฉลาดนะ ถึงจะขี้เหร่ไปซะหน่อย...ก็ไม่หน่อยนะเนี่ย”
“ไงคุณ คุยกับหมาแทนคนแล้วหรอ”
“แหม ก็มีคนมาให้ฉันคุยด้วยไหมละคะ กำลังดูเจ้าพุดดิ้งของตาสีน้ำอยู่น่ะค่ะ”
“อืม ขนมันสีแปลกดี แต่ถ้าสีน้ำอยากเลี้ยงก็ตามใจ ดีแล้วจะได้หัดออกมาจากห้องมั่ง วันๆ ไม่ออกไปไหนกับเขาบ้าง ขลุกอ่านหนังสืออยู่ในห้องอย่างเดียวเลย นี่ก็ดีนะย้ายมากรุงเทพฯ แล้วสีน้ำก็สอบติดที่นี่พอดี ยังมี ตาสไปรท์กับตาโชนตามมาเรียนที่เดียวกันด้วย ผมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ไปพูดให้สีน้ำได้ยิน เดี๋ยวลูกก็น้อยใจ หาว่าเรามัวแต่ห่วงแกเป็นเด็กๆ ไปได้หรอกค่ะ”
“ก็ตอนเด็กๆ สีน้ำป่วยบ่อยซะจนแทบจะย้ายไปอยู่โรงพยาบาล ถึงตอนนี้จะแข็งแรงดีขึ้นแล้วผมก็ยังห่วงแกอยู่ดีนั่นแหละ แล้วที่เป็นหวัดง่ายๆ เป็นบ่อยๆ นี่ก็น่าห่วง”
“บ่นอะไรกันใหญ่เลยฮะ ผมแข็งแรงดีแล้วน่า พ่อแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”

ลูกชายคนโตที่จัดการเป่าผมจนแห้งแล้ว เดินลงมาแล้วตรงเข้าไปหาเจ้าพุดดิ้งที่กินนมถ้วยใหญ่หมดแล้วนอนอิ่มอยู่ตรงนั้น

“บ่นเรานั่นแหละ ระวังอย่าให้เป็นหวัดบ่อยๆ รู้ไหม เป็นแล้วก็หายยากกว่าคนอื่นเขาด้วย”
“ครับผม”

สีน้ำอุ้มลูกหมาที่หลับไปแล้วกลับเข้ากล่องไป

“ไปล้างมือแล้วมากินพิซซ่าดีกว่าลูก ไปค่ะคุณ เออนี่คุณค่ะ วันนี้มีเพื่อนบ้านแวะมาทักทายด้วยค่ะ เขาอยู่บ้านตรงข้ามหน้าตาหล่อเชียว มากับน้องชายที่เป็นนายแบบดังๆ ที่ชื่อเหนือดินน่ะค่ะ”
“หรอ เจ้าสีไม้อาจจะรู้จักก็ได้นะ”

สีน้ำได้ยินพ่อกับแม่คุยเรื่องเพื่อนบ้านคนใหม่ก็แอบเบ้ปาก กับไอ้นายแบบตาโตแต่ไร้มารยาทแบบนั้น ขอไม่เจออีกเป็นครั้งที่สองจะดีกว่า หน้าตาคนกับมารยาทจิตสำนึกเนี่ยไม่ได้ไปด้วยกันเลยเหอะ

“แล้วนี่สีไม้จะแวะมาที่บ้านนี้ไหม”
“ฉันโทรไปหาแล้วค่ะ เห็นว่างานยุ่งๆ ถ้าคิวว่างจะแวะมาค่ะ”
“อืม สีน้ำพรุ่งนี้จะเข้าไปซื้อของอะไรหรือเปล่า”
“ไปฮะพ่อ ผมนัดสไปรท์กับโชนเอาไว้จะไปดูมหาวิทยาลัยด้วย แล้วไปดูห้องที่สองคนนั้นเช่าอยู่ด้วยกัน และก็คงซื้อที่นอนให้พุดดิ้งด้วยน่ะครับ”
“ติดรถพ่อออกไปไหม จะได้ไม่ต้องเดินให้เหนื่อย แต่เช้าหน่อยนะ”
“ได้ฮะ ไม่มีปัญหา”

พ่อแม่ลูกนั่งคุยกันไปกินพิซซ่ากันไป กว่าจะหมดก็เกือบสามทุ่ม สีน้ำเลยขอตัวเพื่อพาเจ้าพุดดิ้งไปนอนและตัวเขาเองก็ง่วงแล้วด้วย เด็กหนุ่มยกกล่องที่มีเจ้าตัวเล็กนอนหลับสนิทอยู่ขึ้นไปห้องเขาที่ชั้นสอง จัดแจงวางกล่องที่ปลายเตียง แล้วเขาก็ล้มตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มด้วยความเหนื่อยจากการย้ายข้าวของเข้าบ้านในวันนี้และการที่ไปเถียงกับนายแบบตาโตคนนั้นด้วย คงเพราะสีน้ำที่ปกติมักจะพูดไม่เกินสิบคำต่อวัน วันนี้ต้องใช้พลังต่อล้อต่อเถียง

“คราวหน้าถ้าเห็นจะรีบหนีเลย คนอะไร แย่ที่สุด”

ดวงตาเรียวค่อยๆ ปิดลงและเจ้าตัวก็เข้าสู่นิทราในเวลาต่อมา

****************************************

สีน้ำในชุดเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ตัวใหญ่นั่งรอเพื่อนสนิทสองคนที่นัดเขาออกมาเพื่อพาไปดูห้องเช่าในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดในห้างดัง ใบหน้าเรียวภายใต้แว่นหนากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่อย่างตั้งใจจนไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทได้มาถึงแล้ว

“อ่านอะไรอยู่วะสีน้ำ ท่าทางสนุกเชียว”

สไปรท์ ชายหนุ่มหัวเกรียนเพื่อนสนิทของสีน้ำพูดแล้วนั่งลงตรงหน้า

“อ้าวมาแล้วหรอ อ่านเรื่องจิตวิทยากับการรักษาสัตว์อยู่น่ะ น่าสนใจมากๆ เลยนะ”
“ไอ้น้ำ แกจะตั้งใจเรียนไปถึงไหน ยังไม่ได้เปิดเรียนเลยอีกตั้งอาทิตย์นึง”
โชน เพื่อนสนิทอีกคนที่เป็นเด็กหนุ่มร่างผอมแต่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นคือริมฝีปากที่หนาจึงมักโดนเพื่อนเรียกว่า “ไอ้ห้อย” มากกว่าชื่อจริงยืนถือของอยู่ข้างๆ ทำท่าจะดึงหนังสือไปจากมือสีน้ำ จนเจ้าตัวต้องรีบเก็บลงกระเป๋าสะพาย
“ก็อ่านไปล่วงหน้าไม่เห็นเสียหาย ยังไงเปิดเรียนไปก็เข้าไปเรียนวิชาพื้นฐานก่อนอยู่ดี”
“เออ เอาเหอะ ถ้าเห็นแกอ่านแม็กกาซีนแฟชั่นโลกนี้คงถึงวันโลกแตกแล้วล่ะ ไป เดี๋ยวจะพาไปดูห้องเช่าของพวกเรากัน”

สีน้ำมองการแต่งตัวของเพื่อนสนิทที่แต่งแปลกตาออกไป

“นี่ใส่สร้อยอะไรเยอะแยะน่ะสไปรท์”
“โหย สีน้ำ แบบนี้เท่ดีเว้ย เด็กเรียบร้อยแบบแกจะรู้อะไร”
“หรอ คงงั้นมั้ง”

ร่างสูงเก็บของลงกระเป๋าแล้วเดินตามเพื่อนสองคนออกไป

“นี่สีน้ำ แกไม่ลองขอแม่มาอยู่ด้วยกันหรอ โตแล้วนะ เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว แยกมาอยู่คนเดียวได้แล้ว”
“นี่ไอ้ไป๊ แกก็รู้ว่าแม่มันน่ะทั้งหวงและห่วงสีน้ำมันจะตาย ยังไปยุให้มันดื้อกับแม่หรอ”
“อ้าวไอ้โชน ฉันหวังดีนะเว้ย อยู่บ้านกับพ่อแม่แล้วแบบนี้เมื่อไรมันจะได้มีฟงมีแฟน เป็นแมนเต็มขั้นกับเขาสักที”
“อ้าวไอ้ไป๊ แกอย่าคิดว่าสีน้ำมันมากรุงเทพฯ เพื่อจะมามั่วแบบแกดิวะ”
“เอ่อ นี่สองคนจะเถียงกันไปทำไม ฉันอยู่บ้านเป็นเพื่อนแม่ก็สบายดี ไม่อยากให้แม่มานั่งห่วง ไปได้ยังห้องพวกแกน่ะ ฉันจะแวะไปซื้อของอีก ไม่อยากกลับบ้านดึก”

สีน้ำเดินนำหน้าเพื่อนไปอย่างระอา เพื่อนสองคนนี้ชอบเถียงกันเป็นที่สุด แต่ก็สนิทกันเป็นที่สุดด้วยเช่นกัน และสีน้ำก็รู้ดีว่าทั้งสองต่างก็หวังดีกับเขาทั้งนั้น

“ไอ้น้ำรอด้วยดิ”

โชนและสไปรท์รีบเดินตามเพื่อนที่เดินนำหน้าหนีไปไกลแล้ว

ห้องเช่าของโชนและสไปรท์เป็นห้องขนาดสองห้องนอน ที่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างถ้าเทียบกับห้องพักทั่วไปในเมืองหลวงที่ราคาที่ดินแพงลิบลิ่ว และค่าเช่าก็แพงตามขนาดเช่นกัน แต่คงเพราะที่นี่เป็นแมนชั่นที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ เลยทำให้ทั้งสองคนพร้อมใจกันมาเช่าที่นี่

“ชากี ชอคโก พ่อกลับมาแล้วลูก”
“ปุ๊กปิ๊ก ป๋ากลับมาแล้วจ้า คิดถึงกันไหมมม”

พอถึงห้องเพื่อนทั้งสองคนต่างก็รีบไปเปิดห้องส่วนตัวเพื่อดูว่าลูกรักอยู่ดีมีสุขไหม และเพราะความรักหลงสุนัขที่เหมือนจะเกินลิมิตนี่เองทำให้ทั้งสามคนเข้ากันได้ดียิ่งกว่าสิ่งใด

“เออ ฉันมีน้องหมาแล้วนะ”
“หา ได้หมาแล้วหรอ ยินดีด้วย มีรูปไหม ชื่ออะไร พันธุ์ไหน”
“ใจเย็นดิไอ้ไป๊ แกพูดดังชากีกับชอคโกของฉันตกใจหมด”
“หมาแกมันก็ป๊อดเหมือนแกนั่นแหละเว้ยไอ้โชน เสียงดังนิดหน่อยก็วิ่งตูดชี้แล้ว”
“อ้าวๆ พูดงี้ก็สวยดิ แกมันก็บ้าแต่งตัวเหมือนปุ๊กปิ๊กนั่นแหละว้า พอได้โบว์ใหม่เข้าหน่อยวิ่งโชว์ซะรอบห้องเลย”
“อ้าวไอ้ห้อย ว่าลูกฉันหรอ ชกกันหน่อยไหม”
“นี่รูปน้องพุดดิ้ง ดูไหม”

สีน้ำไม่ได้สนใจเลยว่าเพื่อนรักเถียงกันเอาเป็นเอาตายอยู่ เขาเปิด    มือถือแล้วหารูปน้องหมาสุดน่ารักที่ถ่ายเก็บไว้ให้เพื่อนดู

“ไหนๆ ดูหน่อยดิ น่ารักขนาดไหน.....เฮ้ย แกไปถ่ายรูปหมาขี้เรื้อนที่ไหนมาวะ มอมแมมโคตรๆ ไอ้น้ำอยากเลี้ยงหมามากจนเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ”

สไปรท์ที่แย่งมือถือไปดูก่อนโพล่งออกมาเสียงดังจนน้องหมาของโชนที่กลัวเสียงดังวิ่งหางจุกตูดหลบกลับไปในกรง

“ไอ้ไป๊ เสียงดังจริง ไหนมาดูมั่งดิ สีน้ำแกแน่ใจหรอว่านี่น่ารักน่ะ ไปถ่ายหมาข้างถนนที่ไหนวะ”
“น่ารักจะตาย พวกแกนี่ตาไม่ถึงเลย น้องพุดดิ้งเป็นพุดเดิ้ล เพิ่งได้มาเมื่อวานน่ะ น่ารักแล้วก็ฉลาดมากๆ เลยล่ะ”
“ถ้าแกบอกว่านี่น่ารัก ฉันว่าแกคงต้องไปตัดแว่นใหม่แล้วละ อันนี้คงสั้นไม่พอแล้ว”
“นี่ไอ้ไป๊ แกจะพูดให้สีน้ำมันเสียใจทำไมวะ หมาใครใครก็รัก แล้วพ่อแม่แกยอมหรอวะสีน้ำ”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร ให้เลี้ยงได้”

สีน้ำรับมือถือคืนจากเพื่อนแล้วเดินออกไปที่ระเบียงห้อง จากมุมนี้มองเห็นสวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกลออกไปเท่าไรด้วย แต่พอหันไปมองอีกด้านก็รู้สึกเหมือนเห็นภาพอันน่าสะพรึงกลัว

“ไอ้ตาโตขับรถห่วยนี่นา”

ภาพโฆษณาน้ำหอมที่มีชายหนุ่มผิวเข้มเป็นพรีเซนเตอร์เห็นเด่นชัดมาจากมุมระเบียงห้อง

“ตอนเช่านะไอ้น้ำ พวกฉันชอบตรงระเบียงนี่มากเลย แต่เดี๋ยวจะเอาพลาสติกมากั้นไว้อีกชั้นตรงซี่เหล็กๆ พวกเด็กๆ จะได้ไม่เป็นอันตราย”

สไปรท์ที่ปล่อยให้ปุ๊กปิ๊กไปเดินเล่นในห้องเดินตามออกมาสมทบ

“อะไรก็ดี ถ้าไม่มีไอ้ป้ายโฆษณานี่”
“ก็ดูดีออกนะเว้ย นายแบบคนนี้มาแรงโคตรๆ เลยนะตอนนี้ ใครๆ ก็พูดถึง น้องแกก็น่าจะรู้จักด้วยมั้ง พวกสาวๆ ที่ฉันคุยด้วยอยู่ก็บอกว่าทั้งรูปหล่อ ทั้งรวย แล้วก็ดีกรีนักเรียนนอกเชียวนะเว้ย”
“อะไรก็ดียกเว้นนิสัยไง”
“เฮ้ย ไอ้โชน ฉันหูฟาดไปหรือเปล่าวะ ไอ้น้ำมันด่าคนเป็นด้วยว่ะ นี่แกไปรู้จักนายแบบคนนั้นตั้งแต่เมื่อไรถึงได้บอกว่านิสัยไม่ดี”
“ไอ้น้ำ แกปิดบังเพื่อนไป๊กับเพื่อนโชนงั้นหรอ เดี๋ยวนี้แกมีความลับกับพวกฉันงั้นหรอ”

โชนทำท่าฟูมฟายโวยวายที่ดูน่ารำคาญ จนสไปรท์ทนไม่ไหวยกมือฟาดไปที่หัวเบาๆ สักที

“ไอ้โชน แกมัวแต่โวยวายสีน้ำมันจะเล่าได้ไง ไหนๆ เล่ามาสิสีน้ำ แกสนใจวงการแฟชั่นด้วยหรอฉันไม่อยากเชื่อ”
“ไม่ได้สนใจ ก็แค่ไอ้หมอนี่อยู่หมู่บ้านเดียวกับฉัน แล้วเขาก็เกือบขับรถชนฉัน”
“แกเดินดูทางไม่ดีหรือเปล่าเนี่ย ไอ้ผมเผ้ารุงรังกับแว่นหนาๆ เชยๆ เมื่อไรจะเปลี่ยนวะ เข้ามากรุงเทพฯ ทั้งที”
“เดินดีแล้ว ก็เดินบนฟุตบาทนะแหละ หมอนั่นขับไม่ดีเอง แล้วเรื่องผมกับแว่นฉันเมื่อไรพวกแกจะเลิกยุ่งซะที แบบนี้ก็สบายจะตายไป คนเราเขาดูกันที่จิตใจไม่ได้ดูที่หน้าตา หน้าตาสักวันมันก็เหี่ยวก็แก่ ถ้าจะต้องเปลี่ยน ตัวเองเพื่อทำให้ใครชอบ ฉันไม่ทำหรอก”
“สาธุ”

เพื่อนทั้งสองคนทำท่ายืนสงบนิ่งและยกมือไหว้จรดศีรษะหลังจากสีน้ำพูดจบ

“เดี๋ยวจะแวะไปซื้อที่นอนแล้วก็อาหารให้พุดดิ้ง จะไปด้วยกันไหม ไม่อยากกลับบ้านดึกเดี๋ยวแม่เป็นห่วง”

สีน้ำละความสนใจจากป้ายโฆษณาแล้วเดินกลับเข้ามาในห้อง

“น่าเสียดายนะ ได้เข้ามหาลัยมาด้วยกันทั้งที นึกว่าจะได้มาอยู่ด้วยกัน”

โชนจัดการจับชากีและชอคโกกลับเข้ากรงอันใหญ่ในห้องเพื่อเตรียมออกไปข้างนอกอีกครั้งกับสีน้ำ

“อยู่ที่ไหนถ้าพวกแกจะลอกการบ้านให้ช่วยทำรายงาน มันก็ทำได้เหมือนกันทั้งนั้นแหละ ฉันไม่อยากให้แม่เป็นห่วงอีก แล้วก็อยู่เป็นเพื่อนแม่ด้วย”
“เออ ไอ้ลูกกตัญญู ติดแม่แบบนี้เมื่อไรจะได้เมียวะ”

สไปรท์ที่จับปุ๊กปิ๊กเข้ากรงเสร็จแล้วเช่นกันเดินออกมาจากห้อง

“ไม่เห็นจำเป็นเลยเรื่องนั้น คนเราเกิดมาเรื่องนั้นใช่ว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ฉันอยากเป็นสัตวแพทย์ที่เก่งๆ รักษาสัตว์ที่สื่อสารกับเราไม่ได้มากกว่าจะมาหมกมุ่นเรื่องแบบนั้น”
“เฮ้อ ไอ้น้ำ แกไปบวชเหอะวะ”

ทั้งโชนและสไปรท์ตบไหล่สีน้ำคนละข้างแล้วเดินออกไปรอหน้าห้อง ส่วนสีน้ำนั้นเขาไม่เคยสนใจว่าใครจะคิดยังไงอยู่แล้ว ก็เดินตามเพื่อนออกไปเพื่อซื้อของที่ตั้งใจจะแวะมาซื้อ

***************************************

เหนือดินโยนช่อดอกไม้ที่เพิ่งได้รับมาจากสตาฟงานถ่ายโฆษณาตัวใหม่ของเขาไว้เบาะหลังรถสปอร์ตคันหรู การถ่ายทำก็นับว่าเป็นไปได้ด้วยดี แต่คงจะดีกว่านี้ถ้าหากนางแบบที่ถ่ายคู่กับเขาไม่พยายามจะให้ท่าเขาเกินเหตุ มือไม้พยายามปัดป่ายแถวเป้ากางเกงเสียเหลือเกิน เขาเองก็เบื่อความฉาบฉวยพรรค์นี้เหมือนกัน ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนทำไมถึงอยากได้กันนัก

มือถือในกระเป๋ากางเกงสั่นระรัวจนเขาต้องหยิบขึ้นมาดูว่าใครติดต่อมา

“ว่าไงสีไม้ จะมาชวนไปไหนอีก”
“อะไรกัน เห็นผมเป็นคนยังไงกัน”
“เออ เป็นแบบนั้นล่ะ มีธุระอะไร”
“ใครทำให้คุณเหนือดินนายแบบดังอารมณ์เสียเนี่ย”
“จะเป็นแกอีกใน 30 วิ ถ้าไม่พูดธุระของแกมาสักที”
“ใจร้อนจริงๆ จะชวนไปกินข้าวบ้านไปไหม”
“ห้องแกนะหรอ ไม่ไปอ่ะ แกทำอาหารไม่เป็นนิ”
“ไม่ใช่ผม พอดีครอบครัวที่ต่างจังหวัดเขาย้ายเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ กันแล้วผมก็ว่าจะไปหาพ่อแม่ เลยจะมาชวนไปทำความรู้จัก”
“ฉันไม่อยากไปขัดบรรยากาศครอบครัวสุขสันต์หรอกนะ นอกจากแกจะมีพี่สาวแนะนำให้ฉันรู้จัก”
มือหนาเปิดสปีกเกอร์ในฟังก์ชันการทำงานของมือถือแล้วขับรถออกไปจากลานจอด มุ่งหน้ากลับบ้านย่านชานเมือง
“พี่น่ะมีนะ แต่เป็นพี่ชาย ใช้แทนกันได้ไหมล่ะ พี่ชายผมน่ะหน้าสวยนะ ได้หน้าแม่ผมไปทั้งดุ้นเลย”
“อยากได้ฉันเป็นพี่เขยนักหรือไง ไว้มีเวลาจะไปขอดูตัวพี่ชายของนายน่ะ หรือจะส่งพานมาประเคนฉันก็ไม่ว่า”
“ฮ่าๆๆ แม่ผมน่ะหวงพี่ผมจะตายไป ยิ่งกว่าไข่ในหิน ว่าไงสนใจไปไหม ผมกำลังหาเวลาว่างอยู่”
“ไม่อ่ะ แกไปก่อนเลย ครอบครัวแกจะได้เจอกันดันจะมาลากคนนอกไป กลัวพ่อแม่บ่นละสิเรื่องข่าวฉาวที่ลงติดๆ กันน่ะ”
“เลิกรู้ทันสักครั้งก็ดีนะพี่เหนือดิน ผมต้องไปถ่ายแบบต่อแล้ว รบกวนแค่นี้ล่ะ”

นายแบบรุ่นน้องที่เหมือนเพื่อนคนสนิทวางสายลงไปทันทีที่พูดจบ  เหนือดินโคลงหัวเบาๆ ถ้าตัดนิสัยห่ามๆ บางเรื่องออกไปแล้วละก็นิสัยดีน่าคบคนหนึ่งเลย
ระหว่างทางกลับบ้านที่กำลังจอดติดไฟแดง ดวงตาโตก็เหลือบไปเห็นสิ่งมีชีวิตที่สูงผอมและผมฟูๆ กำลังเดินอยู่เลียบริมฟุตบาทด้านหน้า และเมื่อ  เจ้าตัวเงยหน้ามองทาง เพื่อข้ามถนนดวงตาทั้งสองคู่ก็มาสบกันโดยมิได้      นัดหมาย

“ไอ้นายแบบนั่น”
“ไอ้เด็กหัวฟู”

สีน้ำปรายตามองแล้วตวัดกลับทันที เขาไม่อยากจะเห็นหน้าให้เสียอารมณ์อีก แต่เจ้าของดวงตาโตเห็นแบบนั้นก็เกิดความหมั่นไส้ที่เขาโดนมองแล้วสะบัด
ร่างสูงขาวของว่าที่นักศึกษาสัตวแพทย์รีบเดินไปตามทางในซอยเข้าบ้าน ของที่ซื้อจนเพลินได้มาเต็มไม้เต็มมือ เกินกว่าครึ่งเป็นของใช้เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงของเขาทั้งนั้น เจ้าตัวอยากจะรีบเอากลับบ้านไปให้พุดดิ้งดูแล้ว

“น้องพุดดิ้งรอหน่อยนะ ไม่รู้อยู่บ้านจะเหงาไหม”

ริมฝีปากแดงพูดพึมพำ ในใจเขานั้นลอยไปถึงบ้านแล้ว เพราะมัวแต่คิดถึงพุดดิ้งเลยไม่ทันได้ดูว่ามีรถสีแดงแล่นเข้าซอยมาด้วยและรถคันนั้นก็จงใจขับชิดฟุตบาทตรงที่มีน้ำขังอยู่ทำให้น้ำกระเด็นใส่ร่างสูงที่เดินอยู่เต็มเปา

“อะไรเนี่ย”

น้ำกระเด็นใส่สีน้ำเต็มที่จนเสื้อและกางเกงข้างที่อยู่ติดถนนนั้นเปียกชื้นไปหมด รถคันนั้นจอดแล้วกระจกด้านข้างฝั่งติดฟุตบาทก็เลื่อนลงมา

“ขอโทษทีนะ เครื่องมันแรงไปหน่อย แต่ฉันก็ขับอยู่บนถนนนะไม่ได้ขึ้นไปเสยฟุตบาทแล้ว”
“นี่คุณ จะมาหาเรื่องอะไรผมอีก เป็นผู้ใหญ่ซะเปล่านิสัยไม่ได้เรื่องจริงๆ เลย”

สีน้ำก้มดูว่าของที่ซื้อมานั้นโดนน้ำหรือเปล่า แล้วก็โล่งใจที่ที่นอนสีสวยของพุดดิ้งไม่ได้เลอะอะไร

“ไอ้การมองคนแล้วก็สะบัดหน้าหนีเหมือนรังเกียจเนี่ยมันสมควรทำงั้นหรอ”
“อย่างน้อยมันก็ไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อนแบบนี้ และก็นะ ถ้าคนนั้นนิสัยไม่ดีจนไม่คู่ควรกับการมอง โดนแบบนั้นมันก็สมควรแล้ว”

สีน้ำพยายามจะไม่โมโห เขาไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับคนพาลแบบนี้อีกแล้ว เลยไม่สนใจแล้วรีบก้าวเท้ายาวๆ เพื่อจะได้กลับถึงบ้านไวๆ เหนือดินจ้องเขม็งไปที่ร่างสูงที่ทำไม่สนใจเขาแล้วเดินผ่านไป ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกไม่ถูกชะตากับไอ้เด็กนี่อย่างมาก แค่เห็นก็รู้สึกหมั่นไส้อย่างที่ไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน

“มองทางให้ดีละ คราวหน้าอาจจะโดนสิบล้อเสยไปก็ได้นะ และคงไม่มีใครนิสัยดีมาขอโทษอย่างฉันหรอก”

รถสปอร์ตแดงเร่งเครื่องแล้วขับไปตามทางอย่างเร็ว แต่ก็ยังพ่นควันเสียมาใส่สีน้ำจนไอโขลกๆ หน้าแดงไปหมด

“ไอ้บ้านิ ถือว่าเป็นเจ้าของหมู่บ้านหรือไง ไอ้ไม่มีจิตสำนึก แค่กๆๆ”

สภาพสีน้ำตอนนี้เสื้อและกางเกงเปียกไปข้างนึงแถมยังหน้าแดงก่ำเพราะสำลักควันอีก ร่างสูงควักผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดไปตามเสื้อเพื่อพยายามจะทำให้แห้งในระดับนึง

“แม่จะว่าอีกไหมเนี่ยกลับไปแบบนี้”

สีน้ำรู้ดีว่าร่างกายเขาไม่ได้แข็งแรงเหมือนคนอื่นสักเท่าไรนัก โดนอะไรนิดหน่อยก็เป็นหวัดได้ง่าย แต่ตอนนี้ผ้าเช็ดหน้าคงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากรีบเดินกลับบ้านไปเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าชื้นพวกนี้ออกไปให้เร็วที่สุด

“ซวยจริงๆ เลย อย่าได้มาเจอกันอีกเลยไอ้คนงี่เง่า” 

แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้ว่าแม่เห็นเขาในสภาพแบบนั้นถึงกับบ่นออกมาไม่หยุด

“สีน้ำทำไมเปียกมาอย่างนั้นละลูก ตายละ วางของไว้แล้วไปอาบน้ำอุ่นเลยนะ เดี๋ยวแม่เตรียมนมอุ่นไว้ให้กิน ไปเดินอีท่าไหนละเราหืม”
“ก็เดินธรรมดา แต่คนมันขับรถไม่ระวังน้ำมันเลยกระเด็นมาโดนฮะ”
“นั่นล่ะ ไปๆ อาบน้ำ เดี๋ยวไม่สบายมาจะแย่นะลูก”
“แม่ครับ ผมแข็งแรงขึ้นแล้วหรอก แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ”

ร่างสูงวางข้าวของลงแล้วเดินขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแต่โดยดี อะไรที่ทำให้แม่สบายใจได้และเขาไม่ลำบากสีน้ำก็ยินดีจะทำทั้งนั้น พอเปิดประตูห้องเข้าไปก็เจอกับลูกหมาพุดเดิ้ลที่มานั่งรออยู่ในกล่องแล้ว

“พุดดิ้ง เป็นไงเหงาไหม”
“บ๊อกๆ”
“เหงาหรอ นี่ฉันซื้อของมาให้พุดดิ้งเยอะแยะเลย เดี๋ยวขอฉันอาบน้ำก่อนนะ แล้วจะพาพุดดิ้งลงไปดู”

มือขาวจัดลูบหัวลูกสุนัขอย่างรักใคร่ ขนสีกระดำกระด่างมันก็แค่ขนเท่านั้นเอง แต่สิ่งที่สีน้ำมองเห็นจากดวงตาใสแป๋วของพุดดิ้งนั้นคือความฉลาดและซื่อสัตย์

“ใครจะว่าไงก็ช่าง พุดดิ้งของฉันน่ารักที่สุดแล้ว รอแป๊บนะ ฮัดเช้ย รีบไปอาบน้ำดีกว่า ถ้าไม่สบายเดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่”

ร่างสูงคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการกับตัวเองทันที

**************************************

LadyMurasaki

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART1~~
«ตอบ #28 เมื่อ16-10-2010 17:27:26 »

สีน้ำอยู่บ้านเล่นกับเจ้าลูกสุนัขตัวโปรดได้อีกหนึ่งอาทิตย์เต็มแล้วเขาก็ได้เวลาต้องไปเข้าเรียนเป็นนักศึกษาคณะสัตวแพทย์

“สีน้ำ ทางนี้ๆ”

พอร่างสูงที่ยังนิยมใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกางเกงยีนส์ตัวใหญ่เดินเข้ามาในคณะ ก็ได้ยินเสียงเพื่อนสนิทตะโกนเรียกแต่ไกล

“หวัดดีสไปรท์ ดีโชน”

ดวงตาเรียวใต้แว่นหนามองเพื่อนใหม่ที่นั่งคุยอยู่กับเพื่อนสนิทสองคนของเขาอยู่ก่อนหน้านี้อย่างแปลกใจ ก็ทั้งสามดูคุยกันเหมือนสนิทสนมกันมานานแล้ว

“เออ นี่ สีน้ำ เพื่อนจากจันทบุรี คนที่ได้ที่หนึ่ง ตอนสอบเข้าไงละ”
“คนนี้เองหรอ เก่งจังเลย ยินดีที่ได้รู้จักครับ คีย์บอร์ดครับ”

ดวงหน้าเรียวเล็กรับกับจมูกปลายงอนและปากบางสีชมพู เรือนร่างผอมบางที่ใส่เสื้อผ้าพอดีตัวยิ่งทำให้ดูตัวเล็กไปกันใหญ่ สีน้ำมองสำรวจก่อนยิ้มบางๆ ตอบกลับไป

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“นี่ไอ้น้ำ คีย์น่ะเขาก็เป็นเหมือนพวกเราแกรู้ไหม”
“เป็นอะไรเหมือนกัน”

สีน้ำลงไปนั่งข้างๆ โชนแล้วหยิบหนังสือในมือมาเปิดอ่านไปด้วย

“เขามีลูกรักเหมือนพวกเราอ่ะดิ ไม่น่าเชื่อเลยเนอะ ก็แบบนี้แหละ คนหน้าตาดีมักมีอะไรเหมือนๆ กัน ว่าไหมไอ้โชน”

โชนที่มัวแต่นั่งดูรูปอะไรสักอย่างในมือถือไม่สนใจที่สไปรท์เรียก ทำให้สไปรท์ยันเข้าให้ที่หลัง

“อะไรวะไอ้ไป๊ เจ็บนะ”
“คนเขาคุยด้วย แกทำอะไรล่ะ”
“ก็ดูรูปลูกฉันน่ะสิ ไม่รู้ร้องไห้หรือเปล่า ต้องอยู่ในห้องกันเอง”
“เออ แล้วปุ๊กปิ๊กล่ะ จะเป็นยังไง ลูกป๋า”

สีน้ำลดหนังสือลงแล้วมองคีย์ที่นั่งขำภาพผู้ชายตัวโตคร่ำครวญถึงสุนัขสุดเลิฟที่ดูแล้วไม่น่าพิสมัยเท่าไร

“พวกนี้ก็เป็นแบบนี้นั่นแหละ เดี๋ยวก็ชินเอง คีย์บอร์ดเองก็เลี้ยงสุนัขเหมือนกันหรอ”
“ใช่แล้วล่ะ เรียกว่าคีย์ก็ได้นะ นี่ไงรูปลูกฉันเอง”

คีย์ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดคลิปลูกหมาของเขาที่ถ่ายเก็บไว้นับสิบไฟล์

“ชื่อว่าน้องเมาส์ น่ารักใช่ไหมละ รักแรกพบของฉันเลยนะเนี่ย น้องเมาส์”

คีย์เปิดไล่ไฟล์ให้ดูภาพลูกหมาในอิริยาบถต่างๆ ทั้งสไปรท์และโชนต่างหัวเราะกันใหญ่ สีน้ำพอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าที่เหมือนกันจนมาเข้ากันได้ขนาดนี้นี่มันตรงไหน

“เอ่อ นี่ สไปรท์ โชน คีย์ จะได้เวลาแล้วไปเรียนเหอะ วันนี้วันแรกนะ”

เสียงสีน้ำดูจะส่งไปไม่ถึงเพื่อนทั้งสามคน ที่แลกรูป แลกไฟล์ดูกันสนุกสนาน ก็เรื่องแบบนี้คุยกันสามวันสามคืนยังไม่จบเลย ร่างสูงเลยลุกขึ้นแล้วตั้งใจจะเข้าไปจองที่ในห้องบรรยายรวมให้ก่อน เพราะปีหนึ่งจะเรียนวิชาพื้นฐานซะเป็นส่วนใหญ่เลยเรียนห้องรวม

“งั้นไปจองที่ให้ละกันนะ”

สีน้ำเดินออกไปได้ไม่เท่าไร ก่อนที่จะถึงตึกข้างหน้า ลมก็พัดแรงซะจนผมฟูยาวของเขายุ่งเหยิง สีน้ำจึงตัดสินใจที่จะยืนนิ่งๆ เพื่อให้ลมสงบก่อนเดินไปข้างหน้า

“พลั๊ก”
“เฮ้ย หยุดเดินทำไมกันวะ”

ร่างสูงของสีน้ำโดนคนที่เดินตามมาข้างหลังกระแทกเข้าอย่างแรงจนถึงกับเซ พอหันไปมองก็เห็นคนชนว่าเป็นชายหนุ่มหน้าตาไม่ผิดแผกจากฝรั่งเลย

“ขอโทษครับ”
“ไอ้น้อง ทางเดินนะไม่ใช่คิดจะหยุดก็หยุด”
“ขอโทษจริงๆ ครับ”
“เอาน่าไอ้มาร์ท น้องเขาคงไม่ได้ตั้งใจ ไปเหอะ เดี๋ยวไปเข้าคลาสไม่ทันนะ วิชาละครเวทีเนี่ยอาจารย์ชอบให้บทแปลกๆ กับคนเข้าสายอยู่ด้วย”
“เออ ไป คราวหน้าคราวหลังอย่าทำให้คนอื่นเสียเวลาอีกล่ะ”

ร่างสูงใหญ่โดนเพื่อนดึงไปทำให้สีน้ำถอนหายใจอย่างโล่งอก ทำไมพักนี้เขาถึงได้ดวงตกแบบนี้ไม่โดนหาเรื่องก็มีเรื่องเข้ามาหาเอง คนเมืองหลวงนี้อารมณ์ร้อนและไม่ใจดีเหมือนที่บ้านเกิดเขาเลย

“สีน้ำเป็นไรป่าววะ โดนชนกระเด็นเลย”

โชนที่วิ่งตามมาเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เดินมาถึงสีน้ำ

“ไม่เป็นไรหรอก ไปเหอะ เดี๋ยวเข้าเรียนสาย”

สีน้ำตอบเพื่อนช้าๆ แล้วทั้งสไปรท์และคีย์ก็เดินตามมาสมทบ ทั้งสี่เลยเดินไปเข้าเรียนด้วยกัน

*************************************

“ผมไม่ใช่คนขับรถว่างงานนะเฮีย อยู่ดีๆ ก็ตามให้มารับเนี่ย”
“แหมไอ้นายแบบดัง รู้แล้วน่า แต่วันนี้จะแวะเอาของหลายอย่างไปให้คุณแต้วเขาชิมเลยตามแกมาช่วยแบกยังไงละ ขอใช้แรงงานหน่อยทำบ่น เดี๋ยวเก็บค่าอาหารที่ชอบมากินฟรีเลย”
“คนเขามีทั้งสามีทั้งลูก ยังจะไปจีบเขาอีกหรอ?”

พู่กันหยิบตะเกียบแถวที่นั่งทำท่าจะปาใส่เหนือดินที่ขับรถอยู่

“อกุศลจิต ฉันจีบอะไร เขาเรียกบ้านใกล้เรือนเคียง ผูกมิตรกันเว้ย”
“เออ ผูกเข้าไป อย่าลากเขาไปผูกที่เตียงล่ะ เดี๋ยวสามีเขาเอาปืนมาไล่ยิงไม่รู้ด้วยนะ”
“ฉันไม่ใช่พวกมั่วแบบแก ไม่ต้องห่วงหรอกน่า นี่หายไปทำงานที่อังกฤษมาตั้งสองอาทิตย์ ไม่มีของฝากเลยหรือไง”
“งก”

กันเอนตัวพิงพนักที่นั่งข้างคนขับอย่างสบายใจ ถึงจะอดเสียใจไม่ได้ที่เพื่อนบ้านสาวสวยกลายเป็นคนมีพันธะแล้ว แต่เขาก็ยินดีที่จะคบฉันท์มิตร ข้างนอกฝนหลงฤดูตกกระหน่ำจนมองทางเห็นลางๆ

“ฝนตกหนักนะเนี่ย แย่จริงๆ”
“อืม ที่ยุโรปอากาศกำลังดีเลย ถ้าไม่ติดต้องกลับมาเคลียร์งานนะ อยากไปเที่ยวต่ออีกหลายที่เลย”

เหนือดินฮัมเพลงตามเพลงสากลที่เปิดคลอในรถไปด้วย เขามาจอดติดไฟแดงบริเวณแยกที่จะเข้าซอยไปหมู่บ้าน แล้วดวงตาสีเข้มก็เหลือบไปเห็นร่างสูงของคนที่เขาไม่ชอบหน้าเดินแกมวิ่งฝ่าฝนข้ามถนนด้านหน้าไป

“เอ๊ะ นั่นมันสีน้ำนี่นา”
“สีน้ำไหน?”
“ก็ลูกชายคุณแต้วไง จำไม่ได้หรอ ที่แกไปเรียกเขาไอ้เด็กหัวฟู”
“อ๋อ เด็กนั่นเอง”

สองอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาแทบลืมเด็กผู้ชายแว่นหนาผมฟูคนนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะเขาได้ควงนางแบบสาวลูกครึ่งที่ร่วมงานกันไปเที่ยวซะฉ่ำอุรา เขาไม่ได้สนใจพอไฟเขียวก็ขับรถเข้าซอยไปทันที

“เฮ้ย ไอ้ดิน ทำไมไม่จอดรถรับน้องเขามาด้วยวะ จอดๆๆ”
“เฮีย เด็กมันมีขา โตแล้ว เดินตากฝนแค่นี้จะเป็นไรไป จะรีบเอาของไปให้เพื่อนคนใหม่ไม่ใช่หรอ”
“ก็จะไปบ้านเขาอยู่แล้วแวะรับมาด้วยจะเป็นไรวะ”
“เป็น รถผมเปียกหมด แค่นี้เองไหนๆ เขาก็เปียกแล้ว เปียกอีกหน่อยจะเป็นไรไป”

เหนือดินขับรถผ่านสีน้ำที่เดินแกมวิ่งฝ่าสายฝนเพื่อกลับบ้าน ร่างสูงที่มัวแต่วิ่งก็ไม่ได้เห็นว่ารถที่แล่นผ่านไปคือคนที่อยู่ละแวกเดียวกัน ริมฝีปากแดงตอนนี้ซีดจนเกือบม่วงเพราะความหนาวเม้มเข้าหากันเพื่อหาความอบอุ่น เขาได้แต่บ่นตัวเองในใจที่ลืมร่มซะได้ และรอฝนหยุดกว่าสองชั่วโมงแล้วก็ไม่มีทีท่าจะซาลงกลับยิ่งหนักขึ้น เลยตัดสินใจวิ่งฝ่าฝนกลับบ้าน

“แม่ต้องบ่นแน่ๆ เลย ถ้ายิ่งเป็นหวัดละก็แย่เลย ไอ้น้ำเอ๊ยลืมร่มได้ยังไง”

กว่าจะมาถึงหน้าบ้านทั่วทั้งร่างก็เปียกโฉก ดีที่กระเป๋าใส่หนังสือที่ใช้เป็นแบบกันน้ำเลยไม่กังวลว่าของข้างในจะเปียก

“กลับมาแล้วฮะ”
“ตาสีน้ำ แม่กำลังเป็นห่วงเลยว่าเราลืมร่ม ตายละทำไมวิ่งตากฝนมาละลูก วันหลังโทรมาบอกสิแม่จะไปรับ”
“ผมเห็นว่าไม่ไกลฮะแม่ แต่ขอไปอาบน้ำก่อนนะฮะ”
“ไปเลยเร็วๆ ตายละวันนี้ต้องทานยากันไว้แล้วนะลูก คราวหน้าไม่ต้องวิ่งนะ ให้โทรมาบอกแม่เข้าใจไหม”

คุณแต้วไล่ลูกชายคนโตให้รีบเข้าไปอาบน้ำ การที่เห็นสีน้ำเปียกโชกไปแบบนี้ทำให้จิตใจไม่สบายเลย และคงส่งออกไปถึงหน้าตาทำให้กันที่นั่งอยู่ด้านในรู้สึกได้

“คุณแต้วเป็นห่วงสีน้ำจังเลยนะครับ แต่ก็โตแล้วปล่อยไปบ้างไม่ดีหรอครับ”
“ถ้าสีน้ำเขาแข็งแรงเหมือนเด็กคนอื่นก็คงปล่อยไปได้ล่ะค่ะ พอดีตั้งแต่ตอนเล็กๆ ตาสีน้ำแกก็เป็นภูมิแพ้ ร่างกายอ่อนแอ ภูมิต้านทานอะไรก็น้อยกว่าเด็กคนอื่นทำให้ป่วยง่ายแล้วก็ป่วยบ่อยๆ จนไปกลับโรงพยาบาลเป็นเรื่องปกติเลยค่ะ ถึงตอนนี้จะแข็งแรงขึ้นมากแล้วแต่ก็ยังเป็นหวัดง่ายแล้วก็หายยากอยู่ตลอด ถึงไม่อยากให้แกไปอยู่ไกลหูไกลตา จะว่าไม่ปล่อยลูกก็ได้นะคะ แต่ก็ห่วงแกจริงๆ นั่นล่ะค่ะ”
“อย่างนี้เอง แต่ดูไม่รู้เลยนะครับ”
“สีน้ำเขามองโลกในแง่ดีแล้วก็พยายามเต็มที่ค่ะ แต่เขาออกจะไม่ค่อยคุยกับใคร ชอบเก็บตัวทำอะไรเงียบๆ ของตัวเองไป เพราะแกเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ ทำให้ไม่มีเพื่อนเท่าไร นี่ก็ดีนะคะได้เพื่อนดีๆ ที่เข้าใจคอยช่วยดูแลด้วย”
“แต่สีน้ำก็เรียนเก่งใช่ไหมครับ ก็เบาใจไปได้เรื่องนึง”
“ค่ะ ได้เจ้าพุดดิ้งมา สีน้ำเขาก็ร่าเริงขึ้นเยอะ”
“อ๋อ ไอ้ด่างนั่นนะหรอครับ ก็ดีแล้วนะครับ คุณแต้วจะได้สบายใจขึ้น ลองชิมติ่มซำนี้สิครับ เมนูใหม่ของร้านผมเลยนะครับ”

พู่กันเลื่อนจานใส่ติ่มซำที่ขนมาหลายอย่างเพื่อให้มารดายังสาวของบ้านนี้ชิม

“เกรงใจจริงๆ เลย เอามาให้ทานบ่อยๆ เนี่ย”
“ไม่ต้องเกรงใจเลยครับ ดีซะอีกได้คุณแต้วช่วยติชม ผมจะได้ไปปรับปรุง”

พู่กันส่งยิ้มกว้างแล้วคะยั้นคะยอให้เพื่อนบ้านสาวสวยที่ไม่โสดชิมอาหารจานแล้วจานเล่า ส่วนสีน้ำนั้นพอได้ถอดเสื้อผ้าเปียกออกแล้วแช่น้ำอุ่นก็รู้สึกดีขึ้น ริมฝีปากแดงที่ซีดจนไร้สีเลือดเมื่อครู่กลับมาเป็นสีแดงเช่นเดิม

“ว่าไงพุดดิ้ง ดื้อกับแม่หรือเปล่า”

สีน้ำย่อตัวไปอุ้มลูกหมาขึ้นมากอดเอาไว้

“วันนี้นะฝนตกหนัก ฉันต้องตากฝนกลับบ้านเลยล่ะ วันหลังจะให้   พุดดิ้งคาบร่มไปให้ที่สถานีละกันนะ”
“บ๊อกๆ”
“ฮ่าๆ น่ารัก รู้เรื่องด้วยหรอเรา ขนนุ่มขึ้นเยอะเลยนะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ แต่ดีจังพุดดิ้งไม่ดื้อไม่ซน แม่จะได้ไม่เหนื่อย”

พอได้อาบน้ำอุ่นและเปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่น สีน้ำก็รู้สึกสบายตัวจนเริ่มเคลิ้มๆ จะหลับไป หากแม่ของเขาไม่เปิดประตูห้องเข้ามาซะก่อน

“ตาสีน้ำ ไปทานข้าวแล้วกินยาก่อนจะนอนลูก มาหลับไปแบบนี้ไข้ต้องขึ้นแน่ๆ ไปพุดดิ้งตามนายเราลงไปกินข้าวไป”

คุณแต้วรู้สึกว่านับวันเจ้าลูกหมาตัวนี้จะฉลาดขึ้นเรื่อยๆ ให้สมกับที่มีเจ้าของเป็นนักเรียนดีเด่น พุดดิ้งพาร่างเล็กๆ ที่มีขนสองสีแซมสลับวิ่งนำหน้าแม่ลูกลงไปกระดิกหางรอที่จานข้าวของตัวเอง

“แล้วพ่อละฮะ”
“รายนั้นวันนี้กลับดึกลูก ไปงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง”
“ตั้งแต่พ่อได้เลื่อนตำแหน่งเข้ามาทำงานที่สำนักงานใหญ่ก็มีงานเลี้ยงไม่ก็ทำโอทีเยอะจังเลยนะฮะ”
“ทำไงได้ละลูก มันเป็นธรรมดา เออนี่เสาร์นี้สีไม้เขาโทรมาบอกว่ามีคิวว่างแล้วล่ะ จะแวะมาหาที่บ้าน”
“ก็ดีนะฮะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”

สีน้ำจัดการเทอาหารให้เจ้าพุดดิ้งแล้วมานั่งรอทานข้าวกับมารดาสองคน จะว่าไปเขาก็ไม่ได้เจอหน้าน้องชายมานานพอสมควร ตั้งแต่น้องชายไปทำงานเป็นนายแบบและเล่นละครมีชื่อเสียง

“นั่นสิเนอะ แม่ก็ไม่ค่อยได้เจอ รายนั้นเขาอยู่ไม่ติดที่ ไปโน่นมานี่ตลอด แต่จริงๆ แล้ว แม่ว่าถ้าสีน้ำตัดผมซะหน่อย ใส่คอนแท็กเลนส์สักนิด สาวจะติดตรึม ไปเป็นดาราแบบสีไม้ได้สบายเลยนะลูก”
“ไม่ไหวหรอกฮะ ผมไม่ชอบเป็นที่สนใจของใคร เป็นหมอรักษาสัตว์ดีกว่าอีก”
“ทำอย่างที่อยากทำก็ดีแล้วลูก มาทานข้าวกัน สีน้ำจะได้ทานยาแล้วไปนอนซะ”
“ฮะ”

สองแม่ลูกนั่งทานมื้อเย็นแล้วพูดคุยกันไปอย่างปกติที่ทำทุกวัน ส่วนที่บ้านตรงข้ามนั้น เมื่อพู่กันกลับมาก็เห็นนายแบบหนุ่มนอนหลับอยู่บนโซฟา เรื่องที่ได้รู้มาเกี่ยวกับลูกชายเพื่อนบ้าน ทำให้เขาเกิดอาการหมั่นไส้น้องชายขึ้นมา

“ไอ้ดิน ไอ้ใจร้าย ลุกขึ้นมาเลย”

พู่กันหยิบหมอนอิงมาฟาดคนตัวโตไปสามสี่ที จนนายแบบหนุ่มโวยวายออกมา

“อะไรกันเฮีย มาถึงก็ฟาดๆๆ เจ็บนะ”
“เออ เจ็บก็ดี เอาไอ้ตัวใจร้ายออกไปบ้าง”
“ใจร้ายอะไรกัน พูดจาไม่รู้เรื่อง”
“ก็วันนี้ที่แกใจดำไม่รับน้องสีน้ำเขาขึ้นรถน่ะสิ ต่อจากนี้ไปนะถ้าเห็นน้องสีน้ำเขาเดินกลับบ้านให้รับเขามาด้วยทุกครั้ง เข้าใจไหม”
“อะไรกันเฮีย จะจีบแม่เขาแล้วเอาน้องชายไปเกี่ยวแบบนี้ได้ไง”
“ไม่ใช่เว้ย ไม่ได้จีบ แค่คุยกันถูกคอ แต่สีน้ำน่ะเขาไม่ค่อยแข็งแรง เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ถ้าเห็นเขาแล้วแกทำแบบวันนี้อีก แล้วถ้าฉันรู้แกเจ็บตัวแน่ไอ้ดิน”

นายแบบหนุ่มตาโตนั่งหาวหวอดๆ อยู่ที่โซฟา

“เห็นคนอื่นดีกว่าน้องงั้นหรอเฮีย”
“เออ ถ้าน้องใจร้ายใจดำแบบแกละก็ คนอื่นดีกว่าแน่นอน รับปากมาสิว่าจะไม่ทำแบบนี้แล้ว”
“ต้องมาคาดคั้นด้วยงั้นหรอเฮีย นี่มันอะไรกัน”
“เออ ให้ไว คนแบบแกมันต้องคาดคั้นไม่งั้นไม่ยอมทำ เข้าใจไหมไอ้เหนือดิน”

เหนือดินมองหน้าคนพูดที่ดูจริงจังกับเรื่องนี้ซะเกินเหตุ

“เออ ได้ รู้แล้ว ต่อไปถ้าเจอจะจับใส่รถกลับมาทุกครั้งเลย ดีไหม”
“ดี แล้วฉันจะคอยดู”

**************************************

เอาตอน 2 มาส่งค่ะ ขอบคุณคนอ่านและคนเม้นทุกคนเลยค่ะ  :impress2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-10-2010 20:35:14 โดย LadyMurasaki »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: Love Me Love My Dog ~~PART2~~ 16/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #29 เมื่อ16-10-2010 18:17:04 »

 :L1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด