วันนี้ทั้งๆ ที่เป็นวันหยุดแต่ผมโดนโทรตามให้เข้าไปคุยงานที่สาขาใหญ่ ผู้จัดการบอกว่าเข้าไปตอนไหนก็ได้ ผมเลยไปตอนเย็นซะเลย ผู้จัดการให้ดูรายละเอียดงานใหม่ เป็นงานอบรมการใช้โปรแกรมสต็อคสินค้าให้กับบริษัทฯ หนึ่งที่จ้างให้สถาบันจัดทำโปรแกรมขึ้นมา โดยอบรบให้เพียงแค่สองวันคือวันศุกร์และเสาร์ ถ้าลูกค้าไม่ปรับเปลี่ยนอะไรก็จะเริ่มอบรมได้เลยในสัปดาห์หน้า เพราะอย่างนี้คุณโอ๋ถึงเรียกผมมาคุย คู่มือการใช้โปรแกรมเล่มใหญ่พร้อมด้วยซีดีติดตั้งโปรแกรมเป็นงานที่ผมต้องเริ่มศึกษาตั้งแต่วันนี้ ความจริงงานอบรมถ้าให้ฝ่ายที่พัฒนาโปรแกรมเป็นคนไปอบรมเลยจะสะดวกกว่ามาก เพราะไม่ต้องมานั่งศึกษาการใช้งานอีก แต่ก็อย่างว่า ใช่ว่าคนทุกคนจะสามารถอธิบายสิ่งที่ตัวเองทำได้ถนัด บางทีก็เลยต้องมอบให้คนอื่นทำแทน
ผมนั่งคุยรายละเอียดงานคร่าวๆ ก่อนกลับผู้จัดการย้ำว่าควรอบรมพนักงานบริษัทฯ นั้นในทิศทางไหน เพราะบริษัทฯ นี้เป็นลูกค้าใหม่และเป็นบริษัทฯ ที่เพิ่งเปิดตัว หากสามารถต่อยอดได้อีกจะเป็นผลดี สมัยนี้ไม่ว่าธุรกิจประเภทไหนก็ตาม การบริการเป็นสิ่งสำคัญ บางคนอาจคิดว่าแค่ขายของ ถ้าของตัวเองดีที่สุด ยังไงก็ต้องขายได้มากกว่าคนอื่น ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่เสมอไป บางครั้งคู่แข่งที่มีของดีไม่เท่า แต่บริการเป็นเลิศก็ทำกำไรได้มากกว่า อย่างว่าสมัยนี้บริการหลังการขายกลายเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจของผู้บริโภคไปแล้ว
“โก้!!”เสียงตะโกนเรียกของคนที่กำลังตรงเข้ามาหาทำให้ผมงุนงงว่าจะตะโกนทำไม ในเมื่อผมก็มองเห็นแล้วว่าเขากำลังเดินกึ่งวิ่งมา
“ครับ”
“มาทำอะไรเหรอ หรือว่ามีสอน”
“มาคุยธุระน่ะ ตองล่ะ”
“มาซื้อหนังสือไปอ่านเล่น ไม่คิดเลยว่าจะเจอโก้ที่นี่”อย่าว่าแต่ตองไม่คิด ผมเองก็ไม่คิด เพราะปกติไม่ค่อยได้เดินแถวนี้เลย ช่วงมีสอนก็มาสอน เสร็จก็กลับ ไม่เคยแวะเตร็ดเตร่
ตองชวนผมไปร้านหนังสือด้วยกัน ผมเองก็กะว่าจะไปเดินหาหนังสือไว้อ่านเล่นอยู่แล้วก็เลยตอบตกลง ระหว่างที่อยู่ภายในร้านหนังสือ ตองไม่ได้พยายามเข้ามาพูดคุยกับผมอย่างที่ผมคิดว่าตองจะทำ แต่ตองตรงไปมุมหนังสือที่ตัวเองสนใจ ผมก็เลยมีเวลาส่วนตัวจริงๆ ผมกะว่าจะใช้เวลาดูหนังสือไปเรื่อยๆ จากประสบการณ์รับน้องเท่าที่ผมจำได้ เนมน่าจะมาถึงประมาณทุ่มสองทุ่ม สักหกโมงผมค่อยออกจากที่นี่ก็น่าจะทัน
“ยังไม่ได้หนังสืออีกเหรอโก้”
“ผมดูเรื่อยๆ น่ะ ตองเลือกเสร็จแล้วเหรอ”
“เสร็จแล้ว แค่สามเล่มนี้ก็ไม่รู้จะอ่านเสร็จเมื่อไหร่”
“ชอบแต่งบ้านเหรอ”ผมมองหนังสือเกี่ยวกับการตกแต่งบ้าน ตกแต่งสวนในมือแล้วก็แปลกใจนิดๆ
“ชอบดูน่ะ ส่วนมากก็แค่แต่งห้องตัวเองนิดๆ หน่อยๆ”
“ไม่คิดว่าตองจะสนใจพวกนี้”
“อ้าว แล้วคิดว่าตองจะสนใจอะไรล่ะ”
“ก็....ประมาณนั้นล่ะมั้ง”ผมชี้ไปที่มุมนิยายซึ่งเป็นโซนที่มีหนังสือเยอะที่สุดในร้านเลยก็ว่าได้
“ก็เคยอ่านบ้างนะ แต่ไม่ไหวล่ะ ตัวหนังสือเยอะๆ อ่านแล้วมึน ดูรูปสบายตากว่า แล้วโก้ล่ะ จะเรียนต่อเหรอ”ตองมองหนังสือที่ผมถืออยู่ในมือ ความจริงผมไม่เคยคิดจะเรียนปริญญาโทเลย แต่หลังจากโหมทำงานมานานก็เลยรู้สึกอยากพักบ้าง ถึงงานของผมจะไม่ต้องเข้างานเช้าเลิกตอนเย็นเหมือนคนอื่น แต่ผมก็ทำงานเจ็ดวันตลอด ปีนึงจะมีวันหยุดเสาร์อาทิตย์แค่ไม่กี่เดือน อีกอย่างอาจจะเพราะเที่ยวบ่อยเลยรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้พักผ่อน พออยากมีวันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็กลายเป็นว่ารู้สึกว่างเกินไป ถ้าเรียนต่อปริญญาโทช่วงนี้อาจจะเหมาะกับอารมณ์ผมที่สุด
“เย็นแล้วโก้มีนัดที่ไหนต่อหรือเปล่า”
“โก้รอไปรับคนตอนหนึ่งทุ่มน่ะ ทำไมเหรอ”
“ก็ตองว่าจะชวนไปหาอะไรกิน ได้มั้ย”
“ก็น่าจะได้นะ แต่หกโมงผมต้องไปนะ”
“ได้ครับ”ตองรับปากพร้อมเดินนำไปร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตองบอกว่าเป็นร้านประจำ
ระหว่างทานอาหารตองก็ชวนคุยเรื่องหนังสือบ้าง เรื่องเรียนต่อเพราะตองก็เริ่มอยากเรียนเหมือนกัน เรื่องน้องของตอง แต่เรื่องวันนั้นที่ไปเที่ยวด้วยกันตองไม่เอ่ยถึงเลย ผมนึกว่าตองจะต่อว่าผมเสียอีก ดูๆ ไปแล้วตองเป็นประเภทที่ชอบตามแต่ไม่ตื้อล่ะมั้ง ซึ่งตรงนี้ก็ดีเพราะทำให้ไม่รู้สึกน่ารำคาญมากเกินไป และทำให้ผมคุยกับตองได้เรื่อยๆ พอผมเริ่มเบื่อๆ ตองก็จะถอยไปเอง
“งั้นแยกกันตรงนี้นะ เดี๋ยวตองต้องขึ้นไปเอาของชั้นบนสักหน่อย”
“ซื้ออะไรไว้ล่ะ ผมไปช่วยขนมั้ย”ที่ถามก็เพราะเห็นว่าตอนนี้ของก็เต็มสองมือแล้ว แถมตองยังบอกว่าไม่ได้ขับรถมาอีก
“ก็มีหลอดไฟกับชั้นวางของในห้องน้ำน่ะ”
“นำไปสิ เดี๋ยวไปส่ง”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวตองนั่งแท็กซี่กลับเองได้”
“ไปเถอะน่า”ผมแตะข้อศอกให้ตองเดินนำไป ไม่ว่าตองจะตั้งใจวางแผนไปส่งหรือไม่ ผมก็ตัดสินใจไปแล้ว และคอนโดฯ ของตองก็อยู่ไม่ไกลจากผมมากเท่าไหร่ด้วย เมื่อนึกถึงผลได้ผลเสีย สำหรับผมมันไม่มีอะไรเสีย ส่วนจะได้อะไรนั้น...ต้องรอดูอีกที
ผมบอกตองว่าจะรับน้องไปส่งที่กลับคอนโดฯ ก่อน แล้วค่อยไปส่งตองทีหลัง ซี่งตองไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เรานั่งคุยกันในรถที่จอดอยู่ทางเข้าออกมหาฯ ลัยไม่นานก็เห็นรถบัสคันใหญ่เลี้ยวเข้ามาหลายคัน ผมขับรถไปจอดใกล้ๆ ในจุดที่มองเห็นได้ ไม่นานทั้งสองคนก็เดินตรงมาที่รถ
“พี่โก้แวะส่งเพื่อนเนมที่หอด้วยนะ”ทันทีที่เข้ามานั่งเนมก็เริ่มพูด ผมมองผ่านกระจกหลังแล้วพยักหน้าตอบ
“นี่เพื่อนพี่ชื่อตอง”ไม่รู้จะเรียกว่าแนะนำให้รู้จักกันได้หรือเปล่า เพราะไม่มีคำอธิบายว่าใครเป็นใคร บอกแค่ชื่อให้จดจำเท่านั้น ซึ่งจะจำหรือไม่จำผมก็ไม่ค่อยได้สนใจ
ตลอดทางผมสังเกตเห็นสองคนด้านหลังนั่งกุมมือกันเงียบๆ ตองเองก็พลอยนั่งเงียบไปด้วย แต่ถ้าให้เดาผมว่ามีคนอย่างน้อยสองคนในรถกำลังสงสัยว่าอีกฝ่ายเป็นใครแน่ๆ
ผมจอดรถหน้าหอพักที่เคยมาส่งเนมบ่อยๆ ตอนแรกเนมทำท่าเหมือนจะลงตามเพื่อนไปด้วย แต่ก็เปลี่ยนใจนั่งนิ่งบนรถตามเดิม ผมขับไปส่งเนมที่คอนโดฯ ก่อน แล้วค่อยไปส่งตองทีหลัง ตองชวนให้ผมแวะขึ้นไปหาอะไรดื่มแต่ผมปฏิเสธ เพราะคิดว่าถ้าขึ้นไปคงเรื่องยาว ส่วนที่ว่าตองจะขนของอย่างไรนั้นก็คงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานด้านล่างคอนโดฯ แล้วกัน
กลับเข้ามาถึงห้อง ภายในมืดสนิท เนมคงเหนื่อยจากรับน้องเลยนอนหลับไปแล้ว ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมานั่งดื่มเบียร์หน้าโทรทัศน์ เดิมทีที่คิดว่าเนมน่าจะหลับ ความจริงอาจไม่ใช่ก็ได้ บางทีอาจจะกำลังนอนคิดมาก สับสน หรือร้องไห้ ที่เนมบอกว่าผมเป็นผู้ใหญ่ที่เลวกว่าเดิมนั้นน่าจะจริง เนมคงสับสนว่าผมกำลังทำอะไร ทำไมถึงต้องอาสาไปรับ ความจริงคงคิดมากตั้งแต่วันแรกที่ไปรับน้องแล้วด้วยซ้ำ เนมไม่ใช่เด็ก แต่ก็ยังไม่โตพอจะเข้าใจอะไรทั้งหมด ผมอยากให้เนมได้คิด ได้ทบทวนสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมแสดงออก แล้วคิดให้ออกว่า...ผมตั้งใจทำให้สับสน ขอแค่คิดออก แล้วเนมจะรู้เองว่าควรทำอย่างไรต่อไป เมื่อถึงตอนนั้นเรื่องที่ยังค้างๆ คาๆ อยู่ในความรู้สึกของเนมจะได้หมดไปเสียที
รุ่งเช้าผมตื่นมาแต่เช้าแต่เนมยังไม่ตื่น ผมกะว่าจะไปส่งที่มหาฯลัย แต่เมื่อเคาะเรียกแล้วกลับได้ยินเสียงตะโกนกลับมาสั้นๆ คำเดียวว่า ‘โดด’ ผมก็เลิกปลุก วันนี้มีสอนตอนบ่าย ผมเลยมีเวลาทำอาหารนิดหน่อย เวลาที่เหลือก็หมดไปกับการอ่านคู่มือโปรแกรมที่จะต้องอบรม จนกระทั่งบ่ายกว่าตอนผมออกจากห้องเนมก็ยังไม่ออกมา และผมก็ไม่คิดจะเรียก
“ไงโก้ ได้ข่าวรับจ๊อบอีกแล้วเหรอ”นิ้งทักตั้งแต่ก้าวแรกที่ผมเดินเข้ามา ผมเดินไปนั่งคุยด้วย
“นิดหน่อย แค่สองวันเอง”
“อบรมเองเหรอ นึกว่าเขียนโปรแกรมเขียนเว็บอีก”
“อันนั้นยังไม่รับหรอก เหนื่อย ขี้เกียจด้วย ว่าจะเรียนต่อ เรียนด้วยกันมั้ย”
“โหย ไม่เอาหรอก แค่นี้ก็ไม่ค่อยมีเวลาสวีทแล้ว เดี๋ยวที่รักแอบไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยพอดี”
“พูดเป็นเล่น พี่เขาออกจะหงิ๋ม”
“ค่ะ หงิ๋มมากค่ะ ต่อหน้าคนอื่นน่ะนิ่ง แต่อย่าถลกหน้ากากออกนะ จะเห็นเลยว่าลายพร้อยแบบเสือดีๆ นี่เอง ช่วงจีบกันใหม่ๆ นี่ทั้งแอร์ทั้งลูกค้าบนเครื่อง ฉันล่ะปวดหัว เป็นกระเทยจะตบผู้หญิงก็หาว่าผิดอีก บอกไม่แมน รังแกผู้หญิง ถ้าแมนกูจะทำนมทำไมวะ”
“มึงพูดอย่างนี้กับพี่เค้าหรือเปล่าล่ะ”
“พูดสิยะ แล้วเพราะพูดนี่แหละเลยเริ่มเป็นแฟนกัน เค้าบอกว่าตลกดี”ผมนั่งคุยเล่นกับนิ้งจนได้เวลาสอน กว่าจะกลับบ้านได้ก็เกือบสามทุ่มเพราะเด็กที่เรียนมีสอบเก็บคะแนนวันพรุ่งนี้เลยให้ผมอธิบายโจทย์ที่เก็งกันมาว่าน่าจะออกสอบ
ผมแวะซื้อก๋วยเตี๋ยวไก่สองถุงและข้าวมันไก่อีกสองที่หน้าปากซอย ถึงจะซื้อของสดมาไว้ทำอาหารแต่ก็ไม่ได้มีอารมณ์อยากทำมากเท่าไหร่ ความคิดว่าที่ว่าบางทีเนมอาจจะไม่อยู่ในห้องต้องล้มเลิกไป แทนที่จะไม่อยู่ กลับอยู่แถมมีแขกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน คนที่ผมไปส่งที่หอพักเมื่อวานนี้
“เพื่อนเนมมาค้างด้วยนะพี่โก้”
“อืม กินอะไรกันรึยังล่ะ พี่ซื้อมาเยอะพอดีเลย”ผมซื้อมาเยอะเพราะกะว่าถึงเนมไม่ทานก็ยังเก็บไว้มื้อเช้าได้
“พอดีเลย เนมว่าจะสั่งพิซซ่าอยู่พอดี”เนมเดินมาเลือกข้าวมันไก่และก๋วยเตี๋ยวไปจัดใส่จานชาม ผมเดินเข้าห้องตัวเองเพื่อเก็บของแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวออกมาอาบน้ำที่ห้องน้ำด้านนอก เมื่ออาบน้ำเสร็จสองคนนั้นก็ทานอาหารตรงหน้าหมดแล้ว ได้ยินเนมกำลังโทรสั่งพิซซ่า นึกอยู่แล้วล่ะว่าไม่น่าจะอิ่ม สงสัยจะนอนทั้งวันเลยไม่ค่อยได้ทานอะไร ผมหยิบเบียร์ในตู้เย็นก่อนจะเดินเข้าห้อง ถ้าไม่ได้คิดไปเอง ผมว่าตลอดเวลาตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในห้องนี้ เพื่อนคนสนิทของเนมคอยมองตามผมตลอดจนผมอดที่จะหยุดยืนเพื่อหันไปดูชัดๆ ก่อนเข้าห้องนอนไม่ได้
“กล้ามพี่เท่ห์ดี เล่นกล้ามด้วยเหรอครับ”เป็นประโยคแรกที่คีย์พูดกับผม ก็ทำเอางงไปนิดหน่อยล่ะนะ
“เมื่อก่อนเล่นนิดหน่อย ตอนนี้แค่เข้าฟิตเนสนานๆ ครั้งน่ะ อยากมีกล้ามเหรอเรา”
“ก็นิดหน่อยครับ อยากมีกล้ามท้องบ้าง”
“ซิทอัพบ่อยๆ เดี๋ยวก็ได้ ตามสบายนะ เบียร์ในตู้เย็นจะกินก็หยิบเอาเลย แล้วพรุ่งนี้จะไปเรียนกันรึเปล่า”
“ไปครับ พรุ่งนี้มีสอบเก็บคะแนน”
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งแล้วกัน”
“ไม่เป็นไร ผมเอารถมา”คีย์คงหมายถึงมอเตอร์ไซต์ที่ผมเห็นเมื่อวันนั้น ผมพยักหน้ารับรู้แล้วเดินเข้าห้องตัวเอง แต่ยังไม่ทันจะปิดประตูห้องก็ได้ยินเสียงดัง ‘ตุบ’ ก่อนจะมีเสียงร้องตามมา คาดว่าคนร้องคงจะเป็นคีย์ ส่วนเนมจะทำอะไรนั้นไม่แน่ใจเหมือนกัน
ผมแต่งตัวแล้วเดินออกจากห้อง เนมคงชินแล้วที่เห็นผมออกไปเที่ยวดึกๆ ความจริงผมก็แค่แวะไปนั่งร้านพี่ปั้น ดื่มบ้างนิดหน่อยแค่นั้น เหมือนไปหาเพื่อนคุยเสียมากกว่า
“อ้าวไอ้โก้ นึกว่าจะไม่มา”ผมเดินมาทางเคาน์เตอร์ยังไม่ทันนั่งพี่ฟ้าก็เดินมาทักเหมือนนกรู้
“อะไร”ประโยคของพี่ฟ้ามันชวนสงสัย เหมือนว่านัดผมเอาไว้แล้ว แต่ผมจำได้ว่าวันนี้ไม่ได้นัดนะ
“อ้าว ก็.......มึงไม่รู้เหรอ”
“อะไรล่ะ”
“......เอาไงดีวะ ปั้นๆ มานี่หน่อยดิ๊”พี่ฟ้าตะโกนเรียกพี่ปั้นที่ยืนคุยกับลูกค้าอยู่โต๊ะหนึ่ง พอพี่ปั้นเห็นผมก็รีบเบียดผู้คนเข้ามาหา ฉีกยิ้มกว้างทักทายอย่างอารมณ์ดีจนผมสงสัยว่าเมาหรือเปล่า
“โหยยย ไม่คิดว่าโก้จะมานะเนี่ย”
“อะไรพี่ ผมงงนะเนี่ย”
“โก้มันไม่รู้แน่ๆ เลยปั้น เอาไงดีล่ะ”พี่ฟ้าหันไปถามเชิงปรึกษาโดยไม่สนใจผมที่เป็นคนกลางตรงหน้า
“โก้ไม่รู้ว่าพี่กฤษกับตี๋มาเหรอ”ไม่แปลกใจเลยที่พี่ฟ้าไม่กล้าพูด รวมถึงที่พี่ปั้นพูดโดยไม่ตั้งใจ แต่เมื่อพูดออกมาแล้วก็ต้องหันมองหน้าผมที่นิ่งไปหลังจากได้ยิน ทั้งๆ ที่เสียงเพลงในร้านค่อนข้างดัง แต่เหมือนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองชัดกว่า ได้ยินว่ามันเต้นหยุดเต้นไปชั่วขณะก่อนจะเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
“........งั้นผมกลับก่อนดีกว่า”
“ไม่ไปหามันก่อนเลย มันถามถึงมึงอยู่นะ”
“....เหรอ”
“เฮ้ออ...งั้นก็กลับไปก่อนไป แล้วพรุ่งนี้ค่อยมากินเหล้ากัน เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง โอเคนะ”
“ได้พี่ งั้นผมไปล่ะ”พี่ฟ้ายกมือตบไหล่เบาๆ ผมหันหลังเดินออกจากร้านตรงมาที่รถตัวเองให้เร็วที่สุด ไม่ได้หนี แต่....ยังไม่พร้อม
“โก้!!”เสียงเรียกจากด้านหลังค่อนข้างคุ้นหู ทันทีที่ผมหันหลังกลับมองก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกล ผมรีบกวาดสายตามองรอบๆ แล้วก็ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อไม่เห็นอื่นอยู่แถวนี้อีก
“ไงครับ....พี่กฤษ”
“ไม่เข้าไปข้างในเหรอ”
“ไม่ดีกว่า”
“แต่.....ตี๋อยากเจอนะ”
“............”
“ถ้าพี่ไม่ได้มาด้วยโก้คิดจะไปเจอตี๋มั้ย”พี่กฤษถามยิ้มๆ ผมรู้ว่าเขาไม่ได้ถามแบบหาเรื่อง แต่...แค่ถาม
“มันไม่ได้เกี่ยวกับพี่”ผมไม่ได้ประชด แต่เขาไม่ได้เป็นตัวแปรในการตัดสินใจของผมจริงๆ
“พี่ก็ว่างั้น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่พี่หรือตี๋ แต่อยู่ที่ตัวนายเอง เรื่องมันผ่านมานานแล้ว ทำไมยังไม่เดินต่อ”
“มันไม่ใช่เรื่องของพี่นะครับ”
“แต่ตี๋มันเป็นห่วงนะ ว่างๆ ก็โทรหาบ้างสิ”
“ผมกลับล่ะ”ผมเปิดเข้าไปนั่งในรถ คนด้านนอกยืนอยู่สักพักก่อนจะเดินกลับเข้าไปข้างใน ผมไม่ได้เกลียดคนๆ นี้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้จักจนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่เคยเกลียด ทั้งๆ ที่ผมควรจะเกลียด ผมน่าจะเกลียด...น้อยคนนักที่จะเข้าใจการกระทำของผม และคนที่อ่านความคิดผมออกยิ่งมีน้อยกว่า แต่ต้องยอมรับว่าเขาเป็นหนึ่งในนั้น และเพราะอย่างนี้ผมถึงได้วางใจ....ที่จะปล่อยมือ
ผมแวะซื้อเบียร์ระหว่างทาง เมื่อขับมาถึงคอนโดฯ ก็ขึ้นไปนั่งดื่มบนดาดฟ้า บางคนมักจะเกลียดคนที่ทำให้ตัวเองสูญเสีย เกลียดสถานที่ที่มีความทรงจำไม่ดี แต่ผมไม่เป็นอย่างนั้น ผมยังคงคุยกับพี่กฤษได้ ยังคงขึ้นมานั่งเล่นบนดาดฟ้าและถือว่าเป็นสถานที่โปรดแห่งหนึ่ง ยังคงนั่งในมุมเล็กๆ เหมือนเมื่อก่อน ที่ตรงนี้ มุมนี้ สถานที่เดิมๆ แต่ไม่มีภาพที่ทำให้ครั้งหนึ่งเคยเสียใจ พี่กฤษถามว่าทำไมยังไม่เดินต่อ ผมอยากจะบอกว่าผมเดินแล้ว...เดินออกมาจากเส้นทางที่ตัวเองเคยอยากเดิน เดินมาเส้นทางใหม่ อาจไม่ใช่ทางที่หลายคนอยากให้เป็น แต่ผมเลือกที่จะเดินแบบนี้ ณ. ตอนนี้ อาจเดินเป็นวงกลม วกไปวนมาในพื้นที่แคบๆ แต่ไม่ได้ไม่มีความสุข แค่...ยังเดินเพียงลำพัง...เหมือนเมื่อก่อน
เบียร์ครึ่งโหลก็ทำให้มึนไปบ้างเหมือนกัน อาจเพราะท้องว่างตั้งแต่เย็นเลยมึนง่าย ผมเดินลงทางบันไดหนีไฟจนมาถึงหน้าห้องตัวเอง ไขกุญแจเปิดเข้ามาในห้อง เหมือนภาพวันเก่าๆ ย้อนกลับมา แต่ไม่นานก็รู้ดีว่าไม่ใช่ แต่ไม่ได้ช่วยทำให้ความโกรธลดน้อยลงไปเลย
“ทำอะไรกัน!!”ผมตะโกนเสียงดัง คนที่คล่อมอยู่ด้านบนค่อยๆ ลุกออกจากร่างที่นอนบนโซฟาอย่างอ้อยอิ่ง เนมหันหน้ามามองผมก่อนจะยิ้มน้อยๆ อย่างไม่รู้สึกรู้สา ผมคิดว่าเนมจะเข้าใจการแสดงออกง่ายๆ ของผม เห็นพาคีย์มาค้างก็คิดว่าจะตกลงปลงใจกันเรียบร้อย แต่นี่ไม่ใช่เลย การแสดงออกทั้งสีหน้าและท่าทางตอนนี้เพียงแค่ยั่วให้ผมโกรธ หรือไม่ก็ทดสอบว่าผมจะหึงหวงหรือเปล่า นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ผมต้องการ
“โทษที เนมไม่คิดว่าพี่โก้จะกลับเร็ว”เนมดึงคีย์ให้ลุกขึ้นนั่ง คีย์เหมือนจะยังไม่ทันตั้งตัวจากการที่กอดจูบกับเนมเมื่อครู่ รวมถึงไม่คิดว่าผมจะเข้ามาเห็น แต่ตอนนี้คงพอจะรู้แล้วว่าเนมตั้งใจทำเพื่อให้ผมเห็น ผมเดินไปหยุดตรงหน้าก่อนจะหยิบเงินในกระเป๋ายัดใส่มือเนมไป
“ห้องพี่ไม่ใช่โรงแรม ถ้าอยากมากก็ไปเช่าโรงแรมซะ ใกล้ๆ นี่ก็มี แต่อย่ามามั่วในห้องนี้ ห่างจากคอนโดฯ ไปไม่ไกลหรอก น่าจะคืนละไม่ถึงพันนะ รีบขับกลับมาคืนตอนเช้าด้วยล่ะ”ผมโยนกุญแจรถให้คีย์รับไปแล้วหันหลังเดินเข้าห้อง แต่เนมดึงมือผมให้หันกลับไป พร้อมๆ กับฝ่ามือที่ฟาดเข้าเต็มหน้าจนรู้สึกแสบ
“อย่าทำกับเนมแบบนี้นะ!!”
“พอใจรึยัง”
++++++++++++++++++++++++++
ค้างมั้ย...........