สรุปว่า วันรุ่งขึ้นไอ้แจ็คก็กลับมาทำตัวร่าเริง ส่วนไอ้เจ๋งแม้จะเงียบๆ ไปบ้าง แต่ก็ยังคงไปเที่ยวด้วยกัน ผมเองก็โล่งใจที่อย่างน้อยไอ้เจ๋งก็ไม่สร้างปัญหาอะไรขึ้นมาอีก และวันรุ่งขึ้นไอ้เจ๋งก็เดินทางไปเยอรมันแต่เช้า ตอนแรกเห็นมันว่าจะไปช่วงเย็น แต่ผมกับไอ้แจ็คก็ไม่มีใครคัดค้านหรือทักท้วงอะไรขึ้นมา มันอยากไปก็ไป ผมบอกแล้วว่าผมไม่ใช่คนใจดีอะไร ผมถือว่าผมเก็บตังค์กันมาเพื่อที่จะมาเที่ยวกันสองคน ไอ้เจ๋งถือเป็นตัวแถมของงาน ถ้ามันจะไปก็ไป ผมไม่ห้าม!
“เฮียต๊อดจ๋า น้องแจ็คกราบขอบพระคุณงามๆ ที่เฮียมอบที่พักอาศัยให้น้องแจ็คกับเพื่อนได้พักกันอย่างสุขสบายเป็นเวลาสองคืนสามวัน น้ำใจนี้น้องแจ็คจะไม่ลืมเลยจ้ะ” และนอกจากวันนี้จะเป็นวันที่ไอ้น้องเจ๋งต้องจากไป ก็เป็นวันที่ผมกับไอ้แจ็คจะต้องย้ายไปนอนที่อื่นกันแล้ว เพราะแฟนเฮียต๊อดกำลังจะกลับมา
“ไม่ต้องเวอร์ไอ้เหี้ยแจ็ค เดี๋ยววันกลับกูขับรถไปส่งที่สนามบินนะ จะฝากของไปให้พ่อแม่กูด้วย” ไอ้แจ็คพยักหน้ายิ้มแป้นรับคำ
“ขอบคุณนะครับเฮียสำหรับที่พัก กับอาหาร ไว้ถ้าเฮียกลับเมืองไทย ให้ผมพาไปเลี้ยงเหล้านะ” ผมขอบคุณเฮียต่อจากไอ้แจ็ค แล้วเราก็ล่ำลาเฮียต๊อดไป
ไอ้แจ็คจองโฮสเทลเล็กๆ เอาไว้ เป็นโฮสเทลที่ยังดูใหม่ ไม่ใหญ่โต ราคาพอรับได้ และมีห้องเตียงคู่ ที่แม้ห้องจะเล็ก และแพงกว่าห้องรวมสักหน่อย แต่ก็ยังถูกกว่าโรงแรมทั่วๆ ไป
“วู้ว!!! ในที่สุดน้องแจ็คก็จะได้อยู่ตามลำพังกับพี่ฟี่ที่รักแล้ว เย้!!!!” ยังไม่ทันได้หย่อนก้นนั่งบนที่นอน ไอ้ตัวดีมันก็กระโดดเข้ามากอดผมแน่น
“อือ! ปล่อยก่อนไอ้เหี้ย กระป๋งกระเป๋ายังไม่ทันวางเลยไอ้ห่า” ด่าไปอย่างนั้น แต่ก็ดีใจที่มันกอด
“ก็เราไม่ได้กอดกันมาสามวันแล้วนะพี่ฟี่ พี่ฟี่ไม่คิดถึงอ้อมกอดอันอบอุ่นของน้องแจ็คเหรอ” อ้อนตีนเป็นเรื่องปกติของไอ้แจ็ค
“เออ รู้แล้ว แต่ขอปลดกระเป๋าออกจากหลังก่อนได้ไหม”
“ได้สิจ๊ะ พี่ฟี่อยากทำอะไรน้องแจ็คตามใจอยู่แล้ว” ผมปลดเป้ออกจากหลัง แล้วถือไปวางเอาไว้ตรงมุมห้องจะได้ไม่เกะกะ เดินกลับมานั่งลงบนเตียง ไอ้แจ็คก็เริ่มเข้ามาคลอเคลียอีกครั้ง
ฟอด!!!
“คิดถึงพี่ฟี่จัง” ไอ้แจ็คเข้ามาโอบจากด้านหลัง แล้วชะโงกหน้าเข้ามาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ แรกๆ ที่มันทำแบบนี้ ยอมรับว่าเขินแล้วรับตัวเองไม่ค่อยได้หรอกครับ มันให้ความรู้สึกว่าตัวเองเป็นสาวน้อยยังไงก็ไม่รู้ เคยด่าให้มันเลิกทำด้วย แต่มันก็เอาหูทวนลมตามสไตล์ไอ้แจ็ค หลังๆ ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย ก็ถึงแม้จะเขิน แต่มันก็ทำให้ใจเต้นแรง จนต้องเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“อยู่ด้วยกันตลอด มาคิดถึงบ้าอะไรอีกวะ” ผมก็พูดแก้เขินไปตามเรื่อง ปล่อยให้ไอ้แจ็คมันนัวเนีย หอมนั่นนิด จูบนี่หน่อยต่อไป
“คนปากแข็ง ไหนมาให้น้องแจ็คทำให้ปากหายแข็งหน่อยดิ๊” ไอ้แจ็คขยับมานั่งข้างๆ ผม ก่อนจะชะโงกหน้าเข้ามาจูบ ผมเผยอปากน้อยๆ รอรับรสสัมผัส เราค่อยๆ จูบกันช้าๆ ไม่มีใครรีบร้อน รสสัมผัสและจูบของเรายังคงเหมือนเดิม แบบนี้สิ ไอ้แจ็คของผม
“อือ.. พอก่อนแจ็ค เรามาเที่ยวนะเว้ย ไม่ได้มาเปลี่ยนที่เอากัน นี่เพิ่งจะสี่โมงเย็น ออกไปเที่ยวกันก่อนเหอะ แล้วคืนนี้จะทำอะไรก็ค่อยว่ากัน” ผมต้องเบรคไอ้คนมือไว ก่อนที่มันจะเลยเถิดไปมากกว่าจูบ ยังไงซะผมก็ยังอยากเที่ยวเยอะๆ อยู่ดี
และหลังจากนั้นพวกเราก็ตะลอนเที่ยวกันตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ตกดึกกลับมาแทนที่จะเหนื่อยอ่อนจากการตะลอนทัวร์ แต่เรากลับเริ่มต้นบทรักระหว่างสองเราอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ไอ้แจ็คปรนเปรอผมอย่างเต็มที่ มันอ่อนหวาน แต่ก็เร่าร้อน เนิบช้า แต่ก็เร่งเร้า ผมชักจะเริ่มเห็นด้วยกับมัน ว่าการเปลี่ยนที่เอากัน มันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่น้อย ถือว่าเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ของชีวิตคู่แล้วกัน!
“อืมแจ็ค…” ผมครางประท้วงอย่างขัดใจเมื่อไอ้คนที่กำลังปรนเปรอผมอยู่ กลับหยุดสปีดที่กำลังเร่งแรง
“พี่ฟี่รักน้องแจ็คไหม” จะถามเอาโล่เหรอไงวะ กำลังจะถึงที่ก็เสือกหยุดถามในสิ่งที่รู้อยู่แกใจว่ากูรักมึงมากแค่ไหน
“ไม่รักแล้วไอ้สัด ถ้ามึงไม่ต่อให้เร็วกว่านี้ จะหยุดช้าลงทำเหี้ยอะไรเนี่ย” ร่างเปลือยเปล่าของเราทั้งคู่เสียดสีกัน ผสานกับเสียงหอบ และกลิ่นกาย ปลุกอารมณ์ดิบให้ผมต้องการมันมากยิ่งขึ้น
“ก็น้องแจ็คโรแมนติก เราอยู่ในเมืองสุดแสนจะโรแมนติก การเอากันของเราก็ต้องเป็นไปอย่างโรแมนติกสิ” ถ้าไม่ติดว่ามันยังคงอยู่ในตัวผม ผมจะถีบแม่งให้ติดข้างฝา
“ไอ้สัตว์แจ็ค จะเอากูต่อหรือไม่เอา ถ้าไม่เอาก็ออกไปเลยไป…” เหี้ยเอ๊ย กูพลิกขึ้นมาเสียบมันแทนดีไหมเนี่ย
“ใจร้าย!!”
“กูรักมึงนะ!” จบคำผมก็ได้รับจูบมาเป็นรางวัล ก่อนที่ไอ้แจ็คจะเดินหน้าเร่งสปีดใส่ผมต่อไม่ยั้ง ผมรักสัมผัสของไอ้แจ็ค รักทุกอย่างที่เป็นมัน
“อะ อืม แจ็ค!!!”
“ฟี่... อืม แจ็ครักฟี่นะ” สิ้นเสียงบอกรักจากไอ้ฟี่ มันก็พาผมไปจนถึงฝั่ง... ไอ้แจ็คก้มลงมาจูบผมครั้งแล้วครั้งเล่า เราจูบกันอย่างไม่รู้จักเบื่อ ไอ้แจ็คเฝ้าจูบคลอเคลีย สลับกับบอกรัก ผมชอบเวลาแบบนี้ มันรู้สึกอุ่นซ่านในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก มันทำให้รู้สึกว่าคนตรงหน้าเป็นของเราจริงๆ
“แจ็ค...” หลังจากเสร็จกิจ ผมลุกเดินไปฉี่แล้วกลับมานั่งพิงอยู่บนเตียง โดยมีไอ้คนที่เพิ่งทำผมเหนื่อยเมื่อกี้นอนฟุบหน้าลงข้างๆ
“หืม!” เสียงอู้อี้รับคำ
“มึงว่าเราจะยังรักกันไปอีกนานแค่ไหนวะ” ไอ้คนที่นอนคว่ำอยู่รีบเด้งตัวขึ้นมานั่งจ้องหน้าผมทันที
“ถามอะไรแบบนั้นวะพี่ฟี่ จะเลิกรักกันแล้วเหรอไง” ไอ้นี่ทำหน้าตาจริงจัง แต่ดูก็รู้ว่าตกใจกับสิ่งที่ผมถามออกมา
“คนเรา อะไรๆ มันก็ไม่แน่นอนนี่หว่า ไม่ใช่ว่ากูจะเลิกรักมึง แต่กูก็กลัวว่ามึงจะเลิกรักกู”
“อะไรทำให้คิดแบบนั้น มีใครหรืออะไรมาทำให้พี่ฟี่คิดว่าแจ็คจะไม่รักพี่ฟี่หะ”
“กูคิดของกูเองนั่นแหละ ไม่รู้ว่ะแจ็ค บางทีกูก็กลัว กูกลัวอนาคต” ผมเคยเจ็บเพราะรักมาก่อน และเรื่องครั้งนั้นมันก็เป็นประสบการณ์ที่ทำให้ผมต้องระวังตัวเรื่องความรักครั้งต่อไป
“อนาคตกูก็ไม่รู้อะไรทั้งนั้น กูตอบอะไรไม่ได้หรอกเพราะกูก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้กูรักมึง ไม่พอเหรอพี่ฟี่ ตั้งแต่กูมีมึง กูไม่เคยมองใคร ถึงกูจะเป็นคนขี้เล่นเป็นกันเองกับทุกคน แต่กูก็ไม่ใช่คนเจ้าชู้ กูรักมึงคนเดียว กูรักเดียวใจเดียว และกูอยากอยู่กับมึงแค่คนเดียวเท่านั้น ถ้าหากอนาคตมันจะมีอะไรทำให้เราต้องเลิกกัน แต่อะไรนั่นมันต้องไม่ใช่เพราะกูหมดรักมึงแน่ๆ”
ไอ้แจ็คประคองหน้าผมด้วยสองมือ แล้วพูดกับผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมเชื่อใจมัน และผมเชื่อว่าทุกคำพูดที่มันพูด มันคือเรื่องจริง
“มึงจะขอทุนมาเรียนต่อไหม เฮียต๊อดบอกว่า ถ้าเป็นมึงต้องได้ทุนนี้แน่ๆ” ในที่สุด ผมก็ถามในสิ่งที่ยังติดค้างอยู่ในใจออกมา ผมยอมรับว่าถ้าเราห่างกัน อะไรๆ มันจะเปลี่ยนไป
“เรื่องนี้สินะที่ทำให้พี่ฟี่เครียด... พี่ฟี่กูถามมึงคำนึง เรื่องทุนเรียนต่อเนี่ยใครเป็นคนพูด”
“ก็ ก็เฮียต๊อดไง”
“นั่นไง เฮียต๊อดพูด แล้วมันใช่ออกมาจากปากกูเหรอ มันใช่สิ่งที่กูพูดรึเปล่า... ถ้าไม่ใช่ ไม่ได้ออกมาจากปากกู แสดงว่ามันไม่ใช่สิ่งที่กูจะเลือก หรือกูจะต้องทำ ต่อให้สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เป็นทางที่เหมาะสมที่สุด แต่ถ้ากูไม่เลือก ก็คือไม่เลือก ถึงมันจะออกมาจากปากใครก็ตาม แต่ขอให้มึงเชื่อเฉพาะสิ่งที่ออกมาจากปากกูก็พอ”
“แต่นี่เป็นอนาคตของมึงนะ มึงรักดนตรีคลาสสิคมากไม่ใช่เหรอ มึงก็บอกเองว่ามหาวิทยาลัยนี้ เป็นมหาวิทยาลัยที่สุดยอดทางด้านดนตรีคลาสสิค มึงไม่เสียดายหรือไง” ไม่ใช่ว่าผมจะโชว์แมนเสียสละปล่อยให้มันไปหรอกนะ แต่บางทีคนเราก็ต้องแบ่งที่ว่างเพื่อเดินไปทำตามความฝันของตัวเองบ้าง ถ้ามันต้องการที่ว่างตรงนั้น ผมก็ไม่ควรจะไปเป็นตัวถ่วง
“พี่ฟี่รู้ได้ยังไงว่าการมาเรียนต่อที่นี่คืออนาคตของกู กูรักดนตรีคลาสสิคก็จริง แต่กูก็รักงานที่ทำอยู่ทุกวันนี้เหมือนกัน เรื่องเรียนต่อต่างประเทศไม่ใช่ความคิดที่อยู่ในหัวกูเลยด้วยซ้ำ ต่อให้กูไม่ทำวงกับพวกไอ้เหี้ยริว กูก็ยังอยากทำงานเบื้องหลังที่บ้านเรามากกว่า แล้วไม่ต้องคิดว่าพี่ฟี่เป็นตัวถ่วงนะ พี่ฟี่ไม่ใช่ตัวถ่วง แต่พี่ฟี่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกู พี่ฟี่เป็นคนรักนะ ไม่ใช่คนอื่น น้องแจ็ครักพี่ฟี่นะ”
ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดไม่กี่ประโยคของไอ้แจ็คจะเรียกความเชื่อมั่นจากผมได้ขนาดนี้ ผมเชื่อมัน ผมไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่ถ้าเรายังคงรักกันแบบนี้ อยู่ด้วยกันแบบนี้ ต่อไป สิ่งที่จะทำให้เราเลิกกันต้องไม่ใช่เพราะว่าเราหมดรักกันแน่ๆ
“กูก็รักมึงนะ กูไม่รู้ว่าอนาคตของกูจะเป็นยังไง แต่กูอยากให้อนาคตของกูมีมึงอยู่” ผมยื่นหน้าเข้าไปจูบมัน จูบที่หวานที่สุดเท่าที่เราเคยจูบกันมา หวาน อบอุ่น และมั่นคง
“พี่ฟี่ของน้องแจ็คก็โรแมนติกเหมือนกันน้า... น้องแจ็คร้าก รักพี่ฟี่เวอร์ชั่นนี้จังเลย หวานๆ ใส่น้องแจ็คบ่อยๆ นะ น้องแจ็คขาดความหวาน ปกติพี่ฟี่ชอบเลี้ยงน้องแจ็คด้วยลำแข้ง น้องแจ็คอ่อนแอ น้องแจ็คบอบบาง น้องแจ็คต้องการความรักความเมตตาจากพี่ฟี่มาหล่อเลี้ยง” หึ ไอ้บ้าเอ๊ย! ไอ้แจ็คก็ยังคงเป็นไอ้แจ็คจริงๆ แต่แบบนี้แหละที่ผมชอบ! ไอ้แจ็คของผม
“เพ้อเจ้อ!...” ผมส่ายหน้าให้กับไอ้แจ็คคนเวอร์ชั่นดั่งเดิม ก่อนที่ผมจะเป็นคนเริ่มต้นบทรักของเราอีกครั้ง!
เวียนนา เมืองแห่งดนตรี ศิลปะ อบอวลไปด้วยความโรแมนติก นอกจากเวียนนาจะทำให้ผมตกหลุมรักเมืองนี้แล้ว เวียนนายังทำให้ผมตกหลุมรักคนรักของผมอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่รู้จะขอบคุณบรรยากาศ อากาศ ดนตรี สถาปัตยกรรม ศิลปะ วัฒนธรรม อาหาร หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ผมมีความสุขได้ขนาดนี้ อ่อ! แต่ผมรู้แล้วล่ะว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่ผมต้องขอบคุณก็คือ... ขอบคุณมึงมากๆ ไอ้น้องแจ็คคนรักของผม คนรักบ้าๆ บอๆ ที่รักผมที่สุด ไอ้น้องแจ็คของพี่ฟี่
++++++++++++++++++++++++
+ สวัสดีค่า มาแล้วจ้า ตอนนี้ยาวที่สุดเท่าที่เคยเขียนมาแล้วมั้งเนี่ย แบ่งได้สามโพสต์เลยทีเดียว อ่านกันให้จุใจไปเลยนะคะ
+ คิดว่าตอนนี้จะเป็นตอนพิเศษแจ็คฟี่สุดท้ายแล้วนะคะ ต่อไปจะเขียนริวพายจนกว่าจะจบแล้วค่ะ คิดว่าอีกไม่นานน่าจะจบนะ ส่วนตอนพิเศษแจ็คฟี่ คงพิเศษให้ในเล่มนะคะ เรื่องนี้คิดไว้ว่าจะรวมเล่มต่อจากน้องเลิฟค่ะ
+ หลายคนอาจอยากเห็นพี่ฟี่กับอิน้องแจ็คสวีทกันเยอะๆ ใช่มะ แต่มาได้เท่านี้แหละ ฮ่าๆ ตามสไตล์พี่ฟี่ แต่เราว่าหลังๆ พี่ฟี่ก็มุ้งมิ้งออกจะบ่อยน้า เราว่าพี่ฟี่น่ารักขึ้นเยอะเลย
+ ขอบคุณที่ยังตามอ่านกันนะคะ ใครยังอยู่ออกมาแสดงตัวกันหน่อยเร็ว คนเขียนจะได้ใจชื้นว่ายังมีคนอ่านอยู่นะ
+ คำผิดเดี๋ยวกลับมาแก้นะคะ รีบลงให้ก่อนจะดึกดื่น ช่วงนี้เมอร์ซี่เลิกนอนดึกแล้วค่ะ หลังจากเจ็บป่วย
+ ติดตามข่าวสารนิยายได้ที่เฟส www.facebook.com/mercy.novel และเมอร์ซี่เพิ่งเปิดเพจสำหรับเอาไว้สั่งจองซื้อขายนิยายของเมอร์ซี่นะคะ เพราะน้องเลิฟกำลังเร่งทำอยู่ค่ะ ถ้าใครสนใจรวมเล่มของเมอร์ซี่เข้าไปไลค์ได้ที่ www.facebook.com/mercynovelbook เพจนี้จะเอาไว้แจ้งสั่งจองเรื่องรวมเล่มนะคะ ส่วนปกติจะสิงพูดคุยอยู่ในเฟสเดิมอยุ่แล้วค่ะ
+ แล้วเจอกันตอนต่อไปค่ะ