ความพยายามต่อเนื่องให้เรื่องนี้ยาวพอๆ กับเรื่องโน้น.. °o.ปฏิวัติรักรส (""\_(o_O)_/"") Ganache.o° ( level 10 : 19/10/10)
ผมกดโทรศัพท์หาน้องชายฝาแฝดผู้ไม่เข้าร่วมประชุมด้วย...
เพื่อความสบายใจของพนักงานบริษัททั้งหลายแหล่ว่าสูตรต่างๆ จะไม่รั่วไหลสู่เงื้อมมือคนนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับนักสืบหัวเห็ด
มือข้างหนึ่งลูบหัวทุยของบิลล์ที่นอนแผ่เล่นเกมส์ PSP อยู่ใกล้ๆ
พวกเราเลือกนั่งผ่อนคลายความเครียดจากการประกอบธุรกิจในส่วนล็อบบี้
เก้าอี้โซฟานุ่มตัวยาวสำหรับใช้นั่งทีละหลายคน
แต่บิลล์นอนตัวยาวเป็นหนอนโตเต็มวัยคนเดียวไม่สนใจใคร...แถมยังเผื่อแผ่หัวมาหนุนตักผมด้วย
“ เดือน มากินข้าวกัน ประชุมเสร็จแล้วล่ะ ” ผมพูดผ่านระบบเส้นใยแก้ว
ตอนเที่ยงมาร์โก้นัดเลี้ยงมื้อกลางวันพวกเราเพื่อเจริญสัมพันธไมตรี รวมถึงมื้อเย็นด้วย...
ต่อไป ตราบเท่าที่อยู่ที่นี่ อาจได้กินด้วยกันบ่อยๆ ถ้าสองอาหลานว่างงานมาก
ผมรู้สึกว่านอกจากส่งสายตาหวานฉ่ำให้บิลล์...
ราชาช็อกโกแลตยังเหมือนเมียงมองหาใครสักคนแต่คงไม่เห็นแม้แต่เงา เลยดูหมองไปนิดหน่อย...ผมอาจคิดตู่ไปเองคนเดียวมั้ง
“ ทำไมไวหยั่งเงี้ยล่ะ? ไหนบอกประชุมใหญ่? เสร็จว่องเกินไปแล้ว ไม่ถึงชั่วโมง ” เสียงเดือนจากปลายสายฟังดูตกใจ
“ มาถามไอ้น้องบ๊องส์ของเราสิ...แผลงฤทธิ์ซะทั้งบริษัทเกือบลาบวชแน่ะ ” ผมเล่าเรื่องทั้งหมดเมื่อครู่ให้เดือนฟัง...
น้องชายแฝดสยามของผมขำก๊ากไม่หยุด ฝ่ายบิลล์หน้าใสตาแป๋วเป็นประกาย...ประมาณว่าชมหนูอีกสิ ชมเร็วๆ
ผมตบกะโหลกน้องเนื้อหอยเบาๆ อย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้
ถึงอยู่ด้วยกันมาตลอด ความกังวลตามประสาพี่ชาย มักทำให้ผมเป็นห่วงบิลล์มากเกินพอดีอยู่ร่ำไป
ทั้งๆ ที่รู้ว่าบิลล์เอาตัวรอดได้
สอ บอ มอ ยอ หอ สบายใจหายห่วงบนโลกกลอกกลิ้งใบนี้
แต่นั่นแหละ ผมห่วงใยตามเคย...
น้องชายแฝดของผมวางสาย เขาอยู่ไม่ห่างจากล็อบบี้เท่าใดนักและกำลังเดินทางมา
คงจวนเจียนเวลามาร์โก้นัดนั่นแหละ เดือนดับถึงยอมโผล่หัว...
ไม่รู้หลบมุมมัวทำอะไรอยู่กันแน่? ขนาดมาด้วยกันยังไม่ค่อยเห็นหน้า ตื่นเช้าเมื่อไหร่ หายศีรษะทุกทีผมผละจากบิลลี่ไปเข้าห้องน้ำ ขณะฮัมเพลงหงิงล้างมือความสะอาดหลังเสร็จกิจ
“ ไม่เลวเลยนี่ เด็กนาย ต้องมองใหม่จริงๆ ” เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากเบื้องหลัง เล่นเอาผมขนพองหัวตั้ง
ไอ้พ่อหมาขนนี่ตามติดผมอย่างกับวิญญาณหลอนทวงแค้นเลยวุ้ย...
ไปไหนมาไหนก็เจอ ถ้ากลับเมืองไทยไปยังอุตส่าห์เจออีก สงสัยต้องทำบุญสังฆทานกรวดน้ำให้สักยกสองยก
“ บอกแล้วไงว่ามาทำงาน เด็กคงเด็กใครกันเล่า? ” ผมถอนใจ...แอบมองไปรอบๆ ห้องน้ำหาทางหนีทีไล่ ใจเต้นรัวเร็ว
ซวยล่ะสิเรา งานเข้าเป็นแน่แท้ เจ้ายักษ์ตาเขียวดันรู้แกว ยืนปิดทางออกที่มีทางเดียวไว้ไม่ขยับเลย...“ ใครจะรู้ เห็นหลานฉันเพ้อแต่ บิลลี่น่ารัก บิลลี่อย่างงั้น บิลลี่อย่างงี้...ครบทุกมื้อสามเวลาหลังอาหาร
จนฉันอยากเห็นหน้าว่าน่ารักขนาดไหนกันนะ? พอเห็นตัวจริง...”
“ น่ารักใช่ไหมล่า? ” ผมกำหมัดชิงบอกก่อนได้เปรียบสองเด้ง น้องเลิฟข้างบ้านผมไม่มีทางไม่น่ารักอยู่แล้ว ขอบอก
วาลอนถึงกับคอตก ส่ายหน้าดิก พลันรู้สึกถึงออร่าทะมึนปกคลุมทั่วร่างใหญ่มโหระทึกทันท่วงที
สำหรับมนุษยชาติคงเป็นภาระหนักหน่วงเกินไปในการได้รู้จักมักจี่บิลล์สินะ...ขอส่งสารแสดงความสมน้ำหน้าไว้ ณ ที่นี้ด้วย
“ มาร์โก้รสนิยมบัดซบนรกเอ๊ยมากมายก่ายกอง...ไอ้ตัวที่น่ารักจริงๆ ดันไม่ชอบ
ฝ่าไฟแดงไปชอบพวกหนามแข็งรอบกายเหมือนหอยเม่นชายหาดไม่มีผิด ” ประกายตาแปลกๆ ชวนให้ผมหนาวเนื้อร้อนหน้าราวกับเป็นไข้สูง...นี่มันยังไงกันแน่?
วาลอนจอมเจ้าชู้ สมเป็นสัญชาติยักษ์ ไม่ต้องขยับเอาหน้าหล่อเข้ามาใกล้...คนเค้ายิ่งไม่ไว้ใจตัวเองอยู่ ไม่รู้รึไง?
“ เป็นอะไรกับบิลล์? ” พ่อหมาขนถามผมเสียงแข็ง
เมื่อสบโอกาสผลักผมเข้าในห้องน้ำว่างเปล่าห้องหนึ่ง พร้อมลงกลอนล็อคเรียบร้อย ผมหลังพิงฝาหน้าซีดไร้สี...
“ เป็นพี่น้องน่ะสิ คุณคิดจะทำอะไร? ปล่อยนะ ” ผมร้องถาม เกือบทันทีที่ตกอยู่ในอ้อมแขนของยักษ์ตาเขียวเอาแต่ใจ
“ พี่น้องท่าไหน นอนหนุนตักสวีทซะขนาดนั้น คิดหลอกต้มหลานฉันเอาเงินเอาทองรึไง? ” เสียงวาลอนพล่ามอยู่ข้างหู ผมหายใจไม่ทั่วท้อง วิสัยหมาอย่างบิลล์ อ้อนเจ้าของก็เป็นธรรมดาโลก...
ไอ้ยักษ์ปักหลั่นนี่คิดอะไรให้มากความ คิดง่ายๆ เป็นมั่งไหม? ทำอย่างกับสาวน้อย หึง แฟน...คงไม่หรอกน่า น่าจะเพราะห่วงมาร์โก้มากกว่า
“ เปล่า...บอกว่า...” ไม่ทันพูดจบประโยค ริมฝีปากของผมกลับถูกครอบครองจากริมฝีปากยักษ์ใหญ่อีกครั้ง
ผมหายใจแทบไม่ทันจากการรุกเร้าหนักของวาลอน ขาสั่นแทบทรงตัวไม่อยู่...อะไรกันกับฉันนักหนา เจ้ายักษ์หื่นบ้ากามเอ๊ย
ผมรวบรวมแรงเท่าที่พอเหลือ กระทืบเท้าวาลอนดังปั๊ก...เสียงยักษ์ร้องเจี๊ยก
ผมพุ่งปลดล็อคประตูอย่างไวที่สุด พยามเต็มที่ในการช่วยเหลือตัวเองให้หนีออกนอกบริเวณห้องน้ำให้ได้
ทว่าไม่พ้นแรงคว้าจากท่านจ้าว
วาลอนเร็วพอจะจับตัวผมไว้ทันอีกครา...ยักษ์ตาสีมรกตใสกอดผมแน่นหนาในท่าเดิมนิ่งนาน
สำหรับผม...เวลาทั้งพิภพหยุดหมุนลงตรงหน้า
มีเพียงเวลาในเนื้อที่ห้องน้ำเล็กแคบซึ่งเราทั้งสองยืนกอดกันอยู่เท่านั้น...ยังคงดำเนินต่อเนื่องอย่างเชื่องช้า
“ ถ้ายังไม่ได้เป็นอะไรกับบิลลี่ ”“ แล้วก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกับมาร์โก้ ” เสียงวาลอนพูดทุ้มหนักกว่าเคย
“ เป็นอะไรกับฉันได้ไหม? ” ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง...ท่านจ้าวพูดอะไรออกมา
...เสียงฝีเท้าพร้อมเสียงคุยกันจอแจแว่วผ่านให้ได้ยินถนัด
วาลอนคลายวงแขน จังหวะเดียวกับที่ผมสลัดหลุด ขาทั้งสองพาตัวเองพ้นปากประตูห้องน้ำ...
ในอกคงสะท้าน มือยังสั่นเทิ้มด้วยตกตื่นกับเรื่องเมื่อครู่...
“ พี่อิง หายไปไหนมา เห็นบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำไง? ” บิลล์ร้องเรียกชื่อผม
ก่อนวิ่งโร่ตรงดิ่งเข้าหา พร้อมกับเจ้าหมาขนอองเดร หน้ายิ้มกว้างของน้องหุบลงทันควันเมื่อเห็นสีหน้าขาวเผือดกึ่งยิ้มกึ่งเศร้าของผม
“ พี่อิงเป็นอะไร? หลงทางเหรอ? ” บิลล์กอดปลอบประโลมผม...ผมกอดตอบน้อง
อ้อมกอดของบิลล์ทำให้รู้สึกดีขึ้น อบอุ่นอ่อนโยน...ต่างจากอ้อมกอดแข็งแกร่งบีบหัวใจที่เพิ่งผละจากมามหาศาล
ผมทันสังเกตเห็น...หลังของวาลอนไวๆ
ร่างยักษ์ค่อยห่างออกไป...ในมุมตึกอีกด้าน
เหตุผลที่วาลอนทำแบบนี้...ต้องการอะไร?
ความรัก...?
ผมไม่เข้าใจ.........................................................................................
Thanks: Ragnarok ฝากรูป