สวัสดีค่ะพี่เซ็งเป็ด

มีเพื่อนแนะนำให้ลองอ่านเรื่องนี้ดู ตอนแรกยังเฉยๆนะคะ แต่ทว่าเมื่อได้ลองอ่านแล้วกลับวางไม่ลงค่ะ
พอเลิกงานปุ๊บต้องรีบกลับบ้านทันที อาบน้ำกินข้าวแล้วเปิดคอมเข้ามาอ่านเรื่องนี้โดยด่วน
เป็นเรื่องแนวพีเรียดที่สนุกมากๆเท่าที่เคยได้อ่านมาเลยค่ะ น่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง
มีทั้งตลก เครียด(จนคิ้วผูกโบว์) ท้องร้องเพราะสูตรอาหารไทย (ห้ามอ่านตอนท้องว่าง) และสุดท้ายเสียน้ำตาเป็นโอ่ง (เวอร์)
ชอบนายเอกเรื่องนี้มากๆ บ้าจริงๆ คนเอาแต่ใจ ขี้โวยวาย และเป็นที่รักของหมอปีย์ผู้เงียบขรึม
โดยส่วนตัวแล้วเรียนจบประวัติศาสตร์มาโดยตรงค่ะ (แต่อย่าเรียกว่าเก่ง) แต่กระนั้นก็มีเรื่องที่ไม่เคยได้พานพบมาก่อนในรายวิชาต่างๆที่ได้ร่ำเรียนมาตลอด 4 ปีในรั้วมหาวิทยาลัย นั่นคือ เรื่องลับๆระหว่างเจ้าพระยาวิชเยนทร์กับสมเด็จพระนารายณ์ที่พี่หมอปีย์ได้เล่าให้พ่ออัชย์ฟัง และยังเรื่องของกรมหลวงรักษ์รณเรศ ในเรื่องของเจ้าพระยาวิชเยนทร์นั้นไม่ค่อยแปลกใจเหตุเพราะเคยได้อ่านพงศาวดารแล้วเจอเรื่องความสนิทสนมชิดใกล้และเป็นคนโปรดของสมเด็จพระนารายณ์มากๆ และตั้งใจรับใช้พระองค์จนถึงขั้นที่ไม่สนใจท้าวทองกีบม้าเลย แต่อาจเป็นเพราะการงานที่ปฏิบัตินั้นมิสามารถปลีกตัวมาได้
แต่เรื่องของกรมหลวงรักษ์รณเรศนั้น ไม่เคยได้รู้เรื่องมาก่อนเลย พอได้อ่านตอนนี้ของพี่เซ็งเป็ด จึงรีบไปหาอ่าน ซึ่งก็ได้ทราบความมาที่ตรงกับที่พี่เซ็งเป็ดวางพลอตไว้ให้หมอปีย์เล่า รู้สึกทึ่งมากๆค่ะ ที่สามารถวางพลอตเรื่องได้ไม่ขาดตกบกพร่องใดๆเลย
เรื่องนี้สามารถบรรยายวิธีการทำ "อาหารไทย" ได้ประหนึ่งว่าอยู่ในยุคนั้นจริงๆ มีอยู่ตอนนึงที่เป็นเรื่องของ "แกงจืดลูกรอก" เป็นตอนที่อ่านแล้วร้องไห้ค่ะ ที่ร้องไห้เพราะว่าคิดถึงคุณย่ามากๆค่ะ คุณย่าชอบน้ำแกงจืดมาใส่ข้าวแล้วป้อนให้กินเมื่อสมัยยังเป็นเด็กค่ะ และยังอาหารอีกหลายสำรับที่พาลให้คิดถึงคุณย่าทวดเช่นกันค่ะ เคยถามคุณพ่อ ท่านก็ว่า ทำแบบนี้แหละ คนโบราณก็นิยมใช้หอมแดงในการปรุงอาหารหลายชนิด พอได้อ่านสูตรอาหารหลายๆสูตร ก็เกิดอาการ "น้ำลายสอ" ขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้เลยค่ะ บางสำรับไม่เคยได้ยินชื่อ บางสำรับก็ได้ยินจากคุณย่าบ้างค่ะ ส่วนเรื่อง "คลุมโพลง" นั้น ก็เคยได้ทำแบบนั้นมาค่ะ เพื่อช่วยบรรเทาอาการหวัด
นอกจากนี้ยังสุดยอดในเรื่อง "ภาษาและวัฒนธรรม" อีกด้วยค่ะ พี่เซ็งเป็ดใช้ภาษาที่สวยงามมากๆค่ะ อ่านแล้วอึ้งไปเลยค่ะ โดยส่วนตัวชอบภาษาโบราณแบบนี้มากๆค่ะ มักได้ยินผู้เฒ่าผู้แก่พูดกันบ่อยๆ ด้วยความที่อาจได้รับการอบรมออกจะโบราณสักนิด เลยทำให้ยิ่งชอบเรื่องนี้มากขึ้นอีกทวีคูณเลยค่ะ

ภาษาที่หมอปีย์ใช้นั้นช่างสละสลวยแล้วทำให้รู้สึกอ่อนโยนตามนิสัยของหมอด้วยค่ะ แต่ของพ่ออัชย์นั้นกระโชกโฮกฮากตรงตามคอนเซ็บต์ดีค่ะ คนสมัยนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเก็บอารมณ์ความรู้สึกทุกอย่าง ไม่สามารถพูดหรือทำอะไรได้อย่างใจคิดเหมือนสมัยนี้ ซึ่งตรงนั้นหมอปีย์สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของคนยุคนั้นได้อย่างดีเียี่ยมค่ะ แต่ชอบมากๆตอบหมอปีย์เขิน น่ารักมากๆค่ะ มุมละมุนของผู้ชายมาดขรึม

ฉากที่เรียกรอยยิ้มได้มากโขเลยก็ตอนที่ไปจนถึงเรือนตากอากาศของหมอจรัสที่ชะอำ แล้วได้ทำให้พ่ออัชย์ได้รู้ใจตัวเองแบบหมดเปลือก แล้วไหนจะตอนที่....กัน โอยยยย อมยิ้มจนแก้มปริเลยค่ะพี่เซ็งเป็ด แต่ขำที่ต้องไปชกเรียกเหงื่อก่อนที่จะ....กัน 5555+
ส่วนตอนที่ทำให้น้ำตาไหลได้เป็นโอ่งเลยก็ไม่พ้นตอนที่เศร้ามากๆอย่างตอนที่พ่ออัชย์ให้หมอปีย์ไปแต่งงานกับนางคำแก้วนั่นอีก คำพูดของหมอปีย์ช่างบีบรัดหัวใจ แล้วยังตอนที่หมอปีย์ตายเพราะยาพิษ และพ่ออัชย์ต้องทนทุกข์ทรมานไปอีก 20 ปี มันบีบรัดหัวใจมากๆ่เช่นกันค่ะ อ้อ...แล้วตอนที่พ่ออัชย์ได้ย้อนกลับมาแต่ต้องโทษประหารนั้น หมอปีย์จักตายตกไปตามกันด้วย นั่นยิ่งทำให้น้ำตาไหลออกมาเช่นทำนบแตกเลยค่ะ จดหมายที่หมอแนบมาในหนังสือเล่มนั้นก็เช่นกันค่ะ คำพูดของพ่ออัชย์กินใจมากๆ ทำให้รู้สึกสงสารทั้งหมอปีย์และพ่ออัชย์ก็ตอนที่พ่ออัชย์กำลังจะตาย
“อยู่ต่อเถอะนะหมอ มีชีวิตอยู่ต่อ.........อย่างสง่างาม”
เรื่องนี้โดยรวมทั้งหมดเลยนะคะ ชอบมากถึงมากที่สุดค่ะพี่เซ็งเป็ด อยากให้พี่เขียนนิยายแนวนี้ออกมาอีกค่ะ เพราะนิยายของพี่เซ็งเป็ดที่ได้สัมผัสในเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลยนะคะ เป็นเรื่องที่ทำให้มองได้ว่า เป็นเรื่องที่สนุกได้โดยไม่ต้องอีโรติคค่ะ

สุดท้ายนะคะ เรื่องวัฒนธรรมไทยที่พ่ออัชย์ถ่ายทอดออกมาทางคำพูดนั้น กระแทกจิตมากๆค่ะ
“นอกจากลูกหลานเราจะรับวัฒนธรรมของตะวันตกแล้ว เรายังตกเป็นเมืองขึ้นทางวัฒนธรรมของเพื่อนบ้านที่สมัยหนึ่ง หรือในสมัยนายนี่แหละ เคยล้าหลัง ยากเข็ญและแร้นแค้นกว่าสยามหลายเท่านัก นั่นก็คือเกาหลี”
"เราอยากเป็นเขา และก็ปฏิเสธที่จะเป็นเรา"
“เรานับถือทุกประเทศ ยกเว้นตัวเราเอง”
เหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่ แต่กระนั้นก็ยอมรับค่ะว่าปัจจุบันนี้เราบูชาพวกเขามากกว่ารากเหง้าของตัวเองค่ะ
แต่ถ้าถามว่ารู้จักเพลงฉ่อย ลำตัด ไหม รู้จักค่ะ ชอบฟังลำตัดมากๆค่ะตอนเป็นเด็ก เพราะคุณย่าชอบค่ะ เลยได้ซึมซับมาด้วย
โขน ก็เป็นสิ่งที่ชอบมากๆเช่นกันค่ะ
ทุกวันนี้รักอาหารไทยและขนมไทยมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
"ตัวเป็นไทย ใจก็ยังเป็นไทย" อยู่ดั่งที่บรรพบุรุษเราได้ฝากฝังไว้ให้ลูกหลานได้สืบทอดต่อไปค่ะ
ขอบคุณพี่เซ็งเป็ดในการถ่ายทอดเรื่องราวความรู้สาระที่อัดแน่น ทั้งยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมและประเพณีที่ดีงามของไทยเราให้ได้ทราบกันค่ะ แต่ก็ยังไม่ทิ้งเรื่องกุ๊กกิ๊กๆระหว่างพระเอกและนายเอกของเรื่องนะึคะ เรื่องนี้ครบจริงๆค่ะ จะเป็นกำลังใจให้พี่เซ็งเป็ดต่อไปค่ะ
