A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111  (อ่าน 1118890 ครั้ง)

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
ในที่สุดก็อ่านจบ....กับเวลาสามวันตอนเวลาตีสาม o7
หลังจากอ่านจบ.....
สิ่งแรกที่ทำคือ

 :z10: :z10:เพื่อ

สั่งจองหนังสือเรื่องนี้เป็นอันดับแรก


เพราะกลัวว่าจะพลาดไปแล้วจะเสียใจไปตลอด :m15:

เมื่อจองเสร็จก็เลยได้เวลามาเม้นท์ให้กับเรื่องนี้
ตอนแรกที่อ่านตอนที่หนึ่ง   คิดอยู่ในใจว่า

ทำไม???????????????????????????

ทำไมถึงเพิ่งคิดจะกดเข้ามาอ่านเรื่องนี้  ทั้งๆที่เห็นชื่อเรื่องนี้มาหลายเดือนแล้ว
แต่ก็ช่างเถอะ...อดีตมันผ่านไปแล้ว....และไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้ไม่เหมือนกับตัวเอกของเรื่องนี้
คิดได้แค่ว่า....ดีแล้วที่ในที่สุดก็ได้เข้ามาอ่านและเป็นหนึ่งในแฟนหนังสือของคุณเซ็งเป็ดเหมือนคนอื่นๆ
และทันได้จองเพื่อให้ได้หนังสือเรื่องนี้ไว้ในครอบครอง
ขอบอกว่าสั่งจองเรื่องนี้สองชุดเพราะจะเอาไปให้คนอื่นอ่าน
บอกตามตรงเลยว่า  ทุกครั้งที่เราอ่านนิยายวาย  เรารู้สึกชอบและสนุกไปกับสิ่งต่่างๆที่บรรดานักเขียนทั้งหลายได้ถ่ายทอดและบรรยายมันออกมา

แต่เราก็อ่านสิ่งเหล่านี้อย่างเงียบๆ  ไม่ได้บอกกับใคร  เพราะคนอื่นๆจะชอบมองว่าแปลกที่มาอ่านนิยายประเภทนี้

เราก็อยากจะบอกไปเหมือนกันว่า....นิยายประเภทนี้มันมีอะไรมากกว่าที่คุณคิด....ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีดีและไม่ดีในตัวมันเอง
ทั้งนั้น  ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะหามันเจอหรือไม่และเปิดใจรับกับสิ่งเหล่านั้นได้มากแค่ไหน

แต่เราก็ไม่เคยได้บอกออกไปตรงๆ  คงเพราะเรายังไม่เจอเรื่องที่เราคิดว่ามันจะเป็นคำตอบ  ที่เราจะเอามันไปบอกกับคนอื่นที่ไม่ได้มีความชอบหรือมีอคติกับเรื่องราวเหล่านี้ได้
จนมาได้อ่านนิยายเรื่องนี้นี่แหล่ะค่ะ......
เหมือนมันเป็นคำตอบที่เราสามารถเอาไปบอกใครๆที่เค้าไม่เคยอ่านนิยายวายมาก่อน....เพื่อที่จะแนะนำให้เค้ามาอ่านนิยายวายได้

ว่า....นิยายวาย....นั้นมีดีมากกว่าที่คุณคิด....ดีกว่านิยายรักชายหญิงที่แต่งมาประโลมโลกเสียอีก

ดูท่าว่าชักจะเยอะเกินไปหน่อยละ....

สุดท้ายนี้ขอ :กอด1: :กอด1:ขอ :L2:และ :pig4:คุณ :seng2ped:

ที่ทำให้ได้อ่านนิยายเรื่องนี้มากๆนะคะ

ตอนนี้ก็ได้แต่นอนรอเวลาในการไปโอนเงินเพื่อจองหนังสืือในตอนเช้าค่ะ

 :a12: ไปนอนแระ....ราตรีสวัสดิ์ค่ะ





ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนนะครับ

เป็นกำลังใจที่ดีที่จะทำให้ผู้เขียนมีกำลังเขียนนิยายดีๆต่อไปครับผม

เดี๋ยวอาทิตย์หน้าเอาปกมาให้ดูนะครับ

ออฟไลน์ londoneye

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนนะครับ

เป็นกำลังใจที่ดีที่จะทำให้ผู้เขียนมีกำลังเขียนนิยายดีๆต่อไปครับผม

เดี๋ยวอาทิตย์หน้าเอาปกมาให้ดูนะครับ

จะรอคอยดูหน้าปกอย่างใจจดใจจ่อเลยค่ะ :z1:
วันนี้ไปโอนเงินมาแล้วค่ะ
ตอนนี้เลยได้แต่รออย่างเดียว......
เอ....ไม่เอาดีกว่า....ขอกลับไปอ่านเรื่องนี้อีกสักรอบดีกว่า :impress2:

littlestar

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีค่ะพี่เซ็งเป็ด :impress2:

มีเพื่อนแนะนำให้ลองอ่านเรื่องนี้ดู ตอนแรกยังเฉยๆนะคะ แต่ทว่าเมื่อได้ลองอ่านแล้วกลับวางไม่ลงค่ะ
พอเลิกงานปุ๊บต้องรีบกลับบ้านทันที อาบน้ำกินข้าวแล้วเปิดคอมเข้ามาอ่านเรื่องนี้โดยด่วน
เป็นเรื่องแนวพีเรียดที่สนุกมากๆเท่าที่เคยได้อ่านมาเลยค่ะ น่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง
มีทั้งตลก เครียด(จนคิ้วผูกโบว์) ท้องร้องเพราะสูตรอาหารไทย (ห้ามอ่านตอนท้องว่าง) และสุดท้ายเสียน้ำตาเป็นโอ่ง (เวอร์)

ชอบนายเอกเรื่องนี้มากๆ บ้าจริงๆ คนเอาแต่ใจ ขี้โวยวาย และเป็นที่รักของหมอปีย์ผู้เงียบขรึม

โดยส่วนตัวแล้วเรียนจบประวัติศาสตร์มาโดยตรงค่ะ (แต่อย่าเรียกว่าเก่ง) แต่กระนั้นก็มีเรื่องที่ไม่เคยได้พานพบมาก่อนในรายวิชาต่างๆที่ได้ร่ำเรียนมาตลอด 4 ปีในรั้วมหาวิทยาลัย นั่นคือ เรื่องลับๆระหว่างเจ้าพระยาวิชเยนทร์กับสมเด็จพระนารายณ์ที่พี่หมอปีย์ได้เล่าให้พ่ออัชย์ฟัง และยังเรื่องของกรมหลวงรักษ์รณเรศ ในเรื่องของเจ้าพระยาวิชเยนทร์นั้นไม่ค่อยแปลกใจเหตุเพราะเคยได้อ่านพงศาวดารแล้วเจอเรื่องความสนิทสนมชิดใกล้และเป็นคนโปรดของสมเด็จพระนารายณ์มากๆ และตั้งใจรับใช้พระองค์จนถึงขั้นที่ไม่สนใจท้าวทองกีบม้าเลย แต่อาจเป็นเพราะการงานที่ปฏิบัตินั้นมิสามารถปลีกตัวมาได้

แต่เรื่องของกรมหลวงรักษ์รณเรศนั้น ไม่เคยได้รู้เรื่องมาก่อนเลย พอได้อ่านตอนนี้ของพี่เซ็งเป็ด จึงรีบไปหาอ่าน ซึ่งก็ได้ทราบความมาที่ตรงกับที่พี่เซ็งเป็ดวางพลอตไว้ให้หมอปีย์เล่า รู้สึกทึ่งมากๆค่ะ ที่สามารถวางพลอตเรื่องได้ไม่ขาดตกบกพร่องใดๆเลย

เรื่องนี้สามารถบรรยายวิธีการทำ "อาหารไทย" ได้ประหนึ่งว่าอยู่ในยุคนั้นจริงๆ มีอยู่ตอนนึงที่เป็นเรื่องของ "แกงจืดลูกรอก" เป็นตอนที่อ่านแล้วร้องไห้ค่ะ ที่ร้องไห้เพราะว่าคิดถึงคุณย่ามากๆค่ะ คุณย่าชอบน้ำแกงจืดมาใส่ข้าวแล้วป้อนให้กินเมื่อสมัยยังเป็นเด็กค่ะ และยังอาหารอีกหลายสำรับที่พาลให้คิดถึงคุณย่าทวดเช่นกันค่ะ เคยถามคุณพ่อ ท่านก็ว่า ทำแบบนี้แหละ คนโบราณก็นิยมใช้หอมแดงในการปรุงอาหารหลายชนิด พอได้อ่านสูตรอาหารหลายๆสูตร ก็เกิดอาการ "น้ำลายสอ" ขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้เลยค่ะ บางสำรับไม่เคยได้ยินชื่อ บางสำรับก็ได้ยินจากคุณย่าบ้างค่ะ ส่วนเรื่อง "คลุมโพลง" นั้น ก็เคยได้ทำแบบนั้นมาค่ะ เพื่อช่วยบรรเทาอาการหวัด

นอกจากนี้ยังสุดยอดในเรื่อง "ภาษาและวัฒนธรรม" อีกด้วยค่ะ พี่เซ็งเป็ดใช้ภาษาที่สวยงามมากๆค่ะ อ่านแล้วอึ้งไปเลยค่ะ โดยส่วนตัวชอบภาษาโบราณแบบนี้มากๆค่ะ มักได้ยินผู้เฒ่าผู้แก่พูดกันบ่อยๆ ด้วยความที่อาจได้รับการอบรมออกจะโบราณสักนิด เลยทำให้ยิ่งชอบเรื่องนี้มากขึ้นอีกทวีคูณเลยค่ะ  :impress2:

ภาษาที่หมอปีย์ใช้นั้นช่างสละสลวยแล้วทำให้รู้สึกอ่อนโยนตามนิสัยของหมอด้วยค่ะ แต่ของพ่ออัชย์นั้นกระโชกโฮกฮากตรงตามคอนเซ็บต์ดีค่ะ คนสมัยนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเก็บอารมณ์ความรู้สึกทุกอย่าง ไม่สามารถพูดหรือทำอะไรได้อย่างใจคิดเหมือนสมัยนี้ ซึ่งตรงนั้นหมอปีย์สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของคนยุคนั้นได้อย่างดีเียี่ยมค่ะ แต่ชอบมากๆตอบหมอปีย์เขิน น่ารักมากๆค่ะ มุมละมุนของผู้ชายมาดขรึม  :man1:

ฉากที่เรียกรอยยิ้มได้มากโขเลยก็ตอนที่ไปจนถึงเรือนตากอากาศของหมอจรัสที่ชะอำ แล้วได้ทำให้พ่ออัชย์ได้รู้ใจตัวเองแบบหมดเปลือก แล้วไหนจะตอนที่....กัน โอยยยย อมยิ้มจนแก้มปริเลยค่ะพี่เซ็งเป็ด แต่ขำที่ต้องไปชกเรียกเหงื่อก่อนที่จะ....กัน 5555+

ส่วนตอนที่ทำให้น้ำตาไหลได้เป็นโอ่งเลยก็ไม่พ้นตอนที่เศร้ามากๆอย่างตอนที่พ่ออัชย์ให้หมอปีย์ไปแต่งงานกับนางคำแก้วนั่นอีก คำพูดของหมอปีย์ช่างบีบรัดหัวใจ แล้วยังตอนที่หมอปีย์ตายเพราะยาพิษ และพ่ออัชย์ต้องทนทุกข์ทรมานไปอีก 20 ปี มันบีบรัดหัวใจมากๆ่เช่นกันค่ะ อ้อ...แล้วตอนที่พ่ออัชย์ได้ย้อนกลับมาแต่ต้องโทษประหารนั้น หมอปีย์จักตายตกไปตามกันด้วย นั่นยิ่งทำให้น้ำตาไหลออกมาเช่นทำนบแตกเลยค่ะ จดหมายที่หมอแนบมาในหนังสือเล่มนั้นก็เช่นกันค่ะ คำพูดของพ่ออัชย์กินใจมากๆ ทำให้รู้สึกสงสารทั้งหมอปีย์และพ่ออัชย์ก็ตอนที่พ่ออัชย์กำลังจะตาย
“อยู่ต่อเถอะนะหมอ  มีชีวิตอยู่ต่อ.........อย่างสง่างาม”

เรื่องนี้โดยรวมทั้งหมดเลยนะคะ ชอบมากถึงมากที่สุดค่ะพี่เซ็งเป็ด อยากให้พี่เขียนนิยายแนวนี้ออกมาอีกค่ะ เพราะนิยายของพี่เซ็งเป็ดที่ได้สัมผัสในเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลยนะคะ เป็นเรื่องที่ทำให้มองได้ว่า เป็นเรื่องที่สนุกได้โดยไม่ต้องอีโรติคค่ะ  :-[

สุดท้ายนะคะ เรื่องวัฒนธรรมไทยที่พ่ออัชย์ถ่ายทอดออกมาทางคำพูดนั้น กระแทกจิตมากๆค่ะ
“นอกจากลูกหลานเราจะรับวัฒนธรรมของตะวันตกแล้ว เรายังตกเป็นเมืองขึ้นทางวัฒนธรรมของเพื่อนบ้านที่สมัยหนึ่ง หรือในสมัยนายนี่แหละ เคยล้าหลัง ยากเข็ญและแร้นแค้นกว่าสยามหลายเท่านัก นั่นก็คือเกาหลี”
"เราอยากเป็นเขา และก็ปฏิเสธที่จะเป็นเรา"
“เรานับถือทุกประเทศ ยกเว้นตัวเราเอง”
เหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่ แต่กระนั้นก็ยอมรับค่ะว่าปัจจุบันนี้เราบูชาพวกเขามากกว่ารากเหง้าของตัวเองค่ะ
แต่ถ้าถามว่ารู้จักเพลงฉ่อย ลำตัด ไหม รู้จักค่ะ ชอบฟังลำตัดมากๆค่ะตอนเป็นเด็ก เพราะคุณย่าชอบค่ะ เลยได้ซึมซับมาด้วย
โขน ก็เป็นสิ่งที่ชอบมากๆเช่นกันค่ะ
ทุกวันนี้รักอาหารไทยและขนมไทยมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
"ตัวเป็นไทย ใจก็ยังเป็นไทย" อยู่ดั่งที่บรรพบุรุษเราได้ฝากฝังไว้ให้ลูกหลานได้สืบทอดต่อไปค่ะ

ขอบคุณพี่เซ็งเป็ดในการถ่ายทอดเรื่องราวความรู้สาระที่อัดแน่น ทั้งยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมและประเพณีที่ดีงามของไทยเราให้ได้ทราบกันค่ะ แต่ก็ยังไม่ทิ้งเรื่องกุ๊กกิ๊กๆระหว่างพระเอกและนายเอกของเรื่องนะึคะ เรื่องนี้ครบจริงๆค่ะ จะเป็นกำลังใจให้พี่เซ็งเป็ดต่อไปค่ะ  o13

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
สวัสดีค่ะพี่เซ็งเป็ด :impress2:

มีเพื่อนแนะนำให้ลองอ่านเรื่องนี้ดู ตอนแรกยังเฉยๆนะคะ แต่ทว่าเมื่อได้ลองอ่านแล้วกลับวางไม่ลงค่ะ
พอเลิกงานปุ๊บต้องรีบกลับบ้านทันที อาบน้ำกินข้าวแล้วเปิดคอมเข้ามาอ่านเรื่องนี้โดยด่วน
เป็นเรื่องแนวพีเรียดที่สนุกมากๆเท่าที่เคยได้อ่านมาเลยค่ะ น่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง
มีทั้งตลก เครียด(จนคิ้วผูกโบว์) ท้องร้องเพราะสูตรอาหารไทย (ห้ามอ่านตอนท้องว่าง) และสุดท้ายเสียน้ำตาเป็นโอ่ง (เวอร์)

ชอบนายเอกเรื่องนี้มากๆ บ้าจริงๆ คนเอาแต่ใจ ขี้โวยวาย และเป็นที่รักของหมอปีย์ผู้เงียบขรึม

โดยส่วนตัวแล้วเรียนจบประวัติศาสตร์มาโดยตรงค่ะ (แต่อย่าเรียกว่าเก่ง) แต่กระนั้นก็มีเรื่องที่ไม่เคยได้พานพบมาก่อนในรายวิชาต่างๆที่ได้ร่ำเรียนมาตลอด 4 ปีในรั้วมหาวิทยาลัย นั่นคือ เรื่องลับๆระหว่างเจ้าพระยาวิชเยนทร์กับสมเด็จพระนารายณ์ที่พี่หมอปีย์ได้เล่าให้พ่ออัชย์ฟัง และยังเรื่องของกรมหลวงรักษ์รณเรศ ในเรื่องของเจ้าพระยาวิชเยนทร์นั้นไม่ค่อยแปลกใจเหตุเพราะเคยได้อ่านพงศาวดารแล้วเจอเรื่องความสนิทสนมชิดใกล้และเป็นคนโปรดของสมเด็จพระนารายณ์มากๆ และตั้งใจรับใช้พระองค์จนถึงขั้นที่ไม่สนใจท้าวทองกีบม้าเลย แต่อาจเป็นเพราะการงานที่ปฏิบัตินั้นมิสามารถปลีกตัวมาได้

แต่เรื่องของกรมหลวงรักษ์รณเรศนั้น ไม่เคยได้รู้เรื่องมาก่อนเลย พอได้อ่านตอนนี้ของพี่เซ็งเป็ด จึงรีบไปหาอ่าน ซึ่งก็ได้ทราบความมาที่ตรงกับที่พี่เซ็งเป็ดวางพลอตไว้ให้หมอปีย์เล่า รู้สึกทึ่งมากๆค่ะ ที่สามารถวางพลอตเรื่องได้ไม่ขาดตกบกพร่องใดๆเลย

เรื่องนี้สามารถบรรยายวิธีการทำ "อาหารไทย" ได้ประหนึ่งว่าอยู่ในยุคนั้นจริงๆ มีอยู่ตอนนึงที่เป็นเรื่องของ "แกงจืดลูกรอก" เป็นตอนที่อ่านแล้วร้องไห้ค่ะ ที่ร้องไห้เพราะว่าคิดถึงคุณย่ามากๆค่ะ คุณย่าชอบน้ำแกงจืดมาใส่ข้าวแล้วป้อนให้กินเมื่อสมัยยังเป็นเด็กค่ะ และยังอาหารอีกหลายสำรับที่พาลให้คิดถึงคุณย่าทวดเช่นกันค่ะ เคยถามคุณพ่อ ท่านก็ว่า ทำแบบนี้แหละ คนโบราณก็นิยมใช้หอมแดงในการปรุงอาหารหลายชนิด พอได้อ่านสูตรอาหารหลายๆสูตร ก็เกิดอาการ "น้ำลายสอ" ขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้เลยค่ะ บางสำรับไม่เคยได้ยินชื่อ บางสำรับก็ได้ยินจากคุณย่าบ้างค่ะ ส่วนเรื่อง "คลุมโพลง" นั้น ก็เคยได้ทำแบบนั้นมาค่ะ เพื่อช่วยบรรเทาอาการหวัด

นอกจากนี้ยังสุดยอดในเรื่อง "ภาษาและวัฒนธรรม" อีกด้วยค่ะ พี่เซ็งเป็ดใช้ภาษาที่สวยงามมากๆค่ะ อ่านแล้วอึ้งไปเลยค่ะ โดยส่วนตัวชอบภาษาโบราณแบบนี้มากๆค่ะ มักได้ยินผู้เฒ่าผู้แก่พูดกันบ่อยๆ ด้วยความที่อาจได้รับการอบรมออกจะโบราณสักนิด เลยทำให้ยิ่งชอบเรื่องนี้มากขึ้นอีกทวีคูณเลยค่ะ  :impress2:

ภาษาที่หมอปีย์ใช้นั้นช่างสละสลวยแล้วทำให้รู้สึกอ่อนโยนตามนิสัยของหมอด้วยค่ะ แต่ของพ่ออัชย์นั้นกระโชกโฮกฮากตรงตามคอนเซ็บต์ดีค่ะ คนสมัยนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเก็บอารมณ์ความรู้สึกทุกอย่าง ไม่สามารถพูดหรือทำอะไรได้อย่างใจคิดเหมือนสมัยนี้ ซึ่งตรงนั้นหมอปีย์สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของคนยุคนั้นได้อย่างดีเียี่ยมค่ะ แต่ชอบมากๆตอบหมอปีย์เขิน น่ารักมากๆค่ะ มุมละมุนของผู้ชายมาดขรึม  :man1:

ฉากที่เรียกรอยยิ้มได้มากโขเลยก็ตอนที่ไปจนถึงเรือนตากอากาศของหมอจรัสที่ชะอำ แล้วได้ทำให้พ่ออัชย์ได้รู้ใจตัวเองแบบหมดเปลือก แล้วไหนจะตอนที่....กัน โอยยยย อมยิ้มจนแก้มปริเลยค่ะพี่เซ็งเป็ด แต่ขำที่ต้องไปชกเรียกเหงื่อก่อนที่จะ....กัน 5555+

ส่วนตอนที่ทำให้น้ำตาไหลได้เป็นโอ่งเลยก็ไม่พ้นตอนที่เศร้ามากๆอย่างตอนที่พ่ออัชย์ให้หมอปีย์ไปแต่งงานกับนางคำแก้วนั่นอีก คำพูดของหมอปีย์ช่างบีบรัดหัวใจ แล้วยังตอนที่หมอปีย์ตายเพราะยาพิษ และพ่ออัชย์ต้องทนทุกข์ทรมานไปอีก 20 ปี มันบีบรัดหัวใจมากๆ่เช่นกันค่ะ อ้อ...แล้วตอนที่พ่ออัชย์ได้ย้อนกลับมาแต่ต้องโทษประหารนั้น หมอปีย์จักตายตกไปตามกันด้วย นั่นยิ่งทำให้น้ำตาไหลออกมาเช่นทำนบแตกเลยค่ะ จดหมายที่หมอแนบมาในหนังสือเล่มนั้นก็เช่นกันค่ะ คำพูดของพ่ออัชย์กินใจมากๆ ทำให้รู้สึกสงสารทั้งหมอปีย์และพ่ออัชย์ก็ตอนที่พ่ออัชย์กำลังจะตาย
“อยู่ต่อเถอะนะหมอ  มีชีวิตอยู่ต่อ.........อย่างสง่างาม”

เรื่องนี้โดยรวมทั้งหมดเลยนะคะ ชอบมากถึงมากที่สุดค่ะพี่เซ็งเป็ด อยากให้พี่เขียนนิยายแนวนี้ออกมาอีกค่ะ เพราะนิยายของพี่เซ็งเป็ดที่ได้สัมผัสในเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลยนะคะ เป็นเรื่องที่ทำให้มองได้ว่า เป็นเรื่องที่สนุกได้โดยไม่ต้องอีโรติคค่ะ  :-[

สุดท้ายนะคะ เรื่องวัฒนธรรมไทยที่พ่ออัชย์ถ่ายทอดออกมาทางคำพูดนั้น กระแทกจิตมากๆค่ะ
“นอกจากลูกหลานเราจะรับวัฒนธรรมของตะวันตกแล้ว เรายังตกเป็นเมืองขึ้นทางวัฒนธรรมของเพื่อนบ้านที่สมัยหนึ่ง หรือในสมัยนายนี่แหละ เคยล้าหลัง ยากเข็ญและแร้นแค้นกว่าสยามหลายเท่านัก นั่นก็คือเกาหลี”
"เราอยากเป็นเขา และก็ปฏิเสธที่จะเป็นเรา"
“เรานับถือทุกประเทศ ยกเว้นตัวเราเอง”
เหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่ แต่กระนั้นก็ยอมรับค่ะว่าปัจจุบันนี้เราบูชาพวกเขามากกว่ารากเหง้าของตัวเองค่ะ
แต่ถ้าถามว่ารู้จักเพลงฉ่อย ลำตัด ไหม รู้จักค่ะ ชอบฟังลำตัดมากๆค่ะตอนเป็นเด็ก เพราะคุณย่าชอบค่ะ เลยได้ซึมซับมาด้วย
โขน ก็เป็นสิ่งที่ชอบมากๆเช่นกันค่ะ
ทุกวันนี้รักอาหารไทยและขนมไทยมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
"ตัวเป็นไทย ใจก็ยังเป็นไทย" อยู่ดั่งที่บรรพบุรุษเราได้ฝากฝังไว้ให้ลูกหลานได้สืบทอดต่อไปค่ะ

ขอบคุณพี่เซ็งเป็ดในการถ่ายทอดเรื่องราวความรู้สาระที่อัดแน่น ทั้งยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมและประเพณีที่ดีงามของไทยเราให้ได้ทราบกันค่ะ แต่ก็ยังไม่ทิ้งเรื่องกุ๊กกิ๊กๆระหว่างพระเอกและนายเอกของเรื่องนะึคะ เรื่องนี้ครบจริงๆค่ะ จะเป็นกำลังใจให้พี่เซ็งเป็ดต่อไปค่ะ  o13

ขอบคุณมากครับสำหรับคอมเม๊นท์ที่ละเอียดและทำให้รู้ว่าน้องอ่านจริงๆ และรับรู้ได้จริงๆ

อ่านทุกตัวอักษรเลยครับ 555 เพราะเหมือนเป็นกระจกสะท้อนตัวเราเอง

เพื่อที่จะพัฒนาชิ้นต่อไป 

ยังไงก็ขอให้ติดตามกันต่อไปนะครับ เมื่อมีโอกาสได้เขียนผลงานเล่มต่อไป

ออฟไลน์ คุณหมาหยอกไก่

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 877
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-2
พี่เป็ดคะ  ตอนพิเศษมาลงอีกตอนไหนค๊า...!!!!!!  รอรอรอรอ อย่างใจจดใจจ่อ
เอ๊ะ..!! หรือว่าจะลงเฉพาะในหนังสือ  TT^TT

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
เข้ามา ตอบ ก่อน มาอ่านตอนจบครับ

ออฟไลน์ farokiss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ๊ากกกกกกกกกกก
ชอบบบบบบบบมากกกกกกกอ่ะ
อ่านแล้วรู้สึกว่ารักประเทศไทย
ปอแล้วก็พี่หมอด้วย


อยากได้จังเลยยยยยอ่าอ่ะ

chinchinknw

  • บุคคลทั่วไป
โอนเงินไปแล้วนะค้า:) รอรอ

Zymphoniz

  • บุคคลทั่วไป
โอนเงินไปแล้วนะคะ หลังจากนี้ก็แค่รออย่างเดียวใช่ป่าว?
แล้วต้องแจ้งชื่อ ที่อยู่ตอนไหนอ่ะ เพิ่งเคยสั่งหนังสือครั้งแรก แหะๆ  :m23:

cashforme

  • บุคคลทั่วไป
มารออ่านต่อเหมือนกันครับบบ ลงวันไหนบอกได้ไหมครับบบบบ รักคนอ่าน Like คนเขียนน่ะครับบบ รออยู่น่ะครับบบบบ  :call: :call: :call:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ farokiss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ในหนังสือจะมีภาคปัจจุบันมั้ยค่ะ

อยากอ่านมากกกก

ถ้าไม่มีคงเสียใจแย่เลยอ่ะ  :impress3:


ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
ในหนังสือจะมีภาคปัจจุบันมั้ยค่ะ

อยากอ่านมากกกก

ถ้าไม่มีคงเสียใจแย่เลยอ่ะ  :impress3:



มีครับ มีในพาร์ทของพี่หมอ ที่จะเล่าย้อนไปว่าทำไมเขาถึงได้รักปอขนาดนั้นด้วย
ติดตามอ่านได้ในหนังสือนะครับ

ออฟไลน์ กว่าจะไร้เดียงสา

  • อาจมีค่าเพียงหยดน้ำ...สักวันจะกลายเป็นฝน
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-26
โอนเงินไปแล้วนะคะ หลังจากนี้ก็แค่รออย่างเดียวใช่ป่าว?
แล้วต้องแจ้งชื่อ ที่อยู่ตอนไหนอ่ะ เพิ่งเคยสั่งหนังสือครั้งแรก แหะๆ  :m23:

เมลล์แจ้งโอนเงิน บอกจำนวนเงินที่โอน วันที่โอน และแจ้งที่อยู่จัดส่ง แล้วรอได้เลยค่ะ

saikalism

  • บุคคลทั่วไป
หึหึ คืออยากสารภาพว่ายังไม่เคยอ่านเรื่องนี้เลยอะคะ(โดนรุมตืบ)
แต่ดิฉันจองไปเรียบร้อยแล้ว(เอ๊าฮิ๊วววววว)
และเหตุผลที่จองไปก่อนนั้นก็คือ.....คื๊อ....(จะบิ๊วอารมณ์ทำไมเนี้ย)
....อยากได้....(สองคำจบปะ)อิอิ
ไม่ใช่ ไม่ใ่ช่ เพราะคิกว่าเรื่องนี้ต้องสนุกแน่ๆอะ
และก็เป็นจริงดั่งที่คิด อ่านไปยังไม่ถึง1ใน8ของเรื่อง
.....................................
สนุกมา๊ากกกกกกกกกกกก
อ๊ากกกก อยากได้เร็วๆ อยากอ่านๆ
เพราะฉะนั้น เดี๋ยวรอเมลล์ยืนยันกลับแล้วจะไปโอนให้นะคะ
จุ๊บจุ๊บ   :กอด1:

cashforme

  • บุคคลทั่วไป
พี่เป็ดคะ  ตอนพิเศษมาลงอีกตอนไหนค๊า...!!!!!!  รอรอรอรอ อย่างใจจดใจจ่อ
เอ๊ะ..!! หรือว่าจะลงเฉพาะในหนังสือ  TT^TT
อื่มมมมมมม รอเหมือนกันน่ะครับบบบบ..... o13 o13

murua

  • บุคคลทั่วไป
รออ่านด้วยคนค้าบบบ 

ออฟไลน์ sunano

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เป็นอีกหนึ่งคนที่อ่านเรื่องนี้แบบรวดเดียวจบ
และคอมเม้นท์เรื่องนี้เป็นครั้งแรก (ขอโทษค่ะ (_ _*))
เพียงแค่อยากขอบคุณพี่เซ็งเป็ดอย่างสุดซึ้ง
บอกได้เลยว่าตัวเองเป็นคนที่เคยชอบเกาหลีอยู่ช่วงหนึ่ง (ตอนนี้ซาลงไปมากเพราะเรียนหนัก!)
แต่อ่านเรื่องนี้แล้วให้ความรู้สึกภูมิใจในประเทศขึ้นมาแบบแปลกๆ
เคยคิดว่าสมัยก่อนคงลำบากยากแค้นกันน่าดู
แต่พออ่านเรื่องนี้ในมุมมองที่พี่เซ็งเป็ดเสนอขึ้น ดันอยากย้อนเวลาได้บ้างซะงั้น
แต่น่าเสียดายที่ต่อจากนี้จะไม่ได้้เปิดคอมมาเจอพ่ออัชย์กับหมอปีย์อีกแล้ว
ขอบคุณที่เขียนนิยายน้ำดีแบบนี้มาให้อ่านให้แง่คิดเยอะมากๆค่ะ
ปล.อยากจองแต่ตังค์ไม่พอเลยยังไม่กล้ากดจองไป เก็บตังค์ครบเมื่อไหร่คงได้ฤกษ์จองแหละค่ะ 2 มี.ค น่าจะทันนะ..

kasune

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งอ่านจบค่ะ!
ตอนจบซึ้งมาก  :sad4:
ซึ้งจนน้ำตาไหล  :o12:

ตั้งมั่นว่าจะต้องซื้อเรื่องนี้ให้ได้!
(ส่งเมลล์เรื่องโอนไปแล้ว)


เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นในหลายๆด้านเลยทีเดียว
ช่วงแรกๆนี่..อายตัวเองเสียจริง ขายชาิติ!  :z2:
ตอนที่รู้ว่ามุกกับพี่หมอเป็นคู่หมั้นพอมาเจอคำแก้วนี่..
อ้อ! เลยล่ะ  :a5: คิดเคยว่าพี่หมอคือหมอปีย์กลับชาติมาเกิด!
อีกจุดสังเกตุคือ .. เป็นหมอเช่นเดียวกัน - -++

เอ้อ...ตอนที่อัชย์กลับมาโลกปัจจุบันแล้วติดอยู่ซัก 20 ปีนั่น..
พอจะรู้ได้ว่ามันอ้างว้างมาก เราก็มีแต่เขาในใจ ข้างกายก็โดดเดี่ยว :monkeysad:
สุดท้ายนี้คือขอบคุณที่ได้แต่งนิยายดีๆเรื่องนี้มาห้อ่านนะคะ ขอบคุณค่ะ  :pig4: :pig4:


รักเรื่องนี้มาก..ไว้จะมาอ่านอีก  :-[
รักทุกนในเรื่องนี้ค่ะ : )



ปล.ชอบสนกับแดงมากค่ะ แมเป็นตัวละครที่ดีเยี่ยมตัวหนึ่งค่ะ!  :impress2:

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
กำลังอ่านไปเรื่อยๆๆ จนกว่าจะจบครับ 

golfgab

  • บุคคลทั่วไป
พี่เซ็งเป็ดครับ
ก๊อฟ โอนเงินค่าหนังสือไปเรียบร้อยแล้ว
 แต่ยังไม่ได้รับเมลล์ ยืนยันการรับเงินเลยอ่ะครับ
รบกวนพี่เช็คให้หน่อยนะครับ ว่าเมล์ตกหล่นหรือเปล่า
กลัวไม่ได้หนังสือ อยากได้มาก ๆ ๆ
เมลล์ ก๊อฟ g_o_l_f_2529แอทhotmail.com
ขอบคุณมากครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






bellary

  • บุคคลทั่วไป
แต่ที่ต้องทำแบบนั้นก็เพราะเหตุผลที่พ่อรับปากแม่ไว้ก่อนตาย
“คุณคะ  ให้ปอแต่งงานกับลูกสาวคุณพิภพนะคะ”
นี่คือคำที่แม่ร้องขอก่อนตาย ผมไม่รู้เหตุผลของแม่หรอกว่าทำไมท่านถึงอยากให้ผมแต่งงานกับมุก แต่จนถึงวันนี้
หากแม่รับรู้ได้ แม่คงเข้าใจและไม่โกรธนิจใช่มั๊ยครับ ที่ทำตามความต้องการของแม่ไม่ได้

พิมพ์ชื่อผิดหรือเปล่าค่ะ ^^   

:กอด1:ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆให้ได้อ่านกันค่ะ นิยายเรื่องนี้ไม่ได้สวยงามเพียงแค่เรื่องของความรัก
แต่ภาษาและวัฒนธรรมที่สื่อออกมาจากตัวละคร ทำให้น่าภาคภูมิใจในความเป็นไทยมากเลยค่ะ
แดจังกึมที่ว่าแน่ ก็ยังสู้อาหารไทยของคุุณชั้นไม่ได้เลย o13

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
ขอบคุณมากครับ  เดี๋ยวจะทยอยตอบเมลให้นะครับ

อาทิตย์หน้าน่าจะได้เอาปกมาให้ได้ดูกันพร้อมเนื้อหาตอนต่อไปมาเรียกน้ำย่อย


ตอนนี้กำลังเร่งออกแบบอยู่จ้า o13

seventeen

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีค่ะพี่เซ็งเป็ด วันนี้อ่าน กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม จบเรียบร้อยแล้ว จะไม่ลืมเลยว่าเคยอ่านนิยายวายที่มีคุณภาพ กินใจ และน่าจดจำเรื่องนึง อยากจะบอกว่าเป็นเรื่องแรกที่อ่านจบเลยล่ะค่ะ  อยากจะเล่ากาลครั้งหนึ่งที่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้  ตอนแรกมีคนตั้งกระทู้ที่สยามโซนเพื่อขอนิยายจากเล้าอ่าน
แล้วมีคนแนะนำเรื่อง A moment in siam ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร ก็เลื่อนสกอร์บาร์ผ่านเลยไป สยามอะไร สยามแสควร์เหรอ (คิดได้น่าตบตีมาก) แล้วก็ไม่ได้สนใจเลย จนกระทั่งเข้าเฟชของเล้าเป็ด อาจจะเป็นพรหมลิขิตก็ได้ที่ทำให้เรามาเจอกัน หมอปีย์ และพ่ออัชย์
ขึ้นลิ้งเรื่องนี้เลยกดเข้ามาอ่านเฉยๆ ตอนแรกที่จะอ่านแค่ผ่านๆงั้นๆ แต่พออ่านบทแรกก็ไม่อาจถอนตัวจากนิยายเรื่องนี้ได้เลย  อ่านแล้วติดพอได้เจอแต่ละประโยค แต่ละคำเข้าไป มันเป็นความรู้สึกงดงาม ประมาณทุ้มอยู่ในใจ พอไปโรงเรียนแล้วก็จะพูดแต่หมอปีย์  อ่านตลอดเลยค่ะแบบว่าติดมาก
ขนาดในคาบประวัติศาสตร์หยิบโทรศัพท์(ของเพื่อน)ขึ้นมาอ่านหมอปีย์ตอนอาจารย์สอนหน้าห้อง อ่านแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองได้เรียนประวัติศาสตร์และได้แง่คิดอะไรมากมายกว่าคำว่าสนุก ตัวละครทุกตัวมีมิติ เหมือนกับว่ามีตัวตนอยู่จริงๆ
มีหลายครั้งที่นั่งเหม่อลอยไปไกลและมองเห็นภาพหมอปีย์กับพ่ออัชย์ บางทีก็คิดว่าเขาทั้งสองมีตัวตนอยู่จริงๆ การย้อนเวลาเกิดขึ้นได้จริง(แบบว่าอินจัด)ตอนอยู่โรงเรียนก็เล่าแต่หมอปีย์กับพ่ออัชย์ให้เพื่อนฟัง และตอนที่อ่านบทสนทนาของหมอปีย์ พี่บรรยายจนบางครั้งคิดว่ามีหมอปีย์มาพูดเสียงนุ่มๆอยู่ใกล้ๆ (เป็นเอามากจริงๆ๕๕)

และที่สำคัญเรื่องนี้สอนอะไรเยอะมาก เล่าเรื่องความเป็นจริงของคนไทยในยุคเกย์เฟื่องฟู(อิอิ)ได้อย่างชัดเจนและตรงกับความเป็นจริง  ความรู้สึกมันเหมือนว่าเราอยู่บนผืนแผ่นดินเดียวกันแต่ต่างกันตรงกาลเวลา  ร.๕ได้ทรงเลิกทาสไปแล้ว แต่ว่าคนไทยยังคงเป็นทาสแต่ต่างจากชาวสยามในยุคนั้น เราเป็นทาสทางวัตถุนิยมและความสุขจอมปลอมที่สร้างมันขึ้นมา
วิ่งตามไขว้คว้าหาสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง...ต่างกับคนสยามในยุคนั้นมากๆ อีกอย่างอ่านเรื่องนี้แล้วได้อะไรหลายๆอย่างในด้านของวัฒนธรรม  อ่านแล้วบางทีก็ใจหายเหมือนกัน เพราะกลัวว่าวันหนึ่งสมบัติของชาติที่มีค่าจะเลือนหายไปตามกาลเวลาและรสนิยมของเด็กรุ่นใหม่
ช่วงวันสองวันที่ผ่านมานั่งอยู่เฉยๆกับเพื่อนในรถที่การจราจรติดขัด ผู้คนต่างเร่งรีบ เราก็พูดขึ้นมว่า "แก ความจริงเพลงลูกทุ่ง ลูกกรุงมันก็เพราะดีนะ" มันทำให้รู้สึกว่าเรามีของดีอยู่แต่กลับไม่เคยมองเห็นค่าของมัน คิดว่าเป็นสิ่งที่เชยและล้าสมัย

ตัวผู้อ่านเป็นเด็กในวงดนตรีไทยมาประมาณ ๔ ปี (แต่ตอนนี้ออกจากวงแล้วเนื่องจากไม่มีเวลาในการเข้าไปร่วมเล่นกับวง รู้สึกคิดถึงเสียงระนาด เสียงซอ เสียงขิมเหมือนกัน)มีวันหนึ่งไปเดินเล่นกับเพื่อน เขาพูดกันว่าจะฟอร์มวงดนตรีขึ้น จะเล่นกีต้าร์ เล่นเบส ไม่เห็นมีใครพูดว่าอยากเล่นระนาด ขลุ่ย ซอ บ้างเลย
ยอมรับว่าดนตรีไทยเวลาเล่นแล้วมันจะสยบทุกสายตาได้จริงๆ เพราะความปราณีตและไพเราะในตัวของมันเอง แต่ก็นั่นแหละ...ทุกคนคิดว่าเป็นเรื่องที่เฉิ่มเชยไปเสียหมด พออ่านนิยายเรื่องนี้แล้วความคิดพวกนี้มันก็เกิดขึ้นในใจเต็มไปหมด
ทุกบททุกตอนที่พ่ออัชย์พูดถึงคนสยามในยุคนี้เหมือนโดนอะไรแทงใจดำ ฉึกๆเลยล่ะค่ะ

อีกส่วนหนึ่งทีทำให้นิยานเรื่องนี้สวยงามคือความรัก อ่านแล้วทำให้เรารู้สึกอินไปเลยว่า ไม่ว่ากาลเวลา เพศ หรือกรอบประเพณีแล้ว ไม่มีคำพวกนี้ในนิยามของคำว่า 'ความรัก' มันทำให้รู้สึกว่าทุกอย่างมันประทับใจจนไม่รู้จะบรรยายออกมายังไงดี
รักความรักของคนสองคน รักหมอปีย์ รักพ่ออัชย์ รักทุกสิ่งในถ้อยคำและบทสนทนาของคนทั้งคู่ บางทีเฉิ่มเชย แต่พออ่านแล้วกลับไม่รู้สึกแบบนั้น มันงดงาม มันตื้นตัน อ่านแล้วหัวใจเต้นตึกตัก หมายเหตุ อยากฝากสายลมไปบอกหมอปีย์ว่า ตอนนี้ต้นรักน่ะ ปลูกขึ้นแล้วนะ  ปลูกขึ้นในใจของผู้อ่านคนนี้ไง
ฮิๆ

ชื่นชมคุณเซ็งเป็ดบ้างดีกว่า อยากบอกว่าคุณสุดยอดดดดดดดดมาก ในการวางพล็อต เขียนเรื่อง เก็บรายละเอียดได้ทุกเม็ด ประมาณว่าเป็นท่านหลวงเซ็งเป็ดในยุคนั้นเลยจริงๆ  บรรยายอาหารได้น่ารับประทานจริงๆเจ้าค่ะ อ่านแล้วอยากนั่งรถไปแถวๆท่าพระจันทร์ แถวๆสนามหลวง ไปหาอาหารชาววัง ฮิๆ
ชอบข้าวต้มปลาทูสุดๆ (อยากจะลิ้มรสมากมายเจ้าค่ะ) และที่สำคัญ บทสังวาส (บทอัศจรรย์นั่นแล...เอิ๊กๆ)ก็บรรยายได้สวยงาม อ่านแล้วนึกถึงอารมณ์ทะเลกำลังคลั่งด้วยรสแห่งสิเน่หา (มาโบราณได้อีก ไม่ได้ๆต้องให้เข้ากับท้องเรื่อง)
แต่งเป็นกลอนได้อื้อหือ  อ่านแล้วไม่หวือหวา แต่หวั่นไหว อ้าก มันงดงามจริงๆ

ฮ่าๆ ยังไงก็ขอบคุณมากค่ะที่แต่งเรื่องนี้มาให้อ่านกัน  และขอโทษด้วยจริงๆค่ะที่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นในแต่ละตอนที่ผ่านมา เนื่องจากอ่านจบแล้วกะพิมพ์ยาวๆเลย) แต่ความจริงแค่นี้ก็ไม่หมด (มันยาวมาก ใครรำคาญก็ขอโทษด้วยจ้า ฮึกๆ เค้าประทับใจเรื่องนี้จริงๆ)
หมายเหตุ :: สั่งจองไปแล้วนะจ๊ะ แต่ยังไม่ได้โอน(กำลังเร่งเก็อบัฐอยู่) อยากได้มาไว้ครอบครองควรแค่แก่การอ่าน
ปล.อยากให้พี่เซ็งเป็ดเซ็นลายเซ็นให้จัง

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับนิยายเรื่องนี้ เราจะจำไว้ในความทรงจำว่าเคยอ่านเรื่องราวที่น่ารักของหมอปีย์และพ่ออัชย์

๒๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

ออฟไลน์ qoxity

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอยยยยยยยยยย ไม่ไหวจริงๆค่ะเรื่องนี้
อ่านแล้วรู้สึกแบบ เฮ่ยย มันสามารถเป็นวรรณกรรมได้เลยนะสำหรับอิชั้น
ใครจะว่าเวอร์ไม่รู้ แต่อิชั้นรู้สึกแบบ มันเป็นอะไรที่ดูมีคุณค่า
อ่านแล้วรักสยามของเรามากขึ้น รักประเทศชาติ ประเพณีวัฒนธรรมต่างๆ มากขึ้น
ไม่รู้สิ่คะ รู้แต่รักเรื่องนี้เลย อยากย้อนอดีตมั่งจัง ฮ่าๆ
รอตอนพิเศษอยู่นะคะคุณเซ็งเป็ด 55555555

ปล.ยังไงก็จะซื้อแน่นอนค่ะ แต่ณ ตอนนี้ อิชั้นขอตัวเก็บสะตุ้งสะตังก่อนนะคะ อิอิ   :impress2:

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
สวัสดีค่ะพี่เซ็งเป็ด วันนี้อ่าน กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม จบเรียบร้อยแล้ว จะไม่ลืมเลยว่าเคยอ่านนิยายวายที่มีคุณภาพ กินใจ และน่าจดจำเรื่องนึง อยากจะบอกว่าเป็นเรื่องแรกที่อ่านจบเลยล่ะค่ะ  อยากจะเล่ากาลครั้งหนึ่งที่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้  ตอนแรกมีคนตั้งกระทู้ที่สยามโซนเพื่อขอนิยายจากเล้าอ่าน
แล้วมีคนแนะนำเรื่อง A moment in siam ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร ก็เลื่อนสกอร์บาร์ผ่านเลยไป สยามอะไร สยามแสควร์เหรอ (คิดได้น่าตบตีมาก) แล้วก็ไม่ได้สนใจเลย จนกระทั่งเข้าเฟชของเล้าเป็ด อาจจะเป็นพรหมลิขิตก็ได้ที่ทำให้เรามาเจอกัน หมอปีย์ และพ่ออัชย์
ขึ้นลิ้งเรื่องนี้เลยกดเข้ามาอ่านเฉยๆ ตอนแรกที่จะอ่านแค่ผ่านๆงั้นๆ แต่พออ่านบทแรกก็ไม่อาจถอนตัวจากนิยายเรื่องนี้ได้เลย  อ่านแล้วติดพอได้เจอแต่ละประโยค แต่ละคำเข้าไป มันเป็นความรู้สึกงดงาม ประมาณทุ้มอยู่ในใจ พอไปโรงเรียนแล้วก็จะพูดแต่หมอปีย์  อ่านตลอดเลยค่ะแบบว่าติดมาก
ขนาดในคาบประวัติศาสตร์หยิบโทรศัพท์(ของเพื่อน)ขึ้นมาอ่านหมอปีย์ตอนอาจารย์สอนหน้าห้อง อ่านแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองได้เรียนประวัติศาสตร์และได้แง่คิดอะไรมากมายกว่าคำว่าสนุก ตัวละครทุกตัวมีมิติ เหมือนกับว่ามีตัวตนอยู่จริงๆ
มีหลายครั้งที่นั่งเหม่อลอยไปไกลและมองเห็นภาพหมอปีย์กับพ่ออัชย์ บางทีก็คิดว่าเขาทั้งสองมีตัวตนอยู่จริงๆ การย้อนเวลาเกิดขึ้นได้จริง(แบบว่าอินจัด)ตอนอยู่โรงเรียนก็เล่าแต่หมอปีย์กับพ่ออัชย์ให้เพื่อนฟัง และตอนที่อ่านบทสนทนาของหมอปีย์ พี่บรรยายจนบางครั้งคิดว่ามีหมอปีย์มาพูดเสียงนุ่มๆอยู่ใกล้ๆ (เป็นเอามากจริงๆ๕๕)

และที่สำคัญเรื่องนี้สอนอะไรเยอะมาก เล่าเรื่องความเป็นจริงของคนไทยในยุคเกย์เฟื่องฟู(อิอิ)ได้อย่างชัดเจนและตรงกับความเป็นจริง  ความรู้สึกมันเหมือนว่าเราอยู่บนผืนแผ่นดินเดียวกันแต่ต่างกันตรงกาลเวลา  ร.๕ได้ทรงเลิกทาสไปแล้ว แต่ว่าคนไทยยังคงเป็นทาสแต่ต่างจากชาวสยามในยุคนั้น เราเป็นทาสทางวัตถุนิยมและความสุขจอมปลอมที่สร้างมันขึ้นมา
วิ่งตามไขว้คว้าหาสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง...ต่างกับคนสยามในยุคนั้นมากๆ อีกอย่างอ่านเรื่องนี้แล้วได้อะไรหลายๆอย่างในด้านของวัฒนธรรม  อ่านแล้วบางทีก็ใจหายเหมือนกัน เพราะกลัวว่าวันหนึ่งสมบัติของชาติที่มีค่าจะเลือนหายไปตามกาลเวลาและรสนิยมของเด็กรุ่นใหม่
ช่วงวันสองวันที่ผ่านมานั่งอยู่เฉยๆกับเพื่อนในรถที่การจราจรติดขัด ผู้คนต่างเร่งรีบ เราก็พูดขึ้นมว่า "แก ความจริงเพลงลูกทุ่ง ลูกกรุงมันก็เพราะดีนะ" มันทำให้รู้สึกว่าเรามีของดีอยู่แต่กลับไม่เคยมองเห็นค่าของมัน คิดว่าเป็นสิ่งที่เชยและล้าสมัย

ตัวผู้อ่านเป็นเด็กในวงดนตรีไทยมาประมาณ ๔ ปี (แต่ตอนนี้ออกจากวงแล้วเนื่องจากไม่มีเวลาในการเข้าไปร่วมเล่นกับวง รู้สึกคิดถึงเสียงระนาด เสียงซอ เสียงขิมเหมือนกัน)มีวันหนึ่งไปเดินเล่นกับเพื่อน เขาพูดกันว่าจะฟอร์มวงดนตรีขึ้น จะเล่นกีต้าร์ เล่นเบส ไม่เห็นมีใครพูดว่าอยากเล่นระนาด ขลุ่ย ซอ บ้างเลย
ยอมรับว่าดนตรีไทยเวลาเล่นแล้วมันจะสยบทุกสายตาได้จริงๆ เพราะความปราณีตและไพเราะในตัวของมันเอง แต่ก็นั่นแหละ...ทุกคนคิดว่าเป็นเรื่องที่เฉิ่มเชยไปเสียหมด พออ่านนิยายเรื่องนี้แล้วความคิดพวกนี้มันก็เกิดขึ้นในใจเต็มไปหมด
ทุกบททุกตอนที่พ่ออัชย์พูดถึงคนสยามในยุคนี้เหมือนโดนอะไรแทงใจดำ ฉึกๆเลยล่ะค่ะ

อีกส่วนหนึ่งทีทำให้นิยานเรื่องนี้สวยงามคือความรัก อ่านแล้วทำให้เรารู้สึกอินไปเลยว่า ไม่ว่ากาลเวลา เพศ หรือกรอบประเพณีแล้ว ไม่มีคำพวกนี้ในนิยามของคำว่า 'ความรัก' มันทำให้รู้สึกว่าทุกอย่างมันประทับใจจนไม่รู้จะบรรยายออกมายังไงดี
รักความรักของคนสองคน รักหมอปีย์ รักพ่ออัชย์ รักทุกสิ่งในถ้อยคำและบทสนทนาของคนทั้งคู่ บางทีเฉิ่มเชย แต่พออ่านแล้วกลับไม่รู้สึกแบบนั้น มันงดงาม มันตื้นตัน อ่านแล้วหัวใจเต้นตึกตัก หมายเหตุ อยากฝากสายลมไปบอกหมอปีย์ว่า ตอนนี้ต้นรักน่ะ ปลูกขึ้นแล้วนะ  ปลูกขึ้นในใจของผู้อ่านคนนี้ไง
ฮิๆ

ชื่นชมคุณเซ็งเป็ดบ้างดีกว่า อยากบอกว่าคุณสุดยอดดดดดดดดมาก ในการวางพล็อต เขียนเรื่อง เก็บรายละเอียดได้ทุกเม็ด ประมาณว่าเป็นท่านหลวงเซ็งเป็ดในยุคนั้นเลยจริงๆ  บรรยายอาหารได้น่ารับประทานจริงๆเจ้าค่ะ อ่านแล้วอยากนั่งรถไปแถวๆท่าพระจันทร์ แถวๆสนามหลวง ไปหาอาหารชาววัง ฮิๆ
ชอบข้าวต้มปลาทูสุดๆ (อยากจะลิ้มรสมากมายเจ้าค่ะ) และที่สำคัญ บทสังวาส (บทอัศจรรย์นั่นแล...เอิ๊กๆ)ก็บรรยายได้สวยงาม อ่านแล้วนึกถึงอารมณ์ทะเลกำลังคลั่งด้วยรสแห่งสิเน่หา (มาโบราณได้อีก ไม่ได้ๆต้องให้เข้ากับท้องเรื่อง)
แต่งเป็นกลอนได้อื้อหือ  อ่านแล้วไม่หวือหวา แต่หวั่นไหว อ้าก มันงดงามจริงๆ

ฮ่าๆ ยังไงก็ขอบคุณมากค่ะที่แต่งเรื่องนี้มาให้อ่านกัน  และขอโทษด้วยจริงๆค่ะที่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นในแต่ละตอนที่ผ่านมา เนื่องจากอ่านจบแล้วกะพิมพ์ยาวๆเลย) แต่ความจริงแค่นี้ก็ไม่หมด (มันยาวมาก ใครรำคาญก็ขอโทษด้วยจ้า ฮึกๆ เค้าประทับใจเรื่องนี้จริงๆ)
หมายเหตุ :: สั่งจองไปแล้วนะจ๊ะ แต่ยังไม่ได้โอน(กำลังเร่งเก็อบัฐอยู่) อยากได้มาไว้ครอบครองควรแค่แก่การอ่าน
ปล.อยากให้พี่เซ็งเป็ดเซ็นลายเซ็นให้จัง

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับนิยายเรื่องนี้ เราจะจำไว้ในความทรงจำว่าเคยอ่านเรื่องราวที่น่ารักของหมอปีย์และพ่ออัชย์

๒๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

เข้ามาบอกว่าอ่านทุกตัวอักษรเลยครับ อ่านสองรอบ 555 เพราะว่ามันเป็นกำลังใจที่ดีเลย
ขอบคุณสำหรับคำชมนะครับ(ติมั่งก็ได้นะ จะได้เอาไปพัฒนาครั้งหน้า)

ผู้เขียนเองก็หลงรักเรื่องนี้เหมือนกัน ถึงพยายามอย่างหนักเพื่อเขียนให้จบ
ทั้งที่ท้อหลายครั้งมาก หายไปนานมาก สังเกตดูว่าเรื่องนี้ใช้เวลา ปีเต็ม นานมาก

แต่จบแล้วก็ดีใจครับที่มีคนชอบ ยังไงรอติดตามเรื่องต่อๆไปของผู้เขียนด้วยนะครับ

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
โอยยยยยยยยยย ไม่ไหวจริงๆค่ะเรื่องนี้
อ่านแล้วรู้สึกแบบ เฮ่ยย มันสามารถเป็นวรรณกรรมได้เลยนะสำหรับอิชั้น
ใครจะว่าเวอร์ไม่รู้ แต่อิชั้นรู้สึกแบบ มันเป็นอะไรที่ดูมีคุณค่า
อ่านแล้วรักสยามของเรามากขึ้น รักประเทศชาติ ประเพณีวัฒนธรรมต่างๆ มากขึ้น
ไม่รู้สิ่คะ รู้แต่รักเรื่องนี้เลย อยากย้อนอดีตมั่งจัง ฮ่าๆ
รอตอนพิเศษอยู่นะคะคุณเซ็งเป็ด 55555555

ปล.ยังไงก็จะซื้อแน่นอนค่ะ แต่ณ ตอนนี้ อิชั้นขอตัวเก็บสะตุ้งสะตังก่อนนะคะ อิอิ   :impress2:

จะรอนะครับ อิๆ

ออฟไลน์ akira26095

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
อ่านรวดตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน ....12 ชั่วโมงพักแค่ทานข้าวและเข้าห้องน้ำ เป็นเรื่องที่ทำให้ประทับใจมากที่สุดเท่าที่เคยอ่านมา เป็นมากกว่าคำว่า"นิยาย" และ...ทำให้ร้องไห้หนักที่สุด

nana123

  • บุคคลทั่วไป
อ่านจบแล้วเช่นกัน  ตอนแรกอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องทั่วไป แต่อ่านไปเรื่อยกลับพบว่าเรื่องนี้สามารถเป็นเรื่องที่น่านะได้รับการยกย่องเรื่องภาษาและประวัติศาสตร์ได้เลย มีกลิ่นไอของอดีตที่ความเป็นไทยที่เราไม่เคยไดสัมผัสถึง มีการดำเนินเรื่องได้อย่างสอดคล้องไม่มากไปไม่น้อยไปทุกอย่างพอดี ในทุกครังที่พ่ออัชย์ได้เล่าเรื่องในยุคนี้แล้วนั้นมันเป็นสิ่งที่เป็นความจริงทุกประการ โดยที่เราได้แต่มองย้อนไปว่าทำไมเราทุกอย่างที่เป็นเราในวันนี้ เราถึงได้อยากไปเป็นคนอื่นเราไม่แต่จะยอมรับตัวตนของเราเอง


ป.ล.สั่งซื้อหนังสือ โอนเงินไปแล้วครับ อยากได้เป็นรูปเล่มเร็วๆจะได้อ่านทุกครั้งที่คิดถึง

luvify

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีคะ อ่านจบแล้วต้องขอฝากความคิดเห็นไว้ซะ"เล็กน้อย"  :L2:

 จริงแล้วเพิ่งเริ่มอ่านเมื่อเช้าเลยคะ ไล่กวดอ่านทั้งวันจนจบ( ป๊าดด อึ้งตัวเองอยู่)
พออ่านจบแล้ว ความรู้สึกมันปะปนกันไปหมดเลยคะ ไม่รู้อารมณ์ไหน เศร้าหน่อยๆ ประทับใจ ทุกอย่างรวมกันไปหมด งั้นจะขอแสดงความคิดเห็นตั้งแต่เริ่มเลยนะคะ
 
 ตอนแรกก่อนคลิ๊กเข้ามาอ่าน ไปเจอกระทู้จองหนังสือ เรื่องนี้ก็เลยคลิ๊กเข้ามาลองอ่านดู อ่านไปตอนแรก..อืม งง ย้อนกลับไปอีกรอบ จึงเข้าใจ (ติดนิสัยกวาดตาอ่านไวไวเลยข้ามๆไป) อ่อ พ่ออัชย์นี่ :fire: ตอนแรกยังเดาเนื้อเรื่องไปต่างๆนานา เอ..หรือพระเอกจะนายทุนเจ้าหนี้ บลาๆๆ คิดไปกระทั่งพระเอกเป็นฝรั่งที่มาติดใจ ๕๕๕ พออ่านไปสักพัก โอ้ววววว ย้อนอดีตอะๆๆๆ แม่มณี~ (เพ้อไปแล้วยัยนี่) ส่วนตัวชื่นชอบเรื่องแบบแนวนี้อยู่แล้ว เลยตื่นเต้นตึกตัก แต่ก็แอบงงนิดๆตอนเจอกับคุณชั้นตอนแรกสุดเรื่องเกี่ยวภาพของตัวเรือนเนี่ยแหละคะ! แต่ก็อืมพยายามมโนภาพ
  ช่วงที่พ่ออัชย์หลอกตัวเองว่าไม่ได้อยู่อดีตก็ทำเอาหงุดหงิดอยู่ เพราะทำใจได้ช้ามากกกกกกก แต่หมอพินิจเนี่ยทำเอาหวั่นไหวแล้วเกาะหนึบอยู่ ตอนที่พ่ออัชย์เล่าถึงประเทศไทยปัจจุบัน มันน่าสลดจริงๆแอบน้ำตาซึมเลยตรงนี้ เรายอมรับว่าเป็นคนนึงที่ชอบเพลงสากล เกาหลีอะไรพวกนี้ แต่ว่าเราก็ยังรักความเป็นไทยอยู่เห็นอย่างนี้ก็ชอบเรียนระนาดนะเออ! คนไทยยังไม่เลวร้ายขนาดนั้นคะพ่ออัชย์ขาา
  อ่านไปจนถึงตอนที่คุณหมอหึงเนี่ยเป็นอะไรที่น่ารักเกิ๊น :impress2:  แอบยุในใจ เอาเลย ตบจูบๆๆ  :m20: แต่คุณหมอสุภาพบุรุษไทยใจงามเกิน น่าจะเป็นโสรยา อ๊า~ "กระผมเจ็บขอรับ คุณท่าน"  :-[ อ่านเรื่องแนวนี้มันน่าหงุดหงิดตรงความเอื่อยของพระเอกนี่แหละ!!  อยากจะแหวกเข้าำไปจับคุณหมอกรอกไวอากร้า ๕๕๕๕+
  รักคุณยายหนูวาด น่ารักอะทั้งอดีตปัจจุบัน หลงรักตัวละครนี้เข้าเต็มหัวใจเลย เรื่องนี้มีตัวละครเด็ก2คน ที่ทั้งน่ารักและน่าสงสาร แตกต่างแต่กลับเหมือนกันอย่างน่าประหลาดใจ ส่วนของแดงนั้น น่าสงสารมาก ในใจแอบภาวนาให้หายดี กลับเป็นคนในบ้านคุณหมอ แต่เฮ้ออ  น่าเสียดายจริงๆรู้สึกช๊อกไปพร้อมๆกับพ่ออัชย์เลยทีเดียว
  คุณชั้นเป็นท่านที่น่าเคารพที่สุดในเรื่องนี้เลยเท่าอ่านมา ไม่มีคำอธิบายใดดีเท่าท่านเป็นครูตัวจริง เป็นผู้ใหญที่น่าเคารพ =A=
  ตอนเดินทางไปชะอำโอย ปานจะขาดใจไม่ไหวแล้ววว ซวยซ้ำซ้อนจริงๆ ยายหนูกับแม่จันทร์ช่างเป็นคนดีจริงๆ ส่วนเจ้โคกับพ่อคุณเธอ เหอะ โหดเหลือร้าย แต่ก็ยังดีที่แม่นางปิ๊งคุณหมอ ไม่งั้น คุณหมอกับพ่ออัชย์อาจจะตายจริงๆก็ได้=_= แต่พอตอนนี้ออกมาได้ อื้อหือ หวานกันโพดดดด ปานน้ำผึ้งเดือนห้า สรุป มาฮันนีมูนกันใช่หรือไม่พ่อคู๊ณณณณณ คนอ่านอ่านไปเกาแขนคะเยอคะ มดกัด๕๕๕+
  ตอนกลับมานี่แอบปวดใจ แต่แอบกระซิบว่าโรคจิตคะชอบบทแบบนี้ ต้องห่างกันทั้งที่รัก งอนๆกันเนี่ยชอบบบ ดราม่าชอบบบบบบบบ (ยัยโรคจิตเอ้ย!) เฮ้อ แต่เบื่อจริงๆกับบทผู้หญิงแบบนี้ที่ชักจูงง่าย ยอมทำร้ายผู้อื่นถึงขั้นตายเพื่อตัวเอง ไม่ได้คิดผลที่ตามมา ผู้หญิงยิ่งใหญ่แบบคุณชั้นไปไหนโม๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด  :m31:  :fire:
  พอพ่ออัชย์กลับมาทำกิจการโอย มันทรมานแทน 20 ปี มันช่างยาวนานเหลือเกิน น้ำตาปริ่มจะไหล แต่พอกลับไปแล้วตัดสินใจแบบนั้นมัน.. มันช่าง :m16: ฮืออ  เกลียดอารมณ์นี้ที่สุดเลยคะ ที่จริงมันน่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้นะเฮ้อ เป็นต้นว่า มันบูดของเก็บทิ้งไรงี้= = (ไร้สาระ) เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรนะ แล้วค่อยคิดแผนมัดตัวสองพ่อลูกนั้นทีหลังก็ไม่สาย อนิจจังทุกขัง แอบติงพ่ออัชย์มันไม่เหมือนในฝันนะ=_= คุณหมอไม่ได้จับกดหัว แต่เล่นพาดิ่งคู่ แค่คิดภาพก็สยองแล้วค่า รับประทานดิฉันกลัวการจมน้ำตายที่สุดในโลกา o22
  พอกลับมายุคัจจุบัน อาเด๊ะ ยังงง คือ คือ สรุปย้อนกลับมายังหนุ่ม แม่ยังไม่ตาย??? อ่า :really2: จูนสมองๆ เเล้วเลยกลายเป็นย้อนไปๆมาๆซะงั้น แหม แต่คุณหมอยังตามมาหวานถึงอนาคต ฝากหนังสือไว้ซะใจสั่นเลยเทียว~ :o8: :-[ คุณหมอก็กลายมาเป็นพี่หมอ :กอด1: อาเมนนน ก็นะดีกว่าจบเศร้ากว่านี้ เห็นคนรักกันแล้วมีความสุขคะ :L1:

ปล.สรุปบ่นอะไรให้คนแต่งฟังเนี่ย :a5: ๕๕๕+
ปล2.ขอบคุณที่แต่งนิยายดีดีให้ประโยชน์หลากหลายแง่ ให้หิว(แม่เจ้าโว้ย เข้าครัวที่ รับประทานอิฉันอยากทานฝีมือคุณชั้นบ้างงงT^T) ขอบคุณจริงๆคะ

ออฟไลน์ BIRD

  • บี เบิ๊ด นก ^___^
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ดีใจจัง ที่ตอนจบพี่หมอกับปอได้อยู่ด้วยกัน
ชอบเรื่องนี้มากเลยครับ ชอบบรรยากาศแบบนี้
เป็นเรื่องที่ประทับใจมากๆอีกเรื่องครับ :)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด