A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111  (อ่าน 1170810 ครั้ง)

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12

ออฟไลน์ peppier

  • ขาดคนรักนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ มีแค่ใจที่รักตัวเองก็พอ.. ~ ♥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ตามอ่านทันซะที   :z2:
ตอนแรกที่อ่านรู้สึกขนลุกเอามากๆ ที่นายเอกของเราไปพบเจอเรื่องราวต่างๆ โดยเฉพาะตอนครั้งแรกที่เจอยายทวดนั้น ขนลุกจริงๆ เลยครับ
นิยายเรื่องนี้ยังสอนเรื่องราวให้แง่คิดเกี่ยวกับประเทศไทยสมัยปัจจุบันให้เราได้คำนึงกันอีกด้วย  จากนี้ผมคิดว่าก็คงมีอีกหลายๆ คนที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง ที่เกิดจากจิตสำนึกในการอ่านเรื่องนี้อีกละครับ.

PS. ชอบหมอปรีย์มากกกกกกกกก ! ♥
นายอัชย์ก็ความรู้สึกช้าซะ !  :z3:
+1  ให้คุณเซ็งเป็ดคร้าบบบ '    o13

cotone

  • บุคคลทั่วไป
ตะลุยรวดเดียวจบ! สนุก+หาข้อมูลเก่งมากๆเลยค่ะ ชื่นชมคุณเซ็งเป็ดจริง :call:

อ่านเรื่องนี้ก่อนนอนไม่ดีต่อสุขภาพจริงๆ หิวค่ะ :z3: ฮึก

หมอหึง~~~~~~ ลากหมอนลากผ้าห่มไปนอนด้วยสักคืนเดี๋ยวก็ดีเองล่ะมั้ง อัชย์ หึหึ

สนน่ารักค่ะ :-[ รอตอนต่อไปนะคะ

kihaezzzzzz

  • บุคคลทั่วไป
 :z2: :z2:

รีบมาต่อนะ  ค้างไม่ไหวเเล้ว ววว

Monkizzz

  • บุคคลทั่วไป
รรรรรรรรรรรรร

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12

LifeTime

  • บุคคลทั่วไป
 :เฮ้อ:
บ้านหลังสวนกับเจ้าแดงกระทบกระเทือนจิตใจจัง  :sad11:

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
รอคร๊าบบบบ

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
 :call:
มารอเจ้าบ้า

ออฟไลน์ ~prince™~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +161/-2
ยังติดตามและรอคอยเรื่้องนี้อยู่ตลอดครับ  :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12

ออฟไลน์ watwong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
ฮื่อๆ ๆคิดถึงหมอปีย์ กับ อัฏย์ ใจจะขาดรอนๆๆ อยู่แล้วว

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
ตาอัฐย์นี้ไม่ได้รู้อะไรกับเขาเล๊ยยยย  ฮึ่ม

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันฉลองงานภูเขาทอง คนที่นี่ตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ คนเรือนคุณชั้นนั้นเห่อตัดสไบกันยกใหญ่ บางคนเลือกผ้าสีเขียวยังกะนางตานี อีกคนก็ไปได้ผ้าสีแดงเลือดนกจากพวกแขกแถวพาหุรัดมาก็เอามาอวดกันครึกครื้น  คุณชั้นนั้นถึงขนาดลงทุนตัดชุดใหม่ให้หนูวาดเลย และดูเหมือนหนูวาดจะเห่อเป็นพิเศษ ทันทีที่เห็นผม เธอรีบวิ่งแจ้นหอบชุดมาอวดผม
“ตัวว่าชุดหนูวาดสวยมั๊ย” ผมยิ้มบอกว่าสวยที่สุดเลย
เธอยิ้มจนแก้มแทบปริ เอาชุดมาทาบอกก่อนจะหมุนไปหมุนมาจนผมเวียนหัว
ส่วนคำแก้วนั้นผมเห็นเธอครั้งเดี่ยวเองตอนที่เธอเดินลงมาเก็บดอกมะลิ หน้าตาของคำแก้วละม้ายคล้ายคนที่ผมรู้จักและฝังใจ ไม่รู้ว่าเธอเป็นญาติฝ่ายไหนของคนที่ผมรู้จักรึเปล่า
“เอ พลอยก็มีญาติอยู่เชียงใหม่ด้วยนี่นา” ผมนึกขึ้นได้

ส่วนทางบ้านของหมอปีย์นั้นไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น  หมอนั่นเอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้องหนังสือ มีเพียงผม เจ้าแดง และสนเท่านั้นที่ตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยว
“เจ้าบ้า เจ้านะจะได้เห็นชาวบ้านร้องเพลงฉ่อย โต้ตอบกัน สนุกนักเชียว” แววตาของสนดูเหมือนจะเป็นประกาย
“เพลงฉ่อยคืออะไรอ่ะ” ผมถามด้วยความไม่รู้
“นี่เจ้าไปอยู่เสียที่ไหนมา ถึงมิรู้ว่าเพลงฉ่อยคืออะไร เพลงฉ่อยก็คือเพลงที่ตาเป๋ นำมาร้องเกี้ยวภรรยาเมื่อหลายปีมานี้ จากนั้นพวกครูเพลงไม่ว่าจะเป็น ครูฉิม ครูเปลี่ยน ครูศรี ครูบุญมีก็นำมาร้องต่อกัน ข้าเคยเห็นครูเปลี่ยนมาร้องที่พระนครครั้นเมื่องานสมโภชน์เมื่อปีกลาย ยังจำเพลงที่แกร้องได้เลย เจ้าจักฟังมั๊ยเจ้าบ้า เจ้าแดง”
ผมกับเจ้าแดงพยักหน้าพร้อมกัน
“คอยตบมือให้จังหวะข้านะเจ้าแดง” ว่าแล้ว สนก็กระแอมในลำคอเชิงขี้โม้ สองสามทีก่อนจะเริ่มร้องเพลง
ผมกับไอ้แดงนั่งตบมือ และคอยดูนายสนรำ ไม่น่าเชื่อว่าเห็นมาดมันนิ่งๆจะกลายเป็นคนทะแล้นได้ขนาดนี้ ผมกับไอ้แดงหัวเราะกันร่วนกับลีลาการร้องเกี้ยวสาว บางครั้งมันร้องเป็นผู้ชาย บางครั้งก็สลับมารับเป็นผู้หญิง ผมทั้งขำทั้งประหลาดใจ
แต่มีอยู่คนนึงละมั้งที่ไม่ขำกับเราด้วย จะใครเสียอีกหล่ะ ถ้าไม่ใช่ ไอ้หมอขี้เก๊กนั่น





ยิ่งใกล้วันงานสมโภชน์มากเท่าไหร่ ชาวบ้านแถวนี้ก็ยิ่งคึกคักกันมากขึ้น ต่างคนต่างพากันเตรียมของไปขาย ผมเห็นชาวบ้านเดินกันขวักไขว่กันมากกว่าเดิม กลางคืนก็จะได้ยินเสียงตำน้ำพริก ขูดมะพร้าว ตำครก เสียงเหล่านี้คงเป็นเสียงที่บ่งบอกว่า วันนั้นคือวันที่พวกเขารอคอย

และแล้ววั้นนั้นก็มาถึง ผมตื่นแต่เช้า เพราะนายสนย่องมาปลุก มันบอกว่า มันจะไปช่วยแม่มันขายของที่งานในตอนเช้า จะไปด้วยกันหรือเปล่า ผมตอบตกลงโดยไม่มีลังเล รีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัว ขณะที่เดินออกมาจากบ้านนั้น ข้างนอกยังมืดอยู่ ห้องของหมอปีย์ปิดเงียบ สงสัยยังหลับอยู่แน่ๆ
“แม่นายขายอะไร” ผมถาม
“ขายขนมเบื้อง ขนมเบื้องของแม่ข้าอร่อยหาที่ใดเปรียบ เจ้าจักได้ชิมไม่ช้านี่แหละ”
เราทั้งคู่เดินลัดเลาะไปตามถนนเส้นเล็กๆที่สองข้างทางปกคลุมด้วยไม้ใหญ่ ต้นกระทิน ต้นประดู่ และไม้หายากอีกหลายชนิด ความร่มรื่นเย็นสบาย ผู้คนใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่เร่งรีบ พวกเขาเดินกันช้าๆ พูดกันเบาๆ มีเวลาหยุดพักทักทาย ยิ้มให้แก่กัน ความจำของพวกเขานั้นก็ดีเลิศ เขาจำกันได้หมดว่าใครชื่ออะไร พ่อแม่เป็นใครทำอะไรที่ไหน น่าทึ่งมากสำหรับเด็กเรียนนอกอย่างผม
“นี่สน เขาจำกันได้ยังไงว่าใครชื่ออะไร” ผมถาม
“อ้าว เจ้านี่ประหลาดดีแท้ คนรู้จักกันทำไมถึงจักไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนาม” สนตอบเขาเร่งฝีเท้าขึ้น
“แต่ที่นี่ใหญ่โตขนาดนี้อ่ะ จำได้ยังไง” ผมยังคงสงสัยต่อ แต่ได้เร่งฝีเท้าเดินตามสน
“ก็จักไม่รู้จักกันได้เยี่ยงไร เพลามีงานบุญงานวัด ชาวบ้านที่นี่ก็บอกบุญ หรือไม่ก็ไปช่วยงานกัน บ้านใครใครแต่ง ใครตาย ก็บอกกันปากต่อปาก เมื่อมาถึง ก็ทักทาย ช่วยงานกัน เป็นเยี่ยงนี้มาแต่ไหนแต่ไร ชาวบ้านเขาถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน รู้จักกันมันก็ไม่เห็นจักแปลก”
“อ้อ เหรอ” ผมพยักหน้า
“หมู่บ้านเจ้าไม่เป็นเยี่ยงนี้กันดอกรึ”
ผมส่ายหัวไปมา
“ไม่อ่ะ บ้านชั้นนะ บ้านติดกัน แค่กำแพงกั้นยังไม่รู้จักกันเลย”
“แปลกดีแท้ คนบ้านเจ้านี่”
ผมอยากจะบอกมันเหลือเกินว่า คนบ้านผมที่มันว่ามันก็ลูกหลานนายทั้งนั้นนั่นแหละ แต่ไม่ได้บอกไปเพราะกลัวโดนหาว่าบ้าอีก
“นู่นไง จวนจักถึงแล้ว”
ผมชะเง้อมองตามที่สนชี้ เห็นภูเขาทองอยู่ไกลๆ ตอนที่ผมเห็นภูเขาทองตอนที่ขับรถผ่านไปข้าวสารเพื่อไปปาร์ตี้กับเพื่อนชาวออสซี่นั้น ผมไม่ทันได้สังเกตุ เห็นแต่เป็นภูเขาที่มีเจดีย์สีขาวอยู่บนยอดแค่นั้นเอง แต่ทันทีที่ผมเห็นภูเขาทองอีกครั้งที่นี่ มุมมองผมก็เปลี่ยนไป มันสวยงามในแบบที่มันเป็น ความยิ่งใหญ่ที่ผมรู้สึกได้ รอบๆตัวผมมีแต่ท้องนา และลานโล่งๆ มีเพียงภูเขาทองเท่านั้นที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่บนเนินหินสูง 
ในสมัยผมความยิ่งใหญ่ของภูเขาทองอาจโดนลดทอนความยิ่งใหญ่ลงไปเพราะตึกรามบ้านช่องที่สูงเสียดฟ้า แต่สำหรับที่นี่ มันคือที่ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวสยามในครั้งนั้น ชาวบบ้านต่างหลั่งไหลเข้ามาที่นี่เพื่อจะมาสักการะพระบรมสารีริกธาตุ
 พวกเขาต่างพากันหาที่เหมาะๆ จอดเกวียนไว้ บ้างหาโต๊ะหาแคร่มาวางจับจองเป็นเจ้าเข้าเจ้าของไว้ ผมเองก็ตื่นเต้นกับงานครั้งนี้ไม่แพ้พวกเขาเหมือนกัน เร่งฝีเท้าเดินตามจนทันนายสน ที่ล่วงหนามาหลายก้าว
“รีบเดินเข้าเจ้าบ้า ประเดี๋ยวจักคราด หากันไม่เจอ” มันบอก ผมนึกหัวเราะในใจ จะบ้ารึ สนเอ้ย ใครจะไปหลง ชั้นไปอยู่ออสเตรเลียคนเดียวตั้งหลายปี ยังไม่กลัวหลงเลย
“นู่นไง แม่ของข้า เร่งตามเข้าเถิด คงวุ่นน่าดูเสียกระมัง”
ภาพของหญิงแก่วัยชราท่าทางใจดี กำลังง่วนอยู่กับการจัดข้าวของ เธอจับจองได้ที่ริมตีนเขา ทางเข้างานพอดิบพอดี ผมมองไปรอบๆ ชาวบ้านที่เป็นเหล่าพ่อค้าแม่ค้าต่างพากันจัดของของตัวเอง บ้างก็กำลังขนมะพร้าวทลายลงจากเกวียน บ้างก็จัดถาดจัดเตาให้เรียบร้อยบนแคร่ บางคนนั้นยุ่งถึงขนาดผ้าถุงหลุดลุ่ยเป็นที่น่าขัน
อีกมุมนึงด้านใน ก็มีการจัดตั้งโรงมหรสพกันหลายโรง มีการเอาผ้าสีมาผูกตามเสาที่ตั้ง มีการเอาไม้กระดานมาปูเป็นพื้น เมื่อมองขึ้นไปบนภูเขาทองก็จะได้เห็นผู้คนมากมายต่างช่วยกันประดับด้วยประทีปแก้ว ระย้าแก้ว โคมพวง โคมราย และดอกไม้สวยงามจริงๆ
“นี่เจ้าบ้า จะอ้าปากค้างอยู่อีกนานไหม” เสียงนายสนตะโกนมาแต่ไกล เขากำลังช่วยแม่ของเขายกเตาถ่านเตาใหญ่ลงมาวางกับพื้น
“เออ ไปแล้วๆ” ผมปรี่เข้าไปหามัน ยกมือไหว้แม่ของสน ก่อนจะช่วยยกหม้อที่ใส่แป้งไว้เต็ม
เมื่อร้านของแม่สนเสร็จเรียบร้อย เราทั้งคู่ต่างทรุดตัวนั่งลงอย่างเหนื่อยอ่อน ผมเงยหน้ามองฟ้า เวลาใกล้เที่ยงเต็มทน เดี๋ยวนี้ผมชินกับการอยู่โดยไม่มีนาฬิกาเสียแล้ว แค่มองตะวันผมก็สามารถเดาได้ว่ากี่โมง อาจไม่เป๊ะ แต่ก็ไม่เคยพลาด
“ใกล้เที่ยงแล้ว เจ้าเร่งกลับเรือนเถิด เดี๋ยวคุณหลวงจะถามหา” นายสนหันมาพูด
“อ่าว ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวชั้นอยู่ช่วยต่อก็ได้”
“อย่าเลย ไม่มีอะไรแล้ว เจ้ากลับเรือนถูกใช่ไหม”
ผมพยักหน้า ก่อนจะลุกไปดื่มน้ำที่แม่นายสนเตรียมใส่ในแอ่งน้ำมาไว้กินอึกใหญ่ และเดินกลับบ้านไปอย่างว่าง่าย







“หายไปไหนมา” เสียงหมอนั่นทักขึ้นขณะที่ผมกำลังใช้กระบวยตักน้ำจากโอ่งข้างบันไดล้างเท้า เขาพูดโดยที่ไม่มองหน้าผม เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านตำรา
ผมเลือกที่จะไม่ตอบ เดินขึ้นบันไดมาบนเรือน
“เราถามว่าไปไหนมา ไม่ได้ยินรึ” เขาตะคอก
“ได้ยิน แต่ไม่อยากตอบ มีอะไรรึป่าว” ผมกวนกลับไป
“หากเจ้ายังคิดว่าเราเปนเจ้าของเรือนนี้ จักทำอะไรก็ขอให้บอกเราเสียก่อน หากเจ้าเปนอะไรขึ้นมา เราจักได้ไม่เสียเวลาตามหา”
“ชั้นไปกับสนมา ”
หมอนั่นไม่พูดอะไร ผมหยุดรอพักหนึ่ง รอว่ามันจะพูดอะไรรึเปล่า แต่เปล่า มันไม่พูดยังคงก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไป
“เดี๋ยวเย็นนี้ชั้นจะออกไปงานกับสน หวังว่านายคงไม่ว่าอะไรนะ”
หมอปีย์ไม่ตอบได้แต่ก้มหน้านิ่ง
“ไม่พูด งั้นชั้นถือว่านายอนุญาต” ผมว่า กำลังจะก้าวขาเดินเข้าห้อง
“แล้วถ้าเราบอกว่าไม่ได้หล่ะ” หมอปีย์โพร่งขึ้นมาเล่นเอาผมงงไปเลย
“ชั้นก็จะขอถามเหตุผล หากนายให้เหตุผลดีๆชั้นไม่ได้ ชั้นก็จะไป”
“เหตุผลนะรึ” หมอนั่นอึ้งไปครู่หนึ่ง ผมยืนรอคำตอบ “เหตุผลก็คือ เจ้าเป็นคนของเรา”

ผมฟังเหตุผลนั้นก็จะขมวดคิ้วด้วยความสงสัย คิดวนไปวนมาหลายรอบว่ามันหมายถึงอะไร
“บ้ารึป่าว” เมื่อคิดอะไรไม่ออกว่าที่มันพูดหมายความว่าอะไรผมก็เลิกคิด และด่ามันกลับไป ผมไม่ใช่คนคิดเยอะ เท่าคนสมัยก่อน ปวดหัวและป่วยการณ์ที่จะคิด สำหรับผมรู้สึกอย่างไรก็พูดตรงๆ ผมเดาความรู้สึกใครไม่เก่ง




กลางวันวันนั้นผมนอนพักเอาแรงตามคำแนะนำของสน เขาบอกผมว่า ให้กลับไปนอนเอาแรงเสียก่อน เพราะคืนนี้มีมหรสพมากมายที่จะจัดกันถึงรุ่งสาง ถ้าไม่นอนกลางวันเอาแรงมีหวัง ได้คับไปก่อนแน่ๆ
ผมจัดแจงอาบน้ำ ประแป้ง เพิ่งสังเกตุตัวเองว่าผมคล้ำลงไปมากจากปกติ  ผิวก็กร้านขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาจเป็นเพราะขาดการบำรุง แต่ที่ชัดเจนไปจากเมื่อก่อนคือ ผมหุ่นเฟิร์มขึ้นมาก ไม่เข้าใจเหมือนกันทั้งๆที่ไม่ได้ออกกำลังกาย เข้าฟิตเนสเลย แต่กล้ามขึ้นเป็นลุกๆ หน้าท้องถึงจะไม่มี 6 pcak แต่ก็เรียบแน่น
“โห แมนโคตร” ผมลูบหน้าท้องตัวเอง ก่อนจะหันข้างเบ่งกล้าม
อาจเป็นเพราะอยู่ที่นี่ผมเดินทั้งวัน ทำงานทั้งวัน ร่างกายมันก็เลยได้ทำงานตามที่มันสมควรจะเป็น
“ดูดีกว่านะก่อนอีกนะนี่” ผมยิ้ม เพราะรู้สึกว่าถึงแม้จะคล้ำ และกร้านลงไปบ้าง แต่ก็ดูแมนขึ้นในความรู้สึก




“ป้ามีไรกินมั่ง” ผมลงไปโรงครัวถามหาของกิน เพราะตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย หล่อนชี้ให้ผมขึ้นมาดูเอง เพราะกำลังยุ่งอยู่กับการขูดมะพร้าว คนสมัยก่อนนี่ก็ดี วันๆก็วุ่นวายอยู่กับการกิน อย่างว่านะ บ้านเราไม่เคยประสบปัญหาอดอยากสงครามเหมือนชาติอื่นๆ เลยมีเวลาสั่งสมภูมิความรู้ด้านนี้มากมาย ผิดกับเกาหลีที่แร้นแค้นจนแทบจะไม่มีวัฒนธรรมเป็นของตัวเองในตอนนั้น แต่เขาก็กลับมายิ่งใหญ่และสร้างวัฒนธรรมใหม่จนแทรกซึมไปทั่วโลก น่านับถือๆ
“ป้านี่อะไรอ่ะ” ผมเปิดฝาหม้อออกมาเจอแกงเหลืองๆใส่ปลาอยู่ในนั้น
“แกงส้มมะรุม กินกับปลาช่อนแดดเดียวในฝาละมีนู่น” หล่อนตอบ ผมเปิดฝาละมีดูก็พบปลาช่อนแห้งวางคู่กับน้ำพริกผักสด น้ำลายสอขึ้นมาทันที
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมหุ่นดีส่วนหนึ่งก็อาจมาจากการกินด้วยละมั้ง อยู่ที่นี้ผมกินแต่อาหารดีทั้งน๊านนนนนนนนน





ผมฟาดอาหารมื้อนั้นจนเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็วด้วยความหิวโหย นั่งรอสักพักกะว่าให้ง่วง มันก็ดันไม่ง่วงซะกะที ล้มตัวลงนอนก็พลิกไปพลิกมา เลยตัดสินใจ ช่างแม่งไม่ง่วงก้ไม่ต้องนอน
เวลาเกือบบ่าย สามกว่าๆ อากาศอบอ้าว แต่ยังพอมีลมแผ่วๆพัดมาให้คลายร้อนได้บ้าง ผมเดินเท้าเปล่าลงมาจากเรือน มุ่งหน้าไปยังเรือนหลังสวนเพื่อไปหา แดง ไม่รู้ว่าป่านนี้จะมีใครเอาช้าวเอาปลาให้มันกินรึยัง แดงมันไม่ค่อยโวยวายอะไรหรอก ใครให้กินก็กินไม่ให้กินก็ไม่กิน บางวันหากสนไม่อยู่ กว่าที่มันจะได้กินข้าวก็ปาไปบ่ายแก่ๆไปแล้ว
ผมเดินผ่านป่ากล้วยโดยไม่ลืมถือขนมเล็กๆน้อยๆติดมือไปด้วย การที่มันเป็นเด็กที่ไม่งอแง ไม่เคยเรียกร้องอะไร เลยทำให้ผมยิ่งสงสารและพยายามจะหาสิ่งดีๆที่เด็กปกติพึงมีมาให้มัน
“ลุงเห็นไอ้แดงมันมั่งมั๊ย” ผมร้องถามหาแดง ลุงชี้ไปที่กอไผ่หลังเรือนอีกเหมือนเคย ผมเดินอ้อมไปทางหลังเรือนผ่านกอต้นเข็มที่ออกดอกสีแดงสดต้นใหญ่ ใต้ต้นเข็มนั้นเต็มไปด้วยต้นว่านต่างๆที่สนปลูกเอาไว้เพื่อเอามาทำยา
สนเล่าให้ผมฟังว่าความรู้เหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วนั้นมากจากหมอจรัสทั้งนั้น เขาแทบจะคิดไม่ถึงเลยว่ากล้วยน้ำว้ามีสรรพคุณทางยาในด้านรักษาอาการท้องเสีย ช่วยยับยั้งความเผ็ดร้อนของอาหาร
ใบตำลึงช่วยแก้อาการแมลงสัตว์กัดต่อย แก้คัน แก้เจ็บตา ตาแดง
หรือขมิ้นชันเป็นยาลดกรด แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด ขับลม อาหารไม่ย่อย แก้โรคกระเพาะ แก้ปวดท้อง แก้อาการเกร็งกล้ามเนื้อ ทำให้การบีบตัวของลำไส้ลดลง
หมอจรัสเคยบอกเขาว่า
“เมืองสยามนี้ดีแท้ กินอาหารนอกจากจักอิ่มท้องแล้ว ยังเป็นยาอีกด้วย”
เขาหมายความว่าอาหารที่คนไทยสมัยก่อนกินนั้นล้วนแล้วแต่มีสรรพคุณและคุณประโยชน์นานัประการ พืชผัดสมุนไพรก็ล้วนแต่หลากหลาย
“แต่ทำไมคนไทยถึงไม่ค่อยรู้เน๊าะ” ผมเปรย
“แดง” ผมเรียก  “กินหนมป่าว”
แดงเงยหน้าขึ้นมา แววตาเป็นประกาย มันทิ้งช้อนที่ใช้ขุดดินลงก่อนจะวิ่งมาหาผม เด็กวัยขนาดนี้ควรที่จะได้มีโอกาสพบปะเด็กคนอื่น มีเพื่อนคนอื่นๆบ้าง แต่นี่มันอยู่ตัวคนเดียว น่าสงสารอ่ะ
“อะไร” มันถาม
“ไม่รู้เหมือนกันน่ะ ชั้นเอามาจากเรือนใหญ่นู้น กินป่าว” ขนมที่ทำมาจากมะพร้าวขูดเป็นเส้นๆแล้วม้วนเป็นลูกกลมๆก่อนจะเอาไปเครือบน้ำตาลอยู่ในใบตองที่ผมห่อมาให้แดง มันรับขนมไปมองอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอาเข้าปากไปเคี้ยวๆ
“อร่อยมั๊ย” ผมยิ้ม
“แข็ง”  มันบอกแต่ก็ยิ้มแฉ่งอย่างอารมณ์ดี
ผมไม่มาที่นี่หลายวัน หลังสุดที่มามีชายชราคนนึงตายไปเนื่องจากมีอาการแทรกซ้อน ผมมาไม่ทันเขาตายหรอก แต่สนบอก
 คนที่นี่เก่าไปใหม่มาอยู่เรื่อยๆ ที่นี่เป็นเหมือนที่สุดท้ายที่พวกเขาจะได้ปล่อยลมหายใจสุดท้ายให้ล่องลอยไปพร้อมกับวิญญาณ ไม่มีที่ไหนต้อนรับพวกเขา ไม่มีแม้ที่จะล้มลงสิ้นใจ
มีเพียง............เรือนหลังสวนแห่งนี้เท่านั้น
ผมมองสภาพของแดงมันแล้วก็อดสะท้อนใจไม่ได้ มันคงเจ็บปวดกับอาการของโรค อีกทั้งไหนจะต้องทนเจ็บปวดกับความเหงาเดียวดาย สิ่งหนึ่งที่รอคอยเด็กผู้ชายคนนี้ ไม่ใช่อนาคตอันสดใส ความร่ำรวย หรือความสุข แต่กลับเป็น.......ความตาย
น่าหดหู่ใจชะมัด

“แดง” เสียงใครคนหนึ่งเรียกชื่อแดงมาทางด้านหลังผม ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง
“ชั้นเอาขนมมาให้ แต่.............” หมอปีย์นั่นเอง เขามองมาที่ผม “คงไม่ทันแล้วหล่ะ” เขายิ้ม
“เราก็นึกว่าใครเอาขนมที่เก็บไว้ให้แดงไปไหนเสีย ที่แท้ก็เป็น.................”
ผมไม่พูดอะไร แต่ลุกขึ้นไปนั่งบนแคร่ หมอนั่นเดินเอาขนมไปยื่นให้แดง
“อร่อยมั๊ย  เจ้าแดง” หมอนั่นถาม
“ขอบใจเจ้านะ ที่เป็นห่วงเจ้าแดงมัน” หมอนั่นนั่งลงใกล้ๆผม “อย่างน้อย เจ้าก็ยังผูกพันกับใครในบ้านหลังนี้อยู่บ้าง”
เอาอีกแล้วพูดอะไรของมัน
“แดง” หมอปีย์หันไปเรียกชื่อเจ้าแดง
“เจ้าว่าข้าใจดำหรือไม่” แต่เจ้าแดงมันไม่ตอบ
“เจ้าคงคิดว่าเราใจร้ายใจดำ จอมเผด็จการ เจ้ายศเจ้าอย่าง เข้าใจยาก..............อย่างนั้นสินะ”
..................
“เจ้าคงคิดว่าเราน่ารำคาญอยู่ด้วยแล้วไม่มีความสุข................สินะ”
.....................
“เราไม่โทษเจ้าดอกที่เจ้าจักคิดเยี่ยงนี้ มันเป็นความผิดของเราเอง”
ผมเหลือกตาไปมองมัน นึกในใจเป็นอะไรมากป่าวพูดอยู่ได้คนเดียว มองไปทางเจ้าแดง มันก็เอาแต่แทะขนมไม่เห็นจะสนใจหมอนั่นพร่ามเลย
“เจ้าแดงเอ๋ย เจ้าไม่รู้หรอกว่าเราลำบากใจแค่ไหน เราไม่รู้จักพูดคำใด นอกจากคำว่า เราขอโทษ”
ผมเหลือบตาไปมองมันอีกรอบ พร้อมแบะปาก เป็นอะไรของมัน
“แดง ไปละนะ เดี๋ยวชั้นซื้อหนมมาฝาก” ผมลุกขึ้นยืน บอกลาแดงเพราะนึกขึ้นได้ว่าต้องรีบไปงานคืนนี้
หมอนั่นหันมามองผม คงนึกในใจว่า กูอุตส่าห์พูดซะเยอะแยะ ไม่เข้าหูมึงเลยหรือนี่
แต่ผมไม่สนใจหรอก  เรื่องของมัน ผมบอกแล้วว่าผมไม่ชอบคนอ้อมค้อม จะพูดอะไรกับผมก็พูดมาตรงๆ อย่ามาทำเป็นพูดฝากคนนู้นคนนี้ มันไม่ใช่ละครไทย
ผมหันหลังเดินออกมาโดยไม่สนใจหมอนั่น
แดดยามบ่ายแก่ๆเริ่มโรยความร้อนแรงลงไปเหลือแต่เพียงไอร้อนวูบๆเท่านั้น ผมสะบัดเสื้อเบาๆให้ลมพัดผ่าน เหงื่อเม็ดเล็กๆปุดขึ้นบนใบหน้า เงาของต้นมะขามเทศพาดผ่านทางเดินสองข้างทางคอยให้ความร่มรื่น ผมยังเดินอยู่ที่นี่........ที่บ้านของตัวเองแห่งนี้

ออฟไลน์ Anonymus

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-1
^
^
^
จิ้มเบาๆ :z13:

อัชเอ๊ย  ใจร้ายว่ะ  น่าจะใจอ่อนกะหมอปีย์มั่งไรมั่ง  หมอปีย์เขาก็ออกจะน่ารักนา

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
สงสารแดง :monkeysad:
เริ่มไม่ชอบนิสัยนายเอก
+1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2011 21:39:19 โดย Little Devil »

katook

  • บุคคลทั่วไป
ใจร้าย....


แต่สงสาร แดง...

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
หมอปีย์นี่ วัยทองหรอคะ
แปรปรวนจริงเชียว
เดี๋ยวเขาหนีกลับบ้านอีกจะรู้สึกอ่ะ

ออฟไลน์ DarKLasT

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 595
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
อัชใจร้าย

ให้หมอมอมยาแล้วจับกดเลย

อิอิ o13

lovevva

  • บุคคลทั่วไป
 :serius2:อัชใจร้าย หมอปีย์อุตส่าห์มาขอโทษแล้วนะ

 :m15:สงสารแดง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ →Yakuza★

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-0
หมอปีย์ ก็ก๊กความรู้สึกเข้าไปนะจ๊ะ เค้าใจว่าสมัยก่อนคนมักจะเนียมอาย

ชอบก รีบๆ บอกเค้าไป ไม่งั้น อาจจะอดนะจ๊ะ  :z2: เชียร์หมออยุ่นะ จุ๊บๆ

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 618
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
เห็นแล้วหงุดหงิด
ยึกๆยักๆกันอยู่นั้นแหละ
อัชก็ไม่พยายามเข้าใจ
หมอก็ชอบอ้อมโลก
แล้วเมื่อไหร่จะลงเอยกันซักที

paulla

  • บุคคลทั่วไป
นี่มันคนละยุคกันนะอัช....จะให้เร็วทุกอย่างได้ยังไง อัช ใจร้ายยย

ออฟไลน์ watwong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
พี่นน อย่าให้นานนะ อ่านแล้วค้างเลย หมอปีย์มาง้อซะที รอนานมากกกกกก

ออฟไลน์ KOWPOON

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
บอกเค้าไปตรงๆเลยสิหมอปีย์     o13

อ้อมอยู่ เด๊ยวก็ถูกสนคาบไปกินซะหรอ  :angry2:

จะไม่ให้เค้าไปเที่ยวหึงเค้าใช่ม่ะล่ะหมอปีย์  :serius2:

เอาใจช่วยคนปากแข็งอย่างหมอปีย์แล้วกัน สู้ๆนะหมอปีย์  :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
อัชน่ีนะ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13
“เหตุผลก็คือ เจ้าเป็นคนของเรา” :o8: ชอบประโยคนี้มากมาย
แต่สงสารหมออ่ะ สงสาร :o12: :o12: :o12: :o12:

cotone

  • บุคคลทั่วไป
"เจ้าเป็นคนของเรา"......อร๊างงงงงงงงงงงงง

หมอสุดยอด แต่อ้อมไปนะหมอ หมอยังไม่รู้อีกเหรอว่าไอ้อัชมันตรงแต่โง่ :เฮ้อ: //โดนตะหลิวโบก

รอตอนต่อไปค่า สนเอ้ยยไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาก็ทำนายหงุดหงิดซะแล้ว

ออฟไลน์ none_ny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
เดี๋ยวปั๊ดให้หมอปีย์มอมสาโทซะเลยนี่ ชิชะ  :m31:

ออฟไลน์ Army_boy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หมอปีย์อ้อมได้ใจจริงๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด