หน้าที่ 42 วรรคที่ 1
********************************************************************************
หลังจากที่ผมกับดิษ ผ่านมรสุมชีวิตครั้งล่าสุดมาได้ เราก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง โดยที่ผมกั้นเส้นความสัมพันธ์กับคนอื่นให้ชัดเจนขึ้น อย่างพี่พานผมก็ไม่แคร์เรื่องชีวิตส่วนตัวของเค้าอีก เพราะรู้ดีว่าผมขี้สงสารครับ ถ้าได้ยินอะไรสะเทือนใจก็จะกระโดดเข้าไปอีก ส่วนวากบ้าผมยกระดับเป็นคู่ชีวิต (แอบอายนะนิ) เริ่มต้นความคิดที่ว่าผมกับมันเป็นครอบครัวเดียวกัน แรกๆก็เขินครับ เพราะไม่ค่อยชิน แต่หลังๆเขินน้อยลง
“ ทำอะไรน่ะ ” ทุกครั้งที่วากบ้าโผล่หน้ามาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง จะชอบถามแบบนี้ครับ
“ คิดว่าทำอะไรล่ะครับพี่วาก ” ดิษเดินมาทำจมูกฟุดฟิดๆ
“ หอมนะเนี่ย ”
“ ไปนั่งรอเถอะ ” ผมยกข้าวเช้ามาวางให้มัน ข้าวผัดกับต้มจืดครับ
“ คิม พี่เข้างานช้าหน่อยนะ ”
“ ต้องขออนุญาตด้วย เราเป็นเจ้านายเหรอ ” มันยิ้มให้
“ เราเสมอกันแล้วก็ต้องให้เกียรติกันสิ ”
“ พูดอะไร ” มันทำหน้ามุ่ยใส่ น่ารักตายล่ะ คึคึคึ
“ ลืมวันนั้นที่บ้านพี่ไปแล้วเหรอ ลืมง่ายจังนะ ..... มิน่าถึงคบผู้หญิงแบบคบๆเลิกๆ ” มันพูดถึงเรื่องที่ผมถอนทุนมันอะครับ หึหึ
“ อ้าวๆ เริ่มจะพาลใหญ่แล้วนะ ”
“ เห็นปะ ไหนจะคำว่าพาลอีก ตั้งใจยั่วพี่ใช่ไหม ” น้ำเสียงจริงจังเหลือเกินไอวากบ้า
“ คร้าบ ผมผิดไปแล้วคร้าบ ...... ตกลงจะไปไหนล่ะ ” วากบ้าเปลี่ยนมายิ้มละครับ
“ พี่จะไปเยี่ยมพ่อหน่อย ตั้งแต่วันนั้น พี่เห็นพ่อดูไม่มีแรง ”
“ อืมๆ งั้นเราไปด้วยนะ ” วากบ้ารีบยกมือห้าม
“ วันนี้น้องมีธุระที่ห้าง ลืมแล้วเหรอ กินข้าวเถอะ คุยกันแบบนี้ทั้งวันก็ไม่จบ ..... เวลาคุยกับน้อง พี่หยุดตัวเองไม่ได้เลย ”
“ เห็นด้วย ชักจะเลี่ยนละ ”
“ ฮะๆๆ ” เหตุการณ์ต่อจากนี้ เป็นตอนที่ผมไปสัมภาษณ์จนได้พนักงานใหม่ที่ชื่อเจน ที่ผมเคยเล่าในใบแทรกสัมภาษณ์ลูกจ้างใหม่ หน้า 146 กระทู้ที่ 4361 ตามอ่านเอาได้นะครับ
หลายคนอาจไม่สงสัย แต่พอดีอยากเล่า เหอะๆ ว่าทำไมผมเรียกดิษว่าวากดิษ ไม่ใช่เฉพาะในบันทึกนะครับ ปกติผมก็เรียกว่า พี่วาก วากดิษ อยู่บ่อยๆ ทั้งๆที่คนคบกันน่าจะเรียกแบบอื่น ความจริงก็ไม่มีอะไรหรอกครับ มันติดจริงๆ ผมเคยดูหนังจีนที่สามีภรรยายังติดเรียกว่าศิษย์พี่ศิษย์น้อง แม้ว่าแต่งงานกันไปแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าเป็นไปได้เหรอ พอตัวเองติดอย่างเค้าบ้างก็เลยเลิกสงสัยละครับ ถ้าไม่เชื่อลองไปหาแฟนเป็นพี่วากดูดิครับ คึคึ
กลับมาเรื่องอาการของพ่อวากดิษ ดูแย่ลงอย่างเห็นได้ชัดครับ พอท่านรู้ว่าเป็นโรคร้าย ท่านก็พยายามจะทำใจ ท่านขอร้องแม่วากดิษ รวมถึงลูกๆว่าอยากไปพักอยู่กับพ่อของผม เพราะในชีวิตท่านมีเพื่อนไม่มาก มีพ่อผมที่จริงใจกับท่าน พวกเราก็เลยตามใจท่าน
พอส่งท่านถึงไร่ของพ่อผม เรากลับมาเพื่อทำงานกันต่อ ผมได้ยินจากวากดิษว่าเดย์กำลังทำเรื่องกลับมาที่บ้านเรา หลังจากไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ เดิมทีผมคิดว่ามันไปเรียนแค่หกเดือน ความจริงมันเป็นหลักสูตรหนึ่งปีนู้นครับ วากบ้าเค้าเห่อน้องเลยเผลอพูดว่าเดย์กำลังจะกลับมา
“ เดี๋ยวๆ แล้วดิษรู้เรื่องเดย์ได้ยังไง มันบอกดิษแต่ไม่บอกเราใช่ปะ ..... ไอเด็กบ้านี่ ”
“ เป็นชุดเลย วินเป็นคนบอกพี่ ” หน้าแหกเลย เหอะๆ
“ พูดไปแล้ว เวลาผ่านไปเร็วเนอะ ” วากบ้าพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ ใช่ เผลอไม่นาน พี่รักน้องมาเกือบสามสิบปีแล้วสิ อืมๆ ”
“ เหอะๆ พอเลย ” พักนี้ว่างไม่ได้ ว่างเป็นหยอดๆ ฮึ่ยย
“ นี่คิมไม่ได้ถามถึงเดย์กับวินบ้างเหรอ แปลกนะ ”
“ ก็ดูไม่มีอะไรนี่ แล้วที่ว่าแปลกนี่ยังไง ” วากบ้านั่งพิงพนังเก้าอี้ ดูภูมิฐานมั่ก
“ แปลกตรงที่ ไม่ยุ่งเรื่องของคนอื่นเค้าเลยไง ”
“ เออ ไปดีกว่า ”
เรื่องงานของผมก็ถูกกีดกันนิดหน่อยครับ ด้วยความที่ผมเปิดเผยความสัมพันธ์กับดิษอย่างชัดเจน ทำให้เราตกเป็นเป้าโจมตีของคู่แข่งในห้าง แรกๆผมทำใจไม่ได้ครับ เอาไประบายใส่วากดิษบ่อยๆ แต่พอคิดว่าดิษไม่เคยทำแบบนั้นกับผมเลย ก็ทำให้ได้คิดครับ เพราะดิษเองน่าจะโดนสบประมาทมากกว่าผม กลับไม่เคยแสดงท่าทางโกรธผมเลย คิดได้ดังนั้นเราก็ยิ่งสนิทกันมากขึ้นไปอีก
ช่วงที่ผ่านมาผมต้องช่วยดูเรื่องการพักฟื้นของดิษครับ เพราะว่ากันตรงๆ ดิษยังไม่ปกติดี กำลังวังชาไม่ได้ดีเหมือนเดิม แต่เค้าบอกว่าตอนนี้กำลังใจดี ไม่รู้สึกแน่นหน้าอกเหมือนก่อนหน้านี้ นอกนั้นก็ออกกำลังกายด้วยกัน หมายถึงเดินวิ่งนะครับ
จนผ่านมาอีกร่วมเดือน ก็ถึงวันที่ผมนัดเจอกับเพื่อนๆ เพราะตั้งแต่พวกนั้นช่วยผมแก้ปัญหาเรื่องของผมกับดิษแล้ว เราแทบไม่ได้เจอกันเลย ไม่ได้นัดกันไปไหนแปลกๆหรือไกลๆหรอกครับ ร้านพี่นากนั่นแหละ
“ สวัสดีแบงค์ ” ผมนั่งรอที่หน้าร้านกับวากดิษครับ ตอนนี้พี่นากกับพี่โจไปช่วยกันรับแขกกับรับรายการอยู่ด้านใน
“ คิมหน้าตาสดใสมากเลยนะ พี่ดิษไปทำอะไรให้ครับ ”
“ อ๋อ ...... ปล่าวนี่ ปกติคิมก็เป็นแบบนี้ ” รู้สึกจะกลัวคนรู้เหลือเกินว่าโดนทะลวงด่านลับแล้วเนี่ย
“ กับพี่กริช ถึงไหนแล้วแบงค์ ”
“ เอ่อคิม เรากับพี่กริช ไม่ได้คบกันเป็นแฟนแล้วนะ ”
“ เฮ้อ มันยากนักหรือไงวะแบงค์ ยอมเค้าบ้างไม่ได้เหรอ ” ดิษเริ่มหยิกก้นผมละครับ แต่หยิกไปเหอะ กูไม่เจ็บว้อย คึคึ
“ ไม่ใช่แค่เราที่เปลี่ยนไม่ได้ พี่กริชก็เปลี่ยนไม่ได้ ”
“ หมายถึงอะไรที่เปลี่ยนไม่ได้ ”
“ นิสัยมั้ง กริชมันหัวรั้น ..... ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ขู่มัน มันคงไม่วางมือเรื่องคิมหรอก ” พอได้พูด พูดซะน่าชกเลยไหมล่ะไอวากบ้า
“ ครับพี่ดิษ พี่กริชรั้นมากจริงๆ ”
“ เออ กูผิดเองแหละ ต่อไปไม่ช่วยใครละ ” ผมบ่นแบบเซ็งๆ นิ้วก็คีบดินสออยู่ ช่วงนี้พยายามลดบุหรี่ครับ วากบ้าเค้าเลิกไปก่อนหน้านี้แล้ว รายนั้นอาศัยช่วงที่เครียดเลิกบุหรี่เฉยเลย ไม่รู้ทำได้ยังไง
“ ให้มันจริงเห๊อะ !!!! ”
“ อะไรวะพี่โจ มาตั้งแต่เมื่อไร ” ไอสองคนที่อยู่ข้างๆก็เอาแต่หัวเราะ พวกนี้หัวเราะอะไรกันอะ
“ พี่นากให้มาชวนเข้าไปข้างใน แขกน้อย เหงาน่ะ ” ระหว่างที่พี่โจเดินพาแบงค์เข้าไป ไอวากบ้าก็แอบเอาปากมากระซิบที่หูของผม
“ หยิกก้นแล้วไม่ยอมหยุดพูด คืนนี้จะทำโทษทำให้หนักเลย ”
“ ทำไมครับพี่วาก จะทำอะไร ” ยักคิ้วสู้มันเลย ฮ่าๆ
“ ได้ใจใหญ่เลยนะ หึหึหึหึ ” มันไม่เถียงซะงั้นครับ แต่หัวเราะเสียงเย็นไปไหมอะ
เข้ามาในร้าน พี่นากก็ไล่พวกผมไปห้องหลังร้านที่เดิม
“ วันนี้ห้ามต่อยกันนะครับ ถ้ามีอีก คราวหน้าก่อนเข้ามา กูจะจับมัดมือมัดเท้า แล้วให้คลานเข่าเข้ามา ” พวกเราก็หัวเราะครับ
“ นึกว่าจะไม่ให้พวกผมมา ” ผมแซว
“ ไม่ให้มาคงยาก มีแต่พวกบ้าๆ ห้ามก็ไม่ฟังอยู่ดี เดี๋ยวแวะมา ...... โจดูแลด้วยนะ ” ว่ากูบ้าอีก ฮุ้ว จากนั้นพี่แกก็เดินออกไป
“ นี่ นากพูดเหมือนหยอกๆ แต่เค้าคิดมากนะ ”
“ แล้วไปเป็นกระบอกเสียงให้สามีมึงตั้งแต่เมื่อไร ” วากบ้าเริ่มปากมอมละครับ
“ โหพี่ อย่างผมเค้าต้องเป็นเมียสิครับ ”
“ แต่ของแบบนี้มันไม่แน่หรอกนะพี่โจ ” ผมแกล้งวากบ้าครับ รายนั้นหน้าเหวอเลย
“ ยังไงเหรอคิม ”
“ ไม่ต้องเลยคิม ..... เอาที่เรื่องนากคิดมากดีกว่า มันเป็นอะไร ” เลี่ยงตลอด เหอะๆๆ
“ ปกติเค้าเครียดเรื่องแขกอยู่แล้วน่ะพี่ พอพวกเราชอบมีปัญหากันที่นี่ ห้ามอะไรก็ไม่ได้ เค้าเริ่มเสียความมั่นใจ”
“ มันไม่เกี่ยวกันซักหน่อย ดูจากน้องๆที่ทำงานสิ นากมันเป็นเจ้าของที่ดีอยู่แล้ว ” ผมเห็นด้วยนะครับ
“ ไหนจะเรื่องมีคนมาติดอีก ..... มีแฟนหน้าตาน่ารักนี่ลำบากจริงเว้ย ” พี่โจพูด แต่หันหน้ามาทางผม
“ พูดไปทำไมต้องมองหน้าผมวะพี่ ” แบงค์เอาแต่นั่งหัวเราะครับ
“ ถ้ามีอะไรให้ช่วย บอกแล้วกันนะ ที่สำคัญมึงอย่าปล่อยมันหลุดมือนะ ไม่ได้หากันง่ายๆ ” เวลาพูดกับพี่โจ ดูวากบ้าจะผ่อนคลายนะครับ คล้ายๆกับเวลาที่พี่โจพูดกับวากดิษ เห็นพี่น้องรักกันแล้วอารมณ์ดี
“ จะมีใครมาอีกครับ ” แบงค์ถาม
“ เราชวนโต้งกับนัทมา วาฬกับจอยด้วย แล้วก็วินอีกคน ” ผมตอบ
“ ..... พี่กริชล่ะ ไม่ได้ชวนเหรอ ” ทำหน้าหมองเลยแบงค์ของผม
“ คิดถึงก็ชวนเองสิ ” ผมพูดครับ
“ คิมอ่ะ ” รออีกไม่นานนัก โต้ง นัท กับไอวาฬก็มาครับ
“ พอชวนกินเหล้าล่ะรีบเชียว ”
“ คิมบ้า ไม่ต้องกัดชั้นเลยนะ ขอสวัสดีพวกพี่ๆก่อน ” เจอหน้าสาวคนนี้ไม่ได้จริงๆครับ กัดกันตลอด คึคึ
“ จ้านัท นั่งเถอะๆ ” พี่โจให้โต้งกับนัทนั่งใกล้กันครับ ก่อนมันจะนั่ง ไอโต้งก็เดินมากอดผม
“ ดีใจด้วยนะมึง ”
“ เออๆ ขอบใจมากนะ ” เห็นรักกันอย่างนี้ ไอโต้งเป็นคนที่ต่อยผมเพราะเรื่องของดิษหลายหนแล้วนะครับ และผมก็ไม่เคยโกรธที่มันต่อยผมเลย ทำให้ผมคิดไปว่า ที่พี่โจกับวากดิษสนิทกันก็คงจะคล้ายผมกับโต้ง
“ แยกกันได้หรือยังคะ ” อันนี้ยัยนัทพูดครับ
“ แตะติดแตะหน่อยไม่ได้ ของเธอคนเดียวหรือไงยะ ” ผมแกล้งแซว พร้อมกับจับก้นไอโต้งด้วยครับ
“ หึ ชั้นยังคิดเลยว่าโชคดี ที่โต้งไม่ได้เป็นเมทแกอะ ”
“ มึงจะอะไรกับคนเป็นเมทกูนักหนาห๊ะ ” ผมเถียงยัยนัทครับ
“ หืม ทำไมล่ะครับนัท ” แบงค์เริ่มซักละครับ
“ ก็ใครเป็นเมทมันนะ ..... ” พอมันหันไปเจอวากดิษกับพี่โจ ดันไม่กล้าพูด
“ พูดไปเถอะ ว่าเป็นเกย์กันหมดน่ะ เคยพูดมาทีนึงแล้วนี่ ” วากบ้าพูดแทนเลยครับ เหอะๆ
“ เออเนอะ ” พี่โจก็เออออไปกันเค้า
“ จริงอะ ฮ่าๆ คิมมีแม่เหล็กสิท่า ”
“ พี่ก็คิดว่าแปลก สงสัยชาติก่อนคงจะอธิษฐานไว้ ” วากบ้าก็เอาด้วยอีกคน
“ พอๆ เลิกคุยเรื่องนั้นได้ละ เอ้อวาฬ จอยล่ะ ” ผมหันไปหาวาฬน้อยผู้น่ารักดีกว่า
“ เราเลิกกันแล้ว ”
“ ทำไมล่ะ ” พี่โจดูจะตกใจอยู่คนเดียวครับ ก็น่าจะเป็นแบบนั้นแหละ เพราะทั้งผม วากดิษ โต้ง รวมถึงนัท รู้กันหมดว่าวาฬมันเป็นยังไง ส่วนแบงค์ไม่ได้สนิทกับไอวาฬ
“ เอาไว้จะเล่านะครับ ”
เราคุยกันถึงเรื่องงาน กับเรื่องวางแผนเรียนต่อ จากนั้นแขกที่รอคอยก็มาถึงครับ
“ อ้าว มาแล้วเหรอวิน ...... นั่นใครน่ะ ” วินโผล่มาพร้อมกับผู้ชายหน้าตาเรียบร้อยร่างน่าทะนุถนอมคนนึงครับ
“ เฮ้ย แม็ค !!!! ” แบงค์มันโพล่งขึ้นมา แล้วก็เดินเข้าไปหาคนที่มันพูดด้วย
“ หน้าคุ้นอยู่นะ ” ผมพูดกับวากดิษ
“ ผมพาเค้ามาได้ใช่ไหมครับ ” วินถามพวกเรา
“ เอาสิ มาๆ ” วากดิษชวนเค้า เข้ามานั่งครับ
“ เราเคยเจอกันใช่ปะครับ ” ผมหยุดสงสัยไม่ได้ เลยถามออกไป
“ อ้าว คิมลืมน้องมันจริงๆอะ มันเคยเป็นเมทเราไง ....... คิมเจอตอนที่ไปคุยกับเราเรื่องพี่กริช รู้สึกจะไปกับวินด้วย ”
“ อ๋อ โทษทีๆ พี่ลืมง่ายน่ะ ” รีบแก้ตัวครับ หึหึ
“ ใช่ นิสัยไม่ดี ” วากบ้ามันจะเสริมทำไมล่ะเนี่ย
“ เออ โทษฐานว่าเรา วันนี้เลี้ยงด้วย ”
“ เย้ พี่ดิษเลี้ยงๆ ” วากบ้ากำลังจะอ้าปากเถียง ไอพวกที่นั่งๆอยู่รีบเฮซะก่อน เลยหัวเราะแก้เก้อ แล้วก็ลูบหัวผม ก่อนจะก้มลงกระซิบผมอีก
“ วันนี้ถึงคิวพี่ถอนทุน เตรียมใจไว้เลย ” ยังจะวนมาเรื่องนี้อีก ไอวากบ้า
นั่งคุยกันไปได้ซักพัก ผมเริ่มเห็นอาการไม่ค่อยปกติของพวกนี้ คนที่มีคู่มาก็ปกติดีอยู่แหละ แต่แบงค์คุยกับวาฬ และไอวินกับแม็ค ดูไม่ปกติครับ เพราะมันทำท่าจะเชื่อมสัมพันธ์กัน ผมรู้สึกอึดอัดไงไม่รู้ครับ
“ เฮ้ย ” พอผมสบถออกมา ทั้งวงแตกตื่นเลยครับ
“ ยังไม่มีใครหาเรื่องอะไรเลยนะน้อง ” วากบ้ารีบเดินมาหาผม ก่อนหน้านี้เค้านั่งกับพี่โจครับ ผมนั่งส่องอยู่คนเดียว
“ มีสิ ” วากบ้าเอาจมูกมาดมที่ปากผม
“ ทำอะไรน่ะ ”
“ ก็ไม่เมานะ ทำไมพูดเหมือนเมาแล้วล่ะ แอบกินอะไรดับกลิ่นหรือปล่าว ” ซักเข้าไปๆ
“ ไม่ใช่ คือ ...... ” พอผมกำลังจะชี้ให้วากดิษดู ไอวินก็ลุกขึ้น
“ พี่คิม ผมคบกับแม็คอยู่ครับ ”
“ อะไรนะ ” ผมตกใจแก้วน้ำแทบจะหลุดมือ ผมกะจะนั่งคุยกับมันเรื่องไอเดย์ แต่ก็อดไว้ก่อน เพราะมันมากับแม็ค แล้วมันก็ดันพูดเรื่องแบบนี้ออกมาอีก
“ แม็ค ไหนบอกว่ายังไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอ ” แบงค์ก็ดูตกใจไม่แพ้กัน ส่วนแม็คเอาแต่ก้มหน้าครับ
“ ผมเห็นสายตาที่พี่มองมาที่พวกเรา แม็คเค้าอึดอัดนะพี่ ”
“ มันอึดอัดแล้วเกี่ยวอะไรกับกู ” ผมชักจะมีน้ำโหแล้วครับ บังอาจมาอ่านสายตากู
“ ให้เกียรติแฟนผมด้วยนะพี่ ” พวกที่เหลือยังไม่หายงงครับ ส่วนผมต่อมระงับอารมณ์เสียไปชั่วขณะเพราะพอมันพูดเรื่องพวกนี้ออกมา ภาพต่างๆที่ผมมโนขึ้นมาในหัว คือภาพก่อนไอเดย์จะไปเมืองนอก ภาพที่ไอเดย์นอนอยู่หลังรถบรรทุกตอนที่หนีไปอาศัยไร่ของพ่อผม แม้แต่ภาพที่ไอเดย์ขโมยจูบไอวินตอนที่เราไปออกค่ายเมื่อหลายปีก่อนก็ด้วยครับ
“ ไอวิน มึงพูดเชี้ยอะไรออกมา มึงทำเรื่องแบบนี้ลับหลังแฟนมึงได้ยังไง !!!! ”
“ คิม ใจเย็นก่อนดีไหมแก โมโหแล้วไม่น่ารักนะ ” นัทคงถูกไอโต้งไล่มาช่วยให้ผมอารมณ์เย็น และก็พอจะได้ผลครับ
“ มึงอธิบายมา ก่อนที่กูจะทนไม่ไหว ”
“ วิน ค่อยๆพูดอย่าใช้อารมณ์ ” ดิษพยายามเจรจาครับ
“ ผมไม่พูดอะไรครับ รับได้ก็รับ ”
“ เฮ้ยวิน มึงเห็นกูเป็นใคร กูไม่ใช่พี่มึงหรือไง ” ผมพูดกับมันต่อ
“ ใช่ไงพี่ ผมถึงพาเค้ามาให้ทุกคนรู้จัก ” ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวผมดูเป็นยังไง เพราะทุกคนหน้าเสียหมดแล้ว วากดิษคงรู้สึกได้ เค้ารีบมาจับมือผมเอาไว้
“ คนที่ไม่รู้เรื่องก็มีนะน้อง เราค่อยๆพูดกันดีกว่า ” พอถูกวากบ้าขอร้อง ผมหายใจไม่ทั่วท้องแล้วสิ
“ ทำไมครับ ผมจะคบใคร ผมต้องรอทุกคนเห็นด้วยเหรอครับ ”
“ ไอวิน เกินไปแล้วนะไอน้องเชี้ย !!!! ”
“ อย่าๆๆ” พี่โจกับไอโต้งคงเล็งอยู่แล้วครับ ทั้งสองคนเข้ามาล็อคผมไว้แน่นเลย
“ เฮ้ยๆ เสียงอะไรแว่วๆ ..... จนได้ใช่มะ จะฟัดกันอีกแล้วใช่มะ ” พี่นากวิ่งเหงื่อแตกมาเลยครับ พี่เค้าเลือกเดินมาคั่นกลาง ทำให้ผมต้องหยุดครับ
“ ฮึก พี่จะต่อยผมเหรอครับ จะทำผมจริงๆเหรอครับ ฮืออออ ”
“ วิน ไม่เอาน่า อย่าร้อง ” ไอวินมันเอามือปิดหน้าร้องไห้ ส่วนแม็คก็ค่อยๆปลอบใจ พอเห็นน้ำตาของมัน ผมชะงักไปเลยครับ
“ มึงเป็นอะไรของมึง พูดเองร้องไห้เองน่ะ ” ผมถามมัน
“ พี่ด่าผม ”
“ กู ..... กูเนี่ยนะ เหอะๆ เอาจริงดิ กูด่ามึงเมื่อไร ”
“ พี่ด่าว่าผมทำเรื่องไม่ดีลับหลังไอเดย์ ถามอีกว่ายังเห็นพี่เป็นพี่หรือปล่าว ” มึงอารมณ์อ่อนไหวเกินไปไหมเนี่ย
“ กูพูดแบบนี้เป็นปกตินี่ ......ใช่ไหมวะ ” ผมหันไปถามพวกที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ ก็จริงนะ ปากแบบนี้ตั้งนานแล้ว ” วาฬน้อยพูดแซมขึ้นมาครับ กูนี่น่ายกย่องจริงๆ หึหึ
“ พี่นึกว่าเราคิดมากที่คิมจะต่อยซะอีก ” พี่โจพูดอีกคน
“ ....... วินมีอะไรในใจมาก่อนหน้านี้หรือปล่าว ” พอวากดิษบอกแบบนี้ ผมถึงได้คิดครับ
“ เออ ..... มึงเป็นอะไรวิน ปกติมึงไม่เถียงกูไฟแลบแบบนี้นี่ ” ไอวินปาดน้ำตา แล้วพูดขึ้นอย่างลำบากครับ
“ ไอเดย์ ....... เดย์ มันทิ้งผมไปแล้วครับ ฮือออ ” ทำไมโลกมันหมุนๆวะ
“ คิม เป็นอะไรไหมคิม ” พี่นากถามผมครับ
“ ไม่พี่ๆ เมื่อกี้นี่อะไรวะ ขอเวลาจูนสมองแปบ เดี๋ยวกลับมา ” ขอเวลากูช็อคหน่อยเหอะ ไอน้องบ้าสองคนนี้ มึงเล่นอะไรกันวะ
**********************************************************************
ปล. ทำไมมาดึกมาก ไม่มีอะไรครับ นอนไม่หลับเลยปลุกวากบ้ามานั่งเฝ้าด้วย เหอะๆๆ มันว่างี้อะครับ
" ไอที่ตื่นน่ะ ไม่ใช่แค่ตัวพี่แล้วนะ ทำไงดีน้อง " ผมก็ตอบไปครับ
" ถ้ามันตื่น ก็กล่อมมันให้หลับเด้ "
" พูดเองนะ ตามมากล่อมด้วยล่ะ " พูดจบก็เดินไปอีกล่ะ ไม่รู้ไปหากาแฟกินอีกไหม ฮุ้วว