ปวดกว่าที่คิดครับ เหอะๆ มาต่อแล้วๆ
*******************************************************
พอเหตุการณ์นั้นผ่านไป ผมกับวากดิษต้องพักอยู่ที่หอ ไม่ได้ไปทำงาน โดยมีไอวินอาสามาช่วยซื้อข้าวซื้อของให้ แต่พอไอวินมาไอเดย์ก็จะมาด้วย ห้องของผมสองคนเลยเล็กไปถนัดตา
“ ที่จริงพี่เดินไหวแล้วนะ พวกเองกลับก็ได้ ” ผมบอกพวกมันสองคน หลังจากพวกมันทั้งกินทั้งนอนอยู่กับผมมาสองวันแล้ว
“ อะไรพี่ พี่เดินไหวเกี่ยวอะไรกับผมเหรอ ”
“ หมายความว่าไงไอเดย์ ” แต่เรียกมันไอ้ๆก็แอบไม่สบายใจนิดหน่อยนะครับ เพราะมันเพิ่งบอกผมไปว่า มันอายุเท่าผม
“ ผมไม่ได้มาเฝ้าไข้พี่นะเนี่ย ผมมาเล่มเกมส์ ” โห น่าเตะเลยล่ะ
“ ปล่อยน้องมันเถอะน่า ” วากดิษบอกผม ช่วงนี้รายนี้ไม่ค่อยดีเท่าไรครับ ผมมานั่งคุยกันถึงรู้ว่า ความจริงดิษไม่ได้เครียดเรื่องผมแล้วกินเหล้าจนทำท่าจะป่วย แต่เป็นเพราะงานค่อนข้างเครียด ตอนนี้ดิษยังเรียกศรัทธาคืนจากผู้ใหญ่ได้ไม่มาก หลังจากที่เคยได้รับมอบหมายงานใหญ่แล้วเกิดผิดพลาดเพราะยัยเจ๊แจง
“ แล้วนั่นทำอะไรอะ ” วากดิษหยิบกระดาษหนาๆกองนึงให้ผมดู
“ แผนงาน เราจะเอาไปเสนอหุ้นส่วน ”
“ อืมๆ หนาดีเนอะ ..... ว่าแต่ทำไมพูดว่าเรา ” วากดิษหันมายิ้ม
“ ต่อไปคิมต้องมาช่วยพี่ทำงานไง ” ได้ยินแบบนี้ก็อยากปฏิเสธอยู่หรอกครับ แต่ไม่อยากขัดใจ ตามๆกันไปก่อน
ตอนเที่ยง ไอวินก็เดินมาถามผมว่าจะกินอะไร มันอาสาไปซื้อ พอเราสั่งกันเสร็จไอวินก็ลุกขึ้น
“ เดย์ไปด้วยกันสิ ” แหมๆ มีชวนกันด้วย
“ วินไปเหอะ เราขออยู่นี่ ” หืมม
“ ...... เอางั้นเหรอ ” มันคงไม่ได้ทะเลาะกันอีกหรอกนะ
“ เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อนดีกว่า พี่อยากเดินบ้าง ” กลับเป็นวากดิษต้องไปแทนไอเดย์ครับ พอสองคนนั้นคล้อยหลัง ผมก็รีบบิดหูไอเดย์ทันที
“ โอ้ยยๆๆ ทำไรวะพี่ ” เดี๋ยวนี้ขึ้นเสียงกับกูนะ
“ มึงอะๆ มีอะไรกับไอวิน ” ไอเดย์มองผมตาใสแป๋ว
“ ก็เอากันไงพี่ จะให้ทำอะไร ” ผมตั้งท่าจะถีบไอเดย์ แต่มันลุกหนีไวมากครับ
“ ลุกตามไม่ไหวเฉยๆนะมึง มานี่ ” มันยิ้มกวนๆ ไม่ยอมกลับมาหาครับ มันนั่งอยู่แถวๆหน้าประตู
“ พี่ ..... ผมมีเรื่องปรึกษา ” เข้าโหมดเครียดทันที
“ กูคิดอยู่ว่า ทำไมมึงต้องมานอนหอกู ทั้งๆที่บ้านออกใหญ่โต ” มันถอนหายใจเฮือก
“ เมื่อก่อนผมโคตรภูมิใจเลย ที่มีบ้านหลังใหญ่ พ่อก็รวยมากๆ ”
“ จะบอกอะไรกูล่ะ ”
“ แต่จนผมมาชอบวินนี่แหละ ทำให้ผมไม่อยากรวย ” มาแปลกว่ะวันนี้
“ มึงชอบวิน เกี่ยวอะไรกับฐานะทางบ้าน หรือว่าบ้านมึงรู้ว่ามึงคบกับวิน ”
“ พี่นั่งฟังเฉยๆเลยนะ ผมจะเล่าให้จบก่อนพี่ดิษกับวินกลับมา ..... เมื่อก่อน ผมก็มีแฟนปกติแบบคนอื่นนี่แหละ แฟนบอกเลิกผมตอนกำลังจะสอบ ...... เค้าบอกว่าผมไม่เหมาะกับเค้าแล้ว เค้าสอบติดหมอ อยากไปเจอคนใหม่ ” โห โดนหนักนะเนี่ย
“ ถามตรงๆนะ พ่อเป็นท่านทูต ทำไมไม่ส่งท่านไม่ส่งไปเรียนเมืองนอก ”
“ นี่ไงพี่ ...... ผมเสียใจมาก เลยไม่อ่านหนังสือไม่ไปสอบ พ่อของผมไม่ได้ว่าอะไร ท่านเคยพูดอยู่ว่าผมมันไม่ได้เรื่องมานานแล้ว ปีต่อมาพอผมบอกพ่อว่าผมสอบติดคณะมนุษย์ ที่นี่ ท่านบอกว่าผมน่าจะเลือกเรียนที่อื่น ไม่ก็สาขาอื่น อย่างกฎหมาย ไม่ก็การฑูตก็ได้ ” ฟังไปฟังมาเหมือนพ่อกูเลย ฮ่าๆๆ
“ ผมเลยขอพ่อว่า ผมขอลองเรียนซักเทอมก่อน แล้วถ้าไม่ถูกใจผมจะมาบอกอีกที พ่อเลยไม่พูดอะไรกับผมอีก ”
“ แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ ”
“ วันที่ผมไปรับน้องมหาลัย ผมก็เห็นพี่แล้ว ผมจำได้ว่าพี่เหมือนๆกำลังจะหาเรื่องรุ่นน้องคนนึง แต่ครั้งแรกนั้นน่ะ ผมรู้สึกถูกชะตากับพี่จริงๆ ” ผมเริ่มเหล่ๆไอเดย์
“ แอบชอบกูปะเนี่ย ”
“ เหอะ ผมไม่รสนิยมแปลกเหมือนพี่ดิษหรอกน่า ” โห ห่านี่ ด่าแฟนกู
“ พอๆ เล่าต่อ ”
“ ตอนทำกิจกรรม ผมก็ไปเจอวินนี่แหละ เพราะวินตัวสูงเลยเป็นจุดเด่น ....... ผมเห็นว่าวินดูจะเศร้าๆ ไม่ค่อยพูดทั้งๆที่มีผู้หญิงเข้าไปทักหลายคน ผมเข้าไปคุยถึงรู้ว่า พ่อของวินเพิ่งเสียก่อนมาทำกิจกรรม จากนั้นผมก็รู้สึกเห็นใจมากๆ จนกลายมาเป็นอย่างที่พี่เห็นนี่แหละ ”
“ ตั้งแต่ฟังมา ไม่เห็นจะมีปัญหาตรงไหนนี่หว่า ”
“ พ่อจะส่งผมไปเรียนต่อเมืองนอกพี่ ”
“ มาแล้วๆ จัดจานจัดช้อนเร็วๆ ” จังหวะจะเข้าเรื่อง สองคนนั้นก็มาพอดีครับ ไอเดย์มันพยักหน้ากับผมประมาณว่าเดี๋ยวค่อยคุยกัน
คืนนั้นเรานั่งเล่นเกมส์กันอยู่จนดึกครับ ผมไม่มีโอกาสได้คุยกับไอเดย์ต่อ เลยต้องพักไว้ก่อน
ผ่านมาอีกสามวัน วากดิษกลับไปทำงานก่อนผม เพราะอยากรีบไปเสนอแผนของเค้า ผมได้ยินว่ามันต้องมีการสัมมนานอกสถานที่ จากนั้นอีกวันนึงผมถึงกลับมาทำงาน
“ ไงน้องคิม ” พี่หัวหน้าเดินออกมาทักผมครับ
“ สวัสดีครับพี่ ขอโทษที่โดดงานไปหลานวันครับ ” พี่แกยิ้มๆ
“ เฮ้อ ความจริง น่าจะพักอีกหน่อยนะ พี่เห็นยังเดินไม่คล่องเท่าไร ” ช่างสังเกตเนอะ
“ ผมไหวครับพี่ ผมไปเอาแฟ้มการประชุมก่อนนะครับ จะได้รีบส่งเรื่องไปให้ฝ่าย ”
“ อีกเรื่องนะ ..... พี่ดีใจที่ร่วมงานกับคิมนะ ”
“ พูดอะไรน่ะครับ ” พี่แกเดินมาจับไหล่ของผม
“ พี่ได้งานใหม่น่ะ พี่เพิ่งยื่นใบลาออกเมื่อสองวันก่อน เพิ่งอนุมัติวันนี้ ” ผมเรียกพี่ๆก็จริงครับ แต่หัวหน้าผมอายุเกือบห้าสิบแล้ว
“ อ้าว ผมกลับมาก็หนีผมเลยเหรอพี่ ”
“ คือ ........ พี่ควรเล่าไหมนะ ” แบบนี้ควรเล่าเลยล่ะๆ
“ มีอะไรฝากผมได้นะครับพี่ ”
“ พี่ได้ยินว่า คนที่มาแทนเป็นรุ่นพี่ที่สนิทกับแจงมาก พี่รู้ว่าคิมมีปัญหากับแจงกลัวจะไม่สะดวกใจที่จะทำงาน ยังไงคิมควรขอย้ายไปทำงานกับดิษนะ ” ชื่อนี้จะวนเวียนไม่ไปผุดไปเกิดเลยหรือไงวะ
“ ขอบคุณมากครับพี่ แต่ผมไม่มีปัญหากับคนอื่นๆหรอกครับ ” พี่หัวหน้ายิ้มให้ผม
“ พี่รู้ว่าชวนคิมไปทำงานด้วยกันก็คงไม่สำเร็จ คิมผูกพันกับที่นี่มาก แล้วค่อยเจอกันนะ ” ผมจับมือกับพี่หัวหน้า ก่อนจะช่วยขนของขึ้นรถและตามไปส่งที่ลานจอดรถ หลายเดือนมานี้ที่พี่เค้ามาแทนยัยเจ๊แจง ผมทำงานมีความสุขมากๆ แต่ที่น่าแปลกคือเหลือแค่ผมคนเดียวที่มาส่ง ทั้งๆที่เราเป็นฝ่ายที่มีคนมากแท้ๆ เฮ้อ วัฏจักรของชีวิตการทำงานสินะ
วันนั้นทั้งวัน ผมเลยไม่มีงานทำครับ เพราะงานที่ค้างมีคนดูแลไปแทนแล้ว ผมเลยเดินเล่นๆแถวๆที่ทำงาน จากนั้นวากดิษก็เรียกผมไปพบ
“ สวัสดีครับหัวหน้า ” ห้องทำงานเล็กลงเยอะครับ เหอะๆๆ
“ นั่งก่อนสิ ”
“ ตกลงว่าไง เรื่องแผน ”
“ ต้องรอหัวหน้าฝ่ายตรวจสอบคนใหม่มาก่อน ” ดิษกำลังพลิกๆดูแฟ้มงาน
“ ได้ข่าวว่าเป็นรุ่นพี่เจ๊แจงงี่ ”
“ อะไรแจงงี่ ”
“ งี่เง่าไง ” ดิษนั่งหัวเราะ แล้วส่งแฟ้มให้ผม
“ พี่ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่รู้มาว่าเป็นรุ่นพี่ของแจงสมัยมัธยมนู่น ไปเรียนเมืองนอกมา พ่อเค้าคงให้มาฝึกงานมากกว่า ไม่ได้จริงจังอะไร ทนๆไปหน่อยเดี๋ยวก็เปลี่ยนคน ” วากดิษ พูดแบบการเมืองมาก มีพ่อใหญ่นี่ลูกทำอะไรก็สบายเนอะ
“ พูดถึงเมืองนอก ......... เดี๋ยวค่อยคุยดีกว่า ” ดิษนั่งพยักหน้า จะว่าไปดิษมีนิสัยอย่างนึงที่ตรงข้ามกับผม คือเค้าไม่ค่อยถามมากเรื่องครับ พอได้ยินว่าไม่อยากคุยเค้าก็หยุดถาม ไม่รู้ไปเรียนมาจากที่ไหน
“ งั้นขอตัวนะ ”
“ คิม ”
“ หืม ”
“ ดูแลร่างกายที่พี่ฝากหัวใจให้ดีนะ ” ผมยืนงงอยู่พักนึง ถึงเข้าใจ แม่งหยอดกันกลางวันแสกๆ อายนะเว้ย
“ คร้าบ ” ผมตอบแก้เขินไปงั้นๆ แล้วรีบเดินออกมา เหอะๆ หัวใจเต้นแรงเลยไอวากบ้า
ผมกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานในแผนก เรียกว่าร้างเป็นป่าช้า เวลาหัวหน้าไม่อยู่นี่นะ ช่างเป็นแผนกที่ขยันขันแข็งมากๆ
“ ขอโทษครับ ” ผมเงยหน้ามอง ก็ต้องแอบสะดุดนิดหน่อย
“ ครับ ไม่ทราบว่าต้องการให้ช่วยอะไรครับ ” คนที่เดินมาเป็นผู้ชายร่างใกล้เคียงกับผมครับ แต่อาจจะสูงกว่านิดหน่อย เสื้อผ้าหน้าผม มองแล้วดูดีมีชาติตระกูล หน้าตาดีทีเดียว อายุคงไม่ถึงสามสิบห้าครับ สงสัยจะเป็นลูกค้า
“ นี่แผนกอะไรครับ ”
“ ตรวจสอบครับ ”
“ ฮ่าๆๆๆ ” ผู้ชายคนนั้นหัวเราะออกมาเสียงดัง ตกใจนะเนี่ย
“ กรุณาลดเสียงด้วยครับ นี่สถานที่ทำงาน ”
“ เหรอครับ ถ้าคุณไม่บอกผมคงไม่รู้หรอก นึกว่าแผนกภารโรง ....... แล้วคุณทำหน้าที่อะไร ”
“ คุณบอกว่าแผนกภารโรง ผมอยู่คนเดียวก็คงหัวหน้าภารโรงครับ ” ผู้ชายคนนั้นมองผม
“ คุณเป็นอะไรก็ได้ แต่เป็นหัวหน้าไม่ได้หรอก ”
“ หืม ” ผมงงครับ
“ ผมมาเป็นหัวหน้าแผนก ” ทันใดนั้น ผมรีบเดินกลับมาเปิดแฟ้มที่วากดิษให้ไว้ ก็ต้องอ้าปากค้าง ขาสั่นเลยครับ
“ ไปดูว่าผมเป็นหัวหน้าตัวจริงไหมเหรอ ”
“ สวัสดีครับๆ ขอโทษที่เสียมารยาทครับ ” ผมรีบยกมืองกๆ แต่ .....
“ ช่างเถอะ ” หัวหน้าคนใหม่จับมือของผมแน่น แล้วลูบๆ กูว่าอาการแผลกนะเนี่ย
“ คิม !!!!! ” ผมหันไปตามเสียงเรียก
“ อ้าวนั่นใครล่ะ เหรอเป็นหัวหน้าคนเก่า ” หัวหน้ายังไม่หยุดจับมือผมเลยครับ
“ ปล่อยมือก่อนครับ ” คนที่มาคือดิษครับ
“ อ๋อ ได้ ” จากนั้นวากดิษก็เดินมาจับมือผมแทน ทำท่าจะดึงผมออกไป
“ มากับพี่ ”
“ เดี๋ยวๆๆ คุณจะพาลูกน้องคนเดียวของผมไปไหนล่ะ ” หัวหน้าเดินมาจับมือผมอีก
“ ปล่อย ” วากดิษชักมีน้ำโหแล้วครับ กูว่ามีเฮแน่
“ ก็ได้ คุณสองชื่ออะไรล่ะ ”
“ ผมชื่อดิษเป็นหัวหน้าแผนก ...... นี่ชื่อคิม รอซักครู่เดี๋ยวผมมา ” พอวากดิษพูดจบ วากดิษก็จูงผมเดินออกมา
“ อะไรอะดิษ นั่นหัวหน้าใหม่นะ ”
“ ไม่ต้องเลยๆ คิมต้องย้ายมาทำงานกับพี่วันนี้ ตอนนี้เลย ”
“ อะไรเล่า ”
“ ไอหัวหน้าใหม่น่ะ มันชอบผู้ชาย ตอนอยู่เมืองนอกน่ะ สุดยอดเลย ” ไปกันใหญ่ละ
“ ไปรู้มาจากไหน ”
“ พ่อพี่บอก แล้วบอกด้วยว่าให้คิมอยู่ห่างๆ ” พอได้ยินว่าพ่อวากดิษยืนยันมา ผมต้องเชื่อแหละครับ วากดิษเดินกลับมาที่ห้องแผนกผม หัวหน้ากำลังเดินดูรอบๆ
“ แผนกนี้กำลังปรับปรุง พนักงานก็ต้องสับเปลี่ยน คิมต้องย้ายมาทำงานแผนกผม อย่างไรผมแจ้งไว้ล่วงหน้านะครับ ” วากดิษเดินมาพูดๆๆๆ โดยที่หัวหน้ายืนฟังนิ่งๆ
“ ตอนมาที่นี่ ผมได้ยินมาว่า คนชื่อคิมทำงานแผนกนี้ดีมากอยู่แล้ว ผมต้องขอไว้ช่วยงานก่อน ” อ้าว
“ คุณจะไม่ให้ย้ายเหรอ ”
“ ใช่ ถ้าจะย้ายก็ลงมติในที่ประชุม ” สองคนนั้นส่งสายตาอาฆาตใส่กันไม่หยุด ผมเลยต้องขออนุญาตพาดิษออกไปก่อน ทุกครั้งที่ชื่อคนๆนึงปรากฏ ชีวิตจะไม่สงบสุขเลย หวังว่าครั้งนี้คงไม่เป็นอย่างนั้นหรอกนะ
********************************************************************
ผ่าฟันคุดนี่ไม่ไหวเลยครับ ต่างกับตอนผ่าเข่ามากๆเลย ตอนนี้ก็รู้สึกว่ามันทุเลาเฉยๆ อาการปวดตุบๆ ปวดจิ๊ดยังมีอยู่ เวลามันปวดขึ้นมามากๆ มันอยากนอนเลยครับ กะว่าจะขอพักเพิ่มอีกวัน
ขอบคุณที่รอติดตาม และทุกความเห็นที่มีถึงวากดิษด้วยนะครับ
ปล. มันล้อผมด้วยว่า พี่พิมพ์สั้นๆ มีคนถูกใจตั้งยี่สิบเลยเห็นปะ ดูมันดิ