ตอนนี้เขียนยากนิดหน่อยนะ แบบว่าเขียนแล้วเลือดมันเดือดๆๆ เหอะๆๆ
*********************************************
วันนั้นผมกลับมาที่หอพักช่วงเย็น พอเปิดประตูเข้ามา กลิ่นอาหารหอมเตะจมูกเลยครับ
“ ทำอะไรอะ ” ผมรีบเดินไปที่ตัวต้นเหตุ
“ ทำอาหารไง ” ผมมองไปที่ครัวของผม วากดิษกำลังทำกับข้าวจริงๆด้วย (ห้องครัวที่มีเฉพาะห้องของผมครับ ห้องอื่นไม่มี)
“ ทำเป็นเหรอ เราคงไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะกับข้าวพวกนี้นะ ” ดิษหน้ามุ่ย ยกตะหลิวเตรียมโขกใส่หัวผม
“ อย่าดูถูกกันสิ พี่ทำอาหารออกบ่อย คิมไม่เห็นเอง ” พอได้ยินคำว่าผมไม่เห็นเอง ไม่รู้ทำไมผมต้องวกกลับไปคิดเรื่องของดิษกับผู้จัดการคนนั้นด้วย
“ อืม ” ผมเดินกลับมานั่งดูทีวี รอให้วากดิษทำกับข้าวให้กิน
ผมรอนานพอสมควรกว่าอาหารจะเสร็จ ดิษค่อยๆยกมาตั้งที่โต๊ะ ผมนั่งมองอาหารที่ดิษทำ หน้าตาไม่ขี้เหร่เลยครับ ท่าทางจะเคยทำจริงๆ
“ อ่ะชิม ” มันยิ้มภูมิอกภูมิใจซะจริง ผมเอามือจะหยิบช้อน แต่ดิษยื่นช้อนที่ตักต้มป้อนผมแทน
“ อร่อยปะ ”
“ พอแหลกล่าย ” มันยังยิ้มไม่หุบเลยครับ
“ พี่อยากทำอาหารพวกนี้ ขอโทษคิม ” หยุดเลยกู
“ ขอโทษเรื่องอะไร ”
“ ที่พี่ไม่ได้เล่าเรื่องของแจงให้คิมฟัง ” ผมกับดิษกินข้าวไปด้วยคุยกันไปด้วย
“ คนเราต้องมีเรื่องที่อยากเก็บไว้บ้างแหละ ” ผมตอบ
“ ไม่นะ พี่ไม่เล่าไม่ใช่เพราะอยากเก็บ แต่เพราะพี่ไม่คิดอะไรอีกแล้ว ”
“ เคยชอบพี่เค้ามากเลยใช่มะ ” ดิษทำหน้าตื่นๆนิดหน่อย ผมไม่ชอบหน้าตาตื่นๆของดิษเลยครับ เพราะถ้ามันทำหน้าแบบนี้ทีไร แสดงว่าผมพูดถูก
“ มากอยู่นะ มันเกิดตอนที่พี่คิดว่าพี่จะไม่มีคิม ” ไปๆมาๆ จะมาผิดที่กูอีกนะเนี่ย เหอะๆ
“ เล่าให้ฟังทีดิ ”
“ ตอนที่พี่อยู่ปีสอง พี่กลับไปเยี่ยมพ่อของคิมที่ไร่ พี่รู้จากพ่อของคิมว่า คิมมีแฟนแล้ว เชื่อไหมว่าพี่ได้ยินเรื่องของคิมบ่อยมาก บ่อยจนพี่กลัวว่า ถ้าพี่รอพี่คงไม่มีใคร .......... พอเปิดเทอมพี่เริ่มคิดว่าน่าจะเปิดใจให้คนอื่นบ้าง วันนั้นพี่เข้าซ้อมเชียร์ และเจอแจงตอนนั้น พี่อยากลองทำในสิ่งที่ไม่ได้ทำนานมากแล้ว คือการลองจีบคนอื่น พี่จีบเค้าอยู่นานกว่าจะลองคบกัน ” ดูมันจะมุ่งมั่นกับพี่แจงมากเลยครับ
“ ลองคบกัน แล้วไงต่อ ทำไมพี่ๆไม่รู้เรื่อง ”
“ พี่ไม่คุ้นเคยกับการที่ต้องมีแฟน ก็เลยไม่อยากเปิดตัวกับเพื่อนๆ ” แบบนี้นี่เอง
“ หลังจากนั้นล่ะ ”
“ พี่จำได้ว่า ช่วงปิดเทอมพี่คิดจะไม่กลับไปที่ไร่ของพ่อคิม เพราะคิดว่ากำลังจะตัดใจได้ แต่พ่อของคิมโทรมาบอกพี่ว่า คิมอยากมาเรียนที่เดียวกับพี่ ทำให้ทุกอย่างที่พี่พยายามจะลองทำ มันหยุดลงตรงนั้นเลย พี่กลับไปยืนที่เดิม ..... ที่ๆพี่รอคิมมาตลอด ” เล่าซะกูหงอยเลย
“ เราไม่น่าโผล่มาเลยเนอะ ” ผมพูด
“ ถึงคิมไม่มา ก็ไม่แน่ว่าพี่จะตัดใจได้นะ ”
“ ขอบคุณนะ ” ผมบอกดิษ
“ กินเยอะๆอ่ะ ” คืนนั้นเป็นคืนที่อบอุ่นสำหรับผมมากทีเดียวครับ รู้สึกว่าตัวเองมีค่าก็คราวนี้ ผมควรตอบแทนความรักของดิษที่มีให้ผมบ้างสินะ
แต่ความตั้งใจของผม ดูท่าจะไม่สำเร็จครับ เพราะมาเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นซะก่อน
ผมทำงานอยู่ในส่วนที่ต้องลงไปตรวจตราสินค้า ไม่ก็ผลผลิตที่รับซื้อมาเพื่อแปรรูปกับขายส่ง ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาเท่าไร ที่ว่าไม่มีเวลาคือไม่มีเวลาทำงานในสำนักงานครับ
“ คิม มาดูทางนี้หน่อย ” คนนี้ไอโต้งเพื่อนรักผมเอง มันทำงานที่เดียวกับผมครับ ความจริงมันมาทำงานก่อนผมซะอีก แต่ไม่ได้ติดต่อกัน
“ ไหน ทำไมถุงมันเล็กจังวะ ” ผมตอบไอโต้ง
“ เรียกคนงานมาถามเหอะ ”
“ ไอนายๆ มาทางนี้ซิ ” ผมเรียกคนงานคนนึงมา
“ ครับพี่ ”
“ ทำไมของพวกนี้ บรรจุลงถุงเล็ก ปกติต้องขนลงถุงใหญ่นี่ กองนี้จะเอาไปไหน ”
“ คุณแจงให้แยกไว้ครับ ” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลมายุ่งอะไรเนี่ย
“ คิม งั้นอย่าไปสนใจเลย ”
“ ไม่ได้ กองนี้ห้ามเอาออกไปไหน รอพี่แจ้งนายคลังสินค้าก่อน ” ผมบอก ไอน้องที่มาขนหน้าเริ่มซีด
“ ผม ........ ผม ....... ” มันกำลังจะช็อกแล้วครับ
“ ไอน้อง พี่รับผิดชอบเอง ” ผมให้น้องคนนั้นไปทำงานต่อ
“ คิม อย่ายุ่งเหอะ ขอนะ ”
“ คุณแจงนี่อะไร ทำไมมึงเกรงใจนัก ” ไอโต้งเอามืออุดปากผม
“ กูได้ข่าวว่า พี่ดิษกับพี่แจงเค้าสนิทกัน มึงเป็นแฟนพี่เค้าก็จริง แต่เรื่องทำงานเค้าอาจจะต้องทิ้งเรื่องส่วนตัว ”
“ อะไรของมึง กูไม่เข้าใจ ”
“ ก็เค้าเป็นหุ้นส่วนกัน บางเรื่องต้องพึ่งพาอาศัยกัน ” ผมหงุดหงิดมากเลยครับ นี่มันอะไรกันเนี่ย เราเห็นกันชัดๆว่า พี่แจงมีพฤติการณ์ยักยอกของในคลังไปใช้ส่วนตัวแท้ๆ
ผมเข้าไปพบนายคลังสินค้า ที่เป็นเอกชนที่รับจ้างมาอีกที เพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก่อนที่จะเข้าพบ ผมไปหาข้อมูลและรวบรวมบางส่วนมาด้วย
“ สวัสดีครับ ” นายคลังสวัสดีผม เพราะพวกนี้รู้ว่าพ่อผมเป็นใครครับ
“ สวัสดีครับน้า ผมอยากถามเรื่อง ........... ” ผมเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง
“ เป็นไปได้เหรอครับ รายการที่เบิกของออกถูกต้องตลอดนะครับ ”
“ ลองเช็คดูสิครับ มีสินค้ากองนึงที่ไม่เคยถูกบันทึก ” ผมยื่นเอกสารให้ นายคลังคิ้วขมวดเลย
“ เท่ากับผมถูกหลอกให้ขนของฟรีๆมาหลายเดือนแล้วสิครับ ”
“ ผมจะรายงานหัวหน้าผม ส่วนน้าก็จัดการตามสมควรนะครับ ” ผมบอก
“ ผมจะรอคุณคิมแล้วกัน ว่าจะจัดการยังไง ” ผมลาออกมาแล้วรีบตรงกลับไปหาดิษ
“ สวัสดีจ้ะคิม ” ขณะที่ผมกำลังจะเดินถึงห้องวากดิษ ก็มีคนมาทักซะก่อน
“ เฮ้ย จอย มาได้ไง ” จอยแฟนไอวาฬอะครับ ไม่เจอกันนานเลย
“ เรามาทำงานน่ะสิ ถามได้ ” ดิษมันไล่จ้างเพื่อนๆผมมาทำงานเพียบเลย แล้วพวกนี้เก่งๆกันทั้งนั้น ตาถึงนะเนี่ย
“ อยู่ส่วนไหนล่ะ ”
“ ทำงานกับผู้จัดการฝ่ายบุคคล ” พี่แจงงั้นเหรอ
“ เราขอพบพี่แจงหน่อย มีเรื่องต้องแจ้ง ” จอยพาผมมาพบพี่แจง พอเจอหน้ากัน เหมือนมันมีสายฟ้าฟาดแวบๆที่ดวงตาของผมสองคนครับ
“ คิม น้องสั่งห้ามขนของออกจากคลังเหรอ ” ไม่นึกว่าเจ๊จะรู้ไวขนาดนี้
“ ครับ ผมเจอเรื่องไม่ปกติ กำลังจะแจ้งดิษ ”
“ อ๋อ ไม่ต้องแจ้งหรอกจ้ะ ของนั่นเป็นของดิษ น้องกักของโดยไม่ได้รับอนุญาตนะ ”
“ ไม่ใช่ครับ ของๆดิษที่ต้องส่ง ผมไม่ได้กักไว้ ” ผมเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปกติแล้วสิครับ
“ แต่น้องกักไปแล้ว ” เจ๊แจงยิ้มเจ้าเล่ห์มาก ไม่นานดิษก็โทรตามผม ผมเลยออกไปพบดิษ แต่ก่อนออกจากห้อง เจ๊แจงบอกผมว่า
“ หาข้อแก้ตัวดีๆนะ ”
“ ทำอะไรน่ะ ” ถึงผมเห็นดิษทุกวัน แต่ในที่ทำงานนี่ ยอมรับว่าดิษดูเป็นผู้ใหญ่กว่าที่เคยเห็นมาก
“ เรา ..... ”
“ กักสินค้าจนไปส่งช้า หมายความว่ายังไง อยากให้เราเจ็งหรือไง ”
“ ฟังก่อนได้ไหม ” ผมพยายามบอก แต่ดิษไม่สนเลยครับ
“ ดีที่แจงแจ้งให้แยกของไว้ เลยส่งออกไปทัน ต่อไปอย่ากักสินค้าอีก พี่ไม่อนุญาตแล้ว ” ตอนนั้นผมรู้ทันทีว่า ผมโดนยัยจิ้งจอกเข้าเล่ห์ซ้อนแผนแล้ว ผมเดินออกมาจากห้อง หนักใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมโดนลดอำนาจที่จะสั่งกักสินค้า ที่เดิมผมสามารถทำได้ ถ้าผมตรวจเจอว่าของไม่ได้คุณภาพผมสั่งได้ แต่ตอนนี้ผมไม่มีอีกแล้ว ผมเป็นแค่คนที่มีหน้าที่เดินตรวจของ เหมือนยามคนนึงเองสิ
ตกกลางคืน ผมไม่ยอมกลับหอพัก ปิดโทรศัพท์ ไปหาเหล้ากินให้มันลืมๆไปซะ ผมมาที่ร้านของพี่นาก ชวนไอโต้งกับไอเรมานั่งกินด้วยกัน
“ ดิษล่ะคิม ” พี่นากถามผม
“ อย่าพูดชื่อนี้ วันนี้ขอวันนึง ” พี่นากเข้าใจครับ
“ บางเรื่องปล่อยๆไปบ้างน่าเพื่อน ทำงานไม่เหมือนที่มหาลัยนะ ” ไอเรให้กำลังใจผม
“ กูถามแล้ว มีคนโทรไปแจ้งพี่แจง กูไม่รู้ว่าโดนเปลี่ยนของตอนไหน กลายที่ที่มึงกักเป็นคนละกอง ” ไอโต้งบอกผม
“ ช่างเหอะ กูคงอ่อนหัดเกินไป ”
พอกินกันเสร็จผมก็กลับมาที่หอพัก ไอดิษยืนคอยอยู่แล้ว แต่ที่ทำให้ผมต้องแปลกใจอย่างมากก็เพราะ ดิษยืนอยู่กับเจ๊แจง
“ คิมมาแล้ว แจงกลับนะ ”
“ ขับรถดีๆล่ะ ” ดูสองคนลากัน ทำผมอารมณ์เสียสุดๆเลยครับ
“ ห่วงเค้านัก ก็ไปส่งเค้าสิ ” ผมบอกดิษ
“ คิม หยุดหาเรื่องแจงเถอะ ”
“ ว่าไงนะ ” ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเองเลยครับ
“ พี่รู้ว่าคิมเป็นแบบนี้ เพราะคิดว่าพี่กับแจงเคยคบกัน ” ผมอยากจะเดินหนีไปไกลๆเลยครับ แต่ก็อยากพูดกับดิษด้วย
“ คิดว่าเราใจแคบขนาดนั้นเลยเหรอ ”
“ มันไม่จริงเหรอ ” มันถามด้วยหน้าตาซื่อมาก ทำให้ผมโกรธไม่ลงครับ
“ เรื่องที่ผ่านไปแล้ว เราไม่ใส่ใจหรอก แต่อยากให้ระวังให้ดีๆ ” ผมไม่พูดต่อครับ ถึงที่พักแล้ว เรื่องงานก็ควรทิ้งไว้หน้าห้อง ผมกับดิษเข้าไปพักผ่อน
หลังจากนั้น หลายวันต่อมา ผมเห็นภาพของโดนขนออกไปต่อหน้าต่อตา แต่ไม่กล้าพูด เพราะเข็ดที่โดนใส่ร้าย
“ คิม โทรศัพท์ ” ไอโต้งเดินเอามือถือมาให้
“ สวัสดีครับ ........ ” ในสายไม่มีคนรับครับ แต่เป็นเสียงของคนที่คุยกัน จับความได้ประมาณว่า
คนในที่ทำงาน นินทาดิษว่าเป็นเกย์ และนินทาว่าผมเป็นคนที่มาเกาะดิษกิน พักนี้เห็นเจ๊แจงสนิทกับดิษมาก ไปกินข้าวกันทุกวัน ไม่นานตัวผมคงโดนทิ้ง ใครจะไปพิศวาสพวกผิดเพศอย่างผม คืนนี้ก็จะไปงานเลี้ยงกันสองคนเหมือนคู่หมั้น
“ ......... ไม่น่าเลยกู ” ผมบ่นกับตัวเอง ผมตัดสินใจแล้วว่าคงต้องหยุดงานนี้จริงๆ ผมทนได้ที่ถูกคนด่า แต่ทนไม่ได้ที่ต้องมารู้ว่าดิษต้องมาแปดเปื้อนเพราะผม วันนั้นผมนั่งเคลียร์งานจนหมด
“ คุณคิม โดนย้ายเหรอครับ ” น้าที่เป็นนายคลังมาหาผม
“ ปล่าวครับ ”
“ คงไม่รู้สิ ฝ่ายบุคคลเพิ่งแจ้งมา ให้คุณย้ายไปคุมงานภาคสนาม ” คือย้ายกูไปทำไร่ เหอะๆๆ
“ ครับ ขอบคุณมาก ”
“ คุณคิม ผมรู้ว่าคุณลำบากใจ แต่ผมเห็นการทำงาน ผมเชื่อมั่นในตัวคุณมากๆ ถ้าคุณไม่สมหวังกับที่นี่ ผมแนะนำให้คุณมาทำงานบริษัทผมได้นะ ”
“ ขอบคุณมากครับน้า ” น้ายื่นนามบัตรของผู้จัดการบริษัทของน้าให้ผม
ผมกลับมาที่หอพัก แล้วแต่งตัวเพื่อจะตามไปงานที่โรงแรมที่จัดงานเลี้ยงตามที่ผมได้ยินมา ผมรู้ว่าคนที่ปั่นหัวผมคือใคร วันนี้ผมจะขอล้างอายบ้าง
พอผมไปที่โรงแรม ก็เจอไอดิษจริงๆ ความจริงมันบอกผมก่อนแล้วว่าจะมางาน แต่จะมาไม่นานเลยไม่ชวนผมไปด้วย
“ สวัสดีครับผู้จัดการ ” ผมเล็งไปที่เจ๊แจงครับ
“ คิมมาได้ยังไงจ้ะ ไม่ได้รับเชิญนี่ ” หึหึ
“ มีเรื่องด่วนต้องแจ้งครับ เชิญมากับผมหน่อย ” เจ๊แจงยอมเดินออกมาโดยดี ส่วนวากดิษไม่ได้ตามออกมาครับ เราเดินมาหยุดที่สระน้ำด้านนอก
“ พี่ทำกับผมแบบนี้ทำไมครับ ” ผมถาม
“ เรื่องอะไรเหรอ ”
“ ทุกเรื่องนั่นแหละ ”
“ หึ คิม พี่ไม่รู้ว่าดิษเค้าสนใจคิมที่ตรงไหน แต่พี่คิดว่าพี่กับเค้าเหมาะสมกันมากกว่า ” นั่นไง สุดท้ายแม่งอยากจะแย่งไอดิษไป
“ ถ้าอย่างนั้น ผมไม่ถามต่อแล้วนะครับ ” ผมรู้ว่า คนที่คิดจะแย่งคงไม่มีเรื่องต้องคุยกันอีก
“ ก็แค่คนขี้แพ้ เกย์ก็แบบนี้ สู้ผู้หญิงไม่ได้หรอก ...... ตอนนี้เธอต้องย้ายไปไกล เพื่อนๆเธอก็อยู่กับชั้น ฮ่าๆ ” ผมหันขวับ
“ ว่าอะไรนะ ”
“ โอ๊ะ โมโหเหรอ อยากทำอะไรล่ะ ตบผู้หญิงเหรอ ฮิๆๆๆ ” ผมสุดกลั้นแล้วครับ
“ กูไม่ใช่คนขี้แพ้ ...... กูจะพิสูจน์ให้ดิษเห็นแน่ ”
“ ก็ลองซี่ เค้าจะได้เฉดหัวเธอไวๆไง จำเรื่องที่คลังไม่ได้เหรอ ” ผมหัวเราะเบาๆ
“ งั้นเราค่อยเจอกัน ”
“ ย่ะ .....ว้ายยยยยยยยยย ” ผมแทบไม่ต้องคิดเลยครับ ผมผลักยัยนั่นตกไปในน้ำ แขกก็พาก็ตกใจ ส่วนไอดิษรีบตรงมาทันที
“ คิม ทำอะไรน่ะ เกินไปแล้วรู้ไหม ” มันคว้ามือผมมากำไว้แน่นเลย
“ ถือว่านั่นเป็นหนังสือลาออกแล้วกัน กูไม่ย้ายไปตามที่มันสั่งหรอก ”
“ คิม ..... ย้ายอะไรกัน ”
“ เชื่อใจกู แล้วอย่าหลงคนๆนั้นนะ ซักวันมึงจะเข้าใจเอง ตอนนี้เราห่างกันซักพักนะ ” นั่นเป็นวันแรกในรอบหลายๆวันที่ผมเรียกดิษว่ามึง ผมสะบัดแขนออกผมบอกกับมัน เพราะผมกำลังจะต้องห่างจากมัน
“ คิม จะไปไหน ” ดิษวิ่งตามผมมา
“ ไม่ไปไหนหรอก ดูแลตัวเองดีๆล่ะ ”
ผมเดินออกมาจากตรงนั้น ผมร้องไห้ เพราะผมไม่อยากให้ดิษต้องลำบากเพราะผมอีก การตัดสินใจของผมมันเร็วมาก แต่ไม่ใช่ว่าผมเลิกกับดิษหรอก ผมหวังว่าดิษจะเข้าใจ ผมเห็นแล้วว่า ธุรกิจของดิษกำลังจะแย่เพราะคนใกล้ตัว และผมก็ไม่สามารถสู้คนๆนั้นได้ในทางตรง เงินจำนวนไม่น้อยทีเดียวที่ต้องหายไปเพราะคนๆนั้น
ผมเป็นคนมียางอายครับ ผมทนให้เค้าว่าทั้งผมและดิษแบบนั้นไม่ได้ ผมต้องห่างกับดิษเพื่อช่วยดิษครับ และเพื่อจัดการกับยัยรุ่นพี่คนนั้นด้วย ผมจะกลับมาที่นี่อย่างคนที่มีเกียรติ ซํกวันเถอะ
*************************************************************
อ่านจบแล้ว อย่าเดือดตามผมนะ
ไม่ต้องคิดกันไปไกลนะครับ เรื่องนี้ผ่านมานานแล้ว วันนี้ยังเหมือนเดิม หุหุ บอกก่อน เดี๋ยวไม่เข้าใจเนอะ