ผีทิ่มหงส์ๆ (โกงไม่โกงไม่รู้นะ ฮ่าๆ)
ลืมบอกไปว่า พรุ่งนี้ 25 ก.ย. 2555 วันเกิดพ่อใหญ่ดิษเน้อ
ฝากมาบอกทุกคน เผื่อจะได้ทวงจดหมายของมันด้วยเลย ฮ่าๆๆ
วรรคนี้ก็ยังตึงๆ นะ แฮะๆๆๆ
********************************************
หลังจากที่ ทั้งพ่อทั้งลูกต้องนอนป่วยที่โรงพยาบาล ผมเลยไม่กลับไปนอนที่บ้านของท่านวาก ส่วนนึงเพราะกลัวสิ่งที่พ่อท่านวากพูดถึง กลัวว่าในที่สุดมันจะเลือกครอบครัว
ผมไม่กล้าพอจะอ่านใจคนอื่น แต่เท่าที่ผมดู ผมรู้แค่ว่าพ่อกับลูกคู่นี้ในใจลึกๆ เค้ารักกันมาก เพียงแต่แสดงออกต่อกันได้นรกมาก
“ คิม ทำไมวันนี้มึงมาเช้าจังวะ ” ไอเรเพื่อนสนิทถามผม ผมมานั่งรอเรียนที่คณะตั้งแต่เช้าแล้วครับ
“ ปกติกูมาสายนิ ”
“ ไม่ใช่เว้ย มึงต้องไปหาพี่ดิษก่อนไม่ใช่เหรอวะ ” ผมยังไม่เล่าเรื่องของพ่อท่านวากให้คนอื่นฟัง
“ มันดีขึ้นเยอะละ ยุ่งๆกูจะเคลียร์งาน ” ขณะที่ผมกำลังจะจัดการกับงานที่ค้างๆให้เรียบร้อยก่อนอาจารย์เข้าสอน พ่อท่านวากโทรเข้ามาหาผม
“ สวัสดีครับ ”
“ คิม ฟังอานะ ฟังอาหน่อย ” เสียงท่านสั่นๆอะ
“ ครับ ”
“ คิม อาอยากให้ลูกของอา มีอนาคตที่ดี อาไม่ได้ว่าคิมนะ ลูกทั้งสองคนมีอนาคตที่ดีกว่านี้ได้ อย่าให้เรื่องแบบนี้เกิดกับเราสองครอบครัวเลย มันไม่ดีกับทั้งสองฝ่าย วันนี้คิมคิดไม่ได้ แต่ต่อๆไปคิมจะคิดได้ และยิ่งเสียใจ อาพูดเพราะอารู้จักพ่อของคิมดีมากๆ เค้ารักลูกมากกว่าที่อารักข้าวกล้องอีก อาไม่อยากให้ทั้งคิมและข้าวกล้องต้องเจอกับเรื่องเมื่อหลายปีก่อนนู้น ...... เชื่ออานะ หยุดเถอะ ”
“ ............. ” ผมนั่งนิ่ง ช็อคไปชั่วขณะ สิ่งที่พ่อของท่านวากพูดมา ไม่ได้ผิดไปซะทั้งหมด
“ เริ่มตั้งแต่ อย่าพบมัน มันจะหยุดเอง ....... อาไม่ตั้งใจว่าคิมนะ อาห่วงจริงๆ ”
“ ครับ ผมเข้าใจ ” ผมกดวางสาย สติหลุดลอยไปไกลทีเดียวครับ ไอเรต้องเดินมาสะกิดๆ
“ มึงไหวไหมคิม ตาลอยๆ หรือว่าพี่ดิษ ”
“ มันไม่เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ ปะๆ เรียน ”
ผมนั่งเรียน จนหมดคาบเรียนในวันนี้ และปลีกตัวหนีมานั่งที่อื่น ผมปิดมือถือด้วย ไม่อยากเจอหน้าใครในเวลานี้เลยจริงๆ สิ่งที่อาพูดว่า ผมสองคน คือไอดิษ และผมมีอนาคตที่ดีกว่านี้ได้ ยังก้องในหูของผม
ความจริงแล้วเราแค่หลงเข้ามาในห้วงความรักที่มันเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม เราตามใจตัวเองมากไป จนทำให้คนรอบข้างอึดอัดเหรอ ผมจะทำยังไงดี ความรู้สึกพวกนี้เคยถูกผมกดเอาไว้ แต่วันนี้มันกำลังฟื้นขึ้นมากัดกินหัวใจผมอีกครั้ง
“ พี่คิม จะไปไหนล่ะพี่ ” ไอเดย์น้องรักถาม ตอนที่ผมกลับมาที่หอ และเก็บเสื้อผ้า
“ กูขอออกไปนอนข้างนอกชั่วคราว มึงไม่ต้องบอกใครแม้แต่คนเดียวนะ ....... ไอดิษ พ่อหรือแม่กูก็ช่าง ห้ามบอกเลยนะ ”
“ พี่ๆๆ มีเรื่องอะไรหรือปล่าว พี่กำลังใกล้สอบไม่ใช่เหรอ ย้ายแบบนี้ได้ไง ” ไอวินอยู่ด้วยครับ มันรีบมาดึงกระเป๋าจากผมไป
“ ไม่มี แต่กูอยากออกไปห่างๆนิดนึง สัญญากับกู ห้ามบอกใครเลยนะ ”
“ พี่คิมอ่า ” ไอวินยังตื้อดึงกระเป๋าผมอีก
“ วิน ปล่อยเหอะ พี่เค้ามีเหตุผลแหละ แต่ผมโทรหาพี่ได้นะ ห้ามตัดสายผมด้วย ” ผมพยักหน้า แล้วเดินออกมา ผมพยายามเลี่ยงๆไม่ให้เพื่อนเห็น และมาขอเช่าหออีกที่นอกมหาลัย ต่อไปนี้ ผมจะลองทำบางอย่างที่ผมไม่เคยคิดจะทำ ผมจะเริ่มลองใช้ชีวิตโดยไม่ขอเงินจากพ่อแม่ และต่อไปจะพิสูจน์ให้เห็นว่า พ่อของไอวากดิษคิดผิด
สองสัปดาห์ผ่านมาแล้ว ผมเปลี่ยนเบอร์มือถือ เพื่อหนีไอดิษ ผมเข้าเรียน ทำกิจกรรม และทำงานใกล้ๆหอ เพื่อหาเงินใช้ แต่ช่วงแรกผมต้องขอค่าหอจากพ่อก่อน ตรงนี้ครอบครัวของผมไม่รู้หรอกว่า ผมไม่ได้ใช้เงินที่ส่งให้ จุดนี้ผมทรมานมากครับ ผมต้องประหยัด และลงทุนถึงขนาดเอาสมุดบัญชีเก็บไว้ที่บ้าน หักบัตรเอทีเอ็มทิ้ง ยอมรับว่า ไม่ง่ายจริงๆ
“ คิม ทำไมมึงไม่นอนหอ มึงนอนบ้านพี่ดิษทุกวันเลยนะ ” ผมโกหกเพื่อนๆว่านอนบ้านไอวากบ้าครับ ส่วนทางบ้านไอวาก ผมพยายามไม่ติดต่อ และอ้างไปว่าผมกำลังทำงานสำคัญให้มหาลัย จะหนีนั่นแหละเอาง่ายๆ
“ เออ มีไรวะ ”
“ กูว่ามึงผอมลงมากนะ พี่ดิษไม่เลี้ยงดูปูเสื้อเหรอยะ ” ยัยนัทรีบเสนอหน้าเลยครับ
“ กูผอมงี้ตั้งนานแล้ว ”
“ ไม่อะ ขอบตามึงดำคล้ำด้วย มึงนอนดึกใช่ไหมเนี่ย ” เอาล่ะกู ไอโต้งเดินมาสมทบอีกคน
“ นั่นดิ คิม คิมทำอะไรมา ” ไอวาฬมาผสมด้วย ผมจะตอบไงดีหนอ
“ ตอบมาซิ ไอธุระของมหาลัย คืออะไร ทำไมต้องหลบคนอื่น ” เฮ้ย
“ พี่ดิษสวัสดีค่ะ ....... หลบนี่อะไรแก ” ยัยนัทสะกิด
“ อย่ายุ่งกับกู ไม่งั้นกูจะทำมากกว่านี้ ” ผมบอกทุกคน รวมถึงไอคนที่เพิ่งมาทีหลังด้วย
“ หยุดเลย ถ้าเดินไปอีกก้าว จบกัน ” ไอดิษยื่นคำขาด ผมหลับตานิ่ง เพื่อนๆเริ่มจะเครียดไปตามๆกัน
“ เหรอ จบเลยเหรอ ”
“ ใช่ ทำกันแบบนี้ มากเกินไปนะน้อง ” ไอดิษยังไม่คืนสภาพเท่าไร ปากมันยังแห้งๆ หน้าซีดเซียว แสดงว่ามันต้องอยากเจอผมมาก
“ งั้นก็จบซะ กูรอวันนี้มานานแล้ว ”
“ อีคิม มึงพูดอะไรนะ ” ยัยนัทตะโกนเสียงหลง
“ คิม มึงทะเลาะอะไรกับพี่เค้าวะ พี่เค้าป่วยเป็นเดือนๆ มึงทะเลาะกันตอนไหน ” ไอโต้งรีบเดินมาหาผม
“ อย่ายุ่งกับกู ” ผมพูด ก่อนที่จะวิ่งหนีออกมา ผมร้องไห้มาตลอดทางกลับหอ จนคนบนรถโดยสารตกอกตกใจ
ผมเดินกลับเข้ามาในหอ ท้องฟ้ามืดลงช่วยให้ผมสงบได้นิดหน่อย ผมต้องรีบกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อไปทำงานเสิร์ฟอาหารที่ร้านอาหารต่อ ผมเข้าเวรหนึ่งทุ่ม ออกตีสอง
“ วันนี้ดูเศร้านะ ” เพื่อนที่ทำงานด้วยกันถามผม
“ ปล่าว โต๊ะยังไม่ได้เช็ดนะ ” ผมกำลังเก็บจานชาม
“ แกงจืดเหลือเต็มหม้อเลย เราแบ่งกันปะ ” ผมมองดูอาหารหลายอย่างที่วางๆอยู่ นึกถึงตอนที่ผมกินทั้งกินขว้างครับ ขณะที่เราชีวิตสุขสบาย กินเหลือกินทิ้ง คนบางจำพวกเค้าไม่มีสิทธิจะคิดด้วยซ้ำ เฮ้อ ทำไมกูต้องมาทนกับเรื่องแบบนี้ด้วยวะ
“ หลังเลิกงานแล้วกัน ทำงานๆ ” ในร้านมีเด็กเสิร์ฟแค่สามคนครับ แต่คนมากินค่อนข้างมาก ส่วนว่าผมมาทำงานได้ยังไง ผมเดินหาตามปกตินี่แหละครับ อารมณ์ต้องการแบบนั้น
ช่วงที่ว่างๆ คือเริ่มดึก ช่วงห้าทุ่มจะเริ่มเงียบ เพราะที่เที่ยวเริ่มคึกคัก ร้านนี้จะแน่นอีกทีตอนประมาณตีสอง ซึ่งผมออกกะแล้ว (เจ้าของร้านรู้ว่าผมเรียนอยู่ด้วย) ช่วงว่างนี้เองที่ผมมานั่งนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ว่าผมได้อะไรบ้าง และผมควรจะทำอย่างไรกับไอดิษ และครอบครัวของเค้า
“ อีคิม มึงบ้า ” ผมตกใจรีบเงยหน้ามอง ปรากฏว่าเพื่อนผมหลายคนกำลังยืนอยู่ตรงหน้า
“ โต้ง นัท เร หนิง มึงมาได้ไง ”
“ มึงทำอะไรของมึงวะ ” ไอหนิงดูจะอารมณ์เสียเป็นพิเศษ มันไม่รู้เรื่องอะไรเท่าไรครับ เพราะมันงานเยอะ
“ พี่ดิษอาการไม่ดี เข้าโรงพยาบาลอีกรอบแล้ว มึงพอใจหรือยัง ” ไอโต้งซ้ำผมอีกคน
“ พวกมึงกลับไปก่อนไป กูทำงานอยู่ ” ผมหาทางเลี่ยงครับ
“ คิม มีอะไรกันกับพี่ดิษ คิมไม่มีเหตุผลมากๆเลยนะ ” ไอวาฬพูดขึ้น
“ โอเค กูพูดครั้งเดียวนะ เรื่องนี้กูอาจจะโหดร้ายกับไอดิษ แต่วันนี้พวกมึงไม่เข้าใจแน่ๆ กูบอกไม่ได้ในตอนนี้หรอก เชื่อกูเหอะ กูมีเหตุผลจริงๆ ”
“ แล้วทำไมมึงต้องมาทรมานตัวเอง มึงมีเงินพอใช้ เรื่องอะไรต้องมาทำงานหามรุ่งหามค่ำ เช้าเรียน เย็นทำกิจกรรม มึงนี่ไม่ไหวแล้วนะคิม ” ไอโต้งผลักอกผมทีนึง ก่อนที่จะประเคนหมัดใส่แก้มผมอย่างจัง
“ โต้งงง หยุดๆๆๆ ”
“ นี่ๆๆ อย่ามีเรื่องกันนะ คิมเป็นไงบ้าง ” วุ่นวายละกู เจ้าของร้านมาแล้ว
“ น้าครับ พวกนี้เพื่อนผมเอง ผมขอโทษครับ จะไม่มีเรื่องแบบนี้อีกแล้วครับ อย่าไล่ผมออกนะครับ ” ผมยกมือไหว้น้าเจ้าของร้านงกๆ น้าน่ะไม่ไล่ผมหรอกครับ แต่เพื่อนๆผมดิ น้ำตาซึม ยัยนัทนี้ร้องไห้เลย
“ พวกเธอมีอะไรกัน เล่าให้น้าฟังซิ ” ไอโต้งมองมาทางผม มันเล่าให้น้าเจ้าของร้านฟัง ว่าความจริงผมเป็นใครมาก่อน ครอบครัวเป็นยังไง
“ ต๊ายยยย แล้วมาลำบากอะไรที่นี้ ” เรื่องน่าจะไม่เกิด ก็เกิดจนได้ครับ เพื่อนๆของผมยืนยันว่าจะให้ผมกลับด้วยให้ได้
“ ผมไม่อยากใช้เงินพ่อแม่ครับ ” ผมตอบ
“ นี่ เธอมีโอกาสเรียนหนังสือ เอาความรู้ไปใช้สิ แรงงานให้คนที่ด้อยโอกาสเค้าได้ทำ ” พูดไม่ออกเลยกู
“ นั่นสิคิม แกทำแบบเนี่ย หลายคนเจ็บปวดนะ พ่อแม่แกรู้หรือยัง ” ถ้ารู้กูหัวขาดไปนานแล้ว
“ เอางี้ๆ วันนี้กลับไปกันก่อน พรุ่งนี้ว่ากันใหม่ อ่ะน้าจ่ายให้ก่อน ” ผมยกมือไหว้ เพื่อนๆพาผมออกมาจากร้าน โดยที่ไอโต้งจะไปพาผมขนของจากหอนั้นให้หมด แต่ผมไม่ยอม มันเลยทำท่าจะแลกหมัดกับผม
“ นี่ มึงสองคนใช้สมองมั่งได้ไหมวะ ” ท่านผู้แทนหนิงสงบศึกครับ
“ หนิง กูอยากรู้ว่า คิมแม่งคิดอะไรนักหนา คิดแล้วไม่บอกคนอื่น มึงจะให้พระเจ้าบอกพวกกูหรือไง ” วันนี้ไอโต้งมาแรงมากเลยครับ เอาซะผมกลัวได้เหมือนกัน
“ เออๆๆ คิม มึงทำแบบนี้ ไม่มีเหตุผลนะ มึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้กูฟังดีกว่า ” ตอนนี้ผมคิดว่า พวกนี้ไม่ปล่อยผมแน่ หากไม่เล่าเรื่องวันนั้น ที่ผมกับพ่อท่านวากคุยกัน ผมตัดสินใจเล่าให้พวกมันฟัง
“ หนักนะแก ” ยัยนัทดูจะเข้าใจผมครับ
“ แบบนี้คิมเลือกยากเหมือนกันนะ ” ไอวาฬคล้อยตามอีกคน
“ ไม่รู้ว่ะ กูสับสน ” ไอหนิงกลางๆครับ
“ .......... ” ไอโต้งได้แต่มองผมนิ่งๆ
“ มึงจะต่อยกูอีกไหมโต้ง ”
“ ไม่ กูจะทำมากกว่านั้นอีก ”
“ จะทำอะไรมึง ”
“ กูจะพามึงไปหาพี่ดิษ ” เฮ้ยยยยย
“ ไม่ได้นะโต้ง เรื่องนี้กูกับมันต้องจัดการกันเอง ” ผมรีบบอกเหตุผล
“ เหรอ งั้นมึงก็ผิดแล้ว ตอนนี้มึงทำของมึงคนเดียว อีกอย่าง คนที่จะอยู่กับพี่ดิษอีกนาน ไม่ใช่พ่อเค้า แต่อาจจะเป็นมึงมากกว่า กูไม่สน กูจะพามึงไปหาพี่ดิษ ” ไอโต้งไม่ฟังคนอื่นเลยครับ มันหักรถตรงไปที่โรงพยาบาล เพื่อให้ผมเจอกับไอดิษ
ผมจะอธิบายกับไอดิษอย่างไรดี แล้วมันจะตัดขาดกับผมอย่างที่ขู่จริงหรือไม่ เรื่องที่ว่าพ่อของมึงบอกผมด้วย ถ้าผมต้องบอกมันจริง มันจะมองหน้าพ่อติดหรือปล่าว โอยๆๆ ทำไมชีวิตกูนี่วุ่นวายขนาดนี้วะ
******************************************************
ผีแดง ปู๊นๆ