เพิ่งกลับมาครับ กลับมาถึงเมื่อวานนี้ สี่ทุ่มกว่า ขับรถแปดชั่วโมง
นอนหลับยาวววววววว เพิ่งตื่นตอนหกโมงเย็น กินข้าวเสร็จเลยขอนอนอีก เพิ่งตื่นเมื่อชั่วโมงก่อนนี้ ฮ่าๆๆ
ปล. ตอนไอดิษพิมพ์ ตอบมันซะเยอะเลยนะ แอบงอนๆ
---------------------------------------------------------------------------------
คืนส่งท้าย ผมยังต้องมานอนเฝ้าน้องๆเหมือนเดิม วันนี้ไม่มีเสียงประหลาดๆ น่าจะเพราะน้องๆเหนื่อยกันมากแล้ว ตอนเช้าพวกผมมาช่วยน้องๆขนข้าวขนของขึ้นรถโดยสาร ก่อนจะตามคณะไปตามที่ต่างๆ และดิ่งตรงกลับมหาลัย วันนี้ผมมีเพื่อนร่วมเดินทางเพิ่มอีกสองคนครับ
“ กูเกลียดเกย์ ”
“ แค่กกกกกก !!!!! มึงเป็นเห้อะไรวะวิน ” ผมอยู่ในรถของไอดิษครับ วันนี้พี่โจอาสาขับรถให้ ไอดิษนั่งหน้าเป็นเพื่อนพี่โจ และผมมานั่งคั่นกลางไอเดย์กับไอวิน จู่ๆมันก็พูดโพล่งมาแบบเนี่ย
“ ปล่าวพี่ ผมเกลียดเกย์ที่มันชอบทำวิตถารต่อสาธารณะ ” โหเฮ้ย แรงนะน้องผม ไอวินยังเดินหน้าด่าต่อ
“ แต่ผมเกลียดพวกไม่ยอมรับความจริงมากกว่า ” ไอเดย์มีสวน แต่ทำไมกูต้องมานั่งกลางให้มันด่าข้ามไปข้ามมาด้วยวะ
“ ว่ากูเหรอวะ ”
“ เฮ้ยๆ อย่าทะเลาะกัน ” ไอดิษนี่ยุ่งจริง กูกำลังได้รสชาติ ฮ่าๆๆ
“ ผมไม่อยากทะเลาะนะ แต่มันหน้าไม่อาย ” ไอวินคงพูดถึงตอนที่โดนจูบปาก เมื่อคืนนี้
“ ข้องใจ ต่อยกันเล้ย ” อ้าวๆๆ พี่โจนี่ยังไงวะ
“ อย่ายุน้องดิ มีเรื่องจะเคลียร์ ไว้ลงรถค่อยว่ากัน ” อันนี้ผมพูดเอง
“ หึ ” ไอวินมีหึ
“ ชิ ” เออ พูดกันสั้นดี หลังจากพวกผมระงับเหตุเรียบร้อย ผมก็นั่งมองซ้ายมองขวาไปเรื่อย จนเริ่มรู้สึกแน่นๆ พอมองไปข้างๆถึงรู้ว่า ไอน้องสองคนตัวดี นอนพิงผมทั้งสองคน
“ แม่งเอ้ย ”
“ ฮ่าๆๆ ” ไอดิษมันหันมาเห็น มันหัวเราะใหญ่เลย
“ นี่ใช่ไหม ที่มึงไม่ยอมนั่งหลังอะ ” ผมถามไอวากข้าวกล้อง มันยิ้มร่า ผงกหัวอย่างเร็ว
“ เอาน่า ไม่ชอบเหรอ หนุ่มๆซบไหล่น่ะ ” หึ พี่โจแซวครับ ถ้ากูพิศวาส จะไม่พูดซักคำเลย นี่คนนึงก็น้อง อีกคนก็น้อง ผมนั่งทนไปซักพักก็เริ่มจะไม่ไหวครับ ไอเดย์มันเริ่มจะเอนตัวมากขึ้น ผมเลยอาศัยตอนรถตีโค้ง แกล้งเอนตัวไปด้านหน้า ผลที่ได้คือ .....
“ โอ้ยยยยย !!!!! ” เสียงมันสองคนร้องลั่น ฮ่าๆๆๆ
“ โอย พี่คิมทำอะไรวะพี่ ” มีพี่แล้วมีวะอีก มึงนี่นับถือกูจริงไอเดย์
“ มึงสองคนอะ นอนพิงตัวกูจนกูหดไปหลายนิ้วแล้ว ” ไอวินเอามือลูบหัว ไม่ยอมพูด มันเอาหัวพิงไปทางหน้าต่างแทน
“ ไอเดย์ มึงสลับกับกูเลย ”
“ ไม่ !!!!!! ” โห พูดพร้อมกันเลยเว้ยเฮ้ย
“ กูไม่ได้ถามความเห็น ไปๆไอเดย์มึงนั่งกลาง ” ไอเดย์ทำหน้าบูดใส่ แต่ยอมมานั่งโดยดี
“ แล้วขยับมาใกล้กูทำไมอีก ” พอให้มันนั่งกลาง มันยังมีชิดผมอีก
“ โหพี่ ผมไม่อยาก ........ ” มันส่งสายตาไปทางไอวิน ผมเลยดันตัวมันไปชนกับไอวิน
“ หาเรื่องเหรอวะ ”
“ ไม่ได้หาเรื่อง พี่คิมผลักมา ” มันสองคนนั่งเถียงกันไปมา สนุกดีครับ
หลังจากมันเถียงกันได้ไม่นาน พี่โจแวะตามขบวนเข้าไปปั๊มน้ำมัน พอซื้อของกันเสร็จไอดิษก็ให้ไอเดย์ไปนั่งกับพี่โจ ส่วนมันมานั่งกับผม
“ มานั่งแทนน้องมันทำไม ” ผมถามมัน
“ คิดถึง ” ไอวินงี้นั่งมองใหญ่เลยมึง
“ ไม่ต้องพูดละ ” ไอดิษยิ้มให้ จากนั้นเราก็ได้นั่งสงบกันจนถึงมหาลัย
ผมช่วยกันขนของมาไว้ที่ใต้ถุนตึกพัก ก่อนที่ไอดิษจะชวนผมกลับไปนอนที่บ้าน ผมลาน้องๆและกลับพร้อมกับมันครับ
“ คิม ” ตอนผมมาถึงที่บ้าน พ่อของไอดิษทักผม
“ พี่ไปรอข้างบนนะ ” มันก็ยังคงไม่ถูกกับพ่อเหมือนเดิม
“ ปล่อยมันเถอะ มาคุยกับอาหน่อย ” ผมเดินตามมานั่งคุยต่อ
“ อาไม่รู้จะบอกดิษมันยังไง อาเลยมีหลายเรื่องอยากถามคิมก่อน ” ผมเข้าใจว่าท่านคงมีเรื่องปิดบังไอดิษเยอะ เพราะสายตาท่านดูจะไม่ดีนัก
“ ถามเรื่องอะไรบ้างครับ ”
“ คิมจำเรื่องเก่าๆ สมัยดิษอยู่กับคิมได้ไหม ”
“ ได้บ้างครับ ”
“ ดิษไม่ได้ทำให้คิมเจ็บตัวใช่ไหมลูก ”
“ ครับ ไม่เกี่ยวกับดิษ และผมมีเรื่องอยากถามอาด้วย ” ท่านเลิกคิ้ว เชิงให้ถามได้
“ เรื่องย่าของดิษ ท่านไม่ได้จากไป เพราะดิษ ผมพูดถูกหรือปล่าวครับ ” ท่านดูจะเศร้าไปถนัดตา
“ ใช่ ตอนนั้นดิษเกเรมาก อาไม่รู้จะควบคุมมันยังไง ”
“ แต่สุดท้ายอาก็ห้ามไม่ได้ ” พ่อของท่านวาก ที่เมื่อก่อนดูจะมั่นใจในตัวเอง และหยิ่งทะนงมาก กลับเป็นอย่างนี้ซะแล้วครับ ท่านดูจะเศร้าหมองผิดหูผิดตาไป
“ อาเข้าใจ อาคิดผิดเอง แค่กๆ ”
“ เอ่อ อาไม่สบายเหรอครับ ” ผมสังเกต อาจะถือผ้าไว้ปาดเหงื่อตลอด
“ ปล่าวๆ ดีแล้วที่คิมมาอยู่เป็นเพื่อนมัน ดูๆกันไปนะ ” ผมไม่เข้าใจที่ท่านพูด แต่ก้รับมาโดยดีครับ
ผมเดินขึ้นมาทีห้องของมัน ไอดิษกำลังนั่งมองไปนอกหน้าต่าง มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาอยู่คนเดียวหรือปล่าวนะ
“ ง่วงนอนปะ ” ไอดิษหันมาถามผม
“ ดิษ พ่อมึงน่ะ ....... ”
“ ไม่เอาๆ มาให้พี่กอดทีนะ ” ไอดิษดึงผมไปนั่งกอดไว้ โชคดีที่มันเปิดแอร์ไว้ครับ ไม่งั้นล่ะร้อนตาย
“ มึงจะเอากูไหมเนี่ย ” ผมถามมันตรงๆ เหอะๆๆ
“ ไม่ดีกว่า พี่ชอบกอดน้องแบบนี้มากกว่า ” ตามใจ ดีเหมือนกัน ให้มันกอดจากด้านหลังแบบนี้ ผมรู้สึกสบายใจดี
พอกอดกันพอแล้วก็ต่างคนต่างเอาเสื้อผ้าออกมาช่วยกันซัก ไอดิษมันมีห้องซักของมันเองด้วย ถามก็ได้คำตอบว่า พ่อของมันต้องการให้มันจัดการตัวเอง และที่สำคัญตัวไอดิษเองไม่อยากเห็นหน้าพ่อของมันเท่าไร
“ อย่าว่างั้นว่างี้เหอะดิษ ขอพูดเรื่องนี้หน่อย ” มันเหล่ๆมอง แต่ไม่ว่าอะไร
“ เอาสิ ”
“ คือ พ่อของมึง ดูจะไม่ค่อยสบายนะ ” ไอดิษรีบหันมาหาผมทันที
“ ป่วย ....... ป่วยเหรอ ” มันลนลานมาก พอผมมองมันนิ่งๆ มันคงเพิ่งนึกออก เลยหันหน้าหนี
“ ถ้าเป็นห่วงกัน ทำไมไม่คุยกันล่ะ ”
“ คิดว่าพี่ไม่เคยถามเค้าเหรอ ”
“ ถามเมื่อไร ”
“ สิบกว่าปีก่อน ” โห สิบปีที่แล้ว สองพ่อลูกคู่นี้ยังไงเนี่ย
“ นานไปไหมดิษ ” ไอดิษแก้กางเกงลง เอาซะผมตั้งตัวไม่ทัน
“ ไม่ได้ลามกนะ ดูแผลที่ขาพี่สิ ” ผมเห็นเป็นรอยแผลเป็นจางๆตรงน่องมันครับ
“ พ่อมึงทำเหรอ ” มันใส่กางเกง และนั่งลงข้างๆ
“ อืม เค้าตีพี่ ตอนที่พี่เห็นเค้าล้ม พี่ถามว่าป่วยเหรอ เค้าว่าพี่แช่งอยากให้เค้าตาย แล้วก็ไล่ซ้อมจนพี่ต้องหนีเข้าห้องน้ำ ...... ห้องนั้นน่ะ ” ไอดิษนั่งกอดเข่า ผมสะเทือนใจมาก เลยเดินมานั่งข้างๆ มันก็พิงไหล่ผม
“ ขอโทษนะ ต่อไปไม่คุยแล้ว ”
“ ไม่หรอก บางครั้งพี่ก็อยากคุย แต่พี่ลืมภาพเก่าๆไม่ลง รอหน่อยนะ ซักวันพี่คงจะกล้า ” ผมกอดและเขย่าๆหยอกมันเล่น
“ ดีแล้ว ” จากนั้นผมก็ช่วยกันซักและตากผ้าที่ระเบียง ช่วงนี้ผมคงต้องแวะเวียนมาดูเหตุการณ์ที่นี่บ่อยๆ หวังว่าสองคนจะหันหน้าเข้าหากัน
ผ่านมาอีกหนึ่งอาทิตย์ ช่วงนี้ผมวนไปวนมาระหว่างบ้านไอดิษกับหอพัก ที่ต้องมาหอพักเพราะมีงานคณะ ที่ต้องกลับไปบ้านไอดิษ เพราะห่วงสองพ่อลูกคู่นั้นครับ อยากเห็นเค้าเข้าใจกัน
วันนี้ ผมต้องมานั่งเตรียมงานกับสภาของมหาลัย และองค์การด้วย เพราะไปได้แนวคิดของมหาลัยอื่น ที่จะมีจัดคอนเสิร์ตให้น้องๆปีหนึ่งในช่วงที่เปิดเรียนผ่านไปประมาณเดือน ส่วนที่ผมต้องมา เพราะคณะส่งผมมาครับ แต่ผมไม่ได้เป็นวากเกอร์แล้วล่ะ
“ เดี๋ยวจะมีเพื่อนๆจากมหาลัย .......... มาร่วมด้วยนะครับ ” นายกองค์การบอก มหาลัยที่ว่าเป็นมหาลัยพี่น้องกันกับมหาลัยผม แต่ไอที่หน้ารำคาญคือ มากันช้ามากก พอมาถึงก็เดินกันเข้ามาเป็นขบวน
“ ขอโทษด้วยครับ ออกเดินทางช้า ขอโทษครับ ” หืม คนนี้เสียงหล่อดีว่ะ ผมหันไปมอง
“ .............. ” เริ่มมีเสียงวี้ดว้ายจากสาวๆละครับ คือคนที่มาน่ะ จัดอยู่ในพวกที่หน้าตาดีมาก ผมยอมรับเลยครับ แต่ไม่สนใจหรอก หล่อได้ก็เรื่องของมัน
พอนั่งประชุมกันเสร็จ ผมก็เดินออกมาเลย แต่สาวๆสิไม่วายเดินไปนั่งซะชิดพ่อหนุ่มหล่อคนนั้น เอาซะกูหมองเลย ห่างๆมันดีกว่า
“ เฮ้ย ไข่น้อย ” หื๊อออออออออออออออออ
“ อะไรนะ ” มีคนมาแตะหลังผม และเรียกชื่อที่น่าจะเคยมีคนเรียกผม แต่นั่นมันนานมากแล้ว
“ ทำไมไม่ทักกูวะ ไอไข่น้อย ” พอตั้งสติได้ถึงรู้ว่า คนที่คุยกับผมนี่คือไอหล่อคนนั้นเอง
“ ใครวะ ”
“ มึงนี่ลืมได้ไง มีคนเรียกมึงไข่น้อยหลายคนรึไง ” ผมนั่งนึกภาพเก่าๆ และก็เริ่มคุ้นกับชื่อนี้
“ เฮ้ยไม่ดิ อี ....... ” ผมกำลังจะเรียกชื่อของมัน แต่โดยอุดปากไว้ซะก่อน
“ อย่าเรียกกูอี กูไม่ได้เป็นกระเทยแล้ว ”
“ มึง ..... มึงเป็นแบบนี้ได้ไงวะ ” คนๆนี้ คือกระเทยที่เคยแอบดูผมอาบน้ำตามเข้าค่ายลูกเสื้อ ม.1 นั่นเอง หลังจากนั้นมันก็ชอบเรียกผมว่าไข่น้อยเรื่อยมา แต่ ........ อะไรทำให้มันกลายเป็นแบบนี้ได้วะ