สวัสดีท่านที่รัก หุหุ สอบเสร็จแล้ว ข้อสอบยากดีแท้ๆ โชคดีที่น่าจะไหว ผลสอบกว่าจะมาก็อีกนานแหละ ช่วงนี้เลยว่างๆ แต่ก็ไม่ว่างซะทีเดียวหรอก เพราะต้องมาดูหอพักของไอวากมัน ส่วนน้ำก็ท่วมจริงๆจังๆ ผลผลิตไม่มีคุณภาพ เตรียมซื้อของแพงๆกันได้ท่านทั้งหลาย ก่ากๆๆ พอล่ะ มาต่อกันดีกว่าเนอะ
ผมเดินตามพวกรุ่นพี่เข้าไป เพิ่งมาสังเกตเอาตอนที่นั่งแล้วว่ามีปีหนึ่งคือผมแค่คนเดียว นอกนั้นเป็นพวกที่ปีสูงๆ
“ ไอคิมนั่ง ”
“ ครับ ”
“ หมอบบบบบ !!!!! ” ทันใดนั้นก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ไฟในห้องปิดมืด มองไม่เห็นตัวใคร
“ บอกให้หมอบๆ ” อ้าว สั่งกูนี่หว่า ผมไม่เห็นนี่ว่าใครบอก รู้แต่หมอบๆ แล้วหมอบยังไงก็ไม่รู้
“ หมอบลงบนโต๊ะ ” เออ ก็บอกสิเว้ย
“ ต้นไม้ประจำมหาลัยคือต้นอะไร ” หา มหาลัยกูต้นอะไรวะ ลืมอะ
“ อย่าเงยหน้า !!!!! ตอบ ” คือในห้องเนี้ยมันตะโกนใส่กันไม่หยุดไม่หย่อนอะ แต่ละคนก็ถามไป ไม่สนใจว่าคนที่นั่งจะฟังรู้เรื่องหรือปล่าว ที่สำคัญมีผมคนเดียวเนี่ย มันจะตะโกนกันทำไม
“ สีประจำมหาลัยล่ะ ตอบ !!!!! ” พอกำลังจะอ้าปากตอบ ก็มีเสียงโวยวาย สรุปคือกูไม่มีสิทธิ์ตอบอะ
“ ตอบสิ !!! ” กูโดนอีกแล้ว เสียงใครก็ไม่รู้
“ พอ เปิดไฟ ” สองอ้าวเลยทีนี้
“ ทำอะไรกันพี่ ” ผมหันไปถามพี่คนนึง
“ กูก็ไม่รู้ เห็นเค้าบอกว่าห้องมืดๆ ” ห้องมืด ปิดไฟมันก็มืดดิ แล้วมีอะไรวะ
“ ต่อไป จะไม่ให้ไปยืนเรียงแถวเลือกพี่รหัสแล้ว ชอบมีปัญหากันทีหลัง ครั้งหน้าจะให้รุ่นน้องหลบหน้าลง แล้วรุ่นพี่ก็ยืนต่อแถวกันเข้ามา ได้ใครก็คนนั้น ” พอฟังพี่หมีพูด ผมรีบยกมือถาม
“ ทำไมต้องปิดไฟล่ะพี่ ก็ให้พวกเราเดินเข้ามาก็ได้นี่ครับ ”
“ มันต้องแนะนำคณะ มหาลัย ชื่อคณาจารย์ให้น้องใหม่ฟังด้วย เลยให้เข้ามาในนี้ ” ยังไงก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
“ แล้วถ้าสมมติ น้องมันจำไม่ได้ล่ะพี่ ” ผมว่าน้องๆมันจำได้ไม่หมดอะ
“ ปีมึงไปโดดน้ำไง ”
“ วู้ววว ” พวกพี่ๆยืนหัวเราะกันยกใหญ่ สรุปปีพวกผมก็ต้องโดดน้ำอยู่ดี
“ เออ แล้วห้ามไปเล่าให้เพื่อนมึงฟังล่ะ กูจะเซอร์ไพรส์พวกมึงด้วย ” ผมหันไปมองรอบๆ ไปสบตากับไอวากดิษเข้าพอดี มันกำลังยืนหัวเราะอย่างเมามัน
“ หัวเราะอะไร ตลกไหม ”
“ ตลกดิ ทำไมไม่ตอบมาซักคำถามล่ะ จำไม่ได้แม้แต่ต้นไม้มหาลัยเนี่ยนะ ฮ่าๆๆ ” แม่งขำนะ
“ เออ กูไม่มีโอกาสตอบ พอจะอ้าปากก็บอกหมอบ พอกูตอบก็ไม่ได้ยิน แบบนี้พวกกูก็ต้องโดดน้ำสิวะ ” อย่าว่าแต่ผมเลย คนอื่นคงนั่งแข็งตายเลยมั้ง ถ้าเจอแบบนี้
“ อืมๆ อันนั้นคงเป็นจุดมุ่งหมายของมัน ”
“ วู้ววว ”
“ นี่ฟังนะ ที่ให้ลองเข้าที่นี่ เพราะทุกปี จะมีพวกที่เก่งๆ นักเลงๆ เข้ามาในคณะหลายคน รุ่นพี่ก็ไม่อยากให้รุ่นน้องไม่พอใจ เลยไปลอกแบบของที่อื่นมาใช้ ทำแบบนี้รุ่นน้องไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน ก็ไม่มีสิทธิ์มองเห็นตัว ” อืม พอฟังๆก็ดูเข้าท่าดี ไม่รู้มีกี่ที่กี่คณะที่ทำแบบนี้ แต่ผมก็เคยได้ยินจากหลายๆที่เรื่องห้องแบบนี้เหมือนกัน
“ ก็ดี ” ผมบอกมัน
“ วันนี้ไปโรงพยาบาลหาแม่ของพี่ ให้ท่านดูอาการเข่า พี่รู้สึกว่ามันหนักขึ้นมาก ” หน้าตามึงเป็นห่วงกูมากเนอะ
“ ยังไม่ไปไม่ได้เหรอ กูไม่อยากให้คนในคณะเห็นว่ากูไม่แข็งแรง ”
“ มอร์ฟีนมีแค่เข็มเดียวใช่ไหม ”
“ ใช่ ถามทำไม ” แม่ของไอวากให้ผมมาแค่เข็มเดียว
“ ยาพวกนี้เป็นยาอันตราย เค้าไม่ฉีดให้กันซี้ซั้ว อย่าดื้อให้มาก ...... เย็นนี้จะรอที่หอ ” จนแล้วจนรอดก็คือให้ผมไปกับมันนั่นแหละ ผมช่วยนู้นช่วยนี่ในคณะจนถึงเย็น แล้วก็ออกจากมหาลัยไปโรงพยาบาลตามที่ไอดิษว่า
“ อาการปวดรุนแรงมากใช่ไหมจ้ะ ” ผมรีบพยักหน้าหงึกๆๆ
“ น้าครับ ให้ยาแก้ปวดผมได้ไหมล่ะครับ ไอดิ .... พี่ข้าวกล้องบอกว่ายาที่ฉีดให้ผมอันตราย ผมขอเป็นยากินได้ไหมครับ ” แม่ของไอวากทำหน้าเครียดขึ้นมา ผมพูดอะไรผิดอะ
“ คิมลืมกินยาที่ให้หรือปล่าวจ้ะ ”
“ ปล่าวครับ ผมกินทุกวัน แต่มันก็ปวดๆอยู่ตลอดเวลา ”
“ ห๊ะ ว่าไงนะ ตลอดเวลาเหรอ ทำไมไม่บอกพี่ล่ะ ” ผมหันไปค้อนไอวาก พูดขนาดนี้ไม่บอกซะเลยล่ะ ว่าเป็นแฟนกันอะ
“ ข้าวกล้อง เอารถเข็นมาลูก ไปเอกซเรย์เข่าให้แม่หน่อย ” อะไรกันอะ ทำไมถึงเสียงเครียดแบบนั้น ไอวากดิษก็ทำท่าไม่พอใจอีกคน ผมก็เพิ่งรู้ว่ายาที่ให้กินเป็นยาแก้ปวดเฉพาะที่แล้ว แสดงว่าผลของมันไม่น่าพอใจ
“ ดิษ มึงเป็นไรอะ ” ระหว่างที่มันเข็นพาผมไปเอกซเรย์ ในห้องแต่งตัวผมอดถามมันไม่ได้
“ มีอะไรที่ยังไม่บอกพี่อีกไหม ”
“ ไม่เอาน่า มันไม่ร้ายแรงขนาดนั้นนะ ” ผมพยายามจะอธิบาย แต่ไอวากมันทำท่าจะเดินหนี ผมเลยดึงแขนมัน
“ จะไปไหนอีก ”
“ สูบบุหรี่ ” มันดูแลตัวเองดีนะครับ ดูไม่คล้ายคนสูบบุหรี่
“ โอเคๆ ถ้ากูผิดกูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจปิด มันเป็นนิสัยของกูเอง กูไม่ชอบให้ใครมาทำว่าเป็นห่วง กูชอบแบบนี้ แต่ถ้าต่อไปมึงไม่ชอบ กูจะเลิกก็ได้ ” ไอดิษมองผม แววตามันอ่อนลงแล้ว
“ ไม่ต้องเลิกหรอก แค่อย่าทำเหมือนปกติดี เวลาที่รู้สึกไม่ดี .... บอกพี่นะ ”
“ อือ แล้วจะไปไหนเล่า ” ไอวากหันมาทำเสียงจี๊จ๊ะ
“ จะให้ดูว่ามีขนหน้าอกกี่เส้น หรือจะให้ดูอะไรล่ะ ”
“ เออๆ ออกไปเลย ” มันหัวเราะฮ่าๆๆ แล้วเดินออกไป ผมนอนให้เค้าเอกซเรย์ขาทั้งสองข้าง แล้วก็กลับเข้ามาหาน้าคนที่เคยดูแลผมตอนแรก ที่เป็นผู้ชายอะ
“ โอ้ นี่ไปล้มลุกคลุกคลานมาอีกแล้วใช่ไหม ” ถามอย่างกับตาเห็น
“ ช่วงนี้พยายามไม่ใช้เข่ามากแล้วนะครับ ” น้าแกหรี่ตามองผม
“ ฟิล์มเอกซเรย์นี่โกหกกันไม่ได้หรอก ไอข้าวกล้อง น้าว่าแกต้องดูแลน้องหน่อยแล้วล่ะ พ้นปีหนึ่งแล้วไม่ใช่เหรอ อย่าให้ไปรับอะไรกันอีกเลย ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่ถึงสิ้นปี น้าว่าต้องผ่า ” ตายห่ะ ผ่า ผ่า ผ่า
“ ครับ ผมจะดูให้ครับ ” มึงก็บ้าไปตอบรับนะ กูเป็นวากนะเว้ย วากอะ
“ ช่วงนี้ ควรเลยคือหนึ่งไม่กระโดดสูงๆ ไม่งอเข่ามาก นี่ถ้าประมาณนี้ถือว่ามาก ” แกดึงเข่าเข้าหาตัวผม ให้ดูว่าไม่ควรทำ
“ ห้ามแน่ๆคืองอเข่าแบบฉับพลัน เพราะน้ำไขข้อและเส้นเอ็นน่าจะมีปัญหา ถ้าเกิดมันล็อค รับรองงานใหญ่ ” ภาพที่เข้ามาในหัวทันทีคือ ไอตอนกระโดดรับเดือนคณะอะครับ
“ เอ่อ น้าครับ พอจะมียาที่ช่วยรักษาก่อนไหมครับ ”
“ ยาน่ะมี แต่น้ากลัวมันจะแรงเกินไป ยาไม่ได้ช่วยรักษาแค่บรรเทาอาการ กินไปกินมากลัวจะเป็นคนติดยา ” เอาไงดีวะกู
“ คิม เดี๋ยวพี่จะคุยกับไอหมี กับพี่ปันให้ น้องเลิกเถอะ ”
“ เฮ้ย ได้ไงล่ะ ไม่ได้ๆ ”
“ คิม ห่วงสุขภาพก่อน แกจะต้องเรียนอีกสามปี เกิดมีเหตุไม่ดี ครอบครัวล่ะ ตัวเองล่ะ อย่าห่วงมากนักเลย ไอกิจกรรมพวกนั้นน่ะ ” ดูท่าจะวุ่นวายซะแล้วแฮะหลังจากน้าพูดจบผมเดินทางกลับจากโรงพยาบาล คราวนี้ไม่มียาฉีดมาให้ แต่มียาชนิดนึงที่ย้ำว่าต้องปวดหนักๆเท่านั้นถึงจะทานได้
“ เดี๋ยวพี่จะไปคุยกับไอหมี น้องหลับก่อนนะ ”
“ ดิษๆ ขอก่อนได้ไหม ดูอาการไปก่อนเถอะ ถ้าทำแบบนี้ คณะจะวุ่นวายนะ อีกไม่กี่วันก็จะเปิดแล้ว ” ช่วงเตรียมงานเสร็จสิ้นแล้ว สนามหลังมอก็เตรียมเสร็จ ตำแหน่งต่างๆก็ครบ ผมไม่อยากเป็นตัวปัญหา
“ ถ้าเกิดน้องเจ็บกระทันหัน ผลมันเหมือนกัน ดูแลตัวเองก่อนสิ ”
“ มึงเคยสอนกูว่ายังไง บอกว่าควรห่วงคนอื่นก่อนไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้พูดแบบนี้ล่ะ ต่อไปเราจะสอนน้องได้เต็มปากเหรอ ” ไอวากถอนหายใจ
“ รับน้องไม่ได้สำคัญขนาดนั้น ..... ”
“ จะคิดยังไงก็ตามใจ แต่สำหรับกู นี่เป็นสิ่งที่กูทำเพื่อคณะได้ คณะให้เพื่อน ให้พี่น้อง ให้วิชากู กูต้องการทำเพื่อคณะบ้าง ”
“ หยุดได้หรือยัง !!!!! ” ไอวากดิษตะคอกจนผมสะดุ้ง เสียงมันดังมากๆ โชคดีที่อยู่ในรถ
“ ไอความถือมั่นแบบนี้น่ะ มันเทียบกับความเจ็บป่วยไม่ได้เข้าใจไหม น้องทำเพื่อคณะ แต่พี่ต้องเป็นห่วงขนาดไหนเคยคิดบ้างไหม รู้ไหมว่าตั้งแต่พี่เห็นน้องเลือดออกวันรับน้องวันแรก ทุกวันก่อนรับน้อง พี่ต้องมาถามอาการจากไอโจทุกวัน พี่ไม่ได้หวังให้คิดห่วงพี่ แค่ห่วงตัวเองน่ะ ทำได้ไหม ทำไมต้องทำให้คนรอบข้างเค้าเป็นห่วงขนาดนี้ ” มึงไปสรรหาคำพูดมาจากไหนวะ กูปวดหัวใจสุดๆเลย ยิ่งพอได้ยินว่ามันจำได้แทบทุกรายละเอียด ผมยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น
“ กูขอโทษ ” ผมรีบขอโทษมัน
“ จริงๆพี่ไม่ได้อยากให้น้องเป็นวาก แต่พี่ปันไม่ยอม เหตุผลของพี่ปันเพราะอยากให้สายเราคุมระเบียบต่อไป ไอโจมันใจอ่อน แล้วก็สำอางค์มากไป พี่เกือบจะต่อยพี่ปันนะ ตอนที่รู้เรื่องนี้ ” โอ้ มึงจะต่อยพี่ปันจริงอะ ทำไมโหดงี้วะ
“ ไหนจะเรื่องหนักใจในอนาคต ต้องมาหนักกายด้วยอีก พี่ไม่อยากให้ทำจริงๆ ”
“ เอาแบบนี้เถอะ ให้กูลอง ถ้ามันไม่ดี กูยินดีเลิกตามที่มึงบอก โอเคไหม ” มันถอนหายใจอีก เบื่อชีวิตมากไหมมึง
“ ได้ แต่จำไว้นะ อย่าทำว่าปกติดี เวลาที่รู้สึกไม่ดี พี่โกรธง่ายนะ ” แหมๆ
“ เออ งั้นทำแบบนี้แล้วอย่าโกรธกู ” ผมเอนตัวเอาจมูกไปเฉียดแก้มของไอวาก แก้มมึงนี่นิ่มดีว่ะ
“ อู้ว ..... ทำแบบนี้เป็นด้วยเหรอ ”
“ เชี้ย ต่อไปกูไม่ทำแล้ว ” อุตส่าห์ตั้งใจให้หายโกรธนะเนี่ย
“ เสียดายม่านรูดโดนตรวจ ไม่งั้นจะแวะเดี๋ยวนี้เลย ”
“ โว้ย ” ในที่สุด เราก็ตกลงเรื่องนี้กันได้ และเวลาเปิดภาคเรียนก็ใกล้เข้ามาแล้ว ...... ขอเถอะ อย่าให้อาการผมหนักไปมากกว่านี้เลย เพราะยังไงก็ตาม ถึงผมจะเจ็บแค่ไหน ผมก็คงต้องปิดไอดิษอยู่ดี ....... ขอเถอะ อย่าเป็นมากกว่านี้เลย