ใช้คาถาเรียกกันเลย จริงๆต้องใช้รากราคะเรียกนะ ถึงจะยอมมา แต่วันนี้หยวนๆ
********************************************************************
“บอยมึงจะเอาอะไรอีกหรือเปล่า กูจะจ่ายเงินแล้วนะโว้ย” นิวมันร้องทักผมในวันว่างที่ผมนัดมันกับเอมาเดินซื้อของ พอดีนิวมันจะซื้อของจุกจิกมันเลยลากผมเข้ามาในร้านกิ๊ฟช็อป เกือบสามเดือนแล้วที่ผมไม่ได้ติดต่อกับต้นเลยตั้งแต่วันนั้น วันนี้วันเกิดมันครับผมอดไม่ได้อีกแล้วครับที่ผมจะยืนอยู่มุมของการ์ดต่างๆที่ตั้งเป็นชั้นเรียงรายกันอยู่
“มึงได้ยินกูป่าวบอย” นิวเดินมาหาผม
“เอาอีกแล้วมึงคิดถึงพี่ต้นอีกอ่ะดิ”
“อืมวันเกิดมันน่ะ” ผมตอบเบาๆ
“มึงนะมึง ในเมื่อมึงตัดใจได้มาขนาดนี้แล้วมึงจะกลับไปคิดถึงเรื่องเก่าให้ปวดใจทำไม”
“นั่นดิกูนี่ไม่ได้เรื่อง” ผมเดินหนีออกจากตรงนั้น นี่ถ้าผมไม่ได้พวกมันคอยปลอบผมในช่วงแรกๆที่ผมเลิกกับต้น ผมคงจะแย่ไปมากกว่านี้
…นนท์อีกคนที่เข้ามาปลอบผมในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง…
ผมรู้สึกกับมันแค่นั้นจริงๆผมรักใครไม่ได้อีกแล้วครับ ผมใช้ชีวิตผูกติดอยู่กับงานเป็นทางเดียวที่ผมจะลืมทุกอย่างได้เหมือนที่ครั้งหนึ่งผมเคยผูกตัวติดอยู่กับกิจกรรมของมหาลัย
“แล้วนี่พวกมึงจะไปไหนต่อ” ผมเอ่ยถามเมื่อเราเดินออกมาจากร้านแล้ว
“แล้วแต่มึงพวกกูตามใจมึง”
“พวกมึงไม่ต้องมาแกล้งเอาใจกูหรอก กูแค่อกหักน่ะไม่ใช่ญาติเสีย”
“หักอกตัวเองต่างหากล่ะมึง”
“อีนี่ปากเสียอีกแล้วนะมึงเอ”
“เอมันพูดถูกมึงจะไปว่ามันทำไมล่ะ”
“กูกลัวมึงคิดมาก”
“โอ้ยกูเลิกคิดตั้งนานแล้ว”
“แล้วที่มึงไปยืนเหงาอยู่หน้าการ์ดวันเกิดล่ะ”
“เดี๋ยวกูหาอะไรมาอุดปากอีนี่ก่อน เห่าไม่ยอมหยุดมึงมานี่เลยเอ” นิวลากแขนเอเดินไปก่อนผม ผมได้แต่มองตามยิ้มๆพวกมันยังเล่นกันเหมือนเดิม
“ไปดูหนังกันป่าวพวกมึง กูไม่ได้ดูมานานแล้ว” ผมเอ่ยชวนไอ้เพื่อนตัวแสบผมสองคนมันหันมามองหน้าผม
“กูไม่ได้หูฝาดนะบอย พวกกูไม่ได้ดูหนังกับมึงมาเป็นศตวรรษแล้วนะ”
“แล้วพวกมึงจะไปกันหรือเปล่าล่ะ”
“ไปดิแล้วมึงจะดูเรื่องอะไรล่ะ”
“ถ้ากูบอก พวกมึงไปแน่นะ” ผมรู้ว่าพวกนี้มันไม่ดูหนังแนวเดียวกับผมหรอก พวกมันเริ่มมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“อย่าบอกนะว่ามึงจะชวนกูไปดู………”
“ใช่ กูจะชวนพวกมึงไปดู Serendipity” เท่านั้นแหละครับวงแตกกันกระเจิง
“กูขอบายนะมึงนิวมันว่างมึงไปกะมันเลย”
“แฮะๆกูก็บาย”
“ไหนพวกมึงบอกตามใจกูไง”
“เผอิญเรื่องนี้กูขอขัดมึงละกันนะ”
“เออกูไปดูคนเดียวก็ได้วะ พวกมึงจะกลับก่อนก็ได้นะ”
“เออกูรู้แล้วมึงโทรตามนนท์มาดูสิ รับรองมึงไม่ถึงชั่วโมงมันมาถึงมึงแน่ หนังรักๆแบบนี้เผื่อมึงจะรับรักมันบ้าง”
“พอเลยพวกมึงไม่อยากดูก็ไม่ต้องไปลากใครมา กูดูคนเดียวได้”
“เออมึงเก่งอย่าไปร้องไห้ในโรงล่ะมึง”
“เอองั้นกูไปล่ะไว้โทรคุยกัน”
ผมแยกตัวออกมาจากพวกมันถ้าผมไม่ดูวันนี้ผมก็ไม่รู้จะไปดูวันไหน วันว่างผมก็ใช่ว่าจะมีบ่อยๆ หนังแนวนี้ผมไม่ค่อยจะพลาดอยู่แล้วครับแม้มันจะทำให้ผมยิ่งเหงาแต่มันก็ดูอบอุ่นดี
เฮ้อ..ทำไมคนไม่ค่อยชอบหนังแนวนี้กันเลยนะ ผมนึกในใจเมื่อผมเดินเข้าไปในโรงหนังมันจะฉายแล้ว แต่คนยังโหรงเหรงอยู่เลยครับแต่ก็ดีคนน้อยๆแบบนี้ผมยิ่งชอบจะได้เลือกที่นั่งได้ตามใจ แล้วผมก็เดินไปแถวเกือบๆด้านหน้า ปกติผมก็ไม่ชอบดูใกล้หรอกแต่เห็นคนอื่นเขามาเป็นคู่ๆแล้วมันเหงาเกิดนึกถึงต้นขึ้นมาดื้อๆ
ผมจะเก็บอาการเหงาผมได้จนหนังจบหรือเปล่าครับ ทำไมนั่งที่ผมนั่งดูมาครึ่งเรื่องมันถึงทำให้ผมทั้งลุ้นทั้งเหงาไปพร้อมๆกัน
“ฮัดเช้ย!!!!” ห่าหอกใครมาขัดอารมณ์ซึ้งผมเนี่ย
หมดอารมณ์เลยล่ะครับเมื่อมีเสียงรบกวนดังเข้ามา ผมว่าผมหลบมานั่งในที่ๆไม่มีคนแล้วนะครับใครมันมานั่งข้างหลังผม
….แล้วเมื่อไหร่จะได้เจอกันเนี่ย….
ผมอดลุ้นตามหนังที่ผมกำลังดูอยู่ไม่ได้ ถ้าใครเคยได้ดูหนังเรื่องนี้ก็คงจะลุ้นไม่แพ้ผมนะครับ ถ้าใครยังไม่มีโอกาสได้ดูอ่านเรื่องผมจบแล้วจะหามาดูได้นะครับถือว่าผมแนะนำเพราะมันมีความสำคัญกับผมมากๆๆ
…“ฮัดเช้ย!!!!”
เอาอีกแล้วครับคราวนี้ผมไม่เกรงหรอกนะ ผมลุกเปลี่ยนที่นั่งทันทีให้มันรู้ซะบ้างว่ามันเสียมารยาทขนาดไหน ผมเหลือบไปมองมันจะดูหน้าหน่อยว่าทำไมเสียมารยาทขนาดนี้เสียดายมันมืดไปหน่อย
แต่ท่าทางก็ดูดีไม่น่าจะเสียมารยาทขนาดนี้
ผมเลื่อนตัวเองห่างมาจากที่ตรงนั่นอีกสามที่หวังว่ามันคงจะไม่ตามมาหรอกนะ แต่ผมต้องอึ้งเมื่อร่างนั้นไม่ใช่แค่ตามมาข้างหลังผม มันกลับพาร่างสูงๆมานั่งลงข้างๆผม
อะไรวะ ผมตกใจปนงงจะเลื่อนตัวออกหนี แต่มือเย็นๆกลับกุมเข้าที่มือผม
“จะหนีไปไหน”
เสียงคุ้นๆกระซิบข้างหูผม ถึงจะนานแค่ไหนผมก็ไม่อาจลืมได้หรอกครับกับน้ำเสียงแบบนี้
“พี่ต้น”
**********************************************************************************
อีกตอนเดียวก็จะจบแล้วนะครับ เอาใจช่วยบอยกันหน่อยนะ
พรุ่งนี้มาต่อค๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ