คุณน้องคนโพสต์เคอะ(ที่เรียกงี้เพราะไม่รู้ว่าเป้นใคร ชื่อมะคุ้นเลย)
อารายยย เจ๊สอง แค่นี้จำกันมะได้

ยังเคยกอดคอกินเหล้ากันมาแล้วตั้ง 2 ครั้ง กรูล่ะเซ็ง
แต่เข้าใจ คุณทวดก็งี้แหละ ความจำมันไม่ค่อยดี อิอิ

ป๊อมเองค๊าบบบ จำกันได้ยัง คุณท่าน

***************************************************************************************
“ขอฉันไปดูนายได้มั๊ย” ผมโพล่งปากออกไปอย่างลืมตัว ผมไม่อยากหลอกตัวเองอีกแล้วครับ ผมเห็นมันหยุดชงักก่อนจะหันมามองผม.........
“เอาสิจะได้พยุงพี่ไปด้วย” ผมหูฝาดไปหรือเปล่าครับ ต้นมันเรียกแทนตัวเองว่าพี่ เลือดออกแค่นี้ทำสติมันฟั่นเฟือนแล้วเหรอครับ
ผมเดินออกไปที่สนามพร้อมมันจริงๆครับ มันดูแปลกๆไงไม่รู้ที่ผมต้องเดินข้างๆมันแบบนี้เราไม่ได้คุยอะไรกันเลยครับจนกระทั่งถึงสนาม
“ต้นมึงไปไหนมาวะเกือบไม่ทันแล้วนะมึง” เพื่อนมันทักแล้วหันมามองผม
“เด็กมึงคอแดงๆไปทำอะไรกันมาวะ”
“ยุ่ง!!!” มันตวาดเพื่อนก่อนจะมองมาทางผม “เพื่อนเรียกแน่ะ”
ผมมองไปตามทางที่มันบอกเห็นนิวกะเอโบกไม้โบกมืออยู่ซึ่งขวัญก็นั่งอยู่ตรงนั่นด้วย
“นายไหวแน่นะ” ผมถามมันก็มันอดห่วงไม่ได้นี่ครับ
“จะพยายาม”
“นี่มึงสองคนดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย กูจำได้ว่าพวกมึงเคยต่อยกันมาแล้ว” เพื่อนมันทัก นั่นสิครับผมดีกะมันตั้งแต่เมื่อไหร่ผมเองยังงงตัวเองอยู่เลย ผมเดินไปหากลุ่มเพื่อนผมแล้วเมื่อต้นมันแยกตัวไปหากลุ่มเพื่อนของมัน ขอให้มันแข่งจนจบเกมเถอะครับ
“กูไม่ได้ตาฝาดใช่ป่าวบอย มึงกะพี่ต้นเดินมาด้วยกันเนี่ยนะ” นิวมันทักผมเมื่อผมเดินมาถึงกลุ่ม
“ทำไมล่ะนิวแปลกตรงไหนเหรอ” ขวัญเอ่ยถาม
“เปล่าหรอกขวัญ ก็บอยมันบอกมันจะไม่มาดูนิวก็เลยงง แล้วนั่นคอมึงไปโดนอะไรมา” ประโยคหลังมันหันมาถามผมเอมันจึงเริ่มสังเกตด้วย
“นั่นสิมึง”
“เปล่า..นี่เขาจะแข่งกันแล้วอย่ามาสนใจกูเลยน่า”
ครับเกมมันจะเริ่มแล้ว ต้นเดินลงสนามมันเปลี่ยนเสื้อผมออกแล้วครับ ใส่เสื้อทีมของมันแทนหันมาทางกลุ่มผมด้วย ขวัญรีบโบกมือให้ทันที ต้นมันก็โบกกลับจู่ๆนิวมันก็คว้าแขนผมขึ้นโบก อย่างนี้ตอนมันเปลี่ยนเสื้อทุกคนก็ต้องเห็นแผลมันสิครับแล้ว ทำไมไม่มีใครห้ามมัน ผมรีบชักมือกลับเมื่อสังเกตเห็นมันทำมือเครื่องหมายโอเคมาทางนี้
“หวานกันจริงนะยัยขวัญ” เพื่อนขวัญแซวขวัญที่เอาแต่นั่งยิ้ม แต่ผมนี่สิมันใจหวิวๆไงไม่รู้
“พี่ต้นนี่เท่ห์นะขวัญ” เพื่อนขวัญยังแซวไม่เลิก
“นั่นดิเล่นบอลก็เก่งอย่างงี้ติดทีมแหงเลย”
“เหมาะกันดีนะ พี่ต้นเป็นนักฟุตบอล ส่วนขวัญก็เป็นดาวมหาลัย”
ผมฟังพวกเขาคุยกันแล้วมันเหงาอยู่ลึกๆครับ ใช่ครับเขาเหมาะกันจริงๆ ผ่านไปครึ่งชั่วโมงภาพที่ผมไม่อยากเห็นก็เกิดขึ้นเมื่อต้นล้มตัวลงแบบไม่รู้สาเหตุ
“ต้น!!” “พี่ต้น!!” ผมกับขวัญลุกขึ้นแทบจะพร้อมกัน ขวัญหันมามองหน้าผมแล้วผมจะทำหน้ายังไงล่ะครับ ได้แต่นั่งลงช้าๆมองขวัญที่วิ่งลงไปหาต้นที่ตอนนี้มันถูกพยุงออกมาจากสนาม
“บอยพี่ต้นเป็นไรไปอ่ะไปดูกันมั๊ย” เอบอกผมหน้าตาตื่นผมก็อยากไปนะครับ แต่ผมจะไปในฐานะอะไร อีกอย่างผมก็รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นอะไร
“ไม่อ่ะ” ผมลุกขึ้นเดินหนีจากเพื่อนๆ จริงๆผมอยากจะหนีภาพที่ขวัญประคองต้นต่างหาก เห็นแล้วมันสงสารตัวเองครับ นั่นมันภาพของความถูกต้องที่ใครๆยอมรับ ลองหลับตานึกดูสิครับ ถ้าลองเป็นผมที่ไปทำอย่างนั้น มันคงไม่น่าดูเท่าไหร่
ผมหลบเข้าไปทำงานในห้องศิลป์ตามเดิม เสื้อของมันยังวางอยู่ที่เดิมตรงที่ผมนั่งทำแผลให้มัน ซึ่งป่านนี้ผ้าที่ผมพันแผลให้มันคงถูกทิ้งลงถังขยะแล้วล่ะครับ ขวัญคงกำลังดูแลมันอยู่ผมเก็บเสื้อมันลงเป้ผมพร้อมกับที่โทรศัพท์ผมดังขึ้น
“ว่าไงเอ” ผมพูดเมื่อรู้ว่าเอโทรมามันถามว่าผมอยู่ไหนและก็บอกว่าต้นถูกถอดออกจากการคัดเลือกไปแล้ว ผมว่ามันไม่ยุติธรรม ก็คนบาดเจ็บน่าจะเข้าใจกันบ้าง นี่ผมเป็นคนทำให้มันหลุดออกจากการคัดเลือกครั้งนี้งั้นเหรอ ผมรู้สึกไม่สบายใจเลยอ่ะครับจริงๆผมน่าจะสะใจที่เห็นมันเป็นคนแพ้อย่างนี้ แต่ทำไมผมห่วงความรู้สึกมันมาซะงั้น
ต้นกำลังนอนอยู่บนเตียงของห้องพยาบาลโดยมีขวัญนั่งกุมมืออยู่ ผมลอบมองผ่านประตูเข้าไปเสียงเขาสองคนคุยกัน
“พี่ต้นไม่ต้องเสียใจนะค่ะยังไงพี่ต้นก็เก่งในสายตาหลายๆคนอยู่แล้ว ยังไงพี่ต้นไม่ติดทีมฟุตบอลลงเล่นอย่างอื่นก็ได้ขวัญเชื่อว่าพี่ต้นเก่งหลายอย่าง”
“คงไม่แล้วครับ ดีเหมือนกันพี่จะได้มีเวลาให้ขวัญซะที หลังๆเราไม่ค่อยได้คุยกันเลย”
“โธ่ขวัญเข้าใจพี่ต้นเรื่องไม่ค่อยได้เจอกัน ขวัญไม่ซีเรียสหรอก”
“ขวัญนี่น่ารักจัง”
ท่าทางต้นมีความสุขมากเลยล่ะครับ ต่างกันกับผมตอนนี้ที่มันเหมือนจะจุกอยู่ข้างใน มันไม่ได้เสียใจหรือเครียดอย่างที่ผมเข้าใจและห่วงความรู้สึกมันเลย
“เออว่าแต่พี่ต้นไปโดนอะไรมายังไม่บอกขวัญเลย”
“อ๋อพี่เล่นกับเพื่อนแรงไปหน่อยก็เลยพลาด”
“เพื่อนไหนคะบอยป่าว” ผมสะดุ้งเลยล่ะครับแล้วต้นมันก็ตอบออกมา
“ทำไมขวัญคิดว่าเป็นบอยล่ะครับ”
“ก็เห็นเดินมาด้วยกัน”
“บังเอิญเจอกันโดยบังเอิญอ่ะครับ ส่วนแผลนี่พี่เล่นกับเพื่อนที่คณะ”
“แล้วทำไมพี่ต้นยังลงเล่นบอลอีกล่ะ”
“ก็ขวัญมารอเชียร์พี่ พี่ก็ต้องเล่นสิครับ”
ไม่ไหวแล้วล่ะครับ ผมจะทนฟังทำไมมันไม่ได้เสียใจอย่างที่ผมเข้าใจ ผมก็ไม่จำเป็นที่จะมาเจอมันเพื่อขอโทษมัน ปล่อยให้เขาดูแลกันไปเถอะครับ ผมก็คงจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับมันอีกกลับไปยุ่งกับงานที่คณะผมดีกว่า จะได้ไม่ต้องมาฟุ้งซ่าน
อากาศเริ่มเย็น นี่ผมนั่งทำงานจนเย็นเลยเหรอครับนี่ ผมมองออกไปนอกห้องเห็นมันเริ่มมืดจริงๆ นิวกับเอมันชวนผมกลับบ้านตั้งนานแล้วล่ะแต่ผมยังอยากที่จะทำงานต่อ ก็เลยให้พวกมันกลับกันไปก่อนผมเองก็คงต้องกลับบ้างเหมือนกัน
ผมเก็บอุปกรณ์อย่างลวกๆยัดลงใส่เป้ ผมเหลือบเห็นเสื้อของต้นที่อยู่ในเป้ผมมันทำให้ผมใจหวิวขึ้นมาอีกแล้วครับ ผมหลับตานิ่งชั่วขณะหนึ่ง ผมต้องไม่คิดถึงมันสิ