ตอนที่ 27 ความสมหวัง 30 %
เย้ สอบเสร็จแล้วครับ ปิดเทอมได้สามวันแล้ว แต่สอบเสร็จงานยังไม่เสร็จ เหลือเขียนรูปชิ้นสุดท้ายส่ง กำหนดส่งหลังสอบ เพราะฉะนั้นผมก็ต้องไปมหาลัยอยู่ดี
ต้องเข้าใจนะครับว่างานศิลปะบางทีไม่มีอารมณ์ นั่งจ้องผ้าใบทั้งวันก็วาดไม่ได้ซักเส้น แต่บางวันนั่งไม่ถึงชั่วโมงก็วาดเสร็จ
อาจารย์ท่านเข้าใจครับ ก็เรามันพวกเดียวกัน ไม่เข้าใจกันแล้วใครจะเข้าใจเราล่ะครับ เหมือนจะดูดีใช่มั้ย แต่ความจริงที่ต้องส่งงานหลังสอบเพราะพวกผมขอร้องอาจารย์ต่างหากครับ มันทำไมทัน กร๊ากกกกกกก
ส่วนเรื่องไอ้เต้ย มันแรงสมกับที่มันบอกไว้เลยครับ คือโดยพื้นฐานไอ้เต้ยมันก็เป็นคนแรงอยู่แล้ว มันบอกว่าอย่าให้มันต้องแสดงอิทธิฤทธิ์เพราะต่อจากนี้ไปมันจะคิดทบต้นทบดอกสิ่งที่มันเก็บกดไว้มาสามปี เหอๆ ผมละห่วงไอ้คิวจริงๆ
แล้วแฟนกำมะลออย่างไอ้เชนก็ดี๊ดี ขับรถมารับมาส่ง มารับไปกินข้าวบ้าง ทำทีเป็นมาเฝ้าบ้าง ทำเหมือนเวลามันจีบสาวนั่นแหละครับ ไม่ต้องสอนอะไรให้ยุ่งยากเพราะจระเข้มันว่ายน้ำเก่งอยู่แล้ว
“พีมๆ ไอ้เชนกับไอ้เต้ยมันแปลกๆรึเปล่าวะ” ไอ้คิวเอาพู่กันที่ยังไม่จุ่มสีสะกิดผมให้ดูไอ้เชนกับไอ้เต้ยที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่โต๊ะข้างๆ ไอ้เต้ยมาปั้นงานของมัน ได้ยินว่าจะเลือกเรียนประติมากรรม
“อ้าว นี่มึงไปอยู่ไหนมา ไม่รู้เหรอมันสองคนคบกัน”
“ห๊า!!! คบกัน? ไอ้เชนเนี่ยนะ กูไม่เชื่อ” ไอ้คิวอ้าปากเหวอมองไอ้เชนกับไอ้เต้ยไม่วางตา ไอ้เชนมันคงได้ยิน รีบกระเถิบเข้าไปนั่งชิดไอ้เต้ย และมีโอบเอวด้วยเว้ย ห่าเต้ยแม่งสะดุ้งเหมือนจะขยับหนี ดีที่มันยั้งตัวทันแล้วรีบป้อนขนมใส่ปากไอ้เชน เชี่ยเอ๊ย ตุ๊กตาทอง ออสก้า
“ไง เชื่อรึยังกอดกันซะขนาดนั้น มึงไม่ไปแสดงความยินดีกับพวกมันล่ะ” บ่าวช่างยุอย่างผมก็ทำตามบทที่ไอ้ปันมันให้มาครับ
“ไอ้เชนเนี่ยนะ แล้วกับไอ้เต้ยเนี่ยนะ” ไอ้คิวยังคงงงวยต่อไป
“เออสิวะ มึงตกใจอะไร ไอ้แทนยังคบไอ้ฟ่าง กูกับภูมิก็เป็นแฟนกัน แล้วทำไมไอ้เชนกับไอ้เต้ยจะคบกันไม่ได้”
“ไม่ใช่ไม่ได้ แต่มันไปสปาร์คกันตอนไหนวะ อย่างมึงกับไอ้ภูมิกูพอดูออก แต่ไอ้เต้ย…ทำไมกูไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย” ผมไม่ได้คิดไปเองนะว่า ไอ้คิวทำหน้าเหมือนขัดใจ
“ก็มึงไม่ได้สนใจมัน มึงจะรู้ได้ไง”
“ใครบอกไม่สนใจ”
“ห๊ะ” ผมสะบัดหน้ามองไอ้คิวสองที โอ้ว จอร์จมันยอดมาก ไอ้คิวสะดุ้งเมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา มันดึงสายตากลับมาจากไอ้เชนไอ้เต้ย
“เอ่อ ก็มันเป็นน้องรหัสกู กูก็ต้องสนใจห่วงมันเป็นธรรมดาไง” รอยยิ้มของผมตอนนี้อาจจะดูร้ายในสายตาไอ้คิวก็ได้ มึงมีพิรุธแล้วคิว เต้ยเอ๊ยมีหวังแล้วไอ้น้อง
“มึงจะห่วงทำไม ไอ้เชนไม่ใช่คนอื่น ก็เพื่อนเรา”
“ก็เพราะมันเป็นเพื่อนกูไง สันดานมันเป็นยังไงกูรู้ดี”
“ก็สันดานเดียวกับมึงนี่หว่า ฮ่าๆ”
“เออ สันดานเก่า ผัวมึงด้วย ระวังไว้เถอะ”
“สัด วาดของมึงไปเลยนะ เหี้ยแม่ง” ฮ่วย กูอยากพ่นไฟ ทำไมทุกคนต้องยอกย้อนผมด้วย ทำไมต้องใช้วาจาทำร้ายผู้ชายแสนดีอย่างผม น้องพีมว่ามันไม่ใช่ อะฮึ๋ย พีมรับบ่ได๋ พอแระๆ ชักจะฮาเกินไปแล้วชีวิตกู
ไอ้คิวผสมสีไปก็หันไปมองไอ้เชนกับไอ้เต้ย มันเอาพู่กันแต้มรูปบนผ้าใบได้สองสามครั้งก็หันไปมองคู่รักจำเป็น เรียกว่าไม่เป็นอันทำการทำงานเลยครับ สมาธิไม่เหลือแล้ว แล้วแม่งก็กระแทกพู่กันลงกับจานสี เดินดุ่มๆเข้าไปหาไอ้สองตัวที่กำลังสร้างโลกส่วนตัวแบบปลอมๆ
“เฮ้ย มึงสองคนเป็นแฟนกันเหรอวะ” ไอ้คิวยืนค้ำหัวไอ้สองคนนั้น ไอ้เชนก็รีบยกแขนขึ้นมาโอบไหล่ไอ้เต้ย เหมือนจะประกาศว่า เด็กกู something like that แปลว่า บางอย่างชอบไอ้นั่น กร๊ากกก ไม่ใช่เว้ย แปลว่า อะไรประมานนั้น ใครว่าพีระณัฐโง่อิ้ง ไม่จริงครับ วงเล็บเปิดอย่าเอาไปเปรียบเทียบกับไอ้พระเอกวงเล็บปิด(มึงใส่วงเล็บเลยจะง่ายกว่ามั้ยวะ)
“ใช่ เต้ยเป็นแฟนเฮีย เอ่อพี่เชน” ไหมล่ะ ไหมล๊า เจ้าบทบาทมั้ยละน้องผม ในเมื่อคำว่าพี่ไอ้เต้ยเอาไว้เรียกเชี่ยคิวคนเดียว เพื่อให้พิเศษกว่าคนอื่น เลยให้ไอ้เต้ยเรียกไอ้เชนว่าพี่และให้ไอ้เชนแทนตัวว่าพี่เหมือนกัน เพื่อลดความสำคัญของไอ้คิวลง ให้ไอ้คิวรู้สึกว่าถูกแย่งความสำคัญแม้ว่ามันอาจจะไม่รู้ตัวก็ตาม แล้วผมจะช้าอยู่ใยเล่า รีบเสนอหน้าเข้าไปหาพวกมันสิครับ มาๆตามมา
“เออ กูลืมบอกมึงว่ะคิว ก็อย่างที่น้องเต้ยบอก กูกับมันคบกัน” รางวัลสุพรรณหงส์สาขาดารานำชาย ปีหน้าขอเสนอชื่อไอ้เชนกับไอ้เต้ยครับ
“มึงแค่อยากลองรึเปล่าเชน” ผมกับไอ้เชนแอบเหล่มองตากัน ไอ้เต้ยนี่ลอบอมยิ้มเลวไปแล้ว คิวเอ๊ย ชะรอยว่าคำสาปของไอ้กรีนจะเป็นผล มึงคงอยากได้เมียเป็นผู้ชายแบบไม่รู้ตัวแล้ววะเพื่อนรัก หึหึ
“กูก็ไม่รู้ว่ะ แต่เต้ยมันใช่สำหรับกู” ป๊าดโธ่ สมแล้วที่มึงเป็นมือวางอันดับหนึ่งเรื่องฟันหญิงไอ้เชน เพราะคารมแบบนี้นี่เอง
“มึงจะไม่ทำให้มันเสียใจ จนเสียพี่เสียน้องใช่มั้ย” มันถามไอ้เชน แต่เหลือบตามองหน้าไอ้เต้ย
“ไม่หรอกคิว เพราะถ้าเต้ยจะเสียใจ คงไม่ใช่เพราะกู” เหมือนมีกระแสไฟพาดผ่านสายตาไอ้เชนกับไอ้คิว คิวมันคงไม่ได้หึงไอ้เต้ยหรอกผมว่า มันคงเป็นอารมณ์น้อยใจที่ไม่มีใครบอกมันมากกว่าเพราะไอ้เชนก็เพื่อนสนิทไอ้เต้ยก็น้องรหัส แต่ถ้ามันหึง หึหึ อันนี้ก็คงเหนือความคาดหมายของพวกผม
“ก็ดี งั้นกูก็ยินดีด้วย”
“ขอบใจเพื่อน เต้ยคะ เฮีย เอ่อ พี่เชนว่าเรากลับบ้านกันดีกว่า เดี๋ยววันนี้พี่จะพาไปทานอาหารอิทาลี่อร่อยๆ” เชี่ยเอ๊ย สำเนียงภาษาอังกฤษของมึงเสียดแทงหูกูมากไอ้หมอ เชนมันพูดคะกับสาวๆของมัน แต่สงสัยมันจะลืมมั้งว่าไอ้เต้ยเป็นผู้ชาย
“ครับพี่เชน งั้นรอเต้ยเก็บของแปปนึงนะ”
“คะ ถ้าเป็นเต้ย นานแค่ไหนพี่ก็รอได้” ผมกับไอ้เต้ยแอบเบะปาก เบือนหน้าหนีไปโก่งคออ้วก ไอ้เชนตอนแรกแม่งก็โวยวายไม่อยากทำนะ แต่ตอนนี้สงสัยมันจะสนุกมั้งที่ได้แกล้งไอ้คิว ก็ดูสิ ยืนนิ่งหน้าจ๋อยอยู่นู่น
“เฮ้ยคิว มาทำงานของเราต่อดีกว่าว่ะ อยู่ตรงนี้ก็เป็น กขค คนรักเขาเปล่าๆ”
“เออ!!” ไอ้คิวฟึดฟัดเดินกลับไปลงสีรูปต่อ ผมกับไอ้เชนหันมาแท็กมือกัน ส่วนไอ้เต้ย ยืนเป็นโรคบิดอยู่ข้างๆนี่แหละ ไม่ว่าไอ้คิวจะมีอาการแบบนี้เพราะอะไร แต่ก็ถือเป็นนิมิตหมายอันดี ดีเกินคาดซะด้วย มึงได้เสียเป็นเมียผัวกับไอ้เต้ยเมื่อไร กูขอสาบานต่อบัตรเหลืองที่กูพกแทนบัตรประชาชน ว่าจะไม่ให้หมาในปากกูว่างงานเลยคิว ฮ่าๆๆ
ด้วยเหตุนี้สองสามวันมานี่ พวกผมก็เริ่มชินตากับภาพคุณหมอเชนรูปหล่อกับน้องเต้ยควงกันไปในทุกที่ที่มีไอ้คิว ฮ่าๆ แต่ก็แปลกอยู่อย่างนะครับ ไอ้คิวมันชอบแซวไอ้แทนกับฟ่าง บางครั้งก็กวนตีนผมกับภูมิ แต่เชื่อมั้ยว่ามันไม่แซวไอ้เชนกับไอ้เต้ยเลย น่าคิดนะเนี่ย แหล่ว แหล่ว แหล่ว แล้วว ชักยังไงๆแล้วโว้ย
คืนนี้ไอ้คิวมันบอกจะมาค้างกับผมที่บ้านเพราะต้องเร่งทำงานให้เสร็จ ก็กำหนดส่งคือมะรืนนี้แล้วครับก่อนไปค่าย มันบอกจะเข้ามาตอนดึกๆเพราะพาเด็กไปช้อปปิ้งก่อน
ผมเลยกะว่าจะไปง้อภูมิที่ห้องมันซะหน่อย เรื่องค่ายนั่นแหละครับ มันดื้อจะไปด้วย ถ้าไม่ให้มันไป มันก็จะไม่ให้ผมไปเหมือนกัน ไม่งั้นมันก็จะเอาระเบิดไปวางรีสอร์ทที่พวกผมจะไปพัก กูปวดตับกับมึงมากไอ้ภูมิ
แต่ผมก็ไปหาภูมิไม่ได้เพราะไอ้ปันมันนัดไอ้เต้ยมานั่งชิลล์ดริ้งกาแฟที่ร้านผมเพื่อสอบถามความคืบหน้าเรื่องไอ้คิว
“เห็นมั้ย ไอ้คิวมันต้องชอบมึงแน่นอนเต้ย ไม่งั้นมันไม่มีอาการแบบนี้หรอก กูเป็นเพื่อนมันกูรู้ดี” ไอ้ปันว่า ก่อนจะคายก้อนน้ำแข็งที่มันอมไว้ลงในแก้วเดิม ยี๊ นี่มึงเป็นทายาทนักการเมืองจริงหรือเปล่าวะ
“กูว่าถ้ามึงบอกไอ้คิวไปตั้งแต่แรก อาจจะได้คบกันไปแล้วก็ได้” ผมก็รีบให้กำลังใจไอ้เต้ยต่อ
“จะบอกเมื่อวานหรือวันนี้ไอ้คิวก็ต้องเป็นของมึง เชื่อกูเต้ย”
“ไม่รักไม่เป็นไรหรอกเฮีย ขอแค่อย่าไปจากเต้ยอีกก็พอ”
“เอาน่า อย่าเพิ่งกลัวไปก่อนสิวะ มีป๋าปันอยู่ทั้งคน ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะน้อง” ผมกับไอ้ปันหัวเราะร่า ไอ้เต้ยก็พลอยยิ้มไปด้วย
“ใช่ เต้ยต้องทำได้ พี่ดินสอต้องกลับมาหาน้องนมปั่นคนนี้ ใช่มั้ยเฮีย”
เพล้ง!!!!!!!
พวกผมหันไปมองทางต้นเสียง แก้วใบหนึ่งที่เคยสวยตอนนี้มันแตกละเอียด เศษแก้วกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น
“พ..พี่คิว”
……………………..
เอาไป 30 % ก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวจิรีบมาต่อให้เน้อ ไปปั่นสปีดก่อน รีบมาลงเพื่อรักษาคอนเซปวันเว้นวัน ฮ่าๆๆๆ
ปล กทม หนาวมาก