สองสามวันมานี้ทั้งเพื่อนทั้งน้องดูแลผมดีเป็นอย่างดีทุกคนโทรมาคุยไม่ก็ทักทายในโลกออนไลน์เฟส บีบี ทวิต ไลน์แต่ไร้วี่แววของ…….
การทะเลาะกันระหว่างผมกับมันถือเป็นเรื่องปกติแต่ทะเลาะแล้วไอ้แทนเงียบหายไปนานๆแบบนี้มีไม่บ่อยนักมันจะเป็นแบบนี้ก็ต่อเมื่อมันรู้สึกว่ามันไม่ได้ทำอะไรผิดเพราะทุกครั้งไม่ว่าผมจะผิดหรือถูกผมก็ต้องเป็นฝ่ายถูกเสมอ ถ้าผมทำอะไรให้ไอ้แทนมันงอนเดี๋ยวมันก็ง้อเอง ใช่มันงอนเองแล้วก็ง้อเอง ผมก็เคยคิดว่ามันจะอดทนได้ถึงเมื่อไรผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ทำไมถึงงี่เง่ากับมันแค่คนเดียว
ผมอยากให้มันยอมอยากให้มันง้ออยากให้มันสนใจ แล้วครั้งนี้ล่ะผมผิดเหรอที่อยากจะทำงานให้เสร็จแค่ออกมาค้างห้องเพื่อนร่วมคณะผมผิดเหรอมันถึงได้เงียบไป ผมไม่ดีผมเอาแต่ใจใช่ไหมมันถึงไม่มาหา
ภูมิกับไอ้พีมเองก็คงพอจะรู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องมาอยู่กับพวกมัน เพราะมีไม่กี่เรื่องหรอกที่จะทำให้คนอย่างผมต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ สภาพที่นิ่งสงบแต่ก็พร้อมจะอาละวาดได้ทุกเมื่อ ยิ่งเวลาเห็นน้องชายตัวเองระริกระรี้กับแฟนขาสั้นของมัน
จะนอนก็ต้องกอดจะแปรงฟันก็บีบยาสีฟันไว้ให้ข้าวเช้าก็ทำให้แดก ไอ้พีมก็เตรียมเสื้อผ้าหาช้อปให้ภูมิ บางทีก็ไปช่วยสระผมไม่รู้แม่งสระกันท่าไหนเล่นหายเข้าไปเป็นชั่วโมง เหอะ อารมณ์ไม่ดีโว้ยกูอยากจะหักคอใครซักคน
ผมถอนหายใจแรงๆก่อนจะเดินนำมันสองตัวเข้ามาในลิฟต์ปล่อยให้ภูมิกับไอ้พีมหิ้วของกันพะรุงพะรังตามหลังมา ไอ้พีมหันมามองหน้าผมที่ยืนพิงพนังลิฟต์มันมองแบบรังเกียจและเหมือนจะส่งคำว่าเลวมาฟาดกบาลผมผ่านทางสายตาที่ไม่ช่วยมันถือของ หึ ก็ของใช้ในห้องพวกมึงถึงกูไม่มามึงก็ต้องถือกันสองคนอยู่ดี
ส่วนภูมิมันคงชินกับนิสัยผมแล้วมันเลยไม่ได้อะไรแต่ไอ้พีมมันน่าแกล้งเพราะมันแสดงออกว่าไม่ชอบใจ ไอ้ตากลมๆซื่อๆนั่นมันเป็นข้อเสียของพวกโกหกไม่เป็น โลกที่มีแต่สีขาวโลกที่พร้อมจะแบ่งความสุขให้คนที่อยู่ใกล้ๆจนบางครั้งผมก็นึกอิจฉาภูมิ
“มองไรไอ้คนแล้งน้ำใจมึงมันทุเรศว่ะฟ่าง”
“พีมขอจูบทีดิ”“เฮ้ย/เฮ้ย!!!!!!” ผมพูดจบไอ้ภูมิก็พุ่งตัวออกมาบังเมียมันไว้ทันทีส่วนไอ้พีมก็ยืนอ้าปากค้างทำตาลอยๆจิตหลุดไปแล้วมั้ง
“กูไม่อยากต่อยพี่ชายตัวเองนะฟ่าง” ผมขำหึพร้อมกับยักคิ้วไหวไหล่ให้พวกมันก่อนจะเดินออกมาเมื่อประตูลิฟต์เปิด ถ้าขอดีๆไม่ให้มันก็ต้องมีขืนใจบ้างมึงเตรียมตัวไว้เถอะไอ้พีม ผมเริ่มจะอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยเพราะได้ทำให้คนอื่นอารมณ์เสียแต่พอเดินออกมาแล้วเห็นว่าที่หน้าห้องภูมิมีใครบางคนยืนอยู่ผมก็แทบจะเดินกลับ
จากที่อารมณ์ดีๆมันก็ดิ่งวูบลงเหว บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงแต่คนอย่างผมให้ตายดีกว่าให้หนี ผมเดินให้ช้าลงเพื่อให้ไอ้พีมกับภูมิเดินแซงขึ้นมาและไขประตูห้อง แม้ผมจะไม่ได้มองมันตรงๆแต่ความรู้สึกก็บอกได้ว่ามันกำลังมองผมอยู่
“อ้าวแทนจะมาทำไมไม่บอกวะ มึงมานานยังเนี่ยเฮ้ยเข้าห้องๆวันนี้แฟนมึงกับไอ้ภูมิไปเหมาคอนเวิร์สมาเดี๋ยวกูต้มให้แดก”
“หึ มึงแดกคนเดียวเถอะพีม” เสียงของมันในรอบห้าวัน เสียงที่ผมไม่ได้ยินมาห้าวันเต็มๆ “แล้วไปเที่ยวไหนกันมา”
“ก็หลายที่แต่พวกกูไปจบที่สวนจตุจักรฟ่างอยากไปดูของแต่งบ้าน………
“พูดมากว่ะข้าวปั้นหนวกหูรำคาญ” ผมเดินเบียดภูมิอย่างตั้งใจจนไหล่กระแทกกัน มันบ่นอุบและคงจะงอนที่โดนผมทำร้ายแถมยังเรียกชื่อหน่อมแน้มของมันอีก
“เอ่อ…..แทนมึงยืนทำไมวะไม่เมื่อยหรอมานั่งดินั่งๆ” ไอ้พีมเสนอหน้าไปชวนเพื่อนมันมานั่งหลังจากที่ผมนั่งเสร็จ พูดก็พูดเถอะที่ไอ้แทนถ่อมาถึงนี่ในเวลาแบบนี้น่าจะได้รับความช่วยเหลือจากไส้ศึกตัวเตี้ยๆอย่างไอ้พีมนี่แหละ
แต่ไม่ว่าไอ้พีมจะพยายามสร้างบรรยากาศให้ปลอดโปร่งแค่ไหน ผมก็ทำให้ห้องนี้อึดอัดได้ เรื่องกดดันคนกูถนัดนักล่ะผมก็ไม่ได้ทำอะไรมากแค่ทำเหมือนกับว่าเชี่ยนั่นไม่ได้อยู่ในห้อง ผมเปิดทีวี ผมคุยกับภูมิ ผมแกล้งไอ้พีมผมแกะขนมกินโดยไม่เหลือบสายตาไปมองคนที่ยืนค้ำหัวอยู่เลยแม้แต่นิดเดียวได้ยินแต่เสียงไอ้พีมที่ซุบซิบกับภูมิว่าผมจะฆ่ากันตายในห้องมันรึเปล่า
“……………………….”
“……………………….”
“……………………….”
“เอ่ออออ พวกมึงๆพอดีว่ากูลืมซื้อถ่านว่ะเดี๋ยวคนจะหาว่ากูไม่เอาถ่านงั้นกูขอตัวไปซื้อถ่านก่อนนะมึงก็คุยกันไปก่อนแล้วกัน ป่ะภูมิ”
“อะไรของมึงวะเตี้ย”
“เออหน่ามาเหอะ”
“เฮ้ยถ้ามึงสองคนจะฆ่า เอ้ยจะกลับก็ล็อกห้องให้ด้วยนะพวกกูอาจจะไปซื้อถ่านถึงนิวคาสเซิล” แล้วไอ้พีมก็ลากภูมิออกไป เสียงปิดประตูทำให้ผมรู้สึกอึดอัดบ้างนิดหน่อย ย้ำ แค่นิดหน่อย
ผมจ้องทีวีอย่างกับว่ามันน่าสนใจนักหนาผมมองหน้าจอราวกับว่าเข้าใจภาษาอินเดียเพราะมันเป็นช่องของหนังอินเดีย ส้นตีนไรเนี่ยใครกดวะกูอยากจะบีบคอมันจริงๆ ผมกำลังหงุดหงิดก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นไปอีกเมื่อโซฟาข้างๆตัวยุบลงถึงไม่บอกและไม่หันไปดูก็รู้ว่าไอ้แทนย้ายมานั่งใกล้ๆ
“ดูรู้เรื่องเหรอ”
“……………..”
“ฟ่าง”
“……………….”
“คุยกันหน่อยดิกูอุตส่าห์……….”
“ถ้าอุตส่าห์ก็อย่าเสือกมาเพราะกูไม่ต้องการ” เอาตรงๆเลยว่าตอนนี้กูทำตัวไม่ถูกก็ดีใจที่มันมาและกำลังจะง้อแต่อีกอารมณ์ก็โมโห โมโหที่มันหายหัวไปโมโหที่มันทำให้ผมต้องคิดมากแทบจะเป็นบ้า
“ไม่ใช่แบบนั้นนะฟ่าง…..มึงฟังกูก่อนได้ไหม”
“กูไม่อยากเห็นหน้ามึง” ปากกับใจกูไม่เคยจะไปด้วยกันหรอกพอไอ้แทนมันจับมือผมก็ปัดออกทันทีไอ้ความรู้สึกทั้งหลายที่อัดแน่นอยู่ในใจจากหลายวันที่ผ่านมามันพร้อมแล้วที่จะระเบิด ผมจะลุกหนีแต่ลืมไปว่าไอ้แทนไวยิ่งกว่าลิงลมมันคว้าแขนผมไว้ทัน
ผมก็ยิ่งสะบัดมันก็เปลี่ยนเป็นโถมตัวมากอดจนแทบกระดิกไม่ได้แต่คิดเหรอว่าจะยอมมันง่ายๆผมไม่ได้รังเกียจแต่ตอนนี้แค่ไม่อยากให้มันมาโดนตัว ผมดิ้นสุดแรงไอ้แทนก็ยิ่งรัดยิ่งซุกหน้าลงมาผมก็ยิ่งขัดขืน
“ปล่อยกูไอ้เหี้ย”
“คุยกันดีๆได้ไหมข่าวฟ่าง”
“ไม่!!!!ถ้าอยากคุยก็ไปคุยกับหมาหน้าคอนโดเลยสัด” ผมไม่สนว่าไอ้แทนจะเจ็บไหมผมตั้งหน้าตั้งตาทำทุกอย่างเพื่อจะหลุดออกจากกอดของมันผมทั้งข่วนทั้งทุบทั้งตีไอ้แทนก็ไม่ตอบโต้สักแอะไม่แม้แต่จะป้องกันตัวเองด้วยซ้ำ
ผ่านไปซักพักผมเองที่เป็นฝ่ายหยุด หยุดเพราะเหนื่อยหยุดเพราะ “พอแล้ว” ผมได้ระบายความรู้สึกทั้งหมดแล้ว ผมหอบฮักๆโกยเอาอากาศเข้าปอดทั้งทางปากทั้งจมูกการสู้กับไอ้แทนต้องใช้พลังงานอย่างมหาศาล
“กูเกลียดมึง”
“ครับรู้แล้วว่าเกลียด”
“กูเกลียดมึงแทน” ผมจ้องหน้ามันก่อนจะพิงหน้าผากลงบนไหล่ไอ้แทนกอดผมไว้ซะแน่น ผมโมโหร้าย ผมอารมณ์ร้อน ผมชอบเอาชนะแต่กับผู้ชายคนนี้ผมกลับพ่ายแพ้ทุกอย่าง สูญเสียความเป็นตัวเองทุกครั้ง
“พอรึยัง ถ้าพอใจแล้วก็กลับบ้านเรานะ”
“หายหัวไปห้าวันแล้วอยู่ๆโผล่มาจะให้กูกลับบ้านด้วยมันไม่ง่ายไปหน่อยหรอ”
“แล้วจะให้ทำยังไงเอาเทียนพรรษามาแห่รับไหม โอ้ยฟ่าง โอ้ยๆๆๆๆเจ็บๆๆๆฟ่างงงง” ผมกัดไหล่มันจนจมเขี้ยวไอ้แทนทั้งร้องทั้งกอดทั้งผลักผมออกในเวลาเดียวกัน เมื่อเห็นว่าสาแก่ใจผมจึงยอมปล่อยและขยับตัวถอยออกมาแต่ไอ้แทนก็ไม่ปล่อยให้ผมได้ไปไหนไกลมันตามมากอดอีกจนได้ เรื่องมือไวกับหน้าด้านปรึกษามันได้มันเชี่ยวชาญ
“อูยยย แม่งกัดมาได้เจ็บนะเว้ยกูต้องไปฉีดยากันบาดทะยักป่ะเนี่ย”
“มึงเอาอีกข้างไหม”
“หึหึ ล้อเล่นครับ …..มึงหายโกรธกูแล้วใช่ไหมฟ่าง”
“ยัง”
“อ้าว”
“ทำไมมึงอ้าวทำไมหรือมีปัญหา”
“ปละ ปละเปล่าจ๊ะเปล่าไม่มีปัญหาจ๊ะ” มันส่ายหน้าชูมือขึ้นว่ายอมแพ้นั่นเลยทำให้ผมหลุดยิ้มพอเห็นว่าผมยิ้มไอ้แทนเลยยิ้มกว้างตาม “หายโกรธเถอะนะฟ่างแล้วกลับบ้านเรากันไอ้ข้าวผัดหงอยเลยที่แม่มันไม่กลับบ้าน”
“ก็กลับดิใครล่ามโซ่มึงไว้” ผมตบหัวมันไปทีเพราะมันทะลึ่งมาหอมแก้มกูบอกกี่ครั้งว่าอย่าหอมแก้มไอ้เวรผมเพิ่งจะสังเกตเห็นรอยข่วนที่คอไอ้แทนและอีกหลายที่ตามแขน รอยเหล่านี้เกิดจากฝีมือของผมเอง ผมเงยหน้ามองไอ้แทนอีกครั้งมันก็เพียงแค่ยิ้มแล้วขยับเข้ามากอดผมไว้
ทำไมต้องกอดผมก็ไม่รู้ว่ามองมันด้วยสายตาแบบไหน แต่ถ้าเป็นผมหากใครมาทำแบบนี้มาทำให้ผมเจ็บตัวอย่างที่ผมทำกับไอ้แทน มันคนนั้นไม่ได้หายใจอยู่บนโลกนี้อีกแน่แต่ทำไมไอ้แทนถึงทน
“แทนมึงเบื่อกูไหม”
“ถ้าเบื่อจะมาตามง้อแบบนี้เหรอ”
“อย่าเบื่อกูนะ มึงห้ามเบื่อกูเด็ดขาดห้ามเลิกรักกูห้ามมีคนอื่นห้ามทิ้งกูมึงเข้าใจไหม มึงเข้าใจไหมแทน”
“ครับๆเข้าใจแล้วรักขนาดนี้จะทิ้งได้ไง”
ที่กูงี่เง่าเพราะอยากให้มึงสนใจ
มึงทนได้ไหมแทน
ทนเถอะเพราะถ้ากูไม่รัก
กูคงไม่เป็นแบบนี้ .................................
“อือออ ข้าวฟ่างไปไหนมา”
“เยี่ยว โอ้ยยแทนกูหนักมึงนอนดีๆได้ไหมห๊ะ” ตั้งแต่สี่ห้าวันก่อนที่เราทะเลาะกันไอ้แทนก็ทำตัวเหมือนปลิงจากที่เมื่อก่อนมันเหมือนเห็บเหมือนหมัดที่ตามหลอกตามหลอนผมไปซะทุกที่ ไม่ว่าจะตอนนอนหรือตอนตื่นหรือแม้แต่ตอนนี้ที่ผมเพิ่งจะกลับจากห้องน้ำ ทุกๆคืนผมมักจะตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกและทุกครั้งผมก็พยายามลุกพยายามเดินและล้มตัวลงนอนให้เงียบที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของไอ้แทนแต่!!!!
มันก็เลวรู้สึกตัวขึ้นมาหาเศษหาเลยกับร่างกายผมทุกครั้งจะดิ้นก็ไม่หลุดจะพลิกตัวหนีก็ไม่ได้ไม่รู้แม่งกอดหรือผีอำ “แทน..กูอึดอัด” ผมพยายามเบี่ยงตัวออกจากกอดของมันเพราะเริ่มรู้สึกว่าไอ้แทนจะไม่ได้กอดแบบธรรมดา อาการขนลุกจากสัมผัสเย็นชื้นตรงหัวไหล่บอกได้ว่ามันกำลังทำอะไรร่างกายผม
“ฟ่างครับมึงเอาอะไรทาผิวรึเปล่าทำไมมันหอมแปลกๆขมด้วย”
“ฉี่กูมั้ง”
“หึ มึงฉี่พาดมาถึงไหล่เลยหรองั้นก็แสดงว่าเจี๊ยวมึงเฉียงขึ้นเหมือนลูกศรตามป้ายบอกทางใช่ไหม”
“สัส ปล่อยกูจะนอน”
“ฮ่าๆ อ่ะๆๆพี่แทนล้อเล่น นอนนะคะนอนๆๆผัวจะกล่อมเมียเอง” มันดึงผมไปกอดไปฟัดซะจนน่วมกว่าจะได้นอนก็เกือบจะต้องวางมวยกันแต่สุดท้ายผมก็หลับพร้อมกอดอุ่นๆของมันนั่นแหละ
ไอ้เนียนไอ้ปลาหมึกไอ้หน้าด้าน กู เหนื่อย(ใจ)!!!!!
เช้าวันอาทิตย์แบบนี้ผมกับไอ้แทนไม่ค่อยออกไปไหนเพราะผมเสพติดการนอน เรื่องนอนสำคัญสำหรับผมมากเพราะการทำโปรเจคติดต่อกันหลายๆวันทำให้การนอนกลายเป็นของล้ำค่าของผมทุกครั้งถ้ามีโอกาสผมก็ต้องคว้าเอาไว้ให้ได้เยอะที่สุดก่อนที่จะต้องเตรียมตัวกลับไปรับวิถีชีวิตเดิมๆอีกครั้ง
เช้านี้ผมคงได้นอนหลับสบายยันบ่ายถ้าไม่ติดว่ามีพวกมารคอหอยอย่างไอ้เชนโทรมาปลุกให้ไอ้แทนออกไปหาที่โรงพยาบาลแล้วไอ้แทนก็ลากผมออกมาด้วย แม่งถ้ากูไม่ได้จัดการไอ้เชนคืนนี้กูคงนอนไม่หลับผมเลยจัดชุดคอมโบ้ให้มันไป
มีที่ไหนเรียกออกมาเพื่อให้กูไปมานั่งหาวดูหมอกับคนไข้เถียงกันว่าฟันซี่ไหนสมควรถูกถอน เหอะ มึงจะถอนได้ไงแทนในเมื่อฟันมึงปกติดีทุกอย่างกว่าจะได้กลับเข้าบ้านก็เกือบเที่ยงเพราะต้องไปกินข้าวเป็นเพื่อนไอ้เชี่ยเชนอีกพอเมียไม่อยู่กูดูสำคัญขึ้นมาเลยห่า
“ฟ่าง ข้าวฟ่างขึ้นไปนอนบนห้อง”
“อะไรนักหนาวะกูจะนอนตรงนี้!!!!” แค่ลากขากลับมาถึงบ้านก็จะหลับแล้วถ้าให้เดินขึ้นห้องกูคงตกบันไดคอหักตายก่อนพอดี ผมไม่ฟังเสียงบ่นของไอ้แทนแล้วล้มตัวลงนอนที่โซฟาห้องนั่งเล่น วันนี้ผมต้องนอนให้ได้ยี่สิบชั่วโมงเพื่อชดเชยเวลาที่เสียไป
แต่ผมก็ทำไมได้อย่างที่คิดเมื่อต้องงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกจั๊กจี้ฝ่าเท้าพอลืมตาและตั้งสติให้ดีๆก็เห็นว่าไอ้แทนกำลังนวดเท้าให้ผมอยู่
ยอมรับว่าผมตกใจมาก
“อ้าว ตื่นแล้วหรอเพิ่งจะสี่โมงเองนอนต่อสิ” มันเอาเท้าผมวางไว้บนตักและบีบๆนวดๆให้ “เห็นมึงดูเพลียๆกูเลยอยากนวดให้เผื่อมึงจะสบายตัวขึ้นหรือกูทำให้มึงตื่น” ผมพูดอะไรไม่ออกได้แต่ส่ายหน้าไอ้แทนมันยิ้มให้ก่อนจะเดินหายไป
“นั่งรอแปบนึงนะ เดี๋ยวมา” มันหายเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะกลับออกมาพร้อมกะละมังใบเล็กกับผ้าขนหนูขนาดกลางๆอีกสองสามผืน ผมลุกขึ้นนั่งเมื่อมันมาวางกะละมังและนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าผมก่อนจะรวบเอาเท้าผมลงไปแช่ในน้ำอุ่นๆที่มีกลิ่นหอมๆเหมือนดอกอะไรซักอย่าง
“สัปดาห์ที่แล้วกูพาม๊าไปสปาแล้วได้นวดเท้ามันผ่อนคลายดีเลยจำเอามาทำให้มึงพี่เขาบอกว่าเท้าเป็นจุดรวมเส้นประสาททุกอย่างถ้ารักษาสุขภาพเท้าดีสุขภาพเราก็จะดี…..เป็นไงฝีมือการนวดของพี่แทน”
“หึ ใครพี่ใครน้องหัดเจียมซะบ้างแทน”
“ก็แค่ปีเดียวละว๊า อีกอย่างกูลืมไปแล้วว่ามึงเกิดก่อน…..จะว่าไปกูเพิ่งเคยสังเกตว่าเท้ามึงโคตรขาวเลยฟ่างขาวจนจะเป็นสีชมพูเลยว่ะเมียพี่ผิวดีทั้งร่างกระจ่างใสกว่านางเอกโฆษณานีเวียกับซิสต้ารวมกันซะอีก”
“หึ”
“เป็นไงรู้สึกดีไหม” ไอ้แทนเงยหน้าถามแต่ผมก็ยังทำได้แค่พยักหน้าและก้มดูมันที่นวดเท้าให้ไอ้แทนดูตั้งอกตั้งใจมากทั้งที่สิ่งที่มันกำลังจับคือเท้า ส่วนที่ต่ำสุดของร่างกายแต่มันก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจเลยซักนิดเป็นผมซะอีกที่ทำอะไรไม่ค่อยถูก
“อ่ะ เสร็จแล้วแช่น้ำนานเดี๋ยวตีนเหี่ยว” มันวางผ้าขนหนูสีครีมไว้ข้างๆกะละมังเพื่อซับน้ำให้ผม
“เอาล่ะนอนเหมือนเมื่อกี้” เหมือนโดนสะกดจิตยังไงไม่รู้มันบอกให้นอนผมก็นอน ไอ้แทนนั่งตรงปลายเท้าผมและยกเท้าผมขึ้นไปวางบนตักก่อนจะใช้ผ้าขนหนูค่อยๆซับน้ำให้แล้วเอาครีมหรือโลชั่นอะไรไม่รู้มาทา “กูเข้าใจนะฟ่างว่าคณะมึงงานเยอะแต่ทำไมต้องอดนอนอดข้าวกันขนาดนั้น มึงพักกินข้าวบ้างก็ได้มันคงไม่เสียเวลามากหรอก มึงอาจจะรำคาญหาว่ากูขี้บ่น”
“เออ” ผมแกล้งเอาเท้าเขี่ยท้องไอ้แทนมันเลยแกล้งหักนิ้วเท้าผมกลับ กูเจ็บไอ้ห่า
“ก็บ่นเพราะห่วง ถ้ามึงเป็นอะไรมามันไม่คุ้ม มึงป่วยยากแต่เป็นทีก็หนักและกูก็ไม่ชอบเห็นมึงป่วยมึงดูแลตัวเองเพื่อกูได้ไหมข้าวฟ่าง……” พอเห็นว่าผมไม่ตอบมันก็ยื้อเอารีโมททีวีเปิดดูบอลมันนวดเท้าให้ผมไปส่วนปากมันก็โม้เรื่องบอลบ้างบ่นผมบ้าง แต่ผมไม่ได้จับใจความหรอกว่ามันพล่ามอะไร
เพราะตอนนี้ความรู้สึกดีๆมันตีรวนส่งผลให้ผมเอาแต่มองไอ้แทนมองเพลินไม่ได้ฟังว่ามันพร่ำอะไร มันพูดไปถึงไหนและไม่รู้ด้วยว่าผมลุกขึ้นมาคว้าคอมันมาจูบตั้งแต่ตอนไหน ไอ้แทนงงๆแค่ตอนแรกแต่หลังจากนั้น หึ ….ก็ที่โซฟานั่นแหละ
“แม่งดีว่ะนวดเสร็จได้นาบด้วย” ไอ้แทนทำหน้าระรื่นจนน่าหมั่นไส้น่าบีบคอมันให้ตายๆไปซะ
“ถ้ามึงยังพูดมากมึงจะได้อาบเลือดไอ้เวร!!!”
ถ้าตัดความมือไวความเสี่ยวและความหน้าด้านออกไปได้ไอ้แทนจะดูดีในสายตาผมมากกว่านี้
……………………………
T^T -_- ^^
มันยังไม่สุด
