ตอนที่
18ตอนที่ท่านเซอซัสกับผมแยกกัน เมยาก็กรูเข้ามาพร้อมถาดถั่วอบ และ ผลไม้ เมยาบอกให้เดินเวียนเสริฟแขกรอบๆ พอของในถาดเริ่มร่อยหรอ ผมก็วิ่งไปหาท่านบาลิธ ตอนนั้นก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น พอมองไปที่ลาน บากีสกับบากอส และเด็กอีกสามคน ออกมาร่ายรำดาบ กระโดด ทำท่าไปตามจังหวะกลอง
“เหนื่อยรึยัง เจ้าไปพักได้แล้วมั๊ง นากัล…กลับไปรอข้าที่เต้นท์เถอะ หยิบเนื้อวัวไปกินด้วยสิ ปะ!”
ท่านบาลิธจับใหล่ผมและกล่าว ผมพยักหน้า ก่อนจะวางถาดบนโต๊ะ เอลลี่ยังอยู่ในอ้อมอกท่านดันชิ ผมเดินออกมาคนเดียว เพื่อกลับไปที่เตนท์ ตามไม้ปักจุดไฟเรียงรายข้างหน้า เสียงดนตรีเบาลง…
บริเวณเต้นท์แทบไม่มีใครเลย ทุกคนไปอยู่ที่ลานกันหมด แต่มีทหารนั่งเฝ้ายามอยู่สี่ห้านาย ตอนที่ผมกำลังจะเปิดผ้าม่านเต้นท์ท่านบาลิธนั่นเอง ก็มีเสียงม้าควบมาจอด
ท่านเซอซัสกระโดดลงมา ยิ้มให้ก่อนจะผูกม้ากับเสา
แต่นายทหารบัทเธอลินเดินตามมาข้างหลังฮะ ผมคิดว่าเราไม่ควรคุยกันให้คนอื่นเห็น เลยก้มงุดเข้าเต้นท์ไป
“กลุ่มหนึ่งออกไปลาดตระเวณรอบๆรึยังวะ? บัท”
เสียงยักษ์เซอซัสจากข้างนอก
“เพิ่งกลับมาเมื่อกี้ ไม่มีอะไรนะ แต่ได้ยินเสียงหมาป่าหอนไกลๆ คงไม่กล้าเข้ามาหรอก”
“เออ อย่าให้เป็นเหมือนสี่ปีก่อนแล้วกันว่ะ แม่ง สนมวิ่งแก้ผ้ารอบทุ่ง..ฮ่าๆๆๆ”
“โห แบบนั้นก็ดีเด่ะ…ลองล่อหมูป่ามาวิ่งพล่านแถวเนี้ยดีปะวะ คุ้มนะเว้ย เซอซัส”
ผมหัวเราะคึ่ด พวกทหารคุยกันสนุกจัง ไม่เหมือนคนอื่นในวังเลย ต้องใช้คำหรูๆ ผมชินกับคำหยาบมากกว่าเยอะ เพราะพวกลูกค้าและมาดามพูดทุกวัน
ผมแอบอยากมองท่านเซอซัสจังเลย ตรงผนังเต้นท์มีหน้าต่างระบายอากาศเป็นตาข่ายอยู่ข้างๆ ผมเดินไปเขย่งดูตรงนั้น
นายทหารบัทเดินออกไปแล้ว ม้าสีดำร้องฮี่ แล้วดุนก้นท่านเซอซัส ท่านตบหัวม้า ก่อนจะเข้าไปในเต้นท์ขนาดเล็กข้างๆ
…อืม ..ท่านอยู่เต้นท์ข้างๆนี่เอง
=====================
ผมตื่นมาตอนสาย งุนงงมากว่าทำใมถึงอยู่คนเดียวบนเตียง เมื่อคืนกว่าท่านบาลิธจะกลับมาก็ดึกมาเลยแหละ ผมผล็อยหลับไปเลย แต่รู้สึกตัวนิดๆว่า ท่านขึ้นมาหอมผม แล้วก็จับก้น แต่ผมง่วงมากเลยไม่ได้หอมกลับ ไม่รู้ว่าท่านจะว่าอะไรรึเปล่า ที่ผมไม่ได้ตื่นมาทำแบบนั้นกับท่าน
แต่ไหง ผมถึงตื่นมาตอนสายยังงี้ล่ะ?
แสงแดดจ้าส่องเต็มหน้าเลยอ่า ทำใมเมยาไม่ปลุกผมนะ
ผมกำลังจะลุกจากเตียง แต่เมยาก็โผล่เข้ามา แต่งตัวเต็มยศแล้ว
“อ้ะ หนูตื่นพอดีเลย นากัล! ฝ่าบาททรงรับสั่งให้เจ้านอนให้เต็มอิ่ม แต่งานสิงโตจะเริ่มแล้วนะจ้ะ พระองค์อยากให้เจ้าได้เห็น มารีบแปรงฟัน แล้วตามข้ามาเลย”
ผมทำธุระในเวลาอันรวดเร็ว แต่ตามเมยาออกมา บริเวณเต้นท์เงียบร้าง ทุกคนไปงานล่าสิงโตหมดแล้วหรอ? ท่านบาลิธใจดีจัง ให้ผมนอนหลับเต็มอิ่มด้วย ผมจะกอดท่านแน่นๆเลย เมยาพาผมเดินมาไกลเหมือนกัน ผมเห็นว่า มีถนนถูกถางหญ้าใหม่ ไปสู่ใจกลางกลุ่มคนที่ ยืนมุงอยู่อีฝากของทุ่ง ใกล้ตีนเขาทึบ
แล้วเราก็มาถึง เสียงคนพูดคุยกันแสนดัง ผมอยากเอามืออุดหูจังเลย แล้วเมยาก็ลากผมเบียดเสียดกับคน จนทำให้ผมเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
คนถูกแบ่งเป็นสองฝาก กั้นพื้นที่ ด้วยรั้วไม้แหลมเฟี้ยว
เว้นพื้นโล่งๆตรงกลางไว้ มีม้าอยู่หลายตัว ฝ่าบาทเนบูนิดัส นั่งอยู่บนขื่อยกสูงด้านหลัง หน้าตาท่านยิ้มแย้ม ผมเห็นว่ารอบๆ คือเจ้าชายทั้งสี่พระองค์ ผมเห็นท่านเซอซัสและกลุ่มทหาร คอยคุมม้า
กษัตริย์ประกาศ “ใกล้จะสิ้นปีแล้ว…ข้ายินดีเป็นอย่างมาก ที่วาระแห่งพิธีอันสืบทอดมาช้านาน ได้มาถึงเสียที…ข้าขออวยพรลูกๆของข้า ให้ได้รับชัยชนะ ปราบสิงโตแห่งแอซซีเรียได้อย่างราบคาบ สมกับเป็นโอรสเพชรแห่งแคว้นบาบิโลเนีย”
เจ้าชายทั้งห้าลุกขึ้นมา พร้อมกับผู้เป็นบิดา เนบูนิดัสตบใหล่ เนนันตาร์ และหันมาจับใบหน้าท่านบาลิธ ผมแอบเห็นท่านเนนันตาร์หัวเราะเหอะ ก่อนที่เจ้าชายทั้งสี่เดินลงมาจากขื่อ
พวกเขาลงมา เข้าประจำม้าทั้งห้าตัว เสียงคนโฟ่ร้องสรรเสริญ
ผมพยายามดันขุนนางอ้วนข้างๆออกไป ก้มเขาเบียดหน้าผมอะ แหวะ! ท่านเซอซัส…กำลังยื่นหอกให้ท่านบาลิธ ซึ่งทรงม้าแล้ว เขาคำนับ ก่อนจะชักดาบออกมาชู มีเสียงกลองดังตึง และ ม้าทั้งห้าพุ่งทยานออกไป
ผมยืนค้าง ด้วยความตื่นเต้น มองตามหลังม้าที่วิ่งเข้าทุ่งด้านข้าง พวกท่านเซอซัส และ ทหารสามสี่นาย วิ่งตามไปด้วย แล้วยังงี้ สิงโตจะไม่ออกมากินคนหรอ? หรือว่า พวกเจ้าชายต้องไปล่าไกลๆ แล้วคนดูอย่างผมจะเห็นอะไรล่ะ โธ่…. ผมจ๋อย งั้นหาเจ้าเอลลี่กับแฝดดีกว่า ไปนั่งคุยกับเจ้าพวกนั้น ระหว่างรอท่านบาลิธกลับมา
ผมผละจากตูดขุนนางอ้วน ลงไปคลานที่พื้น รอดใต้ขาผู้คน มีเสียงหัวเราะชี้ให้ดูผมด้วย ไม่เห็นตลกเลย พวกขุนนางอ้วนกันชะมัด ไม่อยากอยู่ใกล้หรอก… ผมคลานเรียบ กลุ่มคนไป อยากจะชะเง้อดูทุ่งชัดๆจังเลย
อ้ะ!! ทันใดนั่นก็มีเสียงโลห์ดังขึ้น ผมรีบลุกขึ้นมา เขย่งสุดตัว
“เฮ!!!เฮ!!! ” เสียงคนดูเหมือนฝูงผึ้งเกิดอะไรขึ้นน่ะ??!!
พวกทหารวิ่งมาล้อมรั้วไม้แหลม ถือดาบและโล่ห์ อะไรอะ!? สิงโตมาแล้วหรอ!!?
ผมได้ยินเสียงม้าร้องฮี่ๆๆด้วยความกลัว ผมกระแทกสุดแรงไปที่คนตรงหน้า โผล่หัวได้ในที่สุด
“กรรรรร!!!! ”
ท่านเนนันตาร์ขี่ม้า ตามมาด้วยท่านบาลิธ และสิงโตตัวใหญ่หนึ่งตัววิ่งตามมาก กำลังคำรามและดิ้นพล่าน หอกของท่านบาลิธฝังอยู่ในหนังคอมัน
ท่านเนนันตาร์ กระโจนม้าเข้าใส่ ฝังหอกทะลุศรีษะสิงโตทันที !
ฝ่าบาทเนบูนิดัสลุกขึ้นยืน ตบมือลั่น “แด่โอรสของข้า!!! เนนันตาร์และบาลิธ”
“เฮ!!!เฮ ” คนโห่รับกันใหญ่เลยฮะ ผมตบมือยิ้มร่า
.
โอ้ย!!!!
. ผมโดนกระแทกอย่างแรงโดยใครซักคน ผมหันควับ มีผู้หญิงหน้าตาใจร้าย คิ้วโก่งเข้มคนหนึ่งจ้อมผมเขม็ง “เด็กนี่ใช่มั๊ย?”
เธอก้มถาม เด็กที่ยืนอยู่ด้านหลัง …เคอร์นั่นเองฮะ ว่าแล้ว
วันนี้เคอร์ดูแปลกตาไปมาก สีหน้าเขาเศร้าสุดๆ ดวงตาแดงก่ำ ผมดูออกเลยว่าเขาต้องร้องให้มาทั้งคืน ผมสีส้มวันนี้ก็เฉา หรือ ผมคิดไปเองก็ไม่รู้
ตาสีเขียวจ้องผม ก่อนจะเอ่ย
“ใช่”
“เจ้ามีอะไร?” ผมถาม
เคอร์ทำท่าจะร้องให้อีก กระตุกแขนเสื้อหญิงสาว “มันดูถูกข้า”
“ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ก็เมื่อคืนนั้น- -”
เธอหันมาแว้ดใส่ผม “ขอโทษเคอร์เดี๋ยวนี้นะ ไอ้เด็กยิว!”
ผมบิดตัวมาเผชิญ พวกนี้อะไรๆก็ยิวอยู่นั่นล่ะ ถ้าพี่โจมาร์มาได้ยินพวกคาลเดียนว่ายิวแบบนี้ พี่ต้องอัดพวกเขาเละแน่ๆ
“ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด…”
หญิงสาวบีบแขนผม ปากเบี้ยวหยัก “ก้มขอโทษเดี๋ยวนี้ หรือว่าจะให้ข้าเล่นงานเจ้า”
ผมหันมองรอบๆ ยังมีเสียงม้ากระทืบเท้าและคนเชียร์อยู่ ไม่มีใครสนใจพวกเราเลย
“ไม่…ก็ผมไม่ได้ทำอะไรผิด เมื่อคืนผมบังเอิญไปเจอเท่านั้น- -”
ผมสะดุ้งโหยง เคอร์ร้องให้เสียงลั่น น้ำตาไหลอาบแก้ม ไม่มีคราบเด็กจอมโมโหคนเดิมเลย
“ ไม่เป็นไรนะ เคอร์ เดี๋ยวฉันจัดการเอง เธอกลับไปนั่งเถอะ” หญิงสาวบอก เคอร์ส่ายหน้าแล้วเริ่มกรี้ด
“มันดูถูกข้าอะ!! ฮือๆๆ ไอ้เด็กยิวมันดูถูกข้า…ฮึก…”
ผมรู้สึกสงสารเคอร์แล้วแฮะ
“ข้ายังไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย เคอร์ ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ - -ข้าขอโทษ ข้าจะไม่เล่าให้ใครฟังหรอก”
มีเสียงคำรามลั่นจากข้างหลัง และเสียงควบม้า “เฮ้ย!!เฮ้ย!!” พวกทหารร้องผมไม่ได้หันไปมอง
ผมพูดในสิ่งที่คิดออกไป “ ไม่เห็นเป็นไรเลย พวกเราก็เหมือนกันแหละ เคอร์”
“ข้าไม่เหมือนเจ้า!!” เขาตวาด ปาดน้ำตา “เจ้ามันพวกทาสชั้นต่ำ เจ้าควรจะไปอยู่ในคุกใต้ดินนั่น!!”
“ใช่!! โยนเจ้ายิวออกไปเลย” หญิงสาวเสริมอย่างไร้สติ ทันใดนั้นผมก็รู้สึกตกใจอย่างมาก ผู้หญิงคนนี้เข้ามาโอบรัดตัวผม ก่อนจะยกลอยขึ้น
“เธอทำอะไรน่ะ?” เคอร์ร้อง
ผมถูกเหวี่ยงออกมาจากรั้วไม้ แผ่นหลังขูดกับปลายแหลมเล็กน้อย ก่อนจะร่วงลงที่พื้น
ฝุ่นทรายตลบเข้าหน้า
โอ้ยยย!! แสบมากเลยฮะ ที่หลังต้องถลอกแน่ๆ
เสียงคำรามสิงโตดังลั่น เกิดเสียงเป่านกหวีด และ คนดูก็ร้องอุทาน ผมยังตัวงออยู่ที่พื้น ฝุ่นตลบเข้าหน้าอีกสองสามรอบ พร้อมกับเสียงฝี่เท้าสัตว์ใหญ่
ผมพยายามเงยหน้าขึ้นมา และก็พบกับสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต
อสูรยักษ์กำลังคำรามใส่หน้าผม ขนสีเหลืองทอกับแสงตะวัน ปลายเขี้ยวแหลมคมในระยะใกล้ทำให้ผมร้อง ฮึก! สิงโตแยกเขี้ยว นัยน์ตาจ้องผมไม่กระพริบ
มันค่อยๆขยับเข้ามา
ฮือๆๆ…ช่วยด้วย กลัวฮะ ฮือ…ผมยังไม่อยากตาย ไม่เอานะ !!
แล้วผมก็เห็น เบื้องหลัง ท่านบาลิธควบม้ามาอย่างรวดเร็ว ตามด้วยองค์อื่นๆ ได้โปรดเถอะ!!
ทันใดนั่นเอง สิงโตยักษ์ก็ย่อตัว และ กระโจน !!
ผมหลับตาปี๋…ความกลัวล้นท่วมที่คอ รู้สึกถึงชีวิตที่กำลังจะเสียไป - -
ผมได้ยินเสียง โฮกกก!! แล้วก็เสียงฝี่เท้าคน
ผมลืมตาพรึ่บ!
แผ่นหลังกว้างที่สุด ของท่านเซอซัส เป็นเงายักษ์ ควบคู่กับสิงโตยักษ์ ท่านบังตัวผมด้วยความเร็ว กล้ามเนื้อทุุกส่วนเกร็ง แต่ทว่า - -
“ท่าน!!!” ผมร้อง ภาพที่เห็นคือ ท่อนแขนของท่านเซอซัส พุ่งตรงเข้าไปอุดในปากอ้าของสิงโต ท่านกระโดดพรวด! ขาซ้ายเหวี่ยงไปเกี่ยวแผงคอ มืออีกข้างของท่านถือดาบ และ เฉือนฟึ่บลงตรงคออสูร
ตึง!! สิงโตล้มลงตรงหน้าผม ตาเปิดค้าง …ท่านเซอซัสนอนทับสิงโต ใบหน้าชุ่มเหงื่อ และเงยสบตาผม
ท่านยิ้มอย่างเหนื่อยหล้า “เจ้าเด็ก….. ไม่เป็นไรนะ..”
ผมเห็นท่านค่อยๆขยับท่อนแขนออกจากปากสิงโต เลือดใหลอาบวินาทีนั้น
ม้าหลายตัวและทหารตรงเข้ามารุมผม และศพสิงโต
ผมอ้าปากค้าง ไม่ขยับไปไหนทั้งนั้น นอกจากมอง ยักษ์เซอซัส พอได้สติ ผมรีบเข้าไปโอบศีรษะแสนหนักของเขา แผลที่หลังไม่รู้สึกแสบแล้วแม้แต่น้อย
…เมื่อกี้
…เมื่อกี้ ท่านเซอซัส เพิ่งช่วยชีวิตผม
…..
ท่านเซอซัสขยับนั่ง ถอนหายใจ และ หรี่ตาให้เหมือนเคย “ข้าไม่เป็นไร…ข้าตกใจเรื่องเจ้ามากไปหน่อย”
ผมกำลังจะ ประคองใบหน้าเขาและ - -
“นากัล!!!” ผมหันไปเห็นท่านบาลิธวิ่งลงจากม้า หน้าตาหืดหอบ
“เจ้ามาอยู่ข้างนอกได้อย่างไร” ท่านคุกเข่าลงมากอด กอดผมแน่นราวจะแตก
ตอนนั้นตัวผมแข็งทื่อ พูดไม่ออกเลยฮะ
“นากัลตกใจมาก” ท่านเซอซัสบอก “พานากัลออกไปจากสนามก่อนเถอะ ฝ่าบาท”
“ใช่! เฟียส ปิดประตูก่อน สอบถามทหารด้วย ว่า ปล่อยเด็กออกมาได้ยังไง!!?”
พวกทหารก็เข้ามาช่วยพยุงท่านเซอซัส ดูบาดแผล
ท่านบาลิธสั่งทหารยกใหญ่ พวกเขาต้อนม้า พวกเจ้าชายขี่มุงดูศพสิงโตกัน ประตูรั้วหนามถูกปิด
ผมละสายตาออกจากท่านเซอซัสไม่ได้ ยังไม่มีเสียงอะไรออกมาจากปากผม
ท่านเซอซัสก็เหมือนกัน เขาถูกพยุงขึ้นไป โอบแขนอาบเลือดรอบคอท่านบัท ใบหน้าคมเข้มจ้องมองผมไม่เว้น เขาไม่ได้ยิ้ม… แต่มองผม แบบเดียวกับที่ผมมองเขา
เป็นสายตาแบบที่ผมไม่เคยลืมเลย นับแต่นั่นเป็นต้นมา
แล้วผมก็รู้สึกหูอื้อ - - นี่มันอะไรหรอฮะ ผมเจ็บในหน้าอกจังเลย… ผมอยากกอดท่านเซอซัสก่อนไป เขาเพิ่งช่วยชีวิตผม และบาดเจ็บ ไม่รู้เขาจะเป็นยังไงต่อ ถ้าท่านเซอซัสตายเพราะผมล่ะฮะ…แต่ผมก็ทำอย่างอยากไม่ได้
ท่านบาลิธจุมพิตที่ปอยผมชุ่ม ลูบหลังอย่างปลอบโยน
ผมรู้สึกว่าน้ำตาซึมพรึดใส่เสื้อผ้าลินินของท่าน ใหล่ท่านบาลิธอุ่นหอม…แต่- -
ผมเงยหน้ามองไปที่สนามอีกครั้ง ทหารกำลังพยุงท่านเซอซัสเดินออกไป ผมน้ำตาใหล
“อย่าร้องให้นะ นากัล ไม่เป็นไรแล้ว เมยา! เจ้าพานากัลไปที่เต้นท์สิ ข้าต้องล่าต่อ พิธียังไม่จบ”
…
ผมมองใบหน้านิ่งของท่านบาลิธ ตอนนี้ไม่นิ่งแล้ว ท่านเป็นห่วงผมมาก…
เมยาจูงเข้ามาใต้ขื่อของกษัตริย์ ทะลุประตูออกไปที่ถนนเรียบ เพื่อกลับเต้นท์ ท่านบาลิธคือเจ้านายของผม ท่านเป็นเจ้าของร่างกายผมโดยชอบธรรม และท่านก็ดีกับผมเหลือเกิน เหมือนพ่อ…ที่ผมไม่เคยมี ผมรักท่านบาลิธ
แต่
… ผมรักท่านเซอซัส แบบที่ผมอธิบายไม่ถูก
ผมสับสนจัง ทำใมชีวิตในวัง ถึงสับสนอย่างงี้
ผม…รู้แค่ผมไม่มีทางสลัดแผ่นหลังกว้างของเขาออกไปได้ แผ่นหลังกว้างที่ช่วยชีวิตผม และ จะควบคุมจิตใจผมต่อไป
---------------------------
ผมกลับมาที่เต้นท์ ถูกเมยาจับล้างเนื้อล้างตัวเสียใหม่หมด งานล่าสิงโตดำเนินต่อไป เมยาทิ้งผมไว้คนเดียว พร้อมกับถาดอาหาร ผมเติมท้องตนเองจนอิ่ม
นอนครุ่นคิดจนกระทั้งเย็น
ยามเย็นนั้นเอง ผมก็ได้ยินเสียงม้าควบมา ผมคิดว่าท่านบาลิธกลับมาและจะออกไปรับ แต่ไม่ใช่
ผมโผล่หัวมาจากผ้าเต้นท์ ท่านเซอซัสขี่ม้ามากับท่านบัท แขนพันผ้ายาวไปถึงใหล่ แต่สีหน้าท่านสดใสขึ้นแล้ว
ท่านเซอซัสลงจากม้า
“แล้วท่านก็ได้ใช้ท่าพิชิตสิงโต” ทหารบัทพูด
ท่านเซอซัสหัวเราะแห้งๆ “ซ้อมให้เด็กทั้งสองเดือน เสือกได้ใช้เอง …ไอ้เวร”
“ฮ่าๆๆๆๆ นอนพักซะนะท่าน ข้ากลับไปคุ้มครองต่อละ” บัทขี่ม้าจากไป
ผมหายใจสะดุด…ท่านเซอซัสอยู่คนเดียว ผมควรจะออกไปขอบคุณเขา
ผมต้องออกไปขอบคุณเขา แต่ท่านเซอซัสก็เดินเข้าเต้นท์เสียก่อน
…
เวลามีไม่มาก ผมคิด
….
ถ้าผมอยู่กับเขาสองต่อสองในเต้นท์อีก ผมจะระเบิดมั๊ยน๊า?
…
ผมควรทำไงดี
------
วินาทีที่ผมยืนอยูู่หน้าประตู เหมือนสายลมรอบตัวจะหนาวเหน็บขึ้น ยามเย็นมืดลงๆ ผมรู้สึกเกร็งที่ขา แต่ในหัวปรอดโปร่งพิลึก ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอด และแล้ว ความเชื่อบ้าๆบอๆ ว่าผมกำลังทำสิ่งที่ถูกก็เกิดขึ้น
ผมก้าวขาเข้าไป
….
ชายร่างใหญ่กำลังนั่งพิงพนักบนเตียงแคบ
ดาบ มีด และโลห์ถูกวางพิงไว้ตรงพื้นข้างๆ เขากำลังจับผ้าพันแผลที่แขน ตอนเงยหน้าสบตาผม
เกิดความเงียบน่ากลัวขึ้น…
ผมทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
“ผะ…ผม - -” ผมสะอึก ก้าวขาช้าๆ ไปหยุดตรงหน้าเตียง ก้มหน้างุด
“ขึ้นมานั่งนี่มา…นากัล” ท่านเซอซัส ตบพื้นที่ว่างเล็กๆข้างเตียง ท่านเขยิบไปชิด ดูแปลกไป
ภายในตาสีน้ำตาล ดูมีไฟไหวช้าๆ
ผมทำตามอย่างว่าไง “ท่านเซอซัสฮะ ขอบคุณนะฮะ ที่ช่วยชีวิตผมไว้” ผมเอ่ยเสียงใส
อายจังเลยอะ…ผมหลบสายตาเขา
“ยินดีด้วยนากัล…” เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้
“อะไรหรอฮะ?”
“เจ้าทำให้ข้าทนไม่ไหวในที่สุด…”
แล้วท่านเซอซัสก็กระชับผมด้วยแขนข้างเดียว ก่อนจะพลิกผมลงไปนอนที่เตียง ร่างใหญ่ทับลงมา…พร้อมริมฝีปากร้อน
วินาทีนั้นผมรู้เลยว่า กฎที่เลลาห์ห้ามที่สุด กำลังจะเกิดขึ้น
///////////////////////
รักผู้อ่านที่สุดเลยค้าา กอดดด
ขอบคุณมากนะคะ เดี๋ยวจะเอา เรื่อง เกร็ดล่าสิงโตมาลงพรุ่งนี้นะคะ วันนี้สลบแล้ว แฮะๆๆ
ตอนต่อไป มีจับกด ฮ่าๆๆๆๆ
ปล เรื่องนี้มีคู่กันทุกคนค่าา ไม่ต้องกลัวใครเหงา อิอิ