ตอนที่
16เลลาห์พาผมลงมาชั้นล่างสุดของวัง แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ผมได้ใช้อุโมงค์ มีอุโมงค์มากมายเป็นทางเชื่อมในวังกับข้างนอก ผมสะกิดแขนเลลาห์แล้วถาม “มีไอ้อุโมงค์นี้ไปที่ไหนบ้างหรอฮะ?”
“เชื่อมกับอาคารสำคัญภายในเขตรั้วพระราชวังหมดน่ะแหละ” เธอบอกพลางดึงตะแกรงเหล็กหน้าบันใดอุโมงค์ออก ทางเข้าอุโมงค์อยู่สุดทางเดินชั้นหนึ่ง หลบอยู่หลังรูปปั้นกวางสองตัว ผมตามเลลาห์เข้าไป ในอุโมงค์มีคบไฟตามทาง
ผมนึกสงสัยว่าจะมีเส้นทางไหน ไปถึงสนามฝึกหรือไม่…
เอ้ะ!?
“…….อ …..ม่า…..ย…”
ผมได้ยินเสียงบางอย่าง หลังกำแพง ผมตามไปอยู่ข้างๆเลลาห์
“……..ก…..กรรรรี…….ด…..ด”
“เสียงอะไรอะฮะ” เสียงนั้นดังต่อเนื่องก้องๆ
“ไม่ต้องสนใจหรอก เสียงคุกใต้ดินน่ะ ” เลลาห์บอกปัดๆ ทำท่าเหมือนไม่อยากพูด เธอไม่ยอมหันมาสบตาผม แต่ผมก็หยุดปากถามไม่ได้
“ขังใครไว้หรอฮะ?”
เลลาห์ขมวดคิ้วไปข้างหน้า คว้ามือผมจับ และเดินเร็วขึ้น
“เลลาห์ฮะ?” ผมจ้องหน้าเธอ
“ไม่เอาน่ะ นากัล”เธอสบัดเปีย “อย่าถามเรื่องคุกเลย ฉันไม่ชอบพูดถึง”
เสียงกรีดร้องผ่านกำแพง จางหายไป เราคงเดินเลยมาแล้ว ผมบีบมือเลลาห์แน่น ตัดสินใจพูด
“ขังพวกเชลยยิวใช่มั๊ยฮะ?”
เลลาห์สีหน้าหุบทันที เธอถอนหายใจ “…ใช่” เธอตอบ สีหน้าเศร้า “ทาสยิวที่คิดกบฏ”
ผมใช้นิ้วโป้งลูบหลังมือเธอ “บอกผมได้ฮะเลลาห์ ไม่ต้องกลัวผมร้องให้หรอกฮะ ผมแค่อยากรู้เฉยๆ”
“จ้ะ….” เลลาห์สูดจมูกฟืด “ญาติฉันคนหนึ่งก็เป็นยิวเหมือนกัน แต่สงครามจบไปนานแล้ว เราก็แค่ต้องอยู่ตามที่ชีวิตจะพัดพาไปละนะ ” เธอบอกผม ขณะที่เรามาถึงปากอุโมงค์พอดี
เสียงแซ่งแซ่ต้อนรับ ตรงที่เรามาโผล่คือตึกทรงกลม ที่มีบรรใดวนๆขึ้นไปหลายสิบชั้น ชั้นแรกมีต้นไม้ปลูกบนพื้นดิน ผมกับเลลาห์เดินขึ้นชั้นสอง แล้วก็พบกับห้องซ้อมดาบ
ห้องซ้อมดาบ เป็นห้องที่เหมือนระเบียงยื่นออกไป ไม่มีหลังคา จึงรับวิวท้องฟ้าเต็มที่
พวกที่เล่นดาบต่างเป็นเด็กวัยรุ่นทั้งนั้น นุ่งผ้าขาสั้นตัวเดียว มีทหารแค่เจ็ด แปดนายยืนตัวสูง คอยกำกับ
ผมเห็นแฝดกำลังฟันดาบเสียงโช้งเช้ง อยู่กลางสนาม ทหารมีเครายาว คนนึงเดินมาอธิบายสอน
เลลาห์โบกมือ “บากีส บากอส!!”
แฝดเห็น พวกเขาวิ่งมาหา
“อ้า เลลาห์พานากัลมาด้วย นากัล!! มาเล่นด้วยกันสิ!” บากอสชวน ผมส่ายหน้า
“ไม่เอาอะ ข้าอยากมานั่งดูเฉยๆ” ผมยิ้ม นั่งลงกับพื้น ติดกำแพง
บากีสบากอสทำปากตุ่ยใส่ผม “งั้น นี่ๆ ลองถือดูสิ” บากีสยื่นด้ามดาบมาให้ ผมรับ
“โห..หนักชะมัดเลย”
“ฮ่าๆๆๆ เจ้าแขนเล็กจังเลยอะ นากัล”
“ลองไปเล่นดูสิ นากัล ฉันอุตสาห์พาออกมานะ” เลลาห์ดึงแขนผม ผมรั้งตัวไว้
ก็ผมไม่อยากฟันดาบนี่หน่า ผมอยากเจอท่านเซอซัสต่างหาก แต่ดูเหมือนที่นี้ จะเป็นสนามฝึกดาบสำหรับพวกวัยรุ่น ไม่มีทหารรบแบบท่านเซอซัส มีแต่พวกที่เป็นครูฝึก หว้า…
แล้วบากีสบากอสก็ต้องกลับไปฝึกต่อ ผมนั่งดูจนเย็น เลลาห์ถูกคนงานชายจีบ เธอสปัดเปียแปดรอบตอนคุยกับเขา แฝดไม่ต้องไปเสริฟอาหารให้ท่านอะดัทวันนี้ เราจึงกลับมาทานอาหารเย็นด้วยกันที่หอ พร้อมกับเอลลี่ที่เพิ่งกลับมา
“นากัลลลลล!!! ”หมอนั่นกรีดร้องตอนวิ่งเข้ามาในห้องทานอาหาร ถูกเลลาห์อุ้มขึ้นไปหอม “บากีสบากอส!! ข้าได้ของเล่นมาเต็มเลย”
แก้มเจ้าเอลลี่ถูกแป้งสีแดงทาเป็นวงกลมตลกๆ
ผมทัก “แก้มเจ้าไปทำอะไรมาน่ะ”
“ท่านดันชิแกล้งน่ะ” เอลลี่หัวเราะ นั่งแปะลงที่พื้น แล้วดึงของจากถุงผ้า
เด็กทั้งสามผละจากโต๊ะกินข้าว เลลาห์โวยวายขณะยกหม้อซุป
“โห เอลลี่! ท่านดันชิซื้อให้หมดเลยหรอ”
“ชาวบ้านถวายน่ะ นี่ๆ ตุ๊กตาใบไม้ อันนี้เครื่องดนตรีนะ”เอลลี่ชี้ ผมคว้าขลุ่ยบางๆมาได้ก่อนใคร
“เยี่ยมไปเลยอะ!!” แฝดบีบตุ๊กตาผ้า เอลลี่โยนหินหลากสีอวด สายตาผมไปตกที่บางอย่าง
กังหันสีแดงโผล่พ้นชายถุง ผมวางขลุ่ย เเละดึงออกมาช้าๆ
“อ๊ะ…กังหันอันนั้น ข้าตั้งใจให้เจ้าแหละ นากัล ส่วนขลุ่ย มีสองอันจะให้บากีสบากอสฝึกเป่าให้ฟัง นะพวกเจ้า… หินหลากสีกับตุ๊กตาเอาไว้เล่นด้วยกัน” เอลลี่อธิบาย
เลลาห์เดินเอาถ้วยซุปมายื่นใส่มือ บ่นพึมพำว่า เด็กพวกนี้ไม่รุ้จักเวลา ไปด้วย ผมกล่ามขอบคุณเธอ แล้วพิจารณากังหัน
พี่โจมาร์ฮะ…สงสัยจังว่าตอนนี้พี่เป็นไงบ้าง ผมเข้ามาอยู่ในวังได้อาทิตย์กว่าแล้ว
ผมนึกถึงในอุโมงค์วันนี้ เสียงกรีดร้องของเชลยชาวยิว ผมอยากรู้ว่า เขาขังคนประเภทไหนไว้ เลลาห์บอกว่า พวกยิวที่คิดกบฎงั้นหรอ…แล้วยังงี้ พี่โจมาร์ก็ด้วยรึเปล่า พี่เกลียดพวกคาลเดียนและราชวงศ์นี้หน่า ผมหวังว่าจะไม่มีใครรู้ ว่าพี่แอบไปคุยกับใครที่ไหน ผมจำแววตามุ่งมั่นที่สุดของพี่ได้เสมอเลย
…แล้วก็เปอร์เซีย
ผมเป่ากังหัน มันหมุนช้าๆ
ผมอยากให้สิ่งที่พี่หวังเป็นจริงจัง ผมต้องรู้เรื่องเปอร์เซียมากกว่านี้
==========================
ผมเดินตามเอลลี่ไปตามทาง สู่ฝั่งขวา เพื่อเรียนวิชาดาราศาสตร์ ห้องเรียนมีระเบียงเปิดโล่งสู่ท้องฟ้า และสวนดอกไม้สวยข้างๆ อาจารย์บนคนชราผมขาวยาว ท่าทางยิ้มแย้ม เขาให้พวกเรานั่งขัดสมาธิฟัง น้ำเสียงเขาดุเป็นทีๆ ตอนแนะนำตัวเอง เขาชื่อ อาจารย์โฮน เขาเริ่มเล่าเรื่องพระจันทร์ บอกถึงตำแหน่งมันในแต่วัน เดือน และ ปี เวลาเต็มดวง และ ดวงอาทิตย์เวลามืดหายไปเลย เรื่องสุริยะคราส
เล่าถึงตำนานน่ากลัวๆว่ามันมีผลต่อมวลมนุษย์อย่างไร เจ้าเอลลี่ดูรู้เรื่องมาก ยกมือถามอาจารย์ตลอด เด็กคนอื่นๆจดกันยุกยิก มีผมไม่จดอยู่คนเดียว เพราะเขียนไม่เป็น แต่ผมเข้าใจที่อาจารย์พูดนะ
อาจารย์สอนไม่นานก็ปล่อยเด็กๆ ผมบอกเอลลี่ว่าต้องไปหาท่านบาลิธด่วน และ วิ่งออกมา
ยามค่ำคืน หน้าต่างตามระเบีียงทางเดินเผยให้เห็นวิวแม่น้ำสวย ผมวิ่งดุ๊กๆ มาหยุดหน้าห้องบรรทม ขณะนี้ประตูถูกเปิดออกอยู่แล้ว สาวใช้ขนผ้าออกมา ผมเดินสวนเข้าไป
ประตูปิดลง
ท่านบาลิธกำลังถือคันธนูไปเก็บในหีบมุมห้อง เขาปิดหีบพอดีกับที่หันมามองผม
“เรียนดาราศาสตร์เป็นยังไงบ้าง นากัล” ท่านยิ้ม เดินมาหาผม
“สนุกดีฮะ ท่านบาลิธ เรียนเรื่องพระจันทร์แล้วก็ เอ่อ…สุริยคราสอะฮะ”
“ตำนานน่ากลัวนั่นน่ะหรือ..” ท่านจูงมือผมไปที่เตียง ท่านเถิดตัวไปนั่งพิงพนักเตียง อุ้มผมไปนั่งตัก แล้วกอดใหญ่เลย “เจ้ากลัวปิศาจรึเปล่า นากัล”
ผมส่ายหน้า อมยิ้ม
“เด็กเล็กๆอย่างเจ้า ต้องมีเรื่องที่กลัวบ้างล่ะ…” ท่านสบตาผมตอนถาม แววตาไม่เศร้าเหมือนที่ผมเคยมอง บางทีคงมีเรื่องอะไรดีๆกับท่านละมั๊ง?
“เจ้ากลัวสิงโตมั๊ย”
ผมหัวเราะ “ถ้าเห็นไกลๆ แล้วล่ามโซ่อยู่ก็ไม่กลัวฮะ แต่ถ้าใกล้ๆ ผมไม่กล้าอะฮะ ท่านบาลิธหมายถึงงานล่าสิงโตใช่มั๊ยฮะ”
“ใช่ เมยาบอกเจ้าแล้วซีนะ …วันเดินทางข้าจะให้เจ้านั่งรถม้ากับข้า และองค์รักษ์”
“แล้วท่าน -¬- อะ” ผมเกือบจะหลุดปากถามว่า ท่านเซอซัสใช่มั๊ยฮะ!
ท่านบาลิธทำท่าสงสัย แต่แล้วก็พูดเรียบๆ “เจ้าอยากนั่งแค่สองคนหรือ?”
ผมส่ายหน้าทันที “แล้วแต่พระองค์ฮะ..”
“ข้าว่าเจ้าน่าจะชอบองค์รักษ์ข้า เซอซัสเป็นทหารที่ตลกสุดในกองทัพแล้ว …ถ้าแข่งความเพี้ยนกับ ดันชิน้องชายข้า ก็พอสูสีอยู่” ใบหน้านิ่ง ยิ้มเล็กน้อย
“เจ้าจะได้เจอ พี่น้องข้าทั้งหมด วันล่าสิงโต และ บิดาข้าเนบูนิดัส”
“ฮะ ท่านบาลิธ” ผมก้มหัว ท่านบาลิธกระชับผมแนบลำตัว
เสยเส้นผมให้ ท่านลูบแก้มและคาง ก่อนจะมองผมอยู่นาน
“เจ้าเป็นเด็กดีจริงๆเลย นากัล” แล้วท่านก็จูบแก้มผม ท่านพรมจูบเบาๆไปทั่วใบหน้า เอ่ยชมว่าผมเป็นเด็กดีซ้ำๆ ระหว่างที่เคลื่อนตัวขึ้นมาทับผม
ผมไม่รู้ว่า เด็กดีที่ท่านหมายความคืออะไรหรอกฮะ แต่ท่านบาลิธใจดี แล้วก็ตัวอุ่น ผมชอบตอนกอดกับท่านจัง ผมถูกท่านคร่อม แล้วก็ไซร้เหมือนเมื่อเช้าเลย แต่ครั้งนี้ท่านบาลิธหายใจแรงกว่าเก่า ใบหน้าที่เคยนิ่งสงบ ตอนนี้แววตาเยิ้มน้อยๆ ท่านขมวดคิ้วระหว่างดูดหัวนมผม ไล้ลิ้นไปถึงสะดือ
“อะ…อือ”
ผมรู้ว่าควรทำอะไร เลยถอดผ้าคาดเอวออกอย่างรวดเร็ว ครั้งก่อนที่ทำกับท่านบาลิธ ท่านสอดใส่เลย ไม่ได้ให้ผมอม หรือหอมๆตามตัวก่อน อ๊า…แต่ผมลืมน้ำมันอะ
“ท่านฮะ ผมลืมน้ำมัน” พอได้ยินท่านก็เขยิบไปที่โต๊ะข้างเตียง หยิบขวดแก้วใส โชลมน้ำมันใส่นิ้ว
ท่านกลับมาท้าวแขนข้างๆศรีษะผม กระซิบเสียงสั่น “หันหลังนะ นากัล”
ผมพลิกตัว เตียงยวบยาบไปตามน้ำหนักของท่านบาลิธ ผมเห็นท่านถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ซบหน้าอกกับหลังเล็กๆของผม สอดนิ้วลื่นเข้ามาในก้นผม
ผมยกสะโพกขึ้นให้ท่านทำสะดวก ท่านบาลิธควานช้าๆ แล้วค่อยเอาเข้าออกถี่ๆ ผมร้องอื้อๆไม่หยุด
“อื้อ!…อื้อ! ….อะ ท่านฮะ..”
นิ้วลื่นแยงเข้ามาลึกจัง นิ้วท่านบาลิธเรียวยาวด้วยนี้หน่า ผมขนลุก อยู่ๆตอนหลับตา หน้าท่านเซอซัสก็ลอยมา
“อ๊า…” ไม่เอานะ นากัล ห้ามคิดถึงท่านเซอซัสนะ!
นิ้วท่านบาลิธดึงออกไปเหลือแค่ปลาย ท่านถูเร็วๆสี่ห้าครั้ง หน้าท่านเซอซัสลอยมาอีกแล้ว!!ฮือ ผมเกร็งสะโพกโดยไม่รู้ตัว
“อ๊า!! อ้า…” ไอ้นั่นของท่านบาลิธสอดเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว ผมสะดุ้งสุดตัว แต่ท่านขยับต่อเนื่องไปเลย
ลมหายใจเป่ารดที่ต้นคอ ท่านบาลิธครางเสียงแผ่วๆ ผมซุกหน้ากับหมอน เตียงกระดกขึ้นลง
“..อา….!! ” ท่านบาลิธครางเต็มเสียงครั้งแรก สอดมือขยุ้มผม สัมผัสของท่านไม่รุนแรงเหมือนลูกค้า ท่านลูบศีรษะผมเหมือนปลอบโยน
“ฮ๊าๆๆ” ผมครางเสียงดัง เพราะท่านดึงเข้าออกเร็วมากเลยอะ ผมเสียวท้องน้อยจังเลย
ผมพยายามเอี้ยวคอไปดูใบหน้าท่าน
ท่านบาลิธมีแววตาลอยแว็บเดียว
ท่านหอบก่อนจะลงแรงกดตัวผมหนักขึ้น…หนักขึ้น ท่านกดสะโพกผมแนบเตียง กระแทกจนผมมีน้ำขาวๆใหลออกมา
“อ๊าาา!!...อ้า!!” ท่านปล่อยน้ำใส่ท้องผมด้วยเหมือนกัน
ผมหอบไปเรื่อยๆ จนหายเหนื่อย ท่านค่อยขยับไอ้จ้อนออกช้าๆ เหมือนครั้งแรก ท่านบาลิธชอบค้างไว้ข้างในซักพัก จนเสียงหอบเบาลง ท่านถึงจะเอาออก
ท่านล้มลงนอนข้างๆ หลับตาพริ้ม เรือนผมสีน้ำตาลชุ่มเหงื่อ
ผมลุกนั่ง ดึงผ้าห่มปลายเตียงมาคลุมตัวท่านไว้ …
“นากัล เจ้าอยากย้ายมาอยู่ห้องนี้รึเปล่า?”
ผมเงียบ ตั้งตัวไม่ทันกับคำถามเลยฮะ ผมควรตอบว่าอยาก แต่ใจจริงผมอยากเล่นกับเพื่อนๆนี่หน่า เลลาห์ด้วย
“ผม…” ผมทำแก้มป่อง “ คือ…”
ท่านบาลิธยิ้มบางๆ “ข้าแค่ถามดู ข้ารู้เจ้าต้องติดเพื่อนๆมากแน่ ฝาแฝดที่เล่นดาบใช่มั๊ย? ถ้าเจ้าชอบอยู่ที่หอสนม ก็บอกข้าตรงๆเถิด ไม่ต้องกลัวข้า…เข้าใจใหม นากัล”
ผมพยักหน้า “ฮะ ”
“เจ้าอยากย้ายเมื่อไหร่ก็บอกข้าแล้วกัน…ตอนนี้ เจ้ากลับหอเถอะ ดึกมากแล้ว” ท่านสั่ง ลุกขึ้นมาหอมแก้มผม ผมหอมท่านกลับ ท่านยิ้มดีใจใหญ่เลย ผมลุกจากเตียง ก้มหัวให้ท่านบาลิธ หยิบผ้าคาดเอวขึ้นมาผูก
”เจอกันตอนเช้านะ นากัล” ผมยิ้มให้ท่าน ก่อนจะเดินออกไป
….
..
ผมเดินตามระเบียง ออกจากฝั่งขวา สู่ห้องโถงที่เชื่อมกับฝั่งซ้าย แต่แล้วผมก็เห็นใครบางคนยืนอยู่ใต้คบเพลิง กำลังกระดกขวดเหล้าอยู่
ผมแทบเข่าอ่อน ตอนเห็นหน้าท่านเซอซัสชัดๆ ผมหาเขามาทั้งวันเลยอะ
แววตาท่านเหมือนสัตว์ป่าที่กลางคืนจะมีแสงสว่างแปลกๆ ท่านไม่ได้มองผม แต่กำลังมองรูปภาพขนาดกลางบนผนัง …กษัตริย์? ใช่ สวมมงกุฎ ผมคิดว่านั่นคือ กษัตริย์บาบิโลนเนียในยุคก่อน เพราะเขาสวมเสื้อผ้าที่โบราญกว่ายุคนี้
ท่านเซอซัสไม่เห็นว่าผมยืนอยู่ข้างหลัง ผมหยุดนิ่ง มองร่างใหญ่เงียบๆ…มุมนี้ผมสีดำประบ่าของท่าน สะท้อนกับแสงไฟวูบวาบ ท่านเซอซัสเมารึเปล่าน้า…เขายังคงจ้องมองใบหน้ากษัตริย์บาบิโลนต่อไปเงียบๆ
และ !!อย่างที่ไม่คาดคิด !!
ผมสะดุ้งสุดตัว ตอนที่ท่านเซอซัสพ่นเหล้าในปาก ใส่ใบหน้ากษัตริย์บาบิโลน
…
น้ำเหล้าสีขาวหยดย้อยไปตามผืนผ้า ผมยืนมองตัวแข็ง ท่านเซอซัสหันมาเห็นผมแล้ว
เขานิ่งงันไปครู่เดียว ก่อนจะหัวเราะเสียงต่ำ
“เป็นรูปภาพที่ไม่สวยเท่าไหร่เนอะ เจ้าว่ามั๊ย?” ยักษ์เซอซัสยิ้มมุมปาก
ก้าวมาทางผม “นากัล เจ้าเป็นเด็กที่แปลกนะ” เขาคว่ำขวดเหล้าแล้วเขย่า
“ข้ามักจะเจอเจ้า ตอนที่ไม่ได้วางแผนไว้เสมอเลยว่ะ…ทั้งๆที่ในหนึ่งวัน ข้าวางแผนไว้เก้าสิบเก้าเรื่อง แต่เจ้าจะโผล่มาเป็นหนึ่งเรื่องที่ข้าไม่คาดคิดตลอดเลย …นากัลน้อย”
น้ำเสียงต่ำน่ากลัว แววตาสีน้ำตาลสะท้อนสบมาผม
“บางทีนะ นากัล…” ท่านเซอซัสก้มลงมา “เจ้าอาจจะถูกกำหนดมาจริงๆก็ได้…”
ผมไม่รู้ว่าท่านเซอซัสหมายความว่าไง แต่ริมฝีปากเขาหยุดอยู่ตรงหน้าผม ผมละสายตาไม่ได้ ที่จำได้คือริมฝีปากเขาอุ่นร้อน
ร่างใหญ่มองผมอย่างมีเลห์นัย “อะไรกัน นากัล…มาทำตาแป๋วใส่ข้าแบบนี้ เดี๋ยวข้าเข้าใจผิดนะเว้ย!”
ผมชอบเขาอะ ผมชอบท่านเซอซัสนะฮะ …ชอบจริงๆ ผมเอื้อมมือไปจับที่คางเขา มือลูบตอหนวดสาก เขาเลิกคิ้วใส่ผม “หืม?”
“ฮะๆๆๆ …นี่ เจ้าเด็ก แกยั่วข้าเรอะ?”
สิ้นเสียงแหบลึกของเขา ผมก็กระกบจูบลงไป ท่านเซอซัสตัวแข็ง ผมก็ตัวแข็ง…อยู่ๆผมก็ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ตัวว่าเพิ่งทำสิ่งที่เลวร้ายลงไป ยักษ์กระเด้งตัวขึ้น
“นากัล…” เขาเสยผม ถอนหายใจหนักๆ “ทำใมเจ้าถึงมีปัญหาขนาดนี้วะ?”
ผมเผยอปากเศร้า ๆ ยังไม่อยากหยุดจูบเลย ฮือ ท่านเซอซัสทำหน้าดุแล้วอะ
“ฟังนะ…ห้ามทำแบบนี้อีกเด็ดขาด ถ้าเจ้าไม่อยากถูกประหาร” เขาสั่ง
“ออกห่างจากข้าไว้ … เข้าใจมั๊ย นากัล มีหลายอย่างที่เจ้าไม่เข้าใจตอนนี้ เชื่อข้าเถอะว่า- -”
“ทำใมละฮะ?!” ผมร้อง ผมไม่เข้าใจเลย “แต่ท่านเซอซัสจูบผมก่อนวันนั้นนี่ฮะ ทำใมล่ะฮะ?”
ยักษ์เซอซัสกุมขมับ เหน็บขวดเหล้าเข้าเข็มขัด
“เวรเอ๊ย!ข้าไม่ได้เตรียมรับมือกับเรื่องนี้ว่ะ” เหมือนเขาพึมพำกับตัวเอง
เขาก้มลงมาพูดกับผมอีกครั้ง
“เอางี้…เพื่อระงับความซวยต่อเจ้า ต่อจากนี้ข้าจะไม่ยุ่งกับเจ้า”
“มะ- -อะ” ท่านเซอซัส เอามือมาปิดปากผม เขยิบจนลมหายใจรดกัน
“เจ้ายังไม่รู้หรอกว่า เจ้าต้องการอะไร”
เขาพูดประโยคนี้ซ้ำ ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป ผมยืนเอ๋อ มองแผ่นหลังกว้างหายไปตามระเบียงมืด…
-----
ผมวิ่งร้องให้กลับไปที่หอ ร้องให้จริงๆ น้ำตามากมายใหลมาจากไหนไม่รู้ พอถึงเปิดประตู เลลาห์ก็กำลังถักผ้า เธอตกใจตอนเห็นผม กำลังจะเข้ามาปลอบ แต่ผมวิ่งผ่านเธอไปในห้องนอน ดวงตาถูกน้ำพร่ามัวหมด ผมเห็นเอลลี่และแฝดนั่งจ้องอึ้งๆ ผมอ้าปากร้องฮือๆเสียงลั่น กระโดดเข้าไปกอดเจ้าเอลลี่
“นากัล!!? นากัล เจ้าเป็นอะไร?!”
“ฮือ….ฮือ…ฮือ” ผมสะอึกสะอื้น บากีสกับบากอส เขยิบมาเลิกเส้นผมออก พูดว่าไม่เป็นไรนะ นากัลซ้ำๆ
เลลาห์รีบตามเข้ามา จับใหล่ผม “เกิดอะไรขึ้นนากัล??!! ท่านบาลิธดุหรอ? นากัล!!บอกข้าสิ”
ผมน้ำมูกใหลย้อยใส่ชุดนอนเจ้า เอลลี่ ผมกระชับตัวหมอนั่นแน่น
“ชะ..ชอ”
“หึ๊?” ทุกคนพยายามฟัง
“ชอบ….ฮือๆๆ …ชะ- -อึ๊ก ชอบท่าน- -”
“อะไรนะ นากัล”
“ฮือๆ ชอบ…อะ ..ชอบท่าน- -เซอซัส”
///////////////////////////////////////
ขออภัยทุกคนนะคะ เขียนไปถึงตอนล่าสิงโต แล้วมันยาวเกินไป จะลงเป็นตอนหน้าพรุ่งนี้ค่ะ
เอารูปมาฝากค่ะ
ขอลงลิ้งค์นะคะ มันเปลือยนิด ๆ
คลิ้กค่ะ
มันเป็นถ้วยสลักก่อนประวัติศาสตร์ :pighaun:เหะๆๆๆ
เรื่องปริศนาจะค่อยๆคลายทีละปมนะคะ
ขอบพระคุณทุกคนอย่างจริงใจค่ะ อ่านคอมเม้นมีกำลังใจรีบแต่งมากเลย อิอิ ขอบคุณจริงๆนะค๊า