ตอนที่ 41กระต่ายหนึ่งตัว กำลังสุกได้ที่เหนือกองไฟ
ผมนั่งกอดเข่ามองกิล เขี่ยเศษไม้เข้ากองไฟเงียบๆ นี้คือกระต่ายตัวแรกที่ผมล่าได้ และ มันจะเติมท้องของผมกับกิล ให้พวกเราอยู่รอดวันนี้
“ถอดเสื้อผ้าเปียกๆของเจ้าออกสิ เดี๋ยวจะป่วยเอา”
ผมและกิลถอดเสื้อผึ่งไปตามกิ่งไม้ฮะ
แล้วเรานั่งขดตัวใกล้กองไฟ จนรู้สึกว่าผิวเริ่มแห้ง
“ฟังนะ นากัล…พวกกบฎเริ่มแผนแล้ว แต่เมื่อเรารอดจากป่านี้ เจ้าจะต้องระวังตัว ”
“ทำใมเจ้าต้องมาพูดเรื่องนี้ตอนนี้ด้วย?!”
“ข้าคิดว่านี้คือเวลาที่ข้าต้องบอก ก่อนจะสายเกินไป เรื่องคำทำนาย เจ้าอยู่ในคำทำนาย พวกเปอร์เซียเองก็รู้ - -ไม่ใช่แค่พวกยิว ถ้าพวกเขาชี้ตัวได้ ว่า เนอร์กาล คือเจ้า --ข้าไม่รู้ว่าพวกเปอร์เซียจะทำอะไร ”
“นี่ เดี๋ยวนะ? เจ้าหมายถึง- -” ผมเกร็งใหล่ขึ้น “พวกเปอร์เซียก็รู้คำนาย เรื่องที่ข้าจะช่วยให้เขาชนะสงครามน่ะหรอ?”
“ข้าไม่แน่ใจว่ามันไปถึงหูไซรัสมหาราชรึยัง … ” กิลเอ่ยกลัวๆ
“งั้น งั้นถ้าพวกโจรได้ตัวข้า - - ”
พวกนั้นก็จะจับผมไปทำอะไรก็ไม่รู้น่ะสิ….
สีหน้าอ่อนล้าของกิล ตอบกลับมา เปลวไฟทำให้หน้าของพวกเรา อาบด้วยสีแดง
“แล้วพวกเปอร์เซียจะต้องการอะไรจากข้าล่ะ กิล ข้าไม่มีอะไรให้ซะหน่อยนา .. เจ้าพอจะรู้มั๊ย ว่าเขาต้องการให้ข้าทำอะไร? ”
กิลส่ายหน้า
“ ข้าไม่รู้เลย นากัล ข้ารู้แค่ว่า …‘เนอร์กาล’ เป็นเทพแห่งสงคราม ถ้าพระองค์อยู่ข้างไหน ข้างนั้นย่อมชนะ นี้คือสิ่งที่ชาวยิวเชื่อ… พี่สอนข้าว่า นานแล้ว ที่พวกคาลเดียนและกรีกบูชา เด็กชาย เป็นตัวแทนของเทพเจ้า…ในวัยๆหนึ่ง พวกเขาก็เหมือนแสงสว่าง ”
“แสงสว่าง? ” ผมนิ่วหน้า
“อืม” กิลเหลือบมองผม
..
“โดยเฉพาะเจ้าน่ะ”
“แต่ข้าเป็นแค่ นากัล - - น่าเสียดายนะ ข้าชักจะอยากให้คำทำนายเป็นจริงแล้ว ถ้าเป็นเทพ จะเสกให้พวกเราออกไปจากป่านี้ แล้วก็นอนตีพุงกินน้ำองุ่นอยู่บนฟูกหนานุ่มน่ะ!!” ผมเขวี้ยงไม้เข้ากองไฟ พูดดังอย่างเหลืออด “ทำใมต้องทำนายอะไรเกี่ยวกับเด็ก?? พวกผู้ใหญ่บ้า! ทำใมถึงหมกมุ่นกับวัยเรานักหนานะ กิล!! ”
“บางที เพราะวัยพวกเขา ไม่เหลืออะไรดีๆให้ทำแล้วกระมัง”
กิลหัวเราะ มือสากเย็นชืดวางบนใหล่ปลอบๆ
………………………
เราไม่ได้หยุดฝี่เท้าเลยตลอดทั้งบ่าย จนตะวันเริ่มลับขอบฟ้า เหนือยอดไม้ระเกะระกา คือฟ้าสีแดงฉาน ….แดงเหมือนเลือด
ผมยังรู้สึกมึนๆที่หัวอยู่เลย ผมก้มหน้ามาตามทางเดินต่อ พยายามไม่นึกถึงเมยา… ขอให้เธอไปอยู่ในที่ๆสวยงามที่สุดแล้วกัน
ฟ้ามืดเร็วมาก ผมเริ่มรู้สึกกลัวเงาดำๆ ที่มองยังไงก็ไม่ทะลุ ทันใดนั้น กิลหันขวับมายิ้มกว้างให้ผม เมื่อเห็นว่ามีอะไรตรงหน้า แนวของป่าจางลงอย่างเห็นได้ชัด เผยพื้นดินโล่งๆเบื้องหน้า พวกผมวิ่งกันไม่คิดอะไรเลย
“พ้นแล้ว!” ผมตะโกนลั่น “พ้นแนวป่าซะที!”
“เราปลอดภัยแล้วล่ะ ที่นี้ ..อาราปักฮา …อยู่ทางตะวันตก แนวเดียวกับพระอาทิตย์… ขอให้แค่อีกวันเดียวถึงเถอะ!” กิลหอบ ถึงขนาด ต้องโค้งหลังจับเข่า
“พวกกองทัพของท่านบาลิธจะไปไหน? ข้าไม่ได้ยินเสียงม้าตั้งแต่ที่ออกมาเลยนะ กิล หรือว่า พวกท่านยังรบอยู่ ”
เด็กหนุ่มเดินงุ่นง่านไปมาบนเดินนินอยู่ครู่หนึ่ง
“เราคงต้องพัก” เขาเอ่ย
เราเดินกันต่อมาไม่ไกลมาก จนเจอแหล่งน้ำ และหน้าผาเตี้ยๆ แล้วถ้ำรอคอยอยู่ตรงนั้น
กลางคืนมาถึงแล้ว ผมกับกิลนอนขดกอดกันกลมเพราะความหนาว ภายในถ้ำเตี้ยและแคบมากจนจุดไฟข้างในไม่ได้
เราเบียดเข้าหากันแน่นสุด ลมเย็นพัดโชยเป็นระยะเลยอะ ผมสั่นไปหมดแล้ว
“กิล ข้าไม่รู้จะตอบแทนเจ้ายังไง…ข้าช่างโชคดีที่มีเพื่อนแบบเจ้า ข้าขอบคุณนะ…”ผมเอ่ย
เขาพยักหน้า ถึงมอมแมมแค่ไหน ผมก็เห็นสีแดงบนแก้มกิล
“ก็ข้าต้องดูแลเจ้าหนิ …”
“ข้าไม่เป็นไรแล้วล่ะหน่า…” ผมหัวเราะ
..
…
“นากัล”
“หึ๊?”
ลมเย็นๆพัดวูบเข้ามาอีก ผมไถจมูกกับใหล่กิล
“เจ้ากับท่านเซอซัสน่ะ เป็นคนรักกันหรอ?”
“หือ? ” ผมหัวเราะฮึมๆ ไถจมูกกับใหล่กิล “เจ้ารู้?”
“ใช่”
ผมสบตากิล เขาสอดนิ้วมือเย็นเฉียบใต้เรือนผม
“ถ้าข้าต้องบอกว่า ท่านเซอซัสมีความลับน่ะ”
“ความลับอะไร? ” ผมขยับตัวออก
“ ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว นี้เป็นเวลาเหมาะที่จะเล่าทุกอย่างให้เจ้าฟัง …ข้าถูกพี่ช่วยส่งเข้ามาในวัง เพื่อทำเรื่องสามเรื่อง หนึ่ง คือ มาดูในคุกใต้ดินเพื่อให้แน่ใจว่าผู้นำชาวยิว ท่านไมคิส ยังอยู่ และ ใช่ ท่านยังถูกขังในนั้น
สอง คือมาตามหาเจ้า พี่กำชับมาก ข้าต้องช่วยเหลือเจ้าถ้าข้าทำได้”
“พี่ส่งเจ้าเข้ามา…?”
“ใช่ ฟังนะ…. ที่นี่ เรื่องที่สาม เพื่อสืบเรื่อง ทหารเซอซัส …กับเบื้องหลังของเขาทั้งหมด”
“พี่พูดว่าอะไร” ผมตาโตอย่างสนใจ
“พี่บอกว่า สืบมาให้ได้ ถามคน ว่า เซอซัสแท้จริงแล้ว มีจุดประสงค์อะไรกับราชวงศ์รึเปล่า แต่พอข้ามามันก็มีอุปสรรคเหลือเกิน ท่านบาลิธปกป้องข้อมูลของเซอซัสทุกทาง เลื่อนขั้นให้สูงมาแค่ในเวลาไม่กี่เดือน และก็ยังให้ทำงานอื่นๆ จิปาถะ สารพัด …. หวังสืบกับเจ้าตัวเอง ข้าคงไม่รอดแน่… หูตาเซอซัสทะลุปรุโปร่งไปหมด เขาฉลาดเกิน และ อันตราย ”
“รอยสัก ” ผมโพลงออกมา “ท่านเซอซัสมีรอยสักภาษาเปอร์เซีย”
กิลเงียบอึ้งไป เขาลุกพรวดท่ามกลางความงงงันของผม
“ถ้างั้น เซอซัสก็เป็นคนเปอร์เซีย แต่กลับได้เป็นแม่ทัพและองครักษ์ท่านบาลิธ เขามีแผนการล้มราชวงศ์แน่” เขาพูด
“เดี๋ยว! แต่ต่อให้ท่านเป็น ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านจะทรยศท่านบาลิธนี่” ผมเถียง “ แค่เชื้อชาติเขาไง เราเป็นยิว เรายังทำงานให้คาลเดียนเลย”
“แน่นอน เพราะพ่อแม่ยิวเราเป็นเชลยสงครามยังไงล่ะ นากัล ญาติๆ…ที่เจ้าและข้าไม่เคยแม้แต่รู้ชื่อ อาจอยู่ในคุกใต้ดินตอนนี้ ถูกทรมาน… เราแค่เกิดหลังช่วงเวลาอันสยดสยองนิดหน่อยเท่านั้น จึงไม่รู้ถึงความโหดร้าย …”
พอกิลพูดแบบนี้ ผมก็รู้้สึกเศร้าเหมือนกันแฮะ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาเถียงกิลเรื่องนี้หรอก ความหนาวจะทำปากผมแข็งรอมร่อ
“ว่าแต่ท่านเซอซัส …สักว่าอะไร” เขาถาม
“เสรีภาพ” ผมตอบ ทันทีกิลก็ลุกพรวดขึ้น
เขาคิดอะไรแปปนึง
“อืม แปลก” กิลพลิกตัวไปมา
“…ข้าไม่เคยได้ยินอะไรพวกนี้เลย ถ้าเป็นรอยสักก็น่าจะมีความหมาย เช่นเป็นกลุ่มคน…ชื่อตระกูล ชื่อราชวงศ์ - -”
แต่ ‘เสรีภาพ’ งั้นหรอ?? นับถือ เสรีภาพ?”
“อ้ือ… เสรีภาพ” ผมงึมงำ หาววอด
ท่านเซอซัสแท้จริงแล้วคือใครหรอฮะ ….ผมคิดถึงท่านจังเลย
ดวงตาเข้มดุ และทรงผมรุงรังลอยอยูในมโน
ท่านอย่าเป็นอะไรนะฮะ เพราะผมจะตามท่านไป ถ้าท่านจากโลกนี้ไป…ผมจะตามไปจริงๆนะ
แต่แล้วทั้งคืนนั้น กิลก็คิดไม่ออก…แน่นอนว่าผมหลับไปก่อนนานแล้ว
===========================
เราข้ามคลองเล็กๆตลอดการเดินทางในเช้าวันถัดมา ดินเหลวขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจาก อาราปักฮาเป็นสามเหลี่ยมแม่น้ำที่มีแต่ดินเหนียว
ป่าแถวนี้เงียบมาก เงียบสงบ…เป็นความเงียบที่ทำให้ผมนึกถึงท่านเซอซัส ท่านบาลิธ และ … เมยา
กิลตอกย้ำผมเรื่องที่ท่านเซอซัสเป็นกบฎจนผมชักจะเชื่อขึ้นมาจริงๆ…. แต่ พอนึกถึง ความสัมพันธ์ของท่านบาลิธและท่านเซอซัส ผมไม่คิดว่า…เขาจะหักหลังได้ ไม่มีทางน่ะ - -
“ใช่ พวกของเรารึเปล่า!?”
กิลดึงผมไปหลบหลังกอไม้
มีเงาเคลื่อนไหวไกลออกไป เป็นขบวณม้าศึก…
“มองไม่เห็นสัญลักษณ์จากตรงนี้น่ะ” ผมบอก
“อืม งั้นเจ้ารออยู่ตรงนี้นะ…ข้าจะ- -”
“ไม่! กิล เราต้องไปด้วยกัน”
“ข้าแค่จะย่องไปดูธง ว่าเป็นฝ่ายเรารึเปล่า” กิลจับให้ผมคุกเข่า เขารีบข้ามขอนไม้ แล้ววิ่งต่ำๆไปอย่างรวดเร็ว
….
ช่วงเวลานั้น ผมกลั้นหายใจ กิลเป็นเงาตะคุ้มๆ ย้อนแสงกับฟ้าสีส้มแสดยามเย็น พวกทหารม้าควบไกลเราไปเรื่อยๆแล้ว
เงาของต้นไม้ดูสับสนวุ่นวาย ขณะที่กิลวิ่งคุ่มๆไปข้างหน้า
“ปึบ!!!! ”
ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นฮะ มันรวดเร็วมาก มีบางอย่างล็อคคอผมแน่นราวจะบีบให้ตายจากด้านหลัง
.
ร่างผอมยาวของกิล เป็นภาพแสงเบลอๆสุดท้าย
ทุกอย่างมืดสนิท
ศรีษะถูกสวมด้วยผ้ากลิ่นเหม็นสาปฟุ้งทันที พวกมันจับผมที่ดิ้นพล่านไว้
“อ้ะ!! กิลลล!! กิลลล อึก- -!” มันกระตุกเชือกรวบคอผมแน่น…ก่อนจะแบกขึ้นบ่าท่ามกลางเสียงร้องตะโกน
พวกนั้นโวยวายเป็นภาษาแปลกถิ่น… ภาษาเปอร์เซีย
“ไม่!! ได้โปรดฮะ! เมตตาผมนะฮะ!”
ผมดิ้นพล่าน ใช้เข่ากระทุ้งสีข้างของคนที่อุ้ม แต่มันแข็งเหลือทน…
พยายามเงี่ยหูฟังเสียงของกิล แต่กลับไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงสนทนาของพวกเปอร์เซีย
ฮือออ ได้โปรดเถอะฮะ ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ …พอกันทีเถอะ ท่านเซอซัส!!! ช่วยผมด้วย
ผมไม่ยอมตายทั้งๆที่มีท่านอยู่บนโลกนี้หรอกนะ!!..
….
ความหวังริบหรี่…
“ยิว…เอวิลระ ยิว” พวกนั้นตะโกนไรซักอย่างที่มีคำว่ายิวอยู่ด้วย
ผมดิ้นและพยายามเอามือฟาดแรงๆที่ต้นคอชายคนนี้…แต่แล้วแรงกระแทกก็สวนกลับมาที่ใบหูปึบ!!
ทุกอย่างหายไป…
………………………….
///////////////////////////////////////////////////////////////////
*หมายเหตุ* Avil เอวิล แปลว่า เด็กชาย ภาษา เปอร์เซียยุค เมโสโปเตเมียค่ะ==========================
สวัสดี และขอบคุณท่านผู้อ่านที่รักที่คนนะค๊า
จะทยอยอัพบ่อยขึ้นแล้ว ช่วงเดือนนี้ อาจจะมีข่าวดี เปิดจองหนังสือ Journey Of Nergal ภาคแรกค่ะ
เดี๋ยวรายละเอียด จะมาอัพเดทตอนใกล้ๆอีกทีนะคะ (ปล แอบเห็นArtworkแล้ว ปลื้มมาก ><โฮๆๆ)
ขอบคุณคอมเม้น ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
ตอนหน้า อาจมีเซอไพร้กะตัวละครใหม่ๆ